ผู้เขียน หัวข้อ: ขออนุญาตเห็นต่างนะครับ ตอนนี้ผมเห็นแต่คนจนซื้อรถไฟฟ้าส่วนคนรวยซื้อรถน้ำมัน  (อ่าน 3312 ครั้ง)


ออฟไลน์ TunGzl

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 284
เอ้า...รถทัวร์หม๊า (เสียง ตั๊กบริบูรณ์)

ออฟไลน์ saran_1st

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 260
ผมลองคิดตาม จขกท. แล้วเอาตัวชี้วัดง่ายๆคือ Porsche Taycan (บนสมมติฐานว่า คนซื้อ EV ราคาตามฐานะ)

วันธรรมดา ไป-กลับที่ทำงาน ผมก็เห็น Taycan ค่อนข้างน้อย ไม่ได้เจอง่ายเหมือน PHEV รุ่นอื่นๆของ Porsche
แต่ถ้าวันอาทิตย์ ขับรถไปสยามก็ ... Taycan วิ่งกันว่อนครับ

ถ้าให้ตอบตามที่เห็น ผมคงคิดว่า คนรวยซื้อ EV มาขับเล่นแหละ (จะ Taycan หรือ Good Cat นั่นอีกเรื่อง)
แต่สัดส่วนที่เอา EV ระดับหรูหรา มาใช้แบบจริงจังในชีวิตประจำวันอาจจะน้อยกว่า (อย่างน้อยก็สำหรับในย่านที่ผมอยู่อาศัย/ทำงาน ครับ)
'95 Subaru Impreza EJ20 auto
'95 Subaru Legacy EJ25
'01 Subaru Impreza Bugeye GDB
'19 Subaru Levorg 1.6 GT-S

Long-term Review: Subaru Levorg 1.6 GT-S

ออฟไลน์ Kanarath

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 399
อ่าา ผมอาจจะไม่เรียกว่ากลุ่มคนจน แต่เป็นกลุ่มงบไม่เยอะแล้วกันครับ (ไม่นับกลุ่มเงินเหลือๆๆแต่ซื้อ tesla มาขับเล่นนะ)

อาจจะเป็นเพราะคนส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้เหตุผลหลักคือความประหยัดรึป่าวครับ เห็นจะต้องเทียบค่าไฟค่าน้ำมันเสมอ (ไม่เน้นแรงหรู) ซึ่งก็จะมองรถในงบ 1-2ล เป็นส่วนใหญ่

ออนไลน์ Turin

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,060
มันต้องมองก่อนว่า product value propositions ของ ev มีอะไรบ้าง

สมัยก่อนชัดเจนและค่อนข้างมีอยู่แบบเดียว ผู้นำความคิด+ทันสมัย+"รักษ์โลก"

สมัยนี้มันเริ่มมีหลายรุ่นที่ PVP เพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานจริง (ค่าใช้ ค่าบำรุง)

รุ่นที่ใช้ PVP แบบหลังนี่แหละที่ทำให้เรารู้สึกว่าคนใช้ EV ไม่ "รวย" เท่าคนใช้รถน้ำมัน (ทั้งๆที่คนรวยก็ยังซื้อ EV อยู่นะ แต่เป็นพวกรุ่นที่ PVP เป็นแบบแรก) เอาง่ายๆ ลูกน้องผมจะซื้อรถงบล้านนึง สุดท้ายทำใจซื้อ c segment น้ำมันไม่ได้เพราะบ้านไกล ถ้าซื้อมารับค่าน้ำมันไม่ไหว ก็ต้องไปมองแมวดี เป็นต้น

ปล เคยอ่านเจอที่ไหนไม่รู้ เค้าว่าความ "รวย" มี 3 ระดับ
ต่ำสุด "กินที่อยากกิน (ไม่ดูราคา)" ถัดมา "ซื้อที่อยากซื้อ (ไม่ดูราคา)" สูงสุด "ทำที่อยากทำ (ไม่ดูราคา)" ... ถ้าคิดแบบนี้คนยังซื้อของโดยดูความคุ้มค่าอยู่ ไม่"รวย"เท่าคนที่ซื้อของเพราะถูกจริต (PVP แรก) ครับ
ปล2 "รวย" ที่ว่าคือรวยในภาพที่แสดงออกต่อประชาชีนะครับ ไม่ได้หมายถึงเงินในบัญชี
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2023, 09:50:08 โดย Turin »

