ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมในทวีปอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย รถยนต์ต้องเล่นเครื่องยนต์ซีซีสูงมาก  (อ่าน 23544 ครั้ง)

ออฟไลน์ Bangkok Infinity X12

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 231
ในประเทศมีคนเล่นเครื่องยนต์ 4.0 ลิตร ใช้วิ่ง กินน้ำมันแหลกก็จริง ในบ้านเรา แถมภาษีแพงด้วย

อยากทราบว่าในแถบอเมริกาเหนือ แถบยุโรป แถบออสเตรเลีย ทำไมต้องใช้เครื่องยนต์ 4.0 ไปใช้งาน มีดังนี้
-บ้านเค้าอยู่เขตร้อนจัดหรืออยู่ในสภาพอากาศแปรปรวน
-เครื่อง 4.0 ขึ้นไปต้องเติมน้ำมัน Euro V ขึ้นไป หรือเปล่า กินน้ำมันมากน้อยแค่ไหน
-ถนนในแต่ประเทศเป็นอย่างไร ทำไมถึงต้องใช้ซีซีสูงมากครับ มีผลมากแค่ไหนครับ
คนเราซื้อรถได้ ควรดูที่ความเร็ว การควบคุม คุณภาพ รอบด้านครับ

ออฟไลน์ gorilla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,460
อเมริกาเหนือ กับ ออสเตรเลีย

เป็นประเทศขนาดใหญ่ครับ  การเดินทางข้ามรัฐมันไกลมาก เครื่องยนต์ซีซีสูงๆ ได้แรงบิดในรอบต่ำ การขับทางไกลไม่ต้องใช้รอบสูงมากนัก  อีกอย่างพละกำลังตอนเร่งแซงหายห่วง

อีกประเด็นน่าจะเป็นเรื่องของวิถีชีวิตด้วยครับ  รถที่ขายดีมากๆในออสเตรเลีย คือ suv หรือไม่ก็พวกกะบะ  คนออสซี่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง  แคมปิ้ง  ขี่เรือ  ตกปลา   รถบ้าน, เรือ, เจตสกี ก็ใช้รถลากเอาครับ   หรือแม้แต่พวกอุปกรณ์หากิน เช่น พวกเครื่องมือก่อสร้างก็ใช้เทลเลอร์ลากไปกับรถครับ

รายได้ก็น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งครับ  ประเทศเจริญแล้วรายได้ต่อหัวค่อนข้างมากนะครับ คือสามารถจ่ายค่าน้ำมันได้อย่างไม่มีปัญหา  แต่ก็มีไม่น้อยที่ติด LPG ครับ  ค่าติดตั้งน่าจะประมาณ $3000 ขึ้นไป

ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศขนาดใหญ่โตมากมาย  การใช้รถก็เพียงระยะทางไม่มากนัก  รายได้ไม่ได้สมดุลกับรายจ่ายอย่างที่ควรจะเป็น  การตัดภาระรายจ่ายเรื่องค่าน้ำมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งครับ   มันมีหลายปัจจัยครับ

ออฟไลน์ A_armZ

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 97
ยุโรป ไม่ใช้เครื่องใหญ่ครับ ส่วนใหญ่ที่เขานิยมใช้กัน ก็ประมาณ 1.6 Turbo - 2.0 ครับ แล้วก็ส่วนใหญ่จะนิยมเป็นดีเซลซะส่วนมาก  

ส่วนมาตราฐาน Euro V นั้น ในเขตเมืองใหญ่ๆเขาถึงขั้นจำกัด เลยละครับว่าเขตนี้ เฉพาะรถที่ผ่าน Euro IV นั้นอะไรแบบเนี่ยอ่ะครับ ส่วนจะรู้ได้ยังไง รถทุกคัน(ที่ออกมาใหม่ๆ) จะมีสติ๊กเกอร์ติดที่กระจกหน้า เหมือนป้ายภาษีบ้านเราอ่ะครับ

