สวัสดีครับพี่ๆ HLM ครับ
ผมเข้ามาอ่านรีวิวในเว็บนี้เยอะมากทั้งพี่จิมมี่และพี่ๆเพื่อนๆในเว็บนี้ ทำให้ผมได้ข้อมูลอะไรเยอะแยะหลายๆอย่าง
แต่ครั้งแรกสำหรับผม ผมจะขอรีวิวเจ้านี่ครับ Kawasaki Ninja 250 โฉมปัจจุบันครับ รถยนต์เยอะแล้ว ลองมาดูมอเตอร์ไซค์กันบ้างนะครับ ^^
ซึ่งคันนี้เป็นคันที่ผมใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับขี่ในเมืองและเดินทางไกล ผมได้คันนี้มาเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ครับ ก่อนที่มันจะเปลี่ยนสีไป จนในตอนนี้ไม่มีสีนี้ขายแล้วครับ ตอนนี้จะมีแค่สีเขียวและสีแดงดำครับ ++ อยู่ที่ในราคา 147500บาทครับ เป็นบิ๊กไบท์ที่ราคาสามารถเอื้อมถึงได้ครับผม ผมซื้อมาจากศูนย์คาวาซากิ สุราษฎ์ธานีครับ (ไม่ได้โฆษณานะครับ อิอิ)
เครื่องไม่ใหญ่มากมายครับ 250 ซีซี 4จังหวะ สองสูบเรียงครับ พอให้บิดเล่นได้แก้เครียด (แต่ต้องปลอดภัยด้วยนะครับ) ขี่ในเมืองก็ไม่ลำบากเท่าไหร่นัก ไม่ได้ใหญ่โตเหมือนตัว650ซีซีขึ้นไป คล่องตัวในการซิกแซกช่วงรถติด น้ำหนักรถถ้าได้จับครั้งแรกก็อาจจะตกใจครับ เพราะน้ำหนักเจ้านี่อยู่ที่ 170กิโลกรับครับ ช่วงแรกๆก็หนักๆหน่อย ต้องค่อยๆประคอง แต่ช่วงหลังเมื่อขี่จนชิน จะเริ่มคล่องครับ ถือว่ายังไหวครับ
มาดูโฉมหน้ากันบ้าง ตัวแฟริ่งไม่ใหญ่เกินไปครับ ดูอวบๆแต่ไม่ถือกับถึงอ้วน สำหรับเบาะคนขี่ จะสูงอยู่ประมาณเบาะท้ายของรถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป ลองไปนั้งท้ายมอเตอร์ไซค์ทั่วไปแล้วจะรู้ครับว่าสูงขนาดไหน ยืดขาก็ถึงพื้นพอดีครับสำหรับคนสูง แต่ถ้ามีปัญหาความสูงต้องเขยงหน่อย ตัวผมสูงอยู่ที่ 172 ซม.ครับ ยังถือว่ายืดขาถึงพื้นได้อยู่ แต่ก็ต้องรับกับน้ำหนักรถเมื่อติดไฟแดงหรือพยูงตัวรถครับ >< ส่วนเบาะหลัง คนนั่งจะสูงมาก เห็นหัวคนขี่ เบาะนั้นก็จะเอียงมาข้างหน้านิดหน่อย แข็งใช้ได้ ถ้านั่ั้งทางไกลๆ มีโอกาสระบมได้ เบรคครั้งนึงคนหลังจะไหลมาด้านหน้าเลยทีเดียว แล้วก็จะตกมานั่ั้งอยู่กับเบาะคนขี่ครับ คนขี่ก็จะโดนดันจนเป้ากระแทกกับถังน้ำมัน ร้องโอ้ยๆ!!>< ต้องนั่งให้เป็นครับ อิอิ
ไฟหน้าตัวรถมีสองดวงครับ เวลาขี่ในยามปกติ ไฟจะติดข้างเดียวครับ คือ ไฟต่ำ ซึ่งจะอยู่ด้านขวาครับ แต่ถ้าใช้ไฟสูง ไฟซ้ายก็จะติดครับ แต่ทว่า ไฟต่ำก็สามารถสว่างมากแล้วครับ บางที่ขี่ตามรถคันข้างหน้าก็กลัวเขาด่าเหมือนกัน เพราะมันสว่างมากเหมือนไฟสูง ถ้าถามว่าจะให้ไฟต่ำติดทั้งสองข้างเลยได้ไหม บอกเลยครับว่าไม่ได้ เพราะโคมไฟได้ปรับองศามาไม่เท่ากันครับ ไฟต่ำจะมีองศากดลงพื้นหน่อย ส่วนไฟสูง จะชี้ขึ้นนิดๆ ถ้าจะติดทั้งสองข้าง ก็เปิดไฟสูงครับ เวลาขี่ทางไกล ถ้าใช้ไฟต่ำ ก็จะเห็นป้ายบอกทางเขียวๆที่อยู่บนหัวเราตั้งแต่ไกลเลยครับ ส่วนไฟสูงไม่ต้องพูดถึง ไฟต่ำขนาดนั้นแล้ว ไฟสูงนี้สว่างขึ้นฟ้าเลย ส่วนไฟเลี้ยวทั้งสองข้างใช้โคมขาวครับ สามารถงอได้ พอยื้ดหยุ่น เผื่อเวลาไปเฉี่ยวกับสิ่งอื่นๆ แต่ถ้าเฉี่ยวหนัก โคมไฟนี้ก็จะหายไปเลยครับ ฮ่าๆๆๆ ส่วนชิวส์หน้า สามารถตัดลมได้ระดับหนึ่งแต่ก็ไม่มาก เมื่อเกิน100กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไปลมก็จะไม่สามารถป้องกันลมปะทะได้ครับ ส่วนดำๆนั่นคือเคฟล่าครับ ผมติดมันเอง ^^
