ผู้เขียน หัวข้อ: อยากอ่าน review Toyota Wish ST3 อ่ะครับ คุณ Jimmy พอมีให้อ่านมั้ยครับ  (อ่าน 49994 ครั้ง)

ออฟไลน์ Kookkui

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 24
    • อีเมล์
คือผมกำลังหารถสำหรับครอบครัวอยู่ครับ อยากได้แบบ 3 ตอน แต่ไม่ชอบ space wagon อ่ะคับ
ใจอยากได้ wish โดยเฉพาะ ST3 ซึ่งอาจจะหาไม่ได้ก้อได้

เห็นรูปทรงสวยดี แต่ก้อออกมานานแล้วพอสมควร จึงอยากดู review ในสไตล์พี่จิมมี่
หรือถ้าเพื่อนๆ มีรีวิว ก้อใช่โพสต์ให้อ่านหน่อยครับผม

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
วิช ผมเคยทำรีวิว สั้นๆ เอาไว้ แค่ในปี 2003 - 2004 หนะครับ สั้นมากๆ ไม่ยาวเท่าไหร่

เดี๋ยวขอค้นก่อนนะครับ

.....
โอเค เจอแล้ว

........ ในปี 2004 นะครับ ที่ทำเอาไว้


-------------------------------

*** การทดลองขับ และวัดอัตราเร่ง ***

การ ทดลองอัตราเร่ง ใช้ทางยกระดับบางนา-บางปะกง เป็นสถานที่ทดลอง โดยมีผู้เขียน น้ำหนักตัว 85 กิโลกรัม เป็นผู้ขับ และมีผู้ร่วมทดสอบซึ่งคอยจดบันทึกและจับเวลา
อีก 1 คน น้ำหนักตัว 65 กิโลกรัม รวม 150 กิโลกรัม อุณหภูมิภายนอก 30 องศาเซลเซียส เติมลมยางไว้ คู่หน้า 28 ปอนด์/ตารางนิ้ว คู่หลัง 29 ปอนด์/ตารางนิ้ว ผลทีได้มีดังนี้

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1...11.77 วินาที
ครั้งที่ 2...12.22 วินาที
ครั้งที่ 3...12.42 วินาที
ครั้งที่ 4...12.23 วินาที

เฉลี่ย...12.16 วินาที

เมื่อ เปรียบเทียบข้อมูลที่ทางโตโยต้าเผยแพร่กับสื่อมวลชน เป็นภาพวีดีโอ ในซีดี-รอม ระบุว่าได้ทำการทดสอบโดยติดตั้งเครื่องมือวัด ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กิโมตร/ชั่วโมง
อยู่ที่ 11.11 วินาที และทำอัตราเร่ง ควอเตอร์ไมล์ 0-400 เมตร ได้ในเวลา 17.89 วินาที

อัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1...9.04 วินาที
ครั้งที่ 2...9.67 วินาที
ครั้งที่ 3...9.68 วินาที
ครั้งที่ 4...9.49 วินาที

เฉลี่ย...9.47 วินาที

เมื่อ เหยียบคันเร่งจนสุด เพื่อเร่งความเร็วจาก 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทอร์ก คอนเวอร์เตอร์ จะเปลี่ยนเกียร์จาก 4 ลงสู่เกียร์ 2 และจะยังไม่เปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์ 3
ให้จนกว่าเข็มความเร็วผ่านหลัก 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ "อ่านจากมาตรวัด" (เกียร์จะเปลี่ยนเอง ณ รอบเครื่องยนต์ประมาณ 6,250 รอบ/นาที)
เกียร์ 1 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที
เกียร์ 2 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที
เกียร์ 3 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที
เกียร์ 4 189 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 4,850 รอบ/นาที

ความ เร็วสูงสุด อ่านจากมาตรวัดได้ 189 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 4,850 รอบ/นาที ขณะที่ข้อมูลจากทางโรงงานระบุว่า เวอร์ชันไทยทำได้ 192 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนเวอร์ชัน
ญี่ปุ่นถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามกฎหมายญี่ปุ่น

เครื่อง ยนต์ 1AZ-FE ของวิช ให้อัตราเร่งค่อนข้างจัดจ้านสมตัว ช่วงออกตัวด้วยเกียร์ 1 ฉับไว ต่อเนื่องจนถึงเกียร์ 2 และ 3 นั้น เรียกพละกำลังออกมาฉับไว ความเร็วขึ้นจาก
ระดับ 0 - 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาไม่นานนัก แต่เมื่อพ้นจากระดับ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความเร็วจะขึ้นค่อนข้างช้าลง และต้องใช้เวลานานกว่าจะไต่ไปได้ถึง
ความเร็วสูงสุด เสียงเครื่องยนต์แผดคำรามในระดับที่สร้างความเร้าใจ แต่ไม่ก่อความรำคาญในห้องโดยสารมากนัก

เกียร์ อัตโนมัติ เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวล และราบลื่น ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะเร่งแซง ขอแนะนำให้ใช้วิธีดั้งเดิมที่เคยทำกันมา นั่นคือ
เหยียบคันเร่งให้จมมิด เพื่อให้ทอร์ก คอนเวอร์เตอร์ คิ๊กดาวน์ เปลี่ยนเกียร์ให้ต่ำลง ซึ่งจะทำได้ฉับไวกว่าเพราะฟังก์ชัน SPORT MODE บวกลบ นั้น ยังตอบสนองได้ไม่
รวดเร็วพอหากต้องการเร่งแซงในยามคับขัน

ทัศนวิสัย รอบคันโปร่งตา มองเห็นได้ชัดเจน เสาหลังคาคู่หลัง D-PILLAR แทบไม่มีผลต่อทัศนวิสัยแต่อย่างใด เนื่องจากการเดินแนวเส้นตัวถังนั้น จงใจเน้นความโดดเด่นให้
กระจกหน้าต่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้น ด้วยความยาวตัวถังที่มากกว่า ดังนั้น การถอยหลังเข้าจอด จึงอาจต้องใช้ความระมัดระวังอยู่บ้าง ตามปกติ

