Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: jaesz ที่ สิงหาคม 10, 2011, 22:43:29
-
เพิ่่งดูคลิปครูซ 1.8LT ที่คุณ แพน โพสท์ไว้ข้างล่างครับ
ก็เลยทันสังเกตว่า Top speed อยู่ใกล้ ๆ 200 เองนะ
เขาตัดให้มันวิ่งแค่นั้นรึเปล่าครับ ?
ผมเทียบกับรถสองคันเครื่องใกล้ ๆ กันที่ผมเคยทำเกิน 200 นะ
Hyundai Tiburon 220 เครื่อง 2.0 เกียร์ธรรมดา ปี 1997 แรงม้า 136 ตัวแค่นั้น
BMW E46 318i ปี 2001 เกิน 220 แน่ ๆ ไหลต่อได้อีก แต่ช้าหน่อย แรงม้า 108 ตัว เครื่อง 1.9l 8valve อีกต่างหาก แถมต้องออกแรงผ่านเพลากลางไปเพลาขับหลังอีก
ผมว่าต้องมีการตัดการทำงาน ECU ไม่ให้เกินนี้รึเปล่าครับ ? แบบว่ากัน Redline เพราะรถใหม่ ๆ แรงม้าเยอะ ๆ ทั้งนั้นเลย
แล้วยิ่งเห็น March 1.2 Top speed ไป 180 km/hr แล้วยิ่งน่าคิดใหญ่ ว่าทำไมรถเครื่อง 1.8 ไปไม่ถึง 220
-
ขับเร็วจังครับ
พวกรถบ้านเล็กๆขับกันเกิน 160 ผมก็เสียวแย่แล้วครับ
March กด 180 ผมคงขอลงก่อนดีกว่า ;D ;D ;D
-
ส่วนใหญ่ตัดนะครับ เพื่อความปลอดภัยในหลายด้านครับ
-
หลายๆ รุ่นเขาตัดครับ อย่าง Altis CVT ถ้าจำไม่ผิด เขาตัดที่ 185 แต่อื่นๆ ไม่รู้ครับ
แต่เสริมว่า รถญี่ปุ่นที่ขายในญี่ปุ่นทุกรุ่น มีมาตรความเร็วแค่ 180 และกล่องจะตัดแค่นั้นครับ แม้จะเป็น Civic ตัวล่าง หรือ Integra Type-R ก็ตาม
-
Tiburon เครื่องใหญ่ ตัวถังเบา ยังไงก็ไปถึง ยิ่งเกียร์ธรรมดายิ่งถึงเร็ว
BMW E46 ก็ไหลได้เยอะ เพราะเฟืองท้ายทดมาต่ำ ตามแบบยุโรป
แต่อัตราเร่งก็ไม่ได้ดีนะครับ
Cruze อาจจะไม่ถึง 200 แต่ผมว่า 0-100
และอัตราเร่งแซงไม่ได้แย่กว่า 318 E46 แน่นอน
ที่สำคัญ กินน้ำมันน้อยกว่าเยอะ
ความเร็วสูงสุดไม่ใช่หน่วยวัดความสามารถของเครื่องยนต์เสมอไปหรอกครับ
และผมว่าอัตราเร่งสำคัญกว่าความเร็วสูงสุดเยอะ
ปล ตอนนี้ใช้ Civic FD 1.8 ไม่ตัด 180 นะครับ
-
สำหรับผม ไม่ให้ความสำคัญกับความเร็วสูงสุดเลยครับ
เพราะขับ 140ก็เร็วแย่แล้ว เร็วกว่านี้ถือว่าไม่สบายใจแล้ว ดังนั้นวิ่งเร็วได้กว่านั้นก็เท่านั้น
ขอขับเร็ว110-130 ด้วยความมั่นคง สบาย มั่นใจ และประหยัดก็พอแล้ว
-
Tiburon เครื่องใหญ่ ตัวถังเบา ยังไงก็ไปถึง ยิ่งเกียร์ธรรมดายิ่งถึงเร็ว
BMW E46 ก็ไหลได้เยอะ เพราะเฟืองท้ายทดมาต่ำ ตามแบบยุโรป
แต่อัตราเร่งก็ไม่ได้ดีนะครับ
Cruze อาจจะไม่ถึง 200 แต่ผมว่า 0-100
และอัตราเร่งแซงไม่ได้แย่กว่า 318 E46 แน่นอน
ที่สำคัญ กินน้ำมันน้อยกว่าเยอะ
ความเร็วสูงสุดไม่ใช่หน่วยวัดความสามารถของเครื่องยนต์เสมอไปหรอกครับ
และผมว่าอัตราเร่งสำคัญกว่าความเร็วสูงสุดเยอะ
ปล ตอนนี้ใช้ Civic FD 1.8 ไม่ตัด 180 นะครับ
Tiburon หนัก 1190 kg ไม่เบานะครับ รถตั้ง 15 ปีที่่แล้ว เทียบกับรถปัจจุบัน ผมว่าไม่ใช่หรอก
E46 กินน้ำมัน 14 Km/l ตอนนี้นะครับ ตอนแรก ๆ 15 Km/l เริ่มแก่กินแต่โซฮอลด้วย 0-100 ก็ ราว ๆ 11วินาที
น่าจะโดนตัดมากกว่า
-
ที่ยกประเด็นนี้มา ผมเห็นว่า มันน่าสนใจตรง ถ้ามันตัด แสดงว่า เขาทำไว้ดีครับ ไม่มีการวิ่ง Redline ซึ่งเป็นไปได้ว่ามันจะเกิดขึ้นทุกเกียร์ด้วยนะ
-
Tiburon เครื่องใหญ่ ตัวถังเบา ยังไงก็ไปถึง ยิ่งเกียร์ธรรมดายิ่งถึงเร็ว
BMW E46 ก็ไหลได้เยอะ เพราะเฟืองท้ายทดมาต่ำ ตามแบบยุโรป
แต่อัตราเร่งก็ไม่ได้ดีนะครับ
Cruze อาจจะไม่ถึง 200 แต่ผมว่า 0-100
และอัตราเร่งแซงไม่ได้แย่กว่า 318 E46 แน่นอน
