ผู้เขียน หัวข้อ: จะดีหรือไม่ครับที่จะเอา LancerEX 1.8/Ford Focus 2.0Duratec มาเป็นรถบริษัทครับ  (อ่าน 7113 ครั้ง)

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,307
สืบเนื่องจากกระทู้รถบริษัททั้ง2คันนะครับผม ^^
ตอนนี้ติดที่อยู่ที่รถเลขา อะสิครับ
จริงๆขับขี่แต่ในเมืองเป็นหลักครับผม เห็นใช้ E85 ได้ก็เลยน่าสนครับ   พร้อมกับประกัน 5ปี จึงเห็นค่อนข้างหน้าสนใจครับ

แต่ก็ติดที่ CVT นี่แหละครับว่าจะดีในระยะยาวหรือไม่นะครับ  เจ้าของรถขับรถค่อนข้างช้าครับ อย่างมากก็ 120 KM/H ครับ
แต่คุณพ่ออยากได้รถที่ใหญ่หน่อยอะครับกลุ่ม Vios Jazz City Fiesta จึงตัดไปก่อนอะครับ

หรือไม่ก็กำลังดู Focus 2.0Duratec ที่อยู่ใน Branner ของ web HLM อะครับ ราคาค่อนข้าง ok ครับ 849,000บาท พร้อมประกัน1st
แต่ติดที่เคยได้ยินจากพี่ Jimmy อะครับว่า Benzine ค่อนข้างอืด และกินน้ำมันพอควร  เลยกำลังลังเลอยู่ครับผม

ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2011, 22:43:03 โดย varit7530 »

ออฟไลน์ comet1123

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 277
ถ้าถามว่าตัวรถมันก็ดีแหละคับแต่เป็นรถบริษัท
ฉะนั้นก็คงต้องเป็นเราที่ต้องออกค่าใช้จ่ายในเรื่อง
ค่าบำรุงรักษาและรถที่บอกมามันจะเป็นรถในกลุ่มคนที่
รักและชอบเป็นการส่วนตัวถึงจะเล่นไม่งั้นรถค่ายต่างๆเหล่านี้
คงถูดเช่าซื้อเป็นรถบริษัทไปให้พนักงานใช้กันเยอะด้วยแล้วแหละเพราะ
มันติดตรงเรื่องการบำรุงรักษาที่ค่อนข้างจะแพงกว่าเจ้าตลาดอยู่
พอควร เรื่องการสต๊อกอะไหล่อีก หากรถมีปัญหาเอาเข้าซ่อมรออะไหล่เป็นอาทิตย์ๆ
รถจอดเอาไว้ไม่ได้เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัทมันก็คือต้นทุนอย่างนึงนะคับ
ที่คุณต้องแบกรับและผมว่ามันไม่ค่อยคุ้มซักเท่าไรอ่ะคับ แต่ถ้าคุณคิดว่าปัญหาเหล่านี้
มันอยู่ในขอบข่ายที่คุณสามารถรับได้ ก็โอเคคับ กับเจ้าฉลาม 1.8 คันนี้
เพราะผมก็เล็งๆไว้เป็นของขวัญให้น้องสาวผมเหมือนกัน(ออกเงินดาวน์นะคับให้น้องผ่อนเอง)

ออฟไลน์ Ji.Cl.

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 677
    • อีเมล์
คือผมอยากให้ลองดูว่ามีในบริษัทมีรถสำรองแค่ไหน เพราะกับบริษัท ผทมรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายไม่น่าเป็นปัญหา

เพียงแต่ว่าในช่วงที่ส่งซ่อมรถน่ะครับ มีรถคันอื่นใช้หรือเปล่า (ไม่นับรถที่ใช้ CVT) หรือมีการใช้รถปีนเกลียวตำแหน่งได้ไหม เพราะถึงมีตังค์ซ่อมแค่ไหน

ช่างบอกเสร็จวันไหน ก็คือวันนั้น (+- ไม่มาก) ไม่ใช่ว่าได้รถดี แต่พอ 4-5 ปีเลขาเปลี่ยนไปนั่งแท๊กซี่ งี้ก็ไม่น่าเอา ถ้ามีรถทนๆ อยู่ในจำนวนที่ปลอดภัยแล้ว ก็ซื้อไปครับ เพราะกับคันนี้

โอกาสที่สารถีจะพาเลขาฯ กลิ้งลงข้างทางมันยากกว่ารุ่นอื่นๆ ครับ

ออฟไลน์ Meen N.