ระบบกันสะเทือนในช่วง ความเร็วสูง ถือว่าให้ความมั่นใจได้ดีมาก อาจไม่ถึงกับแน่นเท่าซาฟิรา แต่ก็ด้อยกว่าเพียงนิดเดียวเท่านั้น ช่วงที่เจอคอสะพาน ความเร็วไม่เกิน 120
กิโลเมตร/ชั่วโมง ชุดสปริงและโช้คอัพสามารถรองรับแรงกดและดีดตัวกลับในระดับที่แทบไม่รู้สึก นัก อาจจะเรียกได้ว่าเป็นโตโยต้ารุ่นประกอบในประเทศ ที่ถูกเซ็ตระบบกัน-
สะเทือน มาดีที่สุดเท่าที่เคยทำกันมา ก็ไม่ถึงกับกล่าวเกินจริงไปนัก อย่างไรก็ตาม ทุกความรู้สึกจากทุกสภาพผิวถนน ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารจะได้ยินชัดเจนมาก ทั้งนี้เป็นผล
มาจากยางติดรถยนต์จากโรงงาน เป็นบริดจ์สโตน ตูรันซา ER30 ขนาด 215/50 R17 ซึ่งมีลายดอกยางค่อนข้างถี่ ซึ่งเสียงรบกวนจะชัดเจนมากเมื่อแล่นผ่านรอยต่อผิวถนน

ขณะที่การเข้าโค้งนั้นให้ความมั่นใจได้ในช่วงความเร็วระดับ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับมุมองศาของทางโค้ง
การ หักหลบสิ่งกีดขวาง ทำได้อย่างเฉียบคม และไม่มีอาการโยนตัว หรือวูบ ปรากฎให้เห็น เพียงแต่อาจรู้สึกได้ถึงการบิดตัวและให้ตัวของโครงสร้างตัวถังอยู่บ้างเล็ก น้อย
ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโครงสร้างตัวถังที่จะต้องมีความยืดหยุ่นอยู่บ้าง 

น้ำหนัก พวงมาลัย ให้ความมั่นใจได้ดีในการเดินทางไกล นิ่งและแม่นยำ แต่ในช่วงความเร็วต่ำ หรือในช่วงถอยรถเข้าจอด อาจจะหนักกว่าคู่แข่งอยู่บ้างเล็กน้อย หากใช้มือ
เพียงข้างเดียวหมุนพวงมาลัย อาจจะไม่ถนัด แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่

การ ตอบสนองของระบบเบรก ให้ความมั่นใจได้ดี ไม่ว่าจะเป็นภาวะปกติ อาการหน้าทิ่ม มีไม่มากนัก การหน่วงความเร็วอาจรู้สึกเหมือนช้าอยู่นิดหน่อย แต่แท้จริงแล้วเป็นผล
มาจากการปรับปรุงระบบเบรกเพื่อลดอาการหน้าทิ่มนั่นเอง

การเปลี่ยนเลนกระทันหัน พบว่า รู้สึกได้ถึงการบิดตัวและให้ตัว
ของโครงสร้างตัวถังเล็กน้อย ตามปกติ
-----------------------------------
**ทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เดินทางไกล 110 กม./ชม.***

ระยะทางที่แล่นมาทั้งหมด จากตัวเลขบนมาตรวัด 247 กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันที่ใช้ไป 20.13 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.27 กิโลเมตร/ลิตร

ขณะที่ตัวเลขซึ่งโตโยต้าเผยแพร่ไว้ในซีดี-รอม ขับไป-กลับ กรุงเทพฯ - พัทยา ระยะทาง 310 กิโลเมตร ผู้โดยสาร 2 คน เปิดแอร์ ตลอดเส้นทาง
ใช้น้ำมันไป 25.791 ลิตร หรือเมื่อคำนวนแล้ว
จะใช้น้ำมันเฉลี่ย 12.03 กิโลเมตร/ลิตร

-----------------------------------
สรุป
ทุกสิ่งที่คาดหวัง เป็นได้ดังที่ตั้งใจ

ยาก จะปฏิเสธว่า โตโยต้า วิช คือมินิแวนที่อัดแน่นไปด้วยความสมบูรณ์แบบ การเปิดตัวเป็นผู้ตามในตลาดกลุ่มนี้ กลับกลายเป็นข้อได้เปรียบให้โตโยต้า วางแผนซุ่มพัฒนา
วิชให้ลบจุดด้อยของคู่แข่งรุ่นอื่นๆได้เกือบครบถ้วน และยากจะหาข้อตำหนิ เพราะคาแร็กเตอร์ของวิช ถือได้ว่าเป็นการรวมทั้งข้อดีและข้อด้อยของคู่แข่งทั้ง 2 ผนวกกับ
สิ่งละ อันพันละน้อยที่วิศวกรของโตโยต้า คิดว่าควรจะมีมาให้ในมินิแวนขนาดเล็ก เข้าไว้อย่างลงตัว เรียกได้ว่า ทุกสิ่งที่คาดหวัง เป็นได้ดังที่ตั้งใจ สมกับชื่อรุ่น

เหตุผลข้อหนึ่งที่ทำให้วิชได้รับความนิยมสูง นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกที่โฉบเฉี่ยว ชนิดที่แทบไม่มีใครบอกว่าไม่ชอบ ในครั้งแรกที่เห็นแล้ว ยังเป็นผลมาจากการที่วิช
ถูกออกแบบมาเพื่อเอาใจ นักขับที่ชื่นชอบสมรรถนะของรถสปอร์ต แต่มีความจำเป็นต้องใช้งานมินิแวนในชีวิตประจำวัน จึงไม่น่าแปลกใจที่การตอบสนองจากเครื่องยนต์
ระบบส่งกำลัง ระบบกันสะเทือนไปจนถึงเบรก และตำแหน่งการขับขี่ของวิชที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงรถเก๋งแนวสปอร์ตชั้นดีมากกว่าคู่แข่ง

