สวัสดีสมาชิก HLM ทุกคนครับ ผมเป็นสมาชิก web นี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ส่วนใหญ่จะอ่าน นาน ๆ จะ Post ครับ ผมเลยรู้สึกว่า ควรจะแบ่งปัน ตอบแทนให้กับ web บ้าง
จุดประกายที่ให้ผมทำ Review รถคันนี้ คือ Review ก่อนหน้าผม คือ Soluna ของน้อง อันตัวข้าฯนี้มีนามว่า"หมู" ซึ่งผมได้เปิดอ่านตอนเช้า ผมเลยคิดว่าในเมื่อรถจอดอยู่หน้าบ้านแค่นี้ ทำไมไม่ทำหละ ผมก็เลยจัดภารกิจด่วนในการทำ Review Nissan NV AD Resort คันนี้ให้เสร็จก่อนต้องกลับไปทำงานพรุ่งนี้ ดังนั้นจึงต้องขออภัยเรื่องรูปด้วยนะครับ เพราะแดดวันนี้แรงมาก รถยังไม่ได้ล้าง ไม่ได้ออกไปหา Location สวย ๆ รถเลยดูเก่าไปหน่อย ที่สำคัญคือเร่งทำมากครับ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง ข้อมูลอาจไม่ละเอียด มีพิมพ์ผิดบ้าง ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วยนะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกครับว่ารถคันนี้ แม่ผมหลังเริ่มเปิดขายรุ่นนี้ได้ 1 ปี เหตุผลที่แม่ผมซื้อ เพราะต้องไปส่งผมและน้องไปโรงเรียน ความพยายามของแม่ผม ทำให้ผมประทับใจมาก เพราะนอกจากแม่ผมต้องไปเรียนขับรถ ไปเลือกรถ ไปซื้อและรับรถเอง แม่ยังรับส่งผมกับน้องจนจบ ม.6 หลังจากนั้นพอผมเรียนต่อ รถคันนี้จึงตกมาเป็นของผม
Nissan NV ตัวถัง Wagon(Y10) ขายในชื่อรุ่น NV AD Resort ในช่วงเปิดตัวกันยายนปี 1993 มี 2 รุ่นหลักคือ 1.6 SLX และ 1.6 SGX ราคา 419,000 และ 469,000 ตามลำดับ ดูจากภายนอกง่าย ๆ นะครับ รุ่น SGX จะมีราวหลังคา ที่ปัดน้ำฝนหลัง ฝาครอบล้อ 13 นิ้ว ส่วน SLX ที่เป็นชัดคือกันชนหน้หลัง จะเป็นสีดำ ภายในต่างกันเรื่องตัวปรับเบาะหลัง ทั้งสองรุ่นเชื่อมต่อเข้ากับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ต่อมาในปี 1995 เพิ่มรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ขายในราคา 489,000 หลังจากนั้นมีการปรับราคาเพิ่มอีกรุ่นละ 20,000 บาท เนื่องจากราคาตัวรถถือว่าแพงเมื่อเทียบกับขนาดในขณะนั้น Nissan จึงได้ยกเลิกตัวถัง Wagon ไปปลายปี 1996 และขายตัวกระบะแทน
ขนาดตัวถังรุ่นนี้อยู่ในระดับ Subcompact ระยะฐานล้อ 2470 มม. กว้าง 1665 มม. ยาว 4255 มม. สูง 1384 มม. ด้วยตัวรถที่ค่อนข้างเตี้ยทำให้รู้สึกว่ารถดูยาวพอสมควร แต่ขนาดจริงใกล้เคียงกับ Tiida 5 Drs.
