ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1  (อ่าน 14515 ครั้ง)

ออฟไลน์ SomBB

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« เมื่อ: เมษายน 19, 2011, 15:33:25 »
นั่งคิด นอนคิด หาข้อมูล สารพัดสารพันวิธี สุดท้ายไม่ได้คำตอบ
มาดูข้อจำกัดตั้งต้นกัน......
1.งบประมาณ ไม่เกิน 2.3mb
2.บ้านมีรถ 3 คัน ใช้งานคนละคัน    มีบ้างไปพร้อมกัน 4-5 คน (นานๆครั้ง เฉลี่ยเดือนละครั้ง) มี teana 250, camry2.0 ไม่ขาย
3.รถเดิมเก่าเกินไปแล้ว พอถูๆไถๆใช้ได้อีกนิดหน่อย ถ้าจะขาย + เพิ่มเงินนิดหน่อย ก็เอาไปดาวน์ 30% ของคันใหม่ได้
4.ทำงานในเมือง  ติดในเมืองครึ่งทาง + ชานเมืองโล่งๆครึ่งทาง ไปกลับวันละ 55 กิโล วันหยุดออกไปพัทยาบ้าง หัวหินบ้าง เดือนละ 1-2 ครั้ง
5.เป็นคนขับรถเร็วพอประมาณ ชานเมืองก็ 130-140 ตลอด

ข้อจำกัดที่จะซื้อรถใหม่.....
1.คันใหม่นี้น่าจะใช้เกิน 8 ปี ในระยะแรกไม่อยากมีภาระเรื่องค่าซ่อม เพราะฉะนั้นจึงได้รถ 2 รุ่นนี้มา CT200h & X1 
แต่อีกใจอยากได้แค่ mazda3  5dr, ds3 ถ้าจะมีซ่อมบ้างก็พอไหว
2.รถน่าจะใช้เต็มที่ 2 คน เวลาไปรับแฟน มีบ้างที่ต้องไปหลายคนนานๆครั้งเวลาออกต่างจังหวัด
3.ใช้ในเมืองเยอะท่าจะประหยัดน้ำมัน CT200h  + 18 km/l,  X1 + 8 km/l
4.ไปลอง CT200h มาแล้ว ใช้ได้ทีเดียว ติดเวลาเสียงเบรก, เครื่องดังเวลาเร่งรอบ, พื้นที่หลังคาด้านหลังแคบมาก, มองกระจกหลังแล้วเล็กๆ
5.ยังไม่ได้ลอง X1 แต่ดูทรงแล้วใช้ได้เลย
6.ไม่ดีรีบใช้รถนะ แต่ X1 จะนานไปไหนกัน จองวันนี้ เงินจอง 100,000 ได้รถมีนาปีหน้า, CT200h ก็รอ 3 เดือน
สรุปต้องรออยู่ดีแค่จะขายรถเก่าปีนี้หรือปีหน้าก็เท่านั้น

คำถามหลายประเด็น.....
1.BMW X1 BSI 5 ปี หรือ 100,000 km , ผมขับ 4 ปีก็เกิน 120,000 แล้ว ปีต่อไปล่ะ ทำยังไง ค่าซ่อมแพงมั้ย เฉลี่ย 1 ปีหลังหมดประกัน
คนใช้ BMW  หมดกันไปคนละเท่าไหร่
2.Lexus service 4 ปีไม่จำกัดระยะ ก็พอๆกัน  แล้ว ปีต่อไปล่ะ ทำยังไง ค่าซ่อมแพงมั้ย เฉลี่ย 1 ปีหลังหมดประกัน
คนใช้ lexus  หมดกันไปคนละเท่าไหร่
3.สรุปรถเข้าปีที่ 5-6 ใครมีปัญหาเยอะกว่ากัน  ขี้เกียจมานั่งน้ำตาตกหลัง 5 ปีผ่อนหมด
4.แฟนชอบ bmw (ขอบ่นหน่อยได้มั้ย ทำไมผู้หญิงถึงชอบ bmw กันนะ พาไปดู CT200h ก่อน บอกว่าไม่ชอบเลยรถ5ประตูเนี่ย
พอพาไปดู X1 บอกว่าชอบมาก งงดิครับพี่น้อง เราได้แต่ยืนงง) จริงมั้ยที่ ราคาขายต่อ bmw จะตกเยอะกว่า lexus
5.ใน 100,000 km แรกค่าน้ำมันก็จะต่างกันประมาณ 200,000 บาท ซึ่งเจ๊ากัน เพราะ X1 ถูกกว่า CT200h F Sport เกือบ 200,000 เพื่อนๆคิดว่าไงดี
6.ประกันชั้น 1 ในรถระดับนี้ ตกปีละเท่าไหร่ครับ