แม๊กซ์ดำ ติดมากับตัวรถครับ พร้อมกับสติ๊กเกอร์ขอบล้อสีแดงสะท้องแสงนิดๆ ขนาดยางหน้าก็ 110/70 ครับ ส่วนยางหลังก็ 130/70 แต่ถ้าจะต้องการยางหลังใหญ่กว่านี้แต่ใช้แม๊กซ์โรงงานก็140/70 ครับ แต่ถ้าจะใหญ่กว่านี้ก็ต้องใช้แม๊กซ์ของ ER-6n บวกกับยางขนาด 150 ครับ เป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆครับ ดิสเบรคสรงสปอร์ตครับ เสียงไม่ดังครับ เบรคครั้งนึงก็ต้องค่อยๆเบรคครับเพราะรถมันหนัก ไม่งั้นมีวัดความยาวของถนนแน่ครับ
ดิสเบรคหน้าเป็นของ Enkie ครับ มาจากโรงงาน ทรงสปอร์ต
เกจวัดความเร็ว รอบ ความร้อนครับ รอบจะสุดอยู่ที่15000รอบครับ แต่ถ้าลากเกิน12000กว่าๆรอบก็ตัดแล้วครับ กันเครื่องฮีท มีบอกจำนวนกิโลเมครทั้งหมดที่เราขี่ครับ และมีวัดจำนวนกิโลทริปครับ ไว้วัดระยะทางที่เราขี่ไป มีมารตวัดความร้อนครับ ถ้าขี่ในเมืองรถติด ความร้อนจะอยู่กลางๆจนเลยขีดกลางครับ แต่ไม่สูงมากนัก แต่ถ้าวิ่งทางไกลในความเร็วประมาณ100ขึ้นแต่ไม่เกิน140กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความร้อนก็จะลดลงไปอยู่ช่วงก่อนจะถึงกลางๆครับ ขี่ในเมืองนี้ความร้อนขึ้นมายังถึงถังน้ำมันกันเลย เป้าร้อนๆ ฮ่าๆๆ
แล้วเอ๊ะ เกจวัดน้ำมันไปไหน จะมีแค่ไฟเตือนครับผม ถังน้ำมันของคันนี้จะจุได้ที่17ลิตร จะขึ้นไฟเตือนตอน เหลือน้ำมันอยู่ในถัง 3-4ลิตร ก็พอที่จะขี่ได้ประมาณ40-60กิโลเมตรครับ (ในทางไกลนะ)
ไฟท้าย เป็นทรงสปอร์ตครับ แต่!! มันสามารถใส่กับของ KSR โฉมปัจจุบันได้ แอร็ก >< ไฟท้ายเคเอสอาร์ดีๆนี่เอง ไฟเลี้ยงสองข้างก็โคมขาวครับ มีไฟป้ายทะเบียน บังโคลนพอที่จะกันได้บ้างนิดๆครับ
กุญแจครับผม ยาวดี เหมือนของรถยนต์ และฝาน้ำมัน บวกกับคำว่า special edition
เครื่องเป็นสองสูบ หัวฉีดครับ 250ซีซี 4จังหวะ การบริโภคน้ำมันคันนี้ก็ 19-21กิโลเมตรต่อลิตรครับในการขี่ทางไกล ส่วนในเมืองก็จะเหลืออยู่ที่ 14-17กิโลเมตรครับ แต่ถ้าชอบลากรอบสูง ขี่เร็ว อัตราบริโภคน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้นตามการขี่ ชอบลากรอบ ขี่เร็วก็เหมือนเอาน้ำมันไปเทเล่นครับ และเอาชีวิตตัวเองไปนอนอยู่บนถนนครับ เครื่องมันใหญ่ก็ต้องรู้จักการควบคุมนิสัยการขี่ของตัวเองครับ อย่าปล่อยให้ความมันส์คุมชีวิตเรา ^^
โช็คหลังเป็นโช็คเดี่ยว ยูนิแทรคครับ ไม่แข็งกระด้างเกินไป แต่ก็ไม่นิ่มมาก ให้ความรู้สึกไม่กระโดดเวลาเจอเนินหรือหลุม
นี่เป็นของแต่งที่ผมแต่งหลังจากได้มาครอบครอง เป็นท่อ DBS ที่ทำขึ้นใหม่ เพิ่มม้าได้ 1-2ตัว ดังกว่าท่อเดิมครับ รู้สึกน่าจะดังเกินกฎหมายซะด้วยสิ แต่ผมมีวิธีที่จะทำให้มันเงียบได้ตอนเจอด่านหรือบ้านคนเวลากลางคืนครับเพื่อไม่ใช้รบกวนคนอื่นมากเกินไป ส่วนบังโคลน พอกันการกระเด็นออกด้านข้างและเข้าโช็ค
จบแล้วครับสำหรับการรีวิวของเจ้าตัวนี้ อาจจะเป็นข้อมูลสำหรับคนที่สนใจก็เป็นได้ ถ้าหากผิดพลาดอย่างไร ก็ขออภัยใว้ในกระทู้นี่ด้วยนะครับ ^^
กระทู้ต่อไปผมจะเอารถยนต์ที่ใช้อยู่ ณ ตอนนี้ Land cruiser Prado TX 3.4 ปี 2000 มาให้ดูครับ