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 40
  • Be the change you wanna see on the "ROAD".
เท่าทีอ่านในคู่มือของspace wagonนะครับ การรับประกัน 5ปี(diamond warranty) ของมิตซู  เป็นการรับประกันบางชิ้นส่วนนะครับ ไม่ใช่ทั้งคัน5ปี

นอกนั้นก็3ปีครับ  และ คุณต้องนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์ ทุก 5000กม. หรือ 6 เดือน แล้วแต่อันไหนถึงก่อนด้วยครับ

ลองเช็คดูอีกทีครับ ผมก็ยังงงๆอยู่555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2011, 19:42:01 โดย Meen N. »
Follow MEENnarin on Twitter

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,672
เรื่องความกังวลเรื่องเกียร์ CVT
1. เครื่องและระบบส่งกำลังรับประกัน 5 ปี
2. ผมใช้ New lancer CVT มา 6 ปี นี่เข้าปีที่ 7 แล้วก็ยังไม่มีอาการ หรือเสียงหอน ลื่นนุ่มนวลเหมือนเคยครับ
3. การซ่อมไม่บำรุง ไม่ได้แพงกว่าเจ้าตลาด อะไหล่ไม่ได้แพงกว่า ค่าแรงช่างก็ถูกกว่าด้วยครับ
4. ผมอยู่ต่างจังหวัดอะไหล่เบิก 3 วันครับก็ได้ครับ กรุงเทพน่าจะไวกว่านะ
เพราะที่นี่ต้องส่งมาครับ แต่ที่นานๆ จะเจอพวกบริษัทประกันอนุมัติช้ามากกว่าครับ
ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับบริษัทเจ้าของรถทำประกันมากกว่าครับ

เวลาเสียก็ไม่ต้องจองคิวเข้าซ่อมนานหลายวันเหมือนเจ้าตลาดที่มีคนใช้เยอะๆครับ

5. เมื่อก่อนผมเองกลับกังวลว่า CVT จะหายไปครับ ดีใจที่ Toyota ใส่ CVT มาให้ Altis คนส่วนใหญ่จะได้รู้จัก
เพราะมันดีมากครับ ขับเพลินสุดๆ

6. ใช้ CVT คล่องๆแล้ว ก็ประหยัดดีมากนะครับ
7. ที่สำคัญ เบาะนั่งสบายทุกที่นั่งครับ
 ;D ;D ;D

ส่วน Ford ผมก็ว่าน่าสนใจครับ คุณภาพการประกอบ การออกแบบ ดูดีมาตรฐานมากครับ น่าเลือกเลยทีเดียวครับ


ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,331
 ;D ;D ;D...........รถดีใช้ได้  ซื้อเลยครับ  CVT ขับง่ายด้วย 8)
                                                                                                        yogibear

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,013
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,672
รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)

ผมเป็นพนักงานกับมองว่า น้ำใจและความห่วงใยของหัวหน้านั้นสำคัญมากๆครับ ทำให้งานออกมาดีครับ
การใส่ใจเริ่มเลือกรถให้ก็ยอดแล้วครับ
 ;D ;D ;D

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,307
รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)

ผมเป็นพนักงานกับมองว่า น้ำใจและความห่วงใยของหัวหน้านั้นสำคัญมากๆครับ ทำให้งานออกมาดีครับ
การใส่ใจเริ่มเลือกรถให้ก็ยอดแล้วครับ
 ;D ;D ;D


+100,000,000 ให้คุณ udis เลยครับ อ่านใจพ่อผมได้ไงครับเนี่ย จริงครับ การที่เราจะให้บริษัทเราเดินหน้าไปได้มี Productivity สูงขึ้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตเพียงอย่างเดียวครับ มันมีปัจจัยทางด้านจิตวิทยาหลายอย่างในการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานครับเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
รถราคา1ล้านบาท  แต่กับเซลล์ที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการรับ Order จากลูกค้ามูลค่ากว่า 10-20 ล้านเลยทีเดียวครับ  
ตอนแรกที่ผมเข้ามาทำงานผมก็คิดคล้ายๆกับคุณ YIM แหละครับผม 555+
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2011, 22:31:44 โดย varit7530 »

ออฟไลน์ comet1123

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 277
รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)

ผมเป็นพนักงานกับมองว่า น้ำใจและความห่วงใยของหัวหน้านั้นสำคัญมากๆครับ ทำให้งานออกมาดีครับ
การใส่ใจเริ่มเลือกรถให้ก็ยอดแล้วครับ
 ;D ;D ;D


