ผู้เขียน หัวข้อ: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง  (อ่าน 2306 ครั้ง)

ออฟไลน์ nobody123

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 14:26:57 »
มาแชร์ค่าไฟฟ้า และ ค่าน้ำมัน ซึ่งตัวเองพึ่งค้นพบสัปดาห์นี้ว่า ในเมือง ต่างกันมาก ครับ จากที่ขับในกทม.ประจำอยู่สองคัน

เดิม ผมเฉลี่ยจากข้อมูลรถ พบว่า PHEV (รวมค่าไฟและค่าน้ำมัน) ประหยัดกว่า ICE กม.ละ 2-3 บาท ถ้าออกต่างจังหวัดบ่อย บางทริปหลายร้อยกม.

แต่พอเน้นขับในกทม. ICE เครื่อง 2000 cc ได้เฉลี่ย 6.5 กม./ล. ถ้าคิดเป็นเงินก็ กม.ละ 6 บาท
(โดยคิดจากการเติมน้ำมัน 95 ปกติ และเติม 95 พิเศษ หรือ 97 ตอนอยากให้รถแรง เช่น ก่อนหลังออกทริป เป็นต้นด้วย)

ส่วน PHEV กม.ละ 1 บาท แม้รถติดก็บาทกว่า ๆ
(ตอนใช้โหมดประหยัดกินไฟไม่ถึงบาทด้วย)
เพราะมอเตอร์มันไม่หมุนตอนรถจอดแช่รอ และแอร์ไม่ได้กินไฟมาก

ดังนั้น ส่วนรถที่ตัวเองมี ถ้าขับเยอะ 300,000 กม. จนแบตเสื่อมปีที่ 13-15
(ตอนนี้ทางประเทศซึ่งใช้รถไฟฟ้ามาก่อนเรา พบแล้วว่าแบตมันจะเริ่มไม่ไหวที่ระยะนี้)
โดยส่วนตัวตีเป็นในเมือง 200,000 กม. นอกเมืองใช้น้ำมันสลับไฟ 100,000 กม.
PHEV จะประหยัดเงินกว่า ICE คิดเฉพาะในเมือง 200,000 กม.*(6-1 บาท) = 1,000,000 บาท ครับ

ถ้าคิดนอกเมือง ส่วนตัวพบว่าพฤติกรรมการกินพลังงาน PHEV คล้าย HEV แต่ PHEV มีลูกเล่นการชาร์จเยอะกว่า

อันนี้ไม่ใช่แค่ตัวเอง เพื่อนสมาชิกในกลุ่มเฟซ EV หมื่นกว่าคน พอเปลี่ยนจากรถแก๊สมาปุ๊บ เขาบอกประหยัดเงินกว่ามาก

เงินที่ประหยัดได้ มีคนในกลุ่มคาดว่าจะเอาไปจ่ายค่าแบตตอนเสื่อม 400,000 บาท
ที่เหลืออีก 600,000 บาท มีคนคำนวณแล้วว่าจะครอบคลุมค่าซ่อมตลอดจนถึง 13-15 ปี / 300,000 กม.

ที่ต้องจ่ายแต่ละปี ก็คือ
1.1 ค่าบำรุงรักษาที่ศูนย์ตามรอบปี ตีปีละหมื่น เพราะมันมีปีที่น้อยกว่าหมื่นกับปีที่หมื่นกว่า
(ส่วนตัวทราบค่าบำรุงรักษาในรอบ 5 ปีแรกแล้วจากศูนย์)
หรือ
1.2 ค่าบำรุงรักษาที่อู่นอกหรือใช้ BOSCH ตามรอบปี ตีปีละ 5,000-7,500
2. ค่าประกัน ที่แล้วแต่แต่ละคนจะเลือกประเภท
(PHEV 640 NM ชั้นหนึ่ง 36,000 บาท รถหนึ่งปี
ICE 180 NM ชั้นหนึ่ง 15,000 รถ 13 ปี)

