Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: H3T ที่ สิงหาคม 19, 2015, 08:54:26
-
หลังจากที่มีข่าวในช่วงก่อนหน้าว่าได้พิจารณาจะนำ Harrier มาประกอบในประเทศ และก็ตกไป
มีข่าวว่าได้นำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง เหตุผลหลักคือ
1. ต้องการทำตลาด Harrier นอกประเทศญี่ปุ่น เพราะมีการสำรวจตลาดแล้วมีผลที่ได้น่าสนใจ
2. ไม่อยากเลือก Rav4 มาทำตลาด เพราะจะไปแย่งส่วนแบ่งกับ Fortuner มากเกินไป
3. พื้นฐานเครื่องยนต์รุ่น Hybrid ก็แชร์กับ Camry Hybrid ได้เลย
ถามต่อไปว่า แล้วรุ่นเบนซิน จะนำมาพิจารณาหรือไม่
ตอนนี้เครื่องเบนซิน 2.0 ใช้เครื่อง 3ZR-FAE จับคู่กับ CVT
ส่วนตัวผมมองว่า เป็นไปได้ที่จะเลือกเปลี่ยนเครื่อง 6AR-FSE จับคู่กับ 6AT ซึ่งแชร์กับ Camry 2.0 ได้
ดูจากตัวเลข Co2 จาก JP spec 3ZR-FAE ที่อยู่เกือบๆ 150 g/km ในรุ่น FWD ถ้าจะเปลี่ยนเป็น 6AR-FSE ก็อาจจะกด Co2 ให้ต่ำลงมาอยู่ในพิกัดต่ำกว่า 150 g/km ได้
ก็จะอยู่ในพิกัด 30% ( หรือ 25% ถ้า TMT ปรับรองรับ E85 ได้ )
สังเกตุพิกัดภาษีสรรพสามิตดีๆนะครับ
Harrier 2.0 E85 = 25%
Fortuner 2.8 = 25%
แต่อย่าเพิ่งดีใจ เพราะผมมั่นใจว่า TMT จะวางตำแหน่ง Harrier เป็น SUV Premium ไม่มีเหตุผลจะตั้งราคาต่ำ ตามสไตล์ Toyota
ดังนั้น ราคาอาจจะวางสูงกว่า Fortuner ค่อนข้างแน่ ซึ่งแน่นอนจะทำให้ราคาต่ำกว่าการนำเข้าของผู้นำเข้าอิสระไม่มากนักนั่นเองครับ
หมายเหตุ : ถ้าครั้งนี้แท้งอีก ก็อวสาร Harrier CKD ไทยแลนด์แน่นอน
-
Rather buy foreign imports!
-
ก็ต้องเริ่มที่ 2.xx อยู่แล้วครับ เพราะ fortunner จะต้องมีราคาให้วิ่งถึง 2 ล้าน :-X
-
น่าจะเริ่มต้นที่ 2.3 ล้าน เท่ากับเกรย์แน่เลย
ตัว Top น่าจะอยู่ 2.6-2.8
ไหนๆ ก็จะมาแล้ว อ๊อฟชั่นให้มันจัดเต็มด้วยนะครับ
อัลพาร์ทตัวใหม่ ยังกั๊กอ๊อฟชั่นยุนะครับ
เรดาห์ช่วยเบรค เตือนออกนอกเลน กล้องรอบคัน
รถระดับนี้ สมควรมีได้แล้วครับ
-
ผมว่าน่าสนใจนะครับ
ราคาพอๆ กับ X1 A-class
ขอให้เป็นเครื่อง 2.0 ธรรมดา แบบ Camry ด้วย
น่าจะพอขายได้แน่ๆ
:)
-
ราคาคงแถวๆ1.8ล้าน
-
รถในฝันตั้งแต่เด็กๆเลย
อยากให้มาไวๆ จัง
-
จากคนที่เคยอกหักจากอัลพารด
ไม่กล้าหวังให้ถูก
คง2.5ล้านอัพแน่ๆ หรือยัดออฟชั่นยันสองปลาย