เอาเท่านี้ก่อนละกัน เริ่มมึนๆงงๆมากขึ้นทุกทีแล้ว ขอบคุณล่วงหน้าครับ พี่น้อง

ออฟไลน์ Zardus

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 292
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 19, 2011, 17:57:00 »
นั่งคิด นอนคิด หาข้อมูล สารพัดสารพันวิธี สุดท้ายไม่ได้คำตอบ
มาดูข้อจำกัดตั้งต้นกัน......
1.งบประมาณ ไม่เกิน 2.3mb
2.บ้านมีรถ 3 คัน ใช้งานคนละคัน    มีบ้างไปพร้อมกัน 4-5 คน (นานๆครั้ง เฉลี่ยเดือนละครั้ง) มี teana 250, camry2.0 ไม่ขาย
3.รถเดิมเก่าเกินไปแล้ว พอถูๆไถๆใช้ได้อีกนิดหน่อย ถ้าจะขาย + เพิ่มเงินนิดหน่อย ก็เอาไปดาวน์ 30% ของคันใหม่ได้
4.ทำงานในเมือง  ติดในเมืองครึ่งทาง + ชานเมืองโล่งๆครึ่งทาง ไปกลับวันละ 55 กิโล วันหยุดออกไปพัทยาบ้าง หัวหินบ้าง เดือนละ 1-2 ครั้ง
5.เป็นคนขับรถเร็วพอประมาณ ชานเมืองก็ 130-140 ตลอด

ข้อจำกัดที่จะซื้อรถใหม่.....
1.คันใหม่นี้น่าจะใช้เกิน 8 ปี ในระยะแรกไม่อยากมีภาระเรื่องค่าซ่อม เพราะฉะนั้นจึงได้รถ 2 รุ่นนี้มา CT200h & X1 
แต่อีกใจอยากได้แค่ mazda3  5dr, ds3 ถ้าจะมีซ่อมบ้างก็พอไหว
2.รถน่าจะใช้เต็มที่ 2 คน เวลาไปรับแฟน มีบ้างที่ต้องไปหลายคนนานๆครั้งเวลาออกต่างจังหวัด
3.ใช้ในเมืองเยอะท่าจะประหยัดน้ำมัน CT200h  + 18 km/l,  X1 + 8 km/l
4.ไปลอง CT200h มาแล้ว ใช้ได้ทีเดียว ติดเวลาเสียงเบรก, เครื่องดังเวลาเร่งรอบ, พื้นที่หลังคาด้านหลังแคบมาก, มองกระจกหลังแล้วเล็กๆ
5.ยังไม่ได้ลอง X1 แต่ดูทรงแล้วใช้ได้เลย
6.ไม่ดีรีบใช้รถนะ แต่ X1 จะนานไปไหนกัน จองวันนี้ เงินจอง 100,000 ได้รถมีนาปีหน้า, CT200h ก็รอ 3 เดือน
สรุปต้องรออยู่ดีแค่จะขายรถเก่าปีนี้หรือปีหน้าก็เท่านั้น

คำถามหลายประเด็น.....
1.BMW X1 BSI 5 ปี หรือ 100,000 km , ผมขับ 4 ปีก็เกิน 120,000 แล้ว ปีต่อไปล่ะ ทำยังไง ค่าซ่อมแพงมั้ย เฉลี่ย 1 ปีหลังหมดประกัน
คนใช้ BMW  หมดกันไปคนละเท่าไหร่
2.Lexus service 4 ปีไม่จำกัดระยะ ก็พอๆกัน  แล้ว ปีต่อไปล่ะ ทำยังไง ค่าซ่อมแพงมั้ย เฉลี่ย 1 ปีหลังหมดประกัน
คนใช้ lexus  หมดกันไปคนละเท่าไหร่
3.สรุปรถเข้าปีที่ 5-6 ใครมีปัญหาเยอะกว่ากัน  ขี้เกียจมานั่งน้ำตาตกหลัง 5 ปีผ่อนหมด
4.แฟนชอบ bmw (ขอบ่นหน่อยได้มั้ย ทำไมผู้หญิงถึงชอบ bmw กันนะ พาไปดู CT200h ก่อน บอกว่าไม่ชอบเลยรถ5ประตูเนี่ย
พอพาไปดู X1 บอกว่าชอบมาก งงดิครับพี่น้อง เราได้แต่ยืนงง) จริงมั้ยที่ ราคาขายต่อ bmw จะตกเยอะกว่า lexus
5.ใน 100,000 km แรกค่าน้ำมันก็จะต่างกันประมาณ 200,000 บาท ซึ่งเจ๊ากัน เพราะ X1 ถูกกว่า CT200h F Sport เกือบ 200,000 เพื่อนๆคิดว่าไงดี
6.ประกันชั้น 1 ในรถระดับนี้ ตกปีละเท่าไหร่ครับ

เอาเท่านี้ก่อนละกัน เริ่มมึนๆงงๆมากขึ้นทุกทีแล้ว ขอบคุณล่วงหน้าครับ พี่น้อง


1. เค้าว่า ค่าซ่อม BMW แพง + ซ่อมจุกจิก (เจอมากะคนใกล้ตัว)
2. Lexus ก็แพงไม่แพ้กัน แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียงบ่นว่าจุกจิก
3. ได้ยินมาว่า Lexus มีปห.น้อยกว่า แต่ไม่เคยใช้นะครับ
4. BMW ตัวนี้ทำได้สวยครับ ผมว่าสมส่วนและสวยกว่า CT-200 อีก ทั้งที่ไม่เคยชอบเช่นกัน
    ท่าน จขกท. ลองไปหา BMW X6 ดูสิครับ จะเห็นได้ว่า มันสวยมากกกกกกกกกกกกกกกก
5. ผมก็คิดแบบนั้นแหละครับ เลยไม่ค่อยสนเรื่องประหยัดน้ำมัน เอ้อ อีกอย่าง ผมขับเร็วครับ เกิน 120 แน่นอน มันเลยทำให้ใช้อะไรก็ไม่ประหยักทั้งนั้นแหละ อิอิอิ
6. ประมาณ 2หมื่นกว่า-4หมื่นเลยครับ แล้วแต่แบบ แล้วแต่บริษัท แล้วแต่ต่อรอง
บุหรี่ เป็นภัยต่อสังคม

