---^Review Honda City S M/T Minor Change 2012 ยืมญาติมาขับอีกครั้ง!!??!! ^---

[NONT4477]

สวัสดีเพื่อนๆชาว HLM หลังปีใหม่ครับ คราวนี้เอารถญาติมารีวิวอีกแล้ว (ไม่ยอมรีวิวรถตัวเอง555) หลังจากที่
ยืมญาติมาขับรอบแรก Nissan Almera VL ไปลองไกลถึงดินแดนชมพูภูคา จังหวัดน่าน

http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,17820.0.html

แต่สำหรับคราวนี้ อยู่เชียงใหม่ครับ บ้านเกิดบ้านผมเอง

[NONT4477]

รถคันนี้เป็นของลูกพี่ลูกน้องครับ
แต่ก่อนที่จะไปดูรถ มาอ่านกันก่อนว่าทำไมเค้าถึงเลือกซื้อ Honda City รุ่นหนีน้ำท่วมนี้  

ซึ่งรถคันแรกที่พี่คนนี้ใช้เป็น City ZX M/T ครับ
อายุรถไม่มากเท่าไหร่ วิ่งได้ไม่ถึง5หมื่นโล
ก็ขายไป สาเหตุเพราะ
พี่ผมดันทะลึ่งเอาไปติด LPG ทั้งๆที่ไม่ได้วิ่งไปไหนไกล (เรียกได้ว่าใช้ไม่คุ้ม) ก็เลยต้องมากังวลว่าระยะยาวเครื่องมันจะกลับบ้านเก่าเร็วมั๊ย โดนชนท้ายกรูจะกลายเป็นตอตะโกมั๊ย 9ล9 ก็เลยจะใช้สิทธิรถคันแรกอันยั่วยวนใจให้มันรู้แล้วรู้รอด โดยคันนี้ใช้ชื่อพี่อีกคน(ภรรยา) ซื้อมา



แล้วทำไมต้องเป็น City … อีก ไม่เบื่อเรอะ
ข้อแรกเลย
 ญาติอีกคนที่อยู่บ้านติดกับบ้านเจ้าของรถ เขาเป็นเซลล์ขาย Honda ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบ้าน 2 หลังนั้นมีแต่ Honda
ตั้งแต่  CR-V Gen2, Civic FD, Jazz GD, City ZX อีก3คัน เยอะแยะมากมาย
ถ้าหนีไปซื้อรถค่ายอื่นที่ไม่ได้มีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนจริงๆ คงตลกสิ้นดี

[NONT4477]

ข้อที่ 2  
ความคุ้นเคย
 ZX คันแรกก็ใช้งานได้ค่อนข้างน่าพอใจ เพราะ ZX มันประหยัดน้ำมันและไม่มีต๊อก ให้เจ้าของต้องเสียความรู้สึกและต้องออกมาประกาศตัวว่านี่จะเป็น H คันสุดท้ายในบ้านช้าาาน
(ไปอ่านมาจาก CFDT หลายๆกระทู้ )

ข้อที่3
รถที่จะซื้อต้องเป็นรถตลาดเท่านั้น
นั่นหมายความว่า ในระดับนี้ จะมี Sedan เพียง 2 รุ่นที่เป็นตัวเลือกคือ Vios กับ City
แต่ตัด Vios ทิ้งไปได้เลย เพราะครั้งที่ซื้อ ZX เอา ZX มาเทียบกับ Viosตัวก่อนMC เค้ายังเลือก ZX เลย
และยิ่ง New City มีการปรับปรุงจาก ZX หลายด้าน แล้วจะต้องไปคิดถึงเจ้า Vios อีกทำไม

จริงๆ สาเหตุหลักที่ซื้อคือข้อ 1 นั่นแหละ

[NONT4477]