ออฟไลน์ turbofever

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 578
    • อีเมล์
ขายที่ได้ว่าจะถอย e-tron GT RS แต่ไม่เอาละเดี๋ยวคนมาดูถูกว่าจน  :( 

ออฟไลน์ apinui

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,023
    • อีเมล์
อ่านจากลิงค์ข่าว เค้าก็ไม่ได้บอกนะว่า คนรวยซื้อรถน้ำมันมากกว่า EV

เห็นบอกแค่ว่า กลุ่มผู้บริหารจะซื้อรถ EV เป็นคนที่ 2 และเป็นรถราคาแพง

ซึ่งนั่นก็ปรกตินะ คนมีรายได้มาก ขับมาขับ NATA ก็ยังไงอยู่ อย่างแย่ๆก็ IX แล้ว

ก็ตามรายได้นะ จากที่อ่าน คนรายได้กลางๆเค้าก็ซื้อตามรายได้แหละ ...จริงๆคนรวยระดับผู้บริหาร มีใครบ้างมีรถคันเดียวในบ้านล่ะ เค้ามีทุกแบบทุก segment นั่นแหละ

ออฟไลน์ Myprecious

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 164
อีกหน่อยรถมันมีหลายรุ่นขึ้นก็มองเห็นความต่างกันเองครับ เหมือนอย่าง neta กับeqs จะมองเห็นได้อยู่แล้วว่าคนซื้อeqsจะต้องมีฐานะประมาณไหน

เพราะถ้าแยกว่าคนรวยซื้อรถน้ำมัน จะซื้อyarisแล้วบอกว่ารวยคงไม่ใช่ ต้องดูในระดับราคาเดียวกันครับ รถก็มีทั้งรถหรู รถธรรมดา เลือกใช้งานให้เหมาะสมครับ แต่ถ้าที่รวยจริงจะดูตามความชอบมากกว่าการใช้งานครับ เพราะที่บ้านจะไม่มีรถแค่คันเดียวแน่นอน

ออฟไลน์ Tien.W

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,246
    • อีเมล์
EV มันยังไม่สามารถเป็นรถคันเดียวของบ้านได้ไงครับ

คนรวยก็ซื้อแหละ แต่อาจจะไม่ได้เอามาใช้ประจำ ใช้ตลอด นานๆใช้ที ใช้แค่วันหยุด ใช้ออกงานเพื่อภาพลักษณ์ อะไรประมาณนี้ครับ

หรือ EV ราคาไม่โหด อย่าง BYD ผมก็เชื่อว่า คนที่ซื้อ BYD ส่วนมาก ไม่ได้มีรถคันเดียวแน่ นั่นก็แปลว่า ฐานะเค้าก็ไม่ได้จนนะ ใช่ป่ะ

ออฟไลน์ REX

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,015
ใน link พูดถึงแต่ละกลุ่มคนที่ใช้ EV 
ไม่มีคนจนใช้ EV คนรวยใช้น้ำมันนี่ครับ


สินค้า รถ EV มันก็คงไม่ต่างจากสินค้าอื่นๆ พวก นาฬิกา กระเป๋า รถยนต์อื่นๆ หรอก
สินค้าเลือกคน  คนก็เลือกสินค้า
คนรวย ซื้อของมันไม่ได้มองเรื่องความคุ้มค่าอะไรนักหรอก
คิดง่ายๆ สินค้าขายน้อย ฟันกำไรเย่อะๆ จากผู้ขาย  ยังยอมซื้อ
แสดงว่าความคุ้มค่ามันไม่ไช่ปัจจัยหลัก

นอกจากปัจจุยเรื่องคุณภาพสินค้าที่ดีกว่าแล้ว
ยังมีอีกปัจจัยคือ เขาต้องการซื้อสายตาจับจ้อง ผู้อื่นยอมรับว่า คนใช้สินค้านี้ เขารวย นะฟุ้ย




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2023, 13:19:51 โดย REX »