แต่ ถึงจะสมบูรณ์แบบขนาดไหน แน่นอนว่า ไม่มีรถยนต์คันใดในโลกนี้ ที่ไม่มีจุดที่ควรนำไปปรับปรุง วิชก็เช่นกัน ประเด็นด้านเสียงรบกวนของยาง คือสิ่งสำคัญซึ่งควรจะนำ
ไปปรับปรุงแก้ไขอีกสักนิด ทั้งที่เราทราบกันดีอยู่ว่า มันเกิดมาจากการที่แก้มยาง เตี้ยกว่า อีกทั้งดอกยาง ยังมีลวดลายเหมือนกับยางรถเก๋งทั่วไป ซึ่งทำให้เกิดเสียงดัง
และ ถ่ายทอดทุกแรงสะเทือนจากพื้นผิวถนน ส่งมาถึงห้องโดยสารได้โดยง่าย ลูกค้าที่ต้องการความนุ่มนวล อาจต้องทำใจเล็กน้อย แต่สำหรับลูกค้าประเภทชอบขับรถ
น่าจะยอมรับได้กับเรื่องนี้มากกว่า

นอก จากนี้ รายละเอียดปลีกย่อยที่ควรพิจารณาต่อไป ก็มีเพียง การไม่มีมาตรวัดเตือนอุณหภูมิหม้อน้ำ มีแต่สัญญาณไฟเตือนมาให้ ซึ่งถึงแม้ลูกค้าส่วนใหญ่จะไม่บ่น แต่
บางครั้ง การมีมาตรวัดนั้น เพื่อช่วยเตือนให้ลูกค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนฝาสูบในกรณีที่ เกิดความร้อนขึ้นสูงจนโอเวอร์ฮีต อันจะก่อให้เกิดอาการฝาสูบโก่ง หรือ
ร้าวตามมาในภายหลัง

ขณะ ที่เบาะแถวกลางนั้น ถึงแม้โตโยต้าจะบอกอย่างชัดเจนว่า วิชคือมินิแวน 6 ที่นั่ง แต่เชื่อได้ว่า ลูกค้าน่าจะพอใจกว่าหากโตโยต้าทำตามเสียงเรียกร้องของผู้บริโภคโดย
เพิ่มรุ่นที่มีเบาะแถวกลางแบบติดกัน แต่แยกพับได้ตามเดิม เพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการวิช ในเวอร์ชัน 7 ที่นั่ง

-----------------------------------

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
แถม Honda Stream ให้

มาดูสตรีมกันบ้าง
แต่บอกก่อนนะครับว่าตัวทีลองมาเนี่ย
เป็นตัวก่อนไมเนอร์เชนจ์
และเป็นรถที่วิ่งมาแล้ว 2 หมื่นกิโลเมตรนิดๆ

*** การทดลองขับ และวัดอัตราเร่ง ***

การ ทดลองอัตราเร่ง ใช้ทางยกระดับบางนา-บางปะกง เป็นสถานที่ทดลอง โดยมีผู้เขียน น้ำหนักตัว 85 กิโลกรัม เป็นผู้ขับ และมีผู้ร่วมทดสอบซึ่งคอยจดบันทึกและจับเวลา
อีก 1 คน น้ำหนักตัว 65 กิโลกรัม รวม 150 กิโลกรัม อุณหภูมิภายนอก 30 องศาเซลเซียส เติมลมยางไว้ คู่หน้า 28 ปอนด์/ตารางนิ้ว คู่หลัง 29 ปอนด์/ตารางนิ้ว ผลทีได้มีดังนี้

อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1...11.97 วินาที
ครั้งที่ 2...12.08 วินาที
ครั้งที่ 3...12.34 วินาที
ครั้งที่ 4...11.55 วินาที

เฉลี่ย...11.99 วินาที

อัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1...9.69 วินาที
ครั้งที่ 2...9.38 วินาที
ครั้งที่ 3...8.92 วินาที
ครั้งที่ 4...9.20 วินาที

เฉลี่ย...9.30 วินาที

เมื่อ เหยียบคันเร่งจนสุด เพื่อเร่งความเร็วจาก 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทอร์ก คอนเวอร์เตอร์ จะเปลี่ยนเกียร์จาก 4 ลงสู่เกียร์ 2 และจะยังไม่เปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์ 3
ให้จนกว่าเข็มความเร็วผ่านหลัก 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ "อ่านจากมาตรวัด" (เกียร์จะเปลี่ยนเอง ณ รอบเครื่องยนต์ประมาณ 6,250 รอบ/นาที)
เกียร์ 1 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,750 รอบ/นาที
เกียร์ 2 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,750 รอบ/นาที
เกียร์ 3 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,750 รอบ/นาที
เกียร์ 4 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,450 รอบ/นาที

ความ เร็วสูงสุด อ่านจากมาตรวัดได้ 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,450 รอบ/นาที ที่เกียร์ 4 ส่วนเกียร์ 5 นั้น มีไว้เพื่อทดกำลัง และเน้นความประหยัดในการขับในเมืองเป็นหลัก

เครื่องยนต์ K20A ของสตรีมทำงานได้น่าประทับใจ แม้ว่าการเรียกอัตราเร่งช่วงต้น จะไม่มีเสียงแผดก้องคำรามให้หวือหวาเหมือนคู่แข่ง แต่มาในสไตล์ ทันใจ แต่นุ่มนวล
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงการทำงานใดหากต้องการอัตราเร่งอย่าง ปัจจุบันทันด่วน ก็สามารถเรียกใช้งานได้อย่างทันท่วงที ให้ความยืดหยุ่นสูง ซึ่งทั้งหมดนี้คงต้องยกความดีให้ระบบ
i-VTEC ที่แปรผันการทำงานตามรอบเครื่องยนต์ที่ตั้งไว้ เพื่อให้ควาประหยัดน้ำมันในรอบต่ำ แต่สามารถเรียกพละกำลังได้ดีในรอบเครื่องยนต์สูงๆ