คำถามสุดท้าย
ทำไมต้องเป็นรุ่นล่างสุด S M/T  ในเมื่อทุกวันนี้รถยนต์นั่งเกียร์ธรรมดาขายแทบจะไม่ได้แล้ว
ก็ทีแรกตั้งใจจะออก S A/T ตามความนิยมนั่นแหละ แต่พอดีโรงงานที่โรจนะน้ำท่วม พรรคพวก A/T จมน้ำหมด (ป่านนี้คงเป็นเศษเหล็กไปแล้ว)
เหลือแค่รุ่นเกียร์ธรรมดานี่แหละที่หนีน้ำทันพอมีส่งเข้าโชว์รูม
กอรปกับ ZX คันเก่าที่ขายไปก็เป็นเกียร์ธรรมดา ถ้าจะได้ออกกำลังขาซ้ายกันต่ออีกสัก 5-10  ปี ก็คงไม่เป็นไร (ยังหนุ่มแน่นอยู่)
แถม ZX ก็ขายไปก่อนแล้ว
ถ้ามัวรอชักช้าคงได้ขี่มอร์ไซค์จนตัวดำแหงๆ (ไหนต้องไปรับส่งลูกน้อยชั้นอนุบาลอีก) ก็เลยต้องถอย S เกียร์ธรรมดา มาประจำการแทน ZX คันเก่า
แต่ออกเกียร์ธรรมดาก็ประหยัดเงินไป 4 หมื่นบาทเลย
ราคา 559,000 บาทสำหรับ M/T
และ 599,000 บาทสำหรับ A/T ต่างกันเยอะน่าดู
ส่วนรุ่นกลาง V มีเฉพาะ A/T ราคา 646,000 ได้ล้ออัลลอย 15 นิ้วลายใหม่
และรุ่นTop  SV ราคา 704,000 บาท ล้ออัลลอย 16 นิ้วปัดเงาลายใหม่ และภายในสีดำ(สวยมาก)

[NONT4477]

มาดูตัวรถกันเลยดีกว่า
เริ่มจากเปรียบเทียบขนาดภายนอก  (คราวนี้ขอเปรียบเทียบกับคันอื่นหน่อยเต๊อะ )
                                                City  S M/T         Vios 1.5E M/T           Mazda2 Sedan            Almera
มิติ (มม.)                                                                                                 Groove M/T            E M/T
ยาว                                               4415                    4300                          4244                  4425
กว้าง                                             1695                    1700                          1695                  1695
สูง                                                1470                    1460                          1483                  1500
ความยาวฐานล้อ                            2550                     2550                          2490                   2600
น้ำหนักในรุ่นนี้(รุ่นที่มากที่สุด,กก.)  1085(1150)            1020(1065)              1030(1066)          960(1027)
เทียบกับพรรคพวกแล้วถือว่าอยู่กลางๆ แต่ถ้าไม่นับรวมAlmera  Eco Carโข่ง ที่ใหญ่เกินตัว จะถือว่า City คันใหญ่ที่สุด และหนักที่สุดด้วย  
City ที่เบาที่สุด น้ำหนักมากกว่า Vios,  Mazda 2, Almera ที่หนักที่สุด  

จากภาพ  เส้นสายของตัวรถที่ดูเหลี่ยมจัดพอควร ถ้าไม่นับล้อ จะหาความโค้งมนได้ค่อนข้างยาก

[NONT4477]

ทางด้านหน้านั้นการเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นที่สุดคือกระจังหน้าโครเมี่ยม(ทรงเดิม)
ซึ่งตัวผมคิดว่าเหมือนกับ H ไปก๊อปแนวคิดจาก Vios มาไม่มีผิด (Minor Change แล้วต้องเปลี่ยนไปใส่กระจังหน้าโครเมี่ยม)

ส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบโครเมี่ยมหรืออะไรที่มันแวววาวมากเกินไปบนตัวรถมากเท่าไหร่
ซึ่งกระจังหน้านี้ผมว่า สวยดีถ้าขับกลางคืน หรือขับในที่ร่มๆ แต่ถ้าโดนแดดจัดๆ ละก็ แอร๊ย....มัน Blink มากเกินไป
ผมชอบพลาสติกสีเทาพื้นผิวเมทัลลิกแบบเดิมมากกว่า

[NONT4477]

ละก็กันชนก็เป็นทรงใหม่ อันนี้ดีผมชอบนะ ขอบล่างเป็นสีดำ ดูดุดันดี แต่รุ่น S ไม่มีไฟตัดหมอกมาให้
แต่จะได้เป็นของแถม ณ วันที่ถ่ายภาพ ของแถมทั้งหลายติดน้ำท่วมอยู่แต่ตอนนี้ติดตั้งหมดแล้ว
(ภาพบนนั่น กระจังหน้าขณะอยู่ในร่ม ดูดีมากๆๆ)




ด้านข้างมือเปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ ถ้ารุ่น V และ SV จะได้เป็นโครเมี่ยม (แบบนี้ดีแล้ว ผมไม่ชอบโครเมี่ยม )

