ต้นทุนการผลิตรถกระบะทั้ง 2 กับ 4 ประตู เทียบกับ เก๋ง B และ C segment ครับ

eddie

ช่วงนี้มีคนพูดถึงกระบะใหม่ที่จะเปิดตัวบ่อยๆ เลยสงสัยว่าจริงๆต้นทุนหน้าโรงงานที่ใช้สร้างรถกระบะพวกนี้มันพอๆกับรถเก๋ง B และ C Segment ที่ราคาพอๆกันหรือเปล่าครับ ถ้ายังไม่นับโครงสร้างภาษี  เพราะรู้สึกเหมือนกับว่ารถกระบะเดี๋ยวนี้ใช้เครื่องดีเซลไฮเทค 2.2-3.2 ลิตร ซึ่งดูเหมือนต้นทุนไม่น่าจะถูกกว่าเครื่อง 1.5 -2.0 ลิตร เบนซินหรือ 2.0 ลิตรดีเซลของเก๋งที่ราคาพอกัน เกียร์ก็ไม่ได้ล้าสมัย วัสดุภายในห้องโดยสารก็ไม่ต่างกับเก๋งที่ราคาพอกันนัก ออพชั่นก็พอๆกัน แถมรุ่นขับสี่ยังมีเกียร์เพิ่มมาอีกชุดด้วย เหล็กก็น่าจะใช้มากกว่ารถเก๋งที่ราคาพอกัน ที่ราคาขายมันพอกันนี่เพราะรถเก๋งเสียภาษีมากกว่า หรือรถเก๋งมีกำไรต่อหน่วยมากกว่า หรือต้นทุนหน้าโรงงานมันพอๆกันจริงๆครับ ใครรู้ช่วยตอบด้วย



CivicExcites

มีคนใกล้ตัวบางคนที่ใกล้ชิดกับโรงงานกระบะหรือเปล่าครับ
ถามเค้าได้ ถ้าเป็นแผนกที่เกี่ยวข้องโดยตรงนี่ก็กระจ่างแน่ๆ



prai

ต้นทุนกระบะมาสูงครับ สูงกว่า B,C Segment
ที่ทำราคาได้พอกันน่าจะมาจากฐานภาษีด้วยส่วนนึง
แต่กำไรนี่ผมไม่ทราบครับ



J!MMY

เอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ

1. ต้นทุน B-Segment จะถูกกว่า C-Segment แค่เพียงนิดหน่อยเท่านั้น
ว่ากันเป็นรุ่นๆ ไป ไม่ตายตัว แต่ ราคาขาย ของ C-Segment จะต้อง
ทิ้งช่วงจาก B-Segment ไปพอสมควร เพราะ ในเมื่อ B เน้นขายราคาถูกกว่า
แต่ ขอยอดขายต่อหน่วยเยอะกว่า เพื่อให้ได้กำไรต่อคัน พอกันกับ C-Segment
ซึ่งมีราคาสูงกว่า ปริมาณรถขายได้น้อยกว่า แต่กำไรต่อคัน เยอะกว่านิดหน่อย

2. ต้นทุนรถกระบะทุกยี่ห้อในไทย ราคาสูงกว่ารถ B-Segment นิดหน่อย

ยกเว้นรายเดียวคือ Toyota Hilux Vigo ที่ถึงแม้ว่า จะลงทุนไปเยอะ
แต่ ด้วยปริมาณการผลิตมหาศาล ทำให้ ต้นทุนต่อคัน ลดต่ำลง ไปได้มาก
และสามารถทำกำไรต่อคัน ได้เยอะขึ้น ครับ



YIM

เออ ไม่เคยคิดถึงเลย ต้องขอบคุณจขกท. และพี่ Jimmy ครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



T1k




XL_SiZe

คลายข้อสงสัยได้มากครับ

เพราะสงสัยเหมือนกันว่ารถกะบะมันถูกกว่าจริงหรือ
หรือเป็นเพราะภาษีเท่านั้น

เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ได้ซื้อรถในราคาจริง เราซื้อสิทธิ์การใช้คือภาษีมากกว่า..



J!MMY

คลายข้อสงสัยได้มากครับ

เพราะสงสัยเหมือนกันว่ารถกะบะมันถูกกว่าจริงหรือ
หรือเป็นเพราะภาษีเท่านั้น

เพราะฉะนั้น เราก็ไม่ได้ซื้อรถในราคาจริง เราซื้อสิทธิ์การใช้คือภาษีมากกว่า..

