เครื่องยนต์ อัตราเร่ง หากท่านใดที่ติดตามข่าวสาร + Review กระบะในช่วง 5 ปี หลังมา จะสังเกตุได้ว่าเครื่องยนต์ของค่าย Mitsu นั้นสมรรถนะค่อนข้างอยู่ในลำดับต้นของกลุ่มเสมอๆ และ อาการรอรอบอันคุ้นเคยก็ยังอยู่ครบ สำหรับเครื่องยนต์ Gen นี้ รหัส4n15 ก็ยังมีอาการรอรอบอยู่ชัดเจน ทำให้การขับขี่ในการใช้งานจริงจะ รู้สึกว่าหากต้องเร่งแซงโดยไม่ลดเกียร์ มันจะเป็นรถที่ไม่มีอะไรเลยยย ช้า+เนือย+เหนื่อย แต่พอเข็มวัดรอบตวัดเกิน 2,000 ขึ้นไป (บูสติด) แรงบิดอันน่าพอใจก็พารถกระโจนออกไปได้ดีพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อควบกับเกียร์ 6 จังหวะที่ระยะการเข้าเกียร์ค่อนข้างชิด + แป้นคลัชที่มีน้ำหนักกำลังดี ทำให้รถคันนี้เป็นรถที่ขับสนุก หากคุณพยายามเลี้ยงรอบให้เกิน 2,xxx เสมอ
อัตราเร่ง 0-100 km/h ของรถผมมีดังนี้ *จับเวลา 3 ครั้งจากนั้น Avg*
Standard = 10.3x
Super4 Boost 25 ปอนด์ = 8.3x80 - 120 km/h ไม่เคยจับเลยครับแหะๆ โดยส่วนตัวค่อนข้างพอใจแล้วกับอัตราเร่งดังกล่าว การขับขี่ตามถนนชานเมือง ค่อนข้างชิว หากต้องการแซง ก็เพียงเลี้ยงครัชสักหน่อย พร้อมกระทืบคันเร่งรถก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงยางฟรีทิ้งทุกต้นเกียร์ จนกระทั่งเกียร์ 3 (ยางเกาหลีคุณภาพบ้านๆ) อัตราเร่งมาเร็ว และ แรงดึงในรูปแบบเครื่องยนต์ดีเซลกระบะดิบๆ อ่า
.ฟิน (ความชอบส่วนตัว)
น้ำหนักพวงมาลัย , เบรค , ครัช+เกียร์ หากท่านใดเคยใช้ชีวิตอยู่กับกระบะรุ่นอื่น หรือ เก๋งพวงมาลัยหนักๆเช่น FD หากได้ลองขับ Triton โฉมนี้จะรับรู้ทันทีว่า พวงมาลัยเบามาก มันเบาจริงๆ ในบางครั้งหากใช้ความเร็วเดินทาง 120 140 km/h จะจับความรู้สึกได้ชัดเจนว่าต้อง concentrate พอสมควร โดยส่วนตัวเวลาขับรถติดในเมืองมันก็สบายดีอยู่ แต่หากขับรถพวงมาลัยมีน้ำหนักมาตลอดอาจต้องปรับตัวพอสมควร
เบรค เป็นอีกสิ่งที่น่าชื่นชม น้ำหนักและระยะถือว่าถูกจริตกับผม หากต้องการเบรคเท่าไหร่กดไปเท่านั้นรถจะหน่วงความเร็วให้ตามความต้องการ
ครัช แป้นครัชน้ำหนักเบาแต่ระยะเหยียบสุดลึกพอสมควร จับอาการระยะเหยียบสุดมากกว่า Dmax 3.0 I-Dteq (คหสต) แต่จุดตัดต่อกำลังจะอยู่ในช่วงเหยียบลงไป 20 70% เท่านั้น เพราะฉะนั้นหากเป็นคนขับที่ชอบเหยียบคลัชสุดเท้าสำหรับรถคันนี้จะค่อนข้างเมื่อยครับ อาจต้องปรับตัวพอสมควร , ส่วนระยะเข้าเกียร์เป็นอีกส่วนที่ผมชอบมากคือ ระยะเข้าเกียร์สั้น Shift feeling ดีหนักแน่น , ขนาดหัวเกียร์กำลังดีจับกระชับถนัดมือ