อีกทั้งเกียร์ อัตโนมัติ 5 จังหวะ ยังสามารถประสานงานกับเครื่องยนต์ได้อย่างดี การเปลี่ยนเกียร์ เป็นไปอย่างนุ่มนวล ราบเรียบ ไม่มีอาการกระตุกให้เห็นเลย เรียกได้ว่าลบ
จุดอ่อนของเกียร์อัตโนมัติในฮอนด้ารุ่นก่อนๆที่มักมีอาการ กระตุกได้อย่างหมดสิ้น อีกทั้งโหมดบวก-ลบ เพื่อให้คนขับเลือกเล่นเกียร์ได้เอง ที่ฮอนด้าเรียกว่าโหมด M นั้น
ทำงาน ได้อย่างรวดเร็วว่องไว เปลี่ยนเมื่อไหร่ หากรอบเครื่องยนต์อยู่ในช่วงที่เหมาะสม เกียร์จะเปลี่ยนให้ทันที และถ้าผลักมาที่โหมดนี้แล้ว เกียร์จะไม่เปลี่ยนตำแหน่งขึ้นเอง
จนกว่าผู้ขับจะเป็นคนเลื่อนคันเกียร์ขึ้นบวก ดังนั้น โปรดระวังอย่าเร่งจนรอบเครื่องอยู่ในช่วง เรดไลน์ นานเกินไป

ระบบกันสะเทือนนั้น เนื่องจากถูกเซ็ตมาในโทนนุ่มนวล เอาใจผู้ที่ตั้งใจใช้งานสตรีม ในเมือง และออกต่างจังหวัดบ้างไม่บ่อยนัก
ดังนั้น จึงพอจะจับอาการโยนบนคอสะพานได้ชัดกว่าคันอื่นพอสมควร
อีกทั้งยังต้องใช้สมาธิในการควบคุมในย่านความเร็วสูง
มากกว่าคันอื่น อีกทั้งพอจะมีอาการวูบอยู่บ้างนิดนึง
เมื่อเจอลมปะทะด้านข้าง แต่ไม่น่าเกลียดมากนัก ยังพอรับได้

ระบบ เบรก ถึงจะให้ความมั่นใจได้ แต่การหน่วงความเร็วไม่ค่อยนุ่มนวลนัก ใครชอบขับรถเลียเบรก หรือแตะเบรกเบาๆล่วงหน้าก่อนถึงทางแยก อาจไม่ชอบสไตล์แป้นเบรก
ฮอนด้า แต่ถ้าปรับตัวจนชินก็ไม่มีปัญหาอะไรน่าเป็นห่วง

โครงสร้างตัวถัง พอจะรู้สึกได้ถึงอาการบิดตัวอยู่บ้าง แต่ไม่มากนัก
----------------------
**ทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เดินทางไกล 110 กม./ชม.***

ทดสอบด้วยวิธีเดียวกัน แต่ต้องเลี้ยงคันเร่งเอง
เพราะสตรีมไม่มีครุยส์คอนโทรล

ระยะทางพอกันครับ
ผมค้นหาตัวเลขในกองเอกสารบนโต๊ะผมตอนนี้ไม่เจอ
แต่จำได้ว่า 11.99 กม./ลิตร

----------------------
สรุป
อย่าเพิ่งดูถูกม้านอกสายตา

ถึง ใครๆจะบอกว่า ฮอนด้า สตรีม เป็นม้านอกสายตาไปแล้ว แต่ในความจริง เมื่อได้ลองสัมผัสกันเต็มๆแล้ว สตรีมก็มีจุดเด่นในตัวเอง ชนิดที่ไม่ควรจะดูถูกกันง่ายๆ เพราะ
ถึงแม้จะถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาใจคน รักครอบครัวที่ต้องการความนุ่มนวลในการเดินทางเป็นหลัก แต่ระบบกันสะเทือนถือว่า ตอบสนองได้ดีกว่าฮอนด้า ซีวิค ทั้งที่ใช้ชุดระบบ
กันสะเทือนหน้า-หลัง ร่วมกัน

แต่ จุดที่น่าประทับใจที่สุดของสตรีม อยู่ที่การทำงานของเครื่องยนต์ K20A ที่สอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะได้อย่างดีเยี่ยม หากต้องการอัตราเร่งในช่วงใด ก็สามารถ
เรียกใช้งานได้ทันที ให้ความยืดหยุ่นสูง อีกทั้งการเปลี่ยนเกียร์ยังทำได้อย่างนุ่มนวล ราบเรียบ แก้ไขจุดบกพร่องของเกียร์อัตโนมัติที่ชอบกระตุกในฮอนด้ารุ่นก่อนๆได้ชงัด
และ ถึงแม้จะมีเทคโนโลยี i-VTEC เช่นเดียวกับซีอาร์-วี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะบ่นว่ากินน้ำมัน แต่สตรีม ก็ทำสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในระดับที่ใกล้เคียงคู่แข่ง ไม่แตกต่างกันมากนัก
เรียกได้ว่า การตอบสนองของเครื่องยนต์ในภาพรวมนั้น สตรีมทำได้ดีกว่าคู่แข่งคันอื่น

แต่ จุดที่น่าปรับปรุง ซึ่งเราคาดหวังจะพบได้ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ไม่ได้อยู่ที่ระบบกันสะเทือน แต่อยู่ที่ฝีมือในการประกอบจากโรงงานของฮอนด้าในอินโดนีเซีย ที่ควรให้เวลา
และ ความใส่ใจกับเรื่องคุณภาพอีกนิด เพื่อให้ให้ทัดเทียมกับโรงงานฮอนด้าในเมืองไทยซึ่งถือได้ว่ามีคุณภาพในการ ประกอบที่พัฒนาฝีมือไปมากจนถึงขั้นส่งรถยนต์กลับไป
ขายในญีปุ่น ประเทศที่ได้ชื่อว่าจุกจิกเรื่องความเนี้ยบในการประกอบมากกว่าหลายๆชาติในโลก

