รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ

zipp

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2019, 21:18:48 »
ภาษีทะเบียนรายปีถูกกว่ารถน้ำมันมั้ยครับ

ผมถามของ Fomm 300 บาทต่อปีครับ ถูกมาก ;D

คันเล็กจิ๋วคิด300บาท.    ถ้าคันใหญ่คงซักพันนึงนะ.    ถูกดีจัง จูงใจให้ใช้นะเนี่ย



XyteBlaster

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2019, 21:21:58 »
สนับสนุนครับ อวยให้ใช้ EV กันเยอะ ๆ ครับ อีกซัก 4-5 ปี ข้างหน้าอาจจะออกด้วยซักคันเอาไว้วิ่งไปรับส่งลูกที่โรงเรียนครับ

ตอนนี้บาง รร. ห้ามรถเครื่องยนต์วิ่งเข้าไปรับเด็กในโรงเรียนนะครับ ต้องเปิด EV mode เท่านั้น ...
ดีที่ ผู้ปกครอง แต่ละบ้านค่อนข้างมีกำลัง เลยไม่เป็นดราม่า  ผมว่าอีกซักพักคงออกข่าวครับ



Mp4_007

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2019, 21:27:20 »
เดี๋ยวถ้ามีคนใช้รถ EV เยอะๆ ค่า FT จะขึ้นบานตะไท เชื่อผมเถอะมันเป็นแบบนั้นแน่นอน  ตอนนั้นแหละถึงจะรู้ว่ามันจะประหยัดจริงไหมประหยัดแค่ไหน



zipp

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2019, 21:36:36 »
ใช้ครบ7ปี ต้องเข้าตรอ.อีกมั้ยนะ.   มันไม่มีเสียง/ไม่มีควัน แล้วนี่
_มี แค่เสียงวื้ดดดดตอนวิ่ง คงดังไม่เกินกำหนดแล้ว_
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2019, 21:48:30 โดย zipp »



GOBBS

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2019, 21:48:14 »
ยังไงก็ต้องบอกว่า ส่วนต่างราคายังไงก็ต้องคิดครับ ไม่งั้นผมไปเอา นิสสันลีฟหรือฮุนไดก็ได้นะ (ก็ไม่คิดถึงค่าตัวนิ)
ถ้าเทียบในค่าย ตัวเดียวกัน ZS น้ำมันที่อืดและซดนี่ละ ให้ 3บาทต่อโลเลยนะ
1โล ต่างกัน 2.5บาท
1แสนโล ซึ่งเป็นระยะใกล้ที่รถจะหมดสภาพ ประหยัด 2.5แสน .... แล้วค่าตัวต่างกันเท่าไหร่ ราคาขายต่อจะต่างกันไหม? ถ้าบังคับให้เลือกแค่ ZS/ZS EV ถ้ามีรถคันเดียวเชื่อว่าหลายคนยังจะจิ้มตัวน้ำมันในฐานะที่มันยังไปไกลๆได้สะดวกกว่านะ....ZS EV ถึงต้องทำราคาลงมาขนาดนี้ไงครับ ผมว่าคน CP น่าจะคิดแล้วว่าถ้ามากกว่านี้จอดฝุ่นจับแน่ๆ
เหมือนที่คุณแพนเขียนในบทความรถไฮบริดทั้งหลายละครับ คิดถึงค่าตัวกับค่าที่ประหยัด จะคุ้มไหม
มันไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะครับ ถ้าบอกว่าใช้แต่ในเมือง(ด้วยระยะการชาร์ท) ก็เสียข้อดีที่ดีกว่าตัวน้ำมันในแง่อัตราเร่งไป และการที่ระยะทางต่อการชาร์ทยังไม่เยอะนัก การใช้ให้คุ้ม 3หมื่นโลต่อปีขึ้นไปก็ค่อนข้างยากหน่อยครับ
................
ถามว่ามีคนเหมาะกับมันไหม พอมีครับ แต่ไม่ถึงกับอวยว่าต้องมาใช้กันนะ