-
ถ้ามาเลข 2 กลางๆ
คนก็ยังซื้อเกรย์อยู่ดี
ยกเว้น option มาเต็มๆเหมือนรถเกรย์นะ
-
ถ้ามาและราคาสมเหตุสมผล น่าจะเป็นรถที่ขายดิบขายดี แย่งยอดของ suv และ d-seg รวมถึง premuim size เล็กบางรุ่นด้วย
-
มาเกิน2.3ก็ไปลำบากแล้วครับ เกรก็ใช่ว่าจะขายดีเทน้ำเทท่า เผลอๆalphard vellfierจะขายดีกว่าด้วยซ้ำ
-
ผมกลับคิดว่า Harrier น่าจะไปทับไลน์กันเองกับ fortuner มากกว่า RAV4, ซึ่ง RAV4 น่าจะอยู่ในกลุ่ม compact suv และจะทำให้มาตีตลาด crv, cx5, xtrail ได้ด้วย
-
กำลังคิดว่าถ้าประกอบจริง
โตโยต้า จะวางราคากับออฟชั่นมาอย่างไร
ในเมื่อ เกรย์ นำเข้าประกอบจากญี่ปุ่น โดนภาษีเต็มๆ
ยังขายที่ 2.3 ล้านได้
แต่นี่มีราคาของ Fortuner ค้ำอยู่นิดๆ ซึ่งต้องแพงกว่าแน่ๆ
-
มาเกิน2.3ก็ไปลำบากแล้วครับ เกรก็ใช่ว่าจะขายดีเทน้ำเทท่า เผลอๆalphard vellfierจะขายดีกว่าด้วยซ้ำ
เห็นด้วยครับไปลำบากแล้วล่ะ รถรุ่นนี้ไม่ใช่ขายดีขนาดนั้น ยังไงสตไลTOYOTA THAILAND ก็ตั้งราคาแพงไว้ก่อน มันจะไปลำบากในช่วงขายรถแบบนี้นะครับ แล้ว option สู้รถเกรย์ไม่ได้เลย คนที่เล่นรถกลุ่มนี้ไมได้มีพื้นฐานการเล่นรถเหมือนคนเล่น PPV ที่ option แค่นี้บอกพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เลยไม่เอา ตัดโน้นตัดนี้ไปก็ไม่สน Option เพิ่มเติม
แต่กลับกันคนเล่น Premiem แล้ว อ๊อพชั่นมาแบบกั๊ก ๆ คนซื้อรถกลุ่มนี้คงหันไปหาเกรย์ดีกว่า ราคาถูกกว่าอ๊อพชั่นมากกว่า
-
ถ้าราคาใกล้เคียงกับรถที่ประกอบที่ญี่ปุ่น
ผมก็เลือกรถประกอบที่ญี่ปุ่นครับ
-
คงคิดว่ายอดน่าจะได้มากอยู่ ถ้ารวมส่งออกไปด้วย ผมว่าก็น่าจะคุ้มนะครับ ไหนๆก็มีรถที่แชร์ เครื่อง เกียร์ กันตั้งหลายรุ่นแล้ว ทั้ง Toyota & Lexus
-
ขนาดของตัวรถต้องเทียบกับ X1 หรือ X3 อะครับ
ถ้าขนาดรถเทียบกับ X3 แต่ราคาเท่า X1 ก็ยังน่าสนใจอยู่นะครับ อะไหล่แชร์กับ Camry 2.0 ได้นี่ยิ่งเจ๋งเลยครับ
-
มาแล้วน่าจะทำตลาดยากเลยล่ะครับ ทับไลน์ for เต็มๆ
ราคาสูงกว่าก็ต้องไปสู้กับเกรย์ที่ให้ออฟชั่นดีกว่าอีก
แต่ส่วนตัวมองว่า ถ้าทำประกอบไทยแล้วราคาเท่าๆกับฟอร์นี่ ผมว่าขายดีนะ ซึ่งเป็นไป
ไม่ได้อยู่แล้วเพราะทำแบบนี้ก็ฆ่ากันเองชัดๆ
บางทีก็งงๆว่าทำไม TMT ไม่ยอมเอาตัวท๊อปมาทำตลาด อย่างเวลไฟร์ก็เอาหน้าบื้อๆมา
