จะดีหรือไม่ครับที่จะเอา LancerEX 1.8/Ford Focus 2.0Duratec มาเป็นรถบริษัทครับ

TheBestOrNothing

สืบเนื่องจากกระทู้รถบริษัททั้ง2คันนะครับผม ^^
ตอนนี้ติดที่อยู่ที่รถเลขา อะสิครับ
จริงๆขับขี่แต่ในเมืองเป็นหลักครับผม เห็นใช้ E85 ได้ก็เลยน่าสนครับ   พร้อมกับประกัน 5ปี จึงเห็นค่อนข้างหน้าสนใจครับ

แต่ก็ติดที่ CVT นี่แหละครับว่าจะดีในระยะยาวหรือไม่นะครับ  เจ้าของรถขับรถค่อนข้างช้าครับ อย่างมากก็ 120 KM/H ครับ
แต่คุณพ่ออยากได้รถที่ใหญ่หน่อยอะครับกลุ่ม Vios Jazz City Fiesta จึงตัดไปก่อนอะครับ

หรือไม่ก็กำลังดู Focus 2.0Duratec ที่อยู่ใน Branner ของ web HLM อะครับ ราคาค่อนข้าง ok ครับ 849,000บาท พร้อมประกัน1st
แต่ติดที่เคยได้ยินจากพี่ Jimmy อะครับว่า Benzine ค่อนข้างอืด และกินน้ำมันพอควร  เลยกำลังลังเลอยู่ครับผม

ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2011, 22:43:03 โดย varit7530 »



comet1123

ถ้าถามว่าตัวรถมันก็ดีแหละคับแต่เป็นรถบริษัท
ฉะนั้นก็คงต้องเป็นเราที่ต้องออกค่าใช้จ่ายในเรื่อง
ค่าบำรุงรักษาและรถที่บอกมามันจะเป็นรถในกลุ่มคนที่
รักและชอบเป็นการส่วนตัวถึงจะเล่นไม่งั้นรถค่ายต่างๆเหล่านี้
คงถูดเช่าซื้อเป็นรถบริษัทไปให้พนักงานใช้กันเยอะด้วยแล้วแหละเพราะ
มันติดตรงเรื่องการบำรุงรักษาที่ค่อนข้างจะแพงกว่าเจ้าตลาดอยู่
พอควร เรื่องการสต๊อกอะไหล่อีก หากรถมีปัญหาเอาเข้าซ่อมรออะไหล่เป็นอาทิตย์ๆ
รถจอดเอาไว้ไม่ได้เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์กับบริษัทมันก็คือต้นทุนอย่างนึงนะคับ
ที่คุณต้องแบกรับและผมว่ามันไม่ค่อยคุ้มซักเท่าไรอ่ะคับ แต่ถ้าคุณคิดว่าปัญหาเหล่านี้
มันอยู่ในขอบข่ายที่คุณสามารถรับได้ ก็โอเคคับ กับเจ้าฉลาม 1.8 คันนี้
เพราะผมก็เล็งๆไว้เป็นของขวัญให้น้องสาวผมเหมือนกัน(ออกเงินดาวน์นะคับให้น้องผ่อนเอง)



Ji.Cl.

คือผมอยากให้ลองดูว่ามีในบริษัทมีรถสำรองแค่ไหน เพราะกับบริษัท ผทมรู้สึกว่าค่าใช้จ่ายไม่น่าเป็นปัญหา

เพียงแต่ว่าในช่วงที่ส่งซ่อมรถน่ะครับ มีรถคันอื่นใช้หรือเปล่า (ไม่นับรถที่ใช้ CVT) หรือมีการใช้รถปีนเกลียวตำแหน่งได้ไหม เพราะถึงมีตังค์ซ่อมแค่ไหน

ช่างบอกเสร็จวันไหน ก็คือวันนั้น (+- ไม่มาก) ไม่ใช่ว่าได้รถดี แต่พอ 4-5 ปีเลขาเปลี่ยนไปนั่งแท๊กซี่ งี้ก็ไม่น่าเอา ถ้ามีรถทนๆ อยู่ในจำนวนที่ปลอดภัยแล้ว ก็ซื้อไปครับ เพราะกับคันนี้

โอกาสที่สารถีจะพาเลขาฯ กลิ้งลงข้างทางมันยากกว่ารุ่นอื่นๆ ครับ



Meen N.

