*Special Report FORD EVEREST EXTRAORDINARY ADVENTURE

[sirisak_ac118]

FORD EVEREST EXTRAORDINARY ADVENTURE พาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งลาวใต้และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอันซีน
-ถ้าจะพูดถึงน้ำตกที่สวยงาม ไร่กาแฟ และป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ คงจะหนีไม่พ้นประเทศเพื่อนบ้านของไทยเราก็คือ ประเทศลาว
ประเทศลาวมีภูมิประเทศที่เป็นป่าเขา และเต็มไปด้วยแม่น้ำหลากหลายสาย โดยเฉพาะลาวตอนใต้
ที่อยู่บนที่ราบสูงโบโลเวน (Bolaven Plateau) ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่เหมาะสมกับการเพาะปลูกกาแฟชั้นดี 
จึงเป็นพื้นที่เพาะปลูกกาแฟเพื่อการส่งออกสำคัญของประเทศลาว โดยเป็นผู้ผลิตกาแฟที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามหลังเวียดนามและอินโดนีเซีย



-ในพื้นที่ราบสูงโบโลเวน ยังมีสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ นั่นคือน้ำตกที่มีความสวยงามและอลังการหลายเแห่งที่เพิ่งค้นพบได้ไม่นาน ทำให้ธรรมชาติยังไม่ถูกทำลาย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่รอการพัฒนา
การเดินทางเพื่อจะเข้าถึงในตัวน้ำตกยังมีความยากลำบาก จึงเป็นหนึ่งในความท้าทาย ดังนั้นทาง Ford ประเทศไทยได้เชิญสื่อมวลชน ร่วมทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ Ford Everest 3.2L Titanium+ 4x4 AT(MY2016)
ในการพจญภัยไปชมสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแห่งดินแดนลาวใต้ในครั้งนี้ เดินทางในวันที่ 20-22 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยมีสื่อมวลชนร่วมกว่า 40 ท่าน รวมถึงผมตัวแทนจากเว็บ headlightmag ได้มีโอกาสเข้าร่วม
กับกิจกรรม FORD EVEREST EXTRAORDINARY ADVENTURE ในครั้งนี้

[sirisak_ac118]

-มาคุยกันในเรื่องของตัวรถก่อน ขอพูดถึงเพียงคร่าวๆ และการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้ใช้งานจริงในการเดินทางครั้งนี้
รถที่ใช้ในการเดินทางครั้งนี้คือ Ford Everest 3.2L Titanium+ 4x4 AT จัดมาเป็นตัวท็อปสุดในทุกคัน ราคาของตัวรถ ณ ปัจจุบัน (ธ.ค. 2017) 1,769,000- บาท
ส่วนของขนาด และ มิติตัวถังของ Ford Everest มีดังนี้
ยาว 4,893 มิลลิเมตร กว้าง 1,862 สูง 1,836 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 2,850 มิลลิเมตร
ระยะต่ำสุดถึงพื้น ground clearance : 225 มิลลิเมตร
สามารถลุยน้ำได้สูงสุด 80 เซนติเมตร
น้ำหนักตัวรถ 2,480 กิโลกรัม



-เครื่องยนต์ PUMA Duratorq TDCi Diesel 5 สูบ
DOHC 20 วาล์ว 3,198 ซีซี กระบอกสูบ x ช่วงชัก 89.9 x 100.7 มิลลิเมตร
กำลังอัด 15.7:1  มิลลิเมตร จ่ายเชื้อเพลิงตามราง Common Rail ตรงเข้าสู่
หัวฉีดแบบ Direct Injection พร้อมระบบอัดอากาศ Turbocharger แบบ
แปรผันครีบ (VG) และ Intercooler
พละกำลังสูงสุด 200 แรงม้า (PS) ที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 470
นิวตันเมตร (47.89 กก.-ม.) ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที ปล่อยก๊าซ CO2
(คาร์บอนไดออกไซด์) สูงถึง 233 กรัม/กิโลเมตร
ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดเปลี่ยนเกียร์แบบธรรมดา
ขนาดถังน้ำมัน 80 ลิตร

[sirisak_ac118]

-ระบบพวงมาลัย พาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงด้วยระบบแบบไฟฟ้า (EPS)
ระบบกันสะเทือนหน้า แบบอิสระปีกนก 2 ชั้นพร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนด้านหลัง แบบคอยล์สปริงพร้อมวัตต์ลิงค์และเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกหน้าและหลัง เป็นแบบดิสก์เบรก
ล้ออัลลอย ขนาด 20"นิ้ว พร้อมยางขนาด 265/50 R20



-ขับเคลื่อนด้วยระบบ 4 ล้อตลอดเวลา (AWD) พร้อมระบบปรับการส่งกำลังของล้อหน้าและล้อหลังแบบอัตโนมัติ โดยทางปกติสามารถถ่ายกำลังระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง 10 : 90 และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพของพื้นผิวที่วิ่งผ่าน
พร้อมระบบ Terrain Management โดยสามารถหมุนปรับที่ i4WD เลือกโหมดที่ต้องการช่วยปรับเปลี่ยนการขับขี่ให้เหมาะสมกับสภาพของพื้นถนนที่วิ่งผ่าน โดยแบ่งเป็นโหมดดังนี้
1.NORMAL ในการขับขี่ทั่วไป ระบบจะจัดการถ่ายเทของกำลังของแต่ละล้อแบบอัตโนมัติ โดยจะเรียนรู้จากการขับขี่และสภาพถนนในการเปลี่ยนถ่ายของกำลัง
2.Mud & Snow เหมาะกับการขับขี่บนพื้นหิมะ/โคลน/พื้นหญ้า เหมาะกับสถาพของพื้นมีความลื่นมากๆ โดยระบบจะลดความไวของคันเร่ง และจะเปลี่ยนเกียร์ไวขึ้น เพื่อลดการปัดหรือไถลของตัวรถ
3.Sand เหมาะกับการขับบนพื้นทราย โดยระบบจะปิดระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control(TC) เพราะระบบนี้จะลดกำลังที่ส่งไปยังล้อ การขับขี่บนพื้นทรายต้องการกำลังในการตะกุย ระบบจึงปิดระบบป้องกันการลื่นไถล (TRC) คันเร่งจะไวขึ้น เกียร์จะเปลี่ยนช้าลงเพื่อให้ได้กำลังส่งไปที่ล้อในการขับบนพื้นทราย
4.Rock โหมดนี้รถจะใช้ความเร็วต่ำมากๆ ในการปีนป่ายหิน หรือพื้นที่โหดมากๆ โดยจะมีเงื่อนไขในการใช้งานคือ ต้องจอดรถสนิท > เข้าเกียร์ว่าง (N) > กดปุ่ม 4x4 Low > แล้วหมุนปุ่ม i4WD ไปยังโหมด ROCK
และถ้าต้องการกำลังในการปีนป่ายหรือถนนที่โหดมากๆ ยังมี Electronic Locking Rear Differential(LRD) พื้นถนนที่โหดร้ายอาจจะมีล้อใดล้อหนึ่งลอยหรือหมุนฟรีทำให้อีกล้อเสียกำลัง ซึ่งระบบจะล็อกสองล้อหลังให้หมุนไปพร้อมกัน เพื่อให้ล้อคู่หลังมีแรงในการขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ดียิ่งขึ้น
แต่จะทำงานได้ไม่เกิน 40 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่านั้น เร็วกว่านี้ระบบจะปลดล็อกให้อัตโนมัติ และขณะใช้งาน Electronic Locking Rear Differential(LRD) ไม่เหมาะกับการเลี้ยวเพราะอาจจะทำให้รถเสียหลักได้

