Headlight Magazine : community
General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: Auto ที่ มกราคม 25, 2016, 14:25:56
-
เราได้อะไรจากภาษีใหม่ในครั้งนี้ปีนี้บ้างครับ ผมเห็นที่มีคือนอกจากราคารถที่แพงขึ้นมามากแล้ว บางรุ่นปรับกันเป็นแสนบาท คือมันช่วยผลักดันราคารถที่แพงอยู่แล้วให้มันแพงขึ้นไปอีก ภาษีตัวเดิมก็ไ่ม่ไ่ด้ลดลงจัดเ็ก็บใหม่ตามมลพิษที่ปล่อยไอเสียก็แพงมากขึ้นไปอีก อย่างนี้ผู้บริโภครับกรรมกันเปล่า ๆ คือราคารถมีแต่แพงขึ้นแต่ราคามือ 2 ร่วงดิ่งเหว คนจะเปลี่ยนรถใหม่ยิ่งเปลี่ยนยากเข้าไปอีก เศรษฐกิจปีนี้ยิ่งไม่ดีอยู่แล้วการขายรถออกจะยากขึ้นมาก รถยนต์ที่เป็นวัตกรรมที่ลดมลพิษจริง ๆ มันไม่ใช้รถตลาดและชาวบ้านทั่วไปเข้าถึงยากมากเพราะราคาแพงมาก อะไหล่ก็แพงจัด ไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปอยู่แล้ว
จริงอยู่อาจช่วยเรื่องมลพิษ แต่มันเกินคำว่าสมเหตุสมผลไปหรือเปล่า เพราะมันไม่น่าจะขนาดนั้น คือผมเห็นว่ามันไม่สอดคล้องกันขนาดนั้น เพราะการขึ้นราคาบางรุ่นก็คือว่าหนักเอาการ บางรุ่นขึ้นไ่ม่เยอะแต่ก็หลายหมื่น ถือเป็นเงินไม่น้อยกันเลยนะ ตกลงคนได้คือรัฐบาลเก็บภาษีอย่างเดียวเลยไม๊
-
เราต้องได้อะไรด้วยหรอครับ ? :o
-
"รถยนต์ที่เป็นวัตกรรมที่ลดมลพิษจริง ๆ มันไม่ใช้รถตลาดและชาวบ้านทั่วไปเข้าถึงยากมากเพราะราคาแพงมาก อะไหล่ก็แพงจัด ไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปอยู่แล้ว"
จริงๆแล้วภาษี Ecocar ราคาลดลงนะครับ
-
ก็เขาอยากได้ตังอะคับ ภาษีน้ำมันเอย ภาษีรถเอย .... ธุรกิจไม่ดี เศรษฐกิจไม่ดี เงินก็เข้ารัฐน้อยลง แต่คนคุมเขาอยากได้ตัง ก็ต้องมารีดภาษีกันแบบนี้แหละคับ
-
รัฐได้เงินเยอะขึ้น เอาไปพัฒนาประเทศไงครับ เราจะได้มาทางอ้อมๆๆๆๆๆๆ มากครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาไปทำอะไร
อีกอย่างนึง ผมว่ารัฐบาลต้องการผลักดันให้รถยนต์มลพิษน้อยๆ มีมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่ออากาศบ้านเรา
แต่เอาเข้าจริง ค่ายรถยนต์ก็ผลิตรถ spec เดิมๆ ภาษีเพิ่มขึ้น ก็ขึ้นราคาไงครับง่ายๆ แค่นี้แหละ เราก็ได้ซื้อรถยนต์ราคาแพงขึ้น
-
"รถยนต์ที่เป็นวัตกรรมที่ลดมลพิษจริง ๆ มันไม่ใช้รถตลาดและชาวบ้านทั่วไปเข้าถึงยากมากเพราะราคาแพงมาก อะไหล่ก็แพงจัด ไม่เหมาะสำหรับคนทั่วไปอยู่แล้ว"
จริงๆแล้วภาษี Ecocar ราคาลดลงนะครับ
ใช่ครับ Ecocar ราคาลดลง แต่ว่าคนอีกจำนวนมากไมไ่ด้ต้องการใช้ Ecocar อย่างบ้านผมเหมาะกับรถ PPV MPV และปิคอัพ ถ้าซื้อใหม่ก็โดนเต็ม ๆ
-
ผมมองว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ผลิตปรับตัว เพื่อทำรถยนต์ที่ปล่อย CO2 น้อยลงมาขายในไทยครับ
จริงๆคิดว่าเขามีอยู่แล้ว แต่ไม่เอามาขายในไทยเพราะไม่ได้ประโยชน์ทางภาษี แถมราคาก็แพงและขายยาก
ผมว่าขั้นตอนถัดไปก็จะเริ่มบังคับเรื่องอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ESP, AirBag, ABS, บลาๆๆๆ (Eco Car Phase 2 เริ่มไปแล้ว)
ขั้นตอนถัดไปก็อาจจะเริ่มเก็บภาษีประจำปีแพงขึ้นสำหรับรถเก่า จัดการกับรถเก่า สภาพแย่ ควันดำ ควันขาว ไม่สมประกอบ ที่ก่อมลพิษมาก
อย่างที่ญี่ปุ่นนี้คนธรรมดาแทบจะไม่มอง PPV, SUV หรือ D-segment เลยมั้งครับ เพราะแพงมาก ค่าดูแลก็แพง ภาษีก็แพง
อีกหน่อยเราอาจจะไปถึงจุดนั้นก็ได้ครับ ใช้รถแบบพอเพียงแต่มีอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นสูงสุดเป็นพื้นฐาน ประหยัดน้ำมัน ปล่อย CO2 ต่ำ เน้นใช้ในเมือง ไปต่างเมืองก็ใช้ Low Cost Airline และไปเช่ารถเอา ประมาณนั้น
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ;D ;D ;D ;D
-
ผมชอบนโยบายนี้แฮะ รักษ์โลกดี
-
อนาคตก็จะได้เห็นเทคโนลียีใหม่ๆ
มลพิษเบาบาง
-
ได้ราคาใหม่
-
รถคันไหนปล่อย CO ทำอากาศเสียเยอะกว่าชาวบ้าน ก็ต้องจ่ายภาษีเยอะกว่า ผมว่ามันก็ Make sense ดีนะ
จะให้ดี ไปไล่จับพวกทำเครื่องให้พ่นควันดำๆมาจ่ายภาษีเพิ่มด้วยก็จะดี
-
เก็บแพงไม่ว่าครับ ขอถนนดีๆหน่อยแล้วกันครับ
-
ระดับประชาชน ทั่วไป เราไม่ได้อะไรเลยครับ
ไม่มีอะไรไปในทางให้รถ ราคาถูกลง
มีแค่ คงที่ กับ แพง ขึ้น ผลักภาระ ไปให้ประชาชน และ OEM
-
ได้ราคาใหม่
555 :)
นั่นสิครับ
-
ทุกคนในประเทศไงครับที่ได้ เพราะภาษีก็กลับคืนมาพัฒนาประเทศ
อากาศเป็นทรัพยากรของทุกๆคน ใครใช้มาก ใช้แล้วเกิดขยะของเสียมาก ก็ต้องจ่ายมาก เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
-
รอดูการปรับตัวครับ
ลุ้นให้ยี่ห้อ/รุ่น ที่ขึ้นราคาเยอะๆ แทนที่จะหาวิธี
ทำให้ราคาถูกลง ....ลุ้นให้ขายไม่ออก
เดี๋ยวราคาก็ถูกลงเอง เชื่อผม ผมเรียนมา 555
-
รัฐได้เงินเยอะขึ้น เอาไปพัฒนาประเทศไงครับ เราจะได้มาทางอ้อมๆๆๆๆๆๆ มากครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเอาไปทำอะไร
อีกอย่างนึง ผมว่ารัฐบาลต้องการผลักดันให้รถยนต์มลพิษน้อยๆ มีมากขึ้น เป็นประโยชน์ต่ออากาศบ้านเรา
แต่เอาเข้าจริง ค่ายรถยนต์ก็ผลิตรถ spec เดิมๆ ภาษีเพิ่มขึ้น ก็ขึ้นราคาไงครับง่ายๆ แค่นี้แหละ เราก็ได้ซื้อรถยนต์ราคาแพงขึ้น
Exactly !!!!! :-[ :-[ :-[ :-[
-
นโยบายนี้ต้องการบริษัทรถปรับปรุงพัฒนาเรื่องการปล่อยค่าไอเสียให้น้อยลง โดยการเพิ่มอัตราภาษี กับรถที่มลพิษเกิน
สรุป รถใหม่แพงขึ้นแทบยกแผง ที่ถูกลงก็มีแต่น้อยกว่า ผลคือ ประชาชนลากใช้รถเก่ากันต่อไปจากคอดว่าจะเปลี่ยนรถใหม่ก็ไม่เปลี่ยนดีกว่า ผลคือมลพิษไม่ได้ลดลง
ตรงกันข้าม ถ้ากำหนดนโยบายใหม่ เป็นทำตรงข้ามคือ ลดภาษีลงให้รถมีราคาถูกๆ ประชาชนสามรถเปลี่ยนรถใหม่ที่ปล่อยมลพิษต่ำๆ ออกมาขับกันได้ง่ายขึ้น น่าจะดีกว่า ส่วนรถที่ปล่อยค่าไอเสียเกินมากๆ ก็ห้ามขายไปเลย
จะเห็นว่าผหลายๆประเทศที่เจริญแล้ว ราคารถใหม่ถูกมากๆ เมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
-
รถติดน้อยลง ถนนโล่งขึ้น เป็นการพัฒนาสิ่งแวดล้อมได้ 2 ต่อเลย เงินภาษีที่เก็บได้เพิ่มจากคนที่พอมีพอกินก็นำไปช่วยเกษตรกรได้อีก... ดีมากๆ เลยนโยบายนี้ อยากให้ปีต่อๆไปเก็บเพิ่มอีก
8)
-
ผมเคยตั้งคำถามนี้ในใจนะ
แต่รู้คำตอบอยู่แล้วเลยไม่ถามดีกว่า
เพราะเดี๋ยวกลายเป็นกระทู้ล่อเป้า
เพราะสิ่งที่ได้มันอ้อมมากๆๆๆๆๆ
แต่สิ่งที่เสียมันเห็นได้ชัดและมีผลทางตรง
ในทันทีเลยน่ะครับ
-
คือ ถ้าจะยังคับให้ค่ายรถทำรถให้ได้มาตรา ฐาน
ก้ออก กฏ มาแค่นั้น
ไม่ใช่ มาแก้ ภาษี ขึ้นๆ ไปเรื่อย
-
ทุกอย่างต้องมีกฎระเบียบที่ต้องบังคับในสังคมใหญ่ทั้งประเทศ และใช้เหตุผลในการขึ้น-ลดภาษี