พอไปมอง ZG มันก็ต้องสวยกว่าอยู่แล้ว option ที่ควรใส่อย่างเรดาร์ดันไม่ใส่ เจือกไปใส่
idling ทำเบื้อกอะไรก็ไม่รู้
ขนาดของรถ เท่าที่ไปลองๆนั่งมา ผมว่าด้านหลังแคบกว่า X3 แต่อาจจะกว้างกว่า X1 นิดๆนะครับ
-
น่าจะมีช่องว่างพอแทรกได้
ราคาตัวล่าง 1.7x
ราคาตัวทอป 2.1x
ราคาขี่ฟอร์จูนเนอร์ และคร่อม Camry ตัวทอป พอดี
-
อยากให้นำมาขาย
ชอบทรงแบบนี้ ครับ
-
ผมว่าถ้าเอามาประกอบขาย ยังไงคงไม่ทับไลน์กะฟอร์จูนเนอร์แน่ๆครับ ยังไงคงต้องตั้งราคาสูงกว่าแน่นอน และการตลาดจะเจาะกลุ่มลูกค้าคนล่ะอย่างกะฟอร์จูนเนอร์อยู่แล้วครับ. เหมือนเชฟโลเรต ที่มีแคปติว่ากะเทรลเบลเซอร์ ที่ราคาก็ทับกันเอง แต่ก็ยังขายได้ทั้ง2รุ่น เพราะกลุ่มลูกค้าที่แตกต่าง. ในญี่ปุ่นแฮริเออร์ จัดเป็นsuv พรีเมี่ยมของเขา ถ้าประกอบขายในไทย ยังไงผมว่าโตต้าไทย คงจัดราคาค่าตัวและการวางระดับสินค้าที่สูงกว่าฟอร์จูนเนอร์แน่นอนครับ. เอาเข้ามาประกอบขายเลยครับ คนไทยจะได้มีรถใช้หลากหลายรุ่นขึ้นอีกครับ
-
กำลังสนใจอยู่พอดี งั้นรอฟังข่าวนี้อย่างใจจอใจจ่อ
-
ถ้าจะ CKD จริง อาจจะมีให้เห็น 2.5 ล้าน และคงขายได้เรื่อยๆ
อย่าง Vellfire / Alphard ถึงแม้จะแพงกว่าเกรย์ ก็ขายได้เรื่อยๆนะครับ
คนยังเชื่อมั่น Warranty จากศูนย์มากกว่าเกรย์อยู่ดี ต่างกัน 2-3 แสน
สำหรับลูกค้ากลุ่มนี้หลายๆท่าน อาจจะไม่กระทบมากนัก
-
มาแล้วน่าจะทำตลาดยากเลยล่ะครับ ทับไลน์ for เต็มๆ
ราคาสูงกว่าก็ต้องไปสู้กับเกรย์ที่ให้ออฟชั่นดีกว่าอีก
แต่ส่วนตัวมองว่า ถ้าทำประกอบไทยแล้วราคาเท่าๆกับฟอร์นี่ ผมว่าขายดีนะ ซึ่งเป็นไป
ไม่ได้อยู่แล้วเพราะทำแบบนี้ก็ฆ่ากันเองชัดๆ
บางทีก็งงๆว่าทำไม TMT ไม่ยอมเอาตัวท๊อปมาทำตลาด อย่างเวลไฟร์ก็เอาหน้าบื้อๆมา
พอไปมอง ZG มันก็ต้องสวยกว่าอยู่แล้ว option ที่ควรใส่อย่างเรดาร์ดันไม่ใส่ เจือกไปใส่
idling ทำเบื้อกอะไรก็ไม่รู้
ขนาดของรถ เท่าที่ไปลองๆนั่งมา ผมว่าด้านหลังแคบกว่า X3 แต่อาจจะกว้างกว่า X1 นิดๆนะครับ
มันไม่มีทางทับกันอยู่แล้วครับกลุ่มตลาดแตกต่างกันชัดเจนเหมือนเอา Prado เทียบกับ RX350
รถพื้นฐานคนระแบบราคามีช่องว่างแตกต่างบางคนจำเป็นต้องใช้ที่นั่งแถว 3 ก็ต่างแล้วครับหรือตั้งงบไว้