[sirisak_ac118]

ระบบความปลอยภัย
-ถุงลมนิรภับ 7 จุด คู่หน้า / ด้านข้าง / หัวเข่าคนขับ / ม่านนิรภัย
-จุดยึดเบาะนั่งเด็ก (ISOFIX)
-ระบบช่วยออกตัวขณะจอดอยู่บนทางลาดชัน Hill Launch Assist (HLA)
-ระบบควบคุมการทรงตัวขณะลากจูง Trailer Sway Mitigation


-กล้องมองหลังขณะถอยจอด พร้อมเส้นกะระยะหมุนตามพวงมาลัย
-เซ็นเซอร์ช่วยจอดรอบคัน 10 จุด (หน้า 6จุด/หลัง 4จุด)
-ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน Hill Descent Control ระบบนี้คนขับเพียงกดปุ่มที่ i4WD และปล่อยให้รถไหลบนทางลาดชันโดยใช้กำลังเครื่องยนต์และเกียร์ในการควบคุมความเร็ว โดยคนขับไม่ต้องกดคันเร่งหรือเบรกในการควบคุมรถ เป็นการลดการใช้เบรกและคันเร่ง เพียงบังคับพวงมาลัยในการลงทางลาดชัน เราสามารถเพิ่มความเร็วหรือลดความเร็วขณะลงทางลาดชันโดยกดปุ่มที่พวงมาลัย
-ระบบตรวจจับรถด้านหลังขณะถอยออกจากที่จอด Cross Traffic Alert
-ระบบตรวจจับจุดบอดข้างรถ Blind Spot Information System (BLIS?)
-ระบบป้องกันล้อล็อค ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
-ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control(TC) และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว electronic stability program (ESP)
-ระบบลดความเสี่ยงในการพลิกคว่ำ Rollover Mitigation

[sirisak_ac118]

ความสะดวกในการขับขี่
ภายนอก
-ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
-ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
-หลังคา Panoramic Moonroof เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
-ไฟวิ่งเวลากลางวันแบบ LED
-ไฟหน้าแบบ HID ปรับระดับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ
-ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
-ไฟตัดหมอกหน้า
-ไฟตัดหมอกหลัง



ภายใน
-กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
-ช่องต่อไฟ 12V 4 จุด
-ฝาท้ายไฟฟ้า เปิด-ปิด ได้จากภายในรถ/กุญแจ และกดปุ่มด้านท้ายรถ
-ปลั๊กไฟบ้าน AC 230V
-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแยกอิสระ ซ้าย-ขวา
-ระบบปรับอากาศตอนหลัง ปรับอุณหภูมิแยกได้
-ระบบเปิด-ปิดกระจกแบบ On Touch ทุกบาน
-ระบบตัดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร Active Noise Cancellation
-เบาะหนังปรับได้ 8 ทิศทางในเบาะคู่หน้า
-เบาะแถวสองปรับเอนได้ เลื่อนเดินหน้า-ถอยหลังได้
-เบาะแถวสามพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
-ไฟในห้องโดยสารปรับเปลี่ยนได้ 7 โทนสี
-ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 3 เชื่อมต่อ Bluetooth และ Wifi
-วิทยุพร้อมเครื่องเล่น CD / MP3 และช่องเสียบ USB 2 จุด
-หน้าจอ Multi-Touch ขนาด 8 นิ้ว รองรับระบบ Apple Carplay และ Andrioid Auto
-ลำโพง 9 ตัวพร้อมซับวูฟเฟอร์และแอมพลิฟลายเออร์



เทคโนโลยีช่วยเหลือในการขับขี่
-ระบบควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control
-ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ Active Park Assist
-ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping Assist จะเตือนถ้ารถออกนอกช่องทางโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว รถจะเตือนผู้ขับ เลือกให้มีการสั่นเตือนพร้อมเสียง หรือจะให้ระบบรถดึงกลับเข้ามาในเลนอัตโนมัติ
-ระบบเตือนความเหนื่อยล้าของผู้ขับ Driver Alert System
-ระบบเตือนก่อนการชน Forward Collision Warning System โดยระบบจะเตือนด้วยแสงสีแดงที่กระจกมองหน้า พร้อมเสียง ถ้าหากเราเข้าไปใกล้วัตถุหรือรถคันหน้ามากเกินไปโดยที่ยังไม่เหยียบเบรก สามารถตั้งความไวไนการตรวจจับได้สามระดับ
-ระบบเปิดไฟสูงอัตโนมัติ

ในบทความนี้ไม่เน้นรีวิวรถ เป็นการเล่าประสบการณ์ระหว่างการเดินทางตะลุยลาวใต้ ด้วย Ford Everest ส่วน Full Review ของพี่ J!MMY กดตามลิงค์ด้านล่างได้เลย
http://www.headlightmag.com/full-review-2015-2016-ford-everest/

[sirisak_ac118]

-เช้าวันที่ 20 ธันวาคม 2017 เวลาแปดโมงเช้าคณะสื่อมวลชนทั้งสายยานยนต์ และสายท่องเที่ยวรวมถึงลูกค้าและ ADMIN Ford Everest Thailand Club มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมคาราวาน Ford Everest จอดเรียงรายกว่า 20 คัน มากันครบทุกสี
สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ผ่านไปผ่านมาได้ไม่น้อย คันของผมได้ขับหมายเลข10 ผู้ร่วมทางมีคุณโอ๊ต จาก Sanook Auto, คุณซ้ง จาก Mthai และคุณหมู จาก Motor Channel ททบ.5 รวมผมเป็น 4 ชีวิต