+100,000,000 ให้คุณ udis เลยครับ อ่านใจพ่อผมได้ไงครับเนี่ย จริงครับ การที่เราจะให้บริษัทเราเดินหน้าไปได้มี Productivity สูงขึ้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตเพียงอย่างเดียวครับ มันมีปัจจัยทางด้านจิตวิทยาหลายอย่างในการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานครับเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
รถราคา1ล้านบาท  แต่กับเซลล์ที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการรับ Order จากลูกค้ามูลค่ากว่า 10-20 ล้านเลยทีเดียวครับ  
ตอนแรกที่ผมเข้ามาทำงานผมก็คิดคล้ายๆกับคุณ YIM แหละครับผม 555+

มันก็ถูกอ่ะคับว่าเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
แต่คับแต่จะให้ก็ต้องดูด้วยคับว่าพนักงานที่เราจะให้อะไรเขานี่เป็นยังไงไม่ใช่ว่าทำงานดีและก็ให้ไปอย่าลุงผมอ่ะคับ
คล้ายๆกับคุณพ่อคุณอ่ะคับความคิดคล้ายกันเขามีลูกน้องเป็นผู้จัดการฝ่ายขายทำงานดีคับ หารายได้เข้าบริษัทเดือนเป็น10-20ล้านเลย
ติดต่อประมูลงานโครงการใหญ่ๆได้เยอะแยะ ลุงผมก็เห็นว่าทำงานดีทำงานเก่ง ก็ให้สวัสดิการเยอะนะคับ บ้านก็ให้กู้เนบริษัทซื้อแบบไม่มีดอก
ค่ารถก็ออกให้50%  ค่าน้ำมันเบิกได้ไม่จำกัด  ค่าคอมก็ได้ เงินเดือนก็หลายหมื่น สิ้นปีโบนัสอีก สุดท้ายเจ็บแสบคับไปฮั้วกับบริษัทคู่แข่ง
ให้เขาได้งานไปโดยเอาเปอร์เซ็นจากทางนั้นและพอจบงานก็ย้ายไปบริษัทคู่แข่งเพราะเขาให้เงินเดือนมากกว่าหน่อยเท่านั้นเอง
ความภักดีในบริษัทไม่มีเลยคับ เป็นประสบการณ์เล่าสู่กันฟังคับจะเลี้ยงคนต้องเลือกคนที่จะเลี้ยงคับว่าใครยังไงควรเลี้ยงแค่ไหนให้แค่ไหน
ไม่งั้นพอถูกแทงข้างหลังมันทั้งเจ็บทั้งแสบคับ

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,307
รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)

ผมเป็นพนักงานกับมองว่า น้ำใจและความห่วงใยของหัวหน้านั้นสำคัญมากๆครับ ทำให้งานออกมาดีครับ
การใส่ใจเริ่มเลือกรถให้ก็ยอดแล้วครับ
 ;D ;D ;D


+100,000,000 ให้คุณ udis เลยครับ อ่านใจพ่อผมได้ไงครับเนี่ย จริงครับ การที่เราจะให้บริษัทเราเดินหน้าไปได้มี Productivity สูงขึ้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตเพียงอย่างเดียวครับ มันมีปัจจัยทางด้านจิตวิทยาหลายอย่างในการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานครับเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
รถราคา1ล้านบาท  แต่กับเซลล์ที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการรับ Order จากลูกค้ามูลค่ากว่า 10-20 ล้านเลยทีเดียวครับ 
ตอนแรกที่ผมเข้ามาทำงานผมก็คิดคล้ายๆกับคุณ YIM แหละครับผม 555+