[NONT4477]

ล้อรถ
คันนี้รุ่นล่างสุดได้ล้อเหล็กพร้อมฝาครอบขนาด 15 นิ้ว พร้อมยางต้องห้าม Michelin Energy ขนาด 175/65R15
แต่ฝาครอบเป็นลายเดิมกับตัวเก่าและเหมือนกับ Jazz ขณะที่รุ่น V กับ SV เค้าได้ล้ออัลลอยลายใหม่กันหมด


ด้านในซุ้มล้อ มีพริ้นท์โค้ทบางๆเคลือบไว้ให้ นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมมันถึงเก็บเสียงจากพื้นถนนได้แย่มาก
(ตรงตามมาตรฐาน H เป๊ะๆ เหมือนไม่มีพัฒนาการในด้านนี้เลย เมื่อเทียบกับรุ่น iDSI หรือ ZX ที่เคยขับมา)



และซุ้มล้อหลังด้านซ้าย ท่านจะเห็นท่อน้ำมันแบบชัดๆ พาดผ่านอย่างโจ่งแจ้ง ไม่มีแผ่นพลาสติกปิดให้อย่างในรถหลายรุ่น

[NONT4477]

กระจกมองข้าง ปรับไฟฟ้าอย่างเดียว ไม่มีพับไฟฟ้า พับไฟฟ้าต้อง SV (พร้อมไฟเลี้ยวบนตัวกระจก)
มองจากด้านหน้าดูปกติไม่มีอะไรเตะตา แต่มองตัวกระจก เอ้ย บานใหญ่มาก ครับ



เสาอากาศที่หลังคาด้านท้าย
เป็นเสาแบบสั้นแล้ว ไม่ต้องซื้อเสาสั้นมาเปลี่ยนหรือขอเป็นของแถม แต่ต้องเสียเงินไปซื้อเจ้า Stitch มาแทน


มาดูบั้นท้าย  เอ้อ......... ไฟท้ายสวยขึ้นมาก แบบว่าคนไทยร้อยละ 90 ต้องบอกว่ามันสวยกว่าเก่า
และชายล่างของกันชนก็เป็นสีดำแบบเดียวกับทางด้านหน้า และมีทับทิมสะท้อนแสงติดมาให้ทั้งอีก1คู่
ทำให้ด้านท้ายดูดีกว่าของเดิมเยอะมาก

ท่อไอเสีย ไม่มีสแตนเลสหุ้มมาให้เหมือนรุ่น SV  ซื้อของแท้ใส่เองก็แพงมาก 900 กว่าบาท
ของแท้ Toyota 350 บาท  
ไม่ได้มีประโยชน์ประยำอะไร นอกจากความสวยงาม

[NONT4477]

ฝากระโปรงท้ายขนาดใหญ่พอสมควร แถมใหญ่กว่ารุ่นพี่ Civic ไม่ได้บุสักหลาดที่ใต้ฝากระโปรงมาให้ในรุ่นนี้
แต่รุ่น SV มีให้
ที่ผนังด้านในบุด้วยผ้าสักหลาด ตรงนี้โตโยต้าควรเรียนรู้และปรับปรุงรถของตัวเองด่วน
อย่ามักง่ายเอาฟิวเจอร์บอร์ดมาใส่ให้ มันไม่มีผลกับการใช้งานเท่าไหร่หรอก แต่มันมีผลต่อความรู้สึกของเจ้าของ


กว้างและลึกพอสมควร

ถาดวางนั่นเป็นของแถม

[NONT4477]

เปิดดูล้ออะไหล่ ขนาดเดียวกันกับล้อ 4 ล้อที่วางทับพื้นถนนอยู่(ยางต้องห้ามเหมือนกัน)
และรุ่น S เป็นฝาครอบ นั่นหมายความว่า การสลับยางอย่างถูกวิธีนั้นจะต้อง
เอายางอะไหล่ไปสลับใช้ด้วยเหมือนกับรถที่ ให้ล้ออัลลอยมา 5 วงนั่นแหละ

[NONT4477]

มุดดูใต้ท้อง ก็จะเห็นช่วงล่างทอร์ชั่นบีม H shape (Honda Shape อ๊ะป่าว)
และตรงส่วนกลางใต้ท้องก็จะมีแผ่นพลาสติกใหญ่เบ่อเริ่มปิดอยู่ ซึ่งเป็นตำแหน่งของถังน้ำมัน
City รุ่นนี้ถังน้ำมันอยู่ตรงกลางตัวรถเหมือน City ตัวก่อนและ Jazz ทุกรุ่นทั้งเก่าและใหม่นั่นแหละ 