-หลังจากแนะนำตัวกันเรียบร้อยก็พร้อมที่จะเดินทาง รถ Ford Everest คาราวานใหญ่ก็เคลื่อนตัวออกจากสนามบินนานาชาติ อุบลราชธานีมุ่งสู่จุดหมายแรก คือจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี โดยเส้นทางเป็นถนนสี่เลน ทางดี ใช้ความเร็วได้อย่างต่อเนื่องจึงได้มีโอกาสลอง



-ระบบควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control วิ่งในเส้นทางไกลได้อย่างสบาย โดยระบบจะใช้งานได้เมื่อความเร็วเกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อกดปุ่ม Cruise Control เพื่อเปิดใช้ระบบเมื่อรถรักษาความเร็วตามที่เรากำหนดให้กดปุ่ม SET - ล็อกความเร็ว ถ้าต้องการเพิ่มหรือลดความเร็วให้กดปุ่ม SET- เพื่อลดความเร็ว ก็ RES+ เพื่อเพิ่มความเร็ว ระบบรักษาระยะจะเริ่มทำงานทันทีเมื่อระบบ Cruise Control เริ่มทำงาน
เมื่อรถคันหน้าชลอความเร็ว รถเราก็ชลอความเร็วตาม เมื่อรถคันหน้าเร่งขึ้นไป รถเราก็จะเร่งความเร็วจนถึงความเร็วที่เราได้เซ็ทค่าไว้ ส่วนการรักษาระยะห่าง สามารถตั้งได้สามระยะ โดยเพิ่ม-ลดระยะที่พวงมาลัยเช่นกัน ระบบควบคุมความเร็วและรักษาระยะห่างอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control จะยกเลิก เมื่อเราแตะเบรก แต่เมื่อต้องการใช้ระบบเช่นเดิมเพียงกดปุ่ม RES+ ที่พวงมาลัย หรือเมื่อความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบบจะมีเสียงเตือนเพื่อให้ผู้ขับควบคุมรถต่อ

[sirisak_ac118]

-ส่วนอีกระบบที่ทำงานได้ดีในถนนที่มีสภาพดีและเส้นจราจรชัดเจนคือระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง Lane Keeping Assist ซึ่งจะคอยเตือนผู้ขับขี่ให้รักษาตัวรถให้อยู่ในช่องทาง ทำงานได้ดีและจับเส้นถนนได้รวดเร็วโดยจะมีเส้นบอกที่หน้าปัด ถ้าระบบทำงานจะมีขีดเส้นประสีเขียวขึ้น จากนี้ถ้าผู้ขับเบี่ยงรถออกโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว
จะมีเสียงเตือนพร้อมการสั่นที่พวงมาลัยเบาๆ ให้รู้ตัว แต่ถ้าเช็ทค่าให้ระบบดึงรถกลับเข้าเลนอัตโนมัติ พวงมาลัยจะหนักแล้วจะมีแรงดึงให้รถกลับเข้าเลน จากที่ได้ลองใช้จริง เปิดแค่ระบบเสียงและระบบสั่นเตือน ก็สะดุ้งเป็นระยะ ได้เพียงพอ ถ้าจะให้ตัวระบบดึงรถกลับจะรู้สึกขัดๆ ฟืนมือคนขับสักหน่อย ไม่ชินจริงๆ

-ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงบนทางหลวงหมายเลข 217  ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร ก็ถึงจุดผ่านแดนถาวรช่องเม็ก ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีแจก Simcard และทำเรื่องผ่านแดนเพื่อขับรถเข้าไปยังประเทศลาว โดยผ่านด่านตรวจไปได้อย่างรวดเร็ว ทีมงานของทาง Ford ได้ทำเรื่องข้ามแดนไว้ล่วงหน้าแล้ว
สิ่งที่ต้องเรียนรู้ในการขับขี่ประเทศลาวคือ รถในประเทศลาวขับพวงมาลัยซ้ายมือ ซึ่งแตกต่างจากบ้านเรา แต่เมื่อต้องขับรถพวงมาลัยขวาบนถนนประเทศที่ขับพวงมาลัยซ้าย จึงต้องปรับความรู้สึกพอสมควร พยายามเตือนตัวเองทุกครั้งว่าเราต้องชิดขวา และเพื่อความปลอดภัยในการขับในประเทศลาว รถทุกคันจะติดสติกเกอร์ภาษาลาวว่า รถคันนี้พวงมาลัยขวา เพื่อบอกผู้ร่วมทางชาวลาวให้ทราบ



-ขับต่ออย่างต่อเนื่องมุ่งหน้าสู่เมืองปากเซ  ด้วยทางหลวงหมายเลข 16W โดยมีการเก็บค่าผ่านทางอยู่ที่ 20,000 กีบ หรือประมาณ 86 บาท ระยะทางประมาณ 45 กิโลเมตร แต่ทำความเร็วได้ไม่มาก ด้วยสภาพถนนที่ยังไม่ดีนัก ตามแยกไม่มีไฟแดงต้องวัดใจ คาราวานมีจำนวนรถค่อนข้างเยอะ ทำให้ผ่านแยกบางช่วงไม่พ้นไฟแดง ต้องรอขบวนรถที่ตามหลัง
จำนวนรถบนท้องถนนมีไม่มาก แต่มอเตอร์ไซค์และจักรยานขับแบบไม่ค่อยสนใจรถใหญที่วิ่งผ่านมา ต้องหลบกันเป็นระยะ และยังมีสัตร์ต่างๆ สุนัข วัว ไก่ แถมด้วยหมูอยู่ตามข้างทางคอยที่จะพุ่งมาทุกครั้งที่ขับผ่าน  Staff ขับนำคันหน้าต้องคอยวอวิทยุบอกรถที่ขับตามหลังให้ระวังเป็นระยะ จึงไม่สามารถทำความเร็วได้เท่าที่ควร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายที่
โรงแรมเอรวัณ ริเวอร์ไซต์ Arawan Riverside Hotel (พิกัด : 15.107812, 105.820612) เพื่อแวะรับประทานอาหารกลางวัน เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ อาหารรสชาติคล้ายอาหารไทย ทานง่ายรสชาติคุ้นเคยอิ่มท้อง และที่สำคัญไข่เจียวอร่อยมาก !!!