จริงๆถ้าจะทำราคาก็ต้อง RAV4 เอามาชน CRV X-Trail Captiva ตรงๆติดตรงจะคุ้มเสี่ยงแย่งยอดขาย Fortuner รึเปล่า
เพราะถ้าด้วยราคาก็ต้องมีลังเลกันบ้างส่วน Harrier จุดเริ่มต้นขายเฉพาะตลาดญี่ปุ่นราคาออกตัวก็ต่างแล้วครับเป็นพรีเมี่ยมของแบรนด์โตโยต้า
น้องๆพวกตำนานรุ่นพี่อย่าง Crown Mark-x Aristo altezza ผมมองว่า Harrier นี่แหละทางออกชื่อเสียงในบ้านเราดีเกร์ยทำไว้ให้ไม่เสี่ยงทับ
ไลน์ตัวอื่นออปชั่นมาเต็มๆราคาไม่เวอร์มากขายได้เรื่อยๆแน่ดีกว่าไม่มีรถรุ่นใหม่ๆมาปิดช่องว่างตรงนี้เลย
-
ถ้าผมเป็น TMT ผมจะเลือกเอา Lexus มาเพื่อแย่งพื้นที่จาก B&B แทนที่จะเอา Harrier มาทับในพื้นที่ของ Fortuner ที่ทำยอดขายได้ดีพอสมควรแล้วครับ
รวมทั้งยังสามารถใช้สิทธิทางภาษีขายใน ASEAN ได้ด้วยราคาที่ถูกลงอีก
-
ถ้าผมเป็น TMT ผมจะเลือกเอา Lexus มาเพื่อแย่งพื้นที่จาก B&B แทนที่จะเอา Harrier มาทับในพื้นที่ของ Fortuner ที่ทำยอดขายได้ดีพอสมควรแล้วครับ
รวมทั้งยังสามารถใช้สิทธิทางภาษีขายใน ASEAN ได้ด้วยราคาที่ถูกลงอีก
เรื่องของเรื่อง tmt ไม่ได้คิดเหมือน คุณ อ่ะครับ เพราะเขาคิดว่า Lexus ไม่ใช้ toyota เพราะฉนั้น tmt พยายาม ทำตลาดแบบ ให้คนไทย รู้ซึกแตกต่างว่า ไม่ใช้ toyota แต่ คนไทยอย่างเราๆ ก็คิดว่า จะซื้อรถ พี่ยุ้นในราคารถยุโรป ใน คุณภาพยุโรป แต่ผลิตโดยพี่ยุ้น ผมไม่เถียงครับว่าของเขาดีจริงแต่ ไม่ประสบความสำเร็จ ในตลาดไทยมากที่ควร ไม่เหมือนทีอเมริกา
ผมว่า tmt น่าจะหลงทางอ่ะ ครับ หลังจาก ที่ wish pruis และจะมาต่อด้วย harrierหรือ รถรุ้นที่ว่านี้ พอมาขาย กลับไม่มีรุ้นต่อไป พอไม่มีรุ้นต่อไป รถ รุ้นนั้นก็เหมือนจะตายไป เพราะไม่มีการทำตลาดต่อ ถ้ามาจริงก็ดีครับ โตโยต้าจะได้มีรถ รุ้นเยอะ
-
ถ้ามา ckd ราคาเท่ากับเกรย์ (ออพชั่นเท่ากันด้วยน่ะ)
ผมยอมซื้อเลย
ทุกวันนี้ ผมว่ามีคนอยากได้เจ้าตัวนี้เยอะอยู่ แต่ไม่อยากซื้อจากเกรย์เพราะไม่มั่นใจในบริการหลังการขาย
ขอให้มาจริงน่ะครับ รอครับรอ
-
หรือถ้ามาราคาพอกับเกรย์แต่ออปชั่นต่ำกว่า คนอาจจะซื้อเกรย์มากขึ้นนะครับ
เพราะมั่นใจเรื่องศูนย์บริการที่จะรองรับรุ่นนี้ได้อ่ะดิครับ 55
-
จริงๆครับ ปัญหาเลยคือราคานี่แหละ ถึงจะCKD แต่พวกชิ้นส่วนก็ต้องนำเข้ามาประกอบ(ผมเข้าใจถูกป่าว)
