Headlight Magazine : community

General => Discussion Forum => ข้อความที่เริ่มโดย: H3T ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 20:46:31

หัวข้อ: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: H3T ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 20:46:31
 ภาษีสรรพสามิต
   Note 1.2 ตอนนี้อยู่ในพิกัด 17% จากเงื่อนไข eco car เฟส 1
   Note e-power จะอยู่ในพิกัด 5% จากเงื่อนไข hybrid ใหม่

 ราคา Note 1.2VL ตอนนี้ 640,000 บาท
 ถ้ามีช่องว่างราคาให้ Note e-power ประมาณ 1.5 แสนบาท

 Note e-power จะอยู่ที่ 7.9 แสนบาทโดยประมาณ

 ตัวเลขนี้กับเป้า 350 คัน/เดือน พอจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ลองแลกเปลี่ยนกันดูครับ 
 
 
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 20:58:27
อยากให้มีรุ่นรองราคา 7 แสน จะเป็นไปได้มั้ยครับ
กับรุ่นท้อป 7.6 แสน แต่ option ขอเทพมากๆ
คิดว่าถ้าราคานี้ 350 คันน่าจะเป็นไปได้ครับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: bobsan ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:12:55
7.9 ไม่น่าจะไปได้ครับ

วันนี้ผมเพิ่งเดินผ่าน note vl ยังคิดอยู่เลยว่ารถสวยแหะ แต่ 6.4 กับเครื่อง 1.2 แถม cvt เย่อๆแบบนี้ราคาแรงไปนะ ถึงจะได้ active safety มาเยอะก็เถอะ

อย่างเมื่อปี 2012 jazz hybrid เปิดตัวถ้าจำไม่ผิด เปิดที่ 7.6 แต่มีรถคันแรกช่วยลดไปได้หกหมื่น
ยังขายไม่ได้เลยครับ หลังๆต้องเอามาลดเกินแสนถึงจะพอออก

แต่ก็เข้าใจครับว่าเทคโนโลยีเหนือกว่ากัน แต่แบรนด์ไม่ได้เหนือกว่า
แถมกระแสรถที่มีแบตเตอรี่แบบนี้ไม่ดีครับ คนส่วนใหญ่ยังไม่เปิดใจ

เอาแถวๆ 6.9-7.2 พอครับ แล้วตัด vl ทิ้งไปเลย
ถ้าจะตั้งที่ 7.9 ถุงลม 6-7 ใบต้องมา หลังคากระจกต้องมีครับ แบบนี้ขายกระจาย
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:15:53
E-power ไม่ควรเกิน 7 แสนครับ

พ่อผมสนใจ ถ้าเรามันไม่แพงมาก แต่ถ้าเกินนั้น จะกลับไปคบ เครื่อง 1.5 แบบ Sienta ดีกว่า
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GOBBS ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:18:50
ราคาจะพอๆกับ 2 ดีเซล top
รถใหญ่กว่า ประหยัดน่าจะสูสีถึงดีกว่า(มั้ง) แรงแต่ซนทำต่อได้ยากกว่า ขาซิ่งอาจจะไม่ชอบ ระยะยาวน่าเป็นห่วงกว่ามาก
และด้วยชื่อเสีย(ง) นิสสันตอนนี้ น่าจะยากนะครับ ถ้ามองว่า 2 ดีเซลขายได้เดือนละ 500คันเองนะ...
แต่อยากให้ลองเอามานะ สำหรับคันนี้บอกแบบแมนๆเลยว่า เชียร์ให้เข้ามาแต่ผมไม่ซื้อ 55555
แต่ถ้ากดราคาได้ต่ำกว่า 7.5แสน(ตีกับ jazz top) แล้วแจงราคาอะไหล่ในอนาคตว่าไม่แพงได้เนี่ย ... เกมอาจจะเปลื่ยนนะ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ariazero ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:23:17
ราคามันควรจะ 690k ไม่ก็ 75k  และไม่ควรเกินนี้อย่างแรง

E-power ไม่ควรหวังให้มาก 350 / 3 เหลือเฉลี่ย 70 คันต่อเดือนน่าจะสูงสุดแล้วที่จะเป็นไปได้ครับ

นี่คือ พลังของ Brand Nissan + เทคโนโลย (เก่า...ซึ่งที่ญ๊่ปุ่น MC ไปแล้วใช่มะ?)

ผมมองเอาจากยอด X-Tral Hybrid เลยนะผมว่าแนวๆเดียวกัน

จำได้ว่า Honda สมัยก่อนเอามาลงกัน 2 รุ่นเพื่อลองดูก่อนว่า "มันจะรอดม่ะ" นั่นก็คือ Jazz กับ Civic ลงทำตลาดแบบสู้ขาดใจอยู่

ซึ่งขายไม่ค่อยจะออกครับผม ที่ยังรอดมีแค่ระดับ D-Segment เท่านั้น 

ขนาด Prius ยังถอยกลับไปตั้งหลัก (ได้ข่าวว่าจะมาใหม่) งานนี้ Nissan จะเอาพลังนี้เข้ามา

"คิดดีๆ"  :( 

แต่คิดอีกแง่ BM กับ Benz เขาก็แปลงรถเขาเป็นไฟฟ้ากันส่วนใหญ่และ เพราะงั้น....ไม่แน่ครับ

หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:32:18
ต้องเปิดรุ่นราคาถูกมาเรียกแขกซัก 6.9 แล้วชูเรื่องประหยัดน้ำมันแบบบ้าคลั่งแต่แรง !!! ส่วนรุ่นท็อป 7.9 ยัดระบบต่างๆเอาชนิด D-Segment มองค้อน เป้า 350 คัน/เดือนมีแววเป็นไปได้
ปล. อ่านแล้วก็เพลียนะเชียร์ให้มากันจัง e-power เนี่ย พอจะมาจริงๆก็มาบอกใครจะซื้ออีกโอยตายๆ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: MUK ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:34:33
ถ้าราคามาประมาณความคิดเห็นหลายๆท่าน ก็น่าสนใจไม่น้อยครับ แต่ขอให้นิสสันปรับปรุงบริการหลังการขายด้วยนะครับ จำนวน 350 คงไม่ใช่เรื่องยากครับ
รีบจัดมาก่อนใครๆ แล้วปรับปรุงบริการ ให้ดีสุดๆ ไปเลย จะได้กลับมาสักทีครับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:34:54
ต้องเปิดรุ่นราคาถูกมาเรียกแขกซัก 6.9 แล้วชูเรื่องประหยัดน้ำมันแบบบ้าคลั่งแต่แรง !!! ส่วนรุ่นท็อป 7.9 ยัดระบบต่างๆเอาชนิด D-Segment มองค้อน เป้า 350 คัน/เดือนมีแววเป็นไปได้
ปล. อ่านแล้วก็เพลียนะเชียร์ให้มากันจัง e-power เนี่ย พอจะมาจริงๆก็มาบอกใครจะซื้ออีกโอยตายๆ

ถ้าแบบนี้สมเหตุผลคับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดราม่า ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:39:45
ปล. อ่านแล้วก็เพลียนะเชียร์ให้มากันจัง e-power เนี่ย พอจะมาจริงๆก็มาบอกใครจะซื้ออีกโอยตายๆ

จริงๆ เรื่องนี้ก็สงสารนิสสันอยู่

Juke อยากให้มาๆ ถึงเวลาซื้อมั้ย ซื้อแป๊บๆ แป้ก จบ...
Turbo อยากให้มาๆ ถึงเวลาซื้อมั้ย ซื้อนิดๆ แป้ก จบ...

สงสารการตลาดเอาใจคนไทยไม่ถูก เดี๋ยวทำตัว 6.9 แสนมา ออพชั่นความปลอดภัยต่ำกว่า Note VL ก็โดนด่าอีก
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ซิ่งเข้าส้วม ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:40:50
ผมว่าได้ครับ ถ้าราคาสมเหตุสมผล

มันแรงกว่า ประหยัดกว่าดีเซล และใหญ่ แต่ 790,000 นี่ราคาสูงไปสำหรับ b seg nissan

แล้วภาษีเสียจิ๊ดเดียว ถ้าตั้งราคามาแพงก็ขายยากอะครับ

แต่นิสสัน การตลาดเพี้ยนๆ เกิดขึ้นได้เสมอ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: locomotive ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:43:12
คนซื้อรถไม่ได้เล่น เน๊ต เฟส ก็เยอะ คนส่วนใหญ่เอาปัญหาให้น้อยที่สุด เครื่องยนต์ธรรมดาดีที่สุดแล้ว ยิ่งในต่างจังหวัด ซ่อมง่าย สบายกระเป๋า เพราะฉนั้น 150 คัน ยังเหนื่อย ดีไม่ดี อาจไม่ถึง 100 ด้วยซ้ำไป และเดาได้ ราคาไม่ถูกแน่นอน มี 8.5 แสน
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:46:45
เอ แต่ผมได้ยินข่าวมาว่า ต้นทุนของ E-power ถูกกว่า Jazz อีกนะคับ

แบตลูกเล็กกว่า ราคาน่าจะลงไปกว่า Jazz

เอามาเสริมทับเฉยๆ อาจจะมีลุุ้นราคาได้ป่าวคับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:53:42
ปล. อ่านแล้วก็เพลียนะเชียร์ให้มากันจัง e-power เนี่ย พอจะมาจริงๆก็มาบอกใครจะซื้ออีกโอยตายๆ

จริงๆ เรื่องนี้ก็สงสารนิสสันอยู่

Juke อยากให้มาๆ ถึงเวลาซื้อมั้ย ซื้อแป๊บๆ แป้ก จบ...
Turbo อยากให้มาๆ ถึงเวลาซื้อมั้ย ซื้อนิดๆ แป้ก จบ...

สงสารการตลาดเอาใจคนไทยไม่ถูก เดี๋ยวทำตัว 6.9 แสนมา ออพชั่นความปลอดภัยต่ำกว่า Note VL ก็โดนด่าอีก

สมมุติ e-power เริ่มต้น 6.9 แสน เอาจริงๆอุปกรณ์ติดรถระดับ Note รุ่น V ก็โอเคล่ะนะ ข้าวของพื้นฐานครบหมด แต่ยังไงโดนเอาไปเทียบ honda jazz อยู่ดีน่ะแหละ

เอ แต่ผมได้ยินข่าวมาว่า ต้นทุนของ E-power ถูกกว่า Jazz อีกนะคับ

แบตลูกเล็กกว่า ราคาน่าจะลงไปกว่า Jazz

เอามาเสริมทับเฉยๆ อาจจะมีลุุ้นราคาได้ป่าวคับ

ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: แมวดราม่า ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 21:56:18
เอ แต่ผมได้ยินข่าวมาว่า ต้นทุนของ E-power ถูกกว่า Jazz อีกนะคับ

แบตลูกเล็กกว่า ราคาน่าจะลงไปกว่า Jazz

เอามาเสริมทับเฉยๆ อาจจะมีลุุ้นราคาได้ป่าวคับ

 :-\

เทคโนโลยีมันคนละเรื่องเลย

เอาไปเทียบกะ Jazz Hybrid เนี่ยนะ? IMA มันไม่ได้ทำดีแบบ Accord Hybrid ตอนนี้นะครับ

โอ้ย ตาย
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 22:02:38
เอ แต่ผมได้ยินข่าวมาว่า ต้นทุนของ E-power ถูกกว่า Jazz อีกนะคับ

แบตลูกเล็กกว่า ราคาน่าจะลงไปกว่า Jazz

เอามาเสริมทับเฉยๆ อาจจะมีลุุ้นราคาได้ป่าวคับ

 :-\

เทคโนโลยีมันคนละเรื่องเลย

เอาไปเทียบกะ Jazz Hybrid เนี่ยนะ? IMA มันไม่ได้ทำดีแบบ Accord Hybrid ตอนนี้นะครับ

โอ้ย ตาย

ใจเย็นๆ ผมฟังมาอีกที 555

ปล. อ่านแล้วก็เพลียนะเชียร์ให้มากันจัง e-power เนี่ย พอจะมาจริงๆก็มาบอกใครจะซื้ออีกโอยตายๆ

จริงๆ เรื่องนี้ก็สงสารนิสสันอยู่

Juke อยากให้มาๆ ถึงเวลาซื้อมั้ย ซื้อแป๊บๆ แป้ก จบ...
Turbo อยากให้มาๆ ถึงเวลาซื้อมั้ย ซื้อนิดๆ แป้ก จบ...