เราจะเป็นฮีโร่

ดูด ให้มันหมดโลกไปซะ

ออฟไลน์ akool

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 15
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 19, 2011, 21:27:45 »
ct200h  เลย เพราะประหยัด คุ้ม เงียบมาก หรู ไม่จุกจิก แต่ถ้าต้องการนั่งมากกว่า 2 น่าจะใช้ camry teana ซึ่งนั่งสบายกว่า
ถ้าอยากเร่งแรง เครื่องแรง x1 น่าจะ ok กว่า

ออฟไลน์ Mr.Joe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 441
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 01:23:00 »
ที่บ้านเป็นญี่ปุ่น 2 อเมริกัน 1 และยุโรป 5
จะไม่ตอบให้ ถือว่ามาแบ่งปัน
ญี่ปุ่นไม่จุกจิก แต่ขับไม่สนุก ช่วงล่างแค่สอบผ่าน ภาพพจน์ก็แล้วแต่แบรนด์
ยุโรป วัสดุดี ขับเยี่ยม ช่วงล่างเด็ด หน้าตาดี ป่วยบ่อย
X1 ได้ look ช่วงล่างดี ขับสนุก แข็งแรงแน่ แคบแต่กว้างขวางกว่า เครื่องรุ่นเก่า อืดหน่อย กินกว่า หลัง 3-5 ปีอาจเริ่มป่วย
CT ได้ฟีลการขับใกล้ยุโรป แต่ได้คุณภาพสูงไม่จุกจิก เครื่องพริอุสแปลว่าแรงบิดสูง ประหยัด ปล่อยมลภาวะน้อย และทน ภายในแคบเพราะช่วงล่างหลังมัลติลิ้งค์
ต้องเลือกระหว่างหล่อ ขับเกือบสนุก จุกจิก
กับหล่อน้อยกว่านิด ขับเกือบสนุกเหมือนกัน ไม่จุกจิก
* ปล. ถ้าใครบอกว่าเครื่อง CT มาจาก Prius งั้นซื้อ Prius ก็ตอบว่าถ้าอย่างงั้นก็ซื้อ 320d อย่าซื้อ 520d

ออฟไลน์ XL_SiZe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,041
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 08:45:55 »
6.ไม่ดีรีบใช้รถนะ แต่ X1 จะนานไปไหนกัน จองวันนี้ เงินจอง 100,000 ได้รถมีนาปีหน้า, CT200h ก็รอ 3 เดือน

X1 รอเป็นปีเลยเหรอครับ แล้วจะเข้ามาประกอบไทยเพื่อลดราคาแค่นั้นหรือ.......

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 09:43:49 »
นั่งคิด นอนคิด หาข้อมูล สารพัดสารพันวิธี สุดท้ายไม่ได้คำตอบ
มาดูข้อจำกัดตั้งต้นกัน......
1.งบประมาณ ไม่เกิน 2.3mb
2.บ้านมีรถ 3 คัน ใช้งานคนละคัน    มีบ้างไปพร้อมกัน 4-5 คน (นานๆครั้ง เฉลี่ยเดือนละครั้ง) มี teana 250, camry2.0 ไม่ขาย
3.รถเดิมเก่าเกินไปแล้ว พอถูๆไถๆใช้ได้อีกนิดหน่อย ถ้าจะขาย + เพิ่มเงินนิดหน่อย ก็เอาไปดาวน์ 30% ของคันใหม่ได้
4.ทำงานในเมือง  ติดในเมืองครึ่งทาง + ชานเมืองโล่งๆครึ่งทาง ไปกลับวันละ 55 กิโล วันหยุดออกไปพัทยาบ้าง หัวหินบ้าง เดือนละ 1-2 ครั้ง
5.เป็นคนขับรถเร็วพอประมาณ ชานเมืองก็ 130-140 ตลอด

ข้อจำกัดที่จะซื้อรถใหม่.....
1.คันใหม่นี้น่าจะใช้เกิน 8 ปี ในระยะแรกไม่อยากมีภาระเรื่องค่าซ่อม เพราะฉะนั้นจึงได้รถ 2 รุ่นนี้มา CT200h & X1 
แต่อีกใจอยากได้แค่ mazda3  5dr, ds3 ถ้าจะมีซ่อมบ้างก็พอไหว
2.รถน่าจะใช้เต็มที่ 2 คน เวลาไปรับแฟน มีบ้างที่ต้องไปหลายคนนานๆครั้งเวลาออกต่างจังหวัด
3.ใช้ในเมืองเยอะท่าจะประหยัดน้ำมัน CT200h  + 18 km/l,  X1 + 8 km/l
4.ไปลอง CT200h มาแล้ว ใช้ได้ทีเดียว ติดเวลาเสียงเบรก, เครื่องดังเวลาเร่งรอบ, พื้นที่หลังคาด้านหลังแคบมาก, มองกระจกหลังแล้วเล็กๆ
5.ยังไม่ได้ลอง X1 แต่ดูทรงแล้วใช้ได้เลย
6.ไม่ดีรีบใช้รถนะ แต่ X1 จะนานไปไหนกัน จองวันนี้ เงินจอง 100,000 ได้รถมีนาปีหน้า, CT200h ก็รอ 3 เดือน
สรุปต้องรออยู่ดีแค่จะขายรถเก่าปีนี้หรือปีหน้าก็เท่านั้น