[NONT4477]

หันมาทางขวาก็จะเป็นตำแหน่งของหม้อพักไอเสียใบใหญ่

แต่พอหันมาทางซ้ายก็มีแผ่นพลาสติกแปะไว้ แปะไว้ทำไม???  หรือเวลาเราจะทำท่อคู่แล้วค่อยถอดออก อะไรประมาณนั้นรึเปล่า

[NONT4477]

ห้องเครื่อง เมื่อเปิกฝากระโปรงขึ้น พบกับขุมพลัง 1.5l i-Vtec 120hp@6600rpm และแรงบิดสูงสุด 145Nm@4800rpm
เก็บงานเรียบร้อย ตามสไตล์ Honda
พูดถึงกำลังเครื่องยนต์ ถือว่าแรงทันใจ ยิ่งเป็นเกียร์ธรรมดา กลายเป็นรถขนาดเล็กที่ขับสนุกครับ
ยังไม่เคยลองขับรุ่นนี้เกียร์ Auto แต่คิดว่ากำลังที่ถ่ายถอดไปสู่พื้นถนนน่าจะต่างกันอย่างรู้สึกได้

เสียงเครื่อง i-Vtec คำรามก็น่าฟังพอสมควรแต่ดังมากไปหน่อยนะ
แต่เสียงสตาร์ทเครื่องยังคงเป็นเสียงแห้งๆ แบบเดียวกับเครื่อง iDSI เป๊ะ
(ให้ผมหลับตาฟังเสียงสตาร์ทนี่บอกได้เลยว่านี่คือเสียงของ City ไม่ก็ Jazz)

พอเสียงเครื่องยนต์ไปรวมกับเสียงล้อและช่วงล่างรวมกับเสียงภายนอก ถือว่าเก็บเสียงไม่ดีเลย ผมให้ D+ ไม่ถึงขั้นสอบตกเกรดF แต่ยังไงก็จัดว่าแย่

[NONT4477]

 พื้นที่ในห้องเครื่องเหลือเยอะกว่า ZX มากมาย  มองต่ำลงไปหลังหม้อน้ำ
โหย พื้นถนนนี่หว่า แทบจะเอาขาลงไปยืนได้1ข้างเลยนะเนี่ย
ทำไม H เค้าไม่ใส่แผ่นรองใต้กันชนหน้าให้เสียหน่อย ไอ้ตรงที่ไม่น่ามีดันมี ไอ้ตรงที่ควรจะมี ดันไม่มี

City iDSI กับ ZX ยังมีแผ่นปิดใต้กันชนให้มิดชิดเลย

[NONT4477]

ละก็มองซ้าย-ขวาดีๆ มันทำให้ผมตกใจอีกแล้ว ผนังห้องเครื่องด้านข้าง
อออกแบบมาแปลกๆ ดูบอบบางอย่างไรชอบกล

และพลาสติกบังโคลนซุ้มล้อ อีกด้านของมันโผล่เข้ามาในห้องเครื่อง
รถคันอื่นๆ เค้าไม่เปลือยกันแบบนี้หนิ  (Vios ก็โผล่เหมือนกัน แต่ยังดูมิดชิดสนิทใจกว่าเล็กน้อย)



หรือว่านี่จะเป็นการเพิ่ม handling ของ Honda โดยการลดน้ำหนักที่อยู่นอกตำแหน่งของฐานล้อและในห้องเครื่องให้น้อยที่สุด
เพื่อลดอาการ Understeer หรือเปล่านะ
555
ผมว่าไม่ใช่ลด Understeer หรอก ลดต้นทุนมากกว่า - -“

กรณีคล้ายๆ กับเบาะนั่งของ Brio ที่หลายคนโอ้โห ทรงบัตเก็ตซีท(พนักพิงศรีษะปรับไม่ได้) อย่างกับ Mitsu Evo สุดเจ๋ง!!!!
Honda เค้าอยากให้นั่งแล้วเฟิร์มนั่งแล้วสปอร์ตเหมือนนั่ง Evo หรือเปล่า...  ไมใช่    ที่ทำเบาะแบบนั้นเพราะลดต้นทุนต่างหาก