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
และ แถม Zafira ให้ไปเลย

----------------------------

     
      *** การทดลองขับ และวัดอัตราเร่ง***
      การ ทดลองอัตราเร่ง ใช้ทางยกระดับบางนา-บางปะกง เป็นสถานที่ทดลอง โดยมีผู้เขียน น้ำหนักตัว 85 กิโลกรัม เป็นผู้ขับ และมีผู้ร่วมทดสอบซึ่งคอยจดบันทึกและจับเวลา
      อีก 1 คน น้ำหนักตัว 65 กิโลกรัม รวม 150 กิโลกรัม อุณหภูมิภายนอก 30.องศาเซลเซียส เติมลมยางไว้ คู่หน้า 28 ปอนด์/ตารางนิ้ว คู่หลัง 29 ปอนด์/ตารางนิ้ว ผลทีได้มีดังนี้

      อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง
      ครั้งที่ 1...13.14 วินาที
      ครั้งที่ 2...13.08 วินาที
      ครั้งที่ 3...13.58 วินาที
      ครั้งที่ 4...12.90 วินาที

      เฉลี่ย...13.17 วินาที (สเป็กจากโรงงานระบุว่า ทำได้ในระดับ 10.5 วินาที)

      อัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง
      ครั้งที่ 1...9.09 วินาที
      ครั้งที่ 2...9.31 วินาที
      ครั้งที่ 3...9.05 วินาที
      ครั้งที่ 4...9.48 วินาที

      เฉลี่ย...9.23 วินาที

      เมื่อ เหยียบคันเร่งจนสุด เพื่อเร่งความเร็วจาก 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทอร์ก คอนเวอร์เตอร์ จะเปลี่ยนเกียร์จาก 4 ลงสู่เกียร์ 2 และจะคงไว้อย่างนั้น ก่อนเปลี่ยนขึ้นเป็น
      เกียร์ 3 ให้เมื่อเข็มความเร็วผ่านหลัก 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง พอดี

      ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ "อ่านจากมาตรวัด" (เกียร์จะเปลี่ยนเอง ณ รอบเครื่องยนต์ประมาณ 6,250 รอบ/นาที)
      เกียร์ 1 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที
      เกียร์ 2 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที
      เกียร์ 3 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที
      เกียร์ 4 197 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 4,700 รอบ/นาที

      ความ เร็วสูงสุด อ่านจากมาตรวัดได้ 197 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 4,700 รอบ/นาที ขณะที่ข้อมูลจากทางโรงงานระบุว่า เวอร์ชันไทยทำได้ 192 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนเวอร์ชัน
      ยุโรป ทำได้ 188 กิโลเมตร/ชั่วโมง

      ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้รอบเครื่องยนต์ 2,250 รอบ/นาที

      เครื่อง ยนต์ ECOTEC 2,200 ซีซี ของซาฟิรา ให้อัตราเร่งที่น่าพอใจ ช่วงออกตัวด้วยเกียร์ 1 อาจจะช้าไปเล็กน้อย แต่เมื่อเข้าสู่เกียร์ 2 และ 3 นั้น เรียกพละกำลังออกมาได้
      ดี ความเร็วขึ้นจากระดับ 80 - 160 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาไม่นานนัก และยังมีทีท่าจะขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆจนถึงระดับ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง หลังจากนั้นต้องใช้เวลานาน
      พอสมควรถึงจะไต่ไปถึงระดับความเร็วสูงสุด

      เกียร์ อัตโนมัติ ของซาฟิรา เป็นแบบ 4 จังหวะ พร้อมปุ่ม SPORTMODE หรือตัว S อยู่บนคันเกียร์ หากใช้โหมดนี้ สมองกลจะคอยเปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่า
      ปกติ เพื่อเรียกอัตราเร่งให้ได้ดังใจ แต่เมื่อใช้งานจริงกลับพบว่า หากต้องการเรียกอัตราเร่งสูงสุดในเวลาอันสั้น ผู้ขับควรจะเปลี่ยนคันเกียร์เอาเองจะดีกว่า เพราะการตอบสนอง
      ยังไม่ทันใจ นัก (แต่ต้องระวังอย่าปล่อยรอบเครื่องยนต์พุ่งทะลุเกินขีดแดง REDLINE ณ 6,500 รอบ/นาที โดยไม่เปลี่ยนเกียร์ในตำแหน่งสูงขึ้น )

      ส่วนปุ่มรูป เกล็ดหิมะ หมายถึงระบบช่วยออกรถบนทางลื่น โดยจะออกตัวด้วยเกียร์ 3 นอกจากนี้ยังมีระบบเอนจิน เบรก โดยใช้วิธีเลื่อนตำแหน่งเกียร์จาก 3 ลง 2 และ
      ลง 1 แต่ถ้าใช้เกียร์ 1 ที่ความเร็วสูงเกินไป เกียร์จะค้างอยู่ที่เกียร์ 2 จนกว่าความเร็วจะลดต่ำลงจนถึงระดับที่เหมาะสม จึงจะเปลี่ยนลงสู่เกียร์ 1 ให้ นอกจากนี้ยังมีระบบ
      แทร็กชันคอนโทรลเสริมให้ในกรณีที่ล้อข้างใดข้างหนึ่งเกิดหมุนฟรี โดยไฟสัญญาณของระบบนี้จะเตือนขึ้นเมื่อระบบทำงาน