สงสารการตลาดเอาใจคนไทยไม่ถูก เดี๋ยวทำตัว 6.9 แสนมา ออพชั่นความปลอดภัยต่ำกว่า Note VL ก็โดนด่าอีก

สมมุติ e-power เริ่มต้น 6.9 แสน เอาจริงๆอุปกรณ์ติดรถระดับ Note รุ่น V ก็โอเคล่ะนะ ข้าวของพื้นฐานครบหมด แต่ยังไงโดนเอาไปเทียบ honda jazz อยู่ดีน่ะแหละ

เอ แต่ผมได้ยินข่าวมาว่า ต้นทุนของ E-power ถูกกว่า Jazz อีกนะคับ

แบตลูกเล็กกว่า ราคาน่าจะลงไปกว่า Jazz

เอามาเสริมทับเฉยๆ อาจจะมีลุุ้นราคาได้ป่าวคับ

ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า

ผมฟังมาอีกทีคับ แต่เห็นด้วยเรื่อง ตัว V เริ่มต้นควรมี
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: axister ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 22:21:17
คงต้องให้ค่ายใหญ่ๆ ปรับตัวเป็นไฟฟ้าให้คนหายกลัวก่อนมั้งคับ คงต้องรออีก 2-3 ปี ให้ merc ชูโรงความเป็นไฟฟ้าก่อน ถ้าไม่มี pioneer ออกมาพวกรถแมสขายยาก

คงต้องขายความหรูมากกว่าความแรง ดูอย่างแคมรี มีคนเอาไปแต่งไฮบริดกัน งงว่า..เพื่อ

ไม่ก็ต้องรอให้เด็กเจนใหม่ๆโตขึ้นมาซื้อไหวก่อน ตอนนี้ผู้ใหญ่เป็นโรคกลัวพลังไฟฟ้ากันมาก รอบๆตัวผมนิพูดถึง 330e ส่ายหน้ากันหมดยังไม่เคยเห็นรถเลยด้วยซ้ำ



เรื่องคนอวยคงต้องปลงๆหน่อยแหละ ก็มีแต่บอร์ดนิแหละเชียร์กัน เอาแรงปริ้ด คนที่ซื้อรถ concern หลายอย่าง ไม่งั้นรถ 1.2คงขายไม่ได้สักคัน

ไม่งั้น mt ไม่หายไปในหลายๆรุ่นหรอก มีแต่คนบอก mt mt mt mt เอาจิงมาหลายๆคนก็ไม่ซื้อไปเชียร์รุ่นอื่นต่อ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: masuoka ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 22:26:26
Note กำลังเป็นข่าวฉาวเลยนะช่วงนี้ ยอดจะมีปัญหาหรือเปล่าลุ้นเอานิสสัน

https://youtu.be/zSGa4lsCTAU

หนุ่มร้องโซเชียล ซื้อรถป้ายแดงปัญหาเพียบ

อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/clip/142269
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 23:03:57


ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า

ถูกว่าไงครับ เพราะระบบ E-power มันไม่ซับซ้อนครับ
แบตก็ลูกเล็กทุกอย่างไฟฟ้าล้วน ผมว่ารวมถึงคอมแอร์ครับ เดาว่าคอมแอร์ไฟฟ้า ไม่ใช่คอมแอร์ไฮบริต ลูกละหลายหมื่น

ผมยังไม่รู้การทำงานแอร์ รถ E-power ช่วบอกทีแบบไหนเอ่ย
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 23:15:20


ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า

ถูกว่าไงครับ เพราะระบบ E-power มันไม่ซับซ้อนครับ
แบตก็ลูกเล็กทุกอย่างไฟฟ้าล้วน ผมว่ารวมถึงคอมแอร์ครับ เดาว่าคอมแอร์ไฟฟ้า ไม่ใช่คอมแอร์ไฮบริต ลูกละหลายหมื่น

ผมยังไม่รู้การทำงานแอร์ รถ E-power ช่วบอกทีแบบไหนเอ่ย
มันใช้คอมแอร์ไฟฟ้าลูกละหมายหมื่นแบบรถไฮบริดรุ่นอื่นๆตอนนี้น่ะแหละครับ Note e-power หลักการทำงานคือเอาเครื่องยนต์ไว้ปั่นไฟเข้าแบตไม่ได้ขับเคลื่อนรถโดยตรง หลักการทำงานจะคล้ายกับรถไฟระบบดีเซลไฟฟ้าครับ เครื่องยนต์ปั่นไฟไปหมุนมอเตอร์ที่เชื่อมกับล้ออีกทีนึง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไม่ได้น้อยไปกว่ารถไฮบริดปกติหรอกครับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sacrifice ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 23:38:09
ยากที่สุด 7.9 แสน แรกๆ อาจจะพอขายได้คนเห่อ อยากลอง เบนซินไฟฟ้า แต่พอคนกลุ่มนี้ซื้อไปหมด
ก็คงเหมือน Juke หรือ wish ที่ขายไม่ออก  อย่างไงผมก็ว่า รุ่น Top ไม่ควรเกิน 7.5 แสน

7.9 แสน เพิ่มอีกนิดซื้อ altis ตัวล่าง หรือ civic ตัวล่างดีกว่า  หรือไม่ก็จัด city ตัว top 7.5 แสน
คุ้มกว่าเห็นๆ note-e power นี่เครื่อง 1.2  แถมแบตกับระบบ inverter ที่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ
รวมถึง band nissan ที่ขึ้นชื่ออะไหล่ห่วย  มือสองราคาตก
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Sacrifice ที่ กรกฎาคม 08, 2017, 23:48:53
อ้างจาก: mamaman link=topic=59972.msg1055478#msg10551499529837
478 date=


ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า

ถูกว่าไงครับ เพราะระบบ E-power มันไม่ซับซ้อนครับ
แบตก็ลูกเล็กทุกอย่างไฟฟ้าล้วน ผมว่ารวมถึงคอมแอร์ครับ เดาว่าคอมแอร์ไฟฟ้า ไม่ใช่คอมแอร์ไฮบริต ลูกละหลายหมื่น

ผมยังไม่รู้การทำงานแอร์ รถ E-power ช่วบอกทีแบบไหนเอ่ย
มันใช้คอมแอร์ไฟฟ้าลูกละหมายหมื่นแบบรถไฮบริดรุ่นอื่นๆตอนนี้น่ะแหละครับ Note e-power หลักการทำงานคือเอาเครื่องยนต์ไว้ปั่นไฟเข้าแบตไม่ได้ขับเคลื่อนรถโดยตรง หลักการทำงานจะคล้ายกับรถไฟระบบดีเซลไฟฟ้าครับ เครื่องยนต์ปั่นไฟไปหมุนมอเตอร์ที่เชื่อมกับล้ออีกทีนึง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไม่ได้น้อยไปกว่ารถไฮบริดปกติหรอกครับ

มันน้อยกว่า hybrid ทั่วไปตรงมันไม่มีเกียร์ครับอันนี้ก็ประหยัดไปได้เกือบแสนแล้ว  และแบตลูกเล็กกว่า
ผมไม่แน่ใจว่ามันมีระบบเบรคชาร์จไฟคืนแบตด้วยหรือเปล่าว ผมว่าไม่น่ามีเพราะแบตเล็กมาก 1.5 kWh
คงทำแบบง่ายๆ โง่ๆเลย วิ่งช้าก็เดินรอบช้า ปั่น gen ช้า  วิ่งเร็ว ก็ปั่นเร็ว รอบเครื่องสูง

ลองแปลญี่ปุ่น review ดูข้อเสียบอกแย่ตรงไม่มี e-mode เวลาเข้าโรงเรียน ที่ชุมชนไม่อยากปล่อยมลพิษ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Auto ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 02:32:43
ผมคนนึงไม่ซื้อครับ   ตัดชื่อผมออกไปได้เลย 
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 06:15:51


ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า

ถูกว่าไงครับ เพราะระบบ E-power มันไม่ซับซ้อนครับ
แบตก็ลูกเล็กทุกอย่างไฟฟ้าล้วน ผมว่ารวมถึงคอมแอร์ครับ เดาว่าคอมแอร์ไฟฟ้า ไม่ใช่คอมแอร์ไฮบริต ลูกละหลายหมื่น

ผมยังไม่รู้การทำงานแอร์ รถ E-power ช่วบอกทีแบบไหนเอ่ย
มันใช้คอมแอร์ไฟฟ้าลูกละหมายหมื่นแบบรถไฮบริดรุ่นอื่นๆตอนนี้น่ะแหละครับ Note e-power หลักการทำงานคือเอาเครื่องยนต์ไว้ปั่นไฟเข้าแบตไม่ได้ขับเคลื่อนรถโดยตรง หลักการทำงานจะคล้ายกับรถไฟระบบดีเซลไฟฟ้าครับ เครื่องยนต์ปั่นไฟไปหมุนมอเตอร์ที่เชื่อมกับล้ออีกทีนึง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไม่ได้น้อยไปกว่ารถไฮบริดปกติหรอกครับ

คอมแอร์ไฟฟ้า ไม่เหมือนคอมแอร์ไฮบริดนะครับผมเลยถาม

คอมแอร์ไฮบริดคือ คอมแอรไฮบริดนะครับ ลองดูดีๆ ไฮบริดแพงเพราะ อะไร ต่างกับ อีเพาเวอรยังไง
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 08:08:08
หมว่าอาจจะเกิด scenario ใหม่ๆ ก็ได้นะครับ
อย่างหลายคนเอาไปเทียบสมัย Jazz Hybrid IMA เจ้านี้ก็ไม่ได้ดังอะไรที่ญี่ปุ่นนะครับ
เพราะอย่างที่รู้ มันเป็นระบบ Hybrid แบบสู้สมรรถนะตัว Hybrid ของ Toyotaไม่ได้
แต่กลับกัน เกมเปลี่ยนเมื่อ Nissan อุตริทำอะไรไม่รู้เอาน้ำมันมาปั่นไฟซะเฉยๆ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

ตรงนี้ต้องบอกว่า หลักการของ e-power มันดูเข้าใจง่ายด้วย เด็ประถมฟังก็ไม่งง
ต่างจากระบบ Hybrid ที่แค่อธิบายก็งงไปหลายวัน แถมดูยุ่งยาก พัวพัน ซับซ้อน
เมื่อมองในจุดนี้ ก็ต้องฝากฝีมือไว้ที่การตลาดแล้วล่ะครับ ว่าจะหามุขยังไงมาตีให้แตก
e-power มันไม่ใช่ Hybrid อย่างที่เคยมีมา มันง่าย มันเร็ว และประหยัดมาก สื่อมาให้ง่ายๆ
ชูอะไรที่มันง่ายๆ ยังมีเรื่องที่ราคาชิ้นส่วนน่ากลัว อันนี้ก็อีกเรื่อง ไปคิดเอาว่าจะตั้งราคายังไง
หรือมีผ่อนค่าวัสดุ 0% 555 พอดีไปอ่านค่าชิ้นส่วน X-trail hybrid ก็โหดอยู่ครับ
ก็หวังว่ามันเป็นชิ้นส่วนที่อายุยาวกว่า 10 ปี และรับประกันทุกชิ้นที่แพง ตรงนี้ค่อยรู้สึกโอเคหน่อย

Jazz Hybrid IMA สมรรถนะไม่ได้ดี ราคาแพงเมื่อเทียบกับอัตราเร่ง และฟังดูระบบดูยุ่งยาก
ซับซ้อนแบบ Hybrid ทั่วๆ ไป ดังนั้นจึงคิดว่า Note e-power ทำตลาดได้ง่ายกว่าครับ
ระบบง่าย จุดขายเพียบ ทำตลาดดีๆ น่าจะแย่งยอดจากรุ่นอื่นได้ด้วยซ้ำครับ และพยายามอย่าประหยัดงบ
โฆษณา กับมีกันชนหน้าใหม่มาด้วยก็จะดีไม่น้อยนะครับ ที่ญี่ปุ่นมีหน้าตัวนี้หนิครับ จะได้ดูมี
image ไม่ซ้ำกับตัวล่าง ลงทุนหน่อยวางแผนแย่งยอดขายเจ้าตลาดเลยครับลองดู

(https://s3.paultan.org/image/2016/11/Nissan-Note-e-Power-30-e1481017165999.jpg)
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 08:30:13


ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า

ถูกว่าไงครับ เพราะระบบ E-power มันไม่ซับซ้อนครับ
แบตก็ลูกเล็กทุกอย่างไฟฟ้าล้วน ผมว่ารวมถึงคอมแอร์ครับ เดาว่าคอมแอร์ไฟฟ้า ไม่ใช่คอมแอร์ไฮบริต ลูกละหลายหมื่น

ผมยังไม่รู้การทำงานแอร์ รถ E-power ช่วบอกทีแบบไหนเอ่ย
มันใช้คอมแอร์ไฟฟ้าลูกละหมายหมื่นแบบรถไฮบริดรุ่นอื่นๆตอนนี้น่ะแหละครับ Note e-power หลักการทำงานคือเอาเครื่องยนต์ไว้ปั่นไฟเข้าแบตไม่ได้ขับเคลื่อนรถโดยตรง หลักการทำงานจะคล้ายกับรถไฟระบบดีเซลไฟฟ้าครับ เครื่องยนต์ปั่นไฟไปหมุนมอเตอร์ที่เชื่อมกับล้ออีกทีนึง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไม่ได้น้อยไปกว่ารถไฮบริดปกติหรอกครับ

คอมแอร์ไฟฟ้า ไม่เหมือนคอมแอร์ไฮบริดนะครับผมเลยถาม

คอมแอร์ไฮบริดคือ คอมแอรไฮบริดนะครับ ลองดูดีๆ ไฮบริดแพงเพราะ อะไร ต่างกับ อีเพาเวอรยังไง

คอมแอร์ e-power มันก็คือคอมแอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในรถไฮบริดจริง ๆ แหละครับ  เพราะมันดึงเอาไฟฟ้าจากแบต
มาทำงานเหมือน ๆ กัน    อย่าเพิ่งไปนึกถึง IMA Hybrid ของ Honda (Jazz / Civic FB)
เพราะรายนั้นใช้คอมแอร์แบบสายพานจากเครื่องยนต์มาหมุนเหมือนรถน้ำมันทั่ว ๆ ไป เวลาเครื่องดับจึงไม่เย็นไง

อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับ  e-power มันก็ Hybrid ชนิดนึง  ทุกสิ่งอย่างที่เราผวาใน Hybrid
มันมาเต็มฮะ ไม่ว่าจะเป็น Battery, Motor-Generator, Invertor, แม่ปั๊มเบรคไฟฟ้า, ปั๊มพาวเวอร์
แอร์ จิปาถะ

เอาจริง ๆ นะ  เราลืมระบบ Hybrid ใน Accord G9 ไปแล้วเหรอ?
ผมว่า e-power ของ Nissan เนี่ย มันทำงานแค่ 1 ใน 3 โหมด ของ Hybrid Honda นะ
เพราะรายนั้นก็เอาเครื่อง 2.0 ลิตร มาปั่นไฟให้มอเตอร์ไปหมุนล้อเหมือนกัน
เพียงแต่เพิ่มเติมคือ มันมีโหมดที่วิ่งด้วยไฟฟ้าเพียว ๆ ได้แป๊บนึงเท่าที่ไฟในแบตจะมี
กับโหมดที่ เอาเครื่องยนต์ไปปั่นล้อตรง ๆ แบบรถน้ำมัน ซึ่ง..... ตรงนั้นแหละที่น่าสนใจว่า
ทำไมต้องมีโหมดนี้    เท่าที่ผมคิด  โดยปกติแล้ว ตามหลักการเปลี่ยนแปลงพลังงาน