ออฟไลน์ KTN88

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,207
ที่มันออกมาแบบนั้นก็เพราะคนไทยมีจำนวนน้อยมากครับที่ซื้อรถ ev เพราะรักษ์โลก ส่วนใหญ่ที่ซื้อกันก็เพราะค่าเชื้อเพลิง(น้ำมัน)ล้วนๆ และคนที่ concern เรื่องค่าเชื้อเพลิงก็คือกลุ่มคนฐานะปานกลางลงไป

ส่วนคนรวยที่ซื้อรถ ev ส่วนใหญ่ซื้อเพราะอารมณ์(ความแรง,ความไฮเท็ค) ซึ่งเป็นแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2023, 14:08:13 โดย KTNPRR »

ออฟไลน์ hong_G

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 683
  • I aM HoNG
    • อีเมล์
ผมว่ามันหลายมิตินะครับ ไม่ใช่บรรทัดฐาน เรื่อง รวย-จน

มีคนหลายกลุ่ม ที่พร้อมปรับตัวเพื่อใช้ EV ได้ ที่เรื่องการชาร์จไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเขาเท่าไหร่
1) แม่บ้าน ที่สามี ซื้อให้ใช้ รับ-ส่ง ลูก ขับในเมืองเป็นหลัก
... เท่าที่ทราบ ส่วนใหญ่กลับมาชา์รจที่บ้านกัน แทบไม้ได้ใช้สถานีชาร์จ
2) คนทั่วไป กลุ่ม Gen Y , Gen Z เป็นกลุ่มที่มีการปรับตัวกับเทคโนโลยีได้ดี กล้าลองกล้าปรับใช้
... ส่วนใหญ่จะปรับตัวได้ วางแผนใช้งานกันได้
3) คนรวย มักซื้อเป็นรถคันที่ 2-3
... กลุ่มนี้ กล้าซื้อ กล้าลองอยู่แล้ว และหลายๆท่าน ซื้อ EV มาขับทำงานแบบ Daily Use มีไม่น้อยครับ
(เวลาออกงาน หรือ ติดต่อลูกค้า ถึงค่อยขับพวก Premium Car ออกมาใช้)

**อีกมิตินึง คือ เรื่องราคาขายของรถ กับการเลือกรถในกลุ่มที่ ราคาใกล้เคียงกับรถน้ำมัน
1) กลุ่ม EV Premium : Benz , BMW , Volvo , Porsche
... อันนี้ซื้อกันตามฐานะ กำลังซื้อ ไม่ได้มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ
2) กลุ่ม EV ทั่วไป : Tesla , BYD , ORA , MG , NETA ...
... กลุ่มนี้ มีมิตินึงที่น่าสนใจ โครงสร้างการตัดสินใจซื้อ
(สำหรับคนซื้อที่เข้าใจและปรับตัวเรื่องสถานีชาร์ตได้...เว้นเรื่องราคาขายต่อไปก่อน)

รถ EV กับ รถ ICE ที่ราคาเท่ากัน ... แต่พอประเมินค่าใช้จ่าย+ค่าเชื้อเพลิง (5ปี)
*งวดผ่อนเท่ากันที่ 5 ปี (60 งวด)*

รถ EV : เฉลี่ยค่าเชื้อเพิ่ง 1,500/เดือน (คิดค่าใช้จ่ายการชาร์จสถานีชาร์จ//ถ้าชาร์จที่บ้านก็ถูกลงไปอีก)
>> 1,500 x 60 เดือน = 90,000 บาท

รถ ICE : เฉลี่ยค่าเชื้อเพิ่ง 5,000/เดือน
>> 5,000 x 60 เดือน = 300,000 บาท

จากโครงสร้างแบบนี้ รถ EV ราคา 800,000 - 1,200,000 บาท
(งบประมาณนี้ กลุ่มคนซื้อ ค่อนข้างกว้าง ... คนฐานะปานกลาง มักจะมองเรื่องค่าใช้จ่ายที่เจอทุกเดือนด้วย)
...รถ EV จะมีโอกาสเบียดยอดขาย จากรถ ICE ที่ราคา 750,000 - 1,200,000 บาท ได้มากขึ้น
โดย B-Segment จะเสียเปรียบ EV ตรงที่  ซื้อรถ EV จะได้ขนาดรถที่ใหญ่กว่า ฟังชั่นดีกว่า
>> แต่ ค่างวด การผ่อน + ค่าเชื้อเพลิง ของ EV จะไม่ได้ต่างกับ B-Segment + ค่าเชื้อเพลิง มากนัก
... มองในเชิง โครงสร้างที่กำลังจ่ายเท่าเดิม แต่ ลดค่าเชื้อเพลิง ไปเพิ่มที่ค่างวดรถ และได้รถที่ Value ในการใช้งานมากขึ้น