ในระยะยาวถึงจะเห็นและเกิดผล เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม คนที่สามารถซื้อรถแพง ภาษีก็มากตาม
เป็นการนำเงินไปใช้ประโยชนทางด้านการคมนาคม
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้คนเลือกรถที่บ่อยมลพิษต่ำเป็นหลัก บ้านเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม ก็จะดีตามไปด้วย
-
จริงๆรถใหม่ราคาแพงขึ้นน่าจะทำให้ราคารถมือสองไม่ตกมากนะครับไม่ใช่ราคาตก ถ้ารถใหม่ๆราคาถูกลงซิ รถมือสองนี่ยิ่งตกกระจาย
-
ทุกอย่างต้องมีกฎระเบียบที่ต้องบังคับในสังคมใหญ่ทั้งประเทศ และใช้เหตุผลในการขึ้น-ลดภาษี
ในระยะยาวถึงจะเห็นและเกิดผล เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม คนที่สามารถซื้อรถแพง ภาษีก็มากตาม
เป็นการนำเงินไปใช้ประโยชนทางด้านการคมนาคม
ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้คนเลือกรถที่บ่อยมลพิษต่ำเป็นหลัก บ้านเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม ก็จะดีตามไปด้วย
คือ มี Eco car เท่านั้นที่ถูกลง
ที่เหลือ เท่าเดิม กับแพงขึ้น
แปลว่า สนับ สนุนให้ทุกคนขับ eco car
ลองมาดุ ถนน ตจว บ้างนะครับ
-
ได้หนี้เพิ่มขึ้น
-
มลภาวะลดลง เทคโนโลยีใหม่เร็วขึ้น ราคารถมือ2ลงเร็วขึ้น
-
นโยบายนี้เท่ากับรัฐสนับสนุนในการลดการประหยัดพลังงาน กับปล่อยมลพิษ ลดลง
ส่งเสริมให้คนมาใช้ รถที่มลพิษลดลง เท่ากับคุณได้ อากาศที่ดีขึ้น
ตอนนี้เห็นไม่ชัดเพราะเป็นการหวังผลระยะยาว
แต่ถามต่อว่า คุณไม่ได้จำเป็นต้องใช้รถที่ Eco กับโลก เพราะบ้านคุณอาจจะทำสวนปาล์ม ทำประมง คุณจะได้อะไรมั่งนอกจากค่างวด กับราคารถที่แพงขึ้น
รัฐอาจจะนำ ภาษีตรงนี้ไปพัฒนาระบบการจัดเก็บขยะที่เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้นก็ได้ครับ
รัฐอาจจะนำเงินตรงนี้ไปเพิ่มบุคลากรเพื่อดูแลป่าไม้ก็เป็นไปได้ครับ
รัฐอาจจะนำเงินตรงนี้ไปพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อลดการใช้รถก็ได้
รัฐอาจจะนำเงินไปตัดถนนเส้นใหม่ ลดระยะทาง เพื่อลดมลพิษก็ได้ครับ
อยู่ที่มองครับ คุณมองเห็นอะไร
-
จงถามว่าประเทศจะให้อะไรเรา แต่อย่าหวังว่าเราจะให้อะไรกับประเทศ
จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ไม่ได้กล่าวไว้ 8)
-
การลดco2 เป็นเรื่องดีครับ
อีกทั้งเราอาจนำภาษีซึ่งไม่รู้ว่าจะได้เพิ่มจากอัตราส่วนหรือลดลงจากยอดขายที่ลดลง(คนตกงาน ลดกะ ฯลฯ)ส่งผู้ว่าไปดูงาน เอิ่ม จราจร ที่ยุโรปได้บ่อยขึ้นครับ
-
จุดประสงค์หลักก็น่าจะรู้ๆกันอยู่นะครับ ไม่พูดดีกว่า
ที่เหลือๆคือรองๆลงมาครับ อิๆ
คันต่อไปผมรอสอยมือสองปีใหม่ๆละครับ ราคาร่วงแบบโหดร้ายจริงๆ
-
นโยบายนี้เท่ากับรัฐสนับสนุนในการลดการประหยัดพลังงาน กับปล่อยมลพิษ ลดลง
ส่งเสริมให้คนมาใช้ รถที่มลพิษลดลง เท่ากับคุณได้ อากาศที่ดีขึ้น
ตอนนี้เห็นไม่ชัดเพราะเป็นการหวังผลระยะยาว
แต่ถามต่อว่า คุณไม่ได้จำเป็นต้องใช้รถที่ Eco กับโลก เพราะบ้านคุณอาจจะทำสวนปาล์ม ทำประมง คุณจะได้อะไรมั่งนอกจากค่างวด กับราคารถที่แพงขึ้น
รัฐอาจจะนำ ภาษีตรงนี้ไปพัฒนาระบบการจัดเก็บขยะที่เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้นก็ได้ครับ
รัฐอาจจะนำเงินตรงนี้ไปเพิ่มบุคลากรเพื่อดูแลป่าไม้ก็เป็นไปได้ครับ
รัฐอาจจะนำเงินตรงนี้ไปพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อลดการใช้รถก็ได้
รัฐอาจจะนำเงินไปตัดถนนเส้นใหม่ ลดระยะทาง เพื่อลดมลพิษก็ได้ครับ
อยู่ที่มองครับ คุณมองเห็นอะไร
รัฐอาจจะนำ ภาษีตรงนี้ไปพัฒนาระบบการจัดเก็บขยะที่เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้นก็ได้ครับ >> ไหนโคีงการ
รัฐอาจจะนำเงินตรงนี้ไปเพิ่มบุคลากรเพื่อดูแลป่าไม้ก็เป็นไปได้ครับ >> ป่าไม้ลดลงทุกปี เปลี่ยน ป่าเป็น รีสอร์ทเรื่อยๆ
รัฐอาจจะนำเงินตรงนี้ไปพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อลดการใช้รถก็ได้ >> รถไฟฟ้า ก็ขึ้นแค่กทม แค่ระบบ รถไฟรางคู่ ระหว่างเมือง ยังพัฒนาเลยครับ
รัฐอาจจะนำเงินไปตัดถนนเส้นใหม่ ลดระยะทาง เพื่อลดมลพิษก็ได้ครับ >> รัฐก็ ตัดถนน คอนกรีต เข้าซอย ผู้มีอำนาจ อบต หรือ ทำ มอเตอร์เวบ์ เก็บเงินเราเพิ่มเรื่อยๆครับ
ครับ ๆๆ
-
จริงๆรถใหม่ราคาแพงขึ้นน่าจะทำให้ราคารถมือสองไม่ตกมากนะครับไม่ใช่ราคาตก ถ้ารถใหม่ๆราคาถูกลงซิ รถมือสองนี่ยิ่งตกกระจาย
มือสองไปได้ดีขึ้นจริงๆ
สำหรับเฉยๆ eco car ราคาถูกลง แต่ผู้ผลิตก็ไม่ให้เต็มๆ เหมือนที่ลด e20 e85 จนรัฐต้องมาบอกว่าให้ลดเต็มๆ สุดท้ายก็ราคารถเดิม คือไม่ได้ลด แต่บอกว่าลดแล้ว
ครั้งนี้ขึ้นราคา หวังว่าในเมื่อผู้ผลิตเคยทำแบบนั้น ก็ลองทำดิ คือต้นทุนเพิ่มแต่ไม่เพิ่มราคา
แต่ก็คงไม่
บอกตรงๆ รัฐ ผู้ผลิต ผมเกลียดผู้ผลิตมากกว่า มีแต่ต่างชาติด้วย ผมว่าที่ผ่านมาเสือนอนกินมากไปแล้ว ควรให้อะไรๆที่ดีขึ้นกับผู้บริโภคกว่านี้
เช่นเบนซิน คงได้เจอรถแรงๆมลพิษต่ำ
-
มันก็ดูแปลกๆครับ บอกว่าเพื่อช่วยลดมลพิษงั้นก็เก็บภาษีรถที่ปล่อยมลพิษน้อยให้น้อยๆสิครับไม่ใช่เท่าเดิมหรือเพิ่มแน่ๆ เช่น City ถ้าเข้าเกณฑ์ก็ลดจาก 25% เป็น 20% ถ้าไม่ได้ก็ 35% ไม่ใช่ทำแทบแย่ได้เท่าเดิม รุ่นอื่นๆก็เหมือนกันทำได้แทนที่จะลดลงกลับเพิ่มขึ้นมีแต่เพิ่มมากเพิ่มน้อย แล้วมันจะไปจูงใจให้คนเปลี่ยนรถมาใช้รถที่มลพิษน้อยลงได้ยังไงก็ขับคันเก่ามลพิษมากๆต่อไป
เป้าหมายหนะดีแต่ผมว่าตัวเลขการจัดเก็บหนะมันไม่ใช่
-
นโยบายนี้น่าจะถูกใจคนบางกกลุ่ม ที่เคยออกมาด่าโครงการรถคันแรกนะ
รถแพงๆอ่ะดีแล้วคนจะได้ไม่ต้องแย่งกันซื้อรถมาแย่งถนนเค้าขับ
ไม่ต้องมาห่วงว่าไฟแนนซ์จะต้องตามยึดรถเกิดหนี้เสียกันมา
สรุปคือ ไม่ว่านโยบายไหนก็มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยทั้งนั้นครับ
-
ทุกการเปลี่ยนแปลงมีผลกระทบมากกว่าด้านเดียวเสมอครับ
ปัญหาหลักของบ้านเราไม่ใช่เรื่องความคิดริเริ่มเรื่องมลภาวะ ไม่ใช่เรื่องกลุ่มรถไหนเสียภาษีถูกแพง
แต่เจตนาดีเหล่านี้ไม่ถูกนำไปใช้โดยคนที่ไม่คอรัปชั่นครับ ในทางอุดมคติประเทศเป็นของส่วนรวม
ถ้าไม่มีวิกฤติศรัทธาในเรื่องการโกงกินที่หนักมากในทุกภาคส่วน ประชาชนที่ออกมาบ่นจะเข้าใจได้เองครับว่าในทุกนโยบายมันมีได้มีเสีย ไม่มีได้ทุกคนเสียทุกคนอยู่เเล้ว เพียงแต่เรื่องไหนส่วนรวมได้มากกว่ากัน
ผมเชื่อว่าความขัดเเย้งจะมีไปอีกนานถ้าการยอมรับในการคอรัปชั่นยังเป็นอยู่แบบนี้
วันนี้ขัดเเย้งทางความคิดกันเรื่องนี้ วันหน้าก้อกลับข้างอีก วนไปวนมา
คนมีอำนาจก้อสบายนั่งกอบโกยเนียนๆต่อไป.
