ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL  (อ่าน 33054 ครั้ง)

ออฟไลน์ S77

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 00:16:22 »
สมาชิกใหม่ สวัสดีค่ะ

พอดีได้ติดตามอ่านรีวิวรถของคุณ Jimmy อยู่เรื่อยๆ
และคลับคล้ายคลับคลาว่าคุณ Jimmy แนะนำให้เติมโซฮอลล์95 มากกว่าเบนซิน 91
แต่ว่าไม่ทราบเหตุผลค่ะ ก็เลยอยากมาถาม (เบนซิน 95 ตัดทิ้งนะคะ แถวบ้านไม่มีแล้วค่ะ)

และที่เหมาะกับ avanza 1.5E อายุเกือบสามขวบ และ new sonata 2.0EL อายุสองวัน คืออะไรคะ
(เหตุผลที่เลือกสองคันนี้มา ส่วนนึงก็เพราะอ่านรีวิวของคุณ Jimmy นะคะเนี่ย
ขอบคุณมา ณ ที่นี้เลย เพราะว่าไม่ผิดหวังค่ะ)
อ้อ! ตามคู่มือของทั้งคันนี้เขียนว่า เบนซิน91 ค่ะ

อยากทราบในสองประเด็นค่ะ ด้านผลต่อเครื่องยนต์(สนใจมากที่สุด) และเรื่องค่าใช้จ่าย(สนใจรองลงไป)ค่ะ
การขับขี่ก็ในเมืองเป็นส่วนใหญ่ค่ะ นิสัยการขับก็แบบว่าไปเรื่อยๆ ไม่เร็ว ไม่เร่งแซง

ถ้าไม่รบกวนจนเกินไป รบกวนอธิบายทาง technical ด้วยนะคะ อยากขอความรู้เป็นวิทยาทานค่ะ
อ่านมาหลายเว็บแล้ว ยังไม่สามารถสรุปได้เลย

ขอบคุณคุณ Jimmy และผู้รู้ท่านอื่นๆ ทุกท่าน ล่วงหน้าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 18, 2009, 00:24:05 โดย S77 »

ออฟไลน์ Tonaka

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,706
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 01:23:47 »
Gasohol 95 ก็ไม่เลวครับ

แต่ Gasohol 91 นี่ "เลว" ครับ ผมเติมแล้วมันลดฮวบๆ (ทั้งปริมาณน้ำมันและอัตรเร่ง) อย่างเห็นได้ชัดเลย

แต่รถที่ใช้ตอนนี้ก็ Chevrolet optra 1.6 ครับ  ทุกวันนี้เติมแต่ Gasohol 95 นานๆทีมีตังค์ก็เติมเบนซิน 91 บ้างครับ

แต่ทุกวันนี้ยังหาความแตกต่างระหว่าง ดีซลB2 กับ B5 ยังแทบไม่เจอ (ทั้งอัตราเร่งและอัตราความสิ้นเปลืองต่างกันไม่มาก) เหลือแต่ความสะอาดและการกัดกร่อนนี่แหล่ะ!!! ที่ต่าง  แต่ว่ายังไง B5 กับ V-power disel เนี่ยยังต่างกันอยู่เยอะนะครับ ซึ่งนานๆทีผมก็เติม V-power เหมือนกัน 
อ่อ....อีกครับใช้ Triton plus ครับ
阿蘇山

ออฟไลน์ tommaris

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 561
    • อีเมล์
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 07:47:34 »
เบนซิน95.....มีก็ไม่เติมครับ  ;D

ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 10:45:50 »
เบนซิน 95   - พระกระโดดกำแพง
เบนซิน 91   - ซุปหูฉลาม
โซฮอล 95   - จังค์ฟู้ด
โซฮอล 91   - ข้าวแกง อาหารตามสั่ง
โซฮอล E20 - มาม่าหมูสับ มาม่าต้มยำ
โซฮอล E85 - มาม่ารวมรส ไวไวรวมรส
ดีเซล B2     - ข้าวไข่เจียว
ดีเซล B5     - น้ำพริกปลาแมว

แก๊ส           - วิญญาณปลาทู

ปล. แมวบ้านเพื่อนผมมันไม่กินปลาทู มันกินแต่ปลาแมว
ปล.2 ผมเติมโซฮอล 91 ครับ เพราะมันถูกและไม่ต้องกังวลตอนสิ้นเดือนว่ามันจะเกินวงเงินของ fleet card รึเปล่า (ถ้าเกินต้องจ่ายเอง)

ถูกใจจริงๆครับ อุอุ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 11:00:47 »
ถ้าว่ากันตามหลักการแล้ว
เรามักได้ยินคำแนะนำที่ว่า
รถคุณ ผู้ผลิตบอกว่า สามารถเติมน้ำมันอะไรได้ ก็ใช้ตามนั้นได้เลย ถ้าใช้ 91 ได้ ก็ใช้ได้เลย
ซึ่ง เอาละ ถ้าว่ากันตามหลักการแล้ว มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น

ค่าออกเทน คืออะไร?

จากเว็บไซต์ กระทรวงพลังงาน ของรัฐบาลไทยบอกว่า
ค่าออกเทน คือ ค่าความต้านทานการจุดระเบิด ของน้ำมันเบนซิน ก่อนเวลากำหนดของห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์
หรือตัวเลข แสดงความต้านทานการน็อค ของเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์

ถ้าค่าออกเทนสูง จะมีความต้านทานการน็อค ของเครื่องยนต์สูง "ไม่เกี่ยวกับความแรงของเครื่องยนต์"
 
การออกแบบเครื่องยนต์เบนซิน ของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ มีความแตกต่างกัน
จึงต้องใช้น้ำมันเบนซิน ที่มีค่าออกเทนแตกต่างกัน การเลือกใช้น้ำมันเบนซิน ที่มีค่าออกเทน ที่เหมาะสมกับ
ความต้องการ ของเครื่องยนต์ ตามที่ผู้ผลิตแต่ละรายกำหนดไว้ เป็นค่าออกเทน ที่ทำให้เครื่องยนต์
มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งคุณสามารถดูได้ จากคู่มือประจำรถของคุณ
หรือบริเวณฝาปิดถังน้ำมันด้านในรถคุณ ส่วนเรื่องความแรง ของเครื่องยนต์นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน
และการดูแลบำรุงรักษา เครื่องยนต์ของคุณเอง


แต่ในความเป็นจริง

ถ้าจะอธิบายกันง่ายๆ แล้ว ค่าอ๊อกเทนคือ ค่าความต้านทานการน๊อก หรือการจุดระเบิดด้วยตัวเอง หรือชิงจุดระเบิด
เมื่อถึงอุณหภูมิที่เป็นค่ากำหนดของน้ำมัน

ค่าอ๊อกเทนยิ่งมากก็หมายถึง มีค่าความต้านทานการ น็อกยิ่งสูง นั่นคือ น้ำมันออกเทน 95 จะต้านทานการน็อกได้สูงกว่า ออกเทน 91

ดังนั้น เครื่องยนต์ที่จะใช้น้ำมันค่าออกเทนสูงๆ ได้นั่น ก็มักเป็นเครื่องยนต์ที่มีกำลังอัดสูงๆ เพราะเครื่องยนต์เหล่านี้ ไม่สามารถใช้น้ำมัน
ที่ค่าออกเทนต่ำกว่า ค่าที่ผู้ผลิตกำหนดได้ดีเลย อาจจะใช้ได้แค่ในกรณี เติมในกรณีฉุกเฉิน พอให้รถวิ่งไปได้ถึงสถานีบริการใกล้ที่สุด แค่นั้น


แล้วทำไมต้องเป็น กำลังอัดสูงๆ ?