ถ้ากำลังทรัพย์พร้อม จะซื้อ Leaf หรือ Kona ก็แล้วแต่ท่านเลยครับ ผมแค่ยกตัวอย่างว่ารถไฟฟ้ามันวิ่งได้ประมาณนี้ครับ

ที่ยกตัวอย่า ZS EV เพราะยี่ห้ออื่นมันไม่มีกลุ่มผู้ใช้ แต่ MG มันคนรอซื้อเยอะ แล้วท่านจะให้ผมเอาข้อมูลจากไหนล่ะครับ

ไม่ใช่ว่าอวย MG นะครับ แต่ผมอวย EV ครับ

ส่วนท่านที่ไม่พร้อมด้านกำลังทรัพย์ ต่อให้ท่านไม่ซื้อก็ไม่มีปัญหาครับ แต่อยากให้ร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนให้รถยนต์พลังงานทางเลือกเกิดในไทย ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมทางอากาศและพลังงานครับ ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น

มองเผินๆ พลังงานไฟฟ้าเรายังใช้เองไม่พอ สถานีชาร์จยังไม่มี รถไฟฟ้ายังราคาจัดว่าสูงอยู่ ซึ่งต้องการการสนับสนุนภาคประชาชนเพื่อให้เกิดการพัฒนาได้

แต่ถ้าหลายท่านออกมาร่วมด้วยช่วยกันต่อต้าน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คงเกิดยากครับ ฝากให้คิดกันนิดนึงครับ
ผมขี่จักรยานไปทำงานครับ คิดมานานมากแล้วด้วย(ลองตาม คห. เก่าๆผมก็ได้ครับ) เจ้า 2 ดีเซลผมจอดแหมะอยู่กับบ้าน ซื้อมาจอดไม่ต่างกับเจ้าของเวป
มองจากสายอนุรักษ์จัดๆ เลยนะครับ ไม่เลือกค่ายด้วย ไม่ว่า ลีฟหรือฮุนได ผมว่าก็ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่
รถที่วิ่งระยะแค่ในเมือง แล้วเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มันแทบไม่ได้ตอบอะไรเลยในเรื่องมลพิษ ถ้าเป็นรถเมล์ไฟฟ้า รถขนส่ง รถสำหรับคน"จำเป็น" ผมสนับสนุนนะ
ถ้าสนับสนุนเรื่องลดมลภาวะจริงๆ ต้องสนับสนุนระบบขนส่งมวลชน ไม่ใช่รถส่วนบุคคลครับ เรากำลังหลงทางอยู่
เพราะปัจจุบัน หรืออนาคตก็ตามที ไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกยังน้อยอยู่มาก โรงไฟฟ้าถ่านหินจ่อจะสร้างอยู่ ไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน เช่นเขื่อนในลาวก็ทำลายสภาพแวดล้อมไปเยอะเช่นกันครับ
และถ้าจะถามกลับว่า ก็รถ EV มันไม่ดีเหรอ ไม่ปล่อยมลพิษ ใช่นะ แต่ ณ ตอนนี้ มันเหมือนเอามลพิษคนกรุงเทพ ไปโยนให้คนที่อื่น
ภาคใต้ กำลังไฟเกินจะใช้ แต่กำลังจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะต้องเอาไฟมาสำรองให้คนกรุง
แบตเตอรี่กำจัดอย่างไร คนที่เชียร์ตอนนี้ใครตอบได้ชัดเจนบ้างครับ และบางทีผมคิดว่า ถ้ารถสันดาปไปสุดทาง เช่นใช้ E100 ได้ระดับประหยัด 20โลลิตร ก็ไม่แน่ว่าอันไหนจะสร้างมลพิษมากกว่ากันครับ
............................................
บางทีก็รู้สึกนะ คนขับ"รถยนต์ส่วนบุคคล"แล้วชอบอ้างตัวเองว่ารักโลก .... คนธรรมดาขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เขารักมากกว่าแต่ไม่แสดงออกนะ
ส่วนที่ตอบด้านบน ผมมองจากมุมคนใช้รถทั่วไปมากกว่าครับ ถ้า EV ชุดแรกๆ ไม่ประสบความสำเร็จ ชุดที่ตามมาก็จะมีคำถามมากมายเช่นกันครับ
ให้มีคำตอบเรื่องแบตเตอรรี่ และไฟฟ้าที่ไม่ทำลายสภาวะแวดล้อม ส่วนตอนนี้ภาครัฐอย่าไปหลงกับตรงนี้มาก สิ่งที่ควรทำคือ"ลด-รถ"มากกว่าครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 13, 2019, 21:59:40 โดย GOBBS »
.....2006 honda jazz idsi
.....2015 mazda2 skyD
..ใช้รถเท่าที่จำเป็นกันเถอะครับ...รถมันติด