คำถามหลายประเด็น.....
1.BMW X1 BSI 5 ปี หรือ 100,000 km , ผมขับ 4 ปีก็เกิน 120,000 แล้ว ปีต่อไปล่ะ ทำยังไง ค่าซ่อมแพงมั้ย เฉลี่ย 1 ปีหลังหมดประกัน
คนใช้ BMW  หมดกันไปคนละเท่าไหร่
2.Lexus service 4 ปีไม่จำกัดระยะ ก็พอๆกัน  แล้ว ปีต่อไปล่ะ ทำยังไง ค่าซ่อมแพงมั้ย เฉลี่ย 1 ปีหลังหมดประกัน
คนใช้ lexus  หมดกันไปคนละเท่าไหร่
3.สรุปรถเข้าปีที่ 5-6 ใครมีปัญหาเยอะกว่ากัน  ขี้เกียจมานั่งน้ำตาตกหลัง 5 ปีผ่อนหมด
4.แฟนชอบ bmw (ขอบ่นหน่อยได้มั้ย ทำไมผู้หญิงถึงชอบ bmw กันนะ พาไปดู CT200h ก่อน บอกว่าไม่ชอบเลยรถ5ประตูเนี่ย
พอพาไปดู X1 บอกว่าชอบมาก งงดิครับพี่น้อง เราได้แต่ยืนงง) จริงมั้ยที่ ราคาขายต่อ bmw จะตกเยอะกว่า lexus
5.ใน 100,000 km แรกค่าน้ำมันก็จะต่างกันประมาณ 200,000 บาท ซึ่งเจ๊ากัน เพราะ X1 ถูกกว่า CT200h F Sport เกือบ 200,000 เพื่อนๆคิดว่าไงดี
6.ประกันชั้น 1 ในรถระดับนี้ ตกปีละเท่าไหร่ครับ

เอาเท่านี้ก่อนละกัน เริ่มมึนๆงงๆมากขึ้นทุกทีแล้ว ขอบคุณล่วงหน้าครับ พี่น้อง


1. เค้าว่า ค่าซ่อม BMW แพง + ซ่อมจุกจิก (เจอมากะคนใกล้ตัว)
2. Lexus ก็แพงไม่แพ้กัน แต่ไม่ค่อยได้ยินเสียงบ่นว่าจุกจิก
3. ได้ยินมาว่า Lexus มีปห.น้อยกว่า แต่ไม่เคยใช้นะครับ
4. BMW ตัวนี้ทำได้สวยครับ ผมว่าสมส่วนและสวยกว่า CT-200 อีก ทั้งที่ไม่เคยชอบเช่นกัน
    ท่าน จขกท. ลองไปหา BMW X6 ดูสิครับ จะเห็นได้ว่า มันสวยมากกกกกกกกกกกกกกกก
5. ผมก็คิดแบบนั้นแหละครับ เลยไม่ค่อยสนเรื่องประหยัดน้ำมัน เอ้อ อีกอย่าง ผมขับเร็วครับ เกิน 120 แน่นอน มันเลยทำให้ใช้อะไรก็ไม่ประหยักทั้งนั้นแหละ อิอิอิ
6. ประมาณ 2หมื่นกว่า-4หมื่นเลยครับ แล้วแต่แบบ แล้วแต่บริษัท แล้วแต่ต่อรอง

1.บีเอ็มราคาอะไหล่ศูนย์บางอย่างแพงบางอย่างก็ถูกแบบงงๆประมาณว่าไอ้ที่คิดว่าไม่ถูกดันถูกแต่อะไหล่นอกทั้งของใหม่เก่าเยอะเต็มไปหมดแถมซื้อรถใหม่ BSI รับประกัน 5 ปีแคลมฟรีตลอดหมดห่วงไปได้ 5 ปีรถที่บ้านจะ5ปีแล้วเคยจ่ายแค่ค่าแบตลูกเดียวครับ
2.lexus อะไหล่ราคาพอๆกับโตโยต้าเลยฟังมาเยอะว่าแพงพอใช้จริงๆเข้าศูนย์ราคาก็ไม่ได้ทิ้งโตโยต้าเยอะนักจะมีเรื่องของน้ำมันเครื่องที่เกรดดีกว่าราคาก้เลยแพงตาม
3.อันนี้จริงเพราะ lexus ก็ทนไม่ได้ต่างจาก toyota เลยครับแต่เลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพและดีไซน์ที่ออกแนวเรียบหรู
4.BMW X1 เทียบกับ CT-200h ผมว่าX1ทำได้ดีกว่าและอีกอย่างถ้าใช้ประจำรถคันนี้จะลดความกังวลเรื่องลุยน้ำไปได้เยอะเพราะกทมน้ำท่วมบ่อยและมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มพื้นที่ขึ้นทุกปีเป็นผมเลือก X1ครับแต่ไปลองไปนั่งและถามใจคุณเองและคนในครอบครัวว่าเค้าแฮปปี้กับคันไหนด้วยนะครับ