น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) --> ไฟฟ้า --> มอเตอร์ (กล) --> ล้อหมุน

กับ

น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) --> ล้อหมุน

จะเห็นว่ามันมี lost อยู่     แต่ Ok ที่บางท่านว่า ถ้าเครื่องยนต์หมุนคงที่ที่รอบประสิทธิภาพสูงสุดเอาไปปั่นไฟ
ก็น่าจะได้ประสิทธิภาพดีกว่าการที่เครื่องยนต์หมุนในรอบที่ไม่คงที่เพื่อหมุนล้อโดยตรง

แต่มันก็น่าจะมีจุดนึงที่การเอาเครื่องยนต์ไปปั่นไฟก่อนแล้วค่อยให้มอเตอร์ไปหมุนล้อมีประสิทธิภาพต่ำกว่าการขับล้อโดยตรง
ซึ่งผมคิดว่าจุดเปลี่ยนตรงนั้นคือจุดที่ Honda เปลี่ยนโหมดเอาเครื่องยนต์ปั่นไฟมาเป็นเครื่องยนต์ขับล้อโดยตรงไงครับ
ซึ่งโหมดนี้แหละที่ e-power ไม่มี 

ดังนั้นระบบ e-power นี้จึงน่าจะมีจุดอ่อนเรื่องประสิทธิภาพอยู่ แต่ต้องช่วงที่ประสิทธิภาพต่ำกว่านั้นอยู่ในช่วงภาระโหลด
หรือความเร็วเท่าใด ซึ่งถ้าเราจะไม่ใช่รถคันนี้ที่ช่วงโหลดเกินกว่านั้นมันก็ OK อ่ะครับ (แอบคิดเล็ก ๆ ไม่ได้ว่าที่มันนิยม
ในญี่ปุ่นเพราะมันถูกจริตกับคนญี่ปุ่นขับรถกันแบบมุ้งมิ้ง ๆ แต่กับคนไทยที่ขับแบบฮาร์ดคอร์กว่าเยอะนั้นมันจะตอบโจทย์มั้ยนะ)

ผมว่าใจเย็น ๆ ก่อน  ค่อย ๆ ดูให้รอบคอบ อย่าเพิ่งทุ่มเทความรักความหวังจนหมดหัวใจ เวลาอกหักผิดหวังจะได้ไม่เสียใจแรง

 
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: AVANTGARDe' ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 08:36:51
ไม่เกิน 7.3 ออพชันยืนพื้นตัวท้อป
เพิ่ม
เครื่อง e-power
พวงมาลัยหุ้มหนัง+ครูสคอนโทรล
เบาะนั่งแบบโฉมญี่ปุ่น
กล้องรอบคันออกจอกลาง (ปัจจุบันทำได้แค่เขื่อมสัญญาณจากกระจกมองหลัง ซึ่งมันใช้ได้แค่ถอยหลัง)

แต่การตลาดนิสสันยิ่งเพี้ยนๆอยู่ อาจจะเจออะไรที่ไม่คิดว่าคนปกติเค้าจะทำกันก็ได้  :'(
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 08:48:10
ในบ้านเรามีคนขับแบบ Hard core หลักๆ ก็มีกระบะ รถตู้ รถเมล์ SUV
รถเก๋งเฉพาะบางรุ่นเองนะครับ และก็อยู่แถบชานเมือง นอกเมืองเยอะ แต่ในเมือง
ที่ขับมุ้งมิ้งเยอะนะครับ แต่คนส่วนมากติดเรื่องเครื่องต้องแรง ไม่อืด แต่ตอนใช้จริงเหยียบรึเปล่า
อันนี้อีกเรื่อง
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: O_o" ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 08:51:28
เชียร์​อยากให้มาขายกันเหลือเกิน  ตัวรถไม่เท่าไร ห่วงแต่ศูนย์​บริการมากกว่า อยากให้มาขายถูกๆ ตั้งราคาดีๆ แต่ราคาซ่อมบำรุง​นี้สิ หลายคนมีเงินพร้อมซื้อรถ แต่ไม่มีเงินพร้อมซ่อมบำรุง​ ถ้าเจอค่าซ่อมบำรุง​รอบละ 8-9 พันบาท คงคิดไม่ตกเช่นกันครับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 11:02:24


ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า

ถูกว่าไงครับ เพราะระบบ E-power มันไม่ซับซ้อนครับ
แบตก็ลูกเล็กทุกอย่างไฟฟ้าล้วน ผมว่ารวมถึงคอมแอร์ครับ เดาว่าคอมแอร์ไฟฟ้า ไม่ใช่คอมแอร์ไฮบริต ลูกละหลายหมื่น

ผมยังไม่รู้การทำงานแอร์ รถ E-power ช่วบอกทีแบบไหนเอ่ย
มันใช้คอมแอร์ไฟฟ้าลูกละหมายหมื่นแบบรถไฮบริดรุ่นอื่นๆตอนนี้น่ะแหละครับ Note e-power หลักการทำงานคือเอาเครื่องยนต์ไว้ปั่นไฟเข้าแบตไม่ได้ขับเคลื่อนรถโดยตรง หลักการทำงานจะคล้ายกับรถไฟระบบดีเซลไฟฟ้าครับ เครื่องยนต์ปั่นไฟไปหมุนมอเตอร์ที่เชื่อมกับล้ออีกทีนึง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไม่ได้น้อยไปกว่ารถไฮบริดปกติหรอกครับ

คอมแอร์ไฟฟ้า ไม่เหมือนคอมแอร์ไฮบริดนะครับผมเลยถาม

คอมแอร์ไฮบริดคือ คอมแอรไฮบริดนะครับ ลองดูดีๆ ไฮบริดแพงเพราะ อะไร ต่างกับ อีเพาเวอรยังไง

คอมแอร์ e-power มันก็คือคอมแอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในรถไฮบริดจริง ๆ แหละครับ  เพราะมันดึงเอาไฟฟ้าจากแบต
มาทำงานเหมือน ๆ กัน    อย่าเพิ่งไปนึกถึง IMA Hybrid ของ Honda (Jazz / Civic FB)
เพราะรายนั้นใช้คอมแอร์แบบสายพานจากเครื่องยนต์มาหมุนเหมือนรถน้ำมันทั่ว ๆ ไป เวลาเครื่องดับจึงไม่เย็นไง

อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับ  e-power มันก็ Hybrid ชนิดนึง  ทุกสิ่งอย่างที่เราผวาใน Hybrid
มันมาเต็มฮะ ไม่ว่าจะเป็น Battery, Motor-Generator, Invertor, แม่ปั๊มเบรคไฟฟ้า, ปั๊มพาวเวอร์
แอร์ จิปาถะ

เอาจริง ๆ นะ  เราลืมระบบ Hybrid ใน Accord G9 ไปแล้วเหรอ?
ผมว่า e-power ของ Nissan เนี่ย มันทำงานแค่ 1 ใน 3 โหมด ของ Hybrid Honda นะ
เพราะรายนั้นก็เอาเครื่อง 2.0 ลิตร มาปั่นไฟให้มอเตอร์ไปหมุนล้อเหมือนกัน
เพียงแต่เพิ่มเติมคือ มันมีโหมดที่วิ่งด้วยไฟฟ้าเพียว ๆ ได้แป๊บนึงเท่าที่ไฟในแบตจะมี
กับโหมดที่ เอาเครื่องยนต์ไปปั่นล้อตรง ๆ แบบรถน้ำมัน ซึ่ง..... ตรงนั้นแหละที่น่าสนใจว่า
ทำไมต้องมีโหมดนี้    เท่าที่ผมคิด  โดยปกติแล้ว ตามหลักการเปลี่ยนแปลงพลังงาน

น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) --> ไฟฟ้า --> มอเตอร์ (กล) --> ล้อหมุน

กับ

น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) --> ล้อหมุน

จะเห็นว่ามันมี lost อยู่     แต่ Ok ที่บางท่านว่า ถ้าเครื่องยนต์หมุนคงที่ที่รอบประสิทธิภาพสูงสุดเอาไปปั่นไฟ
ก็น่าจะได้ประสิทธิภาพดีกว่าการที่เครื่องยนต์หมุนในรอบที่ไม่คงที่เพื่อหมุนล้อโดยตรง

แต่มันก็น่าจะมีจุดนึงที่การเอาเครื่องยนต์ไปปั่นไฟก่อนแล้วค่อยให้มอเตอร์ไปหมุนล้อมีประสิทธิภาพต่ำกว่าการขับล้อโดยตรง
ซึ่งผมคิดว่าจุดเปลี่ยนตรงนั้นคือจุดที่ Honda เปลี่ยนโหมดเอาเครื่องยนต์ปั่นไฟมาเป็นเครื่องยนต์ขับล้อโดยตรงไงครับ
ซึ่งโหมดนี้แหละที่ e-power ไม่มี 

ดังนั้นระบบ e-power นี้จึงน่าจะมีจุดอ่อนเรื่องประสิทธิภาพอยู่ แต่ต้องช่วงที่ประสิทธิภาพต่ำกว่านั้นอยู่ในช่วงภาระโหลด
หรือความเร็วเท่าใด ซึ่งถ้าเราจะไม่ใช่รถคันนี้ที่ช่วงโหลดเกินกว่านั้นมันก็ OK อ่ะครับ (แอบคิดเล็ก ๆ ไม่ได้ว่าที่มันนิยม
ในญี่ปุ่นเพราะมันถูกจริตกับคนญี่ปุ่นขับรถกันแบบมุ้งมิ้ง ๆ แต่กับคนไทยที่ขับแบบฮาร์ดคอร์กว่าเยอะนั้นมันจะตอบโจทย์มั้ยนะ)

ผมว่าใจเย็น ๆ ก่อน  ค่อย ๆ ดูให้รอบคอบ อย่าเพิ่งทุ่มเทความรักความหวังจนหมดหัวใจ เวลาอกหักผิดหวังจะได้ไม่เสียใจแรง

คอมแอร์ รถไฟฟ้าและ Hybrid มีสองแบบนะครับ
คอมแอร์ไฟ้า ล้วน จะไม่แพงมากนะครับ
แต่ที่แพงมากๆจริงๆ คือ คอมแอร์ hybrid ที่ มัน ทำงาน ทั้ง ไฟฟ้า และ สายพานขับครับ มันเลย แพง ลองไปดูดีๆ ครับ ผมเลยถามไง

ส่วนที่คุณ บอก มา มัน สรุป ห้วนๆ สั้นๆ ไปครับ

น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) --> ไฟฟ้า --> มอเตอร์ (กล) --> ล้อหมุน
กับ
น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) -----> ล้อหมุน

ลืมอะไรไปป่าวครับ ---เกียร์ ออโต้ ไง ครับ
และ สถาวะ การขับเคลือ่น

เกียร์ครับ ราคา น้ำหนัก มันเท่าไหร่ครับ
Loss ในระบบไฟฟ้า ล้วนๆ น้อยมากนะครับ
ไฟฟ้า จาก Generator ไม่สามารถไปปั่นมอเตอร์ ขับเคลื่อนตรงๆ ได้นะครับ
ทุกอย่าง ต้องถูกควบคุม  ด้วยระบบควบคุมแรงดันครับ

แล้ว E-power Loss เท่าไหร่ไม่รู้ ถ้าไม่รู้ ก็อย่าคิดว่มันเยอะครับ
หลักๆ คือ ระบบ E-power ลดต้นทุน หลายเรื่อง ทำราคาได้ต่ำกว่า Hybrid เยอะ ไม่ต้อง สนใจ แบตใหญ่ๆ
จะบอกว่ามัน แทบจะเป็น EV เลยครับ แต่ ยัด เครื่องปั่นเล็กๆ ใส่เอง
ไม่ใช่ ไฮบริต อย่างที่เราๆ เข้าใจ ระบบ มัน ต่างโดยสิ้นเชิง เพราะ จะไม่ยึดติดกับเครื่องยนต์ ในระบบ ขับเคลือน

ลอง คิดกว้างๆ ครบ
สถาวะ รถไม่ได้ มี สภาวะ เดียว รถไม่ได้ วิ่ง แช่ตลอด ที่ ความเร็ว คงที่

เครื่องยนต์ ต้อง รองรับ ทุกสภาวะ การขับขี่ มี ระบบ วุ่นวาย มากมาย
แต่ เครื่องปั่นไฟ มันคงที่ค่าเดียว จบครับ

ยิ่ง แอร์ไฟฟ้าล้วน ยิ่งดีครับ เพราะ เราทำเป็น Air แบบ Invertor ได้ ยิ่งประหยัดพลังงาน สองเด้งอีกครับ รถจอดนิ่ง จ่ายกระแสต่ำๆได้
ในขณะ ที่ แอร์รถยนต์ สันดาบ ได้แค่ On-off 5555
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nismo De Alpina ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 11:06:27
7.9 ผมว่าแพงไป ผมไป M2-ดีเซลดีกว่า
ผมให้เต็มที่ไม่เกิน 7.4 พอครับ

แต่ขอชมนิสสันว่าความคิดบรรเจิดมาก คิดได้ไง
กับ e-Power มันดูเข้าใจไม่ซับซ้อนนะครับ
และน่าจะซ่อมง่ายกว่า Hybrid พอควร
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 11:14:21
ขอบคุณข้อมูลคุณ mamaman ครับ ข้อมูลทะลุมากๆ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 11:21:00
7.9 ผมว่าแพงไป ผมไป M2-ดีเซลดีกว่า
ผมให้เต็มที่ไม่เกิน 7.4 พอครับ