เท่าทีอ่านในคู่มือของspace wagonนะครับ การรับประกัน 5ปี(diamond warranty) ของมิตซู  เป็นการรับประกันบางชิ้นส่วนนะครับ ไม่ใช่ทั้งคัน5ปี

นอกนั้นก็3ปีครับ  และ คุณต้องนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์ ทุก 5000กม. หรือ 6 เดือน แล้วแต่อันไหนถึงก่อนด้วยครับ

ลองเช็คดูอีกทีครับ ผมก็ยังงงๆอยู่555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2011, 19:42:01 โดย Meen N. »
Follow MEENnarin on Twitter



udis

เรื่องความกังวลเรื่องเกียร์ CVT
1. เครื่องและระบบส่งกำลังรับประกัน 5 ปี
2. ผมใช้ New lancer CVT มา 6 ปี นี่เข้าปีที่ 7 แล้วก็ยังไม่มีอาการ หรือเสียงหอน ลื่นนุ่มนวลเหมือนเคยครับ
3. การซ่อมไม่บำรุง ไม่ได้แพงกว่าเจ้าตลาด อะไหล่ไม่ได้แพงกว่า ค่าแรงช่างก็ถูกกว่าด้วยครับ
4. ผมอยู่ต่างจังหวัดอะไหล่เบิก 3 วันครับก็ได้ครับ กรุงเทพน่าจะไวกว่านะ
เพราะที่นี่ต้องส่งมาครับ แต่ที่นานๆ จะเจอพวกบริษัทประกันอนุมัติช้ามากกว่าครับ
ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับบริษัทเจ้าของรถทำประกันมากกว่าครับ

เวลาเสียก็ไม่ต้องจองคิวเข้าซ่อมนานหลายวันเหมือนเจ้าตลาดที่มีคนใช้เยอะๆครับ

5. เมื่อก่อนผมเองกลับกังวลว่า CVT จะหายไปครับ ดีใจที่ Toyota ใส่ CVT มาให้ Altis คนส่วนใหญ่จะได้รู้จัก
เพราะมันดีมากครับ ขับเพลินสุดๆ

6. ใช้ CVT คล่องๆแล้ว ก็ประหยัดดีมากนะครับ
7. ที่สำคัญ เบาะนั่งสบายทุกที่นั่งครับ
 ;D ;D ;D

ส่วน Ford ผมก็ว่าน่าสนใจครับ คุณภาพการประกอบ การออกแบบ ดูดีมาตรฐานมากครับ น่าเลือกเลยทีเดียวครับ




youngbear

 ;D ;D ;D...........รถดีใช้ได้  ซื้อเลยครับ  CVT ขับง่ายด้วย 8)
                                                                                                        yogibear



YIM

รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



udis

รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)

ผมเป็นพนักงานกับมองว่า น้ำใจและความห่วงใยของหัวหน้านั้นสำคัญมากๆครับ ทำให้งานออกมาดีครับ
การใส่ใจเริ่มเลือกรถให้ก็ยอดแล้วครับ
 ;D ;D ;D



TheBestOrNothing

รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)

ผมเป็นพนักงานกับมองว่า น้ำใจและความห่วงใยของหัวหน้านั้นสำคัญมากๆครับ ทำให้งานออกมาดีครับ
การใส่ใจเริ่มเลือกรถให้ก็ยอดแล้วครับ
 ;D ;D ;D