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 10:05:33 »
ที่บ้านเป็นญี่ปุ่น 2 อเมริกัน 1 และยุโรป 5
จะไม่ตอบให้ ถือว่ามาแบ่งปัน
ญี่ปุ่นไม่จุกจิก แต่ขับไม่สนุก ช่วงล่างแค่สอบผ่าน ภาพพจน์ก็แล้วแต่แบรนด์
ยุโรป วัสดุดี ขับเยี่ยม ช่วงล่างเด็ด หน้าตาดี ป่วยบ่อย
X1 ได้ look ช่วงล่างดี ขับสนุก แข็งแรงแน่ แคบแต่กว้างขวางกว่า เครื่องรุ่นเก่า อืดหน่อย กินกว่า หลัง 3-5 ปีอาจเริ่มป่วย
CT ได้ฟีลการขับใกล้ยุโรป แต่ได้คุณภาพสูงไม่จุกจิก เครื่องพริอุสแปลว่าแรงบิดสูง ประหยัด ปล่อยมลภาวะน้อย และทน ภายในแคบเพราะช่วงล่างหลังมัลติลิ้งค์
ต้องเลือกระหว่างหล่อ ขับเกือบสนุก จุกจิก
กับหล่อน้อยกว่านิด ขับเกือบสนุกเหมือนกัน ไม่จุกจิก
* ปล. ถ้าใครบอกว่าเครื่อง CT มาจาก Prius งั้นซื้อ Prius ก็ตอบว่าถ้าอย่างงั้นก็ซื้อ 320d อย่าซื้อ 520d

ช่วงล่างรถญี่ปุ่นโดยรวมยังสู้ยุโรปไม่ได้แต่ความทนทานดีกว่าและราคาอะไหล่และบางยี่ห้อที่เซ็ทมาดีกว่ายุโรปก็มีแต่น้อยคนไทยชอบเอารถยุโรปเทียบกับญี่ปุ่นแต่จริงช่วงสัก10กว่าปีที่แล้วรถที่กินจุช่วงล่างไม้กระดานเป็นรถพวกเอมริกันซะมากกว่าแต่ในไทยแบรนด์พวกนี้ก็ไม่ค่อยได้ทำตลาดขึ้นชื่อเรื่องการขับขี่ยอดแย่
เรื่องวัสดุขอแนะนำให้ดูเป็นแบรนด์ไปนะครับเพราะจากที่ใช้มา lexus วัสดุดีกว่า BMW และเรื่องทนรอยขีดข่วนทำได้ดีกว่าส่วน  mercedes-benzใกล้เคียงกับlexusแต่รุ่นหลังๆตรงกลางเน้นพลาสติกเยอะไปแต่กลับกันตรงที่หนังที่บีเอ็มใช้ก็คุณภาพค่อนข้างจะดีมากแต่สีที่ใช้พ่นลอกง่ายในบางรุ่นปจจุบันแก้ไขแล้วแต่รุ่นที่สีลอกเพราะใช้สีที่ลดมลพิษทำให้ตัวสีไม่ยึดเกาะ
x1ถ้าได้เครื่องดีเซลก็หมดห่วงได้ทั้งอัตรเร่งคุณภาพการขับขี่และความทนทานของเครื่องยนต์ดีเซลการประหยัดน้ำมัน
พื้นฐาน  Prius และ Prius ได้เปรียบในเรื่องราคาที่ห่างกันในระดับ 1 ล้านบาทและอัตรเร่ง Prius ทำได้ดีกว่าเพราะขนาดตัวถังและน้ำหนักแต่เรื่องวัสดุก็ต้องยกให้ Lexus ถ้าคุณคิดว่าคุ้มกับเงินที่จ่ายเพิ่มก็ Lexus  อันนี้ผมตอบให้ไม่ไดเพราะความคุ้มค่าเงินที่ต่างกัน 1 ล้านกับสิ่งที่ได้มาแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน
บีเอ็มรุ่นปัจจุบันถือว่าลบปัญหาที่ว่าจุกจิกไปพอสมควรและต้องยอมรับว่ามันเป็นปัญหาธรรมดาของรถจากยุโรปไปแล้วที่จุกจิกว่าญี่ปุ่นเพราะรถระดับนี้จะเต็มไปด้วนเซ็นเซอร์ในจุดต่างๆโอกาสที่อาจเกิดปัญหาก็มากตามมาแต่ถ้าซื้อรถใหม่ก็หมดห่วงไปได้ 5 ปีเพราะ BSI และรถส่วนใหญ่ถ้ามีปัญหาในระยะ 5 ปีส่วนใหญ่ต้องแสดงอาการ
มันไม่เหมือนกันนะสิครับจริงอยู่ว่า toyota และ lexus แบรนด์เดียวกันแต่ถ้าได้ลองสัมผัสวัสดุและการดีไซด์มันไม่เหมือนกันและต้องยอมรับว่าทำราคามาคนละตลาดอย่างชัดเจนถ้าไม่ติดแบรนด์ prius ก็คุ้มเก็บเงินอีก 1 ล้านไว้ดีกว่า แต่เอาไปเปรียบกับ 320dและ520dผมว่ามันใกล้กันเกินไปเพราะ BMWเหมือนกันและภายในก็ใกล้เคียงวัสดุที่ใช้ก็แทบจะไม่ต่างเลยแต่เข้าใจว่าทำให้พอจะเห็นภาพอยู่นะครับว่าต่างประมาณไหน