อันนี้ เฉพาะรถสองคันที่มี ถ้ารุ่นอื่น อาจแตกต่างออกไป

ปล. วันหลังจะให้วิศวกรไฟฟ้ารุ่นน้อง คำนวณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ BEV เทียบ (P)HEV ให้ด้วย
เพราะประเทศที่ใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้าเยอะอย่างอินเดีย เขาพบว่า HEV มี Carbon footprint น้อยกว่า BEV
ส่วนไทย แผนพลังงานไม่ว่ารัฐบาลใด เราจะใช้ก๊าซธรรมชาติเยอะไปอีกยาว ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2023, 14:39:11 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ PaPaMan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,206
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 14:49:53 »
สนับสนุนความคุ้มค่าของ PHEV ครับ


ณ ปัจจุบัน ผมว่ารถ PHEV มีความเหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า BEV ยิ่งรุ่นต่อๆไปสามารถขับด้วยไฟฟ้าได้ไกลขึ้น (อาจจะประมาณ 80 - 100 กม.) ซึ่งเพียงพอต่อการใช้ในชีวิตประจำวัน 1 วัน กลับบ้านก็ชาร์จทุกวันเหมือนโทรศัพท์มือถือเครื่องนึง จะเดินทางไกลก็ออกได้เลยไม่ต้องวางแผน ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องแย่งหัวชาร์จตามปั๊มกับใคร เวลาเจอรถ EV ขับเอื่อยๆก็กดแซงได้เลยไม่ต้องกลัวว่าไฟจะหมด เปลี่ยนแบตก็ไม่เจ็บตัวเท่า BEV เครื่องยนต์ก็สึกหรอน้อยกว่า ICE

ออฟไลน์ nobody123

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 14:54:46 »
เห็นด้วยกับความเห็นก่อนหน้าครับ
นี่คือความเห็นของคน Headlightmag ที่รู้เรื่องรถจริง

มีหลักฐานทางสถิติขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร Consumer Reports สหรัฐสำรวจรถหลักแสนคันแล้ว
ค่าบำรุงรักษา BEV เท่ากับ PHEV (PHEV น้อยกว่านิด ๆ ด้วย แต่พอคิดถึงรถ BEV รุ่นใหม่ที่ถูกลง ก็คงพอกัน)

แค่บ้านเขา BEV คลีนกว่า
แต่บ้านเรา ไม่แน่ BEV อาจไม่คลีนสุดก็ได้ ถ้าเทรนด์แหล่งกำเนิดพลังงานเราเอียงไปเหมือนอินเดีย ดังโพสต์แรกครับ
(อันนี้ ยังไม่สรุป เพราะขาดการคำนวณชัดเจน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2023, 15:00:17 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ WASADM

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 582
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 17:37:37 »
1. เครื่อง 2,000 กิน 6.5 KM/L คิดว่าไม่น่าใช่ Camry ACV40 2.4 เครื่องเมื่อ 10 กว่าปีก่อน วิ่งในเมือง สาทร สีลม พระราม4 ยังได้ 8-9 KM/L ยิ่งเป็นรถที่ได้เครื่องยุคใหม่ น่าจะกินน้อยลงไปอีก เช่น 6AR-FSE ของ Toyota วิ่งในเมืองยังไงก็ไม่ต่ำ 10 KM/L แน่นอน

2. ถ้าเคยใช้รถ Hybrid / PHEV มาก่อน จะรู้ว่าแบตได้เต็มที่ไม่เกิน 8 ปี ซึ่งถ้ารถญี่ปุ่น มันครอบคลุม 10 ปีแรก ซึ่งจะไปจ่ายค่าแบต Hybrid จริงๆ คือปีที่ 13-14 ส่วนถ้าเป็นรถยุโรป ไม่เคยเห็นคันไหนเกิน 6 ปีนะ แบตเสื่อมหมดแล้ว

3. ถ้าเทียบแบบยุติธรรมเลย มันไม่มีรุ่นไหนที่ทำ Petrol และ PHEV พร้อมกัน ณ ปัจจุบัน ที่มีก็แต่ diesel กับ PHEV คือจำพวกรถยุโรป ซึ่งคิดว่าค่าดูแลรักษาและประกันคงพอๆกัน