wa330

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2019, 22:03:25 »
ใช้ครบ7ปี ต้องเข้าตรอ.อีกมั้ยนะ.   มันไม่มีเสียง/ไม่มีควัน แล้วนี่
_มี แค่เสียงวื้ดดดดตอนวิ่ง คงดังไม่เกินกำหนดแล้ว_
เดี๋ยวคนไทยมีโมแต่งเสียงแน่ครับ
แบบbmw i8 ยังติดลำโพงจำลองเสียงเครื่องV8จากโรงงานเลยกลัวไม่เล้า



ซิ่งเข้าส้วม

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2019, 23:54:29 »
ยังไงก็ต้องบอกว่า ส่วนต่างราคายังไงก็ต้องคิดครับ ไม่งั้นผมไปเอา นิสสันลีฟหรือฮุนไดก็ได้นะ (ก็ไม่คิดถึงค่าตัวนิ)
ถ้าเทียบในค่าย ตัวเดียวกัน ZS น้ำมันที่อืดและซดนี่ละ ให้ 3บาทต่อโลเลยนะ
1โล ต่างกัน 2.5บาท
1แสนโล ซึ่งเป็นระยะใกล้ที่รถจะหมดสภาพ ประหยัด 2.5แสน .... แล้วค่าตัวต่างกันเท่าไหร่ ราคาขายต่อจะต่างกันไหม? ถ้าบังคับให้เลือกแค่ ZS/ZS EV ถ้ามีรถคันเดียวเชื่อว่าหลายคนยังจะจิ้มตัวน้ำมันในฐานะที่มันยังไปไกลๆได้สะดวกกว่านะ....ZS EV ถึงต้องทำราคาลงมาขนาดนี้ไงครับ ผมว่าคน CP น่าจะคิดแล้วว่าถ้ามากกว่านี้จอดฝุ่นจับแน่ๆ
เหมือนที่คุณแพนเขียนในบทความรถไฮบริดทั้งหลายละครับ คิดถึงค่าตัวกับค่าที่ประหยัด จะคุ้มไหม
มันไม่ได้เหมาะกับทุกคนนะครับ ถ้าบอกว่าใช้แต่ในเมือง(ด้วยระยะการชาร์ท) ก็เสียข้อดีที่ดีกว่าตัวน้ำมันในแง่อัตราเร่งไป และการที่ระยะทางต่อการชาร์ทยังไม่เยอะนัก การใช้ให้คุ้ม 3หมื่นโลต่อปีขึ้นไปก็ค่อนข้างยากหน่อยครับ
................
ถามว่ามีคนเหมาะกับมันไหม พอมีครับ แต่ไม่ถึงกับอวยว่าต้องมาใช้กันนะ

ถ้ากำลังทรัพย์พร้อม จะซื้อ Leaf หรือ Kona ก็แล้วแต่ท่านเลยครับ ผมแค่ยกตัวอย่างว่ารถไฟฟ้ามันวิ่งได้ประมาณนี้ครับ

ที่ยกตัวอย่า ZS EV เพราะยี่ห้ออื่นมันไม่มีกลุ่มผู้ใช้ แต่ MG มันคนรอซื้อเยอะ แล้วท่านจะให้ผมเอาข้อมูลจากไหนล่ะครับ

ไม่ใช่ว่าอวย MG นะครับ แต่ผมอวย EV ครับ

ส่วนท่านที่ไม่พร้อมด้านกำลังทรัพย์ ต่อให้ท่านไม่ซื้อก็ไม่มีปัญหาครับ แต่อยากให้ร่วมด้วยช่วยกันสนับสนุนให้รถยนต์พลังงานทางเลือกเกิดในไทย ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมทางอากาศและพลังงานครับ ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้น

