จะมาเตือนว่า
เขาต่อยมา ก็แปลว่า คนที่ต่อย ถ่อยแล้ว แล้วคุณต่อยกลับ มันถ่อยมั้ยล่ะครับ แล้วอ้างว่า เป็นลูกผู้ชายยังงั้นยังงี้...
ถามจริงเหอะ เขาถ่อยมา แล้วทำไมคุณต้องถ่อยกลับ??? (ไม่ได้ว่า จขกท นะครับ เป็นเรื่องสมมุติ)
อีกเรื่อง ที่อยากมาเตือนกัน เจ้ากรรมนายเวร ที่หนักที่สุด และแรงที่สุด คือคนในครอบครัว (หรือ พ่อ แม่ นั้นเอง) ถ้าคุณ เถียงเขา ด่าเขา ก็บาป หนักแล้ว บาปมันไม่มีข้ออ้างนะครับ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม!
วิธีป้องกัน ถ้าคิดว่าเริ่มมีเรื่องแล้ว ให้รีบเดินหนีไป รอให้ใจเย็นๆกันก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน
ส่วนเคสนี้ ก็เขาเป็นยังงั้น ยังไงๆผมว่าไม่สามารถไปเปลี่ยนเขาได้หรอกครับ (ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ ดัดยาก ) ขืนไปว่าเขาว่าต้องทำยังงั้น อย่างงี้ มีหวังได้ ทะเลาะกันบ้านแตกแน่ๆ เคสนี้ ถ้า จขกท ทนไม่ได้ ผมว่า ก็ไม่ต้องไปคบ เขาหรอกครับตัดขาดกันไปเลย อาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดก็ได้ครับ
ปล.ทุกอย่างที่ผมพิมพ์มาจะความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ
ตามอ่านมาเงียบๆ เม้นนี้ล่ะครับวุฒิภาวะดีที่สุด
อยากจะบอกว่าชีวิตคนเรา ไม่ว่าจะเรื่องอะไรใดๆก็ตาม
สุดท้ายมันก็วัดกันที่Outputเท่านั้นครับ คนเราดูกันที่เท่านั้นจริงๆ
คุณจะทำตัวดี ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคมเพียงใด
แต่ถ้า"เสียง"คุณไม่ดังพอใน"บริบท"นั้นๆ เค้าก็ไม่ฟังคุณหรอกครับ
ผมไม่ได้พูดเพื่อให้ผู้คนบูชาวัตถุนิยมนะครับ แต่มันเป็นความเป็นจริงของโลกทุกวันนี้
หวังว่าคงจะพอเข้าใจนะครับว่า "เสียง และ "บริบท" ที่ผมเปรียบเปรย มันแทนถึงอะไรได้บ้าง
ดังนั้น การจะแก้ปัญหาเรื่องที่คุณมีลุงนิสัยไม่ไหวจะเคลียร์ หรือปัญหาสะสมจากญาติฝ่ายแม่ที่มันมีมานาน
คุณก็ควรจะเลิกใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แล้วมองให้ไกลๆครับ
อย่าเก็บเรื่องพวกนี้มาเป็นอารมณ์เฉพาะหน้า แต่ใช้เรื่องพวกนี้ให้เป็นแรงผลักดันที่จะพาชีวิตคุณไปข้างหน้าดีกว่า
สร้างเนื้อสร้างตัว ให้มี"เสียง"ให้ดังๆเข้าไว้ วันใดที่"เสียง"คุณดังกว่าใครๆ หน้าไหนๆในตระกูลก็จะยำเกรงคุณทั้งนั้น
อาจจะตอบวกวนและไม่ค่อยตรงคำถามเท่าไหร่นะครับ
แต่ก็เอาใจช่วย และขอชื่นชมครับว่าวันนี้ คุณเลือกถูกแล้วที่คุณใจเย็นได้ขนาดนี้
.-_-.