[sirisak_ac118]

-หลังจากอิ่มท้องพักยืดเส้นยืดสาย ก็พร้อมเดินทางต่อ สู่น้ำตกแห่งแรกของทริปนี้คือน้ำตกแซป้องไหล ระยะทางจากเมืองปากเซสู่น้ำตกแซป้องไหลประมาณ 100 กิโลเมตร โดยต้องขับผ่านที่ราบสูงโบโลเวน (Bolaven Plateau)เข้าสู่ตัวเมือง ปากซ่อง  ด้วยทางหลวงหมายเลข 16E เก็บค่าผ่านทางเช่นเดิม เส้นทางบริเวณนี้ที่ผ่านที่ราบสูงโบโลเวน เป็นถนนราดยางที่โหดมาก
ถนนกำลังก่อสร้าง เป็นถนนสี่เลน โดยสองข้างทางที่เป็นเลนถนนใหม่เต็มไปด้วยหินที่วางกอง ส่วนในถนนเดิมก็พังและเป็นหลุมขนาดใหญ่ ยากจะหลบได้ จนบางครั้งมีความรู้สึกว่าลงไปวิ่งบนลูกรังข้างทางจะยังดีกว่าวิ่งหลบหมุมบนนถนนราดยางเดิม ถือว่าเป็นการวัดใจ และวัดความทนทานของช่วงล่าง ล้อและยางที่ติดมากับ Ford Everest
และระบบช่วยเหลือในการขับบนถนนเช่นนี้คงหนีไปไม่ได้คือระบบตรวจจับจุดบอดข้างรถ Blind Spot Information System (BLIS) เนื่องจากเวลาที่ต้องหักหลบหลุม หรือลงข้างทาง แบบกระทันหัน ระบบนี้คอยเตือนได้ดีว่ามีรถมอเตอร์ไซค์หรือจักรยานวิ่งขนาบข้างมาหรือไม่ ทำให้เราทราบก่อนและคุมการหักหลบหรือเปลี่ยนทิศทางของตัวรถได้อย่างปลอดภัย

-และอีกระบบที่ขอชมเชยคือระบบเตือนก่อนการชน Forward Collision Warning System เพราะในบางครั้งที่เริ่มทำความเร็ว เมื่อเจอถนนที่มีปัญหา รถคันหน้าเบรกกระทันหัน ระบบคอยเตือนให้เราระวังรถคันข้างหน้าว่าหยุดรถกระทันหันหรือไม่ ในการขับบนถนนสายนี้มีให้เตือนหลายครั้ง



-ในช่วงขับผ่านที่รัาบสูงโบโลเวน ถนนช่วงนี้ได้ทดสอบตัวรถในหลายๆ ด้าน ด้วยถนนทางชันเป็นบางช่วง แต่ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ขนาด 200 แรงม้าของ Ford Everest ก็ทำให้การขึ้นลงเนินไม่ใช่เรื่องยาก แต่ยังมีข้อติกับอาการหน่วงคันเร่งและอาการรอรอบ ที่ให้เหมือนเครื่องยนต์ตัวนี้อั้นกำลัง ต้องจับจังหวะกดคันเร่งนำไปก่อนในจังหวะจะแซง เพื่อให้รอบไหลไปเกิน 2,000 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ตัวนี้ก็จะปลอยพลังพาเอารถร่างยักษ์ที่รวมน้ำหนักบรรทุกเกือบสามตันพุ่งออกไปได้อย่างสวยงาม การออกตัวในช่วงเกียร์ 1-2 เกียร์แรกมีความรู้สึกทดเกียร์มาเน้นแรงบิดมากกว่าแรงม้า บวกด้วยน้ำหนักรถที่หนักเอาเรื่อง เลยทำให้การออกตัวไม่ค่อยกระฉับกระเฉงเท่าที่ควร แต่เมื่อผ่านเกียร์สามไปความสนุกในการขับขี่ก็เริ่มขึ้น! เกียร์เปลี่ยนได้ราบเรียบ ไหลเนียนไร้รอยต่อ

-การบังคับเลี้ยวการควบคุมรถ ในการใช้ความเร็วและหักหลบหลุมบ่อต่างๆ ตัวรถมีอาการโคลงอยู่บ้างตามสไตล์ของรถยกสูง แต่ด้วยช่วงล่างที่แน่นและเซ็ทมาเฟิร์ม ทำให้หลังจากการโคลงระหว่างการหักหลบ ตัวรถก็หยุดการแกว่งของตัวถังได้อย่างรวดเร็ว สามารถคุมอาการต่างๆ ของตัวรถได้ง่ายและไม่รู้สึกน่ากลัว พวงมาลัยที่เซ็ทมาค่อนข้างไวแต่ไม่ได้คมจนเกร็ง ทำให้ขับได้อย่างผ่อนคลาย และหักเลี้ยวไปได้ดั่งใจ
ขับในความเร็วต่ำคล่องมือ ขับแล้วไม่รู้สึกว่าขับรถคันใหญ่ แต่ใช้ความเร็วสูงอยากให้พวงมาลัยดึงมือขึ้นอีกนิดจะให้ความมั่นใจในการขับได้ดีกว่านี้

-เมื่อขับผ่านเมื่องปากซ่อง ต้องเลี้ยวเข้าถนนชนบท ซึ่งไม่มีอยู่ในแผนที่ Google Map ขับลัดเลาะเข้าไปในป่า ถนนจากราดยางเริ่มเป็นถนนลูกรัง ขับไปอีกไม่นานเริ่มเป็นถนนดินแดง ฝุ่นฟุ้งคลุ้งกระจาย ระยะการมองเห็นรดคันหน้าลดหายไปอย่างรวดเร็ว เหลือเห็นไม่เกินสองช่วงตัวรถ เสียงวอวิทยุจากรถ Staff ประกาศให้รถทุกคันเปิดไฟหน้า และเปิดไฟตัดหมอกทั้งหน้าและหลัง เพื่อให้สังเกตเห็นรถคันหน้าได้ง่ายขึ้น
ถนนช่วงนี้ เต็มไปด้วยหินและฝุ่น ล้อขนาด 20 นิ้วแก้มยางเตี้ยก็เริ่มออกอาการให้รู้สึก การกระเทือนจากพื้นถนนสู่ช่วงล่างส่งผ่านมาถึงตัวรถอย่างชัดเจน ทำให้เห็นข้อจำกัดของรถประเภท PPV ว่าความนุ่มนวลและเห็นอาการสะเทือนของตัวรถสู้รถ SUV พื้นฐานรถเก๋งไม่ได้ แต่ถ้าเทียบกับรถพื้นฐานเดียวกันถือว่า Ford Everest ทำได้ดี และหากเป็นไปได้ ถ้าใส้ล้อเล็กกับยางแก้มหน้าคงจะให้ความนุ่มนวลและลดแรงสะเทือนได้มากกว่านี้