มองเผินๆ พลังงานไฟฟ้าเรายังใช้เองไม่พอ สถานีชาร์จยังไม่มี รถไฟฟ้ายังราคาจัดว่าสูงอยู่ ซึ่งต้องการการสนับสนุนภาคประชาชนเพื่อให้เกิดการพัฒนาได้

แต่ถ้าหลายท่านออกมาร่วมด้วยช่วยกันต่อต้าน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คงเกิดยากครับ ฝากให้คิดกันนิดนึงครับ
ผมขี่จักรยานไปทำงานครับ คิดมานานมากแล้วด้วย(ลองตาม คห. เก่าๆผมก็ได้ครับ) เจ้า 2 ดีเซลผมจอดแหมะอยู่กับบ้าน ซื้อมาจอดไม่ต่างกับเจ้าของเวป
มองจากสายอนุรักษ์จัดๆ เลยนะครับ ไม่เลือกค่ายด้วย ไม่ว่า ลีฟหรือฮุนได ผมว่าก็ยังไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่
รถที่วิ่งระยะแค่ในเมือง แล้วเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล มันแทบไม่ได้ตอบอะไรเลยในเรื่องมลพิษ ถ้าเป็นรถเมล์ไฟฟ้า รถขนส่ง รถสำหรับคน"จำเป็น" ผมสนับสนุนนะ
ถ้าสนับสนุนเรื่องลดมลภาวะจริงๆ ต้องสนับสนุนระบบขนส่งมวลชน ไม่ใช่รถส่วนบุคคลครับ เรากำลังหลงทางอยู่
เพราะปัจจุบัน หรืออนาคตก็ตามที ไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกยังน้อยอยู่มาก โรงไฟฟ้าถ่านหินจ่อจะสร้างอยู่ ไฟฟ้าจากเพื่อนบ้าน เช่นเขื่อนในลาวก็ทำลายสภาพแวดล้อมไปเยอะเช่นกันครับ
และถ้าจะถามกลับว่า ก็รถ EV มันไม่ดีเหรอ ไม่ปล่อยมลพิษ ใช่นะ แต่ ณ ตอนนี้ มันเหมือนเอามลพิษคนกรุงเทพ ไปโยนให้คนที่อื่น
ภาคใต้ กำลังไฟเกินจะใช้ แต่กำลังจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะต้องเอาไฟมาสำรองให้คนกรุง
แบตเตอรี่กำจัดอย่างไร คนที่เชียร์ตอนนี้ใครตอบได้ชัดเจนบ้างครับ และบางทีผมคิดว่า ถ้ารถสันดาปไปสุดทาง เช่นใช้ E100 ได้ระดับประหยัด 20โลลิตร ก็ไม่แน่ว่าอันไหนจะสร้างมลพิษมากกว่ากันครับ
............................................
บางทีก็รู้สึกนะ คนขับ"รถยนต์ส่วนบุคคล"แล้วชอบอ้างตัวเองว่ารักโลก .... คนธรรมดาขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เขารักมากกว่าแต่ไม่แสดงออกนะ
ส่วนที่ตอบด้านบน ผมมองจากมุมคนใช้รถทั่วไปมากกว่าครับ ถ้า EV ชุดแรกๆ ไม่ประสบความสำเร็จ ชุดที่ตามมาก็จะมีคำถามมากมายเช่นกันครับ
ให้มีคำตอบเรื่องแบตเตอรรี่ และไฟฟ้าที่ไม่ทำลายสภาวะแวดล้อม ส่วนตอนนี้ภาครัฐอย่าไปหลงกับตรงนี้มาก สิ่งที่ควรทำคือ"ลด-รถ"มากกว่าครับ