แต่ขอชมนิสสันว่าความคิดบรรเจิดมาก คิดได้ไง
กับ e-Power มันดูเข้าใจไม่ซับซ้อนนะครับ
และน่าจะซ่อมง่ายกว่า Hybrid พอควร

ไม่รู้ Nissan ตั้งราคาแบบกดให้สุดจริงๆ แบบไม่เผื่อให้ต่อ
จะกดได้ราคาสักเท่าไหร่นะครับ
ผมคิดว่าควรจะตั้งราคาแบบนั้น แล้วค่อยไปหวังต้นทุนถูกลงถ้าผลิตได้มากขึ้น
ราคาต้นทุน part ที่มันแพงเพราะส่วนใหญ่ชอบนำเข้า part กัน
ถ้าได้ลงทุนทำ tooling ในเมืองไทยก็จะถูกลงได้ แต่ Nissan ต้องพร้อมลงทุนหน่อยครับ
อย่าทำแบบขอไปที ทำเฉพาะ part ที่อายุไม่ทนก็ยังดี เพราะ user มีโอกาสต้องเปลี่ยนเอง
หลังประกัน คิดว่าถ้า Nissan เข้ามาอ่านบ้างจะเข้าใจความคิดลูกค้ามากขึ้นครับ
part ไหนที่แพงมากแต่อายุการใช้งาน 10-20 ปีค่อยยังโอเคครับ ก็เข้าใจว่า
หากทำ tooling ทุก part เลยคงไม่คุ้ม แต่ว่าน่าจะมีแผนลงให้กับทุก model
นะครับ มันเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพและดูง่ายๆ ดี
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: TrentXWB ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 11:37:06
ยืนราคาเดิมที่ผมรับได้สูงสุดสำหรับ Note e-power คือ 740,000 บาท (ราคาเต็มก่อนส่วนลด)

option ที่ผมเห็นว่าควรเพิ่มจาก Note VL คือ
- ม่านข้าง + ถุงลมข้าง
- ที่วางแขนเบาะหลัง พร้อมบุนุ่มตามจุดต่างๆ
- สายไว้เชื่อมต่อเพื่อแสดงภาพมาที่จอใหญ่ จอเล็กๆ บนกระจกมองหลังนี่มองแทบไม่เห็นนน
- พื้นสัมภาระปรับระดับได้
- ขอสีเฉพาะรุ่น e-power เช่น เขียวมะนาวหรือฟ้าสดใส

เรื่องอัตราการประหยัดผมคิดว่า ในช่วงความเร็ว 0 - 130 กม./ชม. จะเป็นช่วงที่ e-power ให้ความประหยัดที่สุด ใช้น้ำมันคุ้มสุด
ถ้าวิ่งแช่ คิดว่าช่วง 100 - 120 จะประหยัดสุด เดาว่าใช้น้ำมันประมาณ 20 - 22 กม./ลิตร ที่ช่วงความเร็วนี้
e-power ควรจะมีอัตราประหยัดที่มากกว่าเครื่อง 1.2 ธรรมดาที่ใช้ cvt อย่างน้อย 4 - 8 กม./ลิตร ถึงจะน่าจูงใจ
ถ้าได้แค่อัตราเร่งแต่กินน้ำมันพอๆ กับของเดิมที่เป็นเครื่อง+เกียร์นี่ ไม่ต้องหวังลูกค้าสายประหยัดเลย
เพราะจะเหลือแต่ลูกค้าที่ซื้อเพราะอยากลองแค่นั้น

ผมไม่คิดว่า Note e-power คือ hybrid แต่อย่างใด เพราะเครื่องไม่ได้ขับล้อ (e-power อารมณ์คล้าย i3 ER ที่แบตเล็กกว่ามากและไม่ต้องพึ่งปลั๊ก)

การเอาเครื่องมาปั่นไฟ ทำงานรอบคงที่ ไม่เร่งๆ ผ่อนๆ มันประหยัดกว่าแน่ๆ แต่จะประหยัดกว่าเท่าไหร่ อันนี้ผมว่าน่าเป็นประเด็นถก
น้ำมันเครื่องแบบบางเจี๊ยบ เช่นพวก 0w-8, 0w-16 กับ 0w-20 น่าจะช่วยเรื่องความประหยัดตรงนี้ได้อีก
แต่ทนร้อนกับแรงเค้นต่อเนื่องได้แค่ไหนอันนี้ตัวใครตัวมันนะครับ โดยเฉพาะกับ 0w-8  ;D ;D ;D

เรื่องรุ่นย่อย
ผมคิดว่า Note e-power ควรมี 2 เกรด แบบ Note ICE
คือ V กับ VL
V อาจจะตั้งป้ายไว้ไม่เกิน 640,000
VL ก็ตั้งป้ายไว้ 700,000 - 740,000
โดยออปชั่นเกือบเหมือนกันเป๊ะ ต่างกันแค่ Note VL e-power จะได้สิ่งต่อไปนี้เพิ่มขึ้นจากออปชั่นของ VL ตัวเครื่องยนต์ปกติ
- ม่านข้าง + ถุงลมข้าง
- ที่วางแขนเบาะหลัง พร้อมบุนุ่มตามจุดต่างๆ
- สายไว้เชื่อมต่อเพื่อแสดงภาพมาที่จอใหญ่ จอเล็กๆ บนกระจกมองหลังนี่มองแทบไม่เห็นนน
- พื้นสัมภาระปรับระดับได้
- สีเฉพาะรุ่น e-power เช่น เขียวมะนาวหรือฟ้าสดใส


คิดว่าเดือนนึงขายได้ 20 - 30 คันอะ เต็มที่ ถ้าพบว่าเทสแล้วประหยัดไม่ต่างจากรถน้ำมัน ได้แค่อัตราเร่งที่ปรู้ดปร้าด ไม่โดนแซวว่าเป็นเรือเกลืออีกต่อไป
แต่ถ้าพอรถมาแล้วหลังเทสพบว่าประหยัดกว่าเครื่องปกติราวๆ ที่เขียนไปข้างต้น เดือนนึง 50 - 70 คันไม่น่าใช่เรื่องยากเกิน

ปล. คนบ่นไม่ซื้อ คนซื้อไม่บ่น (จะบ่นก็ตอนซื้อไปแล้วมันเสีย)  ;D
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ยิ้มละไม ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 11:42:09
ราคาแรงไปหน่อย ต่ำกว่า 7 ได้มีโอกาสเกิด ขายได้พวกอยากลองของใหม่ที่คิดว่าจะประหยัดค่าน้ำมันได้ ( แต่ไม่ได้คิดทั้งหมด ค่าซ่อม ฯลฯ ถึงความคุ้มค่าจริง ๆ )

NISSAN ตอนนี้ ไม่ใช่ไปเอา E-POWER มา ไม่ใช่ไปเอา KICK มาแล้ว กรุณาเข้าไปแก้ปัญหาภายในให้จบก่อน ถ้าไม่จบ งวดนี้ ฟื้นยาก
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Nismo De Alpina ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 11:44:58
7.9 ผมว่าแพงไป ผมไป M2-ดีเซลดีกว่า
ผมให้เต็มที่ไม่เกิน 7.4 พอครับ

แต่ขอชมนิสสันว่าความคิดบรรเจิดมาก คิดได้ไง
กับ e-Power มันดูเข้าใจไม่ซับซ้อนนะครับ
และน่าจะซ่อมง่ายกว่า Hybrid พอควร

ไม่รู้ Nissan ตั้งราคาแบบกดให้สุดจริงๆ แบบไม่เผื่อให้ต่อ
จะกดได้ราคาสักเท่าไหร่นะครับ
ผมคิดว่าควรจะตั้งราคาแบบนั้น แล้วค่อยไปหวังต้นทุนถูกลงถ้าผลิตได้มากขึ้น
ราคาต้นทุน part ที่มันแพงเพราะส่วนใหญ่ชอบนำเข้า part กัน
ถ้าได้ลงทุนทำ tooling ในเมืองไทยก็จะถูกลงได้ แต่ Nissan ต้องพร้อมลงทุนหน่อยครับ
อย่าทำแบบขอไปที ทำเฉพาะ part ที่อายุไม่ทนก็ยังดี เพราะ user มีโอกาสต้องเปลี่ยนเอง
หลังประกัน คิดว่าถ้า Nissan เข้ามาอ่านบ้างจะเข้าใจความคิดลูกค้ามากขึ้นครับ
part ไหนที่แพงมากแต่อายุการใช้งาน 10-20 ปีค่อยยังโอเคครับ ก็เข้าใจว่า
หากทำ tooling ทุก part เลยคงไม่คุ้ม แต่ว่าน่าจะมีแผนลงให้กับทุก model
นะครับ มันเป็นระบบที่มีประสิทธิภาพและดูง่ายๆ ดี

ถ้านิสสันอยากจะกลับมายิ่งใหญ่ในไทยอีกครั้ง ใจต้องถึงพอครับ ยอมกำไรน้อย
แต่ยอดเดิน และถือเป็นการปูทางเผื่อ เผื่อว่า e-Power จะแจ้งเกิดในไทยได้
แบบที่ญี่ปุ่นทำ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงผมว่าเราอาจได้เห็น e-Power ในโมเดลอื่นๆ
แน่นอนครับ เอาจริงนะ 7.4 ผมก็ว่ายังแพงไปนิดเลย ยังไงก็ต้องมีรุ่น 6XX,XXX ครับ

ผมถามกลับนิสสันว่า "ใจรึป่าวครับ"

ปล.ใครก็ได้ Forward กระทู้นี้ให้คนในนิสสันอ่านหน่อย เผื่อจะกระตุ้นต่อมใต้สมอง
อะไรบางอย่างให้ทำงานได้ดีขึ้นบ้าง  ::)
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 12:06:26

ราคา ยี่ปุ่น 4 สี่แสนนิดๆ
มาไทยโดน 5 % ไม่รวม VAT จะเท่าไหร่หนอ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 12:32:23


ต้นทุนจะถูกกว่ายังไงครับ jazz hybrid ที่เคยขายมันเป็นระบบมอเตอร์เอามาช่วยเครื่องดันรถ ไม่ใช่มอเตอร์ดันรถอย่างเดียว แบตก็ยังไม่ใช่ลิเทียม รถติดถ้าเครื่องดับแอร์ไม่เย็นเพราะเป็นคอมแอร์ปกติไม่ใช่ไฟฟ้า

ถูกว่าไงครับ เพราะระบบ E-power มันไม่ซับซ้อนครับ
แบตก็ลูกเล็กทุกอย่างไฟฟ้าล้วน ผมว่ารวมถึงคอมแอร์ครับ เดาว่าคอมแอร์ไฟฟ้า ไม่ใช่คอมแอร์ไฮบริต ลูกละหลายหมื่น

ผมยังไม่รู้การทำงานแอร์ รถ E-power ช่วบอกทีแบบไหนเอ่ย
มันใช้คอมแอร์ไฟฟ้าลูกละหมายหมื่นแบบรถไฮบริดรุ่นอื่นๆตอนนี้น่ะแหละครับ Note e-power หลักการทำงานคือเอาเครื่องยนต์ไว้ปั่นไฟเข้าแบตไม่ได้ขับเคลื่อนรถโดยตรง หลักการทำงานจะคล้ายกับรถไฟระบบดีเซลไฟฟ้าครับ เครื่องยนต์ปั่นไฟไปหมุนมอเตอร์ที่เชื่อมกับล้ออีกทีนึง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไม่ได้น้อยไปกว่ารถไฮบริดปกติหรอกครับ

คอมแอร์ไฟฟ้า ไม่เหมือนคอมแอร์ไฮบริดนะครับผมเลยถาม

คอมแอร์ไฮบริดคือ คอมแอรไฮบริดนะครับ ลองดูดีๆ ไฮบริดแพงเพราะ อะไร ต่างกับ อีเพาเวอรยังไง

คอมแอร์ e-power มันก็คือคอมแอร์ไฟฟ้าที่ใช้ในรถไฮบริดจริง ๆ แหละครับ  เพราะมันดึงเอาไฟฟ้าจากแบต
มาทำงานเหมือน ๆ กัน    อย่าเพิ่งไปนึกถึง IMA Hybrid ของ Honda (Jazz / Civic FB)
เพราะรายนั้นใช้คอมแอร์แบบสายพานจากเครื่องยนต์มาหมุนเหมือนรถน้ำมันทั่ว ๆ ไป เวลาเครื่องดับจึงไม่เย็นไง

อย่าหาว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะครับ  e-power มันก็ Hybrid ชนิดนึง  ทุกสิ่งอย่างที่เราผวาใน Hybrid
มันมาเต็มฮะ ไม่ว่าจะเป็น Battery, Motor-Generator, Invertor, แม่ปั๊มเบรคไฟฟ้า, ปั๊มพาวเวอร์
แอร์ จิปาถะ

เอาจริง ๆ นะ  เราลืมระบบ Hybrid ใน Accord G9 ไปแล้วเหรอ?
ผมว่า e-power ของ Nissan เนี่ย มันทำงานแค่ 1 ใน 3 โหมด ของ Hybrid Honda นะ
เพราะรายนั้นก็เอาเครื่อง 2.0 ลิตร มาปั่นไฟให้มอเตอร์ไปหมุนล้อเหมือนกัน
เพียงแต่เพิ่มเติมคือ มันมีโหมดที่วิ่งด้วยไฟฟ้าเพียว ๆ ได้แป๊บนึงเท่าที่ไฟในแบตจะมี
กับโหมดที่ เอาเครื่องยนต์ไปปั่นล้อตรง ๆ แบบรถน้ำมัน ซึ่ง..... ตรงนั้นแหละที่น่าสนใจว่า
ทำไมต้องมีโหมดนี้    เท่าที่ผมคิด  โดยปกติแล้ว ตามหลักการเปลี่ยนแปลงพลังงาน

น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) --> ไฟฟ้า --> มอเตอร์ (กล) --> ล้อหมุน