ลองเปิดกางสเป็ก ด้านหลังแค็ตตาล็อก รถดู ครับ ในส่วนของเครื่องยนต์ คุณอาจจะเคยเห็นตัวเลข จำพวก 8.7:1 หรือ 9.0:1  ไปจนถึง 11.5:1

ตัวเลขเหล่านี้ ก็คือ กำลังอัดของเครื่องยนต์นั่นเอง เครื่องยนต์ ที่มีอัตราส่วนกำลังอัด 8.7 : 1 หมายถึง พื้นที่ในห้องเผาไหม้ 8.7 ส่วน ถูกบีบอัดให้เหลือ
เพียง 1 ส่วน แต่ ขณะเดียวกัน เครื่องที่มีกำลังอัด 11.5 : 1 หมายถึง พื้นที่มากถึง 11.5 ส่วน จะถูกลูกสูบดันขึ้นและบีบอัดให้เหลิอ 1 ส่วน ในระหว่าง
กระบวนการเผาไหม้ (ดูด อัด ระเบิด คาย คงยังจำกันได้นะครับ?)

ดังนั้น การบีบอัดส่วนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศเข้าไปมากขนาดนั้น จะเกิดความร้อนในห้องเผาไหม้สูงมากๆ
ถ้าใช้น้ำมันออกเทน 91 ความร้อนที่สูงมากๆ นั้น จะทำให้ส่วนผสมน้ำมันกับอากาศ สามารถจุดระเบิดลุกติดไฟขึ้นมาได้เอง!
ก่อนที่หัวเทียน จะส่งประกายไฟไปทำให้เกิดการจุดระเบิดในห้องผาไหม้ ตามจังหวะของมัน

อาการนี้ เรียกว่า อาการ เขก หรืออาการน็อก นั่นเอง ครับ

ลองนึกดูว่า ถ้ารถที่สมรรถนะสูงๆ เครื่องยนต์ ที่มีกำลังอัดสูงๆ เอาเป็น Ferrari แล้วกัน ถ้าเติม 91 อะไรจะเกิดขึ้น?
โอกาส ที่จะเกิดการชิงจุดระเบิดก็จะมากขึ้นเลยทีเดียว เพราะเครื่องยนต์ต้องหมุนในรอบที่สูงๆ จังหวะการจุดระเบิดจะเกิดขึ้นเร็วมากๆ
ถ้ายิ่งกดคันเร่ง เพิ่มความเร็วรอบเครื่องยนต์ โอกาสที่จะเกิดการชิงจุดระเบิด ก่อนจังกวะการจุดระเบิดจริง ระดับเสี้ยววินาที มีสูงมากๆ

ชิงจุดระเบิด บ่อยๆ มากๆ เครื่องก็พังได้ ดังนั้น น้ำมัน ออกเทน 95 หรือสูงกว่านั้น เติมเข้าไป
ก็จะช่วยให้เครื่องยนต์สมรรถนะสูงๆ กำลังอัดสูงๆ ที่ต้องหมุนในรอบจัดๆ ตามเท้าขวาคนขับอยู่บ่อยๆ เหล่านั้น
ลดการชิงจุดระเบิดขึ้นมาได้

นั่นเอง

แล้วถ้าถามว่า รถบ้านๆ ธรรมดาละ จะเติมอะไรดี?

เปิดคู่มือผู้ใช้รถได้เลยครับ
คำโฆษณา บางทีก็ฟังไม่ได้

อย่าง รถบางค่าย นั้น แม้ว่าโฆษณาว่ารถหลายรุ่นเติม 91 ได้
แต่ คนทำงานเขาก็ทราบกันดีว่า บางเครื่อง ปรับตั้งให้ใช้ 91 ได้ก็จริง แต่ถ้าเติม 95 แน่นอน ประสิทธิภาพที่ได้ จะดีกว่ากันนิดหน่อย แต่ชัดเจน

-------------------------------------------

ออฟไลน์ BBOnLY

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,235
    • เพจวิศวะท่องโลกการเงิน
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 11:19:52 »
ถ้าว่ากันตามหลักการแล้ว
เรามักได้ยินคำแนะนำที่ว่า
รถคุณ ผู้ผลิตบอกว่า สามารถเติมน้ำมันอะไรได้ ก็ใช้ตามนั้นได้เลย ถ้าใช้ 91 ได้ ก็ใช้ได้เลย
ซึ่ง เอาละ ถ้าว่ากันตามหลักการแล้ว มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้น

ค่าออกเทน คืออะไร?

จากเว็บไซต์ กระทรวงพลังงาน ของรัฐบาลไทยบอกว่า
ค่าออกเทน คือ ค่าความต้านทานการจุดระเบิด ของน้ำมันเบนซิน ก่อนเวลากำหนดของห้องเผาไหม้ในเครื่องยนต์
หรือตัวเลข แสดงความต้านทานการน็อค ของเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์

ถ้าค่าออกเทนสูง จะมีความต้านทานการน็อค ของเครื่องยนต์สูง "ไม่เกี่ยวกับความแรงของเครื่องยนต์"
 
การออกแบบเครื่องยนต์เบนซิน ของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์แต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อ มีความแตกต่างกัน
จึงต้องใช้น้ำมันเบนซิน ที่มีค่าออกเทนแตกต่างกัน การเลือกใช้น้ำมันเบนซิน ที่มีค่าออกเทน ที่เหมาะสมกับ
ความต้องการ ของเครื่องยนต์ ตามที่ผู้ผลิตแต่ละรายกำหนดไว้ เป็นค่าออกเทน ที่ทำให้เครื่องยนต์
มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งคุณสามารถดูได้ จากคู่มือประจำรถของคุณ
หรือบริเวณฝาปิดถังน้ำมันด้านในรถคุณ ส่วนเรื่องความแรง ของเครื่องยนต์นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน
และการดูแลบำรุงรักษา เครื่องยนต์ของคุณเอง


แต่ในความเป็นจริง

ถ้าจะอธิบายกันง่ายๆ แล้ว ค่าอ๊อกเทนคือ ค่าความต้านทานการน๊อก หรือการจุดระเบิดด้วยตัวเอง หรือชิงจุดระเบิด
เมื่อถึงอุณหภูมิที่เป็นค่ากำหนดของน้ำมัน

ค่าอ๊อกเทนยิ่งมากก็หมายถึง มีค่าความต้านทานการ น็อกยิ่งสูง นั่นคือ น้ำมันออกเทน 95 จะต้านทานการน็อกได้สูงกว่า ออกเทน 91

ดังนั้น เครื่องยนต์ที่จะใช้น้ำมันค่าออกเทนสูงๆ ได้นั่น ก็มักเป็นเครื่องยนต์ที่มีกำลังอัดสูงๆ เพราะเครื่องยนต์เหล่านี้ ไม่สามารถใช้น้ำมัน
ที่ค่าออกเทนต่ำกว่า ค่าที่ผู้ผลิตกำหนดได้ดีเลย อาจจะใช้ได้แค่ในกรณี เติมในกรณีฉุกเฉิน พอให้รถวิ่งไปได้ถึงสถานีบริการใกล้ที่สุด แค่นั้น


แล้วทำไมต้องเป็น กำลังอัดสูงๆ ?

ลองเปิดกางสเป็ก ด้านหลังแค็ตตาล็อก รถดู ครับ ในส่วนของเครื่องยนต์ คุณอาจจะเคยเห็นตัวเลข จำพวก 8.7:1 หรือ 9.0:1  ไปจนถึง 11.5:1

ตัวเลขเหล่านี้ ก็คือ กำลังอัดของเครื่องยนต์นั่นเอง เครื่องยนต์ ที่มีอัตราส่วนกำลังอัด 8.7 : 1 หมายถึง พื้นที่ในห้องเผาไหม้ 8.7 ส่วน ถูกบีบอัดให้เหลือ
เพียง 1 ส่วน แต่ ขณะเดียวกัน เครื่องที่มีกำลังอัด 11.5 : 1 หมายถึง พื้นที่มากถึง 11.5 ส่วน จะถูกลูกสูบดันขึ้นและบีบอัดให้เหลิอ 1 ส่วน ในระหว่าง
กระบวนการเผาไหม้ (ดูด อัด ระเบิด คาย คงยังจำกันได้นะครับ?)