ขอตอบทีละประเด็นนะครับ

1. ถ้าคุณขี่จักรยานไปทำงานได้ ก็ดีครับ แต่ก็มีหลายท่านที่ทำแบบนั้นไม่ได้ ทั้งในเรื่องระยะทางและความปลอดภัย อาจจะไม่เหมาะกับหลายๆคน อย่างบางครั้งผมต้องขับไปประชุมงาน 50 กว่าโล ทั้งออกสมุทรสาครหรือออกบูรพาวิถี รถบรรทุกวิ่งเยอะ ขี่จักรยานน่าจะอายุไม่ยืนครับ ขนาดนักปั่นระดับโลกก็เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เยอะแล้ว หรือแค่จะไปโกดังสินค้าของตัวเองก็ 20 กว่าโลแล้ว ไม่สามารถขี่จักรยานได้จริงๆ

2. ผมสนับสนุนการขนส่งในเชิงพาณิชย์และขนส่งมวลชนให้เป็นระบบไฟฟ้าด้วยเหมือนกันครับ เรื่องนี้ภาครัฐควรสนับสนุนจริงจัง เพราะรถเมล์บ้านเราส่วนมากมาตรฐานยูโร 2 เก่ามากๆ ควันดำเยอะมาก แต่ตรวจสอบไม่เคยเจอ

ซึ่งทั้งนี้รถยนต์นั่งอาจจะไม่ได้เป็นส่วนสำคัญ แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นครับ เหมือนกับประกายไฟเล็กๆ ที่ทำให้เห็นความเป็นไปได้

ตอนผมเรียนมหาลัย มหาลัยก็มีรถเมลไฟฟ้ารับส่ง ซึ่งมีข้อจำกัดด้านระยะวิ่งและการทำความเร็วค่อนข้างมาก แต่นั่นก็สิบกว่าปีแล้ว คิดว่าตอนนี้ถ้าภาครัฐเริ่มส่งเสริมก็คงทำได้ แต่เบื้องต้นอาจจะนำเข้าจากจีน (อีกแล้ว) มาก่อนครับ ที่นำเข้ามาแล้วก็มีควายทอง แต่เหมือนจะไม่เกิด ไม่รู้ทำไม

3. ยังไงแนวโน้มการใช้พลังงานไฟฟ้าของประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ครับ รัฐต้องสร้างโรงงานผลิตไฟฟ้าให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สุดท้ายถ้าภาคใต้ไฟดับบ่อยๆ เดี๋ยวเขาก็หาทางออกกันได้เองครับ ทุกวันนี้มันยังไม่ดับ เลยยังไม่เห็นความจำเป็น ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปตามบริบทและสถานการณ์

4. แบตเตอรี่ตอนนี้ยังไม่มีแนวทางการกำจัด เพราะยังมี Demand ที่ไม่มากพอ แต่ทางภาครัฐได้เริ่มออกกฏหมายและตั้งเป้าหมายในการสร้างโรงงานกำจัดแบตเตอรี่แล้วครับ มันก็เป็นไปตามขั้นตอนของมัน

ตั้งโรงงานทีหลายร้อยล้าน ถ้าไม่มีขยะมาให้กำจัด โรงงานก็เจ๊งกันหมดครับ

5. E100 ทำมาคนไทยก็ไม่เติมครับ สาเหตุคือน้ำมันถูกกว่า

เอทานอลถึงแม้ว่าอ้อยจะราคาตกต่ำ แต่กระบวนการผลิตมันมีต้นทุน ซึ่งไทยยังไม่สามารถทำให้ถูกจัดๆ ได้ ดังนั้น E100 ถ้าจะให้คนเติมก็ต้องถูกกว่า แก๊สโซฮอล 95 อย่างน้อยครึ่งนึง ซึ่งรัฐต้องอุ้มตรงนี้เยอะมาก

แค่ราคา E85 ยังไม่คุ้มพอที่จะทำให้คนหันมาเติมเลยครับเพราะทุกวันนี้ E20 คุ้มกว่า วิ่งได้ไกลกว่า

คืออย่าว่าแต่อุ้มเลยครับ ทุกวันนี้ก็เล็งจะขึ้นภาษีน้ำมันกันแล้ว

6. การที่คุณสนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผมสนับสนุนและชื่นชมครับ แต่การที่บอกว่า คนขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้ารักสิ่งแวดล้อมมากกว่าแต่ไม่พูดก็มี อันนี้ผมว่าฟังดูจับแพะชนแกะ การเชื่อมโยงค่อนข้าง Invalid ครับ