[NONT4477]

ใต้ฝากระโปรงมีฉนวนซับความร้อนติดให้ด้วย แต่มันเล็กมากปิดแค่ฝั่งตัวเครื่องครึ่งเดียวของฝากระโปรงเท่านั้น(แปะอยู่แค่ส่วนบนของหัวเครื่อง)

ส่วนฝั่งซ้ายของฝากระโปรง เป็นแผ่นพลาสติกขนาดใหญ่ยักษ์ เอาไว้เป็นที่ดักอากาศส่งเข้าไปยังช่องทางเข้าอากาศที่อยู่ทางด้านข้างของเครื่องยนต์

[NONT4477]

ก้มลงไปดูใต้กันชนหน้า จะพบกับความโล่งโจ่ง มองเห็นท่อนล่างของเครื่องยนต์และเกียร์ทั้งหมด
ในขณะที่รุ่นเก่าๆมีแผ่นรองปิดให้มิดชิดเรียบร้อย

(ถ้าเป็นคนคงเป็นอารมณ์ที่กระโปรงไปแล้วแต่ลืมใส่กางเกงในนั่นแหละ)
สีฟ้าๆนั่นคือกรองน้ำมันเครื่อง  ไม่ใช่ท่อน้ำไทย (ขอเป็นสีดำหรือสีเทาจะดูดีกว่านะ)

[NONT4477]

ถึงคิวของภายในกันบ้างแล้ว
ก่อนจะเข้าไปข้างในได้ก็ต้องใช้กุญแจ


กุญแจรีโมทให้มาในรุ่นที่ถูกที่สุด นี่มันดีมากๆเลย ถึงจะเป็นกุญแจสหกรณ์ของ Honda
ที่เหมือนกันตั้งแต่ Brio ยันถึง Accord ก่อน MC ก็ตามที(แต่ Accord มีปุ่มเปิดฝากระโปรงหลังเพิ่มเข้ามา)

[NONT4477]

เปิดประตูเข้ามาพบกับภายในโทนสีเทาดำกับครีมเทา ที่ดูสว่างพอสมควร แต่ดูสีของเบาะสิ สีของผ้าออกเน่าๆ อย่างบอกไม่ถูก แถมสีไม่เข้ากับพลาสติกที่ควรจะเป็นโทนเดียวกันด้วย
แบบนี้ขอเป็นเบาะเทาพื้นๆแบบ Civic 1.8S ไปเลยดีกว่า (แต่ตอนนี้เอาไปหุ้มหนังสีครีมแล้วเรียบร้อย)
อย่างไรก็ตามผมว่าเบาะนั่งสบายดี สบาย+กระชับในระดับที่พอดี เทียบกับ Vios นี่Cityดีกว่าอย่างรู้สึกได้ แต่ถ้าขับต่อเนื่องหลายๆชั่วโมงนี่บอกไม่ได้นะ ว่าจะเมื่อยหรือเปล่า


เบาะคนขับปรับสูงต่ำได้ด้วยก้านโยกนั่น

[NONT4477]

ช่องเสียบกุญแจธรรมดาๆ ไม่มีไฟส่องสว่าง


รูปร่างคอนโซลดูทันสมัยดี แต่วัสดุ feel cheap และบอบบางไปหน่อย ยิ่งตรงพลาสติกสีดำข้างแผงควบคุมฝั่งผู้โดยสารนั่น เอานิ้วไปจิ้มๆ แล้วมันยุบได้ด้วย!!! 

[NONT4477]

แผงข้างประตูก็เหมือนกัน หุ้มผ้าเฉพาะส่วนที่วางแขน แต่ด้านข้างข้าง เป็นพลาสติก ลองเอาศอกไปแตะๆ นี่ก็ยุบดึ๋งดั๋งเหมือนกัน ถ้าใส่ศอกแรงๆแบบนายขนมต้ม พลาสติกท่าจะแตกทะลุ
(Looks good but feel cheap)
เทียบกับ Almera หรือ Vios ส่วนตัวคิดว่า City ด้อยกว่านิดหน่อย แต่ถ้าเอาไปเทียบกับ City iDSI, ZX รุ่นใหม่นี้จะรู้สึกด้อยกว่าค่อนข้างชัดเจน
แต่อย่างไรก็ตาม วัสดุภายในถือว่าน่าพอใจกว่า Proton อยู่มากนะครับ (ขออภัยผู้ใช้รถ Proton)


