เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม 2554 นะครับ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อตอนเช้า ประมาณ 7 โมงกว่าๆ เพิ่งตื่นนอนงัวเงียๆๆหาโทรศัทพ์ แต่หาไม่เจอซะงั้น (ปกติจะชาร์จไว้ข้างหมอนที่นอนอยู่ จนถึงเช้าทุกวัน) เลยหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องมาโทรหา ปรากฏว่าโทรติด แต่ไม่ได้ยินเสียง + หาตามห้องแล้วก็ไม่เจอ โทรไปประมาณสองรอบก็โดนตัดสายทิ้งปิดเครื่องไปเลย (เอาแล้วไง งานเข้าแล้ว โดนขโมยอีกแล้วแน่ๆ) ก็ไปดูที่ประตูห้อง กลายเป็นว่าห้องไม่ได้ล็อค (สงสัยเมื่อคืนเผลอหลับไปแล้วลืมล็อคห้อง) จึงลงมาดูกล้องวงจรปิดของออฟฟิตหอพักได้เค้าโครงคนที่เอาไปเป็นวัยรุ่นอายุน่าจะไม่เกิน 20 บวกกับเปิดคอมดูโปรแกรม Find iPhone แต่มันไม่แจ้งตำแหน่งเพราะมันปิดเครื่องอยู่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี หมดสิ้นหนทางแล้ว เครื่องที่สองในรอบปีแล้วที่หาย ตอนแรกก็ BB เมื่อ 2 เดือนก่อน ตอนนี้มา iPhone อีก ตายแน่ๆ
ตอนนั้นนอยด์มากๆ นั่งกดรีเฟรชดูโปรแกรมอยู่หน้าคอมได้สักประมาณครึ่งชั่วโมง มีสัญญาณติดขึ้นมาซะงั้น อยู่แถวๆวัดสวนดอก (ผมอยู่หอแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ แถวๆข่วงสิงห์ ซึ่งคนละฟากเมืองกันกับบริเวณวัดสวนดอก ประมาณ 10 นาที มอเตอร์ไซค์) จึงรีบใส่พิกัดไปในเครื่อง Galaxy S2 รีบขับรถตามไปที่นั่น ตามไปที่ตำแหน่งสุดท้ายที่เครื่องมันแจ้งมา ก็เห็นว่าเป็นบ้านเช่าแห่งนึง มีพวกไทยใหญ่เช่ากันอยู่เกือบ 10 กว่าคนในห้องเล็กๆห้องนึง จึงถามคนแถวนั้นว่า รู้จักคนนี้รึเปล่า (รูปจากกล้องวงจรปิด) ตอนแรกไม่มีใครยอมบอกจึงขู่ไปประมาณว่ามีหลักฐานจากกล้อง และเครื่องแสดงพิกัดตำแหน่ง (อันนี้มั่วเอา เพราะเอาโปรแกรม Sygic ใน Galaxy S2 ให้มันดูว่าอยู่พิกัดนี้) ถ้าไม่บอกจะแจ้งความรวมให้หมดฐานสมรู้ร่วมคิดกันนะ
จากนั้นมีพี่คนนึงลุกขึ้นบอกมาว่าไอ้คนที่เอาไปมันไม่ได้อยู่ที่นี่ อยู่อีกซอยนึง (แต่มันต้องมาที่นี่แน่ๆ เพราะพิกัดสุดท้ายมันว่ามาอย่างนั้น) เลยขู่ไปอีกว่า พี่โกหก ผมรู้ว่ามันมาที่นี่แน่ๆ บอกมานะ ..... พี่คนนั้นลังเลสักพักจึงลากผมเข้าไปในห้อง (ตกใจมาก นึกว่าจะโดนมันฆ่าหั่นศพล่ะ >__<" ) แล้วเขาก็บอกว่า ห้ามบอกใครนะว่าพี่บอก แล้วก็อธิบายว่า ไอ่นี่มันอยู่ที่บ้านเช่าอีกหลัง ด้านข้างซอย