4. คิดเฉพาะวันทั่วไปที่ไปทำงานก็ไม่ถูกอีก เพราะวิ่งออก ตจว. ถ้าแบตรถ PHEV หมดเมื่อไหร่ คราวนี้รู้เรื่อง PHEV ที่ขายในไทย เป็นรถพ่วง Turbo ทั้งนั้น ยิ่งถ้าต้องจอดชาจ อย่าลืมค่าเสียเวลา ที่อาจจะมีราคาที่แพงกว่าค่าพลังงาน

ออนไลน์ เนื้อน่องไม่หนัง

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 19:28:34 »
ถ้าเอากลุ่มของรถยุโรป ถ้าไม่นับค่าเสื่อม/ราคาขายต่อผมว่า น่าจะเป็นตามนั้นครับ ถ้าพอเอาราคาขายต่อมารวมด้วย ยังไงรถ HV/PHEV ร่วงกว่า ICE แน่นอน ส่วน BEV ยังเดาไม่ถูกแต่ก็คิดว่าน่าจะร่วงเยอะ หลักๆเพราะ Battery นั้นแหละ
ทีนี่ถ้าเอาค่าใช้จ่ายทั้งหมดมารวมกัน มันก็ไม่ได้ถูกกว่าขนาดนั้น แต่ถ้าเปนคนชอบอัตราเร่งอาจเอาส่วนนั้นมาทดแทนได้




3. ถ้าเทียบแบบยุติธรรมเลย มันไม่มีรุ่นไหนที่ทำ Petrol และ PHEV พร้อมกัน ณ ปัจจุบัน ที่มีก็แต่ diesel กับ PHEV คือจำพวกรถยุโรป ซึ่งคิดว่าค่าดูแลรักษาและประกันคงพอๆกัน
ผมนึกออกรุ่นนึงคือ XC40 ครับ ที่มีทั้ง T4(ice) T4-Recharge(PHEV) PureElectric(BEV) พยายามหาคนที่เอามาเทียบกันอยู๋เหมอืนกันครับ
แต่เอาจริงๆก็ไม่ได้ ยุติธรรมขนาดนั้นครับ เพราะอัตราเร่งมันก็ต่างกันเยอะเช่นกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2023, 19:45:40 โดย Qwerty »

ออฟไลน์ nobody123

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 20:14:58 »
1.-4. ด้านบน
1. รถ ICE ที่ประเมินหนัก 1450 กก. ถ้าคันอื่นที่เบากว่าใหม่กว่า ก็อาจกินน้อยกว่า

และก็ไม่แน่ เพราะส่วนตัวขับ ICE มาสามคันสามช่วงเวลา คันที่เบากว่าแล้วจำสเปคได้ว่า 1250 กก. เครื่อง 1800 cc ขับชานเมืองยังเปลืองกว่าคันปัจจุบัน ที่อายุรถเดียวกัน

2. น่าจะใช่สำหรับเมืองไทยอย่างคุณว่า ประเทศร้อนแบตอาจเสื่อมเร็วกว่าประเทศหนาว เพราะวันที่อากาศ 40 องศาขึ้นไป รถจอดเฉย ๆ แบตก็เสื่อม ถ้าระบบหล่อเย็นไม่ถูกเปิดเพราะมันไม่ร้อนมาก

ถ้าแบตเสื่อมเร็ว 6 ปี เจ้าของ PHEV บางคนจะดีใจมาก เพราะเคลมแบตฟรีถึง 8 ปี ที่คนขับ (ฺB)EV กลัวกันคือ เรากลัวแบตเสื่อมหลังหมดประกันแบต

3. Diesel เคยขับแล้ว ประหยัดสู้แก๊สที่คุยกับพี่แท็กซี่ไม่ได้ และแก๊สก็ประหยัดสู้ EV ไม่ได้ดังบอกในโพสต์แรก โดยเฉพาะในเมือง เพราะ ตอนรถติด EV มันไม่กินพลังงานมากนัก นอกจากแอร์ (และไฟส่องสว่าง) ส่วน Non-EV ยังไงตอนรถติดในเมืองก็กินอยู่ดี