ดังนั้น การบีบอัดส่วนผสมเชื้อเพลิงกับอากาศเข้าไปมากขนาดนั้น จะเกิดความร้อนในห้องเผาไหม้สูงมากๆ
ถ้าใช้น้ำมันออกเทน 91 ความร้อนที่สูงมากๆ นั้น จะทำให้ส่วนผสมน้ำมันกับอากาศ สามารถจุดระเบิดลุกติดไฟขึ้นมาได้เอง!
ก่อนที่หัวเทียน จะส่งประกายไฟไปทำให้เกิดการจุดระเบิดในห้องผาไหม้ ตามจังหวะของมัน

อาการนี้ เรียกว่า อาการ เขก หรืออาการน็อก นั่นเอง ครับ

ลองนึกดูว่า ถ้ารถที่สมรรถนะสูงๆ เครื่องยนต์ ที่มีกำลังอัดสูงๆ เอาเป็น Ferrari แล้วกัน ถ้าเติม 91 อะไรจะเกิดขึ้น?
โอกาส ที่จะเกิดการชิงจุดระเบิดก็จะมากขึ้นเลยทีเดียว เพราะเครื่องยนต์ต้องหมุนในรอบที่สูงๆ จังหวะการจุดระเบิดจะเกิดขึ้นเร็วมากๆ
ถ้ายิ่งกดคันเร่ง เพิ่มความเร็วรอบเครื่องยนต์ โอกาสที่จะเกิดการชิงจุดระเบิด ก่อนจังกวะการจุดระเบิดจริง ระดับเสี้ยววินาที มีสูงมากๆ

ชิงจุดระเบิด บ่อยๆ มากๆ เครื่องก็พังได้ ดังนั้น น้ำมัน ออกเทน 95 หรือสูงกว่านั้น เติมเข้าไป
ก็จะช่วยให้เครื่องยนต์สมรรถนะสูงๆ กำลังอัดสูงๆ ที่ต้องหมุนในรอบจัดๆ ตามเท้าขวาคนขับอยู่บ่อยๆ เหล่านั้น
ลดการชิงจุดระเบิดขึ้นมาได้

นั่นเอง

แล้วถ้าถามว่า รถบ้านๆ ธรรมดาละ จะเติมอะไรดี?

เปิดคู่มือผู้ใช้รถได้เลยครับ
คำโฆษณา บางทีก็ฟังไม่ได้

อย่าง รถบางค่าย นั้น แม้ว่าโฆษณาว่ารถหลายรุ่นเติม 91 ได้
แต่ คนทำงานเขาก็ทราบกันดีว่า บางเครื่อง ปรับตั้งให้ใช้ 91 ได้ก็จริง แต่ถ้าเติม 95 แน่นอน ประสิทธิภาพที่ได้ จะดีกว่ากันนิดหน่อย แต่ชัดเจน

-------------------------------------------

หลักการทุกอย่างเป็นตามที่พี่จิมมี่พูดตามนั้นครับ

 :)
ติดตามเพจ "วิศวะท่องโลกการเงิน" ได้นะครับ

https://www.facebook.com/engineerinsidefinanceworld

ให้ #แอดบอยดูแล ได้ครับ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 11:34:14 »
ทีนี้ แก็สโซฮอลล์ คืออะไร

มันก็คือ น้ำมันเบนซิน ที่มีส่วนผสมของ เอธิล แอลกอฮอลล์ หรือเรียกว่า เอธานอล นั่นเอง
แอลกอออลล์ นั้นจะได้มาจากทั้งผลิตผลทางการเกษตร สะกัดออกมา หรือจะมาจากทางอื่นๆ
แต่ส่วนใหญ่ แอลกอฮอลล์ ที่ใช้ผสมลงไปในน้ำมันเชือ้เพลิงรถยนต์ ในบ้านเรา บราซิล อาร์เจนตินา
และในประเทศที่ใช้พลังงานทดแทนเยอะมาก อย่างนี้ มักจะมาจากอ้อย น้ำตาล และผลิตผลทางการเกษตรอื่นๆอีกนิดหน่อย ครับ

แก็สโซฮอลล์ในบ้านเรานั้น มีด้วยกันดังต่อไปนี้
E10 = น้ำมันเบนซิน 90% โดยปริมาตร ผสม เอธานอล (ที่บริสุทธิ์ประมาณ 95%) ลงไป 10%
(รถ เครื่องหัวฉีด ในบ้านเรา ตั้งแต่ 1996 ขึ้นมา เติมได้หมด แต่อย่างไรก็ตาม ตรวจสอบท่อยางท่อทางเดินน้ำมันให้ดี
รุ่นเก่า มันอาจบวมได้ ถ้าจะเติมกันจริงๆ ก็เปลี่ยนท่อยางท่อทางเดินน้ำมันต่างๆ แค่นั้น ก็จะใช้แก็สโซฮอลล์ E10 ได้อย่างเป็นสุข)


E20 = น้ำมันเบนซิน สัดส่วนจะลดลงเหลือ 80% โดยปริมาตร ผสม เอธานอล (ที่บริสุทธิ์ประมาณ 95%) ลงไป
ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นจาก E10 เป็นไม่เกิน 20% แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 19%
(รถที่จะเติมได้ ต้องมีการปรับจูนโปรแกรม กล่อง ECU ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์บางรายการเพิ่มเติมจากเดิม)


E85 = น้ำมันเบนซิน สัดส่วนจะลดลงเหลือแค่ 15% โดยปริมาตร ผสม เอธานอล (ที่บริสุทธิ์ประมาณ 95%) ลงไป
ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นพรวดดพราดจาก E10 และ E20 เป็นไม่เกิน 85% แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 75%
(รถที่จะเติมได้ ต้องมีการปรับจูนโปรแกรม กล่อง ECU ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์หลายรายการเพิ่มเติม เพื่อให้ทดต่อเอธานอลเพิ่มขึ้นเยอะ)


-----------------------------

โดยส่วนตัวผม จากที่ลองเติม น้ำมันเบนซิน แก็สโซฮอลล์ 91 ของเชลล์ มา 1 ถัง
กับซิตี้ ถามว่า อัตราเร่งแตกต่างไหม? จะว่าไปแล้ว มันไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่ว่า ปริมาณน้ำมันในถัง
ต่อระยะทางที่แล่นได้ จะน้อยลง

กรณีล่าสุด จากการทดลอง Corolla Altis 2.0
เมื่อ ตอนส่งมอบรถ โตโยต้า เติม แก็สโซฮอลล์ 91 มาให้
ถามว่า อัตราเร่ง ในขณะขับขี่จริง แตกต่างกับ เมื่อผมขับผลาญน้ำมันไปอีก 300 กิโลเมตร
แล้วจึงเติม วีเพาเวอร์ เบนซิน 95 มากน้อยแค่ไหน

ยอมรับครับว่า ต่างกันจริง แต่ก็ไม่เยอะมาก

อย่างไรก็ตาม ไอ้ที่ต่างหนะ คืออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

ตอนรับรถ เรานำรถไปทำอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทันที
งานนี้ มีเขย่ารถ ไล่อากาศในถังออกมาให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

แต่พอขากลับ เติมกลับ เพื่อเขย่ากลับ กลายเป็นว่า เขย่าเท่าไหร่ ก็ไม่ยอมเต็มซะที
จนเติมกลับเข้าไปตั้ง 9-10 ลิตรกว่า ซึ่งผมตัดสินใจยกเลิกการทดลองนั้นทันที
เพราะมันเกินไปจากความจริงที่เป็นอย่างชัดเจน เป็นไปไม่ได้ที่รถคันนี้จะใช้น้ำมัน
มากถึง 10 ลิตร จากการแล่น บนเส้นทางเดียวกับที่รถคันอื่นๆ เขาทำได้ไม่เกิน 8-9 ลิตรกัน

ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจาก ขับยังไงก็ตาม ให้น้ำมัน ลดลงจนต่ำกว่าครึ่งถึงลงไป
ซึ่งก็โชคดี คราวนี้ มีเหตุให้ต้องขับทดลองช่วงล่าง ในยามวิกาล บนถนนบางนา-ตราด
ขับไปค่อนข้างไกล เช้าวันต่อมา ก็ขับพาคุณพ่อไปหาจักษุแพทย์ ที่ รพ.เกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศ ตามกำหนดนัด
ขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษก แล้วยิงยาวอย่างเดียว ไปธุระและลองรถยามวิกาลคราวนี้
รวมระยะทางไป-กลับแล้ว มีกว่า 300 กิโลเมตร ได้ในที่สุด

ทีนี้ก็เติม วี-เพาเวอร์ เบนซิน เข้าไป ปั้มเดิม และหัวจ่ายเดิม แต่เป็น บ่ายวันเสาร์
ขับในเส้นทางเดิม ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมงเท่าเดิม เปิดแอร์ และนั่ง 2 คนเท่าเดิม
แถม ผู้ร่วมทดลอง ก็ยังเป็น น้องกล้วย BnN ในทีม The Coup ของเรา คนเดิมอีกด้วย

ขากลับ ตอนเติมกลับ เราก็เขย่ารถกัน จนกว่าน้ำมันจะเอ่อขึ้นมาถึงคอถัง
ใช้เวลานานพอดูตามคาด ผลทีได้ออกมา ระยะทาง 90.3 กิโลเมตร
เติมกลับเข้าไป 6.57 ลิตร....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
และตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ออกมา 13.74 กิโลเมตร/ลิตร

ถามกับทางโตโยต้า ถึงได้รู้ว่าเติม แก็สโซฮอล์ 91 มาให้ตอนส่งมอบรถ!!!

------------------------------

ถ้าจะถามว่าน้ำมันเบนซินอะไรที่ดีที่สุดในตลาด
ความเห็นส่วนตัวของผม และ วิศวกรระดับผู้บริหารท่านหนึ่งของบริษัทผลิตรถยนต์ค่ายใหญ่ค่ายหนึ่ง
ก็ แน่นอนว่า วี-เพาเวอร์ ของเชลล์

ขอย้ำว่า เราไม่ด้ค่าโฆษณาใดๆจากเชลล์เลย อยากได้เหมือนกัน แต่ ถ้าเขาไม่คิดจะให้ เราไม่เอา
เราพูด เพราะเราใช้มาแล้ว รู้แล้วว่า ของเขาดีจริง

แต่ในเมื่อ ลิตรละตั้ง 41 บาทกว่า แพงมหาวายร้ายเลย เติมเข้าไปบ่อยๆ จนแน่

ซิตี้ที่บ้านผม ในที่สุด ก็จำใจต้องเติมแก็สโซฮอลล์ 95 สลับกับ วีเพาเวอร์ กันไป ตามแต่อารมณ์ของผม และกระเป๋าสตางค์ ครับ

รถที่เอามาทดสอบ ทุกคันที่เป็นเครื่องเบนซิน จับเติม วีเพาเวอร์ เบนซิน หมด โดยไม่ได้ค่าโฆษณาจากเชลล์
แต่ในเมื่อที่ผ่านมา เราใช้ น้ำมัน 95 ในการทดสอบ มาโดยตลอด 6 ปี ดังนั้น เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ต่อเนื่องกันไป
ก็จำต้องใช้น้ำมันเบนซิน 95 ไปโดยปริยาย

จะเติมกันจนกว่า รัฐบาลสั่งให้เลิกขาย 95 นั่นละ ซึ่งบอกเลยว่า ไม่รู้เมื่อไหร่ และเชื่อว่าคงยังไม่เลิกหรอก
รถของลูกหลานท่านรัฐมนตรี หรือแม้แต่ตัวรัฐมนตรีเอง บางคน ยังไม่อยากจะเติมแก็สโซฮอลล์ กันเลยด้วยซ้ำ
และถ้าตราบใดที่ ผู้ผลิตรถสปอร์ตชั้นนำของโลก เช่น Ferrari ยังคงเขียนระบุเอาไว้ในคู่มือผู้ใช้รถของตนว่า
ไม่แนะนำให้เติม น้ำมันที่มีส่วนผสมของ เอธานอล อย่างเด็ดขาด
...เช่นที่เป็นอยู่นี้ละก็...

ดังนั้น ยังไงๆ 95 ก็จะมีขายต่อไป


หลังจากที่เจอกับตัวเองมาแล้ว
ผมมีข้อสรุปในใจว่า
ถ้าจำเป็น เบนซิน 91 ถือว่าเป็นสิ่งที่พอจะยอมรับได้ เพระอัตราเร่ง ไม่ได้ต่างกันมากมายนัก พอรับได้
แต่ผมจะไม่มีวันเติม แก็สโซฮอลล์ 91 เป็นอันขาด!! เพราะระยะทางที่แล่นไปได้ เท่ากัน ปริมาณน้ำมัน มันหายไปจากถังเยอะกว่าการเติมน้ำมันชนิดอื่น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 18, 2009, 11:38:28 โดย J!MMY »

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 12:17:55 »
ผมมองว่าค่าออกเทนจริงๆไม่ต้องสัมพันธ์กับอัตราส่วนกำลังอัดขนาดนั้นก็ได้

อัตราส่วนกำลังอัด วัดพื้นที่ห้องเผาไหม้ตอนลูกสูบขึ้นถึงจุดศูนย์ตายบน แต่ไม่ได้มีข้อบังคับบอกว่ากล่องต้องสั่งหัวเทียนจุดระเบิดตอนที่ลูกสูบเคลื่อนขึ้นบนสุด ดังนั้นจะรอให้ลูกสูบเคลื่อนที่กลับลงไปข้างล่างล่างอีกหน่อย ห้องเผาไหม้ก็โตขึ้น แล้วค่อยสั่งจุดระเบิดก็ได้ครับ


รถอย่างเบนซ์สมัยก่อน อัตราส่วนกำลังอัด 9.0 กลับบอกให้เติม 95 แต่ถ้าเติม 91 ต้องเติมได้ในยามที่จำเป็น แต่ฮอนด้าปีใหม่ๆ อัตราส่วนอยู่ที่ 10 หรือมากกว่า กลับบอกให้เติม 91 ได้ ดังนั้นตราบใดที่เราสามารถตั้งองศาการจุดระเบิดรถได้ เราก็ไม่ต้องกลัว

แต่...ไม่ได้กำลังจะบอกว่างั้นก็แปลว่าเราเติมด๋อยอะไรก็ได้ ไอ้การที่ต้องรอจุดระเบิดจังหวะที่ลูกสูบกำลังเคลื่อนที่ลงนั่นล่ะทำให้สูญเสียโอกาสที่จะสร้างกำลังไป เพราะการจุดด้วยแรงระเบิดเท่ากัน จุดในที่แคบ จะได้แรงดันมากกว่าจุดในที่กว้างโล่ง

เคยดู Armagaeddon ตอนที่วิศวกรอธิบายเรื่องการฝังระเบิดลงในดาวเคราะห์น้อยได้บ่? "ถ้าคุณวางประทัดบนมือแล้วจุด อย่างมากก็เจ็บมือไปสักพัก แต่ถ้าคุณกำมันให้แน่นสุดแรงเกิดแล้วจุด คุณคงต้องวานเมียช่วยเปิดขวดซอสไปตลอดชีวิต"