กับ

น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) --> ล้อหมุน

จะเห็นว่ามันมี lost อยู่     แต่ Ok ที่บางท่านว่า ถ้าเครื่องยนต์หมุนคงที่ที่รอบประสิทธิภาพสูงสุดเอาไปปั่นไฟ
ก็น่าจะได้ประสิทธิภาพดีกว่าการที่เครื่องยนต์หมุนในรอบที่ไม่คงที่เพื่อหมุนล้อโดยตรง

แต่มันก็น่าจะมีจุดนึงที่การเอาเครื่องยนต์ไปปั่นไฟก่อนแล้วค่อยให้มอเตอร์ไปหมุนล้อมีประสิทธิภาพต่ำกว่าการขับล้อโดยตรง
ซึ่งผมคิดว่าจุดเปลี่ยนตรงนั้นคือจุดที่ Honda เปลี่ยนโหมดเอาเครื่องยนต์ปั่นไฟมาเป็นเครื่องยนต์ขับล้อโดยตรงไงครับ
ซึ่งโหมดนี้แหละที่ e-power ไม่มี 

ดังนั้นระบบ e-power นี้จึงน่าจะมีจุดอ่อนเรื่องประสิทธิภาพอยู่ แต่ต้องช่วงที่ประสิทธิภาพต่ำกว่านั้นอยู่ในช่วงภาระโหลด
หรือความเร็วเท่าใด ซึ่งถ้าเราจะไม่ใช่รถคันนี้ที่ช่วงโหลดเกินกว่านั้นมันก็ OK อ่ะครับ (แอบคิดเล็ก ๆ ไม่ได้ว่าที่มันนิยม
ในญี่ปุ่นเพราะมันถูกจริตกับคนญี่ปุ่นขับรถกันแบบมุ้งมิ้ง ๆ แต่กับคนไทยที่ขับแบบฮาร์ดคอร์กว่าเยอะนั้นมันจะตอบโจทย์มั้ยนะ)

ผมว่าใจเย็น ๆ ก่อน  ค่อย ๆ ดูให้รอบคอบ อย่าเพิ่งทุ่มเทความรักความหวังจนหมดหัวใจ เวลาอกหักผิดหวังจะได้ไม่เสียใจแรง

คอมแอร์ รถไฟฟ้าและ Hybrid มีสองแบบนะครับ
คอมแอร์ไฟ้า ล้วน จะไม่แพงมากนะครับ
แต่ที่แพงมากๆจริงๆ คือ คอมแอร์ hybrid ที่ มัน ทำงาน ทั้ง ไฟฟ้า และ สายพานขับครับ มันเลย แพง ลองไปดูดีๆ ครับ ผมเลยถามไง

ส่วนที่คุณ บอก มา มัน สรุป ห้วนๆ สั้นๆ ไปครับ

น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) --> ไฟฟ้า --> มอเตอร์ (กล) --> ล้อหมุน
กับ
น้ำมัน --> เครื่องยนต์ (กล) -----> ล้อหมุน

ลืมอะไรไปป่าวครับ ---เกียร์ ออโต้ ไง ครับ
และ สถาวะ การขับเคลือ่น

เกียร์ครับ ราคา น้ำหนัก มันเท่าไหร่ครับ
Loss ในระบบไฟฟ้า ล้วนๆ น้อยมากนะครับ
ไฟฟ้า จาก Generator ไม่สามารถไปปั่นมอเตอร์ ขับเคลื่อนตรงๆ ได้นะครับ
ทุกอย่าง ต้องถูกควบคุม  ด้วยระบบควบคุมแรงดันครับ

แล้ว E-power Loss เท่าไหร่ไม่รู้ ถ้าไม่รู้ ก็อย่าคิดว่มันเยอะครับ
หลักๆ คือ ระบบ E-power ลดต้นทุน หลายเรื่อง ทำราคาได้ต่ำกว่า Hybrid เยอะ ไม่ต้อง สนใจ แบตใหญ่ๆ
จะบอกว่ามัน แทบจะเป็น EV เลยครับ แต่ ยัด เครื่องปั่นเล็กๆ ใส่เอง
ไม่ใช่ ไฮบริต อย่างที่เราๆ เข้าใจ ระบบ มัน ต่างโดยสิ้นเชิง เพราะ จะไม่ยึดติดกับเครื่องยนต์ ในระบบ ขับเคลือน

ลอง คิดกว้างๆ ครบ
สถาวะ รถไม่ได้ มี สภาวะ เดียว รถไม่ได้ วิ่ง แช่ตลอด ที่ ความเร็ว คงที่

เครื่องยนต์ ต้อง รองรับ ทุกสภาวะ การขับขี่ มี ระบบ วุ่นวาย มากมาย
แต่ เครื่องปั่นไฟ มันคงที่ค่าเดียว จบครับ

ยิ่ง แอร์ไฟฟ้าล้วน ยิ่งดีครับ เพราะ เราทำเป็น Air แบบ Invertor ได้ ยิ่งประหยัดพลังงาน สองเด้งอีกครับ รถจอดนิ่ง จ่ายกระแสต่ำๆได้
ในขณะ ที่ แอร์รถยนต์ สันดาบ ได้แค่ On-off 5555

Accord G9 Hybrid ก็ไม่มีเกียร์ครับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 12:38:39

Accord G9 Hybrid ก็ไม่มีเกียร์ครับ

ไม่มี เกียร์ เวลา ขับ เครื่องยนต์ จะวิ่งไงครับ  ขอข้อมูลหน่อยครับ ผมละงง กะคุณจัง
มัน รุ่นไหนครับ Hybrid ไม่มีเกียร์ เข้าใจว่าเป็น E-CVT แต่จริงๆ แบบ เกียร์อีกชนิดนึงอยู่ดีครับ เพราะ มันมี ครัช และ เฟือง
โอ้โหมด ที่คุณวิ่งมอเตอร์ อย่างเดียว มันก็เอาไฟจากแบตเตอรี่ ที่ชาร์ทเก็บไว้นั่นละครับวิ่ง และ ไอ้ แบท ลิเที่ยม นั่นละครับ ตัวต้นทุนหลักของรถ ไฮบริด
G-9 มันก็คล้ายๆ E-power จริงครับ
และ E-power ไม่มี ชุด เครัชแะเฟือง เชื่อมกับเครื่อง ผมเลยบอกว่า มันไม่มีเกียร์ แต่ G9 มีไงครับ

ไม่มี ใคร บอกว่า E-power มันจะ สมบูรณ์แบบครับ มันคือรถไฟฟ้า แน่ๆ ไม่ใช่ ไฮบริด ข้อเสีย แต่เหมือนรถไฟฟ้า ทั่วไปนั่นละ


สรุป ให้ G9 ไม่ได้ เอา เครื่องยนต์ไฟขับ มอเตอร์ ตรงๆ นะครับ มันก็ ชาร์ทไปเก็บ เหมือน E-power เลย
ซึ่ง ไม่รู้ Honda พัฒนายังไง ให้ การบริโภคน้ำมัน ของมัน ไม่ได้ประหยัดเลย 555 แต่ ความแรง มาเต็ม

ลอง อ่าน บท ความ HLM ก็ดีนะครับ

http://www.headlightmag.com/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-honda-8124/
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: G.K ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 12:41:53
ผมมองว่าราคาไม่ใช่ปัจจัย แต่อยู่ที่ความคุ้มค่ามากกว่า ว่าเงินที่เสียไปกับสิ่งที่ได้กลับมามันคุ้มกันหรือเปล่า เพราะรถที่แพงกว่านี้ยังยอมจ่ายเงินซื้อกันได้

ถ้ามองว่ามันคือรถยนต์ไฟฟ้าขายราคา 7.9 แสน ก็ถือว่าแสนถูก อย่าไปมองที่เครื่องยนต์ที่ใช้ปั่นไฟสิครับ มันไม่เกี่ยวกัน เค้าจะใช้เครื่อง 150 cc มาปั่นไฟก็ได้  e-Power มันไม่ใช่รถเครื่อง 1.2 นะครับ ลองมองอย่างเปิดใจ

สิ่งที่ควรสนใจคืออ็อพชั่นและฟีเจอร์ต่างๆมากกว่า ว่ามันควรจะมีอย่างที่ควรจะเป็นหรือเปล่า

จุดเด่นของตัวรถมันมีอยู่แล้วทั้งความประหยัดน้ำมันในระดับ 30 กว่ากิโลลิตร และอัตราเร่งแบบรถ EV  รวมถึงช่วงล่าง  ถ้าทำรถให้ปังทุกรุ่น และไม่มีปัญหาในระยะยาว แค่นี้นิสสันก็กลับมาเกิดใหม่แล้ว อย่าไปเล่นกลยุทธด้านราคา เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์เป็นค่ายรองในสายตาคนไทยตลอดไป  ทั้งๆที่นิสสันเป็นแบรนดคุณภาพ แบรนดชั้นนำระดับโลก อย่างที่ได้รังสรรค์ GTR ขึ้นมา

สิ่งดีๆมีให้กับคนที่เปิดใจครับ พวกยึดติด Old fashioned ก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ ใช้สิ่งเดิมๆไป


หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 12:52:20

Accord G9 Hybrid ก็ไม่มีเกียร์ครับ

ไม่มี เกียร์ เวลา ขับ เครื่องยนต์ จะวิ่งไงครับ  ขอข้อมูลหน่อยครับ ผมละงง กะคุณจัง
มัน รุ่นไหนครับ Hybrid ไม่มีเกียร์

โอ้โหมด ที่คุณวิ่งมอเตอร์ อย่างเดียว มันก็เอาไฟจากแบตเตอรี่ ที่ชาร์ทเก็บไว้นั่นบะครับวิ่ง

ลอง อ่าน บท ความ HLM ก็ดีนะครับ

http://www.headlightmag.com/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-honda-8124/

"ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ด้วย เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน E-CVT ซึ่งในความจริงมันไม่มีเฟืองเกียร์ และไม่มีสายพาน แบบเกียร์ CVT ทั่วๆไป หากแต่คราวนี้มาในรูปกลไกการทำงานของชุดเฟือง และคลุชต์ ที่ฝังอยู่ในมอเตอร์ของระบบขับเคลื่อนกันไปเลย แต่ยังมีคันเกียร์ หน้าตาเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่าย

อัตราทดเกียร์ มาแปลกกว่ารถยนต์ทั่วไปสักหน่อยนะครับ อัตราทดเกียร์ที่ตัวมอเตอร์ไฟฟ้า 2.450 : 1 เครื่องยนต์ 0.803 : 1อัตราทดเฟืองท้าย 3.421 : 1"

ก็อ่านแล้ว นี้ไงถึงมีเกียร์ แต่มันก็เป็นเฟืองที่ fix ratio ตัวเดียว ไม่ใช่ชุดเกียร์ที่ต้องเปลี่ยนไปมาแล้วก็มี loss ในระบบ
ครัชตอนเปลี่ยนเกียร์แบบที่คุณคิด ผมถึงพูดแบบสั้นๆ ว่าไม่มีเกียร์ไง
ในทางกลับกัน e-power มันก็ต้องมีเฟืองสักตัว ซึ่งอย่างน้อยก็เป็น differential ซึ่งมันก็คือ
เกียร์ แบบ fix ratio เหมือนกัน มันไม่ได้ต่อตรงจากแกนมอเตอร์ลงล้อ ให้มอเตอร์ไปหมุนล้อ
รอบ/รอบ เป็น 1:1 ใช่มั้ยล่ะ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 13:04:56

Accord G9 Hybrid ก็ไม่มีเกียร์ครับ

ไม่มี เกียร์ เวลา ขับ เครื่องยนต์ จะวิ่งไงครับ  ขอข้อมูลหน่อยครับ ผมละงง กะคุณจัง
มัน รุ่นไหนครับ Hybrid ไม่มีเกียร์

โอ้โหมด ที่คุณวิ่งมอเตอร์ อย่างเดียว มันก็เอาไฟจากแบตเตอรี่ ที่ชาร์ทเก็บไว้นั่นบะครับวิ่ง

ลอง อ่าน บท ความ HLM ก็ดีนะครับ

http://www.headlightmag.com/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-honda-8124/

"ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ด้วย เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน E-CVT ซึ่งในความจริงมันไม่มีเฟืองเกียร์ และไม่มีสายพาน แบบเกียร์ CVT ทั่วๆไป หากแต่คราวนี้มาในรูปกลไกการทำงานของชุดเฟือง และคลุชต์ ที่ฝังอยู่ในมอเตอร์ของระบบขับเคลื่อนกันไปเลย แต่ยังมีคันเกียร์ หน้าตาเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่าย

อัตราทดเกียร์ มาแปลกกว่ารถยนต์ทั่วไปสักหน่อยนะครับ อัตราทดเกียร์ที่ตัวมอเตอร์ไฟฟ้า 2.450 : 1 เครื่องยนต์ 0.803 : 1อัตราทดเฟืองท้าย 3.421 : 1"

ก็อ่านแล้ว นี้ไงถึงมีเกียร์ แต่มันก็เป็นเฟืองที่ fix ratio ตัวเดียว ไม่ใช่ชุดเกียร์ที่ต้องเปลี่ยนไปมาแล้วก็มี loss ในระบบ
ครัชตอนเปลี่ยนเกียร์แบบที่คุณคิด ผมถึงพูดแบบสั้นๆ ว่าไม่มีเกียร์ไง
ในทางกลับกัน e-power มันก็ต้องมีเฟืองสักตัว ซึ่งอย่างน้อยก็เป็น differential ซึ่งมันก็คือ
เกียร์ แบบ fix ratio เหมือนกัน มันไม่ได้ต่อตรงจากแกนมอเตอร์ลงล้อ ให้มอเตอร์ไปหมุนล้อ
รอบ/รอบ เป็น 1:1 ใช่มั้ยล่ะ