ที่สำคัญ กินน้ำมันน้อยกว่าเยอะ
ความเร็วสูงสุดไม่ใช่หน่วยวัดความสามารถของเครื่องยนต์เสมอไปหรอกครับ
และผมว่าอัตราเร่งสำคัญกว่าความเร็วสูงสุดเยอะ
ปล ตอนนี้ใช้ Civic FD 1.8 ไม่ตัด 180 นะครับ
หมายถึงขายในญี่ปุ่นครับ จะ Supra จะ GT-R ก็ 180 ครับ
-
Tiburon เครื่องใหญ่ ตัวถังเบา ยังไงก็ไปถึง ยิ่งเกียร์ธรรมดายิ่งถึงเร็ว
BMW E46 ก็ไหลได้เยอะ เพราะเฟืองท้ายทดมาต่ำ ตามแบบยุโรป
แต่อัตราเร่งก็ไม่ได้ดีนะครับ
Cruze อาจจะไม่ถึง 200 แต่ผมว่า 0-100
และอัตราเร่งแซงไม่ได้แย่กว่า 318 E46 แน่นอน
ที่สำคัญ กินน้ำมันน้อยกว่าเยอะ
ความเร็วสูงสุดไม่ใช่หน่วยวัดความสามารถของเครื่องยนต์เสมอไปหรอกครับ
และผมว่าอัตราเร่งสำคัญกว่าความเร็วสูงสุดเยอะ
ปล ตอนนี้ใช้ Civic FD 1.8 ไม่ตัด 180 นะครับ
หมายถึงขายในญี่ปุ่นครับ จะ Supra จะ GT-R ก็ 180 ครับ
ทราบครับ ผมแค่แจ้งให้ทราบเฉยๆ
เพราะหลายคนเริ่มพุดถึงการตัด 180 ของรถที่ขายในบ้านเรา
-
สำหรับผม 180 ก็เหลือเฟือแล้วละครับ แต่ขอแบบ รอบต้นจัดๆ พอละ
-
เครื่องใหญ่กว่าไม่จำเป็นต้องความเร็วสูงสุดมากว่า
March 1.2 top speed 180 ความเร็ว 80-120 หรือแร่งแซงเกิน 10วิ ในขณะที่เครื่อง1.8ทั่วไปอัตตราแร่งไม่ถึง10วิ
อัตราแร่งที่ดี ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ ความเร็วสูงสุดเพิ่มโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
ขอแอบโกงนิดนึง เครื่อง 250cgi 1800cc top speed เกิน 240
-
Civic FD 1.8 เดิมๆก็ได้ถึง 210 นะครับ เห็นเพื่อนเคยทำแล้วเค้าถ่ายรูปมาให้ดูครับ
Lancer EX 2.0 ได้ 200 ครับ ต้องลอคไว้เพราะ เด๋วเกียร์ CVT พังซะก่อน
Fiesta 1.6 HB ผมลองเองกันมือ "ปิดแอร์ขับ" ได้ 197 ครับ ถ้าแช่อีกนิด ไม่แน่ว่าอาจถึง 200 พอดี ย้ำนะครับว่า ปิดแอร์ขับ -0-
-
ส่วนตัว ชอบอัตราเร่งมากกว่า
สูงสุด 150 เอง เหอะๆ
ใจตัดซะแล้ว ^^' ไม่ต้องพึ่งกล่อง
-
เท่าที่ผมสังเกตรถผม ความเร็วสูงสุด ก็คือ ความเร็วที่เกียร์สุดท้าย เมื่อถึงรอบที่แรงม้าสูงสุดของมันอ่ะครับ
อย่าง Mighty-X แรงม้าสุดที่ 4400 รอบ ที่เกียร์ 5(อัตราทดต่ำสุด) ถ้ารอบไปถึง 4400 รอบความเร็วก็ 160มิดไมล์พอดี (แต่ถ้าไม่มีเทอร์โบก็ไปไม่ถึงอ่ะครับได้แค่130กว่า)
อัลติสในรีวิว 185 ที่ 4200รอบ เอาจริงๆคิดเลขเพียวๆก็น่าจะได้290 แต่ว่าความเร็ว 200+ แรงต้านมันมหาศาล เพราะงั้นมันก็น่าจะไปได้จริงๆถึงประมาณ 240 ที่รอบแถวๆ5พันปลายๆนะครับ ประมาณเอา
-
เท่าที่ผมสังเกตรถผม ความเร็วสูงสุด ก็คือ ความเร็วที่เกียร์สุดท้าย เมื่อถึงรอบที่แรงม้าสูงสุดของมันอ่ะครับ
อย่าง Mighty-X แรงม้าสุดที่ 4400 รอบ ที่เกียร์ 5(อัตราทดต่ำสุด) ถ้ารอบไปถึง 4400 รอบความเร็วก็ 160มิดไมล์พอดี (แต่ถ้าไม่มีเทอร์โบก็ไปไม่ถึงอ่ะครับได้แค่130กว่า)
อัลติสในรีวิว 185 ที่ 4200รอบ เอาจริงๆคิดเลขเพียวๆก็น่าจะได้290 แต่ว่าความเร็ว 200+ แรงต้านมันมหาศาล เพราะงั้นมันก็น่าจะไปได้จริงๆถึงประมาณ 240 ที่รอบแถวๆ5พันปลายๆนะครับ ประมาณเอา
ไม่จำเป็นครับ เกียร์สุดท้ายอาจจะเป็น overdrive อัตราทดต่ำ เพื่อประหยัดน้ำมันก็ได้ครับ เครื่องยนตน์อาจไม่มีกำลังมากพอที่จะลากอัตราทดต่ำให้ได้ความเร็วสูงสุดครับ
-
fd ผมก็วิ่งเกิน 200 นะครับ... :)
-
รถเก่าๆระวังพวกไมล์อ่อนด้วยนะครับ ยิ่งความเร็วปลายล่ะอ่อนเยอะ