ถนนที่ยุโรป (เยอรมัน) ถนนสายเล็กๆ ที่ไม่ใช้Autobahn จำกัดความเร็วในการวิ่งครับ 30-70Km/h แล้วแต่ว่าเขตครับ ส่วนถนน Autobahn ไม่จำกัดความเร็วในการวิ่งครับ แต่ป้ายจะบอกว่าไม่ควรใช้ความเร็วเกิน120Km/h แต่คนที่นี้ ก็เหยียบกันสุดๆแหละครับ โฮสผมก็เหยียบแหลกละครับ 190 ยังนิ่งๆเลยครับ ถนนเขาดีมากๆ แต่ไม่ใช่ราดยางมะตอยนะครับ เป็นซีเมนต์ธรรมดา

http://lowemissionzones.eu/th/content/view/45/61/lang,en/ ลิ้งค์ตัวอย่างสติ๊กเกอร์หน้ารถที่เยอรมันอ่ะครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 27, 2011, 20:23:42 โดย A_armZ »

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089

ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศขนาดใหญ่โตมากมาย  การใช้รถก็เพียงระยะทางไม่มากนัก  รายได้ไม่ได้สมดุลกับรายจ่ายอย่างที่ควรจะเป็น  การตัดภาระรายจ่ายเรื่องค่าน้ำมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งครับ   มันมีหลายปัจจัยครับ
ชัดเจนเลยครับอันนี้ เรียกว่าเป็นประเด็นหลักของคนไทยก็ได้ครับ เพราะขนาด 3.0 ก็บ่นค่าน้ำมันกันกระจายแล้ว
ส่วนเครื่อง 4 ลิตรของเขา คงไม่ได้กินกว่า 3ลิตรบ้านเราเท่าไรมั้งครับ เพราะขับทางไกล ใช้รอบต่ำ และยังไหลไปได้ไกลถ้าขับนอกเมืองแบบไม่ต้องเค้นนัก  และใช้คุ้ม ได้ใช้รถขนเรือ จักรยาน ฯลฯ ขึ้นเขา ลงห้วยได้

ออฟไลน์ Northbridge

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 751
อย่าเหมารวมฝรั่งครับ

พวกนิยมเครื่องใหญ่ๆกินจุ ก็มีแค่พวกอเมริกัน กับออส เท่านั้นครับ

ยุโรปนี่ นิยมรถเล็กไซส์ตั้งแต่ 1.4-2.0 มานานแล้วมิใช่หรือ ? ดีเซลด้วยเอ้า  ;)

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
มีแค่คนอเมริกัน กะ คน ออส ครับ คนยุโรป บางประเทศ ใช้เครื่องเล็กกว่าบ้านเราด้วยซ้ำ
เหตุผลเท่าที่ผมคิดออก
1. การใช้งาน
- ขับรถไกลๆข้ามรัฐ อยากได้รถที่ขับแล้ว รู้สึกแน่นๆ อัตราเร่งดี
- อยากได้รถคันใหญ่ๆ ซึ่งใหญ่ของบ้านเราคือ ประมาน Space Wagon/Fortuner/PJS/Camry แต่ใหญ่ของเขาคือ Chevy Express/Dodge RAM/Suburban/7 Series
2. ค่านิยม
- บ้านเราเห็นรถเครื่อง 6 สูบ 2.5L ขึ้นไป ก็รู้สึกว่าใหญ่แล้ว แต่บ้านเค้า เครื่อง 4.0-6.0L V8 วิ่งกันเกลื่อนเมืองไปหมด
- คนขับรถใหญ่ = ฐานะดี
- ส่วนนึงอาจเป็นเพราะรายได้เยอะ เค้าจึงรู้สึกเฉยๆกับรถที่กินน้ำมัน 7 กิโล/ลิตร หรือมากกว่า
   แต่บ้านเรา 10 กิโล/ลิตร ก็ถือว่าค่อนข้างซดแล้ว (คิดแบบพวกเรานะ ถูกแล้วนะครับสำหรับข้อนี้)

เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า เห็นญาติเค้าที่เมกา ก็ขับ Hummer H2 เป็นรถใช้งานคันเดียว ขับไปนู่นไปนี่ ขับทางไกล ขับไปที่รถติด ขับไปซื้อของหน้าปากซอย
เหมือนๆกะพวกเราขับ B-segment ไ่ม่มีผิด ไม่ได้รู้สึกรู้สาเล้ยว่า มันซดน้ำมันระดับ 2-5 กิโล/ลิตร
รถแทกซี่/รถตำรวจ ที่เห็นเป็น Ford Crown Vic ก็เป็นเครื่อง V8 ทั้งหมด คงไม่ต้องบอกว่าประหยัดแค่ไหน
แล้วก็ ผมก็ไม่เห็นว่า คนเมกา จะรู้จัก LPG NGV เลยสักนิด

ออฟไลน์ Ruksadindan

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,041
ง่ายๆคือบ้าพลังครับ เป็นความเชื่อ The American Way เก่าๆน่ะครับที่อะไรต้องใหญ่ไว้ก่อน บวกกับเทคโนโลยีเครื่องยนต์ฝั่งอเมริกาที่ไม่เน้นการลดขนาดเท่ากับญี่ปุ่นหรือยุโรปครับ แต่แรงบิดการล่องทางไกลมันก็ดีใช้ได้จริงนะ Taxi Mercury ที่ผมนั่ง วิ่ง 120 รอบแค่สองพัน

ออฟไลน์ warez

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 702
ตั้งแต่ต้น รัฐสนับสนุนการใช้รถขนาดใหญ่ เพราะต้องการเก็บภาษีจากพลังงานที่ใช้ทีหลัง
จึงมีมาตรการสนับสนุนการใช้รถเครื่องโตๆ จนเป็นค่านิยมมาจนถึงปัจจุบันครับ

ออฟไลน์ mathician

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 667
แล้ว ซาอุ อิรัก อิหร่าน ดูใบ,... พวกนี้ละครับ เรื่องการใช้รถเป็นยังไง

ออฟไลน์ YIM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,015
  • ไม่น่ารัก เราไม่มอง!!
    • อีเมล์
ยุโรป ที่ใช้เครื่องเล็ก อีกอย่างเพราะบ้านเมือง และถนนเขาค่อนข้างเก่า (ยกเว้น highway) ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้ความเร็วสูงอยู่แล้วด้วยครับ

อีกทั้งหลายๆ ประเทศในยุโรป ยังรีดภาษีกับรถ cc สูงๆ ด้วยครับ

แต่อย่างที่ทุกท่านว่าไว้ US กับ Oz เนี่ย ประเทศเขาใหญ่ และการขับรถข้ามพื้นที่ไกลๆ เป็นเรื่องปกติ เขาจึงต้องการรถคันใหญ่ นั่งสบายไว้ก่อน และต้องให้กำลังที่มาก โดยไม่ต้องเหนื่อยเค้นแรงเยอะ จึงต้องใช้เครื่องใหญ่ครับ
JDM เท่านั้น จะครองโลก!

ออฟไลน์ Appenzell Swiss

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 327
ยุโรปนิยมใช้รถเล็กกว่าไทยอีกครับ
สภษ.(Proverb)14:15 คนเขลาเชื่อถือวาจาทุกอย่าง แต่คนหยั่งรู้มองดูว่าเขากำลังไปทางไหน

ออฟไลน์ panerai

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,351
ตอนไป Austria ผมเห็นแต่ European mini car ทั้งนั้นเลยครับ อยู่อย่างสมถะมากๆเลยครับทั้งๆที่ประเทศเค้ารวยกันมากๆ

ออฟไลน์ PapaRo@ch~*

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
อเมริกาวิ่งข้ามรัฐกันทีนี่หลายร้อยกิโล
ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์กว้างกันเป็น10เลน
รถบรรทุกขนาดใหญ่เยอะมากๆ

ขับรถเล็กๆอย่างแจส หรือกระบะ1ตันแบบบ้านเรานี่ ดูไม่น่าปลอดภัยเลย

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
เอาแค่อเมริกาละกัน ไม่เคยไปออสเตรเลียเลยไม่ทราบ