แต่ เฟือง G9  ซับซ้อนกว่า  มอเตอร์ขับตรงแน่นอน เพราะ มันมีช่วง ที่ เครื่องยนต์ให้งานร่วมด้วย รวมถึงชุดครัช  มันคือคือเกียร์
และจำนวน มากกว่า  E-power ที่ ไม่ต้อง ยึดติดกับเครื่อวยนต์ครับ
เห็นไหม มัน ไม่ได้ มีอัตรา ทดเดียว ไงครับ มันเลย เรียกว่ามีเกียร์ ครับผม



หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: tozmania ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 13:44:32
350 คัน ก็ต้องดูว่านิสสันวางตัวสินค้ามาแบบไหน จะโฆษณาจุดเด่นได้ตรงหรือเปล่า
ส่วนตัวผมไม่ได้รู้สึกว้าวอะไร เท่าที่อ่านผ่านๆ ไม่เห็นมันจะต่างกับระบบใน เชฟวี่ เมื่อหลายปีก่อนสักเท่าไหร่
ก็ไม่เห็นจะมีกระแสเรียกร้องให้มันมามากมายนัก ตรงนี้ผมเลยคิดว่ามันจะขาย 350 คันต่อเดือนยากหน่อย
ตัวภาษีที่ลดลงก็เชื่อว่ามันไม่ได้ไปช่วยลดราคาขายมากนัก (บริษัทเอาไปเพิ่มกำไรให้ตัวเองมากกว่า)
มาถึงตรงนี้ ก็ต้องย้อนกลับไปที่คำถามแรกว่า นิสสันจะขายอะไร "คุ้มค่า" "ประหยัด" "ล้ำสมัย" "แรง"

อีกอย่างถ้าใช้รถสามปีห้าปีก็คงได้อยู่ แต่ถ้าจะอยู่ด้วยกันเป็นสิบปี
ผมว่าเจ้าของรถคงไม่มีความสุขเท่าไหร่กับค่าใช้จ่ายในอนาคต
อุปกรณ์ที่งอกออกมาเวลาซ่อมก็คงถัวๆ ค่าน้ำมันหมด
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 14:02:50
เอาจิงๆ สำหรับนิสสัน

ถ้าผมอยากประหยัด ผมรอซื้อ Yaris sedan ดีกว่า

ไม่ประหยัดมาก แต่ราคาขายต่อดีกว่า ถูกกว่าเยอะ

ปล...สำหรับผมนะ แต่คนอื่นไม่รู้  :-X
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 16:43:20

Accord G9 Hybrid ก็ไม่มีเกียร์ครับ

ไม่มี เกียร์ เวลา ขับ เครื่องยนต์ จะวิ่งไงครับ  ขอข้อมูลหน่อยครับ ผมละงง กะคุณจัง
มัน รุ่นไหนครับ Hybrid ไม่มีเกียร์

โอ้โหมด ที่คุณวิ่งมอเตอร์ อย่างเดียว มันก็เอาไฟจากแบตเตอรี่ ที่ชาร์ทเก็บไว้นั่นบะครับวิ่ง

ลอง อ่าน บท ความ HLM ก็ดีนะครับ

http://www.headlightmag.com/%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B8%9A-honda-8124/

"ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ด้วย เกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน E-CVT ซึ่งในความจริงมันไม่มีเฟืองเกียร์ และไม่มีสายพาน แบบเกียร์ CVT ทั่วๆไป หากแต่คราวนี้มาในรูปกลไกการทำงานของชุดเฟือง และคลุชต์ ที่ฝังอยู่ในมอเตอร์ของระบบขับเคลื่อนกันไปเลย แต่ยังมีคันเกียร์ หน้าตาเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่าย

อัตราทดเกียร์ มาแปลกกว่ารถยนต์ทั่วไปสักหน่อยนะครับ อัตราทดเกียร์ที่ตัวมอเตอร์ไฟฟ้า 2.450 : 1 เครื่องยนต์ 0.803 : 1อัตราทดเฟืองท้าย 3.421 : 1"

ก็อ่านแล้ว นี้ไงถึงมีเกียร์ แต่มันก็เป็นเฟืองที่ fix ratio ตัวเดียว ไม่ใช่ชุดเกียร์ที่ต้องเปลี่ยนไปมาแล้วก็มี loss ในระบบ
ครัชตอนเปลี่ยนเกียร์แบบที่คุณคิด ผมถึงพูดแบบสั้นๆ ว่าไม่มีเกียร์ไง
ในทางกลับกัน e-power มันก็ต้องมีเฟืองสักตัว ซึ่งอย่างน้อยก็เป็น differential ซึ่งมันก็คือ
เกียร์ แบบ fix ratio เหมือนกัน มันไม่ได้ต่อตรงจากแกนมอเตอร์ลงล้อ ให้มอเตอร์ไปหมุนล้อ
รอบ/รอบ เป็น 1:1 ใช่มั้ยล่ะ

แต่ เฟือง G9  ซับซ้อนกว่า  มอเตอร์ขับตรงแน่นอน เพราะ มันมีช่วง ที่ เครื่องยนต์ให้งานร่วมด้วย รวมถึงชุดครัช  มันคือคือเกียร์
และจำนวน มากกว่า  E-power ที่ ไม่ต้อง ยึดติดกับเครื่อวยนต์ครับ
เห็นไหม มัน ไม่ได้ มีอัตรา ทดเดียว ไงครับ มันเลย เรียกว่ามีเกียร์ ครับผม


โอยย  ลุงค้าบบบบ จะให้ระบบอื่นนี่มันโคตะระยุ่งยากซับซ้อน แต่ e-power นี่สุดแสนจะซิมเปิ้ล บัท ไฮเพอฟอร์แมนซ์กันอย่างเดียวเลยเน้อ...

Hybrid G9 มันมีอัตราทดเดียวค้าบบบบ ไม่ได้มีเกียร์ 1-2-3 ให้เปลี่ยนแบบน้านนนน  ถ้าจะปั่นไฟก็ทดเดียว ถ้าจะหมุนล้อก็ทดเดียว
ครัทช์ที่มี มันมีไว้แยกว่าจะให้เครื่องไปหมุน Generator หรือหมุนล้อครับ ไม่ได้มีไว้เปลี่ยนเกียร์เน้ออออ
อีกอย่าง ระบบของ G9 มันก็ไม่มีการส่งกำลังจากเครื่องยนต์และมอเตอร์ไปลงล้อพร้อม ๆ กันนะครับ มันต้องเลือกส่งกำลังจากเครื่องยนต์
หรือมอเตอร์อย่างใดอย่างหนึ่งครับ (ไอ่ที่มันส่งกำลังพร้อม ๆ กันนั่นเป็นระบบ Hybrid Synergy Drive ของ Toyota ฮะ)

เอาเป็นว่า ผมตั้งข้อสังเกตก็ละกันว่า ระบบการทำงานของ G9 มันครอบคลุมระบบ e-power อยู่
ซึ่งถ้า e-power มันประสิทธิภาพ OK จริง  Honda ก็สามารถตัด 2 โหมดของ G9 ทิ้ง แล้วกลายเป็น e-power ได้เลยครับ
ซึ่งผมเชื่อว่าตอนที่ Honda เขาวิจัยระบบนี้ เขาได้คิดไว้แล้วล่ะ

ก็นี่ล่ะฮะ ที่ผมออกมาติงไว้นิด ๆ ก็ตรงนี้แหละ  เพราะ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่าน ดูเหมือนมีการโหมกระแส e-power มาก
ซึ่งถ้าทำเพื่อให้เกิดความสนใจ ให้คนรู้จักระบบนี้และเข้ามาศึกษารายละเอียดการทำงาน ศึกษาข้อดี/ข้อเสีย ผมก็ว่าดีนะ  เป็นการแชร์ความรู้กัน

แต่ถ้าพยายามโหมให้แต่ข้อมูลด้านดีอย่างเดียว แต่ปิดกั้นไม่ยอมพิจารณาถึงข้อเสียที่ทางผู้ผลิตพยายามไม่พูดถึง
มันจะพากันให้หลายคนตั้งความคาดหวังว่า มันจะต้องเป็นรถในฝัน ราคาถูกเพราะภาษีถูก คาดหวังว่าจะได้ซื้อในราคา 6 แสนปลาย ถึง 7 แสนกลาง
แล้วมันจะต้องเป็นรถที่แรงสุดยอดแบบรถไฟฟ้า แต่ประหยัดสุดยอดระดับ 3x.xx กม/ลิตร แล้วพากันคิดต่อว่าระบบมันสุดแสนจะ simple
ชิ้นส่วนน้อยไม่ซับซ้อน ค่าซ่อมบำรุงจึงแสนถูก ....

พอมันมาจริงแล้วไม่ได้ดังหวัง ก็จะพากันรุมประนาม เหมือนกับที่รถหลาย ๆ รุ่นโดนปั่นกระแสตั้งแต่ตอนก่อนเปิดตัวยังงั้นล่ะฮะ แล้วผลเสียจะตกอยู่กับ
ตัวสินค้ามากกว่า เพราะในความเป็นจริงรถทุกคันในโลกมันไม่ได้มีข้อดีแบบไร้ที่ติ รถทุกแบบมีข้อดีและข้อเสียซึ่งมันเหมาะสมกับคนแต่ละกลุ่ม
แตกต่างกันไป  สู้เราพยายามพูดคุยแชร์ข้อเท็จจริงให้ทุกคนกระจ่าง แล้วจะได้เลือกรถที่เหมาะกับการใช้งานจริง ๆ ยอมรับข้อด้อยได้ตั้งแต่ก่อนซื้อ
พอได้ไปใช้แล้วจะได้ไม่ผิดไปจากที่หวังไม่ดีกว่าเหรอฮะ


หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 17:07:15
ผมก็รู้ว่ามันซ่อมแพง มีค่าแบต บำรุงรักษาไม่ถูกแบบเครื่องใช้เชื่อเพลิงฟอสซิลครับ
แต่มันถึงจุดที่เราต้องข้ามไปใช้รถพลังไฟฟ้ากันแล้ว ยังคงใช้เครื่องกินน้ำมันเดิมๆ ก็ไม่ใช่
เรื่องผิดครับ เหมือนที่เรายังใช้ Nokia แต่ i phone เริ่มมาแล้ว แพงแบบไร้เหตุผล
ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ใช้ i phone ครับ แต่ใช้ i pad ไว้เล่นเน็ต ปัจจุบัน i phone ก็ขายดีเป็น
เทน้ำเทท่า

แต่รถมันไม่ใช่มือถือครับ ผลลัพฑ์มันอาจจะไม่เหมือนกัน และการที่ e-power
ขายดีที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะขายดีที่ไทย

แต่ที่พูดคือ ถ้าจะซื้อ Note e-power ในราคาที่แพงกว่ารุ่น 1.2 แสนถึงแสนกว่า
นั้นได้ผ่านการไตร่ตรองดีแล้ว ไม่ได้แค่ว่าอยากลอง 555
อยากที่เคยบอกไป ระบบนี้ได้เค้นเอาเนื้อๆ ที่ว่าเป็นข้อดีของ Hybrid มาให้ได้ใช้
100% สามารถเติมตามปั้มได้ปกติ ไม่ต้องหาที่ชาร์จแบบรถไฟฟ้า แต่ตอนขับเราได้
ใช้รถฟีลรถไฟฟ้าเต็มๆ อัตราเร่งอย่างแรง เหยียบแบบไม่ต้องคิดมาก ประหยัดแน่
แล้วไม่ต้องคำนวนเยอะว่า ระยะทางจะไม่พอดีกับที่ชาร์จมา เรียกได้ว่า
"ไม่ต้องคำนวนบ้าอะไรเลย แบบรถ Plug in hybrid กับรถ EV"
พูดได้ว่า care free จริงๆ จะมีตัวแปรเดียวที่น่ากังวลคือค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่
ซึ่งเทคโนโลยีไหนก็ต้องเจอ แต่ Nissan จะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีไหนให้ลูกค้า happy
จะได้มาซื้อ e-power เพิ่มขึ้น

ความหมายก็คือ เราไม่ได้ดูว่ามันประหยัดมั้ย คุ้มมั้ยอย่างเดียว
เรามองว่ามันเป็นเทคโนโลยีรึเปล่า ถ้ามองว่ามันใช่ มันก็คุ้ม
แต่ถ้ามองมันเป็นเครื่องใช้ไม้สอย รถไฟฟ้าพวกนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้นมาบนโลกเลย
เพราะมันแพง บำรุงรักษาปกติไม่ได้ แต่บังเอิญว่าโลกวันนี้ต้องการรถที่ปล่อยมลพิษ
น้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองที่บางเมืองอาจต้องใส่หน้ากากกันแก๊สพิษ
รถมันถึงต้องถูกยกระดับขึ้นมาให้ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบนี้ e-power ก็เป็นจุดเชื่อมต่อ
ให้รถ EV ที่เกิดยากเพราะ infrastructure และสามารถปล่อยควันพิษได้น้อยลง
แต่รถยังคงแรงได้

แถมยังมีข้อดีคือ ได้ประโยชน์จากข้อดีของรถไฟฟ้าแบบเต็มๆ โดยไม่ต้องกังวล
คำนวนเส้นทาง ระยะทางให้พอดี และไม่ต้องเผื่อเวลารอสำหรับการชาร์จไฟฟ้า
ถ้าอีกหน่อยรถต้องกลายเป็น EV ทั้งหมด เราอาจจะคิดถึง e-power ขึ้นมาก็ได้
ในฐานะที่ใช้ง่าย สะดวกเวลาแบบรถน้ำมัน แต่ประหยัดและแรงแบบรถไฟฟ้า