ส่วนท้ายของรถตัดตรง ทำให้ถอยจอดได้ง่าย ไม่ต้องพึ่งเซนเซอร์ถอยหลังเลยครับ
ฝาครอบล้ออันเก่ามันหลุดไปข้างหนึ่ง ผมเลยไปหาซื้ออันใหม่มาใส่ แต่มันดูไม่เข้ากับรถครับ ผมชอบลายเก่ามากกว่า ที่สำคัญล้างง่ายมาก ๆ ส่วนต่อไปคือประตูหน้า เปิดได้ค่อนข้างกว้าง ประมาณ 70 องศา แต่ไม่มีจังหวะนะครับ ถ้าเกิดจอดที่ลาด ต้องถึงไว้ตลอด ตัวประตูค่อนข้างบาง(รู้สึกว่าเป็นกระดาษอัด) เป็นเหตุผลที่ในรถดูไม่ได้แคบกับรถ B-Segmentที่ขายในตอนนี้
ด้วยความที่ฐานล้อค่อนข้างสั้น ทำให้พื้นที่เบาะหลังค่อนข้างน้อย ประตูเปิดได้กว้างพอ ๆ กันด้านหน้า แต่ผมก็ไม่เคยหัวกระแทกกับตัวรถเลยนะครับ เวลาเข้าออก
จะสังเกตว่าส่วนหนึ่งที่พื้นที่วางขาน้อยเพราะตัวเบาะวางอยู่หน้าล้อหลัง เพื่อให้เบาะพับราบได้เสมอกัน ซึ่งรถสมัยนี้ถ้าเป็นช่วงล่าง Torsion Beam ส่วนใหญ่เขาจะวางตัวเบาะไปบทล้อหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่ และความสูงเบาะ แต่เบาะมันจะไปราบเสมอกัน ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ Tiida เช่นเคยนะครับ
ภายในรถ ตกแต่งเรียบง่าย วิทยุเทปของ Aiwa พร้อมช่อง Aux ผมใช้ต่อกับ Ipod ประจำ เสียงที่ได้จากลำโพงคู่หน้า เน้นไปทางแหลม ซึ่งผมชอบฟังแนวนี้อยู่แล้ว ไม่ค่อยเน้นเบส ผมว่ามันก็ดีนะครับ เพราะหากเน้นเบสจริง ๆ หาไม่ได้เลย ยี่งกว่า Teana อีกนะครับ ส่วนเบาะหน้าค่อนข้างเตี้ย ผมรู้สึกว่ามันคล้าย ๆ กับ Mazda 3 แต่ตัวเบาะกระชับดี นั่งนาน ๆ เมื่อยพอควร
สวิตซ์อื่น ๆ คือไฟฉุกเฉิน ตัดหมอกหลัง และแอร์ ซึ่งผมว่าเย็นเร็วมาก ๆ เปิดพัดลมเบอร์หนึ่งก็หนาวแล้ว
มาตรวัดอ่านงายดี ขนาดเล็กพอ ๆ กัน Nissan Navara มีเกย์น้ำมัน และเกย์วัดความร้อน ซึ่งรุ่น SLX ไม่มี ตอนกลางคืน จะมีไฟสีขาวส่อง อ่านง่ายชัดเจน
กระจกมองข้างเป็นแกนบิดด้านใน เวลาปรับจะยากนิดนึงต้องโยกตัวไปมาให้มันพอดี แต่ผมขับคนเดียวเลยไม่มีปัญหาครับ จะเห็นว่ารถ ไม่มีระบบ Auto ใด ๆ เลยนะครับ ซึ่งเท่าที่ผมใช้ก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรกับมัน ดีซะอีก เพราะไม่ต้องเสียค่าซ่อมบำรุงจุดนี้เลย