ออกเทน ช่วยให้คุณสามารถจุดระเบิดในจังหวะที่ใกล้เคียงอุดมคติที่สุดได้มากขึ้น

สมมติว่าคุณตั้งให้จุดระเบิดตรงตอนที่ลูกสูบเคลื่อนขึ้นบนสุดพอดีเด๊ะๆ
น้ำมันออกเทนน้อย จะร้อนตัว จุดระเบิดตัวเองเปรียะๆๆไปก่อนที่ลูกสูบจะเคลื่อนขึ้นถึงจุดที่เราต้องการ..เลยเป็นเสียงเขกเบาๆให้ได้ยิน

ดังนั้นเวลาเลือกน้ำมันเติม ผมมักดูที่ออกเทนก่อน เพราะเน้นกำลังเครื่อง การที่ใช้ออกเทน 95 ผมสามารถตั้งจานจ่ายบวกองศาได้ 17 องศา แต่พอเติม 91 ปั๊บ จะเขกทันที ซัดไม่ได้เลย ผมต้องลองลดไฟลงมาเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือแค่ 10 องศา อาการถึงหาย แต่แรงของรถก็หายไปพอสมควร แตะคันเร่งเท่าเดิม กลับไม่พุ่งเท่าเดิม

ทีนี้ถ้าเป็นโซฮอล์ 95 ล่ะ เห็นออกเทน 95 ก็น่าจะเหมือนกับ 95 ใช่ไหม? เท่าที่ลองมา ไม่ใช่
เพราะถ้าตั้งไว้ 17 องศาเหมือนกันล่ะก็จะมีอาการเขกบางๆให้ได้ยินที่ 5000 รอบขึ้นไป ตอนแรกคิดว่าอาจเป็นเพราะส่วนผสมบางเกินไป แต่ยังไม่มีกล่องจูน เลยต้องลดไฟลงมาเหลือเกือบๆ15 ถึงวิ่งได้ปกติ

ดังนั้นผมถึงเลือกเติมโซฮอล์ 95 มาตลอด เพราะได้แรงเป็นอันดับสองของน้ำมันที่มีขายทั่วไปในตลาดใหญ่ (ไม่รวมออกเทน 100) แต่ราคาต่อลิตรประหยัดกว่าเติม 95 มาก

ในการทดสอบ JIMMY เคยใช้ Tiida 1.6 เติมน้ำมัน 95 แล้วทำตัวเลขได้ 15.94 กิโลลิตร
1 ปีครึ่งต่อมา ผมเอารถ 1.6 เติมโซฮอล์ 95 แล้ววิ่งบนเส้นทางเดียวกัน และน้ำหนักบรรทุกต่างกันไม่เกิน
8 กิโลกรัม ก็ทำได้ 15.05 กิโลลิตร คำนวณแล้วถ้าวิ่งทางไกล ผมประหยัดราว 400 บาทต่อ 1,000กิโล

ก็เลยเติมโซฮอล์ 95 มาตลอด และลองกับรถทุกคันในบ้าน รวมถึงเบนซ์ฝาดำที่เค้าว่าเติมแล้วพัง ก็ไม่เห็นจะพัง ก็โดนค้านว่าถ้าเติมแล้ววิ่งตลอดจะไม่พัง ผมเลยจอดเอาโซฮอล์ทิ้งไว้ในนั้น 1 เดือนโดยไม่ได้ขยับรถเลย พอเอามาขับ บิด On เข็มน้ำมันก็แทบไม่ต่างจากเดิม สังเกตไม่เห็น และใช้ตั้งแต่ยุคโซฮอล์ยังเป็นน้ำมันแปลก จนกระทั่งขายรถไปเดือน 6 ปี 2008 สิ่งเดียวที่พังคือท่อน้ำมัน ซึ่งติดรถมาตั้งแต่ปี 1989 ก็สมควรจะพังได้แล้ว

ดังนั้นถ้าใครมาถามเรื่องน้ำมัน ผมก็ไล่ไปเติมโซฮอล์ 95 หมดแล้วสมัยนี้ แต่ข้อแม้คือช่องว่างระหว่างราคาของ โซฮอล์ 95 และเบนซิน 95 จะต้องอยู่ในระดับนี้นะ

ถ้าสมมติมันถูกกว่ากันแค่ลิตรละ 3 บาท ผมก็กลับไปเติม 95 แบบไม่คิดมาก
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ S77

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 12:56:07 »
ขอบคุณคุณจิมมี่ คุณ Commander Cheng และท่านอื่นๆ มากค่ะ

ตอนนี้คิดว่าเข้าใจเรื่องกำลังอัด + ค่าออกเทน + องศาการจุดระเบิด ขึ้นบ้างแล้ว
แต่มันก็อดมีคำถามไม่ได้อยู่ดีค่ะ

1. บางเครื่อง ปรับตั้งให้ใช้ 91 ได้ก็จริง แต่ถ้าเติม 95 แน่นอน ประสิทธิภาพที่ได้ จะดีกว่ากันนิดหน่อย แต่ชัดเจน
--- คำถามคือ เราจะรู้ได้ยังไงคะว่า รถเราก็เข้าข่ายนี้ สังเกตยังไงคะ (คือ ขับแต่ในเมือง แทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างเลยค่ะ)
     และประสิทธิภาพที่ว่าดีกว่านั้น เป็นประสิทธิภาพในการขับขี่อย่างเดียว หรือรวมถึงว่า เป็นการถนอมเครื่องยนต์มากกว่าด้วยคะ (อันนี้อยากรู้มากค่ะ สงสัยมานานแล้ว)

2. E10 = น้ำมันเบนซิน 90% โดยปริมาตร ผสม เอธานอล (ที่บริสุทธิ์ประมาณ 95%) ลงไป 10%
(รถ เครื่องหัวฉีด ในบ้านเรา ตั้งแต่ 1996 ขึ้นมา เติมได้หมด แต่อย่างไรก็ตาม ตรวจสอบท่อยางท่อทางเดินน้ำมันให้ดี รุ่นเก่า มันอาจบวมได้ ถ้าจะเติมกันจริงๆ ก็เปลี่ยนท่อยางท่อทางเดินน้ำมันต่างๆ แค่นั้น ก็จะใช้แก็สโซฮอลล์ E10 ได้อย่างเป็นสุข)

--- คำถามคือ รถตั้งแต่ปี 1996 มานั้น (รวมทั้ง 2 คันที่บ้าน) ไม่ต้องห่วงว่า E10 จะทำร้ายเครื่องยนต์แน่นอนร้อยเปอร์เซนต์เลยใช่มั๊ยคะ (เรื่องนี้คุณพ่อห่วงมากค่ะ)

และถ้าคำถามในข้อ1และ2 เป็นจริง บวกกับข้อสรุปของคุณจิมมี่และคุณ Commander Cheng
เราก็ควรเติม โซฮอลล์95 มากกว่า เบนซิน91 และไม่ควรเติมโซฮอลล์91 เลย ถูกต้องมั๊ยคะ

อ้อ แล้วที่เค้าว่า โซฮอลล์95 ของเชลล์ดีกว่าปั๊มอื่นนี่จริงมั๊ยคะ (อ่านมาจากห้องรัชดาค่ะ)

ถ้าคำถามดูโง่ๆ ก็ขออภัยล่วงหน้าค่ะ แบบว่าอยากรู้จริงๆ

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 13:27:26 »
ตอบคำถามดัุงนี้

1. รถส่วนใหญ่ มันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วครับ และมันเป็นประสิทธิภาพในการขับขี่เป็นหลัก
แต่ในบางครั้ง ถ้าคุณเติม แก็สโซฮอลล์ นานๆ แล้วกลับมาเติม เบนซิน 95 อาจสังเกตได้ว่า เสียงเครื่อง ขณะเดินเบา จะเงียบลงนิดนึง ครับ