-
พี่น้องชาวสวนยางและชาวนาจะได้มีเงินช่วยเหลือครับ ขำๆนะ ::)
-
ได้ระบบความปลอดภัยเพิ่มหน่อยใน vios altis จาก ภาษีใหม่น่าจะคุ้มแล้วสำหรับผมนะ
-
ผมมองว่า รัฐไม่ได้เอาเปรียบนะครับ บ้านเมืองมีของสะอาดๆใช้ นั่นเป็นสิ่งดี
แต่มีคนไม่ยอมปรับตัวตามกฏ ปล่อยให้ราคาขึ้นไปก็ด้ะ! "เพราะว่ามีคนซื้ออยู่ดี"
ขึ้นอยู่กับตัวเราครับ ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็เลิกผลิต หรือไม่ก็ไปปรับปรุงให้ได้สิ่งที่คนซื้ออยากซื้อ
เหมือนปล่อยนก ปล่อยปลา ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็ไม่ขาย
ถ้าเราอยากให้เขาขายหนมปังเยอะๆ ขนมปังดีๆ ก็ซื้อหนมปัง อย่าไปซื้อปลา
อย่าปล่อยให้เขาขึ้นราคาปลาไปเรื่อยๆ
-
ผมมองว่า รัฐไม่ได้เอาเปรียบนะครับ บ้านเมืองมีของสะอาดๆใช้ นั่นเป็นสิ่งดี
แต่มีคนไม่ยอมปรับตัวตามกฏ ปล่อยให้ราคาขึ้นไปก็ด้ะ! "เพราะว่ามีคนซื้ออยู่ดี"
ขึ้นอยู่กับตัวเราครับ ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็เลิกผลิต หรือไม่ก็ไปปรับปรุงให้ได้สิ่งที่คนซื้ออยากซื้อ
เหมือนปล่อยนก ปล่อยปลา ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็ไม่ขาย
ถ้าเราอยากให้เขาขายหนมปังเยอะๆ ขนมปังดีๆ ก็ซื้อหนมปัง อย่าไปซื้อปลา
อย่าปล่อยให้เขาขึ้นราคาปลาไปเรื่อยๆ
ใช่ครับ ชาวบ้าน เค้าซื้อขนมปัง (กะบะ single + กะบะ Cab +Eco car) จนยอดขาย รวม ขนมปังเหยียบ 100,000 คันต่อเดือน เพราะ ขนมปังมันถูก เพราะ ไม่มีกฏหมายมาบวกราคามัน
ในขณะที่ยอดขายปลาตกฮวบๆ เพราะ ขายแพงกว่ามาก แถมคุณภาพไม่ได้ต่างกันมาก
สุดท้าย พ่อค้าปลา ยกเลิกเอาปลา มาขาย เพราะ ขายได้น้อยไม่คุ้ม เจอ ภาษีปลา วิบัติ ต้นทุนก็ต่ำ กว่า แต่ต้องมาขาย แพงกว่า ขนมปังซะอีก
สุดท้าย ชาวบ้านก็ ก้มหน้า ก้มตาใช้แต่ ขนมปัง และ ไม่มีวันได้เห็นปลา อีกต่อไป เพราะ พ่อค้าไม่เอามาขาย
-
ผมมองว่า รัฐไม่ได้เอาเปรียบนะครับ บ้านเมืองมีของสะอาดๆใช้ นั่นเป็นสิ่งดี
แต่มีคนไม่ยอมปรับตัวตามกฏ ปล่อยให้ราคาขึ้นไปก็ด้ะ! "เพราะว่ามีคนซื้ออยู่ดี"
ขึ้นอยู่กับตัวเราครับ ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็เลิกผลิต หรือไม่ก็ไปปรับปรุงให้ได้สิ่งที่คนซื้ออยากซื้อ
เหมือนปล่อยนก ปล่อยปลา ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็ไม่ขาย
ถ้าเราอยากให้เขาขายหนมปังเยอะๆ ขนมปังดีๆ ก็ซื้อหนมปัง อย่าไปซื้อปลา
อย่าปล่อยให้เขาขึ้นราคาปลาไปเรื่อยๆ
ใช่ครับ ชาวบ้าน เค้าซื้อขนมปัง (กะบะ single + กะบะ Cab +Eco car) จนยอดขาย รวม ขนมปังเหยียบ 100,000 คันต่อเดือน เพราะ ขนมปังมันถูก เพราะ ไม่มีกฏหมายมาบวกราคามัน
ในขณะที่ยอดขายปลาตกฮวบๆ เพราะ ขายแพงกว่ามาก แถมคุณภาพไม่ได้ต่างกันมาก
สุดท้าย พ่อค้าปลา ยกเลิกเอาปลา มาขาย เพราะ ขายได้น้อยไม่คุ้ม เจอ ภาษีปลา วิบัติ ต้นทุนก็ต่ำ กว่า แต่ต้องมาขาย แพงกว่า ขนมปังซะอีก
สุดท้าย ชาวบ้านก็ ก้มหน้า ก้มตาใช้แต่ ขนมปัง และ ไม่มีวันได้เห็นปลา อีกต่อไป เพราะ พ่อค้าไม่เอามาขาย
เปล่าหรอกครับ คุณอย่ามองโลกในแง่ร้าย
เราจะได้เห็นปลาที่ปล่อย CO2 น้อยกว่า 200 กรัม ต่อกิโลเมตร ในราคาพอๆกับของเดิม หรือแพงกว่านิดหน่อย แทนสิครับ แหม่
-
มันก็ดูแปลกๆครับ บอกว่าเพื่อช่วยลดมลพิษงั้นก็เก็บภาษีรถที่ปล่อยมลพิษน้อยให้น้อยๆสิครับไม่ใช่เท่าเดิมหรือเพิ่มแน่ๆ เช่น City ถ้าเข้าเกณฑ์ก็ลดจาก 25% เป็น 20% ถ้าไม่ได้ก็ 35% ไม่ใช่ทำแทบแย่ได้เท่าเดิม รุ่นอื่นๆก็เหมือนกันทำได้แทนที่จะลดลงกลับเพิ่มขึ้นมีแต่เพิ่มมากเพิ่มน้อย แล้วมันจะไปจูงใจให้คนเปลี่ยนรถมาใช้รถที่มลพิษน้อยลงได้ยังไงก็ขับคันเก่ามลพิษมากๆต่อไป
เป้าหมายหนะดีแต่ผมว่าตัวเลขการจัดเก็บหนะมันไม่ใช่
ผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน คือนโยบายดีแต่การเก็บภาษีด้วยตัวเลขนี้มันไม่ใช่ เพราะรถใหม่แทบทุกรุ่นพาเหรดขึ้นราคาเป็นหมื่นเป็นแสนกันทั้งนั้น ราคารถบ้านเราที่ว่าแพงอยู่แล้วก็แพงหนักเข้าไปอีก
ถามว่าคนใช้รถน้อยลงไม๊ บอกเลยว่าคนใช้รถไม่ได้น้อยลงเพราะเขายังต้องใช้ แต่คนซื้อป้ายแดงน้อยลงแน่นอนและมีการพิจาณราในการซื้อมากขึ้นไปอีก
-
ผมมองว่า รัฐไม่ได้เอาเปรียบนะครับ บ้านเมืองมีของสะอาดๆใช้ นั่นเป็นสิ่งดี
แต่มีคนไม่ยอมปรับตัวตามกฏ ปล่อยให้ราคาขึ้นไปก็ด้ะ! "เพราะว่ามีคนซื้ออยู่ดี"
ขึ้นอยู่กับตัวเราครับ ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็เลิกผลิต หรือไม่ก็ไปปรับปรุงให้ได้สิ่งที่คนซื้ออยากซื้อ
เหมือนปล่อยนก ปล่อยปลา ถ้าเราไม่ซื้อ เขาก็ไม่ขาย
ถ้าเราอยากให้เขาขายหนมปังเยอะๆ ขนมปังดีๆ ก็ซื้อหนมปัง อย่าไปซื้อปลา
อย่าปล่อยให้เขาขึ้นราคาปลาไปเรื่อยๆ
ใช่ครับ ชาวบ้าน เค้าซื้อขนมปัง (กะบะ single + กะบะ Cab +Eco car) จนยอดขาย รวม ขนมปังเหยียบ 100,000 คันต่อเดือน เพราะ ขนมปังมันถูก เพราะ ไม่มีกฏหมายมาบวกราคามัน
ในขณะที่ยอดขายปลาตกฮวบๆ เพราะ ขายแพงกว่ามาก แถมคุณภาพไม่ได้ต่างกันมาก
สุดท้าย พ่อค้าปลา ยกเลิกเอาปลา มาขาย เพราะ ขายได้น้อยไม่คุ้ม เจอ ภาษีปลา วิบัติ ต้นทุนก็ต่ำ กว่า แต่ต้องมาขาย แพงกว่า ขนมปังซะอีก
สุดท้าย ชาวบ้านก็ ก้มหน้า ก้มตาใช้แต่ ขนมปัง และ ไม่มีวันได้เห็นปลา อีกต่อไป เพราะ พ่อค้าไม่เอามาขาย
เปล่าหรอกครับ คุณอย่ามองโลกในแง่ร้าย
เราจะได้เห็นปลาที่ปล่อย CO2 น้อยกว่า 200 กรัม ต่อกิโลเมตร ในราคาพอๆกับของเดิม หรือแพงกว่านิดหน่อย แทนสิครับ แหม่
ครับ แต่ ชาวบ้านก็กำเงินซือ้ได้แค่ ขนมปัง อยู่ดี
-
จาก d-seg เริ่มต้น อาจจะเหลือ c-seg top แทน
ผมว่าอาจจะแนวๆนี้มากกว่าคนจะใช้ยังไงก็ต้องซื้ออยู่ดี
-
มันต่อยอดได้หลายทางครับ รัฐก็มีรายได้มากขึ้น มลพิษก็ต่ำลง
แต่ผมมองว่าตัวผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากราคารถที่แพงขึ้นไปเต็มๆ
-
หลักๆคือรัฐได้รายได้จากภาษีมากขึ้น ซึ่งหวังว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศในเรื่องอะไรสักอย่าง อีกมุมนึงมันก็เป็นการลดมลพิษและจำกัดจำนวนรถใหม่ไปในตัว(มั้ง)
แต่พูดถึงเรื่องมลพิษนี่ ทำไมรัฐไม่ออกกฎหมายเก็บภาษีกับรถเก่าๆสักที บางคันปล่อยมลพิษเยอะกว่ารถรุ่นใหม่ไม่รู้กี่เท่า
-
เรื่องสิ่งแวดล้อมกับมลพิษปรับเป็นมาตรฐานEURO5จะเห็นผลมากกว่าครับ
-
ลดมลพิษในอากาศให้น้อยลงไงครับ ปัจจุบันชั้นบรรยากาศกรุงเทพฯ ก็เป็นสองสีตัดกันชัดเจนอยู่แล้ว อยากให้มันตัดกันชัดเจนขึ้นและลามไปยังต่างจังหวัดด้วยไหมล่ะครับ
-
อยู่ในห่วงโซ่ของผู้ผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ อย่างที่คนภายนอกพอทราบๆกัน โบนัสสวย สวัสดิการดี เป็นแบบนี้มาพักใหญ่ๆ เจ้าของธุรกิจแและผู้บริหารชาวต่างชาติ ก้อพากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ราคารถยนต์ ที่ทำตลาดและขายในบ้านเรา แพงมว๊ากกกกก คือหลังๆมาภาพค่อนข้างชัด เนื่องจากมีการนำรถที่วางขายในตลาดบ้านเค้า มาทำตลาดที่เมืองไทยควบคู่กันไปด้วย มาแบบราคานำไปซักช่วงตัว อุปกรณ์ ออฟชั่นตามหลังซักครึ่งช่วงตัว อีกทั้งยังมีรุ่นที่ผลิตในไทยไปขายที่โน่นด้วย ซึ่งก้อตามเคยหน้าเปลี่ยนนิด อุปกรณ์ออฟชั่นดูดีกว่าที่ขายในบ้านเรา เคยลองถามเพราะเห็นเจ้าของไม่ใช้รถชาติเดียวกับตัวเอง ไปอุดหนุนฝั่งยุโรป ได้คำตอบมาประมาณ ราคาขายมันก้อเท่าๆกัน อยากซื้อ อยากใช้ที่มันมีสมรถนะที่ดีกว่า เลยไปฝั่งยุโรป ฟังมามองไป เลยรู้สึกว่ากลไลการหารายได้เข้ารัฐ มีมากมายหลายแบบ แต่แบบมาขึ้นภาษีแล้วทำให้ราคาขายขยับสูงไปอีก ผู้บริโภคคงต้องรับภาระไปเต็มๆ เหมือนผู้ผลิตคงไม่กระทบเท่าไหร่ เพราะมีการปรับปรุงเพิ่มประสิทะิภาพในการผลิตและลดต้นทุน กันอย่างต่อเนื่องอยุ่แล้ว