ผมว่า1.8 200นี่ถือว่าโอเคมากแล้วนะครับสำหรับยุคนี้
-
top speed สำหรับผมความเห็นส่วนตัวว่า คงไม่มีประโยชน์ครับ
ผมขับ c200 ทางโล่งไม่มีรถ ถนนใหม่เรียบในต่างจังหวัด ผมกดไป 160 ผมยังรู้สึกไม่ปลอดภัยเลยครับ
ทุกวันนี้ไม่เคยเกิน 140 ส่วนมากใช้ความเร็วที่ 100-120 ครับ กำลังดี +ปลอดภัย ทั้งต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทางครับ
-
ตั้งแต่รถผมไป "บึ้มมม" กับท้าย 6 ล้อมา
(วิ่งมาด้วยความเร็ว 190 km/h เหลือระยะทาง 100 เมตรกับท้ายรถ 6 ล้อ ---> กับเบรค ACCORD 282 mm STANDARD ตัวนอก)
ทำให้ผมต้องการอัตราเร่งแซงมากกว่าการขับแบบ TOP SPEED
และรู้สึกว่าต้องคิดอะไรให้มากกว่าที่เป็นอยู่
และคงมีรถ STANDARDทั่วไป เพียงบางส่วนเท่านั้นที่จะลงทุน
ีUPGRADE ระบบเบรคและช่วงล่างในราคาค่อนข้างสูง(เมื่อเทียบราคารถ)
เพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะในความเร็วสูงมากๆ
สุดท้ายผมว่า 180 km/h มันก็มากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตคนไปทั้งชีิวิตแล้วล่ะครับ..
(180 km/h ---> 50 เมตร ต่อ วินาที ---> ในระยะขับขัน เวลาเพียงเสี้ยววินาทีก็มีค่าเป็นที่สุด จะหาซื้อเวลาเพิ่มที่ไหนก็ไม่มีขายนะครับ )
(ขอโทษหาก DRAMA ไปนิดนะครับ )
-
รถสมัยใหม่ ทดเฟืองท้ายสูงครับ
อัตราเร่งดี จี๊ดจ๊าดในเมือง-ชานเมือง
จะสังเกตุว่า รถสมัยใหม่ อย่างรถบ้านๆ ราึคาไม่แพง
้เมื่อความเร็วไปถึงราวๆ 160 ก็จะรู้สึกว่า มันหมดแล้ว
เพราะอัตราทดมันสูงเกินไป
โดยเฉพาะพวกรถเกียรออโต้ 4 สปีด อย่างโตโยต้า หรือนิสสัน
พอเลย 160 ขึ้นไป อาศัยว่า ไหลเอาอย่างเดียวแล้ว
หลักๆเลย ผมคิดว่าการที่รถสมัยนี้ มีความเร็วปลายน้อยลง
มาจากอัตราทดครับ
ขอยกเว้นฮอนด้าไว้ซักยี่ห้อนึง ที่ขนาดรอบปลายๆ ความเร็วสูงๆ ยังวิ่งดีอยู่
ลองดูซีวิคล่ะกันครับ พวกนี้ รอบสูงยังแรงดี+เกียร5สปีด เรียงอัตราทด
ทำให้ความเร็วปลายสูง และไหลดี
นี่ยังไม่พูดถึงอากาศพลศาสตร์ที่มีต่อตัวรถนะครับ
เพราะสมัยนี้ เค้าพูดถึงประโยชน์ใช้สอยของรถ มากกว่าการทำความเร็วปลาย
การออกแบบเลยเน้นไปที่พื้นที่ใช้สอย ตัวถังบวมๆ กว้างๆ
ไม่ได้ทำมาเพื่อเอาใจคนขับเท่าไหร่
-
รถสมัยใหม่ ทดเฟืองท้ายสูงครับ
อัตราเร่งดี จี๊ดจ๊าดในเมือง-ชานเมือง
จะสังเกตุว่า รถสมัยใหม่ อย่างรถบ้านๆ ราึคาไม่แพง
้เมื่อความเร็วไปถึงราวๆ 160 ก็จะรู้สึกว่า มันหมดแล้ว
เพราะอัตราทดมันสูงเกินไป
โดยเฉพาะพวกรถเกียรออโต้ 4 สปีด อย่างโตโยต้า หรือนิสสัน
พอเลย 160 ขึ้นไป อาศัยว่า ไหลเอาอย่างเดียวแล้ว
หลักๆเลย ผมคิดว่าการที่รถสมัยนี้ มีความเร็วปลายน้อยลง
มาจากอัตราทดครับ
ขอยกเว้นฮอนด้าไว้ซักยี่ห้อนึง ที่ขนาดรอบปลายๆ ความเร็วสูงๆ ยังวิ่งดีอยู่
ลองดูซีวิคล่ะกันครับ พวกนี้ รอบสูงยังแรงดี+เกียร5สปีด เรียงอัตราทด
ทำให้ความเร็วปลายสูง และไหลดี
นี่ยังไม่พูดถึงอากาศพลศาสตร์ที่มีต่อตัวรถนะครับ
เพราะสมัยนี้ เค้าพูดถึงประโยชน์ใช้สอยของรถ มากกว่าการทำความเร็วปลาย
การออกแบบเลยเน้นไปที่พื้นที่ใช้สอย ตัวถังบวมๆ กว้างๆ
ไม่ได้ทำมาเพื่อเอาใจคนขับเท่าไหร่
March อัตราทดเฟือยท้าย 3.7(CVT) - 4(MT) ครับ ปลายเลยได้มากกว่าชาวบ้าน
ขณะที่ Vios Yaris ปาเข้าไปที่ 4.6 นะครับ ทำให้ต้น-กลางขับมันดี แต่ปลายก็ 170-180 :)
-
คำถามของผมนะครับ ถ้ารถทำได้เกิน 200 ต่อชั่วโมง คุณจะขับแบบนั้นตลอดหรือไม่?