2. สิ่งเดียวที่ E10 จะทำร้าย ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานมากเอาการเลยทีเดียว (เพราะดูจาก Sunny B14 คันที่บ้านอยู่ เติมแก็สโซฮอลล์ 95 มาช้านานแล้ว
และคุณพ่อผม ไม่เคยกลับไปเติม 95 มานานแล้ว เหตุผลคือ มันถูกกว่าและวิ่งได้พอกัน)

ก็คือ ท่อยางต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายน้ำมันครับ

ดังนั้นเครื่องยนต์ หนะ เติมแก็สโซฮอลล์ E10 ไป ยังไง ก็ไม่พังหรอก แต่ ไอ้ที่จะพังคือท่อยาง มันจะบวมจากฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์

ดังนั้น ถ้าเปลี่ยนท่อยางพวกนี้ได้ จบเลย ใช้งานได้เลย สบายๆ แน่นอน

หมั่นสำรวจดูเรื่อยๆครับ ถ้ามันเริ่มบวมเป่งละก็ จับเปลี่ยนซะ แต่ถ้ายังไม่บวม ขับไปเรื่อยๆให้สบายใจได้เลยครับ

แต่กรณีนี้ คือเติมได้เฉพาะ E10 นะครับ ห้ามใช้ E20 และ E85 อย่างเด็ดขาด

----------------------

ข้อ 1 + 2 ก็อย่างที่ตอบไป
แต่ถ้าถามว่า ควรจะเป็นเช่นนั้นเลยหรือไม่
ถ้าเป็นส่วนตัวผม ผมยืนยันเช่นนั้นครับ

แต่ถ้าถามว่าถูกต้องไหม? มันก็ไม่มีหลักที่ไหนมาให้อ้างอิงเลยเนี่ยสิ ว่าสิ่งที่ผมคิดอยู่มันถูกต้อง

ดังนั้น ขอใช้คำว่า ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ และเงินในกระเป๋าสตางค์ของเจ้าของรถแต่ละท่านแต่ละรายไปดีกว่าครับ

ส่วนแก็สโซฮอลล์ ของเชลล์ ดีกว่าปั้มน้ำมันอื่นจริงหรือไม่นั้น...

โดยส่วนตัวผม ผมไม่มีวันเติมแก็สโซฮอลล์ และบรรดาไบโอดีเซล ของ ปตท. หรือ บางจาก อีกเด็ดขาด

น้ำมันจากหน้าโรงกลั่นหนะ ทุกเจ้าสะอาดเท่ากันหมด
แต่ ระหว่างการขนส่งละ? ปตท เอง ก็ยังไม่กล้าพูดเลยว่า สามารถรักษาคุณภาพน้ำมันตัวเองได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
โดยจะไม่มีการปลอมปน หรือถ้าพูดตรงๆคือ ผู้ผลิตแทบทุกราย แทบยังไม่กล้าพูดในประเด็นดังกล่าวเช่นเดียวกัน

เพราะต่อให้ไม่มีการปลอมปน ตลอดเส้นทางขนส่ง น้ำมันไปจนถึงปั้ม
แต่ถ้า ถังน้ำมัน ซึ่งฝังอยู่ใต้ดิน ของปั้มแห่งไหน ที่เก่า หรือไม่ได้ล้างทำความสะอาดถัง รอการรองรับของแก็สโซฮอลล์
แล้วละก็ นานวันเข้า โอกาสที่ถังจะทะลุ จนน้ำใต้ดินซึมผ่านเข้ามาปะปน เป็นไปได้สูงมากๆครับ

จะว่ไาปแล้ว หลายปั้มทุกวันนี้ ก็เปลี่ยนถังกันไปเยอะแล้วเหมือนกัน
การเลือกเติม ขอให้เลือกเติมดูที่ปั้มใหม่ๆ ซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จ ได้ยิ่งดี
แต่เป็นปั้มที่ สร้างเสร็จใหม่ บนพื้นที่ ซึ่งไม่เคยมีการตั้งปั้มมาก่อนนะครับ
เพราะปั้มที่มีการ Renovate ใหม่นั้น บางปั้ม จะยังไม่เปลี่ยนถังสำรองน้ำมันใต้ดิน แต่อย่างใด

เคสล่าสุด ของบางจาก ที่เจอมานั้น เป็นปั้ม แถวๆ แจ้งวัฒนะ
รถที่เติมน้ำมันจากปั้มแห่งนั้น ในเช้าวันหนึ่ง เมื่อเดือนที่แล้ว
พากันไปจอดขายบนทางด่วน 7-8 คัน ทั้งเบนซิน และดีเซล
รถของคนรอบข้างผม เป็น Yaris ก็เจอเข้าไปคันนึง
แต่ทางบางจาก รับผิดชอบดีมาก ก็เลย รอดจากปากผมไปหวุดหวิด

จะบอกว่า น้ำมันในปั้มฝรั่ง ส่วนใหญ่ การตรวจสอบคุณภาพหนะ จะเชื่อถือได้มากกว่า ปั้มไทย นิดหน่อยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 18, 2009, 13:31:45 โดย J!MMY »

ออฟไลน์ S77

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 14:35:12 »
ขอบคุณมากค่ะ พอจะสรุปได้แล้วค่ะ

แต่สงสัยอีกนิดเดียวเท่านั้นคือ ทำไม 91 วิ่งได้ระยะทางน้อยกว่า 95 คะ
หลายคนก็บอกตรงกันคุณจิมมี่ค่ะ แต่อยากรู้เหตุผลทางเทคนิคไว้เป็นความรู้ค่ะ

คือ เข้าใจว่ามันน่าจะให้ผลต่างกันแค่ตอนจุดระเบิดเท่านั้น
และถ้าหัวฉีดอิเล็กทรอนิค มีการปรับองศาการจุดระเบิดให้เหมาะกับน้ำมันอยู่แล้ว
ทำไม 91 ยังวิ่งได้ระยะทางน้อยกว่า 95 อีกคะ

ถามเยอะ อย่าเพิ่งรำคาญนะคะ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 14:46:05 »
เมื่อการจุดระเบิดเกิดขึ้นตอนที่ลูกสูบเลื่อนลงมากกว่าเดิม (อันเป็นผลของการที่กล่องปรับลดองศาไฟช่วยไม่ให้เขก) กำลังที่ได้จากการจุดระเบิด..กำลังที่ไปผลักดันล้อให้หมุนก็น้อยลงกว่าเดิม

ถาม...แล้วถ้าจะทำให้รถพุ่งไปได้เร็วเท่าเดิม ทำไง?

ตอบ..ก็เหยียบคันเร่งลึกลงกว่าสมัยเติมออกเทน 95 อีกหน่อย มันก็ไปได้เร็วเท่าเดิมแล้วล่ะ

เรื่องของเรื่องคือพอเหยียบคันเร่งลึกกว่าเดิม น้ำมันก็จ่ายมากกว่าเดิม และปกติ ECU รถนั้นถ้ามัน detect ได้ว่ามีการเขก มันมักทำสองสิ่ง อย่างแรกคือลดองศาไฟ อย่างที่สองคือสั่งจ่ายน้ำมันหนาขึ้น เพราะถ้าอัตราส่วนน้ำมันต่ออากาศมันเพิ่มขึ้น อุณหภูมิการเผาไหม้จะลดลง นั่นก็ช่วยลดการเขกได้ แต่ไม่ดีเท่าลดกันโดยตรงเหมือนการลดไฟครับ
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ S77

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 15:23:03 »
อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง อธิบายได้กระจ่างเลยค่ะ

สรุปว่า เพราะเราต้องเหยียบเยอะขึ้นเพื่อให้ได้ความเร็วเท่าเดิม
น้ำมันก็เลยจ่ายมากกว่าเดิมนั่นเอง