-
ลดมลพิษในอากาศให้น้อยลงไงครับ ปัจจุบันชั้นบรรยากาศกรุงเทพฯ ก็เป็นสองสีตัดกันชัดเจนอยู่แล้ว อยากให้มันตัดกันชัดเจนขึ้นและลามไปยังต่างจังหวัดด้วยไหมล่ะครับ
แก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่าไหมครับ
ต้นเหตุ คือ ปริมาณ ประชากรที่ หนาแน่นเกินไป
-
หลักๆคือรัฐได้รายได้จากภาษีมากขึ้น ซึ่งหวังว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศในเรื่องอะไรสักอย่าง อีกมุมนึงมันก็เป็นการลดมลพิษและจำกัดจำนวนรถใหม่ไปในตัว(มั้ง)
แต่พูดถึงเรื่องมลพิษนี่ ทำไมรัฐไม่ออกกฎหมายเก็บภาษีกับรถเก่าๆสักที บางคันปล่อยมลพิษเยอะกว่ารถรุ่นใหม่ไม่รู้กี่เท่า
ปัญหาคือมันจะไม่ไหวนะสิครับ ถ้าเป็นประเทศเจริญแล้วราคารถยนต์เทียบกับเงินเดือนค่าครองชีพมันซื้อรถใหม่ได้สบาย คนที่เก็บรถเก่าไว้เพราะใจรักรุ่นนั้นจริง ๆ แต่ถ้าเป็นประเทศไทยราคารถใหม่แพงมากแต่เงินเดือนค่าครองชีพเรามันเทียบเค้าไม่ได้ การมีรถคันนึงยากมากสำหรับคนทั่วไป ถ้าเกิดรถเก่า 0 ปีบังคัยบโล๊ะทิ้งหรือเก็บภาษี คนจนร้องกันระงมแน่ครับ
-
หลักๆคือรัฐได้รายได้จากภาษีมากขึ้น ซึ่งหวังว่าจะเอาไปพัฒนาประเทศในเรื่องอะไรสักอย่าง อีกมุมนึงมันก็เป็นการลดมลพิษและจำกัดจำนวนรถใหม่ไปในตัว(มั้ง)
แต่พูดถึงเรื่องมลพิษนี่ ทำไมรัฐไม่ออกกฎหมายเก็บภาษีกับรถเก่าๆสักที บางคันปล่อยมลพิษเยอะกว่ารถรุ่นใหม่ไม่รู้กี่เท่า
ปัญหาคือมันจะไม่ไหวนะสิครับ ถ้าเป็นประเทศเจริญแล้วราคารถยนต์เทียบกับเงินเดือนค่าครองชีพมันซื้อรถใหม่ได้สบาย คนที่เก็บรถเก่าไว้เพราะใจรักรุ่นนั้นจริง ๆ แต่ถ้าเป็นประเทศไทยราคารถใหม่แพงมากแต่เงินเดือนค่าครองชีพเรามันเทียบเค้าไม่ได้ การมีรถคันนึงยากมากสำหรับคนทั่วไป ถ้าเกิดรถเก่า 0 ปีบังคัยบโล๊ะทิ้งหรือเก็บภาษี คนจนร้องกันระงมแน่ครับ
จะทุบรถเก่าเหรอ
แปลว่า รถไม่ใช่ สิ่งของ ฟุ่มเฟือย สิครับ แต่มันจำเป็น ต้องทุบ และ ซื้อรถใหม่
งั้น รถภาษี สิครับ
รถทุกคัน ราคาจะลงมาไม่ถึงหลักล้าน Eco car จะเหลือ สามแสน
คนจะได้ ทุบรถเก่า มาซื้อรถใหม่ครับ
55555555555555
-
วันนี้ยังเรายังไม่ได้อะไร นอกจากเสีย
วันหน้าเราจะได้เทคโนฯ ใหม่
เป็นการเร่งให้ผู้ผลิต คิดอะไรใหม่ๆ ขึ้น
แต่จะได้ หรือ เฟล อีกเรื่อง
วันหน้า คือวันไหน ผมไม่รู้ครับ
-
ที่เห็นได้ชัดๆ ทางตรง ที่พอนึกออก นะครับ
1. บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ มีการพัฒนาเทคโนโลยี ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งอากาศที่พวกเราทุกคน หายใจเข้าไปด้วย
2. บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ มีการพัฒนาเทคโนโลยี ด้านการประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น คือทั้งแรงและประหยัดขึ้น
3. รัฐบาลเอาเงินภาษีไป สร้างถนนใหม่ๆ ให้เราได้วิ่งทั่วประเทศมากขึ้น และ ถนนเก่าก็มีงบประมาณซ่อมแซมให้ใช้ได้ดีต่อไป
4. รัฐบาลเอาเงินภาษีไป พัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น รถเมล์,รถไฟใต้ดิน-บนดิน-ลอยฟ้า
5. คนมีรายได้น้อย สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์แบบ Eco Car ได้ง่ายขึ้น
6. คนที่อยากมีรถซีซีสูงๆ เครื่องแรงๆ อยากหรู อยากใช้รถยนต์สเปคสูงเกินกว่าชาวบ้านตามปรกติ ต้องจ่ายภาษีแพงขึ้น
;)
-
ที่เห็นได้ชัดๆ ทางตรง ที่พอนึกออก นะครับ
1. บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ มีการพัฒนาเทคโนโลยี ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งอากาศที่พวกเราทุกคน หายใจเข้าไปด้วย
2. บีบให้ผู้ผลิตรถยนต์ มีการพัฒนาเทคโนโลยี ด้านการประหยัดเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น คือทั้งแรงและประหยัดขึ้น
3. รัฐบาลเอาเงินภาษีไป สร้างถนนใหม่ๆ ให้เราได้วิ่งทั่วประเทศมากขึ้น และ ถนนเก่าก็มีงบประมาณซ่อมแซมให้ใช้ได้ดีต่อไป
4. รัฐบาลเอาเงินภาษีไป พัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น รถเมล์,รถไฟใต้ดิน-บนดิน-ลอยฟ้า
5. คนมีรายได้น้อย สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์แบบ Eco Car ได้ง่ายขึ้น
6. คนที่อยากมีรถซีซีสูงๆ เครื่องแรงๆ อยากหรู อยากใช้รถยนต์สเปคสูงเกินกว่าชาวบ้านตามปรกติ ต้องจ่ายภาษีแพงขึ้น
;)
+1
-
ผมไม่คิดเลยว่าจะได้อะไร คิดแต่ว่า จะทำยังไงกับมัน เวลาจะซื้อรถใหม่
-
สรุปให้ครับ รถรุ่นใหม่ ยังไงก็ต้องทำออกมาให้ Co2 ต่ำอยู่แล้ว
ถ้าทำได้ ก็เท่าตัวครับ
ทำไม่ได้ รถรุ่นเก่า ปิดกิจาร รถรุ่นใหม่ ไม่มี OEM ไหนโง่ผลิตรถ ออกมาไม่ได้ ตาม เรทภาษีที่รัฐบาลกำหนดครับ
รถที่ รัฐบาล แนะนำให้คน เมืองใช้คือ Eco car และ ก่อน OEM จะทำรถ Eco car ต้องมาขออณุญาติก่อน ไม่ใช่ ผลิตกมารับภาษีได้ ต้องขายเยอะๆด้วย
รถที่ รัฐบาล แนะนำให้ ชาวบ้าน คนชนบทใช้คือ Truck Single/Spec cab ทั้งที่ความ จริงแล้ว พวกรถนี้ ต้นทุน สูง กว่า B-Segment ยันไปถึง D-Segment อีกครับ
รถที่ ไม่แนะนำให้ใช้ คือ Double Cab , B-Segment , C-Segment ,D-Segment, PPV
ถือ อยากได้ รถใหญ่ รถกินน้ำมัน รถครอบครับ รถเอกประสงค์ เหรอ คุณ ต้องมีเงิน จ่ายเพิ่มจากราคา ปกติไปอีก 30 % ไปถึง 40 %
ถ้าไม่มีเงินก็กลับ
สุดท้าย เกิดอะไรครับ
ยอด Eco car
ผมซื้อ Vigo Cab มาขับไปทำงาน เพราะมันประหยัดน้ำมันและ ราคาถูกกว่า
เด็ก แวนซ์ ออก กะบะ Cab มาแต่งซิ่ง ควันดำ เพราะ ราคา แสนถูก ได้รถ ตามราคา ที่ควร จะเป็น คุ้มแสนคุ้ม
ฺB-segment , C-Segment , D-segment , PPV ยอดขายต่อเดือนในระยะ ยาว ไปเรื่อยแบบ ต่ำ ๆ เตี้ยเรี่ยดิน จน OEM เอามือก่ายหน้าผาก ไม่รู้จะเอาไง ดี
คนไทยเลยได้แค่ มองตา ปริบ เปลื่อย ฝรั่งใช้รถผลิตบ้านเราในราคาถูกกว่าบ้านเรา หลักหลายแสน
สุดท้าย ยอดขาย กะบะ บ้านเรา ก็แซงหน้า
คนซื้อนะ ใจไม่ได้อยากได้ กะบะ หรอกครับ
อยากได้ รถยกสูงหน่อย ประหยัด ดีเซลได้
แต่พอมอง ไป ปุ๊บ
อ้าว ราคา แม่ม 800,000 ขึ้น
เอาดีหน่อย 700,000 ก็ อืด ลากคน 4 คนแทบไม่ออก
สุดท้ายก็มาจบที่
กะบะ Cab ดีเซล Turbo
ที่ จะบรรทุก คนซัก 10 คนก็ไม่มีปัญหา
-
จริงๆแล้ว สิ่งที่ทำมันก็สอดคล้องทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของโลก นะครับ
ถ้าคุณไม่มองแต่เฉพาะผลประโยชน์ หรือเงินของตนเองที่เสียไป
ก็จะพบว่า ลูก หลาน ของเราก็จะได้มีอากาศหายใจที่ดีขึ้นในระดับนึง
หรือ บริษัทรถยนต์ก็เปลี่ยนแปลงเอาเทคโนโลยีใหม่ๆมาขายให้กับคนไทยใช้งาน เช่น
เครื่องยนต์เล็ก + ระบบเครื่องอัดอากาศ Turbo หรือ เครื่องเบนซินหัวฉีดตรง (Direct Injection)
ส่วนเรื่องเงินภาษีที่เพิ่มขึ้นนั้น มันไม่ได้มากมายหรอกครับ
เพราะบริษัทรถยนต์ เขามีเทคโนโลยีรองรับอยู่แล้ว และขายอยู่ในต่างประเทศ
ดังนั้น รถรุ่นต่อๆไป เขาก็ต้องคำนวณราคา เพื่อการแข่งขันอยู่แล้วครับ
มันก็จะลดลงมาอยู่ในฐานภาษีที่ถูกลง
แต่ราคาจะลดลง หรือไม่ ....คุณก็คอยดูว่าบริษัทรถยนต์จะยอมลดกำไรลงหรือป่าว ?