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ก็เปรียบเหมือนการทำบุญในศาสนาครับ บางคนมีกำลังทำได้มาก ก็ดี บางคนมีกำลังน้อย ทำน้อยก็ดีกว่าไม่ทำ แต่ไม่ใช่บอกว่าคนทำน้อยเป็นคนไม่ดี อันนี้ผมว่าไม่ถูกต้องนัก



Slipknot`

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 00:55:26 »
ประหยัดจัง สุดๆ



rumkarndekgrean

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 03:48:42 »
อ้างถึง
คนธรรมดาขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เขารักมากกว่าแต่ไม่แสดงออกนะ

ขอข้อมูลอ้างอิงด้วยครับ ว่าคนขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้ารักโลกมากกว่า



rotaryman

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 08:39:38 »
ผมว่าคุ้มถ้ามีที่ชาร์ตระหว่างทาง ฟรี และ เพียงพอ ครับ



SM.

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 09:30:04 »
จะใช้จริงๆจังๆมันต้องมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการใช้รถEV
ประมาณว่า บ้านเดี่ยวใจกลางเมือง+ที่ทำงานมีที่จอดรถแถมที่ชาร์ตให้อีก
ยังไม่รวมฐานะทางการเงิน ต้องดีระดับนึง ถึงกล้าเล่นได้
น่าจะต้องมีรถสำรองไว้ด้วย และEVจะไม่เป็นรถคันแรก
คนซื้อใช้ก็เลยมีน้อยมาก

+1



Weetting

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 09:33:03 »
อ้างถึง
คนธรรมดาขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เขารักมากกว่าแต่ไม่แสดงออกนะ

ขอข้อมูลอ้างอิงด้วยครับ ว่าคนขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้ารักโลกมากกว่า


ยังต้องขอข้อมูล​อ้างอิงอีกเหรอครับ​  ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 17, 2019, 14:50:30 โดย Weetting »
THE Manual Gearbox Preservation Society
Drive diesel until last day



ixoxi999

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 10:09:21 »
ประเทศไทย EV ไม่มีทางเกิด ถ้า Toyota กับค่ายรถญี่ปุ่นไม่ทำครับ



Nice

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 11:35:47 »
คอนโดเลือกแบบที่มีที่ชาร์จสิครับ(ถ้าเช่านะ)

คอนโดผมว่างตลอด แรกๆมีรถมาจอดเละเทะ เพราะไม่ค่อยมีคนใช้

หลังๆเห็น ยุโรปรหัส e เค้ามาโวยวาย ก็เลยจัดระเบียบโอเคขึ้นนะ ฟรีด้วยนะเออ

เห็นลุมพินี เพลส พระราม 9-รัชดา มีที่ชาร์จ รถพลังงานไฟฟ้า



Jacob

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 14:17:14 »
ถ้ามีรถไฟฟ้าสัก 30% บนถนนก็น่าจะเห็นความแตกต่างบ้างนะ ทั้งรังสีความร้อน เสียง เขม่า ควัน กลิ่น



HHHsung

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 15:07:55 »
แรงบิดสุง วิ่งในเมือง เหมาะแน่นอน ถ้าไม่ให้พูดถึงข้อเสียเรื่องราคา มันดีกว่ารถสันดาปแทบทุกข้อ ยกเว้นเวลาชาร์จ ที่มีข้อจำกัดเรื่องระยะเวลานานหลาย ชม.