+100,000,000 ให้คุณ udis เลยครับ อ่านใจพ่อผมได้ไงครับเนี่ย จริงครับ การที่เราจะให้บริษัทเราเดินหน้าไปได้มี Productivity สูงขึ้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตเพียงอย่างเดียวครับ มันมีปัจจัยทางด้านจิตวิทยาหลายอย่างในการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานครับเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
รถราคา1ล้านบาท  แต่กับเซลล์ที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการรับ Order จากลูกค้ามูลค่ากว่า 10-20 ล้านเลยทีเดียวครับ  
ตอนแรกที่ผมเข้ามาทำงานผมก็คิดคล้ายๆกับคุณ YIM แหละครับผม 555+
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 07, 2011, 22:31:44 โดย varit7530 »



comet1123

รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)

ผมเป็นพนักงานกับมองว่า น้ำใจและความห่วงใยของหัวหน้านั้นสำคัญมากๆครับ ทำให้งานออกมาดีครับ
การใส่ใจเริ่มเลือกรถให้ก็ยอดแล้วครับ
 ;D ;D ;D


+100,000,000 ให้คุณ udis เลยครับ อ่านใจพ่อผมได้ไงครับเนี่ย จริงครับ การที่เราจะให้บริษัทเราเดินหน้าไปได้มี Productivity สูงขึ้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตเพียงอย่างเดียวครับ มันมีปัจจัยทางด้านจิตวิทยาหลายอย่างในการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานครับเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
รถราคา1ล้านบาท  แต่กับเซลล์ที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการรับ Order จากลูกค้ามูลค่ากว่า 10-20 ล้านเลยทีเดียวครับ  
ตอนแรกที่ผมเข้ามาทำงานผมก็คิดคล้ายๆกับคุณ YIM แหละครับผม 555+

มันก็ถูกอ่ะคับว่าเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
แต่คับแต่จะให้ก็ต้องดูด้วยคับว่าพนักงานที่เราจะให้อะไรเขานี่เป็นยังไงไม่ใช่ว่าทำงานดีและก็ให้ไปอย่าลุงผมอ่ะคับ
คล้ายๆกับคุณพ่อคุณอ่ะคับความคิดคล้ายกันเขามีลูกน้องเป็นผู้จัดการฝ่ายขายทำงานดีคับ หารายได้เข้าบริษัทเดือนเป็น10-20ล้านเลย
ติดต่อประมูลงานโครงการใหญ่ๆได้เยอะแยะ ลุงผมก็เห็นว่าทำงานดีทำงานเก่ง ก็ให้สวัสดิการเยอะนะคับ บ้านก็ให้กู้เนบริษัทซื้อแบบไม่มีดอก
ค่ารถก็ออกให้50%  ค่าน้ำมันเบิกได้ไม่จำกัด  ค่าคอมก็ได้ เงินเดือนก็หลายหมื่น สิ้นปีโบนัสอีก สุดท้ายเจ็บแสบคับไปฮั้วกับบริษัทคู่แข่ง
ให้เขาได้งานไปโดยเอาเปอร์เซ็นจากทางนั้นและพอจบงานก็ย้ายไปบริษัทคู่แข่งเพราะเขาให้เงินเดือนมากกว่าหน่อยเท่านั้นเอง
ความภักดีในบริษัทไม่มีเลยคับ เป็นประสบการณ์เล่าสู่กันฟังคับจะเลี้ยงคนต้องเลือกคนที่จะเลี้ยงคับว่าใครยังไงควรเลี้ยงแค่ไหนให้แค่ไหน
ไม่งั้นพอถูกแทงข้างหลังมันทั้งเจ็บทั้งแสบคับ



TheBestOrNothing

รถบริษัท ซื้อพวกที่ศูนย์เยอะๆ ซ่อมง่ายๆ ไม่ดีกว่าเหรอครับ?