เราเขียนดีแฮะ 555
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 17:37:36
ผมก็รู้ว่ามันซ่อมแพง มีค่าแบต บำรุงรักษาไม่ถูกแบบเครื่องใช้เชื่อเพลิงฟอสซิลครับ
แต่มันถึงจุดที่เราต้องข้ามไปใช้รถพลังไฟฟ้ากันแล้ว ยังคงใช้เครื่องกินน้ำมันเดิมๆ ก็ไม่ใช่
เรื่องผิดครับ เหมือนที่เรายังใช้ Nokia แต่ i phone เริ่มมาแล้ว แพงแบบไร้เหตุผล
ทุกวันนี้ผมก็ยังไม่ใช้ i phone ครับ แต่ใช้ i pad ไว้เล่นเน็ต ปัจจุบัน i phone ก็ขายดีเป็น
เทน้ำเทท่า

แต่รถมันไม่ใช่มือถือครับ ผลลัพฑ์มันอาจจะไม่เหมือนกัน และการที่ e-power
ขายดีที่ญี่ปุ่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะขายดีที่ไทย

แต่ที่พูดคือ ถ้าจะซื้อ Note e-power ในราคาที่แพงกว่ารุ่น 1.2 แสนถึงแสนกว่า
นั้นได้ผ่านการไตร่ตรองดีแล้ว ไม่ได้แค่ว่าอยากลอง 555
อยากที่เคยบอกไป ระบบนี้ได้เค้นเอาเนื้อๆ ที่ว่าเป็นข้อดีของ Hybrid มาให้ได้ใช้
100% สามารถเติมตามปั้มได้ปกติ ไม่ต้องหาที่ชาร์จแบบรถไฟฟ้า แต่ตอนขับเราได้
ใช้รถฟีลรถไฟฟ้าเต็มๆ อัตราเร่งอย่างแรง เหยียบแบบไม่ต้องคิดมาก ประหยัดแน่
แล้วไม่ต้องคำนวนเยอะว่า ระยะทางจะไม่พอดีกับที่ชาร์จมา เรียกได้ว่า
"ไม่ต้องคำนวนบ้าอะไรเลย แบบรถ Plug in hybrid กับรถ EV"
พูดได้ว่า care free จริงๆ จะมีตัวแปรเดียวที่น่ากังวลคือค่าบำรุงรักษา ค่าอะไหล่
ซึ่งเทคโนโลยีไหนก็ต้องเจอ แต่ Nissan จะจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีไหนให้ลูกค้า happy
จะได้มาซื้อ e-power เพิ่มขึ้น

ความหมายก็คือ เราไม่ได้ดูว่ามันประหยัดมั้ย คุ้มมั้ยอย่างเดียว
เรามองว่ามันเป็นเทคโนโลยีรึเปล่า ถ้ามองว่ามันใช่ มันก็คุ้ม
แต่ถ้ามองมันเป็นเครื่องใช้ไม้สอย รถไฟฟ้าพวกนี้ก็ไม่ควรเกิดขึ้นมาบนโลกเลย
เพราะมันแพง บำรุงรักษาปกติไม่ได้ แต่บังเอิญว่าโลกวันนี้ต้องการรถที่ปล่อยมลพิษ
น้อยลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะในเมืองที่บางเมืองอาจต้องใส่หน้ากากกันแก๊สพิษ
รถมันถึงต้องถูกยกระดับขึ้นมาให้ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบนี้ e-power ก็เป็นจุดเชื่อมต่อ
ให้รถ EV ที่เกิดยากเพราะ infrastructure และสามารถปล่อยควันพิษได้น้อยลง
แต่รถยังคงแรงได้

แถมยังมีข้อดีคือ ได้ประโยชน์จากข้อดีของรถไฟฟ้าแบบเต็มๆ โดยไม่ต้องกังวล
คำนวนเส้นทาง ระยะทางให้พอดี และไม่ต้องเผื่อเวลารอสำหรับการชาร์จไฟฟ้า
ถ้าอีกหน่อยรถต้องกลายเป็น EV ทั้งหมด เราอาจจะคิดถึง e-power ขึ้นมาก็ได้
ในฐานะที่ใช้ง่าย สะดวกเวลาแบบรถน้ำมัน แต่ประหยัดและแรงแบบรถไฟฟ้า

เราเขียนดีแฮะ 555

ผมนี่ลุกขึ้นยืนปรบมือให้พี่เลยฮะ  แปะ ๆ ๆ

ขอเพิ่มอีกนิด ไหน ๆ ละ  ถ้าแบตลูกใหญ่ขึ้นนิ๊ดดดด นะ แล้วใส่สายไฟแบบม้วนเก็บได้ตอนไม่ใช้
เหมือนเครื่องดูดฝุ่นพร้อมปลั๊กตัวผู้แบบ 3 ขามีสายดินอ่ะ เอาไว้ชาร์จไฟตอนกลางคืนก่อนเข้านอน
เช้าตื่นมาแบตเต็ม ม้วนกดปุ่มม้วนสายไฟเข้าที่ครืดดดด  แล้วให้รถมันวิ่งได้แบบ EV ซัก 20 กม. 30 กม.
ก่อนให้เครื่องยนต์ติดขึ้นมาปั่นไฟก็ดีนะครับ

หุหุหุ มันก็คือ Plug-in Series hybrid ใช่มั้ยเอ่ย....
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 17:41:58
การตลาดง่ายๆ
เร่งดีกว่ามาสด้าสอง ประหยัดกว่า ช่วงล่างพอกัน(ใน the clip บอกดีกว่าซะอีก) ห้องโดยสารกว้างกว่า (แต่นั่งสบายกว่ามั้ยไม่รู้) แต่ราคาไม่ควรมากกว่ามาสด้าสอง ต้องให้คนใช้มั่นใจว่าคุ้ม ระยะยาวอะไหล่ทน บำรุงรักษาง่าย ให้เกิดความเชื่อมั่นใน e-power ก่อน ต่อไปจะอัพราคาเพิ่มออพชั่นค่อยว่ากัน
ถ้าเอาตัวรถภายนอกภายในมาแบบ e-power ของญี่ปุ่นก็ดีนะ วัสดุดูน่าใช้กว่า แต่ไม่รู้ราคาแรงไปมั้ยหรือจะใช้แบบตัว 1.2 มายัด e-power เพื่อสู้เรื่องราคาในช่วงแรกก่อนก็ทำได้

ส่วนจะถึง 350 คันต่อเดือนมั้ยก็ต้องอาศัยเวลา แต่คงแย่งยอดจากแจ๊ส มาสด้าสอง ไปได้เยอะ (ถ้ายอดขนาดนั้นแล้วมีโอกาสราคามอเตอร์กับแบตถูกลงเร็วๆด้วยมั้ย อย่างน้อยก็น่าจะมีคนอยากทำอะไหล่มาใช้แทนกันบ้างล่ะ)
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 18:50:06
อ้าว ตะกี้ยังบอก
g9 จ่ายตรง
สักพัก บอกมี E-Power ในตัว
เพ้อเจ้อดีนะครับ

ก้มันต่างไงครับ
เพราะ E-power
คิดง่ายไปไงครับ
หลักๆ ก้เรื่อง สมรรถนะกะต้นทุน
 
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Cheap and cheerful ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 19:06:22
ภาษีเเค่ 5 percent ขายราคาเท่า b seg ปกติยังได้เลย
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 19:17:56
ภาษีเเค่ 5 percent ขายราคาเท่า b seg ปกติยังได้เลย

ถ้าตั้งราคาแบบนั้นได้ดีเลยครับ
ตัด VL ปัจจุบันทิ้งไปเลย แล้วขายสัก 7 แสนต้นๆ
โปรโมทไปเลยเป็นรถสุดยอดประหยัดน้ำมันสมรรถนะสูงดุจ EV ราคาหลายล้าน
บอกแบบบ้านๆ แต่ชัดเจนดี
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 19:25:51
อะไรลุง?  อะไรเพ้อเจ้อ?

ก็ถ้า G9 มันเอาเครื่องปั่นไฟอย่างเดียวไม่มีโหมดขับล้อตรง ๆ มันก็ อี-พาวเวอร์ นิ
หรือถ้า อี-พาวเวอร์ มันมีอีกโหมดมาปั่นล้อโดยตรงด้วย มันก็ระบบ G9 นี่ไงครับ

ไม่เห็นจะเข้าใจยากเย็นอะไรเลยเลยนี่ครับ 
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: TrentXWB ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 20:28:57
ใจเย็นๆ ครับ ทุกคน

สรุป Nissan ประเทศไทยฝ่อ ไม่เอามา จบเลย แห้งงงงงงงงงงงง  ;D

ปล. ปรากฏ นิสสันขาย e-power ตัวท็อป 7 ถ้วน ออปชั่นเท่าตัว VL เครื่องปกติ พร้อมส่วนลดเปิดตัว 30,000 แฮ่
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 20:41:25
อะไรลุง?  อะไรเพ้อเจ้อ?

ก็ถ้า G9 มันเอาเครื่องปั่นไฟอย่างเดียวไม่มีโหมดขับล้อตรง ๆ มันก็ อี-พาวเวอร์ นิ
หรือถ้า อี-พาวเวอร์ มันมีอีกโหมดมาปั่นล้อโดยตรงด้วย มันก็ระบบ G9 นี่ไงครับ

ไม่เห็นจะเข้าใจยากเย็นอะไรเลยเลยนี่ครับ

อ่อ เข้าใจแล้ว  G9 มี Mode เครื่อ ยนต์ ปั่นล้อ โดยตรง ด้วย ที่ต่างกัน กะ E-power  อ่านไม่เคลียร์เอง 555 โทดที ครับ รีบอ่านไปนิด ลืมดู

ปละ นั่นละครับ ที่ ต่างกัน ทำไม Honda เอามา ขับ ล้อตรงๆ ด้วย แต่ อ่านดีๆ มันแค่ ช่วยเสริม สมรรถนะ ไงครับ อาจเพราะ ระบบ อะไรก็แล้วแต่
แต่ทำไม E-power ทำได้ละ ตัดเครื่องยนต์ จากระบบ ขับเคลือ่นไปเลย

อะไร คือ ข้อดี ข้อเสีย
เพราะ อย่าลืม เครืองยนต์ G9 ถ้าแบตเสื่อม หรือเสีย ก็อาจยังพอคลานๆ ไปได้ แต่ได้แค่คลาน เพราะมัน มีเกียร์เดียวนั่นละ ก็คือ จอดอู่ รอแบตอยู่ดี
เพราะ G9 จะทำงานสมบูรณ์ ก็มาจาก ไฟจากแบต อยู่ดี

เช่นเดียวกัน หากแบต E-power เสีย ก็จอดและ ลากเลย

ผมว่า ต่างกัน ตรง คิด เยอะ คิดมาก นี่ละ 5555

อย่าลืม รถคนละคลาส
Note ไม่ต้อง การสมรรถ ขนาด G9 เลยตัดเรื่องช่วยออกตัวไป เป็น ไฟฟ้า เพียวๆ
เพื่อเข้า สู่ ยุค EV โดยพยายาม ตัดระบบ เครื่องยนตืกับล้อไป มากกว่า


หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ab4u ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 20:52:01

ผมว่าอัตราเร่ง 0-100 ก็ไม่เลวนะครับ ตามคลิปทดสอบนี้

https://www.youtube.com/watch?v=uiaOhPh7o2M

แต่เร่งสุดก็แค่ 150 กว่าเอง
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Symphonic ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 21:03:03
อะไรลุง?  อะไรเพ้อเจ้อ?

ก็ถ้า G9 มันเอาเครื่องปั่นไฟอย่างเดียวไม่มีโหมดขับล้อตรง ๆ มันก็ อี-พาวเวอร์ นิ
หรือถ้า อี-พาวเวอร์ มันมีอีกโหมดมาปั่นล้อโดยตรงด้วย มันก็ระบบ G9 นี่ไงครับ

ไม่เห็นจะเข้าใจยากเย็นอะไรเลยเลยนี่ครับ

อ่อ เข้าใจแล้ว  G9 มี Mode เครื่อ ยนต์ ปั่นล้อ โดยตรง ด้วย ที่ต่างกัน กะ E-power  อ่านไม่เคลียร์เอง 555 โทดที ครับ รีบอ่านไปนิด ลืมดู

ปละ นั่นละครับ ที่ ต่างกัน ทำไม Honda เอามา ขับ ล้อตรงๆ ด้วย แต่ อ่านดีๆ มันแค่ ช่วยเสริม สมรรถนะ ไงครับ อาจเพราะ ระบบ อะไรก็แล้วแต่
แต่ทำไม E-power ทำได้ละ ตัดเครื่องยนต์ จากระบบ ขับเคลือ่นไปเลย

อะไร คือ ข้อดี ข้อเสีย
เพราะ อย่าลืม เครืองยนต์ G9 ถ้าแบตเสื่อม หรือเสีย ก็อาจยังพอคลานๆ ไปได้ แต่ได้แค่คลาน เพราะมัน มีเกียร์เดียวนั่นละ ก็คือ จอดอู่ รอแบตอยู่ดี
เพราะ G9 จะทำงานสมบูรณ์ ก็มาจาก ไฟจากแบต อยู่ดี

เช่นเดียวกัน หากแบต E-power เสีย ก็จอดและ ลากเลย

ผมว่า ต่างกัน ตรง คิด เยอะ คิดมาก นี่ละ 5555

อย่าลืม รถคนละคลาส
Note ไม่ต้อง การสมรรถ ขนาด G9 เลยตัดเรื่องช่วยออกตัวไป เป็น ไฟฟ้า เพียวๆ
เพื่อเข้า สู่ ยุค EV โดยพยายาม ตัดระบบ เครื่องยนตืกับล้อไป มากกว่า