ออฟไลน์ NineKlao

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,906
  • ชีวิตไม่ได้เป็นดังที่คิด ก็มันคือชีวิตนี่
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 10:10:44 »
เอาที่พอรู้  ญ. ชอบ BMW เพราะมันสวยครับ และดูดี ส่วนทำไมชอบ X1 มากกว่า CT200 เพราะ ญ. ชอบที่เก็บของเยอะๆ

นั่งสบายๆไม่อึดอัด  มีทีเก็บของหลายที่  (เอามาจากแฟนผม และแฟนเพือน) เพราะคุณ ญ. ทั้งสอง ชอบ Teana มากกว่า Mazda3

อะไหล่ BMW สบายตัวไป 5 ปี หลังจากนั้น ถ้ามีอะไรเสีย มีทั้งอู่นอก และอู่ศูนย์ฯ ครับ ต่างกันที่ อะไหล่ครับ ราคามาเท่ากันแต่ศูนย์ฯ

จะบวกมากกว่าร้านนอกเท่านั้น และคิดค่าแรงเป็น ชม. แต่อู่นอก คิดเหมา ครับ บางที่ศุนย์ฯ อาจถูกกว่าอู่นอกก็มีเป็นบางเคส ครับ

ส่วน Lexus มีประกัน 4 ปี หลังจากนั้น ก็ศูนย์ฯ ส่วนอู่นอกก็พอมีบ้างครับ แต่อะไหล่ Toyota Lexus นี้ บางตัวพอๆกับ BMW นะครับ

ที่ว่าถูก ก็เพราะมีอะไหล่เทียบ และอะไหล่เกรดต่ำน่ะครับ

แต่ผมดูแล้วมันไม่เข้ากันไงไม่รู้ X1 เบนซิน 2.0L กับ CT200h 1.8L HB น่ะ มันรถคนละประเภท ง่ายๆ แฟนชอบแบบไหน ก็ค่อยจัดรถแบบนั้น

มาเทียบกันน่าจะดีกว่า (แฟนคุณน่าจะชอบรถที่ไม่ใหญ่มากแต่นั่งแล้วไม่อึดอัด มีที่เก็บของแยกตาหาก และดูดี อย่าง X1 )


ออฟไลน์ SomBB

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 10:12:04 »
คอนเฟิร์มครับ ว่า X1 ต้องรอปีหน้าอย่างเดียวเลย ขนาดตัว test drive ยังไม่มีเลยครับ ถูกซื้อไปเรียบวุธ
ขอบคุณครับที่ให้ความเห็นต่างๆครับ
แต่ตอนนี้กลัวเรื่อง maintenance อย่างเดียวแล้วครับ
1. รายทางที่ต้องเสียน่ะครับ เช่น ยาง X1 เป็นแบบ runflat อันนี้แพงจริง, ระบบเบรค+ช่วงล่าง เช่น ผ้าเบรคเอยอะไรเอย
2.น้ำมันเครื่องเนี่ยถ้าเราซื้อไปเพื่อให้ที่ศูนย์ bmw เปลี่ยนให้ได้มั้ยครับ
3.ค่าใช้จ่ายในช่วง 4 ปีแรกเนี่ย ถ่ายน้ำมันเครื่องตกครั้งละเท่าไหร่เหรอครับ ทั้ง 2 แบรนด์

อย่าคิดว่าผมถามจุกจิกนะครับ จะซื้อรถทั้งที ต้องศึกษาให้หมดก่อน  :)
 

methus zaa

  • บุคคลทั่วไป
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 18:49:29 »
จริงๆงบ สองล้านสาม เนี่ย
ได้ bmw มือสองหลายคันอยู่นะครับ
520d ก็น่าสนนะครับ ประหยัดน้ำมันมาก แถมได้รถคันใหญ่ด้วย
x1 มันก็โอเคนะครับ แต่พอเจอรถติดผมว่า เปลืองน้ำมันมากๆๆๆ เลยล่ะครับ
ส่วน lexus ct200h พี่คิดถูกแล้วล่ะครับ ที่ไม่เอา
1. ตัวรถแคบกว่า พรีอุสมาก
2. ผมสูง 172 เข่าติด พื้นที่ศีรษะน้อยมากก
3. ตัวต่ำสุด กระจกข้างพับมือ โอ้แม่เจ้า
 ผมว่าพี่ลองหา bmw มือสองดูครับ ได้หลายคันเลยนะ งบนี้อ่ะ ;D