ที่เปิดประตูเป็นพลาสติกสีดำ รุ่นแพงเป็นโครเมี่ยม (โครเมี่ยมเปรียบเสมือนสิ่งที่ใช้แยกเกรดของรถยนต์)
หน้าตาพื้นๆ แต่ดูแข็งแรง ไม่ต้องกลัวหักเหมือนในอัลติส 1.6


ฟังและใช้วิจารณญาณในการรับชม  มือไม้มันน่ารำคาญนิดๆ

[NONT4477]

และในรุ่นนี้แผงควบคุมแอร์และปุ่มปรับทิศทางแอร์แบบครบๆ 5 ทิศ ไม่ได้กั๊กไว้แบบ Vios
ที่มีแค่ 2 ทิศทาง มาพร้อมปุ่มกด A/C ไม่ได้กั๊กไว้แบบ Toyota, Nissan บางรุ่น แต่ตัวลูกบิดไม่ได้ตกแต่งด้วยโครเมี่ยมแบบ SV

[NONT4477]

เครื่องเสียง

เครื่องเสียงถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของรุ่น S เลยก็ว่าได้ จากก่อนหน้านี้ที่จะได้ เป็น2DIN ธรรมดา แต่นี่ได้เหมือนรุ่น Top เลย เพียงแต่มีลำโพง 4 ตัวเท่านั้น เล่น USB ,FM,AM เท่านั้น ไม่มี AUX และ CD
กำลังขับ 45Wx4 คุณภาพเสียงดีเกินตัวจริงๆ เทียบรถในวงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท ผมว่าเจ้านี่แหละมีเครื่องเสียงที่ให้เสียงดีที่สุด (จริงๆต้องบอกว่ารุ่น SV ที่มี6 ลำโพงเสียงดีที่สุด) ยิ่งเป็นเพลงที่เป็นสไตล์เสียงสังเคราะห์ นี่ยิ่งแจ่มเลย
แต่การพับหน้าจอลงมานี่น่ากลัวที่จะทำจอหักนะ พลาสติกที่ใช้ก็ค่อนข้างบอบบางทีเดียว

ลองฟังคุณภาพเสียงเอาเองนะครับ


ส่วนของนาฬิกาดิจิตอลอยู่ในจอของเครื่องเสียง
(คอมมอนเซ้นส์ดีกว่าโตโยต้าหลายรุ่น ที่ทะลึ่งเอานาฬิกาไปไว้ในจอ MID ทั้งๆที่เอาไว้ที่จอเครื่องเสียงผมว่าเหมาะสมกว่า)

[NONT4477]

กล่องเก็บของข้างผู้โดยสารด้านหน้า
เล็กไปหน่อยนะ แค่คู่มือก็เกือบเต็มแล้วและไม่มี Touch up paint มาให้เหมือน Toyota, Lexus, Nissan



หน้าพวงมาลัยเกือบสหกรณ์ (City-Jazz-Civic) วัสดุเป็นยูรีเธนกระชับมือใช้ได้ น้ำหนักยามบังคับเลี้ยวก็โอเคทำได้ดีสมกับขนาดและลักษณะรถ


แต่ดูตรา Airbag บนพวงมาลัยสิ
 มีถุงลมนิรภัยให้ในรุ่นที่ถูกที่สุด!!! ไม่ใช่แค่ Airbag นะ  แต่ Airbags  เพราะไม่ได้มีแค่ข้างเดียว มีให้ 2 ใบเลย
แบบนี้ไม่ต้องเพิ่มเงินเพื่อที่จะซื้อรุ่นที่สูงกว่าเพื่อที่จะเอาถุงลมนิรภัยแล้ว เพราะราคาถุงลมนิรภัยถูกบวกเพิ่มไปแล้ว

[NONT4477]

จากภาพพวงมาลัยด้านบน  สังเกตุเห็นอะไรหลังพวงมาลัยไหม
มาตรวัดเรืองแสงสีฟ้าคร้า้บบบ!!!!!   Blue light