แม้รถ ICE ที่ดับเครื่องเองตอนรถติด อย่างรถอีกคันที่มีแต่ไม่ได้บอกในโพสต์ ยี่ห้อเดียวกับภาพโปรไฟล์คุณเลย แต่ยังไงตอนรถสตาร์ทบ่อย ๆ ในเมือง อันนี้ก็เปลืองน้ำมันตอนสตาร์ทอยู่ดี สตาร์ทหนึ่งครั้งเท่ากับขับหนึ่งนาที

4. คิดหลายรูปแบบวันแล้ว ลองแม้กระทั่ง วิ่ง PHEV แล้ว Hold battery บนทางพิเศษ รถ PHEV ยังประหยัดกว่า ICE เบนซิน 25% กล่าวคือ เทียบแบบ headlightmag เลย ขับเฉลี่ย 110 กม./ชม. (ECU รถบอก) ICE กิน 12 กม./ล. ส่วน PHEV ถึง*ไม่ใช้*ไฟที่เก็บไว้ มันก็ชาร์จเพิ่มตอนชะลอ ทำให้ได้ 16 กม./ล.

นอกจากนี้ PHEV หลายคันจะสั่งชาร์จด้วยน้ำมันได้ ไม่ต้องจอดชาร์จ ก็จะเปลืองตอนชาร์จ แต่หลังจากนั้นประหยัดมาก เพราะหลังชาร์จ (ด้วยน้ำมัน) เวลาขับเร็วมันจะใช้น้ำมัน (ธรรมชาติระบบเครื่องเผาไหม้เหมาะกับความเร็วเกือบสูง) ขับช้ามันจะใช้ไฟฟ้า (ธรรมชาติระบบมอเตอร์เหมาะกับความเร็วกลาง)

ปล. คันที่มีตอนแบตเต็มขับกลับจากบางแสนมากทม. รถแบตจุ 40 กม. ผมได้ 25 กม./ล. (อย่าลืมบวกค่าไฟอีก 40 บาท) และถ้าขับไกลกว่านั้นไม่ต้องสั่งชาร์จเลย สามารถเลือกโหมดชาร์จตอด ๆ ตลอด (ไม่ชาร์จจนเต็ม)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2023, 20:47:58 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ รถจักรไอน้ำ

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,795
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 20:59:52 »
เดือนหน้าปลายเดือนผมก็น่าจะใช้ PHEV มาแล้วครบ 5 ปี (ถ้าจำไม่ผิด) ผมก็เห็นด้วยครับว่ามันคุ้มดี บางช่วงที่แทบไม่ได้ออกนอกเส้นทางลืมเรื่องการเติมน้ำมันไปเลยก็มีครับ

สำหรับคนที่ใช้ในเมืองเป็นหลัก ผมมองว่าคุ้มครับ ส่วนน้ำมันเอาไว้เผื่อการเดินทาง non-routine แค่นั้นครับ
Current cars:
2018 - Volvo XC60 T8 R-design (Stock)
2020 - Mercedes C43 Sedan FL (tuned)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79186.0)
2021 - BMW 530e M sport LCI (Stock)
(Review https://community.headlightmag.com/index.php?topic=79736.0)

ออฟไลน์ nobody123

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 21:08:18 »
ครับสมาชิกหลายท่านครับ

ขอเสริมว่า สหรัฐ ประเทศที่ญาติด้านนึงผมอยู่ครึ่งตระกูล
ซึ่งมีค่าแรงซ่อมรถแพงกว่าเรา รถยิ่งหรูยิ่งเสียเยอะยิ่งส่วนต่างค่าแรงซ่อมแพงกว่าบ้านเรา
แต่ในบางกรณีอาจพิจารณาหักล้างกับ ค่าอะไหล่นำเข้าถูกกว่าเรา 27.5% ได้ เช่น เครื่อง 800,000 บาท ถ้านำเข้าสหรัฐจะถูกกว่านำเข้าไทยประมาณ 218,000 บาท
และค่าพลังงานรูปแบบน้ำมันและไฟฟ้าเท่า ๆ บ้านเรา (ต่างกับหลายประเทศที่เทรนด์ราคาดังกล่าวต่างกันมากมาย)
มีองค์กรหลายองค์กรสำรวจรถจำนวนมาก พบแล้วว่า
"ค่าครอบครองรถ BEV = PHEV < HEV < ICE"