-
จริงๆแล้ว สิ่งที่ทำมันก็สอดคล้องทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ของโลก นะครับ
ถ้าคุณไม่มองแต่เฉพาะผลประโยชน์ หรือเงินของตนเองที่เสียไป
ก็จะพบว่า ลูก หลาน ของเราก็จะได้มีอากาศหายใจที่ดีขึ้นในระดับนึง
หรือ บริษัทรถยนต์ก็เปลี่ยนแปลงเอาเทคโนโลยีใหม่ๆมาขายให้กับคนไทยใช้งาน เช่น
เครื่องยนต์เล็ก + ระบบเครื่องอัดอากาศ Turbo หรือ เครื่องเบนซินหัวฉีดตรง (Direct Injection)
ส่วนเรื่องเงินภาษีที่เพิ่มขึ้นนั้น มันไม่ได้มากมายหรอกครับ
เพราะบริษัทรถยนต์ เขามีเทคโนโลยีรองรับอยู่แล้ว และขายอยู่ในต่างประเทศ
ดังนั้น รถรุ่นต่อๆไป เขาก็ต้องคำนวณราคา เพื่อการแข่งขันอยู่แล้วครับ
มันก็จะลดลงมาอยู่ในฐานภาษีที่ถูกลง
แต่ราคาจะลดลง หรือไม่ ....คุณก็คอยดูว่าบริษัทรถยนต์จะยอมลดกำไรลงหรือป่าว ?
เอาอีกละ
โทษ แต่ OEM อีกละ
เค้า ลงทุน พัฒนา เพื่อให้ได้คุณภาพ ดีตาม มาตราฐาน นานชาิตอยู่แล้วครับ
ราคา รถเค้าก็ขายกันทั่วโลก ที่ราคาเท่ากัน
ถ้ามันจะต่างก็ แต่ ภาษี ที่รัฐบาล ยัดเข้าไป
แล้ว OEM และ ประชาชน ผิดอะไร ทำไม ต้องยอม
OEM ก็คง งง ครับ
ที่ ตลาดรถบ้านเราเป็นแบบนี้
ที่อยู่ได้ ทุกวันนี้ หลายๆ ค่ายเพราะ ยอดส่งออกซะมากกว่า
ผมรู้แล้วว่า เราได้อะไร
รัฐบาลก็เอาไปแจก กองทุนหมู่บ้าน ละล้าน
แจก มันทุกๆ รอบการเลือกตั้งไง
รวมแล้ว แจกที ไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท ต่อครั้ง
ลองคำนวณ ก็ ปีนึง ได้ ภาษีจากรถยนต์มา ยอดขายรถปีนึง 900,000 คัน ภาษี เฉลี่ย 20 %
เฉลี่นคันละ 700,000
ก็ ได้รายด้เข้ารัฐไป 120,000 ล้านบาท
-
สิ่งที่จะเห็นคือ
นักการเมืองรวยขึ้นทุกระดับชั้น
ผมเคยทำงานร่วมกับราชการในการจัดซื้อจัดจ้าง
เจอราคาที่แต่ละท่านขอ เจอ % ที่แต่ละท่านเรียก
แล้วจะรู้เลยครับ ว่าภาษีเรามันหายไปไหนหมด
กาแฟซื้อเองซองละ 7 บาท พอผ่านการจัดซื้อจัดจ้าง ซองละ 30 บาท
ปากกาซื้อเองแท่งละ 5 บาท พอผ่านการจัดซื้อจัดจ้าง แท่งละ 30 บาท
นี่แค่งานเล็กๆพวกสมุดดินสอปากกานะครับ
งานภาคขนส่ง รคเครนไปยกวัสดุในสถานที่ราชการ
ค่ายกจริง 3500 พอผ่านการจัดซื้อจัดจ้าง 30,000 บาท
ภาษีเราที่หลายท่านคิดว่ามันจะไปพัฒนาประเทศ
มันหล่นหายไปมากกว่า 60-70 % ที่เหลือมันจะมาพัฒนาได้สักแค่ไหนเชียว
เดี๋ยวก็หาช่องมาขึ้นภาษีอีก เป็นกงกรรมกงเกวียน ของประชาชนตาดำๆต่อไป
-
ลดมลพิษในอากาศให้น้อยลงไงครับ ปัจจุบันชั้นบรรยากาศกรุงเทพฯ ก็เป็นสองสีตัดกันชัดเจนอยู่แล้ว อยากให้มันตัดกันชัดเจนขึ้นและลามไปยังต่างจังหวัดด้วยไหมล่ะครับ
แก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่าไหมครับ
ต้นเหตุ คือ ปริมาณ ประชากรที่ หนาแน่นเกินไป
แล้วให้มลพิษจากรถยนต์ยังมีอยู่เท่าเดิม แต่กระจายออกไป? ผมว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาต้นเหตุที่ดีเท่าไรนะครับ :/
-
ลดมลพิษในอากาศให้น้อยลงไงครับ ปัจจุบันชั้นบรรยากาศกรุงเทพฯ ก็เป็นสองสีตัดกันชัดเจนอยู่แล้ว อยากให้มันตัดกันชัดเจนขึ้นและลามไปยังต่างจังหวัดด้วยไหมล่ะครับ
แก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่าไหมครับ
ต้นเหตุ คือ ปริมาณ ประชากรที่ หนาแน่นเกินไป
แล้วให้มลพิษจากรถยนต์ยังมีอยู่เท่าเดิม แต่กระจายออกไป? ผมว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาต้นเหตุที่ดีเท่าไรนะครับ :/
เวลา เค้าวัด มลพิษในอากาศ เค้าวัดเป็นความหนาแน่น มิใช่เหรอครับ
ถ้ามันกระจาย ไม่กระจุกตัว อากาศ ก้ไม่ดำทะมึน แบบกรุงเทพ
-
ลดมลพิษในอากาศให้น้อยลงไงครับ ปัจจุบันชั้นบรรยากาศกรุงเทพฯ ก็เป็นสองสีตัดกันชัดเจนอยู่แล้ว อยากให้มันตัดกันชัดเจนขึ้นและลามไปยังต่างจังหวัดด้วยไหมล่ะครับ
แก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่าไหมครับ
ต้นเหตุ คือ ปริมาณ ประชากรที่ หนาแน่นเกินไป
แล้วให้มลพิษจากรถยนต์ยังมีอยู่เท่าเดิม แต่กระจายออกไป? ผมว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาต้นเหตุที่ดีเท่าไรนะครับ :/
เวลา เค้าวัด มลพิษในอากาศ เค้าวัดเป็นความหนาแน่น มิใช่เหรอครับ
ถ้ามันกระจาย ไม่กระจุกตัว อากาศ ก้ไม่ดำทะมึน แบบกรุงเทพ
อ้าว...ก็คุณบอกอยากให้แก้ที่ต้นเหตุโดยการกระจายออกไปไม่ใช่เหรอครับ มันไม่ช่วยในด้านต้นเหตุเลย เน้นลดทุกพื้นที่ในประเทศไปเลยแบบที่ทำอยู่นี้ดูเป็นการแก้ที่ต้นเหตุมากกว่าอีก กรุงเทพฯ มลพิษน้อยลง อากาศดีขึ้น ผลพลอยได้พื้นที่อืนที่มลพิษน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลง นี่มันแก้ที่ต้นเหตุยิ่งกว่าทำให้มันกระจายออกไปเหมือนเป็นการแก้ที่ปลายเหตุอีก
เผื่อคุณจะเข้าใจอะไรผิดอีก ผมยกตัวอย่างมลภาวะทางอากาศของกรุงเทพฯ ที่มันแย่อยู่แล้ว จะยิ่งทำให้มันแย่ลงไปอีกเหรอ และจะให้พื้นที่อื่นๆ แย่ลงแบบกรุงเทพฯ อีกเหรอ :/
-
สรุปให้ครับ รถรุ่นใหม่ ยังไงก็ต้องทำออกมาให้ Co2 ต่ำอยู่แล้ว
ถ้าทำได้ ก็เท่าตัวครับ
ทำไม่ได้ รถรุ่นเก่า ปิดกิจาร รถรุ่นใหม่ ไม่มี OEM ไหนโง่ผลิตรถ ออกมาไม่ได้ ตาม เรทภาษีที่รัฐบาลกำหนดครับ
รถที่ รัฐบาล แนะนำให้คน เมืองใช้คือ Eco car และ ก่อน OEM จะทำรถ Eco car ต้องมาขออณุญาติก่อน ไม่ใช่ ผลิตกมารับภาษีได้ ต้องขายเยอะๆด้วย
รถที่ รัฐบาล แนะนำให้ ชาวบ้าน คนชนบทใช้คือ Truck Single/Spec cab ทั้งที่ความ จริงแล้ว พวกรถนี้ ต้นทุน สูง กว่า B-Segment ยันไปถึง D-Segment อีกครับ
รถที่ ไม่แนะนำให้ใช้ คือ Double Cab , B-Segment , C-Segment ,D-Segment, PPV
ถือ อยากได้ รถใหญ่ รถกินน้ำมัน รถครอบครับ รถเอกประสงค์ เหรอ คุณ ต้องมีเงิน จ่ายเพิ่มจากราคา ปกติไปอีก 30 % ไปถึง 40 %
ถ้าไม่มีเงินก็กลับ
สุดท้าย เกิดอะไรครับ
ยอด Eco car
ผมซื้อ Vigo Cab มาขับไปทำงาน เพราะมันประหยัดน้ำมันและ ราคาถูกกว่า
เด็ก แวนซ์ ออก กะบะ Cab มาแต่งซิ่ง ควันดำ เพราะ ราคา แสนถูก ได้รถ ตามราคา ที่ควร จะเป็น คุ้มแสนคุ้ม
ฺB-segment , C-Segment , D-segment , PPV ยอดขายต่อเดือนในระยะ ยาว ไปเรื่อยแบบ ต่ำ ๆ เตี้ยเรี่ยดิน จน OEM เอามือก่ายหน้าผาก ไม่รู้จะเอาไง ดี
คนไทยเลยได้แค่ มองตา ปริบ เปลื่อย ฝรั่งใช้รถผลิตบ้านเราในราคาถูกกว่าบ้านเรา หลักหลายแสน