ECU รถสั่งจ่ายน้ำมันหนาขึ้นนี่ เป็นทุกคันมั๊ยคะ

ออฟไลน์ P_Wut

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 866
  • My Sporty Innova
    • อีเมล์
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 15:34:54 »
ไม่นึกว่า จะคุยยาวขนาดนี้

ผมมีประสบการณ์ตรงของรถเก่าผมเอง  Corolla AE101 (3 ห่วง) 1.6 เครื่อง 4A-FE  อัตราส่วนกำลังอัด 9.5:1

ปกติ จะเติมเบนซินซูเปอร์ (97) ตลอด ตอนหลังเค้าลดลงเป็น 95  ก็เติมแต่ 95

มีครั้งนึง ปั๊มนั้น 95 หมดพอดี เหลือแต่ 91 (สมัยนั้นยังไม่มีโซฮอลเลย)

ก็เลยต้องเติม แถมไม่ได้เติมน้อยๆ แค่พอวิ่งนะ เติมซะเต็มถังเลย (ไม่เคยมาก่อน ไม่ทันคิด)

ตั้งแต่ออกจากปั๊ม จนวิ่งถึง กทม. ได้ยินเสียงน็อคในเครื่องยนต์ตลอดทาง
ต้องทนขับแค่ 80-90 กม/ชม ไปจนถึงบ้าน เพราะเสียงน็อคมันดังเตือนไปตลอดจนกลัวว่า ถ้าเหยียบกว่านี้แล้วเครื่องจะเจ๊ง

เช้าวันรุ่งขึ้น ถึงต้องวิ่งออกมาหาปั๊มเติม 95 เข้าไปผสม (ได้แค่ 1/4 ถัง)  ต้องทำแบบนี้อยู่ 2-3 รอบ ถึงจะไม่ค่อยได้ยินเสียงน็อคแล้ว

ผมจำมาตั้งแต่นั้นเลยว่า ถ้ากำลังอัดเครื่อง เกิน 9.5:1 ก็ไม่ควรจะใช้ออกเทน 91 แล้วล่ะครับ
ถึงแม้ว่า ระบบจุดระเบิดของรถ จะสามารถปรับองศาจุดระเบิดให้ยืดหยุ่นได้มากก็ตาม
เพราะมันแสดงว่า มันไม่ได้จุดระเบิดเพื่อให้ได้กำลังสูงสุด แต่จุดเพื่อให้เครื่องไม่เกิดการน็อค เท่านั้น

ออฟไลน์ Ken_1000

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 116
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 16:03:08 »
สรุป สั้นๆ คือ  ณ ตอนนี้ เติมแก้สโซฮอล์95  คุ้มค่าที่สุดในหลายๆ ปัจจัย    ส่วนE20 ยังไม่น่าเติมเพราะ ปัจจัยในด้านราคาและด้านคุณภาพ    สรุปเองเออ เองเลยยย ;D ;D ;D
เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว เดินหมากรุกยังต้องคิดเดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร

ออฟไลน์ youngbear

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,333
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 16:51:48 »
 ;D ;D ;D......if I've ever own Avanza i.5 E ......... I would let them
burnt only gasohol 95 which is kind of pretty clean on less residue
deposit in combusion chamber........anyone agree on this?.........i i

                                                         booboo

                                                 

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 17:52:52 »
อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง อธิบายได้กระจ่างเลยค่ะ

สรุปว่า เพราะเราต้องเหยียบเยอะขึ้นเพื่อให้ได้ความเร็วเท่าเดิม
น้ำมันก็เลยจ่ายมากกว่าเดิมนั่นเอง

ECU รถสั่งจ่ายน้ำมันหนาขึ้นนี่ เป็นทุกคันมั๊ยคะ
ไม่ทุกคันหรอกครับ อย่างที่เรียนไปก่อนหน้านี้ว่าแก้ที่ไฟจุดระเบิดจะตรงจุดกว่า รถส่วนมากจึงแก้ที่ไฟ แต่บางคันจะมีการถมน้ำมันเพิ่มให้อัตโนมัติเมื่อมีความผิดปกติและส่งผลให้เครื่องทำงานใน Safe mode เท่าที่รู้พวกเครื่องซูบารุเทอร์โบหลังปี 2002 เป็นต้นมาจะมี Safe mode ลักษณะนี้ครับ แต่ Safe mode นี่คือโหมดรักษาตัวสุดชีวิตจริงๆ คือเครื่องวิ่งไม่ออกเลย ไม่ใช่ว่าระบบจะคำนึงถึงว่าจะทำยังไงให้วิ่งได้ดีที่สุดภายใต้สภาพการณ์นั้นๆ..แต่แค่เข้าโหมดปลอดภัย ศักยภาพหายไปเลยเพราะเน้นเอาเครื่องให้รอดเป็นหลัก

รถสมัยใหม่กล่อง 32 บิทน่าจะมีฟังก์ชั่นลักษณะนี้ครับ แต่ถ้าเป็นอย่างเครื่อง SR20 ผมนี่ไม่มี
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ penalty

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 272
  • Ingenieur
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 18:37:03 »
ถ้าเป็น Direct Injection ล่ะครับ ยังต้องกังวลเรื่องเครื่องเขกหรือเปล่า?

คือแอบเล็ง 2010 Mazda3 DISI ไว้ เห็นกำลังอัด 11.2 แต่มี Direct Injection ที่ช่วยลดอุณหภูมิในกระบอกสูบ
If God did not build it, an Engineer did.

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 18:49:01 »
ยังไม่เคยลองจนสามารถคอนเฟิร์มได้นะครับ

แต่ถ้าให้เดา คิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะเครื่องสมัยใหม่มี ECU และการประมวลผลที่ดีกว่ารถ 20ปีที่แล้วอย่างมาก รถในบ้านผมที่เป็นรถใหม่ เครื่อง K20, D17 ซึ่งผู้ผลิตรับรองจากโรงงานว่าปรับเซ็ตมาให้รองรับ 91 ได้ ผมเอารถพวกนี้มาเติมโซฮอล์ 95 นานนับปี แล้วก็ไปลองเติม 91 ติดกันสองถัง ไม่พบว่าน็อคหรือมีปัญหาอะไร

ดังนั้น ผมว่ามันขึ้นอยู่กับว่าสเป็คที่โรงงานปรับตั้งมานั้นตั้งใจจะตั้งค่ากลางๆมาเพื่อรับ 91 ได้หรือไม่
ถ้าทำมาอย่างนั้น ต่อให้เป็น หรือไม่เป็น direct injection ก็ไม่มีปัญหาครับ

แต่รถทันสมัยๆก็มีโอกาสเจอน็อคได้เหมือนกัน..พวกซูบารุ STi ที่เป็นเครื่องมาจากญี่ปุ่นกินออคเทน 100 พอมาเจอ 95 เมืองไทยก็น็อค กล่องเก่งยังไงก็ช่วยไม่ได้ ต้องมาเสียบกล่อง Realtime ลดไฟกันหลายคัน แต่อันนี้น่ะมันเป็นรถที่คนทำตั้งใจมาให้เติม 97-100 และไม่ได้เผื่อมาให้เต็ม 95 เพราะต้องการเน้นสมรรถณะกันเต็มที่ ...เคสแบบนี้ในรถใช้งานทั่วไปที่ไม่มีเทอร์โบคงไม่ค่อยเจอหรอกครับ

- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ S77

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 18:59:19 »
งั้นขอสรุปอีกทีนะคะ

1. รถบ้านทั่วไปที่สเปคเบนซิน91 นั้น คือค่าออกเทนต่ำสุดที่ใช้ได้
    แต่ถ้าใช้ออกเทนที่สูงกว่า ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่