ทั้งนี้ การสำรวจไม่ได้เน้นว่า EV ต่าง ๆ นั้นเสียค่าเปลี่ยนแบตเองหรือไม่ หรือ แม้กระทั่งว่า เปลี่ยนแบตหรือไม่
กล่าวคือ เน้นใช้จ่ายทั้งหมดของคนใช้จริง ทั้งค่าซื้อรถ ค่าพลังงาน ค่าประกัน* ค่าซ่อมบำรุง อื่น ๆ ทั้งหมด ครับ

*ค่าประกันรถสหรัฐ แพงกว่าเราเป็นเท่าตัว แพงกว่ายุโรปด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2023, 21:27:04 โดย nobody123 »

ออฟไลน์ Odrecranon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 404
    • อีเมล์
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 21:41:08 »
ผมใช้ ICE กับ PHEV
เคยเช่าขับ HEV บ่อย ๆ ที่ตปท

ถ้าเอาแง่ cost-effectiveness กับค่าดูแลระยะยาว โดยไม่สนความสบายการใช้งาน ในไทย
ผมว่า Eco car ICE หรือ HEV คุ้มสุด

ICE
1. Eco-car/subcompact
    Mazda 2 1.3 ผมขับได้เฉลี่ย 18-19 km/l แบบผสม ถ้าในเมืองตก 16-17 km/l

2. Subcompact-compact
    ผมใช้ 1.8, 2.0, 2.0GDI, 1.5T, 2.0T
    ในเมือง 8-9 km/l นอกเมือง 12-14 km/l
    แทบไม่ต่างกันเลยครับ
    กลุ่มนี้ ผมมองว่าความสมดุลค่าดูแลรักษา ความสบายในการขับขี่ดีสุด

PHEV
- T8 battery จุ 18 kW
   ผมขับในเมือง แทบไม่ได้น้ำมัน
    1 kW ได้ประมาณ 3.5-4 km
   ผมแยกมิเตอร์ TOU
   ค่าดูแล 5 ปีไม่มี ระยะยาว

   ผมว่าค่าดูแลน่าจะตกปีละหมื่น อื่น ๆ ไม่แน่ใจ
   เทียบกับ Volvo คันก่อน ๆ จะแพงตอนปีที่ 6

HEV เช่าขับ
- Prius MK IV/V
  แบบผสม 25-28 km/l

ถ้าคิดราคาต่อ Km; Gasohol 95
Mazda 2  - 2 บาท
Compact ICE - 3-4 บาท
T8; Pure mode - 1 บาท

Prius - 1.5 บาท

เดือนหนึ่งผมขับรถ 2000-2500 Km
ถ้าขับแต่ PHEV เลยจะประหยัดกว่าขับ Compact ICE 4000-7500 บาท
ผมวน ๆ กันใช้ ค่าน้ำมัน+ตกเดือนละ 6-7 พันบาท

ส่วนตัวผมชอบใช้ ICE  มากกว่า มันให้ความรู้สึกว่าขับรถจริง ๆ
รถ EV มันเหมือนของเล่น ที่เปลี่ยนกระดองไปเรื่อย ๆ เหมือน ๆ กันหมด

ถ้าเอาคุ้ม ผมว่า Mazda 2 ดีสุด แลกกับความสบาย
ถ้าประหยัด และมีเงินดูแล - PHEV น่าสนในสุด ตอนนี้แบต 25 kW/hr ก็มีเพิ่มขึ้น รวมถึงออกต่างจังหวัด ก็ไม่ต้องมานั่งห่างการชาร์ตแบตเตอรี