และทำไมต้องให้รถวิ่งเกิน 200 ครับ ? เอาถนนที่ไหน ? ทางด่วนอย่างเดียว? หรือเพื่อพิสูจน์ว่ารถมันดี
ปัจจัยอื่นๆ ผมไม่เห็นมีความจำเป็นเลยว่ารถต้องวิ่งเกินสองร้อย ไม่ว่าเครื่องเท่าไหร่ก็ตามที
เหตุผลคือ มันไม่มีประโยชน์ครับ
บริษัทรถเขาก็คงเล็งเห็นแบบนี้ เลยไม่ได้ซีเรียสว่าต้องทำรถคันนั้นให้ได้ความเร็วปลายสูงสุด
แต่ก่อนพวกน้องๆ ผมในเปอโยต์มันก็บ้า วิ่งพยายามให้ทะลุ 200 บางทีไปถึง 230-240 ก็มี
ผมก็ถามมันกลับว่า ขับแบบนั้นแล้วได้อะไร ? คำตอบคือได้รู้ว่ารถไปถึง ผมเลยถามต่อว่า
ถ้าไปถึงแล้ว รู้ว่าชีวิตมึงจะอยู่ไม่ถึง จะทำอีกมั๊ย ? มันบอกว่า ก็พอรู้ว่ารถไปถึงแล้วก็คงไม่ทำอีก
ไม่มีประโยชน์เลยครับ สำหรับความเร็วปลายที่เกินกฎหมายกำหนด
สิ่งที่จะทำให้รถคันนั้นวิ่งดี ขับสนุกคือ "แรงบิด" ที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ โดยมีช่วงล่างที่ดีและเบรกที่ดีในการรับรอง
คอนเซปทำรถของผมเป็นแบบนี้มาโดยตลอดครับ
เพราะความเร็วเกิน 200 ผมคิดว่ามันไม่มีแก่นสารใดๆให้จดจำเลย
เว้นเพียงแต่ว่า แสดงว่ากูเจ๋ง กูขับรถเร็ว ก็แค่นั้นครับ
-
ไม่ได้ขับ 220 มา ห้าปีแล้ว หลังๆกลัวตายนะ เคยเกือบไปหลายหนจากความเร็วสูง ระดัับ 200 เบรค 4 port ยังเอาไม่อยู่เลย ผมว่าเดี๋ยวนี้รถเยอะ หาที่วิ่งความเร็วสูงขนาดนั้นได้ลำบากมาก
แต่ก่อนเคยขับจากแม่กลองถึง Central พระราม 2 ใช้เวลา 40 นาทีเดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้ว
-
ความเร็วสูงสุดของรถ อยู่ที่แรงม้า ล้อและยาง อัตราทดเกียร์ ประเภทของเกียร์ ความลู่ลมของรถ
เก่าหรือใหม่ มีผลน้อยมาก
ก่อนที่จะด่วนสรุปว่ารถเก่าเก่งกว่า หรือรถใหม่ทำไมแย่ ให้ดูองค์ประกอบเหล่านี้ก่อน
บางทีดูเฟืองท้ายอย่างเดียวก็ไม่ใช่..ต้องถามด้วยว่า ณ เกียร์ที่เกิดความเร็วสูงสุดนั้นอัตราทดรวม
(เกียร์ x เฟืองท้าย)อยู่ที่เท่าไหร่ จัดพอดี จะทำความเร็วได้มากสุด ยาวไป..ประหยัดเวลาวิ่งนิ่งๆแต่ไต่ไม่ถึง
จัดไป..รอบหมดก่อน
-
เหนด้วยกะความเห็นข้างบนครับ แรงปลายไม่สำคัญมากขนาดนั้น สำคัญคือแรงบิดคือรถเราตันที่ 200 แต่ขอแบบว่าไปถึง200 แบบสบายๆไม่ต้องลุ้นตัวโก่งอ่ะ แบบนั้นผมว่ามีความสุขกว่าเยอะเลย อย่างที่พี่แพนบอกอ่ะครับตอนเปรียบเทียบ530กะ525d ว่าความรู้สึกของสองคันนี้ตอนเค้นไปถึงท็อปสปีดมันต่างกัน เอาง่ายๆผมเปรียบเทียบให้ดู
สมมุติ รถวิ่งได้ เต็มที่ 200 กม. ใช้เวลา 0-100 7.5 วิ 0-200 25วิ กะรถที่ความเร็วปลาย220 แต่0-100 อยู่ที่11วิ 0-200 40วิ
เป็นคุณจะเลือกคันไหน *-*
ปล.(จะมีที่ไหนใน กทม.หรือในไทย ให้คุณวิ่ง200ยาวๆได้ครับ)
-
คำถามของผมนะครับ ถ้ารถทำได้เกิน 200 ต่อชั่วโมง คุณจะขับแบบนั้นตลอดหรือไม่?
