Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Alcatraz ที่ กันยายน 04, 2015, 01:19:01
-
พอดีอ่านเจอคนเถียงกันในเฟส ว่าเกียร์ cvt ส่งกำลังได้ดีที่สุด ดีกว่าเกียร์ mt ด้วยซ้ำ แต่ที่ทำตัวเลขได้น้อยกว่าเพราะ mt ออกตัวรอบสูงได้ และcvt จากโรงงาน เซ็ตให้ส่งกำลังได้ไม่เต็มตอนออกตัว เพื่อถนอมเครื่องและเกียร์ไว้ ถ้าทำตรงนี้ได้จะได้อัตตราเร่งที่ดีที่สุด เทียบกับเกียร์ทุกประเภท
นี่คือสรุปคร่าวๆจากที่เถียงกันนะครับ เป็นเรื่องที่พอเชื่อได้ไหม เอาตัวเลขล้วนๆนะครับ อารมณ์การใช้งานเป็นยังไงรู้ๆกันอยู่
เท่าที่ดูพอมีเหตุผลอยู่บ้าง อย่าง HRV เครื่องเดียวกับ Civic แต่ทำตัวเลขได้ดีกว่าเพราะเกียร์ ทั้งๆท่ีน่าจะต้านลมมากกว่า แต่ยังไม่อยากฟันธง
อยากได้ความเห็นเพื่อนๆครับ
-
ถ้าเอาหลักการทำงานในเชิงทฤษฎี cvt ดีที่สุดแน่ๆ ครับ
เพราะว่าเราสามารถล็อกให้เครื่องทำงานในรอบที่ดีที่สุดได้ตลอดเวลา (ซึ่งคือรอบแรงม้าสูงสุด)
เมื่อเทียบกับเกียร์แบบปกติที่ทำให้รอบเครื่องเปลี่ยนไปมาอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นมันไม่สามารถดึงประสิทธิภาพสูงสุดออกมาได้ตลอดเวลา แต่ cvt ทำได้
แต่ในความเป็นจริงด้วยหลักการเกียร์ cvt แบบสายพานที่เราใช้มันเกิด loss ภายในหลายส่วน โดยเฉพาะการลื่นฟรีของสายพาน และความคงทนของวัสดุ
ดังนั้น cvt ในความจริงจึงต้องตั้งโปรแกรมอั้นๆ กำลังเครื่องตอนที่เปลี่ยนรอบอย่างฉับพลันไว้เพราะไม่อย่างนั้นเกียร์จะเสียหายเร็ว
-
คิดเล่นๆว่าถ้าเป็นคุณลุงคุณป้า หนุ่มน้อย หรือสาวๆที่ขับรถ
CVT คือเกียร์ที่ดีที่สุดสำหรับคนเหล่านั้น
นุ่ม เงียบแบบโมโนโทน ไม่กระชาก และประหยัดน้ำมัน
ในแง่สมรรถนะ ปกติเราต้องใช้เกียรหลายๆจังหวะในการส่งต่อกำลัง
อย่างรถที่ผมใช้ เครื่อง 2.4 มีแค่ 4 เกียร ส่งกำลังไม่ต่อเนื่อง มันก็จะมีอาการกระตุกๆตลอดเวลา
CVT มันช่วยเข้ามาแก้ปัญหาแรงบิดลุ่มๆดอนๆ ในราคาที่ไม่แพงมากและน้ำหนักเบา
ผมเชื่อว่าอนาคต ถ้าศึกษากันมากกว่านี้ เทคโนโลยีดีขึ้น อีกหน่อยเรื่องความทนทานคงไม่ใช่ประเด็นครับ
-
ถูกต้องนะครับ ตั้งแต่ลองขับมาก้สามารถทำให้รถอัตราเร่งดีที่สุดและประหยัดที่สุดครับ
-
ถ้าเน้นสมรรถนะผมว่าMTยังดีสุดคับ
-
เทคโนโลยี ทุกแบบ มีข้อดีข้อเสียแตก ต่างกัน ครับ
ขึ่นอยู่กับว่าเอาอะไรเป็นโจทย์
ถ้าเอง แบบ เปลี่ยนเกี่ยร์ไม่มีความรู้สึกเลย CVT คือคำตอบ เร่งอย่างเดี่ยวความงามเร็วก็ค่อยๆขึ่น แต่รอบเครื่องไม่ตกเลยคารอบอยู่อย่างนั้น ประหยัดน้ำมันเพราะ รอบไม่ตกไปมา ดูจากกราฟได้ กราฟสวย