เป็นผม ผมจะเลือกรถ B-Segment ที่ศูนย์เยอะๆ ซึ่งก็แน่นอน Yaris/Vios ครับ หรือถ้าประหยัดไปอีกก็ March

เพราะขึ้นชื่อว่ารถพนักงาน สำหรับผม

"มีสี่ล้อ กับเครื่องยนต์ ก็เหลือเฟือ!"

เพราะผมไม่คิอว่า การที่พนักงานมีรถดีๆ ขับ จะทำให้ Productivity สูงขึ้นครับ (จะขับ Brio หรือ Porsche 911 ก็มาถึงบริษัทเวลาเดียวกัน เริ่มงานเวลาเดียวกันอยู่ดีจริงไหมครับ?)

ผมเป็นพนักงานกับมองว่า น้ำใจและความห่วงใยของหัวหน้านั้นสำคัญมากๆครับ ทำให้งานออกมาดีครับ
การใส่ใจเริ่มเลือกรถให้ก็ยอดแล้วครับ
 ;D ;D ;D


+100,000,000 ให้คุณ udis เลยครับ อ่านใจพ่อผมได้ไงครับเนี่ย จริงครับ การที่เราจะให้บริษัทเราเดินหน้าไปได้มี Productivity สูงขึ้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิตเพียงอย่างเดียวครับ มันมีปัจจัยทางด้านจิตวิทยาหลายอย่างในการกระตุ้นให้เกิดแรงจูงใจในการทำงานครับเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
รถราคา1ล้านบาท  แต่กับเซลล์ที่ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการรับ Order จากลูกค้ามูลค่ากว่า 10-20 ล้านเลยทีเดียวครับ 
ตอนแรกที่ผมเข้ามาทำงานผมก็คิดคล้ายๆกับคุณ YIM แหละครับผม 555+

มันก็ถูกอ่ะคับว่าเป็นการ Motivate พนักงานไปในตัวครับ ทำให้พนักงานคนอื่นเห็นว่าถ้าทำดี ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีจากบริษัทครับ
แต่คับแต่จะให้ก็ต้องดูด้วยคับว่าพนักงานที่เราจะให้อะไรเขานี่เป็นยังไงไม่ใช่ว่าทำงานดีและก็ให้ไปอย่าลุงผมอ่ะคับ
คล้ายๆกับคุณพ่อคุณอ่ะคับความคิดคล้ายกันเขามีลูกน้องเป็นผู้จัดการฝ่ายขายทำงานดีคับ หารายได้เข้าบริษัทเดือนเป็น10-20ล้านเลย
ติดต่อประมูลงานโครงการใหญ่ๆได้เยอะแยะ ลุงผมก็เห็นว่าทำงานดีทำงานเก่ง ก็ให้สวัสดิการเยอะนะคับ บ้านก็ให้กู้เนบริษัทซื้อแบบไม่มีดอก
ค่ารถก็ออกให้50%  ค่าน้ำมันเบิกได้ไม่จำกัด  ค่าคอมก็ได้ เงินเดือนก็หลายหมื่น สิ้นปีโบนัสอีก สุดท้ายเจ็บแสบคับไปฮั้วกับบริษัทคู่แข่ง
ให้เขาได้งานไปโดยเอาเปอร์เซ็นจากทางนั้นและพอจบงานก็ย้ายไปบริษัทคู่แข่งเพราะเขาให้เงินเดือนมากกว่าหน่อยเท่านั้นเอง
ความภักดีในบริษัทไม่มีเลยคับ เป็นประสบการณ์เล่าสู่กันฟังคับจะเลี้ยงคนต้องเลือกคนที่จะเลี้ยงคับว่าใครยังไงควรเลี้ยงแค่ไหนให้แค่ไหน
ไม่งั้นพอถูกแทงข้างหลังมันทั้งเจ็บทั้งแสบคับ