และทำไมต้องให้รถวิ่งเกิน 200 ครับ ? เอาถนนที่ไหน ? ทางด่วนอย่างเดียว? หรือเพื่อพิสูจน์ว่ารถมันดี
ปัจจัยอื่นๆ ผมไม่เห็นมีความจำเป็นเลยว่ารถต้องวิ่งเกินสองร้อย ไม่ว่าเครื่องเท่าไหร่ก็ตามที
เหตุผลคือ มันไม่มีประโยชน์ครับ
บริษัทรถเขาก็คงเล็งเห็นแบบนี้ เลยไม่ได้ซีเรียสว่าต้องทำรถคันนั้นให้ได้ความเร็วปลายสูงสุด
แต่ก่อนพวกน้องๆ ผมในเปอโยต์มันก็บ้า วิ่งพยายามให้ทะลุ 200 บางทีไปถึง 230-240 ก็มี
ผมก็ถามมันกลับว่า ขับแบบนั้นแล้วได้อะไร ? คำตอบคือได้รู้ว่ารถไปถึง ผมเลยถามต่อว่า
ถ้าไปถึงแล้ว รู้ว่าชีวิตมึงจะอยู่ไม่ถึง จะทำอีกมั๊ย ? มันบอกว่า ก็พอรู้ว่ารถไปถึงแล้วก็คงไม่ทำอีก
ไม่มีประโยชน์เลยครับ สำหรับความเร็วปลายที่เกินกฎหมายกำหนด
สิ่งที่จะทำให้รถคันนั้นวิ่งดี ขับสนุกคือ "แรงบิด" ที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ โดยมีช่วงล่างที่ดีและเบรกที่ดีในการรับรอง
คอนเซปทำรถของผมเป็นแบบนี้มาโดยตลอดครับ
เพราะความเร็วเกิน 200 ผมคิดว่ามันไม่มีแก่นสารใดๆให้จดจำเลย
เว้นเพียงแต่ว่า แสดงว่ากูเจ๋ง กูขับรถเร็ว ก็แค่นั้นครับ
คุณ SignifeR เปล่า ผมไม่ได้คิดจะขับเร็วตลอด ผมลองขับ 200 สมัยปี 1997 -2001 ถนนเพชรเกษม นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี เมื่อสิบกว่าปีก่อนรถไม่ได้เยอะแบบนี้ ขับแบบอยากรู้
แค่นั้น
ไม่ได้คิดชวนให้ใครขับนะครับ
ผมอ่านแล้ว "เหมือน" คุณจะใส่อารมณ์กับผมนิด ๆ นะ ถ้าไม่ใช่ผมก็ขออภัยครับที่รู้สึกไปเอง
แล้วที่ตั้งคำถาม ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่า เขาทำอะไร อัตราทดสมัยนั้น สมัยนี้กับรถบ้าน ๆ ที่ผมลอง ไม่ต่างกันขนาดทำให้รถไปไม่ถึงหรอก รอบ 6000 -7000 รอบ ก็ 200ขึ้นแล้ว
ผมเลยคิดว่า เขาต้อง ตอน มันทิ้งกัน Redline แน่ ๆ เลย และป้องกันอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างไม่ให้เสียหายเช่น.
อย่าง BMW พอขึ้น 180 ถ้าเท้าคุณยังจม คอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกตัดการทำงานด้วย DDE ไปแล้ว
แต่ TIBURON ไม่ กรณีนี้ผมว่าลากนาน ๆ คอมแอร์อาจจะพัง
-
เพิ่่งดูคลิปครูซ 1.8LT ที่คุณ แพน โพสท์ไว้ข้างล่างครับ
ก็เลยทันสังเกตว่า Top speed อยู่ใกล้ ๆ 200 เองนะ
เขาตัดให้มันวิ่งแค่นั้นรึเปล่าครับ ?
ผมเทียบกับรถสองคันเครื่องใกล้ ๆ กันที่ผมเคยทำเกิน 200 นะ
Hyundai Tiburon 220 เครื่อง 2.0 เกียร์ธรรมดา ปี 1997 แรงม้า 136 ตัวแค่นั้น
BMW E46 318i ปี 2001 เกิน 220 แน่ ๆ ไหลต่อได้อีก แต่ช้าหน่อย แรงม้า 108 ตัว เครื่อง 1.9l 8valve อีกต่างหาก แถมต้องออกแรงผ่านเพลากลางไปเพลาขับหลังอีก
ผมว่าต้องมีการตัดการทำงาน ECU ไม่ให้เกินนี้รึเปล่าครับ ? แบบว่ากัน Redline เพราะรถใหม่ ๆ แรงม้าเยอะ ๆ ทั้งนั้นเลย
แล้วยิ่งเห็น March 1.2 Top speed ไป 180 km/hr แล้วยิ่งน่าคิดใหญ่ ว่าทำไมรถเครื่อง 1.8 ไปไม่ถึง 220
318 e46 m43 อ้างอิงจากปีรถ ผมว่าไม่น่าถึง 220 นะครับ รถผม 318 e46 n42 ยังวิ่งได้แค่ 200 เลย ส่วน 318 e90 ผมก็วิ่งได้แค่ 215 เองครับ
-
เพิ่่งดูคลิปครูซ 1.8LT ที่คุณ แพน โพสท์ไว้ข้างล่างครับ
ก็เลยทันสังเกตว่า Top speed อยู่ใกล้ ๆ 200 เองนะ
เขาตัดให้มันวิ่งแค่นั้นรึเปล่าครับ ?