แต่ละยุค เทคโนโลยี มันเปลี่ยนไปตาม สมัยและการพัฒนาครับ
-
เกียร์ที่ยังถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์ผ่าน Torque converter ไม่มีทางที่จะดีกว่าการถ่ายทอดกำลังผ่านคลัทช์แผ่นเดียวที่อัตราทดเท่ากันครับ energy loss ในการออกแรงเหวี่ยง Torque และสร้างแรงดันน้ำมันเกียร์เพื่อกด Lock up Clutch ในทอร์ก ยังมีอยู่
ถ้าจะบอก CVT ดีกว่า MT ในแง่การใช้งานแบบบส่งกำลังทุกย่านเกียร์ไม่คำนึงถึงอัตราทด ก็เป็นไปได้ครับเพราะ CVT มันสามารถเปลี่ยนอัตราทดได้ละเอียดกว่า
ถ้าเอาความทนทานทนมือทนตรีนเป้นตัวตัดสิน ไม่ต้องคิดเลยครับ CVT รับแรงกระชากบ่อย ๆ โซ่ หรือ สายพานขาด เกียร์พังก่อนM/T หรือ Automatic แบบ Planetary หรือแบบชุดClutch and Gear ครับ
คนสมัยนี้ใช้รถกันสั้นลงครับ แค่แสนกว่าโลขายทิ้งก็เยอะมากแล้ว น้อยคนจริง ๆจะใช้รถจนรู้สึกได้ถึงความทน หรือ ไม่ทน
-
supper car ก็ใช้ cvt ไปแล้วสิ ถ้ามันสมรรถนะดีเลิศ
-
ผมชอบ CVT นะครับ
อย่างตัวเอง ขับ March ใช้รอบแค่ 1500-2000 รอบเท่านั้น
รถนิ่มนิ่งสงบมากๆ
ขับ 80 รอบ 1500 เองครับ
แต่ไม่แนะนำคนขับเร็วและแรงจริงๆ คับ เพราะเกียร์จะไปไวมาก
ถ้าขับแนวนี้แนะนำเกียร์แบบอื่นคับ
-
CVT เหมาะกับรถบ้าน และคนทั่วไปครับ
แต่อาจไม่เหมาะกับคนที่ไม่ทั่วไป ??????
รถที่บ้านไม่มีคันไหนไมล์เกิน 300,000 โล เพราะขายทิ้งไปก่อน ยกเว้นกะบะ MT
-
CVTทางทฤษฎีเป็นเกียร์ในอุดมคติครับ คืออัตราทดเกียร์เป็นอนันต์ แต่การเอามาใช้จริงมีข้อจำกัดหลายอย่างครับ
โดยรวมๆเลยรถยนต์ทั้งคันตอนนี้แทบไม่มีเทคโนโลยีทางวิศวกรรมอะไรใหม่ๆแล้ว
แต่สิ่งที่พัฒนาให้รถยนต์ดีขึ้นหลักๆคือ เทคโนโลยีทางคอมพิวเตอร์และไฟฟ้าความฉลาดของพวกECUระบบประมวลผลสั่งการ กับเทคโนโลยีทางด้านวัสดุแมททีเรียลมีความคงทนรองรับขีดจำกัดการทำงานได้มากขึ้น
ถ้าพัฒนา2อย่างนี้ได้เทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่เคยคิดไว้เมื่อ10ปีก่อนที่มีข้อจำกัดเรื่องนี้ ก็เอามาใช้ได้จริงในปัจจุบันครับ
มันไม่มีอะไรดีที่สุดหรอกทุกๆอย่างมันมีข้อจำกัดของมันหมดแหละครับ
-
เกียร์ CVT ให้สมรรถนะ ดีที่สุดในบรรดาเกียร์ทั้งหมด จริงหรือไม่
....ไม่จริง ครับ.... :)
-
ความคิดผมจุดเด่นของ. Cvt. คือ. นุ่มและประหยัด.
ถ้ามรรถนะ ผมให้พวกdual clutch อ่ะครับ
-
ข้อดีต่างกัน แนวทางการพัฒนาต่างกัน อย่างมาสด้า เน้นการขับขี่ก็จะมุ่งพัฒนา AT ปกติ
นิสสัน ฮอนฯ ก็จะไปทาง CVT
-
F1 แบน CVT เพราะโกง
-
.
.
.