-กลุ่มคาราวานก็ยังเคลื่อนตัวอย่างต่อเนื่อง ฝุ่นตลบทั่วถนน เสียงจากวอวิทยุดังขึ้น Staff เริ่มแนะนำให้เริ่มใช้ระบบ Terrain Management โดยให้หมุนไปยังโหมด Mud & Snow เนื่องจากถนนมีฝุ่นบนผิวถนนค่อนข้างหนา ช่วยลดการลื่นไถลบนพื้นถนน เมื่อหมุนเปลี่ยนโหมดตามคำแนะนำ การขับขี่บนเส้นทางฝุ่นแบบนี้ทำให้ขับได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องระวังการเดินขึ้นเร่งมาก และรถวิ่งไปแบบสุภาพๆ ไม่กระโชกโฮกฮาก ให้คุมรถได้ง่ายขึ้น
ระหว่างขับ สนุกและหวาดเสียวในเวลาเดียวกัน เพราะระหว่างทางก็มีรถมอเตอร์ไซ์ค์ และรถอีแต๋น ชาวบ้านขับสวนทางมาเป็นระยะโดยที่มองไม่เห็นเพราะฝุ่นเยอะมากกกกก แอบสงสารชาวบ้านสองข้างทาง แต่ดูแล้วเหมือนชาวบ้านจะเคยชินกับฝุ่นไปแล้ว มีผ้าปิดจมูก

[sirisak_ac118]

-ขับไปได้สักพักรถเริ่มชลอตัวจนหยุดนิ่ง เสียงวอวิทยุ Staff ดังขึ้นพร้อมกับให้เราปรับโหมดเป็นโหมด Rock เนื่องจากต้องขับข้ามลำธาร !!! รถคันข้างหน้าเริ่มเคลื่อนตัวผ่านลำธารทีละคันอย่างต่อเนื่อง แต่ละคันวิ่งผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้ง ทำให้มีน้ำผ่านลำธารไม่สูงมาก กะด้วยสายตาประมาณครึ่งล้อ
และพื้นดูเป็นหินก้อนใหญ่ ทำให้มีความมั่นคงในการตะกุยผ่านข้อล้อไปได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เพื่อความไม่ผิดพลาด พี่ๆ นักข่าวผู้มีประสบการณ์ ลงจากรถและอยู่ฝั่งตรงข้ามคอยบอกเส้นทางเดินรถ ด้วยสัญญาณมือ ทำให้ผมคนขับสบายใจและผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น





-ต้องขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนที่ยืนตากแดดช่วยให้สัญญาณมือจริงๆระหว่างทางกว่าจะถึง น้ำตกแซป้องไหล ต้องผ่านลำธารประมาณสี่ลำธาร ทำให้ต้องหยุดรถเปลี่ยนโหมดการขับขี่เป็นระยะ
ในช่วงข้ามลำธารไหนที่มีน้ำลึก ทาง Staff จะแนะนำให้กด Electronic Locking Rear Differential(LRD) ช่วยด้วยและพยายามเลี้ยงคันเร่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้รถไม่ดับ
ระหว่างข้ามลำธารผ่านไปสี่ชัวโมงกับระยะทาง 100 กิโลเมตร ที่สาหัสสากรรจ์ ก็ถึงที่หมาย



-น้ำตก ตาดแซ่งป้องไหล (พิกัด : 14.805139, 106.448314)  ตั้งอยู่ที่เมืองสนามชัย แขวงอัตตะปือ
น้ำตกขนาดใหญ่โดยน้ำไหลผ่านจากแม่น้ำ Vang Ngao ที่เหมือนแม่น้ำทั้งสายปล่อยน้ำลงมาจากที่สูง ม่านน้ำขนาดใหญ่และกว้างโปรยน้ำลงมาเป็นสายและต่อเนื่อง สวยงามจริงๆ



-อาการเหนื่อยล้ากับการขับรถมาทั้งวันหายไปอย่างปลิดทิ้ง รีบลงจากรถคว้ากล้องและเดินไปถ่ายรูป ในระยะประชิด น้ำตกสวยงามและประทับใจ สามารถปีนเข้าไปใกล้น้ำตกได้
น้ำตกแซป้องไหลยังไม่เป็นที่นิยมมากนักอาจจะด้วยเส้นทางที่ต้องใช้รถ Off Road ถึงจะเข้ามาได้และในช่วงฤดูฝนเส้นทางที่จะมาน้ำตกแห่งนี้คงจะโหดกว่านี้อีกหลายเท่า อย่างที่กล่าวไว้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงหน้าแล้งทำให้น้ำที่ตกลงมาไม่แรงมากนัก แต่เห็นแค่นี้ก็ประทับใจแล้ว!!!

[sirisak_ac118]

-หลังจากถ่ายรูปยืนชมความสวยงามได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็ได้เวลาเคลื่อนตัวไปยังที่พักคืนนี้ ซึ่งห่างจากน้ำตก ตาดแซ่งป้องไหล ไม่ไกลประมาณ 5 กิโลเมตร เมื่อไปถึงบริเวณตั้งแคมป์ ทีมงานของทาง Ford ได้จัดเตรียมเต้นที่พักให้เรียบร้อยแล้ว
โดยผู้ชายจะนอนเต้นท์เดี่ยว ผู้หญิงจะนอนเต้นท์บนหลังคารถ ภายในมีเตียงลม หมอนลม ไฟฉายและถุงนอน



-เต้นท์ที่พักตั้งล้อมบริเวณลานที่ใช้สำหรับปรุงอาหารและรับประทานอาหารในค่ำคืนนี้
ก่อกองไฟเพิ่มความอบอุ่น พี่ๆ ทีมงานนำบาร์บีคิวมาปิ้งกันสดๆ พร้อมอาหารค่ำ ข้าวผัด ไก่ทอดร้อนๆ ไก่ย่าง ข้าวเหนียว อิ่มท้องกันทุกคน พร้อมเสียงเพลงเพราะๆ จาก แก๊ป ชโนวัจน์  The Vice Season 2 ขับกล่อมระหว่างรับประทานอาหารจนส่งพวกเราเข้านอน

[sirisak_ac118]

-วันที่ 21 ธันวาคม 2017 ตื่นแต่เช้าอากาศเย็นพอสมควร เดินถ่ายรูปเก็บแสงยามเช้าที่สวยงาม ธรรมชาติป่าไม้อากาศบริสุทธิ์สดชื่น ที่หาไม่ได้ในเมืองใหญ่ ดื่มด่ำกับบรรยากาศพร้อมกาแฟสดร้อนๆ และอาหารเช้าง่ายๆ ไส้กรอกไข่ดาว ขนมปังปิ้งถ่านร้อนๆ อิ่มท้องไปอีกหนึ่งมื้อ
จากนั้นเก็บของขึ้นรถ จัดการธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ก็พร้อมที่จะล้อหมุนอีกครั้ง น้ำตกที่สองของทริป น้ำตกแรกของวันคือน้ำตก แซพระ ซึ่งอยู่ติดกับที่พักของเรานี่เอง