ขับรถเที่ยวข้ามรัฐวิ่งทีเป็นพันพันไมล์ ตียาวรวด 12 ชั่วโมง 18 ชั่วโมง
ถึงแม้กำหนดความเร็วบนทางหลวงจะไม่มาก เช่น 55 ไมล​์ หรือ 65 ไมล์
แต่รถเครื่องใหญ่วิ่งความเร็วระดับนั้น ส่วนใหญ่ใช้รอบไม่ถึง 2,000 rpm
เงียบ สบาย มีอัตราเร่งให้เหลืออีกเต็มเท้า ถ้าจะต้องเร่งแซงขึ้นหน้าคันอื่น

แถมภูมิประเทศบางช่วงก็เป็นเขาสูงชัน ถ้ามัวแต่ใช้เครื่องเล็กแล้ว
พอเจอเนินลูกนึง ก็คลานกันเป็นเต่าแบบรถบรรทุกเมืองไทย หรือชะลอลงกันมากมาก
การขนส่งสินค้าข้ามรัฐคงล่าช้าและเสียหายอีกมาก รถเลยใช้เครื่องใหญ่แรงบิดมหาศาลกันทั้งนั้น
รถ 18 ล้อ 24 ล้อ วิ่งขึ้นเนินกันฉิว ไม่ต้องคลาน ทดเกียร์แล้วทดเกียร์อีก ยกเว้นเขาชันจริงจริง

ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ใครว่าไม่กินครับ กินหนักกันทั้งนั้นแหละ
รถเครื่องใหญ่ใหญ่ อย่างล่าสุดเพิ่งคืน Hyundai Genesis ไป ก็กินระดับ 20MPG ก็ประมาณ 8.5 KM/L
นี่วิ่งทางไกล เปิด Cruise Control แช่ 65 ไมล์ตลอดนะ แต่วิ่งในแถบซานฟรานซิสโก ซึ่งเป็นเขาชัน

ส่วนใหญ่แล้วบังเอิญรายได้พอดีกับรายจ่าย มันเลยพอจ่ายกันไหว แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จ่ายไหว
ช่วง Crisis เมื่อ 2008 หลายครอบครัวต้องวางแผนเดินทางกันทั้งนั้น จะเข้าเมืองซื้อของที
ก็ต้องลิสต์รายการไว้เป็นสิบสิบ จะได้เข้ามารอบเดียวแล้วคุ้ม ไม่มีเงินเติมน้ำมันมากขนาดนั้น

จะว่าไปเดี๋ยวนี้รถเครื่องโต ซีซีโหด แบบ 5 ลิตร 6 ลิตร ก็นิยมเล่นในกลุ่มคนที่จำกัดลงมากแล้วครับ
รถญี่ปุ่นเครื่อง 3 ลิตร 3.5 ลิตร กลับเป็นที่นิยมมากกว่า แม้กระทั่งรถตลาดในเครือ GM ก็มาเล่นระดับนี้ทั้งนั้น
ยกเว้นว่าจะเป็นตลาดกระบะ Pick-up Truck ที่ยังวาง Hemi 6 ลิตร อะไรเทือกนั้นกันอยู่

อ้อ คุณ Bangkok Fiesta EX ถามเยอะเพราะอยากทราบนี่ผมไม่ว่านะครับ
แต่น่าจะเข้ามาขอบคุณคนตอบเสียบ้าง เพราะที่ถามมาก็ถามมาละเอียด
หลายท่านก็ตั้งใจมาตอบให้ตั้งยาว ช่วยแชร์ความคิดเห็นกันมาให้หลายกระทู้แล้ว
น่าจะดีกว่ามาตั้งกระทู้ถาม แล้วก็หายไปเลย สองสามวันก็ออกมาตั้งกระทู้ใหม่นะครับ

ด้วยความหวังดี

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
อยู่ที่คำจำกัดความด้วยล่ะครับ ว่าใหญ่ของคุณคือระดับไหน