จริงๆถ้าว่ากันตามทฤษฎีผมว่ามันจริงครับ
แต่ในทางปฎิบัติ ณ วันนี้ยังไม่ค่อยใกล้เท่าไหร่
เพราะการพัฒนาจะเน้นไปทางนุ่มนวลและประหยัดมากกว่า
เหมาะกับรถบ้านๆจ่ายตลาด ไร้อารมณ์
ถ้าเน้นเรื่องสมรรถนะผมยังให้พวก DCT เจ๋งกว่า
-
ถ้าเน้นสมรรถนะผมว่าMTยังดีสุดคับ
ไม่แล้วครับ ลองดูสเปครถยุโรปหลายๆรุ่น เครื่องเดียวกันแต่แต่เป็นเกียร์ออโต้ แต่เป็นชนิดไหนค่อยไปเจาะลึก ทำเวลาได้ดีกว่าเกียร์ธรรมดาแล้ว
-
ถ้าต้องการเอาตัวเลข ลองดูกระทู้ปักหมุดรวมอัตราเร่งด้านบน
ดูพวกรถที่มีตัวเปรียบตรงๆก็ได้
Swift, Brio, Amaze, WRX
ไม่ต้องดู 0-100 ก็ได้ ดูช่วงเร่งแซงก็ได้ ในภาพรวมผมว่ารถเกียร์ธรรมดายังไงก็ได้ความเร็วมากกว่า
แต่ WRX นั้นจะทำได้ใกล้เคียงกันมาก
ทำไมผมพูดแบบนั้น? กล้าพูดครับ WRX CVT ถ้ากด Sport# เมื่อไหร่ก็ไม่ธรรมดา
เพราะให้ระยะวิ่งยาว 1.5 ก.ม. มันก็ทำความเร็วที่ระยะตรงนั้นได้เท่ากับรุ่นเกียร์ธรรมดา คือ 216
แต่ที่ตลกคือ เรากำลังมองว่า CVT ได้เปรียบเพราะสามารถเลี้ยงรอบไว้ที่จุดดีที่สุดแล้วปล่อยความเร็ว
ให้ไหลขึ้นไปได้...แต่ WRX CVT เวลากดคันเร่งเต็มจะไล่จังหวะเกียร์เหมือนรถเกียร์ออโต้ทั่วไปนะ
ตกลงที่มันแรง เพราะว่าเป็น CVT หรือเปล่าในเมื่อเวลากดคันเร่งเต็ม เกียร์ไม่ได้ทำงานแบบ"Continuous"?
-
งั้นทำ dual clutch manual transmission ออกมามันซะเลยฮ่าๆๆๆๆ ;D
-
ถ้าเน้นสมรรถนะผมว่าMTยังดีสุดคับ
ไม่แล้วครับ ลองดูสเปครถยุโรปหลายๆรุ่น เครื่องเดียวกันแต่แต่เป็นเกียร์ออโต้ แต่เป็นชนิดไหนค่อยไปเจาะลึก ทำเวลาได้ดีกว่าเกียร์ธรรมดาแล้ว
เห็นด้วยครับ 911 เวลาดีกว่าครับเกียร์ Auto เคยดูทดสอบ
-
ถ้าต้องการเอาตัวเลข ลองดูกระทู้ปักหมุดรวมอัตราเร่งด้านบน
ดูพวกรถที่มีตัวเปรียบตรงๆก็ได้
Swift, Brio, Amaze, WRX
ไม่ต้องดู 0-100 ก็ได้ ดูช่วงเร่งแซงก็ได้ ในภาพรวมผมว่ารถเกียร์ธรรมดายังไงก็ได้ความเร็วมากกว่า
แต่ WRX นั้นจะทำได้ใกล้เคียงกันมาก
ทำไมผมพูดแบบนั้น? กล้าพูดครับ WRX CVT ถ้ากด Sport# เมื่อไหร่ก็ไม่ธรรมดา
เพราะให้ระยะวิ่งยาว 1.5 ก.ม. มันก็ทำความเร็วที่ระยะตรงนั้นได้เท่ากับรุ่นเกียร์ธรรมดา คือ 216
แต่ที่ตลกคือ เรากำลังมองว่า CVT ได้เปรียบเพราะสามารถเลี้ยงรอบไว้ที่จุดดีที่สุดแล้วปล่อยความเร็ว
ให้ไหลขึ้นไปได้...แต่ WRX CVT เวลากดคันเร่งเต็มจะไล่จังหวะเกียร์เหมือนรถเกียร์ออโต้ทั่วไปนะ
ตกลงที่มันแรง เพราะว่าเป็น CVT หรือเปล่าในเมื่อเวลากดคันเร่งเต็ม เกียร์ไม่ได้ทำงานแบบ"Continuous"?