สุดท้าย ยอดขาย กะบะ บ้านเรา ก็แซงหน้า
คนซื้อนะ ใจไม่ได้อยากได้ กะบะ หรอกครับ
อยากได้ รถยกสูงหน่อย ประหยัด ดีเซลได้
แต่พอมอง ไป ปุ๊บ
อ้าว ราคา แม่ม 800,000 ขึ้น
เอาดีหน่อย 700,000 ก็ อืด ลากคน 4 คนแทบไม่ออก
สุดท้ายก็มาจบที่
กะบะ Cab ดีเซล Turbo
ที่ จะบรรทุก คนซัก 10 คนก็ไม่มีปัญหา
ข้อสรุปนี้เด่นชัดดีนะครับ คือมันเป็นทิศทางที่ผู้บริโภคทั่วไปในบ้านเราจำเป็นต้องเลือก ต่อไปผมก้ไม่กล้าซื้อรถแพง ๆ แล้วเพราะรายได้ไม่สอดคล้องจำเป็นต้องไปตามทิศทางที่รัฐบาลกำหนด
-
ลดมลพิษในอากาศให้น้อยลงไงครับ ปัจจุบันชั้นบรรยากาศกรุงเทพฯ ก็เป็นสองสีตัดกันชัดเจนอยู่แล้ว อยากให้มันตัดกันชัดเจนขึ้นและลามไปยังต่างจังหวัดด้วยไหมล่ะครับ
แก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่าไหมครับ
ต้นเหตุ คือ ปริมาณ ประชากรที่ หนาแน่นเกินไป
แล้วให้มลพิษจากรถยนต์ยังมีอยู่เท่าเดิม แต่กระจายออกไป? ผมว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาต้นเหตุที่ดีเท่าไรนะครับ :/
เวลา เค้าวัด มลพิษในอากาศ เค้าวัดเป็นความหนาแน่น มิใช่เหรอครับ
ถ้ามันกระจาย ไม่กระจุกตัว อากาศ ก้ไม่ดำทะมึน แบบกรุงเทพ
อ้าว...ก็คุณบอกอยากให้แก้ที่ต้นเหตุโดยการกระจายออกไปไม่ใช่เหรอครับ มันไม่ช่วยในด้านต้นเหตุเลย เน้นลดทุกพื้นที่ในประเทศไปเลยแบบที่ทำอยู่นี้ดูเป็นการแก้ที่ต้นเหตุมากกว่าอีก กรุงเทพฯ มลพิษน้อยลง อากาศดีขึ้น ผลพลอยได้พื้นที่อืนที่มลพิษน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลง นี่มันแก้ที่ต้นเหตุยิ่งกว่าทำให้มันกระจายออกไปเหมือนเป็นการแก้ที่ปลายเหตุอีก
เผื่อคุณจะเข้าใจอะไรผิดอีก ผมยกตัวอย่างมลภาวะทางอากาศของกรุงเทพฯ ที่มันแย่อยู่แล้ว จะยิ่งทำให้มันแย่ลงไปอีกเหรอ และจะให้พื้นที่อื่นๆ แย่ลงแบบกรุงเทพฯ อีกเหรอ :/
คุณเป็นคนพูดถึงเรื่องมลภาวะในอากาศเองนะครับ
ต้นเหตุที่มันดำเพราะความหนาแน่นนี่ละครับ
ถ้ากระจายออกไปไม่หนาแน่น มันก็ไม่มีมลพิษมากครับ
ต่อให้ ควบคุม สารพิษ จากรถ มากแค่ไหน ถ้าความหนาแน่นมันมากเกินไป มันก็วัดค่า มลพิษมาเกินอยู่ดีครับ
แล้ว ทำไม จังหวัด อื่นๆ ที่ รถมันวิ่งน้อย ไม่มีปัญหา มลพิษครับ
ส่วนไอ้เรื่อง ลดมิลพิษ นะมันลดอยู่แล้วครับ ไม่ได้เถียง
แต่ลดแค่ไหน กทม มันก็ไม่ได้ดีขึ้นอยู่ดีครับ วัดค่ายังไงมันก็สูง
OEM เค้าทำเครื่องยนต์ให้ได้มาตราฐาน EURO อยู่แล้วโดยที่ ไม่ต้อ รอรัฐบาลประกาศ
-
ถ้ามองส่วนรวมเราได้อากาศที่ดีขึ้นนิดนึง อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้น
ถ้ามองแต่ส่วนตัวก็ไม่ได้อะไร แถมต้องจ่ายมากขึ้น
ถ้ามองเทคโนโลยี เราจะได้การพัฒนาให้เครื่องแรงมากขึ้นหรือเท่าเดิมแต่มลพิษน้อยลง
ใครๆก็อยากได้ของถูก แรง ประหยัด ซึ่งมันคงไม่มีในโลกนี้
-
ส่วนหนึ่งคือ ประเทศขาดดุลนำเข้าเชื้อเพลิงและรัฐบาลต้องการเงินมาจ่ายเงินกู้ของขนส่งทางรางและทางถนนทั้งรถไฟฟ้าทุกสาย มอเตอร์เวย์เส้นใหม่ๆลดเวลาการเดินทาง รถไฟรางคู่/ความเร็วสูง ถ้าระบบขนส่งสมบูรณ์เหมือนประเทศพัฒนาแล้ว ประชาชนก็รถความต้องการใช้รถไปในตัว รัฐบาลในอนาคตก็ได้ผลทางอ้อมหลายด้านกลับมา หลักๆคือลดการขาดดุลด้านพลังงาน ประชาชนมีเวลาทำงานมากขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาไปกับรถติด
-
ความจริงแล้วรถยิ่งเก่า ภาษีรายปีต้องเพิ่มขึ้นด้วย ถึงจะช่วยลดมลพิษ
อายุเกินกี่ปี สิบปี สิบห้าปี ยี่สิบปี ว่าไป ก็ไม่ต่อภาษีให้ โดนจับก็ส่งทำลายอย่างเดียว
อย่างนี้ดีสุด
ไม่ได้ยอกย้อนน่ะ จากใจจริง
-
ความจริงแล้วรถยิ่งเก่า ภาษีรายปีต้องเพิ่มขึ้นด้วย ถึงจะช่วยลดมลพิษ
อายุเกินกี่ปี สิบปี สิบห้าปี ยี่สิบปี ว่าไป ก็ไม่ต่อภาษีให้ โดนจับก็ส่งทำลายอย่างเดียว
อย่างนี้ดีสุด
ไม่ได้ยอกย้อนน่ะ จากใจจริง
เห็นด้วยเรื่องรถเก่าภาษีแพงขึ้นครับ เช่น กระบะ 4 ประตูยกสูงเสียเพิ่มปีละพัน 3 ปีก้ 3 พัน 5 ปีก็ 5 พัน 10 ปีก็ 10 พัน ไม่เปลี่ยนรถก็ให้รู้ไป แต่ปัจจุบันนี่แปลกยิ่งเก่ายิ่งถูกลงใหม่ๆนี่แพงเหลือเกิน
-
ความจริงแล้วรถยิ่งเก่า ภาษีรายปีต้องเพิ่มขึ้นด้วย ถึงจะช่วยลดมลพิษ
อายุเกินกี่ปี สิบปี สิบห้าปี ยี่สิบปี ว่าไป ก็ไม่ต่อภาษีให้ โดนจับก็ส่งทำลายอย่างเดียว
อย่างนี้ดีสุด
ไม่ได้ยอกย้อนน่ะ จากใจจริง
เห็นด้วยเรื่องรถเก่าภาษีแพงขึ้นครับ เช่น กระบะ 4 ประตูยกสูงเสียเพิ่มปีละพัน 3 ปีก้ 3 พัน 5 ปีก็ 5 พัน 10 ปีก็ 10 พัน ไม่เปลี่ยนรถก็ให้รู้ไป แต่ปัจจุบันนี่แปลกยิ่งเก่ายิ่งถูกลงใหม่ๆนี่แพงเหลือเกิน
ต้อง ทำราคารถ ให้ประชาชน เอื้อมถึงก่อนครับ
ตอนนี้ รัฐบวกภาษีไปกับ รถใหม่อย่างเดียว
แทนที่จะไป ลดภาษีรถใหม่ เก็บ ภาษี รถเก่าๆ ที่มลพิษเกิน อายุเกินเยอะ เป็นรายปีไป
มาทำแบบนี้ ก็ .....ครับ
-
ลดมลพิษในอากาศให้น้อยลงไงครับ ปัจจุบันชั้นบรรยากาศกรุงเทพฯ ก็เป็นสองสีตัดกันชัดเจนอยู่แล้ว อยากให้มันตัดกันชัดเจนขึ้นและลามไปยังต่างจังหวัดด้วยไหมล่ะครับ
แก้ปัญหาที่ต้นเหตุดีกว่าไหมครับ
ต้นเหตุ คือ ปริมาณ ประชากรที่ หนาแน่นเกินไป
แล้วให้มลพิษจากรถยนต์ยังมีอยู่เท่าเดิม แต่กระจายออกไป? ผมว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาต้นเหตุที่ดีเท่าไรนะครับ :/
เวลา เค้าวัด มลพิษในอากาศ เค้าวัดเป็นความหนาแน่น มิใช่เหรอครับ
ถ้ามันกระจาย ไม่กระจุกตัว อากาศ ก้ไม่ดำทะมึน แบบกรุงเทพ
อ้าว...ก็คุณบอกอยากให้แก้ที่ต้นเหตุโดยการกระจายออกไปไม่ใช่เหรอครับ มันไม่ช่วยในด้านต้นเหตุเลย เน้นลดทุกพื้นที่ในประเทศไปเลยแบบที่ทำอยู่นี้ดูเป็นการแก้ที่ต้นเหตุมากกว่าอีก กรุงเทพฯ มลพิษน้อยลง อากาศดีขึ้น ผลพลอยได้พื้นที่อืนที่มลพิษน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลง นี่มันแก้ที่ต้นเหตุยิ่งกว่าทำให้มันกระจายออกไปเหมือนเป็นการแก้ที่ปลายเหตุอีก
เผื่อคุณจะเข้าใจอะไรผิดอีก ผมยกตัวอย่างมลภาวะทางอากาศของกรุงเทพฯ ที่มันแย่อยู่แล้ว จะยิ่งทำให้มันแย่ลงไปอีกเหรอ และจะให้พื้นที่อื่นๆ แย่ลงแบบกรุงเทพฯ อีกเหรอ :/
คุณเป็นคนพูดถึงเรื่องมลภาวะในอากาศเองนะครับ
ต้นเหตุที่มันดำเพราะความหนาแน่นนี่ละครับ
ถ้ากระจายออกไปไม่หนาแน่น มันก็ไม่มีมลพิษมากครับ