ผมเทียบกับรถสองคันเครื่องใกล้ ๆ กันที่ผมเคยทำเกิน 200 นะ
Hyundai Tiburon 220 เครื่อง 2.0 เกียร์ธรรมดา ปี 1997 แรงม้า 136 ตัวแค่นั้น
BMW E46 318i ปี 2001 เกิน 220 แน่ ๆ ไหลต่อได้อีก แต่ช้าหน่อย แรงม้า 108 ตัว เครื่อง 1.9l 8valve อีกต่างหาก แถมต้องออกแรงผ่านเพลากลางไปเพลาขับหลังอีก
ผมว่าต้องมีการตัดการทำงาน ECU ไม่ให้เกินนี้รึเปล่าครับ ? แบบว่ากัน Redline เพราะรถใหม่ ๆ แรงม้าเยอะ ๆ ทั้งนั้นเลย
แล้วยิ่งเห็น March 1.2 Top speed ไป 180 km/hr แล้วยิ่งน่าคิดใหญ่ ว่าทำไมรถเครื่อง 1.8 ไปไม่ถึง 220
318 e46 m43 อ้างอิงจากปีรถ ผมว่าไม่น่าถึง 220 นะครับ รถผม 318 e46 n42 ยังวิ่งได้แค่ 200 เลย ส่วน 318 e90 ผมก็วิ่งได้แค่ 215 เองครับ
รถผมไม่ได้บันทึกไว้ แต่ มีคนโพสท์ใน Youtube ด้วยนะครับ
318i e46 M43 TU top Speed.mp4 (http://www.youtube.com/watch?v=jzj64Q9V2II#)
รถในyoutube มีปัญหาไดชาร์จด้วย ยังไปได้ และก็เหยียบไม่สุด ดูที่ เข็มวัดอัตราสิ้นเปลือง ที่ผมทำ มันขึ้นสุดเลย
N42 ก็เหมือนจะไปอีก
BMW e46 318i limo TopSpeed 230 Km/h (http://www.youtube.com/watch?v=XMu46Duvgds#)
ที่น่าสงสัย ทำไม Redline ได้โดยไม่ตัดน่ะสิ ทั้ง ๆ ที่ DDE ตัวนั้นใหม่แล้วนะ
-
เพราะผู้ผลิตไม่ได้เน้นเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการออกแบบรถคันหนึ่ง
หลายๆคันจะไม่ได้เซ็ทอัตราทดเกียร์มาตรงกับอัตราทดที่จะได้ความเร็วสูงสุด สมมติว่า 0.9
เกียร์รองสุดท้ายอาจจะเซ็ทอัตราทดสูงกว่าอัตราทดที่จะทำความเร็วสูงสุด สมมติว่า 1.1
ดังนั้นที่เกียร์นี้ รอบจะหมดเสียก่อนที่จะได้ความเร็วสูงสุด
รถมันก็จะเปลี่ยนเกียร์ไปอีกเกียร์นึงซึ่งเป็นเกียร์สุดท้าย
แต่เกียร์นี้ก็เซ็ทอัตราทดมาต่ำกว่าอัตราทดที่จะทำความเร็วสูงสุด เพื่อความประหยัด สมติว่า 0.7
ที่เกียร์สุดท้ายรอบเครื่องจึงไต่ไปไม่ถึงรอบแรงม้าสูงสุด เพราะสู้แรงลมไม่ไหว
*แก้ไขให้อ่านเข้าใจง่ายกว่าเดิม
-
ผมว่าเราน่าจะเน้นตอบคำถามว่า "ทำไม" มากกว่า "เพื่ออะไร"
ถึงได้บอกว่าต้องพิจารณาปัจจัยอย่างที่ได้กล่าวไป
ทำไมรถสมัยนี้ทำความเร็วได้น้อยลง
เอ้าลองดูเคส Mitsubishi เป็นตัวอย่าง
Lancer F-Style 1.8 A/T
Lancer Cedia 1.8 CVT
Lancer EX 1.8
จะเห็นว่ารถที่เร็วที่สุดในกระบวนนี้คือรถที่ไม่ได้มีม้าเยอะที่สุด แต่มีอัตราทดเกียร์แปรผันที่ได้เปรียบ
มีขนาดตัวรถไม่ใหญ่ ล้อและยางไม่โต
แต่ Lancer EX ต้องโต เพราะพยายามจะขยายตัวเพื่อให้รองรับตลาดคนตัวใหญ่ๆอย่างอเมริกา
ออสเตรเลีย เป็น C-Segment ชนิดตัวโต พอตัวโต พื้นที่หน้าตัดของรถก็เยอะไปด้วย ล้อและยางก็ต้องโต
เพราะถ้าขืนใช้ล้อ 185/65/14 มันจะเล็ก ตลกเมื่อเทียบกับตัวรถ และเวลาเลี้ยวโค้งก็จะแย่เพราะความกว้าง
หน้ายางไม่เหมาะสมกับโมเมนตั้มแรงเหวี่ยงจากตัวรถที่น้ำหนักมาก
เมื่อคำนวณแล้ว มีส่วนได้ และส่วนเสีย แต่เพื่อความเหมาะสม ลูกค้าส่วนมากรับได้ และปลอดภัยกว่า
ทุกอย่างจึงต้องยอมแลกกับความเร็วสูงสุด
รถ C-Segment สมัยนี้ตัวใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก กินลมด้วย และถ้าอยากรู้ว่าการแหวกอากาศทำอะไรได้บ้าง
