แต่ผมว่าไอ้คนพ่นคงโดนเก็บไปแล้วมัง 55++
มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นครับ
1. ริมถนน
2. ที่ชาวบ้าน เช่นปั้มอื่นๆ (แถวใกล้ๆ กันมีอีกปั้ม เขาไม่สนใจใครจะจอด แต่ก็ไม่มีที่ให้เช่า แต่ก็ต้องดูแลรถกันเอง)
3. ขายรถ และนั่งรถเมล์แทน จะได้ไม่ก่อความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน
คำถามคือ จะมีคนกล้าตอบข้อสามสักกี่คนครับ?
คือรถเมล์มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอครับ?? ผมเองยังไม่มีรถของตัวเองหรอกนะ ที่ขับๆรถในยามจำเป็นน่ะก็เป็นส่วนเกินของคุณพ่อ ส่วนปกติก็นั่งรถเมล์ ต่อโครงข่ายรถไฟ ว่ากันไปครับ และมันก็มีประโยชน์ของขนส่งมวลชนมาเสริมอีก ทั้งยังประหยัดเงิน ถ้าประเทศเราไม่ทุนนิยมหนักขนาดนี้ คงไม่เหยียดการใช้รถเมล์หรอกครับ อย่าใส่ใจอะไรที่ไม่มีค่าพอจะไปเชื่อถือด้วยก็พอ
และในเมื่อบ้านเป็นตึกแถว มีรถแล้วไม่ต้องขายหรอกครับ ยกตัวอย่างในซอยผมเอง ยังเคยเห็นเขาทำช่องให้ฟอร์จูเนอร์เข้าไปได้เลยครับ ส่วนบ้านคุณยายผม ข้างล่างค้าขาย น้ามี CR-V ก็เอาไปเช่าจอดใกล้ๆ
ในแต่ละปัญหามีคำตอบครับ แต่อยู่ที่จะตั้งใจไขว่คว้าหาข้อที่ดีที่สุดได้หรือไม่
บ้านเราเหยียดการใช้ระบบขนส่งมวลชน ไม่ใช่เพราะทุนนิยมหรอกครับ เพราะคุณภาพและความปลอดภัยของระบบขนส่งมวลชนต่างหาก
ถ้าอยู่ไกลมากๆ เช่นจากฝั่งธนข้ามเข้ากทม. ไปกลับทุกวัน แล้วเจอรถร่วม ไม่ว่าจะมีแอร์หรือไม่มี ชีวิตก็คงจะลำบากว่าการขับรถ หรือนั่ง taxi เยอะ
แม้กระทั้ง BTS หลังๆ ก็ชักจะเสียบ่อยเหมือนกัน แล้วเสียทีนึง หยุดรออีก 30 นาที
ในความคิดผม เวลาที่ใช้ในการเดินทางแต่ละวันเนี่ย เมื่อบวกไปกลับ ไม่ควรเกิน 3 ชม. คือไปกลับชม. ครึ่ง ซึ่งก็จะทำให้เราเหลือเวลาราวๆ 21 ชม. ไว้ทำอย่างอื่น ส่วนเวลาทำงานหักไปอีก 10 ชม. เหลือ 11 ชม. แล้วก็ใช้จิปาถะ เผื่อ OT เผื่อเหลือเผื่อขาดอีกสัก 4 ชม. ก็จะเหลือเวลานอนราวๆ 7 ชม. ซึ่งกำลังพอดี
ถ้าระบบขนส่งมวลชนดีขึ้นกว่านี้ ปริมาณรถมันก็ลดลงไปเองนั่นละครับ
กลับมาเรื่องการจอด
ผมก็ไม่ได้อยู่ในตัวใจกลางเมืองจริงๆ ก็คงไม่รู้ แต่ผมรู้สึกอย่างอย่างหนึ่งว่า เดี๋ยวนี้ในกลางเมือง อย่างสีลม พาหุรัด สำเพ็ง ปั๊มน้ำมัน ก็เหลือน้อยเต็มที ถ้าบริเวณนั้นไม่มีที่ให้เช่าจอดเลยจะทำยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน
ส่วนห้องแถวเนี่ย การทำโครงสร้างให้จอดรถ ผมคิดว่า มันไม่ได้ทำได้ทุกอาคาร เนื่องด้วยลักษณะความกว้าง สิ่งของในบ้าน และจำนวนรถ
1 คูหา ก็จอดได้ไม่เกิน 1 คัน ถ้าบ้านนั้นมีรถ 2 คันขึ้นมาก็เสร็จ
กลับมาคิดดู การทีรถมันก็เหมือนลูก หรือแฟนนั่นแหละ