ต่อให้ ควบคุม สารพิษ จากรถ มากแค่ไหน ถ้าความหนาแน่นมันมากเกินไป มันก็วัดค่า มลพิษมาเกินอยู่ดีครับ
แล้ว ทำไม จังหวัด อื่นๆ ที่ รถมันวิ่งน้อย ไม่มีปัญหา มลพิษครับ
ส่วนไอ้เรื่อง ลดมิลพิษ นะมันลดอยู่แล้วครับ ไม่ได้เถียง
แต่ลดแค่ไหน กทม มันก็ไม่ได้ดีขึ้นอยู่ดีครับ วัดค่ายังไงมันก็สูง
OEM เค้าทำเครื่องยนต์ให้ได้มาตราฐาน EURO อยู่แล้วโดยที่ ไม่ต้อ รอรัฐบาลประกาศ
ใช่ ผมพูดเรื่องมลพิษในอากาศเอง และใช่ที่มันแน่นหนามากเนื่องจากการที่ไม่ควบคุมมลพิษตั้งแต่ต้น หากไม่ได้เริ่มควบคุมตอนนี้แล้วยิ่งทำให้มันกระจายปกคลุมพื้นที่อื่นไปมากขึ้นย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ ดังนั้นมาตราการลดมลพิษทางอ้อมด้วยภาษีจึงเป็นสิ่งที่มีเหตุผลมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากเพื่อค่อยๆ บีบให้ผู้บริโภคและผู้ผลิตหันมาใส่ใจยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษน้อยลง หรือใช้วิธีการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า ส่งผลให้มลพิษไม่กระจายให้กระทบไปยังที่อื่นต่อ แต่ยังได้การลดมลพิษลงในจุดที่เป็นเหตุ และทำให้ส่วนอื่นที่มีมลพิษน้อยอยู่แล้วยิ่งลดลงไปอีก ยังไงก็ควบคุมจากการกระทำของมนุษย์เองได้ครับ เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุที่คุณกล่าวอ้าง
คุณบอกมาเองนะครับว่าทำไมตรงที่รถวิ่งน้อยๆ แล้วไม่ค่อยมีมลพิษ ลองคิดดูนะครับว่าจุดตรงนั้นประชาชนจะมีความสุขอยู่ แต่เมื่อกระจายมลพิษออกมา ประชาชนในจุดนั้นจะเริ่มไม่ค่อยมีความสุข เริ่มร้องเรียนมากขึ้น ปัญหามลพิษเริ่มกระจายออกไป คุณคิดถึงผลกระทบตรงนี้มั๊ย? ใช่ที่มันเพิ่มขึ้นใจจุดที่ไม่อันตราย แต่ทำให้สุขภาพจิตลดลงจะยอมได้หรือไม่? ผมไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะผลที่ก่อมาจากที่อื่น
ส่วนเรื่อง OEM ที่ผลิตตามมาตราฐาน EURO ที่คุณอ้าง ต้องรอให้รัฐบาลประกาศจูงใจถึงจะทำครับ ค่ายใหญ่ๆ หลายค่ายเนี่ยแหล่ะ บางครั้งก็ไม่เอาด้วยและขู่จะย้ายฐานผลิตออกไปก็มี อย่าคิดครับว่าทำอยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องรอให้รัฐบาลประกาศ
ผมจบเพียงเท่านี้ล่ะ
-
ความจริงแล้วรถยิ่งเก่า ภาษีรายปีต้องเพิ่มขึ้นด้วย ถึงจะช่วยลดมลพิษ
อายุเกินกี่ปี สิบปี สิบห้าปี ยี่สิบปี ว่าไป ก็ไม่ต่อภาษีให้ โดนจับก็ส่งทำลายอย่างเดียว
อย่างนี้ดีสุด
ไม่ได้ยอกย้อนน่ะ จากใจจริง
ตรงนี้ผมเห็นด้วยเรื่องขึ้นภาษีตามอายุรถครับ แต่คงไม่ถึงกับต้องทำลายมั้งครับ ^^"
-
ใช่ ผมพูดเรื่องมลพิษในอากาศเอง และใช่ที่มันแน่นหนามากเนื่องจากการที่ไม่ควบคุมมลพิษตั้งแต่ต้น หากไม่ได้เริ่มควบคุมตอนนี้แล้วยิ่งทำให้มันกระจายปกคลุมพื้นที่อื่นไปมากขึ้นย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ ดังนั้นมาตราการลดมลพิษทางอ้อมด้วยภาษีจึงเป็นสิ่งที่มีเหตุผลมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากเพื่อค่อยๆ บีบให้ผู้บริโภคและผู้ผลิตหันมาใส่ใจยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษน้อยลง หรือใช้วิธีการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า ส่งผลให้มลพิษไม่กระจายให้กระทบไปยังที่อื่นต่อ แต่ยังได้การลดมลพิษลงในจุดที่เป็นเหตุ และทำให้ส่วนอื่นที่มีมลพิษน้อยอยู่แล้วยิ่งลดลงไปอีก ยังไงก็ควบคุมจากการกระทำของมนุษย์เองได้ครับ เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุที่คุณกล่าวอ้าง
คุณบอกมาเองนะครับว่าทำไมตรงที่รถวิ่งน้อยๆ แล้วไม่ค่อยมีมลพิษ ลองคิดดูนะครับว่าจุดตรงนั้นประชาชนจะมีความสุขอยู่ แต่เมื่อกระจายมลพิษออกมา ประชาชนในจุดนั้นจะเริ่มไม่ค่อยมีความสุข เริ่มร้องเรียนมากขึ้น ปัญหามลพิษเริ่มกระจายออกไป คุณคิดถึงผลกระทบตรงนี้มั๊ย? ใช่ที่มันเพิ่มขึ้นใจจุดที่ไม่อันตราย แต่ทำให้สุขภาพจิตลดลงจะยอมได้หรือไม่? ผมไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะผลที่ก่อมาจากที่อื่น
ส่วนเรื่อง OEM ที่ผลิตตามมาตราฐาน EURO ที่คุณอ้าง ต้องรอให้รัฐบาลประกาศจูงใจถึงจะทำครับ ค่ายใหญ่ๆ หลายค่ายเนี่ยแหล่ะ บางครั้งก็ไม่เอาด้วยและขู่จะย้ายฐานผลิตออกไปก็มี อย่าคิดครับว่าทำอยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องรอให้รัฐบาลประกาศ
ผมจบเพียงเท่านี้ล่ะ
เรื่องมลพิษในอากาศเอง และใช่ที่มันแน่นหนามากเนื่องจากการที่ไม่ควบคุมมลพิษตั้งแต่ต้น หากไม่ได้เริ่มควบคุมตอนนี้แล้วยิ่งทำให้มันกระจายปกคลุมพื้นที่อื่นไปมากขึ้นย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ
>> ผมต่อให้ ทุกรถทุกคันผ่านมาตราฐาน ใหม่หมด มลพิษ ใน กทม ก็ยังเกินครับ เพราะอะไร เพราะความหนาแน่นมากเกินไปครับ แต่ มลพิษลดลงแน่นอนครับ
ดังนั้นมาตราการลดมลพิษทางอ้อมด้วยภาษีจึงเป็นสิ่งที่มีเหตุผลมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากเพื่อค่อยๆ บีบให้ผู้บริโภคและผู้ผลิตหันมาใส่ใจยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษน้อยลง
>> รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเพิ่ม ภาษีรถใหม่ครับ
แล้วไปเก็บภาษีรายปีรถเก่า แทนจะเป็นผลดีกว่าครับ เพราะ รถที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านั้น 10 ปี ก็ยังวิ่งได้เรื่อยๆ ก่อมลพิษสูงได้เรื่อย
คุณบอกมาเองนะครับว่าทำไมตรงที่รถวิ่งน้อยๆ แล้วไม่ค่อยมีมลพิษ ลองคิดดูนะครับว่าจุดตรงนั้นประชาชนจะมีความสุขอยู่ แต่เมื่อกระจายมลพิษออกมา ประชาชนในจุดนั้นจะเริ่มไม่ค่อยมีความสุข เริ่มร้องเรียนมากขึ้น ปัญหามลพิษเริ่มกระจายออกไป คุณคิดถึงผลกระทบตรงนี้มั๊ย? ใช่ที่มันเพิ่มขึ้นใจจุดที่ไม่อันตราย แต่ทำให้สุขภาพจิตลดลงจะยอมได้หรือไม่? ผมไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะผลที่ก่อมาจากที่อื่น
>> ผมไม่เคย พูดเรื่องการกระจาย มลพิษออกไปครับ มีแต่คุณที่พูด กลับไปอ่านข้อความคุรเองครับ อย่าสับสน
แต่ผมพูดเรื่อง ความหนาแน่น ที่มันมากเกินไป ย่อมก่อให้เกิด มลภาวะ และ มลพิษสูงครับ จนอยู่ในจุดที่อันตราย