***ทุกวันนี้ ผมเองก็ยังใช้รถน้ำมัน นะครับ แต่รถคันถัดไป อาจจะมองเป็น EV เพิ่มเข้ามา***
... อีก 2-3 ปี Infrastructure หลายๆส่วนของรถ EV จะยิ่งมากขึ้น ปัญหาที่เจอกันในช่วงนี้จะค่อยๆลดลง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 17, 2023, 15:24:57 โดย hong_G »

ออฟไลน์ bobsan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,611
    • อีเมล์

คนที่มีบ้านเดี่ยว หรือมีที่จอดรถชาร์จไฟตอนอยู่บ้านได้ ทำงานเช้าไปเย็นกลับ
ถ้าไม่นับเรื่องประกันแพงกับราคาขายต่อที่ไม่ดีเลย
EV เหมาะกับคนกลุ่มนี้มากๆ

คนกลุ่มนี้ผมว่าไม่ใช่คนจนนะ
น่าจะเป็นชนชั้นกลางค่อนบนด้วย


ออนไลน์ shando

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,881
คือในลิ้งค์มันไม่ใช่ความเห็นป่าวครับ มันเป็นfactจากธนาคารว่าคนขอสินเชื่อรถEVส่วนใหญ่เป็นคนรวย 80%มีเงิน

ถ้าให้ถูกเป๊ะๆคือ คนซื้อรถไฟฟ้าส่วนใหญ่ "รวย"

ส่วนคนจนส่วนใหญ่ซื้อรถไฟฟ้าหรือน้ำมันมากกว่า อันนี้ไม่รู้

คนรวยส่วนใหญ่ซื้อรถไฟฟ้าหรือน้ำมันมากกว่า อันนี้ก็ไม่รู้

แต่ถ้าความเห็นผม คนรวยซื้อมันทั้งรถน้ำมันและไฟฟ้านั่นแหละ

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,165
  • I'm............................
ซื้อรถคันนึงมันใช้เงินสูงเมื่อเทียบกับรายได้นะครับ
การจะพิจารณาซื้อรถซักคันมันมีหลายปัจจัยมาก บางคนซื้อทีใช้คุ้ม (เช่นบ้านผม 20+ ปีทุกคัน)

เราบอกไม่ได้หรอกว่าคนแบบไหนซื้อรถชนิดไหน
แต่โอกาสในการซื้อรถคนรวยย่อมสูงกว่าคนจนแน่ๆ ครับ
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ andy_duf

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 179
    • อีเมล์
ควรเรียบเรียงใหม่เป็น

1. คนอยากประหยัดค่าน้ำมัน ซื้อรถไฟฟ้าและไฮบริด
2. ตนไม่สนค่าน้ำมัน ซื้อเครื่องเบนซิน และอาจมีรถไฟฟ้าเป็นคันที่ 3 ของบ้าน

คนกลุ่ม 1 มีทั้งรวยและไม่รวย
คนกลุ่ม 2 ส่วนใหญ่มีฐานะดี
* ส่วนคนซื้อรถดีเซล มีหลากหลายกลุ่มเกินจะวิเคราะห์ 5555

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,011
เอาเป็นว่าใครอยากใช้ก็ซื้อครับ รวยหรือจนมันอีกเรื่อง  :-\

ออฟไลน์ DiKiBoyZ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,263
    • อีเมล์
ตาม Link ที่แปะมา ผมยังไม่เห็นข้อความไหนบอกว่า คนจน คนรวย เลยนะ

มีแต่พูดถึงกลุ่มคน life style และ สินเชื่อ

ใจความที่มันมาเป็นหัวโพสต์ ได้ยังไง เหรอครับ

ออฟไลน์ หมับเข้าให้

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 442
คนรวยเค้าจะมาสนใจค่าน้ำมันทำไมครับ

ออฟไลน์ joufo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,260
ซื้อรถคันละล้านได้ ผมว่าไม่จนนะครับ