มันก็ถูกอ่ะคับว่าเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
แต่คับแต่จะให้ก็ต้องดูด้วยคับว่าพนักงานที่เราจะให้อะไรเขานี่เป็นยังไงไม่ใช่ว่าทำงานดีและก็ให้ไปอย่าลุงผมอ่ะคับ
คล้ายๆกับคุณพ่อคุณอ่ะคับความคิดคล้ายกันเขามีลูกน้องเป็นผู้จัดการฝ่ายขายทำงานดีคับ หารายได้เข้าบริษัทเดือนเป็น10-20ล้านเลย
ติดต่อประมูลงานโครงการใหญ่ๆได้เยอะแยะ ลุงผมก็เห็นว่าทำงานดีทำงานเก่ง ก็ให้สวัสดิการเยอะนะคับ บ้านก็ให้กู้เนบริษัทซื้อแบบไม่มีดอก
ค่ารถก็ออกให้50%  ค่าน้ำมันเบิกได้ไม่จำกัด  ค่าคอมก็ได้ เงินเดือนก็หลายหมื่น สิ้นปีโบนัสอีก สุดท้ายเจ็บแสบคับไปฮั้วกับบริษัทคู่แข่ง
ให้เขาได้งานไปโดยเอาเปอร์เซ็นจากทางนั้นและพอจบงานก็ย้ายไปบริษัทคู่แข่งเพราะเขาให้เงินเดือนมากกว่าหน่อยเท่านั้นเอง
ความภักดีในบริษัทไม่มีเลยคับ เป็นประสบการณ์เล่าสู่กันฟังคับจะเลี้ยงคนต้องเลือกคนที่จะเลี้ยงคับว่าใครยังไงควรเลี้ยงแค่ไหนให้แค่ไหน
ไม่งั้นพอถูกแทงข้างหลังมันทั้งเจ็บทั้งแสบคับ


น่าเสียดายแทนครับผม เรื่องของคนนี่ต้องอยู่ที่จิตใต้สำนึกจริงๆครับ  พี่ฝ่ายขายคนนี้เค้าอยู่ที่บริษัทผมมาเกือบ 10 ปีแล้วมั้งครับ ^^   ไปเยี่ยมลูกค้าที่ต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยครับ
ปล.กลายเป็นกระทู้ ให้ข้อคิดตอนทำงานไปแล้วสินะ 555+

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,013
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
คือผมมองว่า การมีรถป้ายแดง ให้พนักงาน แค่นี้ก็ถือว่ายอดแล้วนะครับ หลายๆ บริษัท ยังไม่มีเลย แล้วรถเนี่ย มันเป็นอะไรที่ คนที่ไม่ได้ใส่ใจ ก็ไม่รู้หรอกครับ ถ้าเป็นผมนะครับ ถ้าอยากเน้นเรื่องการแสดงออกของเจ้านายจริงๆ นะครับ ผมเอา Honda Civic ครับ เท่ห์สุดๆ แล้วคนใช้ก็น่าจะ Happy ด้วย (คนไม่ได้บ้ารถ จะมาสนใจอะไรเรื่องเสียงสับหมู)

คือถ้ากรณีนี้ คือเอารถญี่ปุ่น ไปเทียบกับรถยุโรป คันละ 3 ล้าน อันนี้ผมว่ามีผลต่อการ motivation แน่นอน แต่ถ้ารถญี่ปุ่นด้วยกัน ราคาต่างกันไม่กี่แสน หรือราคาเท่ากัน แต่ต่างที่สมรรถนะ ส่วนตัว ผมไม่คิดว่า เขาจะ Appreciate ความพิถีพิถันของคุณครับ (ยกเว้นคุณจะป่าวประกาศ ซึ่งก็จะกลายเป็นการทวงบุญคุณอีก)
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ TheBestOrNothing

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,307
คือผมมองว่า การมีรถป้ายแดง ให้พนักงาน แค่นี้ก็ถือว่ายอดแล้วนะครับ หลายๆ บริษัท ยังไม่มีเลย แล้วรถเนี่ย มันเป็นอะไรที่ คนที่ไม่ได้ใส่ใจ ก็ไม่รู้หรอกครับ ถ้าเป็นผมนะครับ ถ้าอยากเน้นเรื่องการแสดงออกของเจ้านายจริงๆ นะครับ ผมเอา Honda Civic ครับ เท่ห์สุดๆ แล้วคนใช้ก็น่าจะ Happy ด้วย (คนไม่ได้บ้ารถ จะมาสนใจอะไรเรื่องเสียงสับหมู)

คือถ้ากรณีนี้ คือเอารถญี่ปุ่น ไปเทียบกับรถยุโรป คันละ 3 ล้าน อันนี้ผมว่ามีผลต่อการ motivation แน่นอน แต่ถ้ารถญี่ปุ่นด้วยกัน ราคาต่างกันไม่กี่แสน หรือราคาเท่ากัน แต่ต่างที่สมรรถนะ ส่วนตัว ผมไม่คิดว่า เขาจะ Appreciate ความพิถีพิถันของคุณครับ (ยกเว้นคุณจะป่าวประกาศ ซึ่งก็จะกลายเป็นการทวงบุญคุณอีก)