สำหรับผม ผมก็คิดว่ามันเวอร์เกินไปจริงๆที่จะใช้รถใหญ่ เครื่องใหญ่ระดับนั้น
The American Way สังคมทุนนิยมครับ ตรงกันข้ามกับหลักพอเพียงของบ้านเรา
อะไรๆ ก็ต้องใหญ่ ต้องเวอร์ ต้องมี ต้องเผื่อตลอด แต่ไม่คิดถึงหลักความจริง
ซ้ำร้ายกว่านั้น ซื้อเค้าเอาอย่างเดียว ไม่ผลิตเอง ไม่ทำเอง อาศัยเงินเข้าว่า นั่นเป็นความคิดที่ผิด
เอาใจตลาดประเทศนี้ ด้วยเครื่องใหญ่โต มลพิษเยอะ และอื่นๆอีกมากมายเพื่อสนองตัณหา

เรื่องรถก็เหมือนกัน ยกตัวอย่างรถอเมริกันสมัยก่อนก็ได้ เครื่อง 4 ลิตร V8
สมัยนี้ี ยอมรับกันทั่วโลกแล้วว่ารถยุโรปเครื่องเล็กๆพ่วงหอย ก็มีพลังมากมาย
ทั้งแรงม้า แรงบิด ที่รอบต่ำๆทั้งนั้น แถมประหยัดน้ำมันกว่ากันมากมาย

และถ้าอยากได้เครื่องแรงบิดสูงๆ ก็ยังมีดีเซลเทอร์โบรองรับตรงนี้อยู่อีก
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ เพื่อโลกเราทั้งนั้น ช่วยกันลดมลภาวะด้วยเครื่องยนต์ที่สะอาดกว่า
แต่ตราบใดที่คนประเทศเหล่านั้นยังคิดไม่ได้ และยังไม่เปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ
โลกเราก็เป็นอย่างงี้ต่อไป เพราะเค้ามีกำลังซื้อมากกว่า ระบบธุรกิจ มันไปในแนวทางนี้จริงๆ

ผมมั่นใจว่าเครื่องดีเซลใน 320d มีดีกว่ารถอเมริกันเก่าๆเครื่อง 4 ลิตรแน่นอน
ทั้งความประหยัด แรงบิด มลภาวะ
ลองคิดเล่นๆว่าทำไม Corvette ต้องใช้เครื่อง 6 ลิตร พ่วงซุป
ในขณะที่ 911 ใช้แค่ 3.8 โบ ก็สูสีกับเครื่อง 6 ลิตรได้?? (911 ใหม่ จะใช้เครื่อง 3.6 โบ ด้วยซ้ำ)

ออฟไลน์ RhinoMango

  • Very Rhino User
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,290
  • Let's get back to '94.
ให้ดูสภาพทางภูมิศาสตร์ ลักษณะเมือง คุณภาพและลักษณะของถนนไว้ครับ

ประเทศญี่ปุ่น พื้นที่น้อย คนเมืองนิยมรถไฟมากกว่าเพราะรถหาที่จอดยาก รถก็เลยออกมาเป็นรถคันเล็กๆ
ประเทศอิตาลี ภูเขาเยอะ ถนนแคบ รถเลยต้องแรงๆเกาะๆและเล็กๆ (รถเฟียต รถอัลฟ่าสมัยก่อน)
ฝรั่งเศษ สมัยก่อนเป็นถนนอิฐ รถเลยช่วงล่างต้องดี เครื่องก็งั้นๆ เพราะวิ่งไม่เร็ว วิ่งบนถนนที่ขรุขระต้องเหมือนลอยไปบนพรม
เยอร์มันถนนยาว ถนนดี รถเลยต้องแรงช่วงล่างดี เครื่องดี
อเมริกา ถนนยาว เลนเยอะ วิ่งข้ามรัฐ กฏหมายแรง รถเลยต้องใหญ่ เครื่องใหญ่วิ่งไกลๆจะได้ไม่พังง่าย และวิ่งไม่เร็ว ขับสบาย