ถึงได้พยายามบอกมาตลอดไงครับว่า ทุกวันนี้ ที่รถในบ้านเรามันแพงหนะ
กำไรจากคนขาย ยังไม่มากเท่ากับภาษีที่ต้องจ่ายเข้ารัฐบาลไป

ซึ่งสุดท้าย ภาษีตรงนี้ ไปอยู่ในกระเป๋ากระทรงการคลัง กันเต็มๆ



eddie

เท่าที่สรุปจากที่คุณจิมมี่อธิบาย แสดงว่าต้นทุนที่แท้จริงของกระบะ มันก็พอๆกับเก๋ง C segment ใ่ช่ไหมครับ เพราะต่างก็แพงกว่าB segment นิดหน่อย อยากรบกวนถามเพิ่มเติม 2 ประเด็นครับ 1.ถ้าต้นทุนพอกัน แปลว่ารถกระบะใช้ทุนหนักไปทางเครื่อง เกียร์ แต่เก๋งหนักไปทาง โครงสร้าง ระบบอิเล็กโทรนิคส์ต่างๆ ระบบเบรค ช่วงล่าง เหรอครับ 2.หรือที่ต้นทุนต่อหน่วยใกล้กันเพราะกระบะผลิตแมสกว่าครับ



J!MMY

โดยเฉลี่ยนะครับ

เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง มีราคา 30% จากราคารถ "หน้าโชว์รูม" จะเป็นเก๋ง หรือกระบะ โดยประมาณครับ

เช่น เมื่อ ปี 1996 ที่ Honda City 1.3 ออกมาใหม่ๆ ราคา 3 แสนปลายๆ 4 แสนต้นๆ เป็นราคาปลีก

ต้นทุนที่ได้ยินมา ไม่ยืนยัน
ค่าตัวถัง และโครงสร้างทั้งหมดหนะ ราวๆ 8 หมื่นบาท
เครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง มีราวๆ 4-5 หมื่นบาท
ต้นทุน ดูเหมือนจะมีแค่ 130,000 บาทใช่ไหมครับ?
เปล่าเลย ยังมีต้นทุนเรื่องการจัดการ เรื่องการรับประกัน (คันละไม่กี่หมื่นบาท บวกเข้าไป)
ต้นทุนด้านการขนส่ง Logistic ค่าโฆษณา กำไรซึ่งบริษัทรถเองก็สมควรจะต้องได้รับ
ในสัดส่วนที่เหมาะสม (มีสูตรคำนวนพวกนี้อยู่ แต่เราไม่มีทางรู้ครับ)
ฯลฯ ค่าโน่นนี่นั่น และที่สำคัญคือ ภาษีสรรพสามิต มันเลยทำให้ราคาออกมาดูแพงไงครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 22, 2011, 12:55:52 โดย J!MMY »



Valkilrey

อย่างน้อยถึงแม้ว่าราคารถในไทยจะแพง แต่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องถูกกว่าประเทศ USA ค่อนข้างมากเท่าที่ได้ยินมา ทั้งภาษีประจำปี เบี้ยประกันภัย ค่าจอดรถ ค่าบำรุงรักษา ค่าแต่งรถ ฯลฯ



mothsan

จากที่กล่าวมา ว่าต้นทุนรถุกระบะสูงกว่า B segment  แต่ตำกว่า C-segment เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่ารถกระบะเสียภาษีเท่า C-segement ก็จะทำให้
รถกระบะราคาถูกกว่า C-segment  คร่าวๆก็
  Cost / Unit (  B-segment < Pickup  < C-segment ) ---- Same Excise tax ---> Sale price/ unit ( B-segment < Pickup cos< C-segment )

แต่เนื่องจาก ภาษีระกระบะ ถูกกว่า ภาษีรถเก่งมาก ๆ เพราะฉะนั้น ราคาควรจะเป็นประมาณนี้
 Cost / Unit (  B-segment < Pickup  < C-segment ) ----Diff Excise tax ---> Sale price/ unit ( B-segment = Pickup < C-segment )

แต่ทำไมราคาในตลาด มันเป็นแบบนี้ละครับ
                                                                            [Sale price/ unit  ( B-segment < Pickup cost-unit  =C-segment  )


น่าจะแสดงว่ารถกระบะ ขายมีกำไรมากกว่า รถ B & C segment มากละสิครับ ทำไมละครับ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 22, 2011, 17:17:28 โดย mothsan »



J!MMY

ดูดีๆนะครับ
รถกระบะ ทุกวันนี้ ราคา เท่ากับ รุ่นถูกสุด ของ B-Segment จนถึง รุ่นรองท็อปของ C-Segment
หรือว่าง่ายๆคือ 4.5 แสน - 9.8 แสน บาท อยู่ในช่วงนี้กันครับ



YenChar

ขอมองต่างมุมบ้าง

รถกระบะ ได้ความทนทานที่มากกว่า
อายุการใ้ช้งานที่ประเมินแล้ว นานกว่ารถเก๋งโดยทั่วๆไป

หัวหน้าผมเคยเอาเรื่องรถกระบะกับรถเก๋งไปคุยกัน
เรื่องค่าเสื่อม เทียบกับรถเก๋ง
สรุปแล้วเป็นตัวเลขไม่ได้ แต่การใช้งานจริงแล้วคาดว่า
รถกระบะจะมีต้นทุนสูงกว่าครับ



eddie

ถามเสริมนิดนึงนะครับว่า จริงๆต้นทุนหน้าโรงงานของ รถพวก PPV กับ SUV ของแท้นี่มันจะต่างกันเกินเท่าตัวมั้ยครับ เช่น Fortuner กับ Prado หรือ Pajero Sport กับ Shogun น่ะครับ