      ระบบ กันสะเทือนอาจจะแข็งจนถ่ายทอดความรู้สึกจากผิวถนนขรุขระอยู่บ้างเล็กน้อยใน ช่วงความเร็วต่ำ แต่ให้กลับความมั่นใจได้ดีมากช่วงความเร็วระดับเดินทางปกติจนถึง
      ย่าน ความเร็วสูงไม่เกิน 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อเจอคอสะพาน ที่ระดับความเร็วไม่เกิน 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่ปรากฎอากาศโยนตัวแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ขับเกิด
      เบรกไม่ทันเมื่อ เห็นคอสะพานข้างหน้า แค่เพียงลดความเร็วลงต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถือพวงมาลัยให้นิ่งๆ ที่เหลือ ปล่อยให้ระบบกันสะเทือนได้ทำหน้าที่ของมันอย่าง
      สมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังให้ความมั่นใจในขณะเข้าโค้ง ในช่วงความเร็วระดับ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับมุมองศาของทางโค้ง การหักหลบสิ่งกีดขวาง ทำได้อย่างคล่องตัว
      แต่ไม่ถึงกับเฉียบคม

      โครง สร้างตัวถังถุกออกแบบมาค่อนข้างดี แน่นหนาตามแบบฉบับรถยุโรป ในช่วงเปลี่ยนเลนกระทันหัน แทบไม่รู้สึกถึงการบิดตัวหรือให้ตัวของตัวถังมากนัก ถือว่า TORSION STIFFNESS ค่อนข้างดีแต่
      พอจะมีอาการวูบอยู่บ้างเล็กน้อย หากมีลมปะทะเมื่อใช้ความเร็วสูง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงอยู่สูง และถึงแม้ว่าน้ำหนักพวงมาลัย อาจจะยังถือว่าเบาไปเล็กน้อย
      แต่ภาพรวมทั้งหมด ยังให้ความมั่นใจได้ในการเดินทาง

      การ ตอบสนองของระบบเบรก ให้ความมั่นใจได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นภาวะปกติ หรือเบรกกระทันหัน การหน่วงความเร็วเกิดขึ้นอย่างฉับไว แต่ไม่ใช่แตะเบรกแล้วระบบจะทำงาน
      ฉับพลันจนหน้าทิ่ม หากแต่หยุดรถได้อย่างนุ่มนวล

      ทัศนวิสัย รอบคันโปร่งตา มองเห็นได้ชัดเจน ยกเว้นบริเวณเสาหลังคาคู่หลังสุด D-PILLAR ซึ่งบางครั้งอาจจะบดบังไปบ้างเล็กน้อยขณะจะเร่งแซง หรือเตรียมเลี้ยวซ้าย
      แต่ ด้วยขนาดกระจกมองหลังที่ยาว สามารถปรับให้ผู้ขับมองเห็นได้ทั้งรถที่มาจากด้านหลังและด้านข้างได้ใน ตำแหน่งเดียวกัน จึงช่วยลดอุปสรรคตรงนี้ไปได้บ้าง


      **ทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เดินทางไกล 110 กม./ชม.***

      วัน ต่อมา เราได้ทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยยึดรูปแบบการทดลองเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมาที่ทำโดย THAIDRiVER เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
      นั่นคือ เริ่มเติมน้ำมันที่ปั้มน้ำมันย่านพระราม 9 แล้วมุ่งหน้าข้ามสะพานแยกพระราม 9 -ศรีนครินทร์ มุ่งหน้าสู่ถนนมอเตอร์เวย์ จนสุดสาย จากนั้นออกสู่ถนนบายพาส ชลบุรี-
      พัทยา ไปสิ้นสุดที่หน้าสนามพีระอินเตอร์เนชันแนลเซอร์กิต แล้วขับกลับย้อนเส้นทางเดิม กลับมาเติมน้ำมันให้เต็มถังอีกครั้งที่ปั้มน้ำมันแห่งเดิม โดยระยะทางไปกลับนั้นอยู่ที่
      ประมาณ 250-260 กิโลเมตร และใช้ความเร็วระดับ 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง

      น้ำมัน เชื้อเพลิงที่เราเลือกเติมในการทดลอง เป็นค่าออกเทน 95 เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับการทดลองครั้งก่อน อีกทั้งในคู่มือผู้ใช้ของซาฟิรา ระบุว่า ให้เติมได้เฉพาะ
      น้ำมันที่มีค่าออกเทน 95

      ถัง น้ำมันมีความจุ 58 ลิตร เมื่อเติมเต็มจนหัวจ่ายตัดการทำงานแล้ว ยังต้องช่วยกันเขย่ารถเพื่อให้น้ำมันไหลเข้าสู่ถัง แล้วค่อยๆ เติมหยอดๆ ต่อเนื่อง จนกระทั่งน้ำมันไม่
      สามารถไหลผ่านลิ้นกันกระฉอก เต็มเอ่อขึ้นมาถึงคอถังและล้นออกมาข้างนอก เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันไหลลงไปจนเต็มถังจริงๆ ทั้งช่วงก่อนและหลังเสร็จการทดลอง

      น้ำหนักรถเปล่าไม่รวมของเหลวตาม สเป็กระบุไว้ที่ 1,490 กิโลกรัม หากชั่งจริงอาจจะแตกต่างจากนี้ รวมน้ำหนักของผู้ขับ 85 กิโลกรัม และผู้โดยสาร น้ำหนัก 60 กิโลกรัม
      จักรยาน 1 คัน น้ำหนัก 11 กิโลกรัม รวมทั้งสิ้นประมาณ 156 กิโลกรัม รวมแล้วน้ำหนักตัวของซาฟิราคันที่เราทดลองขับจะอยู่ที่ประมาณ 1,646 กิโลกรัม (ไม่รวมของเหลว)
      เติมลมยางไว้ตามสเป็กที่กำหนด 32 ปอนด์/ตารางนิ้ว ทั้ง 4 ล้อ

      ตลอด การขับ เปิดแอร์ เร่งน้ำยาแอร์ในระดับสูงสุด แต่ด้วยสภาพอากาศที่ค่อนข้างร้อน อยู่ในระดับตั้งแต่ 32.5 - 35 องศาเซลเซียส (อ่านจากแผงหน้าปัด) จึงเปิดสวิชต์พัดลม
      ไว้ที่เบอร์ 2 เท่านั้น และไม่มีการเหยียบคันเร่งจนจมมิดเพื่อคิ๊กดาวน์เพื่อเรียกอัตราเร่งแต่อย่าง ใด แต่การทำความเร็วนั้น จะค่อยๆกดคันเร่งเบาๆและให้ความเร็วของรถ
      เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