โอย City คันนี้มีทั้งเรื่องให้ผมทั้งด่าและชมสลับกันอย่างไม่หยุดเลย
ดูสิ รถคันละ 5 แสนกว่าบาท ได้มาตรวัดสวยๆ แบบนี้ติดมาให้ (เป็นมาตรวัดที่สวยที่สุดในคลาสเลยนะในความรู้สึกผม Subcompact + Eco car)
แล้วยิ่ง Zoom เข้าไปดูใกล้ๆตรงขอบของมาตรวัดความเร็ว จะเป็นแนวคริสตัลที่ให้แสงเปล่งประกายสีฟ้า สวยมากจริงๆ
แต่น่าติตรงที่ไม่มีเข็มวัดอุณหภูมิน้ำหล่อเย็นมาให้  มีแค่ไฟเตือนเหมือนกาต้มน้ำ

 และมีไฟ eco สีเขียวติดมาให้
ตรงกลางจอเป็นจอแสดงผลการขับขี่แสดงค่าที่ต่างกัน 4 แบบ

1.ระยะทางรวม
2.Trip
3.อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย
4.ระยะทางที่จะขับต่อไปได้
โดยทุกหน้าจอจะมีการแสดงผลอัตราสิ้นเปลืองขณะนั้น แสดงผลตลอดเวลา
แต่ตลกตรงที่มันมี Trip เดียว ทำไมให้มาแค่อันเดียว งง ใส่แยก Trip A,B ไม่ได้เหรอ Almera ยังมีเลย

[NONT4477]

เงยหน้าขึ้นไปดูกระจกมองหลัง

ปรับตัดแสงไม่ได้ ต่อให้เพิ่มเงินไปซื้อรุ่นกลาง ตัว V ก็ยังไม่มีให้นะครับ ต้ง SV ถึงจะมี
งงอีกแล้ว มาตรวัดเรืองแสงใส่ให้ได้ เครื่องเสียงดีๆติดมาให้ได้ แต่กับลูกเล่นเพื่อความปลอดภัยเบสิคแบบนี้ ดันไม่ยอมให้

ก้มหน้าลงมาหน่อย

คันเกียร์ธรรมดาทรงลูกกอล์ฟ ด้านบนเป็นพลาสติกสีเงิน จับได้ถนัดดี แต่สีเงินด้านบนนั่นถ้าใช้ไม่รักษามันจะลอกน่าเกลียด
จังหวะการเปลี่ยนเกียร์รถคันนี้กระชับและหนักแน่นมาาาาก เมื่อรวมกับน้ำหนักคลัตซ์ที่เบา
(ออกแรงกดลงไปไม่มาก) และสมองกลของคันเร่งไฟฟ้าก็ไม่ได้เมายาจนเสื่อมเหมือน Vios
ทำให้ผมยกย่องให้รถรุ่นนี้เป็นรถเกียร์ธรรมดาที่ขับได้สบายที่สุดเท่าที่คนธรรมดาหาซื้อได้
(เทียบกับมาร์ชเกียร์ธรรมดา จะรู้สึกราวกับมาจากคนละทศวรรษกัน ส่วน Vios เกียร์ธรรมดาและรถคันอื่นๆที่ไม่ได้กล่าวถึงผมยังไม่เคยขับ)

[NONT4477]

ที่ปรับสูงต่ำเข็มขัดนิรภัย Almera , March ดูเป็นตัวอย่างเอาไว้นะของง่ายๆแบบนี้

ระหว่างเบาะคู่หน้าของรุ่น S เป็นที่วางแก้วและขวดน้ำ3ตำแหน่ง ไม่มีที่วางแขนพับได้มาให้  ช่องวางนั้นทำมาให้มีรูปร่างต่างกัน เพื่อรองรับขวดน้ำหลายๆชนิด
ฉลาดดี  แต่ถ้าที่บ้านใช้แต่ขวดเหลี่ยมๆล่ะ


เบาะหลัง ไม่สามารถพับลงได้ในรุ่น S และไม่มีที่วางแขนด้านหลังและพนักพิงศีรษะหลังก็เป็นแบบ Fix
แต่ตัวเบาะนั่งได้สบาย ทั้งขนาดของตัวเบาะและมุมของพนักพิงทำได้ค่อนข้างลงตัว ส่วนพื้นที่วางขาด้านหลังนั้นมากพอสมควร ไม่ได้กว้างจนรู้สึกพิเศษแบบ Almera แต่ถ้าคนขับและคนนั่งเบาะหลังสูงไม่เกิน 175ซม. จะไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใดครับ



หุ้มหนังมาเรียบร้อย


จบแล้วครับ แต่ยังไม่จาก ขอสรุปก่อน

[NONT4477]