ถ้าใช้ระยะยาว  ผมว่า HEV เช่น CRV จะเหมาะกับประเทศไทยมากที่สุดครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 20, 2023, 23:09:50 โดย Odrecranon »

ออฟไลน์ เหวินซิ่ว

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 144
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2023, 22:59:11 »
เอาเรตการกินน้ำมันสูงสุดมาเทียบผมว่าไม่ถูกต้องเท่าไหร่ ไม่ใช่ทุกคนจะใช้รถในสภาวะนี้ เพราะถ้าเทียบกับรถไฮบริดก็เติมได้แต่น้ำมันเหมือนกัน วิ่งในสภาพรถติดๆ ก็ยังได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยกิโลเมตรละ 2.20 บาท จะเหลือส่วนต่างกับรถที่ใช้ไฟฟ้าแค่กิโลเมตรละ 1.20 บาท เท่านั้นเอง

ออฟไลน์ nobody123

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
Re: ค่าพลังงาน ICE กับ PHEV ในเมือง
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2023, 02:09:39 »
ตอบสองความเห็นก่อนหน้า

1. ความเห็นบน ผู้เขียนก็พอเห็นด้วย เพราะว่า บางการวิจัยก็บอกว่า HEV (ไม่ใช่ B/PH-EV) นี่แหละ โดยรวมหลายประเภทรถ ตอนนี้ ประหยัดค่าใช้จ่ายสุด
https://www.anl.gov/article/argonne-study-on-costs-and-benefits-of-new-transportation-technologies-the-most-comprehensive-to?fbclid=IwAR2Xk0w9mDKyZXHwQNCEGR-tmWwKHAARPltEvNGwMms6c_b4roYvoRzkQJk

ข้อมูลด้านบนได้มาจากการที่ผู้เขียนพึ่งเข้าไป (พัก) Argonne lab. ที่มีอุปกรณ์ทดสอบแบตที่ครอบคลุมที่สุดในโลกมา

แต่พอเทียบกับข้อมูลการประมาณการจากเว็บด้านบน กับที่ Consumer Reports สหรัฐสำรวจจริง หรือ รัฐบาลสหรัฐสำรวจรถของรัฐ *ไม่ใช่* HEV ที่ประหยัดค่าใช้จ่ายสุดครับ กล่าวคือ จากสองแหล่งหลัง
1.1 ถ้าเจ้าของรถใช้รถส่วนตัว BEV = PHEV ประหยัดสุด
1.2 ถ้ารัฐแทงจำหน่ายเมื่อถึงอายุนึง โดยไม่เปลี่ยนแบต จะพบว่า BEV ประหยัดค่าใช้จ่ายสุด

2. ความเห็นล่าง ผู้เขียนก็พอเห็นด้วยว่า สองคันที่ระบุในโพสต์หลัก ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีที่สุด แต่เลือกเทียบสองคันนี้เพราะ Power-to-weight ratio (ของส่วนขับเคลื่อนล้อหลัง) เท่ากัน (ผมมีอีกคันที่ขนาดเครื่อง ICE เล็กกว่า ลดลูกสูบลงครึ่งนึงตอนความเร็วคงที่ด้วย คันที่สามนี้ก็ประหยัดขึ้นครับ)

HEV ที่ทำงานให้ลองขับสัปดาห์นึงก่อนตัดสินใจซื้อ ขนาด Full-size ใหญ่กว่าสองคันในโพสต์หลัก ในเมือง มันใช้น้ำมันอยู่ดี ซึ่งดีกว่า ICE ก็จริง แต่ต่างกับ PHEV หรือ BEV ที่ชาร์จจากบ้านได้ ผู้เขียนพบว่าค่าพลังงานต่างกับ EV เยอะครับ ถนนที่ผู้เขียนขับ ไม่ใช่บาทกว่าต่อกม.ดังคุณประสบ (เราน่าจะขับรถคนละขนาด หรือ ถนนคนละเส้นกัน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 11, 2023, 09:46:45 โดย nobody123 »