[sirisak_ac118]

-น้ำตก ตาดแซพระ (พิกัด : 14.777636, 106.441826)  ตั้งอยู่ที่เมืองสนามชัย แขวงอัตตะปือ
เป็นอีกหนึ่งน้ำตกที่อยู่ ในแม่น้ำ Vang Ngao ที่จะไปไหลรวมกับแม่น้ำ Tonle Kong แล้วไปรวมกับแม่น้ำโขงที่ประเทศกัมพูชา  น้ำตกแซพระก็ใหญ่โตและสวยงามอลังการไม่แพ้น้ำตกแซ่งป้องไหล



-การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกัน แปลว่ามาที่เดียวสามารถเที่ยวได้สองน้ำตก ในธารน้ำเต็มไปด้วยหินก้อนใหญ่ ถ้าในช่วงน้ำหลากคงจะให้ความยิ่งใหญ่ตระการตา แต่แค่นี้สวยงามประทับใจมากๆ แล้ว แต่ไม่สามารถเดินเข้าไปใกล้บริเวณน้ำตก
ได้แต่ยืนชมความสวยงามข้างๆ ลำธาร

 

[sirisak_ac118]

-เสียงประกาศจาก Staff ดังขึ้นให้ขึ้นรถเตรียมเดินทางต่อ เดี๋ยวไปทำบุญบริจาคของ ให้กับโรงเรียนห่างไกล ระยะห่างจากน้ำตกแซพระ ประมาณ 15 กิโลเมตรก็ถึงที่หมาย
โรงเรียน สมบูนไชย ดอนโขง โดนเรียนขนาดเล็กมีนักเรียนไม่มาก มี 2 อาคารเรียน อาคารเรียนไม้ และอาคารปูนชั้นเดียว เมื่อคาราวานเราไปถึง นักเรียนยืนเข้าแถวต้อนรับ
เมื่อรถจอดเสร็จเรียบร้อยพี่น้องสื่อมวลชนร่วมด้วยช่วยกันยกของที่นำมาบริจาคให้น้องๆ นักเรียน ของใช้สำคัญในการเรียนการสอน และหลังคาเหล็กที่ทางโรงเรียนกำลังต้องการนำมาซ่อมแซมอาคารเรียน



-เมื่อจัดเตรียมของเรียบร้อย คุณ ศุภรางศุ์ อนุชปรีดา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวมอบของให้กับโรงเรียน โดยทางผู้อำนวยการโรงเรียน ครูอาจารย์ และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมในการรับมอบ
จากนั้นก็ถึงเวลาแจกของให้กับน้องๆ และซ่อมแซมหลังคาอาคารเรียน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข และรอยยิ้มของน้องๆ

[sirisak_ac118]

-ได้เวลาอันสมควรก็เดินทางกันต่อ ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร เส้นทางก็ยังทรหดเช่นเดิม ระบบตัดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร Active Noise Cancellation โดยจะมีไมค์บริเวณเหนือศรีษะ รับเสียงในห้องโดยสาร
ส่งไปยังชุดเครื่องเสียง แล้วชุดเครื่องเสียงจะแปลงเสียงความถี่ตรงกันข้ามและส่งเสียงจากลำโพงในตัวรถเพื่อหักล้างเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ระบบทำงานได้อย่างดี โดยเฉพาะเสียงลมภายในห้องโดยสาร
บรรยากาศในห้องโดยสารเงียบสงบและผ่อนคลาย แต่ยังจะมีเสียงจากถนนที่มีผิวหยาบไม่เรียบ ขรุขระ ขับต่อไปผ่านเมืองปากซ่อง เลี้ยวขึ้นถนนหลวงหมายเลข 16E ก็ถึงที่หมายใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง


-น้ำตก ตาดฟาน (พิกัด : 15.180929, 106.130400) ตั้งอยู่ที่เมืองปากซ่อง แขวงจำปาสัก
ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในแขวงจำปาสัก ถือว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศลาว น้ำตกมีสองสาย เทลงมาจากผาสูง โดยมาจากแม่น้ำ Champi และ Pak Koot โดยน้ำตกสูงกว่า 120 เมตร



-จุดชมวิวอยู่ที่ตาดฟานรีสอร์ท เป็นชุดชมวิวและรับประทานอาหารกลางวัน อาหารคล้ายอาหารไทย รสชาติคุ้นเคย และไข่เจียวอร่อยมาก! หลังจากอิ่มท้องกันแล้วก็ไม่พลาดกิจกรรมที่จัดว่าเด็ดสุดในงานนี้ก็คือ ซิปลาย (Zipline) ข้ามเหวลึกชมน้ำตก ตาดฟาน
โดยซิปลายจะมี 4 เส้นความสูงกว่า 500 เมตร เส้นแรกจะมีความยาว 470 เมตร ส่วนอีก 3 เส้นจะมีความยาวประมาณ 300 เมตร  โดยมีสื่อมวลชนใจกล้าร่วมเล่นซิปลายหลายท่าน  เสียงกรี๊ดลั้นป่าดังมาเป็นระยะ เดินกลับมาขาสั่นทุกคน แต่ไม่ได้สั่นเพราะกลัว แต่สั่นเพราะเดินกลับขึ้นมาทางชันมาก!!
ส่วนผม........ขอผ่าน นั่งชมน้ำตกจิบแกแฟราคา 25,000 กีบดีกว่า

[sirisak_ac118]

-ถึงเวลาต้องเดินทางต่อ ใช้เวลาพอสมควรกับน้ำตกตาดฟานแห่งนี้ เตรียมเดินทางไปที่พักในค่ำคืนนี้  แต่ก่อนจะไปถีงก็แวะดูหมู่บ้านชนเผ่าตะโอย หนึ่งในชนเผ่าที่อยู่ในประเทศลาวถ้ามีธนบัตรใบละ 1,000 กีบก็จะเห็นรูปชนเผ่าตะโอยในนั้น (คนขวาสุด) โดยส่วนมากจะอาศัยอยู่บนที่ราบสูงโบโลเวน โดยลักษณะที่อยู่อาศัยจะปลูกบ้านจะยกสูงและมุงหลังคาด้วยฟาง
อาชีพหลักของชาวตะโอยระแวกนี้คือการปลูกกาแฟ โดยปลูกทั้งสองสายพันธุ์คือ อาราบิก้า โรบัสต้า เม็ดสีแดงๆ คือเม็ดกาแฟที่สุก ลองเด็ดมาชิมมีรสหวานแต่ไม่มีเนื้อ มีแต่เมล็ด เมื่อเก็บเมล็ดกาแฟที่สุกแล้วก็เตรียมผ่านกระบวนการตากแดด กระเทาะเปลือก ก็จะได้เมล็ดกาแฟที่พร้อมคั่วและส่งขายต่อไป