คือปัจจุบันก็ใช้ Honda Civic 1.8 ก่อน minorchange  อยู่ครับ แต่ขับไป 170,000 km แล้วครับปัญหาจุกจิกเริ่มเยอะซ่อมไปเกือบแสนแล้วครับ =="   คุณปู่ผมเห็นจึงบอกว่าให้ผมหารถใหม่ให้แทนอะครับ ตัวผมเองก็ไม่ค่อยได้มาดูรถกลุ่ม B-C segment ซักเท่าไหร่ด้วยอะครับ เลยลองมาถามเพื่อนๆHLM ดูด้วยอะครับ   
ปล.เรื่องความรู้สึกของพนักงานตัวผมเองก็เท่าที่ทราบๆจากลูกน้อง ก็ Happy ดีครับ  คุณพ่อผมค่อนข้าง Care คนที่ตั้งใจทำงานอะครับ  แต่ก็มีโดนแถงข้างหลังบ้างเหมือนกันครับ TT เช่นแบบว่า เข้ามาได้ 1ปี แล้วพาไปดูงานที่ Europe 1-2รอบ พอกลับมา1 อาทิตย์ ขอลาออก เช่นนี้ก็มีครับ(เค้าว่าปัญหาส่วนตัวอะครับ Trip นั้นผมก็ไปด้วย)     สมัยนี้หาคนที่ซื่อสัตย์ต่อบริษัทได้ยากครับ  เงินมันนำทุกๆสิ่งไปก่อนแล้วมั้งครับเนี่ย = ="     จึงต้องแอบเอาใจลูกน้องเก่าๆที่ภัคดีไว้บ้างอะครับ 555+  ความเห็นของผมนะครับ ^^

ออฟไลน์ simcity

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,371
Altis หริือ Prius น่าจะโอสุด

ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
เข้ามาอ่านความรู้เรื่องธุรกิจครับ อีกไม่กี่ปีผมก็ต้องฝึกการเอาใจคนด้านนี้เหมือนกัน  :D


แต่ผมว่า ถ้าจะซื้อเพื่อให้เกิดความรู้สึกดีๆนะครับ ผมว่าน่าจะเน้นที่แบรนด์ก่อน
เพราะคนไม่รู้เรื่องรถเขาก็จะรู้แค่ประมาณว่านี้คือรถญี่ปุ่นรถยุโรป ญี่ปุ่นคือรถสามัญชนยุโรปคือรถเทพ อะไรประมาณนั้น
เขาคงไม่น่าจะเข้าใจอัตราเร่งช่วงล่าง 0-100 เกาะถนนเวลาวิ่งเกิน 160 และความเร็วปลายสักเท่าไหร่

โหวต Ford ครับ อย่างน้อยก็ดูแบรนด์ดีนะ
ว่าแต่ไม่มอง cruze หน่อยหรอครับ ?
H.

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,723
  • Nine & Knight
ถ้าจะเอาในสองตัวเลือกนั้น ผมว่าเอาอัลติส 1.8G จะดีกว่ามั๊ยครับ เอารถมาใช้งานทุกวันคงไม่มีเวลาดูแลรักษาไม่ใช่รถของคนขับเองด้วย อีกอย่างตอนซ่อมจะได้ไม่เสียเวลามากเพราะรถต้องใช้ทำมาหากิน แต่เอรู้สึกมิตซูจะให้รถยืมใช้ระหว่างซ่อมนะครับ รอผู้มายืนยันอีกที และอีกอย่างรถบริษัทส่วนมากจะให้แค่ 5ปีแล้วก็เปลี่ยน ตอนเปลี่ยนจะได้ไม่เจ็บตัวมากด้วยครับถึงวิ่งมาทำเงินแล้วคุ้มก็เหอะจะได้เหลือเยอะๆไปเอาคันต่อไป

แต่ถ้าคิดจะเสริมภาพลักษณ์และกำลังใจละก็ พี่อุสครับแต่ก็ราคาเกินตัวเลือกไว้พอดูเลย
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

ออฟไลน์ nuthd

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 12
B ก่อนแล้ว ค่อยมา C Segment จะดีไหมครับ
แล้ว เพิ่ม Motivate ด้วย Productivity อีกที :)

แสดงการดูแลเอาใจใส่ ให้รางวัลแก่คนที่ทำงานทุ่มเท และ ผลงานออกมาดีเนี่ย
ออกป้ายแดงให้ก็  สุดๆ แล้วอะ่ครับ

--- ที่น่ากลัวคือความไม่พอ ของมนุษย์ --- ได้หนึ่งจะเอาสอง ได้คืบเด๋วก็ต้องขอศอก
คิดการระยะยาวด้วยดีกว่าครับ :)