ผมก็เลยเดินเข้าไปที่บ้านนั้น เปิดเข้าไปในห้อง มีพวกนี้นอนเรียงรายกันอยู่ 5 คน แบบว่านอนหลับไม่สนใจอะไรเลย ใครเข้า-ออก อะไรยังไง แต่ไอ้คนที่เอาโทรศัพท์ไปมันอยู่ในห้องน้ำ ผมก็นั่งรอๆๆๆมันจนในที่สุดก็ออกมา เลยบอกไปว่า เอาโทรศัพท์คืนมา มันทำหน้าช็อคนิดหน่อย แต่พยายามกลบเกลื่อน ผมไม่รอช้า ล้วงกระเป๋ากางเกงมัน สุดท้ายก็ได้คืนมา เป็นโทรศัพท์ผมจริงๆ ตอนนั้นกลัวมาก ว่ามันจะทำอะไรเรารึเปล่า เลยรีบเดินหนีออกมาก่อน รูปหน้ามันก็ไม่ได้ถ่ายไว้เผื่อไว้ใช้ไปแจ้งความ เลยเอารูปจากกล้องวงจรติดประกาศที่หอพักแทน ประมาณว่าแบนคนนี้ ห้ามเข้า เป็นบุคคลอันตราย บลาๆๆ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมยังไม่ได้แจ้งความ เพราะไม่รู้ว่าแจ้งไปแล้วทางตำรวจจะดำเนินการอะไรได้ (นึกถึงตำรวจพูดประมาณว่า อ้าว !!! ก็ได้คืนแล้วหนิ จะอะไรยังไงอีก ตามสไตล์) โทรศัพท์เราก็ได้คืนมาแล้ว เลยฝากมาเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่อยู่หอพัก หรือคอนโด เวลาอยู่ห้องอย่าลืมล็อคห้องให้เรียบร้อยและแน่นหนา บางทีมันแอบมาเปิดห้องเราแล้วถ้ามันเจอเรา มันอาจทำเป็นทักว่า ขอโทษที เข้าผิดห้อง ประมาณนี้ แต่ถ้าไม่เจอเราอยู่ในห้อง ก็จะเป็นกรณีแบบผม เพราะบ้านเมืองเราตอนนี้อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่ามีพวกไทยใหญ่เข้ามาอยู่ปะปนซะเยอะ มาทำงานหาเงิน ไม่มีงานไม่มีเงินก็ไปขโมยของชาวบ้านเค้า ซึ่ง ณ ตอนนั้นพอผมได้โทรศัพท์คืนแล้ว ผมก็อยากไปจากที่ตรงนั้นแล้ว ไม่อยากอยู่ตอแยคนเหล่านั้น คือเอาเป็นว่าห่างๆไว้จะดีกว่า ถึงขนาดที่ว่าเข้าไปเปิดห้องคนอื่นตามหอพักมันยังทำได้ อย่างอื่นก็ไม่อยากจะคิดแล้ว แต่ผมจะไปแจ้งความไว้ เผื่อมีอะไรคืบหน้าบ้าง จะได้ให้ตำรวจเค้าดำเนินการ คนเหล่านี้จะได้ลดลงไปจากสังคมบ้าง
นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมโดน เมื่อ 3-4 ปีก่อนโดนแบบนี้เหมือนกัน คืออาบน้ำอยู่ แต่ไม่ได้ล็อคห้อง แล้วมีคนเปิดเข้ามาหยิบโทรศัพท์ไป 2 เครื่อง Nokia N73 กับ Motorolla V3i และเงินสด 7,000 บาท ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะโดนอีก
สุดท้ายนี้ก็ไม่มีอะไรครับ มาเล่าให้ฟังเฉยๆ เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ตื่นเต้นมากๆ มีเรื่องวุ่นๆแต่เช้าเลย โทรศัพท์หายโดนขโมยตอนประมาณ 7 โมงเช้า ได้คืนประมาณ 9 โมงครึ่ง อิอิอิ