ก็ลองคิดดูเล่นๆว่า Mustang Cobra ปี 96 ทำความเร็วสูงสุดได้เพิ่มขึ้น 5 ก.ม./ช.ม. เมื่อถอดสปอยเลอร์หลังออก
นี่แค่ถอดสปอยเลอร์อันไม่ใหญ่ออก ขนาดรถไม่ได้ใหญ่ขึ้น ยังเป็นแบบนี้เลย
บางคนอาจจะบอกว่าเครื่องยนต์รถใหม่ ทันสมัยกว่า มีเกียร์เจ๋งกว่า น่าจะชนะ
ก็ต้องดูก่อนว่า ความใหม่เหล่านั้นส่งผลเรื่องอะไร เรื่องการปล่อยมลพิษหรือเปล่า? เรื่องความกว้างของช่วงกำลังหรือไม่
เพราะเมื่อพูดถึงความเร็วสูงสุด ต่อให้เครื่องมีวาล์วแปรผัน มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรถ้าเอามาเจอกับเครื่องวาล์วธรรมดา
แต่เซ็ตองศาแค็มเพื่อเรียกกำลัง ณ รอบความเร็วสูงสุด (แน่นอนรอบต่ำๆสู้ไม่ได้)
เกียร์..ผมอาจจะมี 5 สปีดออโต้ มี 140 ม้า แต่ทดเกียร์ 3 ไว้สูงสุด 180 ที่ 7,000 รอบ เกียร์ 4 วิ่งได้อีกนิดเดียวเพราะยาวเกินไป แต่รถอีกคันใช้เกียร์ออโต้ 4 สปีดเก่าๆ แต่ใช้เกียร์ 4 ที่ทดพอดี ที่ 7,000 รอบแล้วได้ความเร็ว 220 พอดี รถคันที่เกียร์ 4 สปีด ก็แซงได้เหมือนกัน
ดังนั้น เก่ากว่า ไม่จำเป็นจะต้องช้ากว่าเสมอไป เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว แต่ถ้าเรามามองว่ารถ 1.8 สมัยก่อนหนัก 1 ตันนิดๆ
ล้อ 185/65/14 ในขณะที่รถ 1.8 ทุกวันนี้คันเท่า W124 E280 และใช้ล้อ 205/55/16
ผมกลับมองว่ามันเก่งจะตายชักที่ทำได้เท่าที่พวกมันทำได้กันอยู่
-
จำได้ว่าสมัยก่อน Cedia ใช้เกียร์ CVT เครื่องโบราณ แคมเดียว
แต่ปลาย 195 / 199 ทั้งที่เครื่อง 1.6 / 1.8 เอง สุดยอดเลย
-
ผมเห็นพวก AE สมัยก่อน วิ่งถึง 200 ผมก็หนาวแล้วครับ
ขนาดปัจจุบันนี้ AE คันเิดิมเมื่อ 10 ปีก่อน ก็ยังวิ่ง 200 เท่าเดิม
เทียบกับอัลติสสมัยนี้ 1.6 เหมือนกัน
กว่าจะขุนไปถึง 200 ได้ ต้องไหลเอาอย่างเดียว
แต่ก็อาจจะจริงอย่างที่คุณแพนว่า
ล้อ+ยางใหญ่ขึ้น เพิ่มแรงเสียดทาน
พื้นที่หน้าตัดกว้างขึ้น ยิ่งต้านลม
เฟืองท้ายจัดขึ้น ปลายยิ่งหด
-
จะบอกว่าที่บ้านผม ไม่เคยใช้รถคันไหนในบ้านลองความเร็วสูงสุดเลยครับ เพราะ
1.กลัวตาย
2.กลัวเครื่องพัง
3.กลัวเกียร์พัง
4.กลัวตำรวจซิว
5.กลัวว่าเกิดเหตุการณืคับขันแล้วจะเอาไม่อยู่หนะสิครับ
ปล. สำหรับผม 120 ก็เหลือแหล่แล้ว จะนอยส์มากถ้าขับเลนกลาง แล้วพวกขับเร็วๆมาจี้ตูด ดริฟไฟใส่ อยากตะโกนถามมาก ว่าทำไมคุณไม่แซงออกขวาไปหละค้าบ
-
ผมไม่ได้โกรธกับกระทู้เจ้าของกระทู้เลยครับ เพียงแต่หาเหตุผลล้านแปดมาคิดก็ยังคิดไม่ออกว่า
ถ้าเราทำรถเราถึงท๊อปสปีดเกิน 200 มันจะเป็นอย่างไร ? นั่นคือที่มาของคำตอบ
เพราะเทคโนโลยีปัจจุบันอาจจะสามารถทำได้ ผมว่าทำได้สบายมากๆด้วย เพียงแต่ทำไมเขาไม่ทำ?
นั่นคือสิ่งที่ผมคิด และให้เหตุผลว่า รถที่ดีและขับสนุก วัดกันด้วยอัตราเร่ง แฮนด์ริ่ง และความปลอดภัย
นอกจากนั้นอาจจะมีเรื่องความประหยัดน้ำมันด้วยครับ อะไรเทือกนั้น
ดังนั้น คำจำกัดความว่า รถวิ่งเกิน 200 สำหรับผมคือ มันไม่มีเหตุผลที่จะทำน่ะครับ
อันตรายทั้งตัวเองและเพื่อนร่วมทางด้วย
น้องในเปอโยต์คนนึง เมา แล้วเสี้ยน รถมันแรงด้วย อัดขึ้นทางด่วน วิ่งเท่าไหร่ไม่รู้ แต่รู้ว่าเข็มคาอยู่ 180
ดีที่มันไม่ตาย และโชคดีที่ช่างวายริ่ง วายมาครบ แอร์แบ็คทำงานหมด 4 ลูก.......