กลัวมันจะถูกกว่าเกรย์ไม่เยอะหรือแทบจะไม่ต่าง เข้าใจว่าพวกเครื่องยนต์มันแชร์กับแคมรี่ได้
ถ้าตัวล่างมีเลข1ให้เห็นผมว่าแจ่มเลยนะ(แต่ต้องดูออฟชั่นอีกที) ถึงจะ 1.9xxx ก็เถอะ ยังไงก็น่าจะแพงกว่าแคมรี่ท็อปซึ่ง 1.899
-
กล้าๆเอามาขายหน่อยครับ ถ้าประกอบตั้งแต่ปีก่อน คงได้ยอดไปเยอะแล้วครับ
ตั้งราคาซักล้านกว่าถึงสองต้นๆนี่เชื่อผมว่าขายดี
-
หลังจากที่มีข่าวในช่วงก่อนหน้าว่าได้พิจารณาจะนำ Harrier มาประกอบในประเทศ และก็ตกไป
มีข่าวว่าได้นำกลับมาพิจารณาอีกครั้ง เหตุผลหลักคือ
1. ต้องการทำตลาด Harrier นอกประเทศญี่ปุ่น เพราะมีการสำรวจตลาดแล้วมีผลที่ได้น่าสนใจ
2. ไม่อยากเลือก Rav4 มาทำตลาด เพราะจะไปแย่งส่วนแบ่งกับ Fortuner มากเกินไป
3. พื้นฐานเครื่องยนต์รุ่น Hybrid ก็แชร์กับ Camry Hybrid ได้เลย
ถามต่อไปว่า แล้วรุ่นเบนซิน จะนำมาพิจารณาหรือไม่
ตอนนี้เครื่องเบนซิน 2.0 ใช้เครื่อง 3ZR-FAE จับคู่กับ CVT
ส่วนตัวผมมองว่า เป็นไปได้ที่จะเลือกเปลี่ยนเครื่อง 6AR-FSE จับคู่กับ 6AT ซึ่งแชร์กับ Camry 2.0 ได้
ดูจากตัวเลข Co2 จาก JP spec 3ZR-FAE ที่อยู่เกือบๆ 150 g/km ในรุ่น FWD ถ้าจะเปลี่ยนเป็น 6AR-FSE ก็อาจจะกด Co2 ให้ต่ำลงมาอยู่ในพิกัดต่ำกว่า 150 g/km ได้
ก็จะอยู่ในพิกัด 30% ( หรือ 25% ถ้า TMT ปรับรองรับ E85 ได้ )
สังเกตุพิกัดภาษีสรรพสามิตดีๆนะครับ
Harrier 2.0 E85 = 25%
Fortuner 2.8 = 25%
แต่อย่าเพิ่งดีใจ เพราะผมมั่นใจว่า TMT จะวางตำแหน่ง Harrier เป็น SUV Premium ไม่มีเหตุผลจะตั้งราคาต่ำ ตามสไตล์ Toyota
ดังนั้น ราคาอาจจะวางสูงกว่า Fortuner ค่อนข้างแน่ ซึ่งแน่นอนจะทำให้ราคาต่ำกว่าการนำเข้าของผู้นำเข้าอิสระไม่มากนักนั่นเองครับ
หมายเหตุ : ถ้าครั้งนี้แท้งอีก ก็อวสาร Harrier CKD ไทยแลนด์แน่นอน
แล้วเรื่องที่ว่า ภาษีนำเข้ารถจากญี่ปุ่นจะลดลงเหลือ0% ตามข้อตกลงjtepa ล่ะครับ อีกนานไหมรถยนต์จะไปถึงขั้นนั้น
เพราะตอนนี้มีข่าวว่าบิ้กไบค์จะลดลงเลือ 0 ในปี 60นี้แล้ว เลยมีข่าวว่าบ.ญี่ปุ่นเลยไม่มีแผนตั้งไลน์ผลิตบิ้กไบค์เพิ่ม
-
อยากได้ข้อสรุป ที่มีข้อมูลที่ยืนยันได้ครับ ว่าจะ TMT จะเอาเข้ามาขาย หรือประกอบในปท. ไหมครับ?
-
อยากได้ข้อสรุป ที่มีข้อมูลที่ยืนยันได้ครับ ว่าจะ TMT จะเอาเข้ามาขาย หรือประกอบในปท. ไหมครับ?