      จาก นั้น ใช้ระบบควบคุมความเร็ว หรือ ครุยส์ คอนโทรล ที่ติดตั้งมาให้ โดยชุดควบคุมติดตั้งอยู่ที่ก้านไฟเลี้ยวฝั่งซ้าย วิธีการใช้งาน เพียงแค่เร่งความเร็วให้ถึงระดับที่ต้องการ
      แล้วกดปุ่ม I (มาจาก INCRESE) เพื่อล็อกความเร็วที่ต้องการ หากต้องการเพิ่มความเร็วขึ้น กดปุ่ม I เพื่อเพิ่มความเร็วได้ครั้งละ 2 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้ากดถี่ๆ ความเร็ว
      จะ เพิ่มขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว แต่หากต้องการลดความเร็วลง เพียงแต่กดปุ่ม R (มาจาก REDUCE) เรื่อยๆ และระบบจะยกเลิกการทำงานเมื่อแตะเบรก หากต้องการให้
      ความเร็วกลับมาอยู่ที่ระดับเดิมก่อนแตะเบรก ก็เพียงแค่กดปุ่ม R อีก 1 ครั้ง

      ปริมาณ รถหนาแน่น ทำให้ยังคงใช้ความเร็วป้วนเปี้ยนที่ระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่เมื่อเลยด่านเก็บเงินแรกมาได้แล้ว สภาพการจราจรคล่องตัวมากขึ้น และใช้ความเร็ว
      ได้ถึงระดับ 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ตั้งไว้อย่างต่อเนื่องเกือบตลอดเส้นทาง

      จาก นั้นจึงแวะพักทานข้าวเที่ยง ณ ร้านอาหารบริเวณ จุดพักริมทางมอเตอร์เวย์ ดับเครื่องยนต์ เมื่อแล่นมาได้ถึงระยะทาง 53.2 กิโลเมตร (จากมาตรวัด) ประมาณครึ่งชั่วโมง
      แล้วเดินทางต่อจนถึงสนามพีระ จากนั้นจึงเลี้ยวกลับ โดยไม่มีการหยุดพักอีกครั้ง เพื่อมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯโดยใช้เส้นทางเดิม เมื่อถึงปั้มน้ำมันแห่งเดิม เราได้เติมน้ำมัน
      อีกครั้งด้วยวิธีการเหมือนกับการเติมครั้งแรก และคำนวนหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ผลที่ได้มีดังนี้

      ระยะทางที่แล่นมาทั้งหมด จากตัวเลขบนมาตรวัด 260 กิโลเมตร
      ปริมาณน้ำมันที่ใช้ไป 20.78 ลิตร
      อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 12.512 กิโลเมตร/ลิตร

      -----------------------------------
      สรุป
      ถึงจะเก่า แต่ก็เก่าแค่เพราะอยู่มานานกว่า

      การที่ซาฟิราอยู่ในตลาดมานานกว่าใครเพื่อนนั้น เราสามารถมองได้ทั้ง 2 มุม

      แน่ นอนว่าการที่ซาฟิรายังขายได้อยู่ในระดับเดือนละ 200-300 คันคงที่มาตลอดจนถึงทุกวันนี้นั้น ย่อมเป็นเรื่องที่ยืนยันได้ว่าซาฟิราเองก็ยังสามารถยึดเหนี่ยวใจลูกค้าที่ ชอบ
      ความมั่นใจในการขับขี่ได้ไม่น้อย ทั้งเรื่องการออกแบบปรับปรุงระบบกันสะเทือนและระบบเบรกที่ตอบสนองได้ มั่นใจที่สุดในกลุ่ม ผสานกับโครงสร้างตัวถัง ถูกออกแบบมา
      ค่อนข้างแน่น หนาดี รวมทั้งคุณภาพในการประกอบที่มีมาตรฐานระดับโลก จนทำให้หลายประเทศในยุโรป เช่นอังกฤษ ไปจนถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และแม้กระทั่งญี่ปุ่น
      ยอมรับในฝีมือของคนไทยในเวทีอุตสาหกรรมยานยนต์โลกที่พัฒนาศักยภาพขึ้นไปมาก

      อย่าง ไรก็ตาม ในอีกมุมหนึ่ง การที่อยู่ในตลาดมานานกว่าใคร ทำให้ย่อมเสียเปรียบคู่แข่งที่มีความสดใหม่มากกว่า เป็นธรรมดาตามอายุการทำตลาดของรถยนต์ 1 รุ่น อีกทั้ง
      ซาฟิราเองก็เริ่ม เข้าใกล้ช่วงปลายของอายุตลาดแล้ว ดังนั้นจึงมีสิ่งที่น่าจะนำไปปรับปรุงปรากฎให้เห็นอยู่หลายจุด มีทั้งอุปกรณ์ที่กลายเป็นสิ่งจำเป็นในการใช้งานบนแผง
      หน้าปัดและห้องโดยสารบางรายการ เช่นไฟบอกตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติ ฯลฯ

      และ ด้วยขนาดตัวถังที่เล็กกว่าคู่แข่ง ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดเล็กไปสักหน่อยเมื่อเทียบคู่แข่ง อีกทั้งตำแหน่งพวงมาลัยนั้น เงยมากเกินไป แม้ว่าจะปรับระดับแล้ว ก็ยังยากที่
      จะลงตัว ใครที่คิดจะซื้อแนะนำว่า ควรทดลองขับเพราะเป็นจุดเดียวที่จะตอบใจตัวคุณเองได้ว่าคุณรับได้กับท่านั่ง ขับลักษณะของซาฟิรา หรือไม่? เพราะถ้าคุณผู้อ่านรับได้
      ซาฟิรา ก็เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ให้ความคล่องตัวในเมืองด้วย ขนาดตัวถังที่เล็กกว่า แต่มั่นใจได้หากต้องขับทางไกลด้วยระบบกันสะเทือน เบรก และ
      การออกแบบโครงสร้างตัวถังที่ดี