ส่วนรถคันนั้นไม่ต้องพูดถึง ขายซายอยากเดียว เครื่องยนต์อะไรๆ พังเรียบ
นั่นคือคำตอบ ของ "รถกูวิ่งเกิน 200 ว่ะ" จริงๆผมเพิ่งเตือนน้องๆไปไม่กี่วันเอง ก็เกิดเรื่องนี้ขึ้น เดชะบุญไม่ตาย ไม่พิการ
-
ดังนั้น เก่ากว่า ไม่จำเป็นจะต้องช้ากว่าเสมอไป เป็นเรื่องที่ถูกแล้ว แต่ถ้าเรามามองว่ารถ 1.8 สมัยก่อนหนัก 1 ตันนิดๆ
ล้อ 185/65/14 ในขณะที่รถ 1.8 ทุกวันนี้คันเท่า W124 E280 และใช้ล้อ 205/55/16
ผมกลับมองว่ามันเก่งจะตายชักที่ทำได้เท่าที่พวกมันทำได้กันอยู่
สะดุดใจตรง W124 นี่แหละครับ นึกได้ว่ารถคันนั้นหนัก 1.9 ตัน เห็นจะได้ ทั้ง ๆ ที่รถใหม่ ๆ หนักไม่เกิน 1.3 ตันด้วยซ้ำไป
เรื่องมลพิษเป็นส่วนที่ผมไม่ได้คิดจริง ๆ เพราะสมัยนี้ EURO อะไรกันไปแล้ว สมัยก่อนเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว EURO2 ก็หรูเกิน ไอ้พวกนี้แหละทำให้เครื่องมันอืดด้วยนะ เพราะเวลานักจูนสำนักต่าง ๆ ปลดล๊อก จูนกล่อง โมเครื่องเมื่อไหร่ หาที่จะผ่าน EPA ของ CA ได้ยาก ถ้าไปเทียบกับ EURO 5 คงไม่ต้องได้ต่อทะเบียนกัน
-
1.9 ตันของ W124 เป็นน้ำหนักรวมน้ำหนักบรรทุกซึ่งปั๊มไว้ตรงคานหน้า
น้ำหนักรถเปล่า ไม่หนักขนาดนั้น
300E - 1.37 ตัน
E280 - 1.42 ตัน
ถ้าจำไม่ผิด..อยู่ราวๆนี้ครับ ดูจากคู่มือติดรถได้เลย
-
เดี๋ยวนี้เค้าว่ากันด้วย acceleration ครับ ไม่สน top speed กันเท่าไหร่แล้ว สำหรับรถบ้านเครื่องพิกัดไม่เกิน 2.0 ลิตร
เอาง่ายๆ Teana 2.5 Camry Hybrid ท้อปสปีดแค่ 185-200 แต่ 0-160 ขึ้นเร็วเป็นนรกเลยครับ
อีกอย่างนึง เรื่อง downforce และน้ำหนักรถสมัยนี้ก็เยอะด้วยครับ
-
เพิ่่งดูคลิปครูซ 1.8LT ที่คุณ แพน โพสท์ไว้ข้างล่างครับ
ก็เลยทันสังเกตว่า Top speed อยู่ใกล้ ๆ 200 เองนะ
เขาตัดให้มันวิ่งแค่นั้นรึเปล่าครับ ?
ผมเทียบกับรถสองคันเครื่องใกล้ ๆ กันที่ผมเคยทำเกิน 200 นะ
Hyundai Tiburon 220 เครื่อง 2.0 เกียร์ธรรมดา ปี 1997 แรงม้า 136 ตัวแค่นั้น
BMW E46 318i ปี 2001 เกิน 220 แน่ ๆ ไหลต่อได้อีก แต่ช้าหน่อย แรงม้า 108 ตัว เครื่อง 1.9l 8valve อีกต่างหาก แถมต้องออกแรงผ่านเพลากลางไปเพลาขับหลังอีก
ผมว่าต้องมีการตัดการทำงาน ECU ไม่ให้เกินนี้รึเปล่าครับ ? แบบว่ากัน Redline เพราะรถใหม่ ๆ แรงม้าเยอะ ๆ ทั้งนั้นเลย
แล้วยิ่งเห็น March 1.2 Top speed ไป 180 km/hr แล้วยิ่งน่าคิดใหญ่ ว่าทำไมรถเครื่อง 1.8 ไปไม่ถึง 220
318 e46 m43 อ้างอิงจากปีรถ ผมว่าไม่น่าถึง 220 นะครับ รถผม 318 e46 n42 ยังวิ่งได้แค่ 200 เลย ส่วน 318 e90 ผมก็วิ่งได้แค่ 215 เองครับ
รถผมไม่ได้บันทึกไว้ แต่ มีคนโพสท์ใน Youtube ด้วยนะครับ
318i e46 M43 TU top Speed.mp4 (http://www.youtube.com/watch?v=jzj64Q9V2II#)
รถในyoutube มีปัญหาไดชาร์จด้วย ยังไปได้ และก็เหยียบไม่สุด ดูที่ เข็มวัดอัตราสิ้นเปลือง ที่ผมทำ มันขึ้นสุดเลย
N42 ก็เหมือนจะไปอีก
BMW e46 318i limo TopSpeed 230 Km/h (http://www.youtube.com/watch?v=XMu46Duvgds#)
ที่น่าสงสัย ทำไม Redline ได้โดยไม่ตัดน่ะสิ ทั้ง ๆ ที่ DDE ตัวนั้นใหม่แล้วนะ
รถเืมืองนอก กับไทยไม่เหมือนกันหรอกนะครับ
e46 ผมจะแช่ให้ตายยังไงก็ไม่เกิน 200
e90 318 ผม จะแช่ให้ตายยังไงก็ 220
e90 320 แช่จนปวดก็ได้ 230 นิดๆ
อยากให้ จขกท มาลองรถผมจัง ถ้าได้เหมือนคลิปจะขอ กราบงามๆเลย
-
ผมว่าเค้าคงsetไม่ให้เกินมั้งครับ ความเร็วสูงสุดสำหรับผมมันไม่ค่อยจำเป็นครับ 120 ก็เร็วแล้วแต่อยู่ที่แรงบิด+อัตราเร่งมากกว่า
-
BM สุดยอดเลย
-
จะว่าไปก็ตะหงิดนะว่าทำไม CT200 ถึงสู้คู่แข่งเลข 200 เหมือนกันไม่ได้ในท๊อปสปีด
แต่ก็อย่างที่หลายท่านเตือนไปครับว่ามันไม่สำคัญขนาดนั้นนอกจาก Bragging rights
-
ความเร็วรถแต่ละคัน มากน้อย ไมล์อ่อนแข็งไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อยแบบบ้านๆลองจับกับ GPS ตัวเดียวกันก้อยังดีครับ
-ยางรถเปลี่ยนเพิ่มลด ความหนาลงมีผลหมด
-วิ่งต้านลม วิ่งตามลม ถนนลาด ชัน
-สภาพเครื่อง ช่วงล่าง
-เรื่องกล่องตัดนี่น่าจะน้อยครับ ถ้าไม่ใช่รถนำเข้ายุ่น
ผมยังยกประเด็นเรื่องไมล์เพี้ยนมาอันดับ1 นะครับ