ตลาดไปยาก เนื่องด้วยข้อจำกัดเรื่อง แบตเตอรี่ ที่ยังไม่ถึงจุดที่เหมาะสม ความจุสูง น้ำหนักเบา ใช้เวลาชาร์จไม่นาน คือเป้าที่แบตเตอรี่ต้องไปให้ได้

ปัจจุบันเมื่อยังทำไม่ได้ ก็เลยกระทบให้ขายยาก ราคาแพง รถไฟฟ้าถ้าวิ่งได้ไกล ชาร์จไม่นาน ก้จะขายได้เยอะขึ้น ขายเยอะต้นทุนต่อหน่วยลด ราคารถก้จะลดตามส่งเสริมกันไป

ยังไม่นับรวมการบำรุงรักษาต่ำ เพราะอะไหล่สิ้นเปลืองน้อยอีก ดูยังงัยอนาคตไปได้แน่ๆ ติดแค่แบตเตอรี่เท่านั้น ที่ยังพัฒนาในระดับ mass ไม่ได้ 



flybigbear

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: สิงหาคม 14, 2019, 15:54:01 »
ถ้าใครวางแผนจะซื้อมาใช้ต้องเปลี่ยนหม้อแปลงหน้าบ้านเป็น 30(100)A 1เฟส2เส้นก่อน หรือ บ้านใครเดินไฟ 3เฟส4เส้นใช้หม้อแปลงขนาด 15(45)A ก็เปลี่ยนเป็น 30(100)A ขึ้นไป
พร้อมเดินสายไฟเบอร์ 10 มายังจุดเสียบชาร์จ พร้อมติดตั้งตู้เบรคเกอร์ขนาด 32A ปลั๊กตัวเมีย32A ทิ้งไว้



V221

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2019, 07:53:31 »
ถ้าใครวางแผนจะซื้อมาใช้ต้องเปลี่ยนหม้อแปลงหน้าบ้านเป็น 30(100)A 1เฟส2เส้นก่อน หรือ บ้านใครเดินไฟ 3เฟส4เส้นใช้หม้อแปลงขนาด 15(45)A ก็เปลี่ยนเป็น 30(100)A ขึ้นไป
พร้อมเดินสายไฟเบอร์ 10 มายังจุดเสียบชาร์จ พร้อมติดตั้งตู้เบรคเกอร์ขนาด 32A ปลั๊กตัวเมีย32A ทิ้งไว้
ใช่ครับ และควรจะเปลี่ยนมิเตอร์เป็นแบบTOUด้วยเพราะชาร์จทิ้งไว้ตอนกลางคืนซึ่งเป็นช่วง Off Peak ก็จะลดค่าไฟฟ้าให้ถูกลงอีก
https://www.mea.or.th/profile/110/266
BMW 750E M SPORT



รถจักรไอน้ำ

Re: รถ EV วิ่งในเมืองประหยัดค่าพลังงานเวอร์ๆ
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: สิงหาคม 16, 2019, 09:00:43 »
ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ค่ายจีนเริ่มทำและกล้าเข้ามาทำตลาดในไทยเป็นคนแรกๆ และทำราคาได้ต่ำกว่าเจ้าอื่นๆเพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ถ้าไม่มีคนกล้าเริ่มการเปลี่ยนแปลงก็ยากที่จะเกิดครับ ผมเห็นหลายท่านเสนอความเห็นเกี่ยวกับการประหยัดเทียบกับรถน้ำมัน รถแก๊ส หรือเรื่องมลพิษ นั่นก็ส่วนหนึ่งครับ ซึ่งผมก็เห็นด้วยว่ามีหลายมุมที่เราควรจะพิจารณาหากเราให้ความสำคัญกับเรื่องความคุ้มค่า เราก็อาจให้น้ำหนักกับค่าไฟฟ้า เทียบกับค่าน้ำมัน ค่าอุปกรณ์ อะไหล่ การบำรุงรักษา หากมองด้านสิ่งแวดล้อมก็อาจมองเรื่องขนส่งมวลชน การกำจัดแบตเตอรี่ ยังมีอีกมากครับกว่ารถไฟฟ้าจะพิสูจน์ตัวมันไปได้ แต่ถ้ามันทำได้แล้วสักวันก็คงต้องถึงวันที่เปลี่ยน ผมในฐานะผู้บริโภคคนนึงก็ดีใจที่เห็นความก้าวหน้าในวงการครับ ดีหรือไม่ดีเวลาจะช่วยพิสูจน์เอง เทคโนโลยีในอุปกรณ์อื่นๆ เช่นทีวีจอแบน โทรศัพท์มือถือ ก็ล้วนผ่านจุดนั้นมาแล้วทั้งนั้นครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)