น่าเสียดายแทนครับผม เรื่องของคนนี่ต้องอยู่ที่จิตใต้สำนึกจริงๆครับ  พี่ฝ่ายขายคนนี้เค้าอยู่ที่บริษัทผมมาเกือบ 10 ปีแล้วมั้งครับ ^^   ไปเยี่ยมลูกค้าที่ต่างจังหวัดด้วยกันบ่อยครับ
ปล.กลายเป็นกระทู้ ให้ข้อคิดตอนทำงานไปแล้วสินะ 555+



YIM

คือผมมองว่า การมีรถป้ายแดง ให้พนักงาน แค่นี้ก็ถือว่ายอดแล้วนะครับ หลายๆ บริษัท ยังไม่มีเลย แล้วรถเนี่ย มันเป็นอะไรที่ คนที่ไม่ได้ใส่ใจ ก็ไม่รู้หรอกครับ ถ้าเป็นผมนะครับ ถ้าอยากเน้นเรื่องการแสดงออกของเจ้านายจริงๆ นะครับ ผมเอา Honda Civic ครับ เท่ห์สุดๆ แล้วคนใช้ก็น่าจะ Happy ด้วย (คนไม่ได้บ้ารถ จะมาสนใจอะไรเรื่องเสียงสับหมู)

คือถ้ากรณีนี้ คือเอารถญี่ปุ่น ไปเทียบกับรถยุโรป คันละ 3 ล้าน อันนี้ผมว่ามีผลต่อการ motivation แน่นอน แต่ถ้ารถญี่ปุ่นด้วยกัน ราคาต่างกันไม่กี่แสน หรือราคาเท่ากัน แต่ต่างที่สมรรถนะ ส่วนตัว ผมไม่คิดว่า เขาจะ Appreciate ความพิถีพิถันของคุณครับ (ยกเว้นคุณจะป่าวประกาศ ซึ่งก็จะกลายเป็นการทวงบุญคุณอีก)
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



TheBestOrNothing

คือผมมองว่า การมีรถป้ายแดง ให้พนักงาน แค่นี้ก็ถือว่ายอดแล้วนะครับ หลายๆ บริษัท ยังไม่มีเลย แล้วรถเนี่ย มันเป็นอะไรที่ คนที่ไม่ได้ใส่ใจ ก็ไม่รู้หรอกครับ ถ้าเป็นผมนะครับ ถ้าอยากเน้นเรื่องการแสดงออกของเจ้านายจริงๆ นะครับ ผมเอา Honda Civic ครับ เท่ห์สุดๆ แล้วคนใช้ก็น่าจะ Happy ด้วย (คนไม่ได้บ้ารถ จะมาสนใจอะไรเรื่องเสียงสับหมู)

คือถ้ากรณีนี้ คือเอารถญี่ปุ่น ไปเทียบกับรถยุโรป คันละ 3 ล้าน อันนี้ผมว่ามีผลต่อการ motivation แน่นอน แต่ถ้ารถญี่ปุ่นด้วยกัน ราคาต่างกันไม่กี่แสน หรือราคาเท่ากัน แต่ต่างที่สมรรถนะ ส่วนตัว ผมไม่คิดว่า เขาจะ Appreciate ความพิถีพิถันของคุณครับ (ยกเว้นคุณจะป่าวประกาศ ซึ่งก็จะกลายเป็นการทวงบุญคุณอีก)