ออฟไลน์ tongtom

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 301
"รถนิยม" ไทยมันไม่เหมือนชาวบ้านเขา

คนรวย เห็นรถบางประเภท EV เป็นของเล่น

คนชั้นกลางรายได้น้อย (เกือบจน) EV คือ ฝัน (ตอนนี้ที่ยังราคาแพง) ยกเว้น จยย EV

คนกลางๆ เกือบรวย(จำนวนมาก) EV คือ หนี้ที่ควรลงทุน(หรือเปล่า) เลยยอมเป็นหนี้ พร้อมทั้งสร้างอุดมคติหลอนๆ(เฉพาะช่วงนี้ ต่อไปคงเปลี่ยนไปอีกด้าน)ว่า

 "รุ่นใหม่ ทันสมัย รักษ์โลก..." (รวมๆแล้วดูมีหน้ามีตาเหมือนซื้อมือถือมาโชว์แต่ใช้ไม่ครบฟังค์ชั่น) 
---------------------
ถ้าเราดูเมืองจีน ที่มีรถEV มาก่อนไทยเป็นสิบปี จากบรรดารถหลายๆค่าย ต้องมีแผนกผลิต อีวี (ฟังจากเพื่อนที่เรียนด้วยกัน แล้วไปต่อปักกิี่งและยังอยู่ทำงานเทคฯ ที่จีนมา20กว่าปีจากยุคเซินเจิ้น จนยุค5G)

แต่ที่ จีน มีการสำรวจ โดยบริษัทหนัง ละครซีรี่ส์ และในกลุ่ม นักศึกษา คนทำงานชั้นกลาง
นิยม ขี่ จยย ไฟฟ้า มอไซค์อีวี แบบเทิร์นแบต เปลี่ยนได้ตลอด ใช้แอปฯ ใช้ผ่านบัตรฯ

รถอีีวี ที่ประหยััดน้ำมัน ออปชั่นไม่ต้องมีเยอะ ไว้ส่งของ เดลิเวอรี่ >>> ทำให้การฝังใจ เท่ากับ EV คือ รถคนมีรายได้ต่ำ

รถอีวี รถยนต์ ถ้าไม่ใช่ รุ่นที่โปรฯ ว่าเป็นรถไฮเทค นักศึกษาก็ไม่ใช้ อาจารย์ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ขับ (ข้าราชการในจีนคือ คนมีหน้ามีตา)

รถอีวี รถยนต์ คือ รถที่ คนชั้นกลางใช้ ยังไม่เปลี่ยนแปลง

รถหรู คือ คนรวยใช้ (ที่จีนนะครับ ขอย้ำ)  เบนท์ลี่ย์  ไม่น่าจะเชื่อว่า คนทำงานมักซื้อยี่ห้อนี้  รองๆจากรถเยอรมัน

รถEV หรู หรือรถหรูในจีน  คนจะใช้ ต้องมีเงินและมีอะไรๆ ที่จะติดต่อทำเรื่องครอบครองได้ จีงเอาไว้อวดศักดา

เมืองที่ไม่บังคับ ให้ใช้EV ตามที่แถลงการ คือ เฉพาะในตัวเมือง ชานเมืองนอกเมืองเอกก็ยังใช้ รถน้ำมัน สันดาป

แต่หลังๆ ที่กลับตาลปัด คือ เกษตรกรจีน ใช้อะไรที่EV มากกว่าคนชั้นกลางซะงั้น(เกษตรกรที่เป็นฟาร์ม หรือคอนแทคโดยบริษัทรัฐวิสาหกิจ) คือ โดรน รถไถ รถขนส่ง เขาได้รับการสนับสนุน เพราะคนพวกนี้จำนวนมาก บางบริษัท ให้ใช้ฟรี แล้วโฆษณาผ่านTiktok