มาดูเบาะหลังจะเห็นว่าค่อนข้างสั้น ผมว่าพอ ๆ กัน Nissan March แต่ก็นั่งสบายดีในเมือง พื้นที่ศีรษะโปร่งสบาย เป็นหน้ารถชัดเจน เบาะปรับเอนได้อีก 3 จังหวะ สภาพเกือบนอนเลยครับ จะเห็นตัวปรับเบาะอยู่ตรงซุ้มล้อใช้วิธีกับยกขึ้นเหมือนปรับเบาะหน้า
อันนี้เป็นพื้นที่วางขานะครับ ตัวผมสูง 170 กว่า ที่วางขาเหลืออีก 1 ฝ่ามือจะติดเบาะหน้า
จุดนี้เองที่ทำให้แม่ตัดสินใจซื้อรถรุ่นนี้ เพราะที่วางของ ใส่ต้นไม้ได้ แม่ผมชอบปลูกต้นไม้มาก จะเห็นได้จากรูปทั้งหมด ว่ามีแต่ต้นไม้กับดอกไม้ เรื่องเบาะก็เหมือนกันครับ แม่ผมชอบผ้าลูกไม้ติดตั้งแต่ซื้อรถมาเลย ตอนยกให้ผม ผมก็ไม่คิดเอาออกหรอกครับ เพื่อนผมแซวตลอด แต่ผมก็อยากเก็บความทรงจำตั้งแต่เด็ก ๆ ของผมไว้อย่างนั้น
เบาะปรับแยกได้ 70:30 ราบประมาณ 170 องศานะครับ
ถ้าพับราบยาวเลย ผมขนจักรยาน ได้ 1 คันสบาย ๆ
ทรรศนวิสัยรอบคับโปร่งมาก ด้วยความที่ไหล่รถค่อนข้างต่ำ กระจกกว้างรอบคับ เสาประตูบาง ไม่มีปัญหาเลยการขับซอกแซกในเมือง การเปลี่ยนเลน หรือ U-turn เลย
เครื่องยนต์เป็นแบบคาบูเรเตอร์ รหัส GA16DS 16 valves DOHC กำลัง 95 แรงม้า ส่วนแรงบิดผมพยายามหาแล้วแต่ไม่เจอครับ (ใครรู้ช่วยบอกด้วยนะครับ) เชื่อมต่อกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวัด ไม่ทราบอัตราทดเช่นกัน การขับขี่แทบจะทั้งหมดผมขับในเมืองครับ ขับทางไกลสุดประมาณ 40 กิโลเมตร อัตราเร่งในเมืองจะอืดในช่วงเกียร์ 1 หลังจากนั้นก็ไปสบาย ๆ เหยียบคันเร่งรู้สึกว่ารถพุ่งไปอย่างรวดเร็ว เทียบกับ Focus 1.8 ที่ผมใช้รู้สึกว่าช่วง 40 80 พอ ๆ กัน ความเร็วสูงสุดผมไม่เคยทำนะครับที่เร็วสุดที่ขับคือ 110 เพราะกลัวรถจะไปก่อน อัตราเร่งผมว่าดีนะครับ สำหรับผม ปกติผมเป็นคนขับไปเรื่อย ๆ อยู่แล้ว ไม่เร่งแซง ผมก็เลยไม่มีปัญหากับทั้ง NV หรือ Focus 1.8
ช่วงล่างด้านหน้าเป็น McPherson Strut ด้านหลังเป็น Torsion Beam เหมือน Sub-Compact ทั่วไป ขับในเมืองผ่านลูกระนาด ค่อนข้างกระด้าง แม้ยางแก้มหนา 175/70R13 เปลี่ยนยางยังไงก็เหมือนเดิมครับ ส่วนเรื่องเบรก หน้าดิสก์ หลังดรัม เบรกไว้ใจได้ดีครับ หน้าทิ่ม ตามแบบรถญี่ปุ่นเก่า ๆ แต่ถ้าฉุกเฉินก็เอาอยู่ทุกครั้ง
พวงมาลัยผมว่ามันเบาไป เบาหวิวจริง ๆ ครับ แต่ไม่เท่า Ford Fiesta นะครับ แต่ของ NV มันไม่ได้มีปรับความหนืดตามความเร็ว เวลาขับ 100 เปลี่ยนเลน ก็มีโหวง ๆ บ้าง ถ้าเทียบกัน Focus แล้วเทียบไม่ติดเลยครับ