-เดินชมรอบหมู่บ้าน ดูวิธีการปลูก แวะชมวิถีชาวบ้านของชนเผ่าตะโอยกันแล้วท้องก็ร้องตามมาทันที ได้เวลาเข้าที่พักรับประทานอาหาร ขบวนก็เคลื่อนต่อไปยังที่พักในคืนนี้







-บ้าน อีตู้ รีสอร์ท (พิกัด :15.193342, 106.102263 ) เป็นรีสอร์ทอยู่กลางป่ามีอากาศเย็น และทีเด็ดคือเป็นรีสอร์ทที่อยู่ติดกับน้ำตก น้ำตก ห้วยอิตู้ แต่ว่าเวลาที่เราไปถึงพระอาทิตย์ได้ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว เลยได้แต่ฟังเสียงน้ำพร้อมกับอากาศในป่าเขา ที่เย็นยะเยือกมาก
อุณหภูมิลงมาระดับต่ำกว่า 10 องศา หนาวกว่าคืนแรกมาก โชคดีที่คืนนี้ไม่ได้นอนเต้นท์ ไม่งั้นนอนสั่นทั้งคืน หลังจากรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยก็ได้เวลาเตรียมหลับพักผ่อน ผ่านไปอีกคืน

[sirisak_ac118]

-ตื่นแต่เช้าอากาศหนาวมากกกกก อุณหภูมิวัดได้ 9 องศา รีบอาบน้ำแต่งตัวลงมาทานอาหารเช้า เลยแวะไปที่รถเปิดม่านหลังคา Panoramic Moonroof ที่รถให้แสงแดดส่องผ่านเข้ามาในห้องโดยสาร ขึ้นรถจะได้อุ่นสบาย เตรียมเดินทาง ระหว่างที่รับประทานอาหารผู้จัดการก็เข้ามาพูดคุยแล้วบอกว่าลงบันไดนี้ไปก็จะเห็นน้ำตก เดินลงไปใช้เวลาไม่นาน อาจจะเห็นชาวบ้านมาอาบน้ำริมลำธาร.....ฟังเสร็จแล้วก็มองหน้าน้องแล้วก็ลงไปน้ำตกทันที



-ทางเดินลงไปเป็นบันไดปูน สะดวกไม่ต้องปีนป่าย แต่.....ชันมากกกกก เดินลงไปชั้นแรกเจอน้ำตก ห้วยอิตู้  น้ำตกขนาดเล็กและไม่สูงมาก อยู่ในลำธารที่จะไปรวมกับแม่น้ำ Vang Ngao น้ำตกมีสองชั้น น้ำในลำธารยังไม่มากเลยสามารถเดินข้ามไปถ่ายรูปน้ำตกกลางลำธาร
แต่ด้วยใกล้เวลานัดหมาย ต้องรีบขึ้นไปแล้ว เลยไม่ได้ลงไปดูน้ำตกชั้นที่สอง เหลือบมองนาฬิกาได้เวลาต้องต้องวิ่งแล้ว ขาขึ้นจากน้ำตก บันไดปูนที่แสนจะชันก็เล่นเอาผมขึ้นมาถึงด้านบนถึงกับขาอ่อนเลยทีเดียว แล้วก็นึกขึ้นได้อากาศหนาวขนาดนี้ใครจะมาอาบน้ำ!!!!



-หลังจากปวดขาจากการเดินขึ้นรอบนี้เลยขอเป็นคนนั่งบ้าง เดินทางจากบ้าน อีตู้ รีสอร์ท ไปชมวัดมรดกโลก ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตรถึงที่หมาย เปลี่ยนจากคนขับมาเป็นคนนั่ง ถือว่าตัวเบาะนั่งได้อย่างสบาย ด้านหลังมีที่วางขาเหลือเฟือ ตัวเบาะเอนได้ช่วยให้นั่งได้สบายยิ่งขึ้น
แต่เมื่อเดินทางด้วยเส้นทางที่ทรหด ปัญหาของผู้โดยสารตอนหลังจึงเกิดขึ้น เพราะผู้โดยสารตอนหลังไม่มีที่จับเหนือศรีษะ ทำให้เวลาหลบหลุม ลงเนินที่มีอาการโคลง ไม่มีที่จับยึด ทำผู้โดยสารแกว่งไปมาที่หลังรถ ถึงจะมีที่จับให้บริเวณเสา B-Pilla แต่น่าจะใช้กับการขึ้น-ลงจากตัวรถมากกว่าที่จะช่วยให้ผู้โดยสารจับยึด

[sirisak_ac118]

-ปราสาทหินวัดพู (พิกัด : 14.848701, 105.823365) แขวงจำปาศักดิ์
ได้รับจดทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 25 เมื่อปี พ.ศ. 2544 ในอดีตเคยป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัยด้วยกัน คือ อาณาจักรเจนละในช่วงศตวรรษที่ 6-8 ค้นพบจารึกกล่าวถึงการฆ่าคนเพื่อบูชาแด่เทพเจ้าโดยจะมีแท่นหินบนเขาที่เป็นรูปจระเข้บางก็บอกว่าเป็นรูปตะกรวด ให้ผู้ถูกบูชายันนอน แล้วก็กรีดให้เหลือดไหลไปตามทางตามความเชื่อของคนสมัยนั้น
 
-ต่อมาเป็นยุคของอาณาจักรขอมสมัยก่อนเมืองพระนคร เลือกบริเวณนี้เป็นที่สร้างปราสาทหิน และสุดท้ายอาณาจักรล้านช้างได้เปลี่ยนเทวลัยในศาสนาฮินดูให้เป็นวัดในพุทธศาสนานิกายเถรวาท
ปราสาทหินวัดภูถือว่าเป็นปราสาทหินที่สวยที่สุดในประเทศลาว ด้านหลังปราสาทจะเห็นภูเขามองเห็นแต่ไกล รูปร่างคล้ายนมของผู้หญิงและคนเกล้ามวยผม ซึ่งเป็นที่มาของชื่อภูเขานี้ว่า “เขานมสาว” แต่ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “ภูเกล้า” ด้านหน้าตัววัดเป็นแม่น้ำโขงไหลผ่าน