คร่าวๆประมาณนั้นครับ

ปล. ผมชอบ COrvette มากกว่า 911  ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2011, 08:29:59 โดย RhinoMango »

:. Volkswagen Vento VR6 '94 // :. Nissan NX "กูปรี" '94

You can Follow me on Twitter : @rhinomango

ออฟไลน์ eaowpj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ถามต่อนะครับ แล้ว อเมริกา ยุโรป ออสเตรเรีย น้ำมันลิตรละเท่าไหร่ครับ  :)

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12,640
เข้าใจใหม่นิดนึงด้วยว่ากินน้ำมันแหลกนั้นมันไม่จริงเลยยิ่งประเทศเค้าจำกัดความเร็วได้ผลด้วยรถเครื่องใหญ่มันก็กินเท่าเครื่องเล็กนั่นแหละ และยุโรปใช้เครื่องเล็กกว่าไทยซะอีก
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
แล้ว ซาอุ อิรัก อิหร่าน ดูใบ,... พวกนี้ละครับ เรื่องการใช้รถเป็นยังไง

ตะวันออกกลางเขารวยมีน้ำมันครับ ไฮลักซ์ วีโก้ รุ่นส่งตะวันออกกลางก็เครื่องเบนซิน 4.0 (ก็ประกอบกันบ้านเรานี่แหละ) และ ยังเห็นคลิปที่วัยรุ่นเอารถไปซิ่งเล่นบนทะเลทรายบ่อยๆ

ออฟไลน์ gorilla

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,460
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ถามต่อนะครับ แล้ว อเมริกา ยุโรป ออสเตรเรีย น้ำมันลิตรละเท่าไหร่ครับ  :)

ผมอยู่ออสครับ ราคาน้ำมันขึ้นๆลงๆทั้งอาทิตย์ครับ ปกติวันอังคารกับพุธจะถูกที่สุด ราคาอยู่ช่วงประมาณ $1.30-$1.43 สำหรับ 91

95 และ 98 บวกเข้าไปอีก 10 และ 15 เซนต์ ตามลำดับครับ

ดีเซลแพงกว่า 91 ประมาณ 10-15 เซนต์ (ผมไม่ค่อยได้สังเกตดีเซล)

LPG ประมาณ 65 เซนต์ ครับ 

คูณค่าเงินกันเองนะครับ  แต่แพงกว่าไทยแน่นอนครับ  อิอิ

 

ออฟไลน์ Valkilrey

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 646
    • อีเมล์
ถ้าผมใช้ชีวิตอยู่ USA, Australia ก็คงซื้อ SUV ใหญ่ๆไว้ใช้งานเหมือนคนในพื้นทีแหล่ะครับ

ออฟไลน์ Bangkok Infinity X12

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 231
ขอบคุณที่ให้ คห. ร่วมมือกันครับ
คนเราซื้อรถได้ ควรดูที่ความเร็ว การควบคุม คุณภาพ รอบด้านครับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ทุกอย่างเปลี่ยนกันได้แต่บางอย่างมันเป็นผลมาจากอดีต
เราต้องคิดกันว่าเมื่อ 50 ปีก่อน เครื่อง 1.2 ลิตร ทำกำลังได้เท่าไหร่
เครื่อง 4.0 ลิตรทำกำลังได้เท่าไหร่ และเครื่อง V8 7.3 ลิตรทำกำลังได้เท่าไหร่

แน่นอนสมัยก่อน การเดินทางไกลผ่านที่ราบสูงและภูเขา ในยุคที่เครื่องพันสาม
วิ่งได้ 100 ก.ม./ช.ม. คุณก็ต้องคบเครื่องโตๆ

แต่ทุกวันนี้เครื่องพันสองมีหอย วิ่งกัน 180 สบายๆ เร่ง 0-100 เร็วกว่ารถ V8
จากยุค 60s ตอนมันสภาพดีๆด้วยซ้ำ