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: เมษายน 20, 2011, 22:10:33 »
คอนเฟิร์มครับ ว่า X1 ต้องรอปีหน้าอย่างเดียวเลย ขนาดตัว test drive ยังไม่มีเลยครับ ถูกซื้อไปเรียบวุธ
ขอบคุณครับที่ให้ความเห็นต่างๆครับ
แต่ตอนนี้กลัวเรื่อง maintenance อย่างเดียวแล้วครับ
1. รายทางที่ต้องเสียน่ะครับ เช่น ยาง X1 เป็นแบบ runflat อันนี้แพงจริง, ระบบเบรค+ช่วงล่าง เช่น ผ้าเบรคเอยอะไรเอย
2.น้ำมันเครื่องเนี่ยถ้าเราซื้อไปเพื่อให้ที่ศูนย์ bmw เปลี่ยนให้ได้มั้ยครับ
3.ค่าใช้จ่ายในช่วง 4 ปีแรกเนี่ย ถ่ายน้ำมันเครื่องตกครั้งละเท่าไหร่เหรอครับ ทั้ง 2 แบรนด์

อย่าคิดว่าผมถามจุกจิกนะครับ จะซื้อรถทั้งที ต้องศึกษาให้หมดก่อน  :)
 
ยางแนะนำใส่ยาเรเดียลธรรมดาครับ runflat ถอดทิ้งกันเยอะเพราะแข่งมากๆครับบีเอ็มมีระบบเตือนลมยางอ่อนไวมากด้วยครับไม่ต้องห่วงเลย
น้ำมันเครื่องเยื่องจาก BSI รวมเปลี่ยนน้ำมันเครื่องด้วยครับแม้แต่ผ้าเบรคของเหลวต่างๆฟรีหมดตามระยะหรือถ้าสกปรกมากออนบอร์ดบนจอรถจะโชว์ให้เข้าศูนย์ครับน้ำมันเครื่องบีเอ็มถ้าจะซื้อข้างนอกดูรุ่นที่ศูนย์ใช้หรือคู่มือรถแนะนำเป็นหลักนะครับ
เมื่อก่อนจะถ่ายทุก25000โลตามระยะ BSI ซึ่งผมก็ตกใจเพราะว่าน้ำมันเครื่องอะไรทนขนาดนั้นจนมีรถหลายคันน้ำมันเครื่องเป็นโคลนเลยจนบีเอ็มต้องชี้แจงให้รถยนต์ในไทยทั้งหมดถ่ายที่ 15000โลแทนโดย BSI รับผิดชอบตามเดิมเพราะถ่าย25000กิโลใช้เฉพาะยุโรปเท่านั้น
แต่ผมถ่ายเองทุกหมื่นโลครับเข้าศูนย์นั้นแหละแล้วพอถึง25000กิโลผมก็เข้าตอน3หมื่ีนทีเดียวเลยถ่ายฟรี  ราคาถ่ายเองประมาณ3พันปลาย+-นิดหน่อยเพราะไม่ได้ใช้แล้วให้น้องชายใข้ไป2ปีเลยไม่แน่ใจเรื่องราคา
ส่วน RX350รถเกรย์ถ่ายฟรีถึง5หมื่นโลแต่เคยถามเพื่อนคุณพ่อที่ใช้is250จาก Lexus thailand ราคาถ่ายน้ำมันเครื่องแพงกว่าแคมรี่นิดเดียวครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 20, 2011, 22:25:24 โดย TorTy »

ออฟไลน์ flybigbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,561
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: เมษายน 21, 2011, 20:39:41 »
แล้วแต่จะเลือกครับ เท่าที่ระบุมาจะเน้นในเมืองเป็นหลัก ก็เน้นรถที่ประหยัดน้ำมันครับ ส่วนจะเลือกอะไรก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณครับ ผมเข้าใจอารมณ์นี้ครับ

ออฟไลน์ ปรมานูหมายเลข 1

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 2
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 18:24:18 »
เห็นว่าคิวรับ X1 ยาวไปต้นปีหน้าแล้ว แต่มะกี๊เพิ่งโทรไปเช็คเซลชื่อคุณแอน ที่ยูโรปาพระราม 2 บอกว่ามี X1 ดีเซล มา 1 คัน ด่วน ๆ รับรถเดือนหน้าได้เลย พอดีเราจองเบนซิลไปแล้วเพราะสู้ราคาดีเซลไม่ไหว เลยฝากมาบอกจ้า

ออฟไลน์ supernobita

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 25
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: เมษายน 26, 2011, 12:59:24 »
x1 ยังมีให้ลองอยู่ครับ ผมไปmillenium rama 4 มาอาทิตย์ที่แล้วได้ลองสีขาวเบาะนำ้ตาล   และที่บอกว่ารอถึงปีหน้านี่เฉพาะbensinนะครับ dieselได้รถเดือน7ครับราคาจะสูงกว่าพอสมควร

ออฟไลน์ jkhl

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 113
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: เมษายน 26, 2011, 13:28:13 »
เรื่องอื่นคงหนีกันไม่เยอะ แล้วผมก็มองว่า จขกท. สามารถรับภาระส่วนต่างระหว่างสองตัวนี้ได้

แต่ปัญหาผมว่ามันอยู่ตรงนี้ครับ "4.แฟนชอบ bmw..."

