ผมมองว่าค่าออกเทนจริงๆไม่ต้องสัมพันธ์กับอัตราส่วนกำลังอัดขนาดนั้นก็ได้
อัตราส่วนกำลังอัด วัดพื้นที่ห้องเผาไหม้ตอนลูกสูบขึ้นถึงจุดศูนย์ตายบน แต่ไม่ได้มีข้อบังคับบอกว่ากล่องต้องสั่งหัวเทียนจุดระเบิดตอนที่ลูกสูบเคลื่อนขึ้นบนสุด ดังนั้นจะรอให้ลูกสูบเคลื่อนที่กลับลงไปข้างล่างล่างอีกหน่อย ห้องเผาไหม้ก็โตขึ้น แล้วค่อยสั่งจุดระเบิดก็ได้ครับ
รถอย่างเบนซ์สมัยก่อน อัตราส่วนกำลังอัด 9.0 กลับบอกให้เติม 95 แต่ถ้าเติม 91 ต้องเติมได้ในยามที่จำเป็น แต่ฮอนด้าปีใหม่ๆ อัตราส่วนอยู่ที่ 10 หรือมากกว่า กลับบอกให้เติม 91 ได้ ดังนั้นตราบใดที่เราสามารถตั้งองศาการจุดระเบิดรถได้ เราก็ไม่ต้องกลัว
แต่...ไม่ได้กำลังจะบอกว่างั้นก็แปลว่าเราเติมด๋อยอะไรก็ได้ ไอ้การที่ต้องรอจุดระเบิดจังหวะที่ลูกสูบกำลังเคลื่อนที่ลงนั่นล่ะทำให้สูญเสียโอกาสที่จะสร้างกำลังไป เพราะการจุดด้วยแรงระเบิดเท่ากัน จุดในที่แคบ จะได้แรงดันมากกว่าจุดในที่กว้างโล่ง
เคยดู Armagaeddon ตอนที่วิศวกรอธิบายเรื่องการฝังระเบิดลงในดาวเคราะห์น้อยได้บ่? "ถ้าคุณวางประทัดบนมือแล้วจุด อย่างมากก็เจ็บมือไปสักพัก แต่ถ้าคุณกำมันให้แน่นสุดแรงเกิดแล้วจุด คุณคงต้องวานเมียช่วยเปิดขวดซอสไปตลอดชีวิต"
ออกเทน ช่วยให้คุณสามารถจุดระเบิดในจังหวะที่ใกล้เคียงอุดมคติที่สุดได้มากขึ้น
สมมติว่าคุณตั้งให้จุดระเบิดตรงตอนที่ลูกสูบเคลื่อนขึ้นบนสุดพอดีเด๊ะๆ
น้ำมันออกเทนน้อย จะร้อนตัว จุดระเบิดตัวเองเปรียะๆๆไปก่อนที่ลูกสูบจะเคลื่อนขึ้นถึงจุดที่เราต้องการ..เลยเป็นเสียงเขกเบาๆให้ได้ยิน
ดังนั้นเวลาเลือกน้ำมันเติม ผมมักดูที่ออกเทนก่อน เพราะเน้นกำลังเครื่อง การที่ใช้ออกเทน 95 ผมสามารถตั้งจานจ่ายบวกองศาได้ 17 องศา แต่พอเติม 91 ปั๊บ จะเขกทันที ซัดไม่ได้เลย ผมต้องลองลดไฟลงมาเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือแค่ 10 องศา อาการถึงหาย แต่แรงของรถก็หายไปพอสมควร แตะคันเร่งเท่าเดิม กลับไม่พุ่งเท่าเดิม
ทีนี้ถ้าเป็นโซฮอล์ 95 ล่ะ เห็นออกเทน 95 ก็น่าจะเหมือนกับ 95 ใช่ไหม? เท่าที่ลองมา ไม่ใช่
เพราะถ้าตั้งไว้ 17 องศาเหมือนกันล่ะก็จะมีอาการเขกบางๆให้ได้ยินที่ 5000 รอบขึ้นไป ตอนแรกคิดว่าอาจเป็นเพราะส่วนผสมบางเกินไป แต่ยังไม่มีกล่องจูน เลยต้องลดไฟลงมาเหลือเกือบๆ15 ถึงวิ่งได้ปกติ
ดังนั้นผมถึงเลือกเติมโซฮอล์ 95 มาตลอด เพราะได้แรงเป็นอันดับสองของน้ำมันที่มีขายทั่วไปในตลาดใหญ่ (ไม่รวมออกเทน 100) แต่ราคาต่อลิตรประหยัดกว่าเติม 95 มาก
ในการทดสอบ JIMMY เคยใช้ Tiida 1.6 เติมน้ำมัน 95 แล้วทำตัวเลขได้ 15.94 กิโลลิตร
1 ปีครึ่งต่อมา ผมเอารถ 1.6 เติมโซฮอล์ 95 แล้ววิ่งบนเส้นทางเดียวกัน และน้ำหนักบรรทุกต่างกันไม่เกิน
8 กิโลกรัม ก็ทำได้ 15.05 กิโลลิตร คำนวณแล้วถ้าวิ่งทางไกล ผมประหยัดราว 400 บาทต่อ 1,000กิโล
ก็เลยเติมโซฮอล์ 95 มาตลอด และลองกับรถทุกคันในบ้าน รวมถึงเบนซ์ฝาดำที่เค้าว่าเติมแล้วพัง ก็ไม่เห็นจะพัง ก็โดนค้านว่าถ้าเติมแล้ววิ่งตลอดจะไม่พัง ผมเลยจอดเอาโซฮอล์ทิ้งไว้ในนั้น 1 เดือนโดยไม่ได้ขยับรถเลย พอเอามาขับ บิด On เข็มน้ำมันก็แทบไม่ต่างจากเดิม สังเกตไม่เห็น และใช้ตั้งแต่ยุคโซฮอล์ยังเป็นน้ำมันแปลก จนกระทั่งขายรถไปเดือน 6 ปี 2008 สิ่งเดียวที่พังคือท่อน้ำมัน ซึ่งติดรถมาตั้งแต่ปี 1989 ก็สมควรจะพังได้แล้ว
ดังนั้นถ้าใครมาถามเรื่องน้ำมัน ผมก็ไล่ไปเติมโซฮอล์ 95 หมดแล้วสมัยนี้ แต่ข้อแม้คือช่องว่างระหว่างราคาของ โซฮอล์ 95 และเบนซิน 95 จะต้องอยู่ในระดับนี้นะ
ถ้าสมมติมันถูกกว่ากันแค่ลิตรละ 3 บาท ผมก็กลับไปเติม 95 แบบไม่คิดมาก