อยากมากๆ ขอบคุณก่อนเลย :-X
-
คุณ delete
JTEPA
รถมอเตอร์ไซด์ ในวันที่ 1 เม.ย. 2560 จะเริ่มบังคับใช้จัดเก็บอากรขาเข้า ความจุเกิน 250 ซีซีเป็น 0%
จากเดิมที่ต้องกำหนดไม่เกิน 250 ซีซี ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช่ตั้งแต่ปี 2550
ดังนั้น มอเตอร์ไซด์ นำเข้าจากญี่ปุ่น ในปี 2560 ก็จะไม่มีอากรขาเข้า เท่ากับว่าไม่มีความจำเป็นต้องย้ายโรงงานมาประเทศไทยเพื่อลดภาษีนำเข้า แต่ยังไงก็ต้องเสียภาษีส่วนอื่นเหมือนรถประกอบในประเทศ
1. สรรพสามิต ตามความจุ
< 150 = 3%
150 < 250 = 5%
250 < 500 = 8%
500 < 1000 = 10%
> 1000 = 20%
2. มหาดไทย
3. มูลค่าเพิ่ม
รถยนต์ ปัจุบันนี้ มีส่วนลดอากรขาเข้าให้อยู่ จากปกติ 80% ลดเหลือ 60% แต่มีเงื่อนไขว่สต้องมีความจุเกิน 3000 ซีซีเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ทางญี่ปุ่นก็อยากจะต่อรองมากขึ้น ทั้งส่วนลดภาษีเพิ่มและเพดานความจุ โดยตามข้อตกลง JTEPA ครั้งต่อไปจะมาทำการหารือและทำข้อตกลงเจรจาเพิ่มเติม ซึ่งตรงกับปี 2560 ครับ
เหตุผลหลักที่ทางญี่ปุ่นต้องการย้ายมาประกอบในบ้านเราอีกข้อหนึ่ง คือ การทำตลาดในอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ตามข้อตกลงคู่ค้าเสรีที่ประเทศไทยทำกับประเทศเหล่านี้ไว้ เพื่อได้สิทธิด้านภาษี สามารถแข่งขันได้มากกว่าการนำเข้าจากญี่ปุ่นเอง
ส่วนตลาดในประเทศก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ
-
พี่โต ต่อให้ตัวล่างสุด ถ้าได้2ล้านก็ดีใจน้ำตาไหล ยอดถล่มแล้วครับ
-
คุณ delete
JTEPA
รถมอเตอร์ไซด์ ในวันที่ 1 เม.ย. 2560 จะเริ่มบังคับใช้จัดเก็บอากรขาเข้า ความจุเกิน 250 ซีซีเป็น 0%
จากเดิมที่ต้องกำหนดไม่เกิน 250 ซีซี ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช่ตั้งแต่ปี 2550
ดังนั้น มอเตอร์ไซด์ นำเข้าจากญี่ปุ่น ในปี 2560 ก็จะไม่มีอากรขาเข้า เท่ากับว่าไม่มีความจำเป็นต้องย้ายโรงงานมาประเทศไทยเพื่อลดภาษีนำเข้า แต่ยังไงก็ต้องเสียภาษีส่วนอื่นเหมือนรถประกอบในประเทศ
1. สรรพสามิต ตามความจุ
< 150 = 3%
150 < 250 = 5%
250 < 500 = 8%
500 < 1000 = 10%
> 1000 = 20%
2. มหาดไทย
3. มูลค่าเพิ่ม
รถยนต์ ปัจุบันนี้ มีส่วนลดอากรขาเข้าให้อยู่ จากปกติ 80% ลดเหลือ 60% แต่มีเงื่อนไขว่สต้องมีความจุเกิน 3000 ซีซีเป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ทางญี่ปุ่นก็อยากจะต่อรองมากขึ้น ทั้งส่วนลดภาษีเพิ่มและเพดานความจุ โดยตามข้อตกลง JTEPA ครั้งต่อไปจะมาทำการหารือและทำข้อตกลงเจรจาเพิ่มเติม ซึ่งตรงกับปี 2560 ครับ
เหตุผลหลักที่ทางญี่ปุ่นต้องการย้ายมาประกอบในบ้านเราอีกข้อหนึ่ง คือ การทำตลาดในอาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ตามข้อตกลงคู่ค้าเสรีที่ประเทศไทยทำกับประเทศเหล่านี้ไว้ เพื่อได้สิทธิด้านภาษี สามารถแข่งขันได้มากกว่าการนำเข้าจากญี่ปุ่นเอง
ส่วนตลาดในประเทศก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นครับ
อืม น่าคิดครับว่า เราได้ข้อตกลงการค้ากับตลาดอื่นด้วย โอกาสมาตั้งไลน์นอกญี่ปุ่น เป็นไปได้สูง
เพราะ 1. ย้านฐานออกจากญี่ปุ่น 2. ได้สิทธิส่งไปตลาดอื่นในเงื่อนไขพิเศษ
ส่วนเรื่งjtepa ผมเคยอ่านผ่านๆ รายละเอียดเยอะมากๆครับ อ่านไม่หวาดไม่ไหว แถมใช้คำเข้าใจยากด้วย
แต่เรื่องตกลงเพิ่ม ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมีครับ เหมือนกับว่า เริ่มใช้ แล้วนับถอยหลัง 5 4 3 2 1 ภาษีลดลงตามปีที่กำหนด จนถึงปี ไหนจำไม่ได้ บอกว่า ค่อยถึงตอนนั้น ค่อยตกลงกันใหม่ อะไรทำนองนี้
-
กลัวแห้วจัง...