ส่วนตัวเชียร์ X1 แต่ไปเที่ยว 4 -5 คน รถทั้งคู่ไม่เล็กไปเหรอครับ

ออฟไลน์ framedown

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 3
    • รับทำ seo ราคาถูก
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: เมษายน 26, 2011, 13:31:15 »
 ??? ???
FOOTBALL SHIRTFOOTBALL SHIRT
SOCCER JERSEYSOCCER JERSEY
กล้องวงจรปิดกล้องวงจรปิด

ออฟไลน์ SomBB

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: เมษายน 27, 2011, 11:50:18 »
เรื่องอื่นคงหนีกันไม่เยอะ แล้วผมก็มองว่า จขกท. สามารถรับภาระส่วนต่างระหว่างสองตัวนี้ได้

แต่ปัญหาผมว่ามันอยู่ตรงนี้ครับ "4.แฟนชอบ bmw..."

ส่วนตัวเชียร์ X1 แต่ไปเที่ยว 4 -5 คน รถทั้งคู่ไม่เล็กไปเหรอครับ

คือนานๆครั้งน่ะครับ เพราะถ้าถึง 5 คน คงเอา Camry ไปน่ะครับ เลยมองรถที่ไม่จำเป็นต้องใหญ่แต่ดูแตกต่าง


จริงๆตอนนี้แทบจะตัด CT200h ออกไปเรียบร้อยแล้วครับ เนื่องจากค่าตัวที่ไม่ค่อยจะคุ้มซักเท่าไหร่กับ option ที่ได้มา
---> X1 ได้ look ที่ดูดีแต่ก็เป็นแค่รถ entry level ของ BMW ซึ่งเอาเข้าจริงๆจังๆก็ยังไม่มีใครบอกว่าดีตรงไหนบ้าง
ผมกลับมีตัวเลือกอย่าง Golf GTi และ Audi A1 มาเป็นส่วนตัดสินใจมากขึ้น
--> Golf GTi Comfort Line 2.48MB (highline 2.66MB ช่วงล่างปรับไฟฟ้า อาจมีปัญหาจุกจิกในอนาคต เพราะบ้านเราน้ำท่วมบ่อย)
ถือเป็นตัวเลือกที่พอไหวเนื่องจากซื้อศูนย์ ดอกเบี้ย 0% และคุณภาพรถที่ได้กลับมาน่าจะคุ้มค่าตัวที่สุด
--> Golf R ใครหลายคนบอกว่าสวย คุ้มสุด ผมก็ไม่เถียงนะครับ สวยจริง สวยกว่า แต่ไม่ใช่รถศูนย์ + หาค่าตัวที่ grey ขายแล้ว 2.89MB แพงเกิ้นไปไหม
ไม่ทราบใครแนะนำที่ที่ราคา ok กว่านี้มีมั้ยครับ
--> A1 1.4 Tsi Grey 1.9MB ได้สด ใหม่ หน้าตาใช้ได้ แต่ยังหาใครบอกจริงๆจังกับคุณภาพที่ได้รับกลับมา ไม่ทราบว่าใครมีข้อมูลดีๆมาแบ่งปันกันมั้ย
หรือว่าศูนย์จะเอาเข้ามาทำตลาดบ้านเราบ้างหรือป่าว

ตัดสินใจยากมากขึ้นไปอีกแล้วครับ  :'(

ออฟไลน์ jkhl

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 113
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: เมษายน 27, 2011, 23:18:23 »
ประมาณว่ามองรถที่คล่องตัว ได้อารมณ์

---> X1 ได้ look ที่ดูดีแต่ก็เป็นแค่รถ entry level ของ BMW ซึ่งเอาเข้าจริงๆจังๆก็ยังไม่มีใครบอกว่าดีตรงไหนบ้าง
ส่วนตัวตอนนี้เวลาเห็น X1 ผมมีความรู้สึกคล้ายเวลาเห็น mini ซึ่งผมว่ามันมีเอกลักษ์ดีนะ มีสไตล์ดี แต่ถามผู็หญิงเค้าบอกเฉยๆ

--> Golf GTi Comfort Line 2.48MB (highline 2.66MB ช่วงล่างปรับไฟฟ้า อาจมีปัญหาจุกจิกในอนาคต เพราะบ้านเราน้ำท่วมบ่อย)
ไม่แน่ใจว่าตัวปรับช่วงล่างมันปรับแบบซับแท้ง หรือที่หัวโช้ค แต่คงไม่น่ากลัวมั้งครับ แต่ได้ความเป็นเพอร์ฟอร์มแมช

--> A1 1.4 Tsi Grey 1.9MB
ต้องรอใครใช้มาบอก
ตัวมันเล็ก ถ้าแปลกก็ต้องมีสไตร์ ไม่ก็สปอร์ท ไม่ก็ประหยัด  ไม่ก็แฮนดริงสุดๆ
สำหรับผมมองไม่ออกว่ามันให้อะไรที่โดดเด่น


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2011, 23:51:58 โดย jkhl »

ออฟไลน์ SomBB

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
Re: คำถามน่าเบื่อ CT200h vs X1
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2011, 11:57:41 »
มีใครซื้อ Golf R ตามเกรย์บ้างครับ หลังไมค์หน่อยครับ