การพูดว่าถ้าไม่พร้อม ก็ไม่ควรจะมีมันง่ายมาก แต่ถ้ามีแล้ว ก็คงจะพูดไม่ออก
บ้านผมเป็นตึกแถว ตอนนี้อาศัยจอดในปั้มลุงที่อยู่ตรงข้ามบ้าน]
บ้านผมก็เป็นตึกแถวครับ
ช่วงก่อนชั้นล่างไม่ค่อยมีของ ก็เอารถขึ้นบ้านครับ
โดยการไปให้ร้านเชื่อมทำที่ขึ้นฟุตบาทให้ เอารถขึ้น-ลงเสร็จ ก็เก็บเข้าบ้าน
ช่วงนี้ด้านล่างของเพียบ รถจอดไม่ได้ ก็ต้องไปหาที่ให้เช่าที่จอดรถครับ
ถ้าแถวบ้านมีปั๊มน้ำมันผมว่า ลองไปคุยกับเจ้าของปั๊มเช่าที่จอดรถสิครับ
แล้วก็หาจักรยานพับเล็กๆ สักคันปั่นระหว่างบ้านกับปั๊ม พอถึงรถก็พับไว้ในรถนั่นแหละ
ผมว่าถ้ามีบ้านเป็นตึกแถว ที่จอดรถก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่นะครับ
เพื่อนๆ ผมเกือบทุกคน บ้านก็เป็นตึกแถว ไม่มีใครมีปัญหาเรื่องที่จอดรถเลยครับ
บางคนก็เอาไปจอดในบ้าน
อีกคนที่บ้านรถเยอะมาก ก็ลงทุนแบ่งชั้นล่างไป 1 คูหาสำหรับจอดรถ
บางคนก็เช่าที่จอด ทั้งเช่าจอดที่คอนโดแถวบ้าน ในปั๊ม
เสริมให้ครับว่า กรณีแบบนั้น ทำได้เมื่อไม่ได้ทำมาค้าขายครับ
แต่หลายๆที่ เช่นบ้านผม และเพื่อนบ้าน ตึกแถวชั้นล่างเปิดร้านค้าขาย ยิ่งบางตึกทำเป็นโกดัง สำหรับเก็บปุ๋ย อาหารหมู บางทีรถต้องมาจอดเพื่อขนของออก แบบนี้จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องกั๊กที่จอดรถไว้ครับ
ป.ล. ดีผมอยู่ต่างจังหวัด และไม่ได้อยู่ถนนที่รถพลุกพล่าน เลยสบาย จอดยังไงก็ได้ >_< แต่สำหรับเมืองอย่างกทม. คงพูดยาก ลำบากทั้งคนอยู่ ทั้งคนสัญจร - -
แต่คนต่างจังหวัด คุยกันง่ายกว่าเยอะครับ บางทีจอดแล้วก็ยิ้มให้กัน หรือผมเคยกระทั่งรถเสีย ต้องจอดทิ้งไว้หน้าบ้านเขา เขายังพูดเลย "ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ค่อยมาเอาละกัน"
ถ้าเป็นกทม. "เมื่อไร ึง จะไปวะ?" แหงๆ
ผมเคยเผลอไปจอดหน้าร้านชาวบ้าน (ขายกับข้าว) โดนด่าเช็ดเลย ลึกๆ ก็ยัวะนะ แต่ก็อย่างว่า ถ้ารถไปจอดหน้าบ้านเขา มันก็จะบังป้ายเขา และในบางกรณี ที่จอดแถวนั้นหายาก ถ้าเขาไม่เปิดที่หน้าร้านไว้ ก็จะไม่มีที่จอดเลย วันนั้นเขาก็อาจจะขาดรายได้ไปทั้งวันแหงๆ
พูดตรงๆ ว่า ผมโชคดีว่ามีลุงทำปั๊มน้ำมันอยู่ตรงข้ามบ้านมาตลอด เลยไม่เคยต้องเสียค่าเช่าที่จอด แต่บางทีผมก็มาคิดในมุมมองของคนอื่น (ที่ไม่ใช่คนสัญจร) บางทีมันก็ยากนะ ที่จะพูดว่า "ถ้าไม่มีที่จอด..... ก็อย่ามีรถ หรือขายของตรงนั้นสิ ขวางการจราจร" เพราะบางคน เขาก็มีบ้านแค่ตรงนั้น และบางคนก็ไม่อาชีพแค่ตรงนั้นเหมือนกัน
สุดท้าย บ้านเราก็คงต้องเป็นแบบญี่ปุ่น คือการซื้อรถ ต้องมีหลักฐานแสดงที่จอดรถก่อน
แต่เราจะไม่มีมีทางไปถึงวันนั้น ถ้าระบบขนส่งมวลชนเราไม่ดีกว่านี้