เห็นภาพครับ
เทียบ CVT บ้าน ๆ กับ MT ยังไง MT ก็เหนือกว่าครับ
เพราะ CVT บ้านๆ รอบมันไม่แปรผันตามอัตราทดครับ มันค้างรอบ แล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์ ทำให้ออกตัวช้าแต่ปลายไหล ซึ่งไหลไม่ทัน MT แล้ว
แต่ถ้า CVT เช็ทมาให้ทนและเพื่อการแข่งขัน ผมว่า CVT เหนือกว่าครับ
-
จริงๆแล้ว Loss ของ CVT มันเกิดขึ้นก็ตอนที่มันเปลี่ยนอัตราทดที่แหละครับ
-
แต่ที่ตลกคือ เรากำลังมองว่า CVT ได้เปรียบเพราะสามารถเลี้ยงรอบไว้ที่จุดดีที่สุดแล้วปล่อยความเร็ว
ให้ไหลขึ้นไปได้...แต่ WRX CVT เวลากดคันเร่งเต็มจะไล่จังหวะเกียร์เหมือนรถเกียร์ออโต้ทั่วไปนะ
ตกลงที่มันแรง เพราะว่าเป็น CVT หรือเปล่าในเมื่อเวลากดคันเร่งเต็ม เกียร์ไม่ได้ทำงานแบบ"Continuous"?
เท่าที่ผมเห็นในคลิปเวลามันไล่รอบ รอบมันก็ตกลงนิดเดียว มันก็เลยทำให้ต่อเนื่องใกล้เคียงการค้างรอบมั้งครับ
อย่างในคลิป check check out ผมลองคิดเปอร์เซ็นต์รอบตกก็จะได้
1 ไป 2 จาก 6400 ลง 5200 = 81.25 %
2 ไป 3 จาก 6400 ลง 5400 = 84.38 %
3 ไป 4 จาก 6400 ลง 5400 = 84.38 %
แค่เกียร์ 1 ไป 2 ชิดตั้ง 80+ % คงแทบไม่มีรถเกียร์เฟืองที่จะชิดขนาดนี้
ดังนั้นผมขอถามต่อครับ ว่าถ้าเรานับจำนวนจังหวะเกียร์ของ CVT ที่มีการไล่จังหวะเหมือนรถเกียร์เฟืองแบบปกติ จะนับได้กี่จังหวะครับ
-
แต่ที่ตลกคือ เรากำลังมองว่า CVT ได้เปรียบเพราะสามารถเลี้ยงรอบไว้ที่จุดดีที่สุดแล้วปล่อยความเร็ว
ให้ไหลขึ้นไปได้...แต่ WRX CVT เวลากดคันเร่งเต็มจะไล่จังหวะเกียร์เหมือนรถเกียร์ออโต้ทั่วไปนะ
ตกลงที่มันแรง เพราะว่าเป็น CVT หรือเปล่าในเมื่อเวลากดคันเร่งเต็ม เกียร์ไม่ได้ทำงานแบบ"Continuous"?
เท่าที่ผมเห็นในคลิปเวลามันไล่รอบ รอบมันก็ตกลงนิดเดียว มันก็เลยทำให้ต่อเนื่องใกล้เคียงการค้างรอบมั้งครับ
อย่างในคลิป check check out ผมลองคิดเปอร์เซ็นต์รอบตกก็จะได้
1 ไป 2 จาก 6400 ลง 5200 = 81.25 %
2 ไป 3 จาก 6400 ลง 5400 = 84.38 %
3 ไป 4 จาก 6400 ลง 5400 = 84.38 %
แค่เกียร์ 1 ไป 2 ชิดตั้ง 80+ % คงแทบไม่มีรถเกียร์เฟืองที่จะชิดขนาดนี้
ดังนั้นผมขอถามต่อครับ ว่าถ้าเรานับจำนวนจังหวะเกียร์ของ CVT ที่มีการไล่จังหวะเหมือนรถเกียร์เฟืองแบบปกติ จะนับได้กี่จังหวะครับ
รอบตกน้อย นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ข้อด้อยของ CVT รถบ้านคือ
มันโปรแกรมไว้ ให้เปลี่ยนอัตราทดอย่างช้าๆ เพื่อถนอม เกียร์ครับผม จะเห็นว่า มันไปเนิ้บๆเลย
พูดง่ายๆ คือเหยียบรอบค้างไว้ที่ 6000 รอบ
แต่เกียร์มันก็ ค่อยๆ ทด จาก 1-6 ไปอย่างสบายๆ ใจไม่รีบร้อน
มันไม่เหมือน MT ที่จะรีบไม่รีบตามมือเรา
-
แต่ที่ตลกคือ เรากำลังมองว่า CVT ได้เปรียบเพราะสามารถเลี้ยงรอบไว้ที่จุดดีที่สุดแล้วปล่อยความเร็ว
ให้ไหลขึ้นไปได้...แต่ WRX CVT เวลากดคันเร่งเต็มจะไล่จังหวะเกียร์เหมือนรถเกียร์ออโต้ทั่วไปนะ
ตกลงที่มันแรง เพราะว่าเป็น CVT หรือเปล่าในเมื่อเวลากดคันเร่งเต็ม เกียร์ไม่ได้ทำงานแบบ"Continuous"?