เรื่องอัตรากินน้ำมัน ผมใช้ Gasohol 95 ในเมืองประมาณ 8 9 กิโลเมตรต่อลิตร นอกเมือง 9 10 กิโลเมตรต่อลิตร ผมว่านอกเมืองกินมาก เห็นเข็มน้ำมันลงจริง ๆ แต่ผมเข้าใจว่ารถมันเก่ามา เครื่องคาร์บูเรเตอร์ มันก็ดูสมเหตุสมผลดี
ตลอดเวลา 17 ปีที่ใช้รถมา เท่าที่เริ่มสนใจเรื่องรถยนต์ เอาไปซ่อมตามอู่เอง ก็ตอนรถอายุได้ 10 ปี ผมจะเอารถเข้าตรวจทุก 6 เดือนมาตลอด ไม่เคยต้องเปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหญ่ ๆ เลย
ส่วนมากเป็นพวกลูกยางทั่วไป และน้ำมันเครื่องกับกรองอากาศเท่านั้น เฉลี่ยปีละประมาณ 2000 บาท อะไหล่เท่าที่ทราบหาไม่ยากครับ ตามเซียงกงมีเยอะ อาศัยถามจากช่างที่ซ๋อมมา
ปัญหาที่หนักสุดเท่าที่ถามแม่มา คือหม้อน้ำ แต่มันเป็นคนประมาทเอง ที่ไม่ได้เติมน้ำหน้าหม้อรถ
อีกเรื่องนึงคือหลังคาเป็นสนิม เป็นเยอะมากครับ ปูดทั่วเลย เพิ่งเปลี่ยนหลังคาใหม่มา ตอนช่วงเดือนมีนา เปลี่ยนทั้งแผ่น ค่าใช้จ่าย 18000 บาท
ที่จริงผมว่ารถไม่จุกจิกอะไรเลย ไม่เคยเครื่องดับหรือสตาร์ทไม่ติด ไม่มีเสียงก๊อก ๆ เวลาวิ่ง อาจเป็นเพราะรถขับในเมืองครับ
ข้อดีของรถ
- รูปลักษณ์ธรรมดา ดูได้นาน
- ทัศนวิสัยดี เหมาะกับขับในเมือง หาที่จอดง่าย
- การที่ไม่มีระบบไฟฟ้าในรถ มันก็ไม่สร้างปัญหาให้เราเยอะ
- การซ่อมบำรุงไม่จุกจิก
จุดปรับปรุง (คงทำอะไรกับมันไม่ได้แล้วนะครับ)
- อัตราการกินน้ำมัน
- พวงมาลัยเบาเกินไป
สุดท้ายต้องขอบคุณสมาชิกทุกคนที่เข้ามาอ่าน และแชร์ความเห็นกันนะครับ ผมไม่เคยคิดจะขายรถคันนี้เลย รถคันนี้ถูกส่งต่อจากผมไปให้น้องเมื่อปีที่แล้ว เป็นรถเกียร์ธรรมดาคันแรกที่ทุกคนในบ้านได้ขับ ผมตั้งใจว่าจะปรับปรุงตัวรถไปเรื่อง ๆ ตั้งแต่เปลี่ยนเครื่องเป็น GA16DE ทำสีใหม่ทั้งคัน(สีเดิม) เปลี่ยนวิทยุ-ลำโพง ทุกวันนี้ผมรักมันมาก แม้ผมจะเปลี่ยนรถมาแล้ว 2 คัน ทุกครั้งที่ขับ ผมก็มีความสุข
คันต่อไป Focus 1.8l 4Dsr VS Focus 2.0l 5Drs
เร็ว ๆ นี้หากมีข้อมูลที่ผิดพลาด หรือ ต้องการข้อมูล บอกได้เลยนะครับ ผมยินดี
ขอสงวนสิทธิ์ทั้งภาพและเนื้อหาทั้งหมด ให้เป็นของ Headlightmag ตั้งแต่บทความดังกล่าวได้รับการเผยแพร่