ครับผม  พวกเราเป็นกลุ่มผู้ใช้รถ ไม่ได้มีส่วนในผลกำไรของบริษัทรถยนต์
ดังนั้นเรามาจับมือกันดีกว่าครับ  มาแบ่งปันความคิดเห็นกัน ช่วยกันสอดส่องข้อดีข้อด้อยของรถ
แต่ละคันกัน  ยิ่งพวก EV หรือ Hybrid มันเพิ่งเป็นยุคเริ่มต้น (new Era) ที่ทุกบริษัทพยายามคิด
หาระบบการทำงานที่ดีกว่า ซึ่งกว่าจะลงตัวก็คงอีกพักใหญ่ ๆ และลูกค้าที่ใช้กลุ่มแรก ๆ ก็จะเป็น
ผู้ทดลองภาคสนามที่เจ็บจริงจ่ายจริง ดังนั้นพวกเราต้องช่วยกันแชร์ข้อมูล ดีกว่าที่จะอวยบริษัทรถครับ

ขอบคุณครับ
ปล. ต้องขอโทษด้วยครับถ้าได้พิมพ์อะไรล่วงเกินลงไปครับ m_ _m , /\
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: e:smart Hybrid ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 21:05:39
สำหรับตลาดญี่ปุ่น เพิ่งมีขุมพลัง HYBRID e-Power เข้ามาประจำการสดๆร้อนๆ
เมื่อ 2 พฤศจิกายน 2016 ที่ผ่านมา โดยวางให้กับรุ่นย่อยใหม่ล่าสุด e-Power S ,
e-Power X , e-Power Medalist , e-Power Nismo

เครื่องยนต์พื้นฐานยกเอาขุมพลังจาก March,Almera และ Note เดิมมาทั้งยวง
นั่นคือ HR12DE เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 1,198 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก
78.0 x 83.6 มิลลิเมตร แต่ถูกปรับปรุงให้มีระบบจุดระเบิดแบบ Atkinson Cycle
ปรับกำลังอัดเป็น 12.0 : 1 กำลังสูงสุด 79 แรงม้า (PS) ที่รอบเครื่องยนต์ต่ำลงเป็น
5,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด ลดเหลือ 103 นิวตันมเตร (10.5 กก.-ม.) ที่รอบ
ตั้งแต่ 3,500 – 5,200 รอบ/นาที

พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้า แบบไร้แปรงถ่าน พร้อมระบบส่งกำลังแบบ e-CVT ในตัว รุ่น
EM57 กำลังสูงสุด 95 แรงม้า (PS) ใช้แบ็ตเตอรี Lithium – ion ในการเก็บกำลังไฟ
ติดตั้งไว้ใต้เบาะคนขับและเบาะผู้โดยสารด้านหน้า

เมื่อรวมกำลังในระบบทั้งหมด จากการคำนวนจะแรงขึ้นเป็น 109 แรงม้า (PS) ที่ รอบ
เครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกัน ตั้งแต่ 3,008 – 10,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
254 นิวตันเมตร (25.9 กก.-ม.) ที่รอบตั้งแต่ 0 – 3,008 รอบ/นาที (ตัวเลขทั้งหมดนี้ ขอ
ยืนยันว่า เขียนถูกแล้ว นั่งลอกจาก Brochure ของ Note e-Power เวอร์ชันญี่ปุ่น เลย)

จะไปว่าไป จากข้อมูลใน web เรา ผมว่าจูนม้าลดลง ทำรถให้ประหยัดขึ้นอีก จะดีมากๆ  เลยคับ

จิงๆ ผมว่าใส่เครื่อง 660 cc ยังได้เลย
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Arado_kung ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 21:14:55

ผมว่าอัตราเร่ง 0-100 ก็ไม่เลวนะครับ ตามคลิปทดสอบนี้

https://www.youtube.com/watch?v=uiaOhPh7o2M

แต่เร่งสุดก็แค่ 150 กว่าเอง
ไม่ใช่ไม่เลว แต่วิ่งไล่ฟัดรถยุโรปได้เลยดีกว่าครับ กว่าจะเอาเจ้านี่ลงได้ก็ต้อง 150 ขึ้นไป ซึ่งผมว่าโหดสัสเลยนะรถญี่ปุ่นคันละ8แสน(ราคาตามหัวกระทู้)แต่มีอัตราเร่งไล่ฟัดรถยุโรปได้
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 21:32:29

ครับผม  พวกเราเป็นกลุ่มผู้ใช้รถ ไม่ได้มีส่วนในผลกำไรของบริษัทรถยนต์
ดังนั้นเรามาจับมือกันดีกว่าครับ  มาแบ่งปันความคิดเห็นกัน ช่วยกันสอดส่องข้อดีข้อด้อยของรถ
แต่ละคันกัน  ยิ่งพวก EV หรือ Hybrid มันเพิ่งเป็นยุคเริ่มต้น (new Era) ที่ทุกบริษัทพยายามคิด
หาระบบการทำงานที่ดีกว่า ซึ่งกว่าจะลงตัวก็คงอีกพักใหญ่ ๆ และลูกค้าที่ใช้กลุ่มแรก ๆ ก็จะเป็น
ผู้ทดลองภาคสนามที่เจ็บจริงจ่ายจริง ดังนั้นพวกเราต้องช่วยกันแชร์ข้อมูล ดีกว่าที่จะอวยบริษัทรถครับ

ขอบคุณครับ
ปล. ต้องขอโทษด้วยครับถ้าได้พิมพ์อะไรล่วงเกินลงไปครับ m_ _m , /\

555 ไม่ มีอะไรครับ เราแลกเปลี่ยน กันด้วย ข้อมูล
พยายาม ผิดพลาด ประการใด ก็ อย่า ถือ สา ครับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: CATM96 ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 22:11:29

ผมว่าอัตราเร่ง 0-100 ก็ไม่เลวนะครับ ตามคลิปทดสอบนี้

https://www.youtube.com/watch?v=uiaOhPh7o2M

แต่เร่งสุดก็แค่ 150 กว่าเอง
ไม่ใช่ไม่เลว แต่วิ่งไล่ฟัดรถยุโรปได้เลยดีกว่าครับ กว่าจะเอาเจ้านี่ลงได้ก็ต้อง 150 ขึ้นไป ซึ่งผมว่าโหดสัสเลยนะรถญี่ปุ่นคันละ8แสน(ราคาตามหัวกระทู้)แต่มีอัตราเร่งไล่ฟัดรถยุโรปได้

...ผมไม่ได้ตาฝาดใช่มั้ย... 7.4 วิ หันไปมอง F10ที่จอดอยู่...
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: mamaman ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 22:16:27

ผมว่า ข้อดีคือ

แรง แต่ไม่เร็ว นี่ ชอบมากครับฃลดปัญหา พวกขับ เกิน กฏหมาย เยอะๆ ด้วน 150 ก็พอ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Cheap and cheerful ที่ กรกฎาคม 09, 2017, 22:51:39
ขับใน  กทม. Sylphy Turbo โดนทิ่งหลายคันรถเมล์

ออกตจว.ต้องเลย 150 ไปเเล้ว
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 00:20:45

ผมว่า ข้อดีคือ

แรง แต่ไม่เร็ว นี่ ชอบมากครับฃลดปัญหา พวกขับ เกิน กฏหมาย เยอะๆ ด้วน 150 ก็พอ

เห็นด้วยว่าเพียงพอ
ผมว่าถ้าใช้ตาม กม. และการเดินทางทั่วไปในไทย
เกิน 150 นี่ เอาไว้อวดแข่งกันแล้วครับ  ;D
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Jacob ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 02:10:02
ขับเกิน 150 ผมว่าตัวรถอาจจะรับไม่ไหวนะ ดูเป็น city car มากกว่าเอาไปซิ่ง(เหมือนอีโคคาร์ขยายร่างมากกว่า b seg) แต่อัตราเร่งคงทำให้ขับสนุกแบบที่หลายคนติดใจพวกรถ EV กัน
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: lay ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 06:24:21
ขอขอบคุณทุกท่านที่ ให้ข้อมูล  อ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากเลยครับ     e power  น่าสนใจมากจริงๆ  ก็คงเหลือแต่ นิสสันไทยจะจัดการอย่างไร  ให้เกิดจริงยาวๆ  ไม่ใช่ดังแล้วดับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: SM. ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 07:52:40
ราคาใกล้ 8 แสนแบบนี้ ผมว่าเข็นยากจริงๆครับ เป็นผมก็คงไม่เอา เอาตัวอื่นถูกกว่า เก็บส่วนต่างเติมน้ำมันดีกว่า
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 07:56:57
คิดว่าควรจะมีตัวล่างให้ห่างจากจุด 8 แสนเยอะๆ ครับ
เพราะ B car 1500 ก็ขายได้แค่นั้น 6 ปลาย 7 ต้น อะไรแบบนั้น

เรื่องดับหรือรุ่ง อยู่เงินลงทุน และการสื่อสารจริงๆ ครับ
ควรลงทุนทั้งชิ้นส่วน ทั้งการตลาดมากๆ
การสื่อสารก็ต้องดีไม่ขาดแล้วก็ไม่ผิดเป้า
เอาใจช่วยจริงๆ ครับ ไม่ใช่เพราะเป็นแฟนนิส
แต่อยากเห็นเทคโนโลยีดีๆ ครับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: ab4u ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 11:39:45
ผมว่าตอนนี้เราเลิกมโนราคากันก่อนดีกว่า

รอมันเข้ามาจริงๆแล้วนิสสันคงจะตีราคาออกมาเอง

แต่ผมว่าไม่น่าจะเกิน 759000 (อ้าวมโนเอง)

3รุ่น ห่างกันรุ่นละแสน
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: blitzpao ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 12:41:43
ไม่ถึงครับถ้าข้างในยังตกแต่งได้ห่วยแตกแบบปัจจุบันถ้าจะขาย E power ควรใช้วัสดุดีกว่านี้
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 14:26:44
ไม่ถึงครับถ้าข้างในยังตกแต่งได้ห่วยแตกแบบปัจจุบันถ้าจะขาย E power ควรใช้วัสดุดีกว่านี้

วัสดุควรดีขนาดไหนครับ
พอดีมองว่าโดยส่วนใหญ่รถ B car ก็มีวัสดุประมาณนี้
ขับดี ช่วงล่างดี ประกอบดีไม่มีเสียง ผมว่าก็โอเคนะครับ
ใน segment นี้เห็นที่ดูดีหน่อยก็ Mazda 2 รุ่นเดียวครับ
ต้องขออภัยที่เห็นต่างด้วย ถ้าโกรธก็อย่าว่ากันนะครับ
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: No Trespassing ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 16:36:15
แค่ 640k แต่ระบบความปลอดภัยเยอะมากกว่า D-Seg บางคัน ยังโดนด่าว่าแพงเลย ทั้งๆที่ผมมองว่าราคาสมเหตุสมผลแล้ว (แต่ชั้นวางสัมภาระท้ายรถ Karakuri ขาย 7500 บาท แพงไปหน่อยนะ)

ถ้าผมไม่เคยขับมาร์ชมาก่อน ป่านนี้ผมคงซี้อไปแล้วครับ

แล้ว E-Power มา 740 - 750k จะเหลือหรือครับ

ไม่มาละดีแล้ว อย่าให้คนเค้าด่าเลย ทำดีเสมอตัว ทำชั่วแค่ขี้เล็บโดนด่ายันหลานบวช
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: No Trespassing ที่ กรกฎาคม 10, 2017, 16:46:00
ไม่ถึงครับถ้าข้างในยังตกแต่งได้ห่วยแตกแบบปัจจุบันถ้าจะขาย E power ควรใช้วัสดุดีกว่านี้

วัสดุควรดีขนาดไหนครับ
พอดีมองว่าโดยส่วนใหญ่รถ B car ก็มีวัสดุประมาณนี้
ขับดี ช่วงล่างดี ประกอบดีไม่มีเสียง ผมว่าก็โอเคนะครับ
ใน segment นี้เห็นที่ดูดีหน่อยก็ Mazda 2 รุ่นเดียวครับ
ต้องขออภัยที่เห็นต่างด้วย ถ้าโกรธก็อย่าว่ากันนะครับ

มาร์ชผมใช้ห้าปีจนถึงวันที่ขายรถออกไป ไม่เคยมีเสียงก๊อกแก๊กแม้แต่นิดเดียวครับ

เรื่องประกอบ นิสสันทำได้ดีครับ เหนือกว่าเจ้าตลาดบางยี่ห้อซะอีก
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Slipknot` ที่ กรกฎาคม 11, 2017, 02:25:17
7.9แสน ถือว่าโหดมากเลยนะครับ เดือนนึงจะถึงร้อยคันหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 11, 2017, 10:40:09
7.9แสน ถือว่าโหดมากเลยนะครับ เดือนนึงจะถึงร้อยคันหรือเปล่า

ใช่ครับ จะดับเอา
คนส่วนมากต้องการรถเล็กราคา 7 แสนต้นๆ

e-power จะได้มามั้ย  :'(
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: chobitstae ที่ กรกฎาคม 11, 2017, 13:03:46
Top nismo ไม่เกิน 800k น่าใช้ครับ ตัวธรรมดาไม่ควรเกิน 750k
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Dark Overlord ที่ กรกฎาคม 11, 2017, 13:26:52
Top nismo ไม่เกิน 800k น่าใช้ครับ ตัวธรรมดาไม่ควรเกิน 750k

เห็นด้วยครับ และควรถือโอกาสเพิ่มความนิยม Nismo
ในเอเชียด้วยการส่งออก Note nismo ด้วย
สินค้าไหนที่เป็น A list ก็น่าจะส่งๆ มา ทั้ง e-power ทั้ง Nismo
ปัญหาอยู่ที่การตลาด ไม่ใช่ตัวสินค้า
หัวข้อ: Re: Note-power สำหรับเป้า 350 คัน/เดือน ตัวเลขนี้คิดยังไงบ้างครับ
เริ่มหัวข้อโดย: No Trespassing ที่ กรกฎาคม 11, 2017, 14:53:05
ตลาดบ้านเราไม่เหมือนคนอื่นครับ ใครผ่านมาได้ก็เก่งมาก

รถขายดีบ้านเค้า แต่บ้านเราอาจจะไม่ใช่ครับ