เท่าที่ผมเห็นในคลิปเวลามันไล่รอบ รอบมันก็ตกลงนิดเดียว มันก็เลยทำให้ต่อเนื่องใกล้เคียงการค้างรอบมั้งครับ
อย่างในคลิป check check out ผมลองคิดเปอร์เซ็นต์รอบตกก็จะได้
1 ไป 2 จาก 6400 ลง 5200 = 81.25 %
2 ไป 3 จาก 6400 ลง 5400 = 84.38 %
3 ไป 4 จาก 6400 ลง 5400 = 84.38 %
แค่เกียร์ 1 ไป 2 ชิดตั้ง 80+ % คงแทบไม่มีรถเกียร์เฟืองที่จะชิดขนาดนี้
ดังนั้นผมขอถามต่อครับ ว่าถ้าเรานับจำนวนจังหวะเกียร์ของ CVT ที่มีการไล่จังหวะเหมือนรถเกียร์เฟืองแบบปกติ จะนับได้กี่จังหวะครับ
รอบตกน้อย นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ข้อด้อยของ CVT รถบ้านคือ
มันโปรแกรมไว้ ให้เปลี่ยนอัตราทดอย่างช้าๆ เพื่อถนอม เกียร์ครับผม จะเห็นว่า มันไปเนิ้บๆเลย
พูดง่ายๆ คือเหยียบรอบค้างไว้ที่ 6000 รอบ
แต่เกียร์มันก็ ค่อยๆ ทด จาก 1-6 ไปอย่างสบายๆ ใจไม่รีบร้อน
มันไม่เหมือน MT ที่จะรีบไม่รีบตามมือเรา
การที่ค้างรอบไว้ก็ดีอยู่แล้วนิครับเพราะว่าเครื่องมันกำลังมากที่สุดที่ตรงนั้น
ตัวเกียร์ก็จะค่อยๆ เปลี่ยนอัตราทดเพื่อไม่ให้รอบเครื่องตกลงมา (กำลังก็จะตกลงมาตามรอบเครื่องด้วย)
เพราะถ้าเกียร์เปลี่ยนอัตราทดเร็วเกินไป รอบก็จะตกเหมือนเกียร์เฟืองที่อัตราทดคงที่แบบปกติ พอรอบตกเครื่องก็จะไม่ได้ทำงานในจุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
แต่ในรถ CVT สายพานบ้านๆ แทบ 100% ที่มันเหมือนจะอมๆ คันเร่งตอนออกตัวก็คงเพราะการถนอมเกียร์แหละครับ เพราะไม่งั้น เกียร์ก็จะรับแรงกระชากไปเต็มๆ
แต่ที่ MT แบบเฟืองมันดูดีกว่าผมว่าเพราะระบบมันง่าย ทำงานอย่างเป็นกลไกเชื่อมต่อกัน มันเลยดีในแง่ของประสิทธิภาพในการถ่ายทอดกำลัง คือ loss น้อยนั่นเอง แต่ในเชิงทฤษฎี CVT มันดีกว่าจริงแต่ในทางปฏิบัติมันศูนย์เสียกำลังมากกว่าเพราะต้องตั้งโปรแกรมมาถนอมเกียร์
ดังนั้นผมคงประมาณการส่งกำลังได้ประมาณนี้
CVT รับเข้ามา 100 แต่ถึงล้อ ได้ 50-75 แล้วแต่ช่วงความเร็ว
MT แบบดั้งเดิม รับเข้ามา ได้แค่ 80 แต่ถึงล้อ 70-75
ซึ่งถ้าเราทำให้ loss ของ CVT มันกลับมาได้ มันก็จะดีกว่าในที่สุด
แต่ว่าการที่เป็น CVT แล้วมีการไล่จังหวะผมว่ามีไว้เพื่อตอบสนองด้านความอารมณ์เท่านั้น แต่ในด้านสมรรถนะคงไม่น่าจะดีเท่าไหร่
-
ผมไม่ได้มองว่าเกียร์ CVT เหนือกว่าหรือดีกว่าเกียร์ MT นะ
แต่มองว่าเกียร์ CVT มันทำมาให้เหมาะกับสมกับเครื่องยนต์บางประเภทมากกว่า
เท่าที่ผมสังเกตุรถระดับ Comsumer ส่วนใหญ่ที่ขายในบ้านเรามักจะนำเกียร์ CVT มาใส่ในรถที่เครื่องมีแรงบิดไม่สูงนัก หรือไม่ก็รถที่มีแรงบิดมาไม่สม่ำเสมอ (พวกเครื่องที่ต้องเหยียบรอบจัดๆนั่นล่ะ แรงบิดถึงมา)
เพราะข้อเด่นของ CVT อย่างที่กล่าวมาคือมันสามารถเลือกใช้รอบที่ให้กำลังได้ดีที่สุดในการออกตัวและวิ่งทางไกลด้วยความเร็วคงที่ ผลคือทำเวลาออกตัวได้ดีขึ้น แถมวิ่งทางไกลก็ประหยัดขึ้น
แต่กับเครื่องยนต์บางประเภทที่ Touque มาเยอะ มาไว และมาแบบคงที่เป็น Flat touque (เช่นรถเครื่อง Deisel) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้เกียร์ CVT เลย
เพราะเกียร์ธรรมดา และเกียร์อัตโนมัติแบบดั้งเดิม มันทำงานและสับเปลี่ยนเกียร์ให้สัมพันธ์กับย่านแรงบิดได้ดีอยู่แล้ว แถมยังทนทานกว่าเกียร์ที่ใช้สายพานส่งกำลังด้วย
-
แต่ที่ตลกคือ เรากำลังมองว่า CVT ได้เปรียบเพราะสามารถเลี้ยงรอบไว้ที่จุดดีที่สุดแล้วปล่อยความเร็ว
ให้ไหลขึ้นไปได้...แต่ WRX CVT เวลากดคันเร่งเต็มจะไล่จังหวะเกียร์เหมือนรถเกียร์ออโต้ทั่วไปนะ
ตกลงที่มันแรง เพราะว่าเป็น CVT หรือเปล่าในเมื่อเวลากดคันเร่งเต็ม เกียร์ไม่ได้ทำงานแบบ"Continuous"?