สรุปเรียงข้อ
ข้อดี
1.สมรรถนะและการขับขี่ เครื่องแรง การเปลี่ยนเกียร์แน่นและกระชับ พวงมาลัยใช้ได้ ช่วงล่างแนวสปอร์ต โดยรวมถือว่าขับสนุก
2.ภายในนั่งสบาย ทั้งเบาะหน้าและหลัง พื้นที่มีให้พอใช้ ทัศนวิสัยดี  แต่ผ้าหุ้มเบาะในรุ่นนี้ควรปรับปรุง
3.งานออกแบบภายในสวยงาม Lay out ของแผงหน้าปัดดูดี แผงควบคุมใช้งานง่าย  (ภายนอกแล้วแต่รสนิยมนะงานนี้ แต่ส่วนตัว ผมไม่ค่อยชอบรถที่เน้นเหลี่ยมสันเท่าไหร่)
4.อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย รถราคา 5 แสนกว่าให้Airbags ABS EBD + Immo ถือว่าเต็มพิกัดแล้ว
5.เครื่องเสียง ทำเอารถคันละล้านห้าล้านหกบางยี่ห้อ อายกลับโรงงานไป Scrap ตัวเองได้เลย
6.อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ถือว่าครบครัน สำหรับงบประมานเท่านี้
   เทียบกับ Vios E M/T คู่ชกที่ใกล้เคียงกันที่สุด ราคา 574,000 Vios มีดีกว่าแค่ล้ออัลลอย 15 นิ้ว, กระจกข้างพับไฟฟ้า,
   กระจกมองหลังปรับตัดแสงได้ และเหมือนจะมีแค่นี้

ควรปรับปรุง
1.การเก็บเสียง เสียงเครื่องยนต์พอไหว แต่เสียงล้อกลิ้งและเสียงช่วงล่าง แย่มาก รวมกันแล้วก็ไม่ดีนั่นแหละ
ทำได้ตรงตามมาตรฐานของ Honda แต่ต่ำกว่ามาตรฐาน (ของผม) รวมๆแล้วถือว่าดังรบกวนมากกว่า Almera  และ Vios
2.การออกแบบและจัดการพื้นที่ภายในห้องเครื่องดูบอบบาง
3.ผ้าหุ้มเบาะก็ควรปรับปรุงด่วน
4.เบรคลื่น*** ผ้าเบรคที่ติดมาให้นี่คุณภาพต่ำมาก เหมือน FD เปี๊ยบ

[NONT4477]

สรุป
Honda City ตัว MC นี้สำหรับผมเป็นรถที่มีจุดเด่นเกี่ยวกับสมรรถนะ และการจัดสรรออพชั่นและอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่ดีขึ้นกว่าตัวก่อน MC โดยเรื่องอื่นๆทำได้กำลังดี อาจไม่โดดเด่นแต่ไม่ได้แย่ ภาพรวมถือเป็นรถที่เก่งรอบด้าน(ในระดับที่มันอยู่)ไม่ต่างจากพี่ของมัน Civic FD ที่ผมเคยรีวิวไปแล้วก่อนหน้านี้
ข้อเสียจริงๆของรถรุ่นนี้ คือเรื่องการเก็บเสียง มันเหมือนเป็นข้อเสีียประจำตระกูล Honda แทบทุกรุ่นนั่นแหละ ส่วนเรื่องวัสดุห้องโดยสารหรือ ห้องเครื่องที่แลดูบอบบาง ทำใจรับกันได้ยากไหม? อันนี้แล้วแต่บุคคล
แต่สำหรับผม ผมไม่อยากพูดว่าคันไหนดีที่สุด เพราะคนเรามันชอบไม่เหมือนกัน แต่ผมคิดว่ามันน่าสนใจที่สุด สำหรับรถยนต์ระดับนี้
ขอบคุณครับ
ก่อนจากฝากผลงานเก่าๆ เหมือนเดิม
1.Nissan Sunny Neo GL
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,16502.0.html

2.Daihatsu Mira
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,16661.0.html

3.Honda Civic FD 1.8E
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,17402.0.html

4.Nissan Almera VL
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,17820.0.html

ละก็ เหมือนเดิมครับ ผมไม่เป็นเป็นเจ้าของรถคันนี้นะครับ มีอะไรถูกผิด เพิ่มเติม แนะนำ ก็กรุณาด้วยครับ
Credit ภาพชมพูภูคา: http://www.klongdigital.com/webboard3/44463.html