แต่ รถใหม่ๆ ที่ Co2 ผ่านเกณ แทนที่จะได้ภาษีลดลง แต่ไม่ใช่ครับ ได้เท่าเดิม แต่ไปเก็บภาษีสูง รถที่ปล่อย Co2 สูง แปลว่า รถยนต์ ที่ Co2 ก็ยังสามารถ ออกมาวิ่งได้เหมือนเดิม ในขณะเดียวกัน รถบรรทุก ที่ปล่อย Co2 มหาศาล กลับได้เสียภาษีแค่ ไม่กี่ % มันสมเหตุสมผลไหม
ส่วนเรื่อง OEM ที่ผลิตตามมาตราฐาน EURO ที่คุณอ้าง ต้องรอให้รัฐบาลประกาศจูงใจถึงจะทำครับ ค่ายใหญ่ๆ หลายค่ายเนี่ยแหล่ะ บางครั้งก็ไม่เอาด้วยและขู่จะย้ายฐานผลิตออกไปก็มี อย่าคิดครับว่าทำอยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องรอให้รัฐบาลประกาศ
>> ไม่มี ค่ายไหนไม่เอาด้วย หรอกครับ เพราะ มาตราฐาน ที่ประเทศไทยเอามาใช้ ก็มาจาก อเมริกา และ ยุโรษ ซึ่งเป็น บริบัทแม่ของ OEM มาก่อน ไม่ได้ คิดมาตราฐานขึ้นมาเอง
ทุกวันนี้ B-segment และ C-segment รวมถึง D-segment ก้แบบที่เห็นครับ ยอดมันไม่จูงใจให้คนซื้อใช้ ภาษีมันก็เท่าเดิม มีแต่เพิ่ม
เหตุผลของ Eco car โดยส่วยตัวผมคิดเองจริงๆ มันไม่ได้มาจากมลพิษหรอกครับ มันมาจาก อัตราการบริโภคน้ำมันมากกว่า รวมถึง ตลาด เก๋ง B-segment ขึ้นไปมันไม่กระเตื้อง เลยหาทาง ปั๊มยอดขายจากรถ รุ่นพิเศษ ที่ทำภาษีใหม่ ละ ราคาได้ต่ำมากกว่า
-
ใช่ ผมพูดเรื่องมลพิษในอากาศเอง และใช่ที่มันแน่นหนามากเนื่องจากการที่ไม่ควบคุมมลพิษตั้งแต่ต้น หากไม่ได้เริ่มควบคุมตอนนี้แล้วยิ่งทำให้มันกระจายปกคลุมพื้นที่อื่นไปมากขึ้นย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ ดังนั้นมาตราการลดมลพิษทางอ้อมด้วยภาษีจึงเป็นสิ่งที่มีเหตุผลมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากเพื่อค่อยๆ บีบให้ผู้บริโภคและผู้ผลิตหันมาใส่ใจยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษน้อยลง หรือใช้วิธีการเดินทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า ส่งผลให้มลพิษไม่กระจายให้กระทบไปยังที่อื่นต่อ แต่ยังได้การลดมลพิษลงในจุดที่เป็นเหตุ และทำให้ส่วนอื่นที่มีมลพิษน้อยอยู่แล้วยิ่งลดลงไปอีก ยังไงก็ควบคุมจากการกระทำของมนุษย์เองได้ครับ เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุที่คุณกล่าวอ้าง
คุณบอกมาเองนะครับว่าทำไมตรงที่รถวิ่งน้อยๆ แล้วไม่ค่อยมีมลพิษ ลองคิดดูนะครับว่าจุดตรงนั้นประชาชนจะมีความสุขอยู่ แต่เมื่อกระจายมลพิษออกมา ประชาชนในจุดนั้นจะเริ่มไม่ค่อยมีความสุข เริ่มร้องเรียนมากขึ้น ปัญหามลพิษเริ่มกระจายออกไป คุณคิดถึงผลกระทบตรงนี้มั๊ย? ใช่ที่มันเพิ่มขึ้นใจจุดที่ไม่อันตราย แต่ทำให้สุขภาพจิตลดลงจะยอมได้หรือไม่? ผมไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะผลที่ก่อมาจากที่อื่น
ส่วนเรื่อง OEM ที่ผลิตตามมาตราฐาน EURO ที่คุณอ้าง ต้องรอให้รัฐบาลประกาศจูงใจถึงจะทำครับ ค่ายใหญ่ๆ หลายค่ายเนี่ยแหล่ะ บางครั้งก็ไม่เอาด้วยและขู่จะย้ายฐานผลิตออกไปก็มี อย่าคิดครับว่าทำอยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องรอให้รัฐบาลประกาศ
ผมจบเพียงเท่านี้ล่ะ
เรื่องมลพิษในอากาศเอง และใช่ที่มันแน่นหนามากเนื่องจากการที่ไม่ควบคุมมลพิษตั้งแต่ต้น หากไม่ได้เริ่มควบคุมตอนนี้แล้วยิ่งทำให้มันกระจายปกคลุมพื้นที่อื่นไปมากขึ้นย่อมไม่เป็นผลดีแน่ๆ
>> ผมต่อให้ ทุกรถทุกคันผ่านมาตราฐาน ใหม่หมด มลพิษ ใน กทม ก็ยังเกินครับ เพราะอะไร เพราะความหนาแน่นมากเกินไปครับ แต่ มลพิษลดลงแน่นอนครับ
ดังนั้นมาตราการลดมลพิษทางอ้อมด้วยภาษีจึงเป็นสิ่งที่มีเหตุผลมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากเพื่อค่อยๆ บีบให้ผู้บริโภคและผู้ผลิตหันมาใส่ใจยานพาหนะที่ปล่อยมลพิษน้อยลง
>> รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเพิ่ม ภาษีรถใหม่ครับ
แล้วไปเก็บภาษีรายปีรถเก่า แทนจะเป็นผลดีกว่าครับ เพราะ รถที่ปล่อยออกมาก่อนหน้านั้น 10 ปี ก็ยังวิ่งได้เรื่อยๆ ก่อมลพิษสูงได้เรื่อย
คุณบอกมาเองนะครับว่าทำไมตรงที่รถวิ่งน้อยๆ แล้วไม่ค่อยมีมลพิษ ลองคิดดูนะครับว่าจุดตรงนั้นประชาชนจะมีความสุขอยู่ แต่เมื่อกระจายมลพิษออกมา ประชาชนในจุดนั้นจะเริ่มไม่ค่อยมีความสุข เริ่มร้องเรียนมากขึ้น ปัญหามลพิษเริ่มกระจายออกไป คุณคิดถึงผลกระทบตรงนี้มั๊ย? ใช่ที่มันเพิ่มขึ้นใจจุดที่ไม่อันตราย แต่ทำให้สุขภาพจิตลดลงจะยอมได้หรือไม่? ผมไม่ต้องการให้คนอื่นเดือดร้อนเพราะผลที่ก่อมาจากที่อื่น
>> ผมไม่เคย พูดเรื่องการกระจาย มลพิษออกไปครับ มีแต่คุณที่พูด กลับไปอ่านข้อความคุรเองครับ อย่าสับสน
แต่ผมพูดเรื่อง ความหนาแน่น ที่มันมากเกินไป ย่อมก่อให้เกิด มลภาวะ และ มลพิษสูงครับ จนอยู่ในจุดที่อันตราย
แต่ รถใหม่ๆ ที่ Co2 ผ่านเกณ แทนที่จะได้ภาษีลดลง แต่ไม่ใช่ครับ ได้เท่าเดิม แต่ไปเก็บภาษีสูง รถที่ปล่อย Co2 สูง แปลว่า รถยนต์ ที่ Co2 ก็ยังสามารถ ออกมาวิ่งได้เหมือนเดิม ในขณะเดียวกัน รถบรรทุก ที่ปล่อย Co2 มหาศาล กลับได้เสียภาษีแค่ ไม่กี่ % มันสมเหตุสมผลไหม
ส่วนเรื่อง OEM ที่ผลิตตามมาตราฐาน EURO ที่คุณอ้าง ต้องรอให้รัฐบาลประกาศจูงใจถึงจะทำครับ ค่ายใหญ่ๆ หลายค่ายเนี่ยแหล่ะ บางครั้งก็ไม่เอาด้วยและขู่จะย้ายฐานผลิตออกไปก็มี อย่าคิดครับว่าทำอยู่แล้วโดยที่ไม่ต้องรอให้รัฐบาลประกาศ
>> ไม่มี ค่ายไหนไม่เอาด้วย หรอกครับ เพราะ มาตราฐาน ที่ประเทศไทยเอามาใช้ ก็มาจาก อเมริกา และ ยุโรษ ซึ่งเป็น บริบัทแม่ของ OEM มาก่อน ไม่ได้ คิดมาตราฐานขึ้นมาเอง
ทุกวันนี้ B-segment และ C-segment รวมถึง D-segment ก้แบบที่เห็นครับ ยอดมันไม่จูงใจให้คนซื้อใช้ ภาษีมันก็เท่าเดิม มีแต่เพิ่ม
เหตุผลของ Eco car โดยส่วยตัวผมคิดเองจริงๆ มันไม่ได้มาจากมลพิษหรอกครับ มันมาจาก อัตราการบริโภคน้ำมันมากกว่า รวมถึง ตลาด เก๋ง B-segment ขึ้นไปมันไม่กระเตื้อง เลยหาทาง ปั๊มยอดขายจากรถ รุ่นพิเศษ ที่ทำภาษีใหม่ ละ ราคาได้ต่ำมากกว่า
คุณแถต่อเองแล้วกัน ผมจบไปละ ต่อให้อธิบายยังไงคุณก็พยายามเอาชนะให้ได้อยู่ดี เพราะประเด็นจริงๆ คือแค่เรื่องต้นเหตุกับปลายเหตุ ผมนับถือมากเลยที่คุณพยายามมาได้ขนาดนี้
-
คุณแถต่อเองแล้วกัน ผมจบไปละ ต่อให้อธิบายยังไงคุณก็พยายามเอาชนะให้ได้อยู่ดี เพราะประเด็นจริงๆ คือแค่เรื่องต้นเหตุกับปลายเหตุ ผมนับถือมากเลยที่คุณพยายามมาได้ขนาดนี้
ครับ ผมก็แถ ต่อจากคุณนั่นละ ต้นเหตุ ที่ กทม มัน มลพิษเยอะ