เท่าที่ผมเห็นในคลิปเวลามันไล่รอบ รอบมันก็ตกลงนิดเดียว มันก็เลยทำให้ต่อเนื่องใกล้เคียงการค้างรอบมั้งครับ
อย่างในคลิป check check out ผมลองคิดเปอร์เซ็นต์รอบตกก็จะได้
1 ไป 2 จาก 6400 ลง 5200 = 81.25 %
2 ไป 3 จาก 6400 ลง 5400 = 84.38 %
3 ไป 4 จาก 6400 ลง 5400 = 84.38 %
แค่เกียร์ 1 ไป 2 ชิดตั้ง 80+ % คงแทบไม่มีรถเกียร์เฟืองที่จะชิดขนาดนี้
ดังนั้นผมขอถามต่อครับ ว่าถ้าเรานับจำนวนจังหวะเกียร์ของ CVT ที่มีการไล่จังหวะเหมือนรถเกียร์เฟืองแบบปกติ จะนับได้กี่จังหวะครับ
รอบตกน้อย นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว
แต่ข้อด้อยของ CVT รถบ้านคือ
มันโปรแกรมไว้ ให้เปลี่ยนอัตราทดอย่างช้าๆ เพื่อถนอม เกียร์ครับผม จะเห็นว่า มันไปเนิ้บๆเลย
พูดง่ายๆ คือเหยียบรอบค้างไว้ที่ 6000 รอบ
แต่เกียร์มันก็ ค่อยๆ ทด จาก 1-6 ไปอย่างสบายๆ ใจไม่รีบร้อน
มันไม่เหมือน MT ที่จะรีบไม่รีบตามมือเรา
การที่ค้างรอบไว้ก็ดีอยู่แล้วนิครับเพราะว่าเครื่องมันกำลังมากที่สุดที่ตรงนั้น
ตัวเกียร์ก็จะค่อยๆ เปลี่ยนอัตราทดเพื่อไม่ให้รอบเครื่องตกลงมา (กำลังก็จะตกลงมาตามรอบเครื่องด้วย)
เพราะถ้าเกียร์เปลี่ยนอัตราทดเร็วเกินไป รอบก็จะตกเหมือนเกียร์เฟืองที่อัตราทดคงที่แบบปกติ พอรอบตกเครื่องก็จะไม่ได้ทำงานในจุดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
แต่ในรถ CVT สายพานบ้านๆ แทบ 100% ที่มันเหมือนจะอมๆ คันเร่งตอนออกตัวก็คงเพราะการถนอมเกียร์แหละครับ เพราะไม่งั้น เกียร์ก็จะรับแรงกระชากไปเต็มๆ
แต่ที่ MT แบบเฟืองมันดูดีกว่าผมว่าเพราะระบบมันง่าย ทำงานอย่างเป็นกลไกเชื่อมต่อกัน มันเลยดีในแง่ของประสิทธิภาพในการถ่ายทอดกำลัง คือ loss น้อยนั่นเอง แต่ในเชิงทฤษฎี CVT มันดีกว่าจริงแต่ในทางปฏิบัติมันศูนย์เสียกำลังมากกว่าเพราะต้องตั้งโปรแกรมมาถนอมเกียร์
ดังนั้นผมคงประมาณการส่งกำลังได้ประมาณนี้