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ไม่ได้จับแบบเป็นจริงเป็นจังนัก เอาเป็นว่าวิ่งแถบชานเมือง , ในตัวเมืองสาทร สีลม พระราม4 ดินแดง รวมๆกันเจอทั้งรถติด , โล่ง , เร่งแซงรถบรรทุก อัตราสิ้นเปลืองได้ประมาณ 9.1 11.x กิโลเมตรต่อลิตร ไม่มากและไม่น้อยไปกว่านี้ ส่วนตัวรับได้ครับกับอัตราสิ้นเปลืองประมาณนี้ ส่วนข้อมูลในคลับวิ่งทางไกลบางท่านทำได้ 13 14 กิโลเมตรต่อลิตรก็มี (ไม่นับคนที่เอาค่าจากมาตรวัดมาโชว์ เพราะค่าพวกนี้เชื่อถือไม่ค่อยได้ครับ)
ช่วงล่าง ช่วงล่างก็ถือว่าพอใช้ได้ครับ อาจเนื่องด้วยเป็นรถ cab ท้ายรถจึงสูงกว่ารุ่น 4 ประตู ทำให้เวลาวิ่งรถเปล่าค่อนข้างเด้งจนน่าลำคาญพอสมควร ด้วยความติดนิสัยชอบรถโหลด จึงซนเอาไปดัดแหนบอีก 2 นิ้ว ใส่กับโช๊คเดิม ใช้ได้แค่ไม่กี่เดือนทนไม่ไหว อะไรที่มันต่างจาก STD มากๆ วิ่ง หมาไม่
. เลยทีเดียว , เลยไปคบกับโช๊ค Profender Monoblock กระบอกเงิน ราคาหมื่นกลาง 4 ต้น ตรงรุ่นพร้อมโหลดหน้าอีก 1.5 นิ้ว คราวนี้ จบ เลย อาการดิ้น ดุ๊กดิ๊กๆ หายไปแถมเพิ่มความมั่นใจเวลาโค้งแรงๆ หรือ หักพวงมาลัยกระทันหันได้เป็นอย่างดี (รู้งี้เปลี่ยนเป็นอย่างแรกก็ดีไม่ต้องโดน ผบ. บ่น)
หากอ่านมาจนถึงตรงนี้อาจคิดว่าผมก็คงมีความสุขดี จนกระทั่ง
.
วันหนึ่งเมื่อเดือนธันวาคม 2559 ผมขับอยู่ถนนกาญจนาภิเษกบริเวณแถวเมกะบางนา ด้วยอากาศที่ร้อน และกระบะตู้ทึบที่คิดจะเปลี่ยนเลนก็เปลี่ยน เบียดกรูอยู่นั่น จึงทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน ลดเกียร์จาก 5 ลงมา 3 พร้อมเบิ้ล ปล่อยคลัช และ กระทืบคันเร่งเต็มกำลัง ทันใดนั้น !!!!!............. มีเสียงดังปั้ก , บรื้นนนนนน (เสียงเร่งเครื่องตอนเกียร์ว่าง) พร้อมกับเกียร์ที่เด้งสู้มือจากตำแหน่ง 3 มาเป็นตำแหน่งว่าง
Shocked ! จากนั้นก็พยายามประคองกลับบ้านโดยมีอาการเกียร์ 3 หลุดตลอดทาง จึงได้นัดกับศูนย์บริการย่าน พระ
3 เข้าไปเพื่อซ่อมแซม > อะไหล่ไม่มีรอไหล่ 1 เดือน > นำรถเข้าซ่อมหลังจากนั้น 1 เดือน (บูชยางเกียร์ 3 หรืออะไรสักอย่าง) > ด้วยความหลอนก็พยายามขับแบบปกติเปลี่ยนเกียร์ไม่เกิน 2,500 รอบอาการเกียร์หลุดก็ไม่มาหลอกหลอนอีก
.