ความเชื่อของคนนี่สิ ยากจะเปลี่ยน ...ปู่คุณ พ่อคุณ ขับ V8 5.7-7.3 ลิตรมาตลอด
จู่ๆจะให้มาขับเครื่อง 1.6-2.0 ลิตร มันทำใจไม่ได้ คนอเมริกันส่วนมาก ไม่ได้ใช้พลังรถ
อย่างที่ควรจะใช้ อดีตครอบครัวอุปการะของพ่อผม ซื้อ Accord V6 ขับไปจ่ายตลาด
เพราะเชื่อว่ารถ 4 สูบจะมีกำลังไม่พอ..แต่รถคันเก่าของเขาเป็น Pontiac เก่าๆ V6 3.1 ลิตร
ซึ่งเรี่ยวแรงและพลังห่างชั้นกับ Accord 2.4 ด้วยซ้ำ..มันแค่ความฝังใจ

ส่วนนึงที่ยังจำเป็นอยู่ก็มี..เช่นพวกที่ชอบพ่วงรถเทรลเลอร์แล้วขับเที่ยวไกลๆ
เช่นอเมริกันชานเมือง และออสซี่ทั้งหลาย การลากเทรลเลอร์ขึ้นทางชัน
อันนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องใหญ่ ที่ให้แรงดีตั้งแต่ออกตัวไปเลย ดีกว่าเครื่องเล็กติดเทอร์โบ
ซึ่งตอนออกตัวยังไม่มีแรง ต้องรอบูสท์สักพัก

ทำไมไม่ใช้ดีเซล?? ที่อเมริกาดีเซลถูกสร้างภาพลักษณ์ว่าสกปรก NoXเยอะ
ทั้งที่ความจริงทำให้สะอาดแบบยุโรปก็ได้..สงสัยคงมีล็อบบี้ยิสต์บางคนดมควัน
ของพวก Cummins block มากไป

แต่จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงกำลังค่อยๆมา ที่อเมริการถไฮบริด
เริ่มเข้ามากินยอดขายมากขึ้น เครื่อง V6 ถูกพัฒนาจนตอนนี้มีพละกำลัง
ดีกว่าเครื่อง V8 จากยุค 90s เสียอีก

ส่วนที่ออสเตรเลีย Ford Australia ได้ลองเชิงกับความยึดติดของคนเท้าหนัก
โดยสร้างรุ่น Falcon XR6T ซึ่งไม่คบเครื่อง V8 แต่หันไปซบ 4.0 ลิตร 6 สูบเรียง
พ่วงหอยแทน (Barra240T) แต่กระนั้นก็ยังมี V8 ไว้จับคนที่ชอบบล็อคโต
ในรุ่น XR8 (Boss260) และ GT (Boss290)

อาจจะเป็นเพราะราคาก็ได้ แต่การที่ XR6T ขายดีมากและ XR8 กับ GT
ขายไม่ค่อยดี ก็น่าจะบอกอะไรบางอย่าง

ล่าสุด Falcon ซึ่งปกติจะมีรุ่นล่างสุดใช้เครื่อง 6 เรียง NA 4.0 ลิตร
ตอนนี้จะมีรุ่นล่างสุดเป็นเครื่อง 2.0 เทอร์โบ Ecoboost ..ใช่ ไอ้ตัวที่อยู่ใน Focusนั่นแหละ
เอาไปแปลงเป็นขับหลังเรียบร้อยแล้ว และให้สื่อออสซี่ลองขับกันแล้ว แสดงว่า
ถ้าไม่ใช่ว่ามีความเป็นไปได้ในการทำตลาด Ford คงไม่กล้าทำออกมาหรอกครับ

The world is going downsize, welcome to planet turbo!


- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ eaowpj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ ค่าเงินออสเตรเรีย 31 บาทกว่า แสดงว่า 91 ของเขาราคาตั้ง 44-45 บาทแหนะ  :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2011, 15:08:46 โดย eaowpj »

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
เข้าใจใหม่นิดนึงด้วยว่ากินน้ำมันแหลกนั้นมันไม่จริงเลยยิ่งประเทศเค้าจำกัดความเร็วได้ผลด้วยรถเครื่องใหญ่มันก็กินเท่าเครื่องเล็กนั่นแหละ และยุโรปใช้เครื่องเล็กกว่าไทยซะอีก

ลองอ่านที่ผมตอบด้านบนดูนะครับ แล้วจะเข้าใจว่ามันไม่ใช่ว่าเครื่องใหญ่ไม่กินน้ำมันเพราะถูกจำกัดความเร็ว
ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว เราคงไม่ต้องทำทดสอบ 110 กม./ชม. ในไทยเหมือนกัน เพราะเครื่องจะใหญ่จะเล็กก็กินเท่าเท่ากันหมด

ผมเพิ่งคืน Genesis เครื่อง 3.8 ลิตรไป วิ่งทางไกลความเร็วเฉลี่ยประมาณ 100-110 กม./ชม. ก็กิน 8.5 กม./ลิตร
ปกติขับพวก Mazda 3 2.0 และ 2.5 ก็กินระดับ 12-13 กม./ลิตร ยิ่งรถพวก SUV และกระบะคันโตยิ่งไม่ต้องพูดถึง
ดังนั้น มันกินต่างกันแน่นอนครับ

ราคาน้ำมัน Regular 89 ที่ผมเพิ่งเติมมา $3.55 เหรียญต่อแกลลอน ลองคำนวณเป็นราคาบาทต่อลิตรดูละกันนะครับ

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าผมเป็นคนอเมริกันก็คงซื้อพวกรถเครื่อง V6 แน่นอนครับ

เพราะรถแถวนั้นคันใหญ่ๆทั้งนั้นเลยครับ ;)

ออฟไลน์ eaowpj

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610



ผมอยู่ออสครับ ราคาน้ำมันขึ้นๆลงๆทั้งอาทิตย์ครับ ปกติวันอังคารกับพุธจะถูกที่สุด ราคาอยู่ช่วงประมาณ $1.30-$1.43 สำหรับ 91

95 และ 98 บวกเข้าไปอีก 10 และ 15 เซนต์ ตามลำดับครับ

ดีเซลแพงกว่า 91 ประมาณ 10-15 เซนต์ (ผมไม่ค่อยได้สังเกตดีเซล)

LPG ประมาณ 65 เซนต์ ครับ  

คูณค่าเงินกันเองนะครับ  แต่แพงกว่าไทยแน่นอนครับ  อิอิ

  
[/quote]

ราคาน้ำมัน Regular 89 ที่ผมเพิ่งเติมมา $3.55 เหรียญต่อแกลลอน ลองคำนวณเป็นราคาบาทต่อลิตรดูละกันนะครับ
ขอบคุณสำหรับคำตอบครับ แสดงว่าน้ำมันออสเตรเลีย ราคา 91 ก็ประมาณลิตรละ 45 บาท ส่วนดีเซล 95 98 ก็ประมาณลิตรละ 50 บาท ถือว่าแพงทีเดียวครับ ส่วนอเมริกา ออกเทน 89 ราคาลิตรละ 29-30 บาท ถึงถูกกว่าเหมือนเมืองไทยและอีกไม่กี่วันก็ถูกว่าเมืองไทยครับ แต่สงสัยจังเลยครับทำไมถึงใช้ออกเทนต่ำจังเลย  :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 28, 2011, 19:23:35 โดย eaowpj »

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
มันวัดคนละหน่วยครับ ที่นี่วัดเป็น MON เมืองไทยวัดเป็น RON

ออฟไลน์ A_armZ

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 97
ขออนุญาตเจ้าของกระทู้ถามต่อนะครับ แล้ว อเมริกา ยุโรป ออสเตรเรีย น้ำมันลิตรละเท่าไหร่ครับ  :)

เยอรมันลิตรละประมาณ 1.49 EUR ครับ เบนซิลนะครับ ::)

ออฟไลน์ mathician

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 667
เบลเยี่ยมลิตรละประมาณ 1.561 EUR ครับ เบนซิน 98 นะครับ
แต่ตอนนี้เห็นว่าขึ้นเป็น 1.618 EUR ได้ 2-3วันแล้ว