-ตัววัดไม่อนุญาตให้รถยนต์ส่วนบุคคลเข้า รถต้องไปจอดที่ลานจอดแล้วนั่งรถกอล์ฟไฟฟ้าเข้ามาในตัวบริเวณปราสาท ทางเดินยาวจะพบกับซากปราสาทสองข้างทาง จากนั้นจะเป็นบันไดเดินขึ้นตัววัดมีต้นลีลาวดีตามทางขึ้น ไปถึงตัววัดจะพบกับพระประทาน ให้ผู้ที่มีศรัทธาเข้ามากราบไหว้
เดินไปหลังวัดจะเจอผาหิน ที่มีน้ำไหลซึมออกมาตลอดทั้งปี ชาวลาวท้องถิ่นเชื่อกันว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เดินเลาะตามผาหินก็จะเจอแท่งสลักหินรูปจระเข้ ที่ใช้ในการบูชายัญเทพในสมัยก่อน





-เดินชมวัดครบเวลา ก็ต้องเตรียมตัวกลับบ้าน วัดภูเป็นที่หมายสุดท้ายของทริปนี้ ก่อนแวะรับประทานกลางวันที่โรงแรมจำปาศักดิ์แกรนด์ จากนั้นถึงช่องผ่านแดนถาวรช่องเม็ก และมุ่งตรงสู่ ก่อนจะกลับไปที่สนามบินนานาชาติ อุบลราชธานี โดยปลอดภัยทุกคัน ระยะทางรวมกว่า550กิโลเมตร น้ำมันยังเหลือวิง่ได้อีกประมาณ100กิโลเมตร

[sirisak_ac118]

-ขอขอบคุณ บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่เชิญร่วมกิจกรรมFORD EVEREST EXTRAORDINARY ADVENTURE ร่วมทำบุญ ตะลุยธรรมชาติ เรียนรู้วัฒนธรรมวัฒนธรรม และทดสอบสมรรถนะของตัวรถFord Everestได้อย่างเต็มที่โดย Ford EVEREST เป็นรถที่ออกแบบมาหรูหรา ออฟชั่นเน้นความสะดวกสบาย เครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ช่วงล่างที่เซ็ทได้มาอย่ามั่นใจ



-ระบบความปลอดภัยและระบบอิเล็คทรอนิกมากมายที่ช่วยเหลือผู้ขับ จะมีสักกี่คนที่ซื้อรถระดับนี้เพื่อใช้ในการเดินทางในแบบ Off-Road ลุยป่า ลุยเขา แต่Ford Everestคันนี้ก็พิสูจน์ให้พวกเราได้เห็นแล้วว่า ไม่ใช่แค่รถวิ่งหรูๆในเมือง แต่มันก็ยังสามารถพาเราฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆได้อย่างปลอดภัย และไปได้บนเส้นทางที่โหดร้ายได้มากกว่าที่เราคิด!!!













ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด
Sirisak Setpattanachai
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ ภาพถ่าย โดยผู้เขียน
ภาพถ่ายบ่างส่วนจาก ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com

[sirisak_ac118]

ฝากผลงานย้อนหลังด้วยนะครับ

33.Preview Mazda CX-5 SKYACTIV-D 2.2 XDL(MY2017)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=62317.0

32.Ford Focus 1.5L Ecoboost Turbo Trend(MY2017)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=61221.0

31.Trip Review : Netherlands-Germany ทำข่าวแข่งรถแอบแวะชมเมือง By Toyota Thailand
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=59676.0

30.Trip Review : ตะลุยให้พุงแตก ฝรั่งเศส-เยอรมัน สวยกว่าที่คาดมันส์กว่าที่คิด!!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=58727.0

29.Mazda 3 2.0SP SPORTS Hatchback(MY2017)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=56354.0

28.CHEVROLET Trailblazer LTZ A/T4x2 (MY2017)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=54977.0

27.Lamborghini Huracan LP580-2/LP610-4
http://www.headlightmag.com/2016-first-impression-lamborghini-huracan

26.Ford EVEREST 2.2L Titanium 4x2AT (MY2016)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=52294.0

25.ศึกวันกระทิงเดือด Lamborghini Blancpain Super Trofeo Asia ณ สนามช้าง บุรีรัมย์
http://www.headlightmag.com/lamborghini-blancpain-super-trofeo-asia-2016/

24.1Day Trip กินๆ นอนๆ ที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=51991.0

23.Chevrolet Captiva 2.0 diesel LTZ (MY2016)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=51653.0

22.เล่าให้ฟังหลังคนขับกับ Lexus RC200T F-Sport @ CHANG INTERNATIONAL CIRCUIT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=51192.0

21. พาเดินเล่นเก็บบรรยากาศการแข่ง ADAC Zurich 24 Hours N?rburgring
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=51120.0

20.Toyota Team Thailand คว้าชัยอันดับ2 ขึ้นโพเดียม ADAC Zurich 24 Hours N?rburgring สำเร็จ
http://www.headlightmag.com/toyota-team-thailand-2nd-rank-in-sp3-adac2016/

19. เชียร์สุดตัว Toyota Team Thailand แข่งรายการใหญ่ที่ N?rburgring
http://www.headlightmag.com/lve-from-germany-toyota-team-thailand/

18.Mitsubishi Mirage GLS-LTD (MY 2016)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=49857.0

17.MAZDA CX-3 2.0 SP
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=47191.0

16.Ford Ranger Double Cab 4?4 3.2L Wildtrak 6AT (2015)
http://www.headlightmag.com/impression-fordranger-wildtrak2015/

15.Subaru XV 2.0i
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=43057.0

14.Mazda 2 Skyactiv-D XD High Plus 5 Door
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=42334.0

13.Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=42128.0

12.Ford Ecosport 1.5L Titanium AT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=40551.msg678464#msg678464

11.Hyundai Grand Starex Premium MY2014
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=38626.msg642597#msg642597

10.Ford Fiesta 5Door EcoBoost 1.0L GTDi
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=36558.0

9.Ford Fiesta 5Door 1.6 Sport PowerShift
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=19160.msg283146#msg283146

8.BMW 520D (F10)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=16783.msg249600#msg249600

7.Mazda BT-50 3.0 4X4 4Door
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=8903.msg125689#msg125689

6.Volvo XC-60 D5 205HP/AWD (Model 2010)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=7300.msg101215#msg101215

5.Ford Escape E20 4x2 XLT
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=3961.msg52602#msg52602

4.Toyota VellFire 2.4L CVT
http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=3296.0

3.VW Scirocco 2.0 TSI 
http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=2198.0

2.BMW 520D (E60)
http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=1462.0

1.Benz E220 CDI Avantgarde (w211)
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=763.0

[SM.]

น่าไปบ้างจริงๆ

ภาพสวยมากครับ

[JAZZ2416]

สุดยอดเลยครับ

[Sappe!]

ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

ภาพสวยมากครับ น่าไปเที่ยวจริงๆ

[ภูมิใจไหม?]

อยากไปมันส์ ๆ แบบนี้