จนกระทั่ง เคสคล้ายๆเดิม แต่คราวนี้เป็นเถนน ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี โจทย์รอบนี้เป็น all new ปั้ก
.บรื้นนนนน เหมือนเดิม แต่คราวนี้เกียร์ 3 ยัดไม่เข้า หรือ ยัดเข้าเสร็จเด้งกลับตลอดเวลา (อาการหนักกว่ารอบที่แล้ว) > ศูนย์เดิมแจ้งรออะไหล่ 3 เดือน หือ?? > เลยติดต่อไปศูนย์ ราม
แหง แทน > ช่างแจ้งให้ทิ้งรถไว้ซ่อมรอบนี้จะต้องผ่าเกียร์เพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนภายใน ห้ะ ใช้มาเพิ่งจะปีนี่ต้องผ่าเกียร์แล้วหลอฟ่ะ ตอนนั้นยอมรับว่าหงุดหงิดอย่างแรงและไม่รับการซ่อมแบบนี้ต้องเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่ให้เท่านั้น > ช่างรับทราบและจะแจ้ง Mitsu Motor ให้ เวลาล่วงเลยผ่านไปประมาณ 2 สัปดาห์ เรื่องไม่คืบหน้า > ด้วยความที่ผมโชคดีมี ผบ. เป็นผู้รักความยุติธรรมจึงโทรเข้า Mitsu Motor พร้อมใช้กำลังภายใน >> ในที่สุดเกียร์ลูกใหม่ก็ส่งมาที่ศูนย์พร้อมเปลี่ยนเรียบร้อย > หลังจากนั้นก็ไม่มีปัญหาเรื่องเกียร์ 3 หลุดอีกเลย
อ่าาาา ฟินนน .......สรุปข้อดี , ข้อเสียกันแบบตรงไปตรงมากันบ้างง
ข้อดี
- เบาะคู่หน้าอันดีงามมม ขนาดเบาะใหญ่ , ปีกเบาะ , ความยาวเบาะพอเหมาะ นั่นทำให้การขับขี่รถคันนี้เป็นอะไรที่มีความสุข + สบายสุดๆ
- เครื่องยนต์ อัตราเร่งเดิมๆว่าเหลือแล้ว แต่พอพ่วงกล่องเข้าไป ยิ่งแซ่บขึ้นไปอีก ทันใจ เป็นคำแทนสำหรับ
เครื่องยนต์ + เกียร์ ของรถรุ่นนี้ (กรณีที่ไม่เจอเกียร์หลุด) คหสต. นะครับ
- Position การนั่ง + การใช้งานปุ่มกดต่างๆในรถออกแบบได้ดี สามารถเอื้อมไปกด,ปรับ ได้อย่างพอดี
คิดไม่ออกแล้ว
ข้อเสีย
- ดีไซด์ภายนอกที่ไม่ค่อยลงตัวดูไม่บึกบึน , ไม่ถึก , ไม่เมากา ฯลฯ
- มิติรถที่น่าจะเล็กที่สุดในกลุ่มกระบะ Pick Up ที่มีขายในไทย
- กล้องมองหลังในบางครั้งชอบเกิดอาการค้างไม่ขึ้นจอเอาดื้อๆ ต้องเข้าเกียร์ว่างและเกียร์ถอยใหม่ถึงจะขึ้น , เวลาฝนตกบ่อยครั้งที่น้ำฝุ่น+ลม ที่ดีดขึ้นมาจากพื้นชอบโดนกล้องมองหลังทำให้ภาพมัวเสมอ
- ดีไซด์ภายในที่ดูธรรมดาไม่โดดเด่น , ชุดมาตรวัดที่ไม่หวือหวาบ้านๆแบบพอเพียง
- การแก้ไขปัญหาจากศูนย์บริการ + Motor ล่าช้าพอสมควร
- Deflect จาก โรงงานมากมาย อาทิเช่น เกียร์หลุด , แหนบดัง , กระบะหลังเป็นสนิม , อินเตอร์รั่ว , พวงมาลัยคลอน (รถผมผลิตต้นปี 16 เจอเพียงอาการเดียวคือเกียร์หลุด)
สรุปหากถามความคิดของผมกับรถคันนี้ ราคา ณ ตอนซื้อ 719,000 บาท หักส่วนลดเงินดาวน์ 50,000 บาท จะเท่ากับผมได้ซื้อรถคันนี้มาในราคา 669,000 บาท เท่านั้น !! ถือว่าราคาถูกพอสมควร ได้ทั้งกล้องหลัง , Keyless , ฯลฯ นอกจากราคาที่น่าสนใจแล้ว , ประสบการณ์การขับขี่ที่ได้รับก็น่าประทับใจถึงแม้พวงมาลัยจะเบาโหว่งไป , ประสบการณ์ขับเข้าลานจอดรถวัยรุ่นมองตามเสมอ(รถไรว่ะ) , ประสบการณ์เคลม Deflect ครั้งแรกกับ Motor ที่เกือบทำให้ต้องขายรถคันนี้ไปเพราะความเบื่อกับปัญหาที่ซ่อมไม่จบ ซึ่งหากผู้อ่านต้องการกระบะสักคันเพื่อใช้งาน , ท่องเที่ยว , ขนของ ฯลฯ หากไม่อคติจนเกินไปสำหรับ Triton ก็ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยครับ
สำหรับผมคงใช้เจ้านี่ไปอีกต่ำๆก็ 7-8 ปี หรือจนกว่าจะซ่อมไม่ได้ เพราะมันก็ยังสร้างความสุขให้ผมทุกครั้งที่ได้ขับ......ขอบคุณที่อ่านมาจนจบ
หากมีข้อติ ชม หรือสงสัยอย่างไรสามารถโพสลงกระทู้นี้ได้เลย
ขอบคุณ HLM ที่ทำ Review รถออกมาอย่างตรงไปตรงมาเพื่อผู้บริโภค และ เพื่อนสมาชิกที่คอยตอบข้อสงสัยของผม
จนได้รถที่แม้ ไม่ถูกใจที่สุดแต่ถูกจริตกับผมที่สุดขอบคุณครับ
..