CVT รับเข้ามา 100 แต่ถึงล้อ ได้ 50-75 แล้วแต่ช่วงความเร็ว
MT แบบดั้งเดิม รับเข้ามา ได้แค่ 80 แต่ถึงล้อ 70-75
ซึ่งถ้าเราทำให้ loss ของ CVT มันกลับมาได้ มันก็จะดีกว่าในที่สุด
แต่ว่าการที่เป็น CVT แล้วมีการไล่จังหวะผมว่ามีไว้เพื่อตอบสนองด้านความอารมณ์เท่านั้น แต่ในด้านสมรรถนะคงไม่น่าจะดีเท่าไหร่
MT รอบตกเพราะ ต้องถอนคันเร่งปล่อยครัช แล้วจับใหม่เวลาเปลี่ยนเกียร์ครับ มันทำให้เสียเวลา ตรงนั้นแค่นั้นละครับ
คุณ ขยับ หนึ่งเกียร์ก้เสียเวลาไป
หลักๆมันมีแค่นั้นครับ
อยากรู้ประสิทธิภาพ CVT จริงให้จับ 0-50km/h พอครับ รู้เลย
CVT คุณจะเหยียบ 3000-6000 รอบ มันก็ออกตัวไม่สนใจใคร
ในขณะที่ MT เหยียบ 6000 รอบ นี่ หัวทิ่มทันที ต้องรีบเปลี่ยนเกียร์
CVT ก็คือ AT ที่ครัชเป็นระบบเดียวกัน มี loss แน่นอน แค่เปลี่ยนเกียรื ไหลลื่น ไม่ขาดช่วง รอบไม่ตก
-
ไม่เข้าใจว่ารถอย่าง Lancer Ex ทำไมถึงใส่ CVT มาให้ อารมณ์มันขาดจาก Evo มากๆ ระบบเกียร์ไม่ได้เข้ากับรถเลย มีคนในคลับเอาเครื่อง2.0 ยก CVT ออกใส่ MT เข้าไป รถถึงกับขับดีขึ้นผิดหูผิดตา นี่ถ้า MMTH มีสเปค MT ขาย ถึงจะเป็น 1.8L ตัวต่ำสุดคงมีคนยกเกียร์ไปใส่เครื่อง 2.0 เยอะน่าดูเลยล่ะ ราคาเกียร์ MT นอกก็แสนจะจุกซะเหลือเกิน
-
เห็นบางคนบอกเรื่องการได้เปรียบจากการเลี้ยงรอบ
ผมตั้งข้อสังเกตให้ว่าถ้าการคารอบนั้นทำไว้เพื่อเรียกแรงให้ได้สูงสุดจริงๆ
ทำไมเกียร์ CVT ไม่คารอบไว้ที่จุดที่มีแรงบิดสูงสุด?
Swift, Ecocar ทั่วไป หรือ Altis หรือแม้กระทั่ง WRX เวลากดเต็ม
รอบเครื่องที่ตวัดอยู่แถวนั้นแรงบิดตกลงไปจากแรงบิดสูงสุดแล้วทั้งนั้น
นี่ไม่ได้ถามอวดภูมินะ ถามเพราะข้อนี้ผมเองก็ไม่รู้ เคยมีเด็กม.ต้นถาม แล้วผมตอบไม่ได้
-
เห็นบางคนบอกเรื่องการได้เปรียบจากการเลี้ยงรอบ
ผมตั้งข้อสังเกตให้ว่าถ้าการคารอบนั้นทำไว้เพื่อเรียกแรงให้ได้สูงสุดจริงๆ
ทำไมเกียร์ CVT ไม่คารอบไว้ที่จุดที่มีแรงบิดสูงสุด?