เพื่อนผมก็ทำงานด้านนี้ แต่เน้นพัฒนา ซอฟแวร์Embed

-------------------
กลับมาเมืองไทย ควรต้องดุดีๆ เพราะทุกวันนี้ ถ้าไม่ใช่ วัยรุ่นพ่อรวย วัยรุ่นยูทูปเปอร์ ฯลฯ ดูดีๆ คนใช้รถอีวี ส่วนนึง ที่มีจำนวนมากๆ เลยคือ อายุ 50+ ไม่น่าจะเชื่อ แต่เจอตามจุดชาร์จเยอะ ทั้งในห้าง และปั๊ม ตจว... ข้าราชการเกษียณ นายกเทศบาล ปลัดอำเภอ เอาเป็นว่า ข้าราชการ บ้านเรา ใช้รถEV ตัว 1ล้าน+- 1แสน กันเยอะครับ

ส่วนคนอายุ25-35 ผมว่า มีมากในเมือง ถ้าไป ต่าง่จังหวัด ส่วนมากขับไปคนเดียว หรือ2คน(คู่รัก)

------------

กลับมาเรื่องคนจน ใช้EV ในยุค นี้ที่เมืองไทย ผมว่าจริง ร้อยละ40 เพราะเขาใช้สมองคิดว่า มันจะจ่ายค่าน้ำมันแพงไปทำอะไร (ไม่สนระยะยาวเรื่องแบตเสีย) โอกาสในการซื้อรถ ก็รอแล้วคือ มีงานทำเริ่มมั่นคง เขาก็ซื้อ
ข้อนี้ คือ โอกาสดีทีเดียวครับ สำหรับคนที่ซื้อรถคันแรกๆ แต่ไม่ใช่โอกาสที่ดีสำหรับคนชั้นกลางๆ ที่จะเปลี่ยนรถ เพราะรถยังผ่อนไม่หมด

แต่ถ้าย้อนประสบการณ์ผม ไปหาครูแก่ๆ ป้า ลุง เกษียณ อายุกำลังท่องเที่ยวไร้-ภาระเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน เขากำลังใช้อีวีเที่ยว กันเยอะครับ เจอตามวัด อยุธยา ผมว่าวัย 50กว่าๆนี่แหละ เจอตามต่างจังหวัด ยิ่งแก่กว่าอีก

ดังนั้น ไม่สนใจหรอกว่า คนใช้อีวี จะรวยจน แต่ผมว่า ผมสนใจที่ ......... คนเกินกลางคน วัยทอง กำลังออกEV กันเพียบเลย เงินพร้อม ประสบการณ์พร้อม ความรู้มี ความเสี่ยงไม่สน ......ส่วนมาก ใช้รถไฮบริดมาแล้ว ไฟฟ้าไม่น่ากลัว เขาว่างั้น

อีกพวกคือ คุณพ่อ แม่ มือเก๋า ที่ลุกกำลังไปโรงเรียน สามารถจอดติดแอร์รถลูกเรียนพิเศษหรือรอรับลูกได้  นั่งดูซีรี่ส์ได้ มันตอบโจทย์ครับ
**** พอถุึงข้อนี้ ผมพึ่งเจอ "คุณย่ารอรับหลาน" ขับ EV จอดไฟเบรคแดงอยู่รอบๆโรงเรียนสาธิต ม.แห่งนึง อีกคนจอดรอเรียนปริญญาโทใบที่2(อายุ52แล้วจะเอาไปปรับวุฒิเลื่อนตำแหน่งรัฐวิสาหกิจ) จอดติดเครื่องเปิดแอร์นอนรอ คาบเรียน แล้วค่อยขึ้นตึก

อันนี้แหละน่าสนใจ ถ้าไม่มองเรื่องฐานะ ผมว่า อาชีพ และอายุ คือ เรื่องที่จะตัดสินใจครอบครองรถEV ได้ง่ายๆ เลยครับตลาดEVไทย แค่มี "ตัวเลือก" ให้เขา รับรองเปลี่ยนแน่ เท่าๆที่คุย อาจารย์ 48-55ปี ในมหาลัย ส่วนมาก บอกว่า ไม่อยากซื้อรถEV ตอนเกษียณ ตอนนี้มีเงิน ต้องทำความเข้าใจกับมัน พอเข้าใจแล้วอาจจะซื้อในปีนี้ แล้วใช้ 8-10ปี จนเกษียณ แล้วเอาเงิน สิบ-ยี่สิบกว่าล้านที่จะได้หรือเก็บไว้ มาซื้ออีกคัน แล้วใช้เป็นคันสุดท้ายในชีวิตไป ...........
1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 03, 2023, 09:27:06 โดย tongtom »