ตอบแบบคนจบการตลาดแล้วกันนะครับ ถ้าไม่ถูกต้องก็ขออภัย
การที่มีหลายๆแบรนด์นั้นเค้าเน้นทำตลาดกันคนละแบบครับ ซึ่งในที่นี้ก็อาจจะหมายถึงคนละท้องที่ด้วยเช่นกัน ทั้งสองแบรนด์ Skoda และ Seat จัดเป็นแบรนด์ท้องถิ่นของเชคฯและสเปนที่ทำยอดขายในบ้านตัวเองได้ดี (แม้หลังๆ Seat จะเป๋ไปเยอะ) และมีการส่งออกขายไปที่อื่นด้วย เครือ VW จึงเทคโอเวอร์เอาไว้เพื่อนำเอาเทคโนโลยีตัวเองไปขายในบ้านเขาได้ครับ (และได้อีกทอดในการไปขายยังตลาดที่คนนิยมสองยี่ห้อนี้ที่อื่น นอกบ้านเกิดด้วย) มันจะง่ายกว่าการเข้าไปปักหลักสร้างแบรนด์ VW ขึ้นมาใหม่หมด ซึ่งเสียต้นทุนสูงกว่าครับ (และลดความเสี่ยงเรื่องถ้าหาก VW มีข่าวเสียหาย มันจะไม่กระทบมากเหมือนตอนโตโยต้ารีคอล 8-9 ล้านคันทั่วโลกแล้วทำให้ยอดขายตกหมด เพราะทุกคนมองโตโยต้าเป็นแบรนด์เดียว แต่กับ VW เค้ามีหลายแบรนด์ ผู้บริโภคหลายครั้งก็ไม่ทราบครับว่า Skoda Seat คือ VW)
เมื่อตลาดกว้างมากขึ้น เวลาที่ VW จะพัฒนาเครื่องยนต์มาใช้สักเครื่อง จึงมีต้นทุนถูกลง เพราะผลิตทีนึงใช้ได้หลายคัน ขายได้หลายที่ หรือที่เขาเรียกว่า Economy of Scale นั่นเอง (คือผลิตอะไรมากๆ ต้นทุนต่อหน่วยจะลดลงเมื่อเทียบกับการผลิตจำนวนน้อย)
แล้วถามว่ามันจะไม่ไปตีตลาดกับรถของ VW เองหรือ? เขาก็เลยเน้นทำ positioning ให้ไม่เหมือนกัน คือวางตำแหน่งเอาไว้ต่างกันครับ อย่าง Skoda ก็จะราคาต่ำกว่าโฟล์ค และให้ข้าวของมาไม่ถึงกับดีเท่ากัน แบบนี้เป็นต้น ก็เอามาไว้สกัดแบรนด์อื่นๆที่เขาเน้นขายรถราคาถูกทั้งหลาย แบบนี้น่ะครับ
การมีหลายๆแบรนด์ทั้งๆที่เป็นสินค้าเดียวกันมีให้เห็นเยอะครับ คุณลองนับดูสิว่า แชมพูของยูนิลีเวอร์มีกี่ยี่ห้อในบ้านเรา?
Sunsilk Dove Clear เท่าที่ผมนึกออก จะเห็นว่าแต่ละแบรนด์ที่พูดมา ก็จับตลาดคนละกลุ่มกัน Sunsilk เป็นแชมพูเพื่อความงาม Dove เน้นการบำรุงและรักษาสภาพเส้นผมที่เสีย Clear เป็นแชมพูที่ป้องกันรังแคได้ และหลังๆก็เริ่มนำเสนอประโยชน์ด้านความงามของเส้นผมและสุขภาพหนังศรีษะเพิ่มเข้ามา
หวังว่าจะช่วยให้เข้าใจเรื่องของการทำ Branding & Positioning เพิ่มขึ้นนะครับ