คือปัจจุบันก็ใช้ Honda Civic 1.8 ก่อน minorchange  อยู่ครับ แต่ขับไป 170,000 km แล้วครับปัญหาจุกจิกเริ่มเยอะซ่อมไปเกือบแสนแล้วครับ =="   คุณปู่ผมเห็นจึงบอกว่าให้ผมหารถใหม่ให้แทนอะครับ ตัวผมเองก็ไม่ค่อยได้มาดูรถกลุ่ม B-C segment ซักเท่าไหร่ด้วยอะครับ เลยลองมาถามเพื่อนๆHLM ดูด้วยอะครับ   
ปล.เรื่องความรู้สึกของพนักงานตัวผมเองก็เท่าที่ทราบๆจากลูกน้อง ก็ Happy ดีครับ  คุณพ่อผมค่อนข้าง Care คนที่ตั้งใจทำงานอะครับ  แต่ก็มีโดนแถงข้างหลังบ้างเหมือนกันครับ TT เช่นแบบว่า เข้ามาได้ 1ปี แล้วพาไปดูงานที่ Europe 1-2รอบ พอกลับมา1 อาทิตย์ ขอลาออก เช่นนี้ก็มีครับ(เค้าว่าปัญหาส่วนตัวอะครับ Trip นั้นผมก็ไปด้วย)     สมัยนี้หาคนที่ซื่อสัตย์ต่อบริษัทได้ยากครับ  เงินมันนำทุกๆสิ่งไปก่อนแล้วมั้งครับเนี่ย = ="     จึงต้องแอบเอาใจลูกน้องเก่าๆที่ภัคดีไว้บ้างอะครับ 555+  ความเห็นของผมนะครับ ^^



simcity

Altis หริือ Prius น่าจะโอสุด



H.

เข้ามาอ่านความรู้เรื่องธุรกิจครับ อีกไม่กี่ปีผมก็ต้องฝึกการเอาใจคนด้านนี้เหมือนกัน  :D


แต่ผมว่า ถ้าจะซื้อเพื่อให้เกิดความรู้สึกดีๆนะครับ ผมว่าน่าจะเน้นที่แบรนด์ก่อน
เพราะคนไม่รู้เรื่องรถเขาก็จะรู้แค่ประมาณว่านี้คือรถญี่ปุ่นรถยุโรป ญี่ปุ่นคือรถสามัญชนยุโรปคือรถเทพ อะไรประมาณนั้น
เขาคงไม่น่าจะเข้าใจอัตราเร่งช่วงล่าง 0-100 เกาะถนนเวลาวิ่งเกิน 160 และความเร็วปลายสักเท่าไหร่

โหวต Ford ครับ อย่างน้อยก็ดูแบรนด์ดีนะ
ว่าแต่ไม่มอง cruze หน่อยหรอครับ ?
H.



NINENOI

ถ้าจะเอาในสองตัวเลือกนั้น ผมว่าเอาอัลติส 1.8G จะดีกว่ามั๊ยครับ เอารถมาใช้งานทุกวันคงไม่มีเวลาดูแลรักษาไม่ใช่รถของคนขับเองด้วย อีกอย่างตอนซ่อมจะได้ไม่เสียเวลามากเพราะรถต้องใช้ทำมาหากิน แต่เอรู้สึกมิตซูจะให้รถยืมใช้ระหว่างซ่อมนะครับ รอผู้มายืนยันอีกที และอีกอย่างรถบริษัทส่วนมากจะให้แค่ 5ปีแล้วก็เปลี่ยน ตอนเปลี่ยนจะได้ไม่เจ็บตัวมากด้วยครับถึงวิ่งมาทำเงินแล้วคุ้มก็เหอะจะได้เหลือเยอะๆไปเอาคันต่อไป

แต่ถ้าคิดจะเสริมภาพลักษณ์และกำลังใจละก็ พี่อุสครับแต่ก็ราคาเกินตัวเลือกไว้พอดูเลย
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น



nuthd

B ก่อนแล้ว ค่อยมา C Segment จะดีไหมครับ
แล้ว เพิ่ม Motivate ด้วย Productivity อีกที :)

แสดงการดูแลเอาใจใส่ ให้รางวัลแก่คนที่ทำงานทุ่มเท และ ผลงานออกมาดีเนี่ย
ออกป้ายแดงให้ก็  สุดๆ แล้วอะ่ครับ

--- ที่น่ากลัวคือความไม่พอ ของมนุษย์ --- ได้หนึ่งจะเอาสอง ได้คืบเด๋วก็ต้องขอศอก
คิดการระยะยาวด้วยดีกว่าครับ :)