ออฟไลน์ Kookkui

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 24
    • อีเมล์
สุดยอดเลยคับ ข้อมูลแน่นปึ๊กมากๆ!!!!!
แต่พอพี่จิมมี่พอจะรู้ไม่ว่า เจ้าตัว ST3 นี่มันมีอะไรปรับปรุงบ้างอ่ะคับ
เห็นว่าเบาะมันเริ่มนุ่มขึ้นกว่าเดิม  พี่จิมมี่มีอะไรอัพเดทป่าวคับผม

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์

ออฟไลน์ bonny

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 3
    • อีเมล์
สุดยอดเลยคับ ข้อมูลแน่นปึ๊กมากๆ!!!!!
แต่พอพี่จิมมี่พอจะรู้ไม่ว่า เจ้าตัว ST3 นี่มันมีอะไรปรับปรุงบ้างอ่ะคับ
เห็นว่าเบาะมันเริ่มนุ่มขึ้นกว่าเดิม  พี่จิมมี่มีอะไรอัพเดทป่าวคับผม



ตอนนี้ผมก็ใช้ wish st3 อยู่คับ มีอุปกรณ์เพิ่มเติมจากตัวธรรมดาที่ขายอยู่แค่ไม่กีอย่างคับ เช่น

1 รุ้นนี้มีแต่สีขาวเท่านั้น
2 เบาะใช้หนังสีดำขิบด้วยด้ายแดงแล้วพิมพ์ลาย st ติดเขาไปเท่านั้น (ใช้เบาะเดิมแต่หุ้มหนังใหม่)
3 สเกริส์ให้ชิ้น หน้า และ หลัง
4 พรมลาย st3 รอบคัน
5 วิทยุสามารถเล่น dvd แล้วให้จอเพดานมา

นอกนั้นก้เหมือนตัวที่ขายทั้งไป แต่ตอนนี้จะจองรอรถประมาณ 2 เดือนนะคับแล้วอีกไม่นานจะเลิกผลิตแล้วนะคับ

ออฟไลน์ P_Wut

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 866
  • My Sporty Innova
    • อีเมล์
Wish ST3 ใหม่ ยังมีขายอยู่/ผลิตอยู่ครับ

ตัวรถเกือบทั้งหมด ผลิตที่โรงงานโตโยต้า (น่าจะเกตเวย์)

แต่ก่อนส่งถึงลูกค้า ต้องแวะไปตกแต่งอีกรอบนึงที่ TAC (Thai Auto Conversion)

ครั้งสุดท้ายที่ผมแวะไปมา คือ 2 อาทิตย์ก่อน ยังเห็นรถหลายรุ่นที่ต้องผ่านโรงงานนี้ออกมา เช่น
- Innova
- Ventury
- Altis SS-1
- Vios GT Street version
- Wish ST3

วันนั้น เห็นแค่ 5 รุ่นนี้ครับ  เมื่อก่อนจะเห็น Avanza , Yaris TRD, Camry Extremo ด้วย

ปล. Altis นี่ ผมไม่แน่ใจว่า SS-1 หรือ 2.0 นะ  เพิ่งมานึกสงสัยเอาก็เดี๋ยวนี้แหละ

ออฟไลน์ Arkirose

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 16
    • อีเมล์
ขอบคุณมากๆครับ สำหรับ reviwe  wish ครับ

ช่วงนี้อยากเล่นรถมือสอง  แต่เป็นห่วงเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันมากมายครับ

ขอบคุณมากๆครับ

12 กม/ลิตร ทำใจได้ครับ 55+

ออฟไลน์ u5114864

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
    • อีเมล์
น้อยแล้วหรอพี่จิมมี่ 555+

ยาวมั่ก มาก

ถ้าให้เนเขียน คงเขียนได้แค่ ไม่ถึง 10 บรรทัด -*-

ด้วยเหตุนี้แล ข้าพเจ้าจึงไมได้ทำ review by owner อิอิ

ออฟไลน์ boyddii

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 575
  • Bunny
ว๊าว มาแบบเต็ม ๆ เลย นี่ถ้ามีรูปประกอบนิ เป็นพรีวิวที่น่าอ่านอีกตัวเลยนะครับเนี่ย อิอิ

ขอบคุณนะค๊าบบ ที่หามาให้อ่าน จุใจจริง ๆ  ;D

Dr.slum

  • บุคคลทั่วไป
ซื้อเลยคับบบ

ผมเชียร์เต็มที่เลย

เพราะเคยใช้มา เป็นรถที่ดีคันนึงเลยล่ะคับ

ปล.ตอนนี้ยังคิดอยากจะได้อยู่เลย

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
^
^
^

วันนี้ ถ้าผมไปเจอพวกเขาเร็ว

ผมอาจโดนลากไปดู วิช คันนึง ถึงรามอินทรา

 ::)

ออฟไลน์ akkavit

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 274
จริงๆ วิชก็ดีนะ แต่ผม  ชอบ สตรีม มากกว่า สวยดี ถ้าไมเนอร์เชนละจี๊ดมากในายตาผมละ  

ออฟไลน์ Kookkui

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 24
    • อีเมล์
ขอบคุณครับ ทุกๆท่านที่มาแสดงความคิดเห็นกัน
ข้อมูลดีๆ แบบนี้คงเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกท่านแน่นอนครับ

ปล. พี่จิมมี่ไปดูแล้วอย่าลืม มาโพสต์รูปหรือรายละเอียดให้ดูด้วยนะครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
คงไมโพสต์ครับ
เพราะไม่ได้ไปดู
และเป็นรถมือสอง เลยไม่มีอะไรให้ผมดู ครับ

^_^'