Swift, Ecocar ทั่วไป หรือ Altis หรือแม้กระทั่ง WRX เวลากดเต็ม
รอบเครื่องที่ตวัดอยู่แถวนั้นแรงบิดตกลงไปจากแรงบิดสูงสุดแล้วทั้งนั้น
นี่ไม่ได้ถามอวดภูมินะ ถามเพราะข้อนี้ผมเองก็ไม่รู้ เคยมีเด็กม.ต้นถาม แล้วผมตอบไม่ได้
จะว่าไปผมก็ยังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งในนิยามของคำว่ากำลังและแรงบิดแบบ 100% เท่าไหร่เหมือนกันครับ
แต่เท่าที่ผมเข้าใจ การค้างรอบถ้าจะให้ดีจะค้างที่รอบที่กำลังสูงสุด(แรงม้ามากสุด) เพราะกำลังตามนิยามคือ ทำให้วัตถุชิ้นนึงเคลื่อนที่ไปได้ระยะทางนึงในเวลานึง เช่น แรง 1 วัตต์ จะทำให้ยกของหนัก 1 กิโล สูง 1 เมตร ได้ในเวลา 10 วินาที
ซึ่งถ้าจะลดเวลาลงมาก็ต้องใช้กำลังมาขึ้น ดังนั้นถ้าจะให้ไปได้เร็วที่สุดก็ต้องใช้กำลังในจุดที่มีมากสุด ก็คือรอบที่แรงม้าสูงสุด ซึ่งมันก็ไม่ได้มีแรงบิดสูงสุด
แต่ถ้าถามว่าทำไมไม่ใช้รอบแรงบิดสูงสุด อันนี้ผมก็ไม่ชัวร์เหมือนกันครับ แต่ที่ผมเข้าใจแรงบิดมันคือแรงในการขยับกลไกให้เปลี่ยนความเร็ว ยิ่งมีมากก็เปลี่ยนความเร็วได้ง่าย แต่จะเปลี่ยนเป็นความเร็วเท่าไหร่ก็ต้องดูที่กำลังแรงม้า
ใครมีข้อมูลอะไรก็แชร์กันได้นะครับ เพราะผมก็รู้แค่บางอย่างหลักการลึกๆ ก็ยังไม่ค่อยแตกฉานด้วย
-
เห็นบางคนบอกเรื่องการได้เปรียบจากการเลี้ยงรอบ
ผมตั้งข้อสังเกตให้ว่าถ้าการคารอบนั้นทำไว้เพื่อเรียกแรงให้ได้สูงสุดจริงๆ
ทำไมเกียร์ CVT ไม่คารอบไว้ที่จุดที่มีแรงบิดสูงสุด?
Swift, Ecocar ทั่วไป หรือ Altis หรือแม้กระทั่ง WRX เวลากดเต็ม
รอบเครื่องที่ตวัดอยู่แถวนั้นแรงบิดตกลงไปจากแรงบิดสูงสุดแล้วทั้งนั้น
นี่ไม่ได้ถามอวดภูมินะ ถามเพราะข้อนี้ผมเองก็ไม่รู้ เคยมีเด็กม.ต้นถาม แล้วผมตอบไม่ได้
ตามนั้นเลยครับ ดดนมากๆ ครับ
ผมขับอยู่ทุกวัน CVT ติงต้องเนี่ย
กด กระชาก 6000 รอบนี้ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ ECU มันก็กระดึบๆ เกียร์ไปเรื่อยๆ เผลอ ทดมั่วอีก ฮาาา
แต่พอ กดแค่ 3000 แล้วพอความเร็ว เพิ่มมาหน่อยค่อยกดเพิ่ม เฮ้ย ดีกว่ากดแช่อีก อ้าว
ตกลงใครขับ CVT อย่า โง่ ไปเหยียบรอบขึ้นที่ 6000 เวลาออกตัวนะครับ ไม่มีประโยชน์ ลองได้ๆ
สรุปใครออกตัว CVT กดเต็ม รอบ เปลืองน้ำมันฟรีครับ
-
เห็นบางคนบอกเรื่องการได้เปรียบจากการเลี้ยงรอบ
ผมตั้งข้อสังเกตให้ว่าถ้าการคารอบนั้นทำไว้เพื่อเรียกแรงให้ได้สูงสุดจริงๆ
ทำไมเกียร์ CVT ไม่คารอบไว้ที่จุดที่มีแรงบิดสูงสุด?
Swift, Ecocar ทั่วไป หรือ Altis หรือแม้กระทั่ง WRX เวลากดเต็ม
รอบเครื่องที่ตวัดอยู่แถวนั้นแรงบิดตกลงไปจากแรงบิดสูงสุดแล้วทั้งนั้น
นี่ไม่ได้ถามอวดภูมินะ ถามเพราะข้อนี้ผมเองก็ไม่รู้ เคยมีเด็กม.ต้นถาม แล้วผมตอบไม่ได้
เขาคงออกแบบให้ระบบเกียร์สัมพันธ์กับระดับการกดคันเร่งมากกว่าครับ กดไปสุดรอบก็ดีดสุดตาม หรืออยากจะคารอบไว้ที่ตรงไหน ก็กดแค่นั้น
คือจริงๆจะออกแบบให้สมองกลมันคิดแทนเราโดยการสั่งให้เกียร์ทำงานเฉพาะในย่านที่กำลังเครื่องดีที่สุดก็ได้ แต่มันคงทำให้คนขับรู้สึกอึดอัด (คล้ายๆกับโดน Lock ความเร็ว ประมาณนั้น)
-
ถ้ารถมีแรงบิดดีๆ เกียร์ CVT นี่น่ากลัวพอสมควรนะครับ ยิ่งถ้าเจอกับคนที่ใช้เป็นนะครับ แต่ทุกวันนี้คงไม่มีใครใช้ไม่เป็นแล้วมั๊งครับ