มาแชร์ค่าไฟฟ้า และ ค่าน้ำมัน ซึ่งตัวเองพึ่งค้นพบสัปดาห์นี้ว่า ในเมือง ต่างกันมาก ครับ จากที่ขับในกทม.ประจำอยู่สองคัน
เดิม ผมเฉลี่ยจากข้อมูลรถ พบว่า PHEV (รวมค่าไฟและค่าน้ำมัน) ประหยัดกว่า ICE กม.ละ 2-3 บาท ถ้าออกต่างจังหวัดบ่อย บางทริปหลายร้อยกม.
แต่พอเน้นขับในกทม. ICE เครื่อง 2000 cc ได้เฉลี่ย 6.5 กม./ล. ถ้าคิดเป็นเงินก็ กม.ละ 6 บาท
(โดยคิดจากการเติมน้ำมัน 95 ปกติ และเติม 95 พิเศษ หรือ 97 ตอนอยากให้รถแรง เช่น ก่อนหลังออกทริป เป็นต้นด้วย)
ส่วน PHEV กม.ละ 1 บาท แม้รถติดก็บาทกว่า ๆ
(ตอนใช้โหมดประหยัดกินไฟไม่ถึงบาทด้วย)
เพราะมอเตอร์มันไม่หมุนตอนรถจอดแช่รอ และแอร์ไม่ได้กินไฟมาก
ดังนั้น ส่วนรถที่ตัวเองมี ถ้าขับเยอะ 300,000 กม. จนแบตเสื่อมปีที่ 13-15
(ตอนนี้ทางประเทศซึ่งใช้รถไฟฟ้ามาก่อนเรา พบแล้วว่าแบตมันจะเริ่มไม่ไหวที่ระยะนี้)
โดยส่วนตัวตีเป็นในเมือง 200,000 กม. นอกเมืองใช้น้ำมันสลับไฟ 100,000 กม.
PHEV จะประหยัดเงินกว่า ICE คิดเฉพาะในเมือง 200,000 กม.*(6-1 บาท) = 1,000,000 บาท ครับ
ถ้าคิดนอกเมือง ส่วนตัวพบว่าพฤติกรรมการกินพลังงาน PHEV คล้าย HEV แต่ PHEV มีลูกเล่นการชาร์จเยอะกว่า
อันนี้ไม่ใช่แค่ตัวเอง เพื่อนสมาชิกในกลุ่มเฟซ EV หมื่นกว่าคน พอเปลี่ยนจากรถแก๊สมาปุ๊บ เขาบอกประหยัดเงินกว่ามาก
เงินที่ประหยัดได้ มีคนในกลุ่มคาดว่าจะเอาไปจ่ายค่าแบตตอนเสื่อม 400,000 บาท
ที่เหลืออีก 600,000 บาท มีคนคำนวณแล้วว่าจะครอบคลุมค่าซ่อมตลอดจนถึง 13-15 ปี / 300,000 กม.
ที่ต้องจ่ายแต่ละปี ก็คือ
1.1 ค่าบำรุงรักษาที่ศูนย์ตามรอบปี ตีปีละหมื่น เพราะมันมีปีที่น้อยกว่าหมื่นกับปีที่หมื่นกว่า
(ส่วนตัวทราบค่าบำรุงรักษาในรอบ 5 ปีแรกแล้วจากศูนย์)
หรือ
1.2 ค่าบำรุงรักษาที่อู่นอกหรือใช้ BOSCH ตามรอบปี ตีปีละ 5,000-7,500
2. ค่าประกัน ที่แล้วแต่แต่ละคนจะเลือกประเภท
(PHEV 640 NM ชั้นหนึ่ง 36,000 บาท รถหนึ่งปี
ICE 180 NM ชั้นหนึ่ง 15,000 รถ 13 ปี)
อันนี้ เฉพาะรถสองคันที่มี ถ้ารุ่นอื่น อาจแตกต่างออกไป
ปล. วันหลังจะให้วิศวกรไฟฟ้ารุ่นน้อง คำนวณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ BEV เทียบ (P)HEV ให้ด้วย
เพราะประเทศที่ใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าเยอะอย่างอินเดีย เขาพบว่า HEV มี Carbon footprint น้อยกว่า BEV
ส่วนไทย แผนพลังงานไม่ว่ารัฐบาลใด เราจะใช้ก๊าซธรรมชาติเยอะไปอีกยาว ครับ