2. รถที่สเปคสามารถใช้ E10 ได้ ก็ใช้ได้โดยไม่ต้องกังวล
    แต่ควรตรวจท่อยางต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายน้ำมันเป็นระยะๆ ถ้าบวมก็เปลี่ยน

3. เพื่อให้ได้ความเร็วเท่ากัน รถจะใช้น้ำมันออกเทนต่ำกว่า
    ในปริมาณที่มากกว่าน้ำมันที่ออกเทนสูงกว่า หรือเปลืองกว่านั่นเอง
    เหตุผลคือ กล่องปรับลดองศาไฟไม่ให้รถเขก -> กำลังที่ไปผลักดันล้อให้หมุนจะน้อยลง
    -> คนขับต้องเหยียบมากขึ้น -> ก็เลยเปลืองน้ำมันกว่า
    และบางคัน ECU รถจะสั่งจ่ายน้ำมันหนาขึ้นด้วย

4. ค่าออกเทนที่ได้จริง น่าจะเป็น เบนซิน95 > โซฮอลล์95 > เบนซิน91 > โซฮอลล์91 ตามลำดับ
    เพราะฉะนั้น จากข้อ3 โซฮอลล์91 ประหยัดจริงหรือไม่ ต้องพิสูจน์เอาเอง

สรุปอย่างนี้ถูกต้องมั๊ยคะ

ออฟไลน์ MyName

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 8,145
  • I'm............................
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 21:09:14 »
โหห ได้แต่ความรู้ เข้ากระทู้นี้ ;D
Cars
2022 - Nissan Almera 1.0 Turbo VL
2016 - Mazda 2 1.5XD High Plus L
2008 - Mitsubishi Space Wagon 2.4 GLS Ltd. !User'Review Click here!
1997 - Daihatsu Mira

Motorcycles
2023 - Vespa Sprint S 150 i
2012 - Yamaha Mio 125 GTX

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 22:01:17 »
1. รถบ้านทั่วไปที่สเปคเบนซิน91 นั้น คือค่าออกเทนต่ำสุดที่ใช้ได้
    แต่ถ้าใช้ออกเทนที่สูงกว่า ก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่
   Yes โดยมีเงื่อนไขคือการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่อง หมายถึงต้องมีการบอก ECU ด้วยว่าให้ดึงประสิทธิภาำพให้เต็มที่ครับ
อย่างเครื่อง HR16DE นั้นถ้าคุณตกลงใจว่าจะไม่คบกับ 91 เด็ดขาด คุณสามารถขอให้ช่างปรับไฟจุดระเบิดพื้นฐานบวกเพิ่มอีก 2 องศาเพื่อนำประสิทธิภาพตรงนั้นมาใช้ได้ ถ้าไม่ทำตามนี้ผลที่ได้จะไม่แน่นอน อาจจะีดีขึ้น หรือไม่ก็หารู้สึกได้ไม่

และทั้งหมดที่พูดนี่่ ไม่ได้ว่ากันเรื่องความคุ้มค่าจากราคาน้ำมันนะครับ เอาที่ความสามารถของน้ำมันเพียวๆ


2. รถที่สเปคสามารถใช้ E10 ได้ ก็ใช้ได้โดยไม่ต้องกังวล
    แต่ควรตรวจท่อยางต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจ่ายน้ำมันเป็นระยะๆ ถ้าบวมก็เปลี่ยน
ต่อให้รถ Eศูนย์ ท่อน้ำมันก็ควรตรวจนานๆครั้งอยู่แล้วครับ รถ Civicในบ้านผมสองคันที่เติม E10 ท่อยางทั้งสองคันอยู่มา 5 ปีหรือนานกว่า ยังไม่บวม ไม่มีปัญหา ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะต้องมานั่งเปลี่ยนท่อกันทุกสองสามปี แต่แค่ตรวจว่าอย่าให้รั่ว เมื่อมีโอกาสตรวจก็พอครับ


3. เพื่อให้ได้ความเร็วเท่ากัน รถจะใช้น้ำมันออกเทนต่ำกว่า
    ในปริมาณที่มากกว่าน้ำมันที่ออกเทนสูงกว่า หรือเปลืองกว่านั่นเอง
    เหตุผลคือ กล่องปรับลดองศาไฟไม่ให้รถเขก -> กำลังที่ไปผลักดันล้อให้หมุนจะน้อยลง
    -> คนขับต้องเหยียบมากขึ้น -> ก็เลยเปลืองน้ำมันกว่า
    และบางคัน ECU รถจะสั่งจ่ายน้ำมันหนาขึ้นด้วย
เข้าใจถูกแล้วครับ แต่ความต่างจะมากหรือน้อยแค่ไหน ควรเอามาวัดกันเป็นคันก็จะตอบได้มั่นใจกว่ามาก Civic ES D17Aแม่ผมถ้าเติม 91 จะวิ่งทางไกลได้ 13.7 กิโลลิตร และเคยได้ดีที่สุดก็ 14.3 กิโลลิตร แต่ด้วยโซฮอล์ 95 ถ้าจะเอาเลข 13.7 นี่คือต้องขับเร็วขึ้นเป็น 140-150 ถ้าวิ่ง 120 นิ่งๆเท่ากัน โซฮอล์ได้ 14.3-14.5เป็นเรื่องปกติ และมี 15โผล่มาให้เห็นนานๆครั้ง

ส่วนการที่ ECU สั่งจ่ายน้ำมันหนาขึ้นนั้น ผมคิดว่าไม่ต้องจำก็ได้เพราะส่วนมากเราเน้นขับแบบธรรมดา แต่การสั่งจ่ายหนาอย่างที่ว่ามักจะเกิดขึ้นถ้าเรากดแบบเต็ม อัดเต็มเท้า..ถ้าวิ่งทางไกลธรรมดา น้ำมันอาจจ่ายในอัตราส่วนเท่าเดิม แต่เมื่อคูณด้วยคันเร่งที่ต้องเปิดกว้างกว่า ก็เลยกินน้ำมันกว่า

ลองนึกถึงตอนที่ผมบอกเรื่อง Armagaeddon กับประทัด..แล้วลองคิดดูว่าถ้าสมมติรถคันนึงต้องการม้า 40 ตัวเพื่อที่จะวิ่งคงที่ 120 ได้ ถ้าเปลี่ยนมาเติม 95 แล้วจะแปลว่ารถต้องการม้า 35 ตัวเพื่อวิ่ง 120 หรือ? เปล่าเลย มันก็ยังต้องใช้ 40 ตัวอยู่ดี แต่ 40 ตัวนั้นได้มาอย่างคุ้มค่าเพราะการจุดระเบิดทำในจังหวะที่มือกำประทัดแน่น เรียกพลังมาใช้ได้เยอะกว่าทั้งๆที่คันเร่งไม่ได้เปิดมาก และน้ำมันก็จ่ายในอัตราส่วนเท่าเดิม




4. ค่าออกเทนที่ได้จริง น่าจะเป็น เบนซิน95 > โซฮอลล์95 > เบนซิน91 > โซฮอลล์91 ตามลำดับ
    เพราะฉะนั้น จากข้อ3 โซฮอลล์91 ประหยัดจริงหรือไม่ ต้องพิสูจน์เอาเอง

พิสูจน์ง่ายๆ แต่ใช้เวลาและเงิน เติมโซฮอล์ 91 1 ถัง แล้ววิ่งใช้ให้หมด เติม โซฮอล์ 91 อีกครั้ง วิ่งด่วนเชียงรากไปลงสุดปลายทางแล้วกลับ จากนั้นวกเข้าปั๊มเดิมแล้วเติมเต็มถัง หัวจ่ายตัดก็หยุด บันทึกดูว่ากี่กิโลลิตร

ถ้าจะเปลี่ยนชนิดน้ำมัน กรุณาเติมน้ำมันประเภทใหม่ที่จะลองแล้วใช้ไปสักพักก่อน จากนั้นจึงหยอดเต็มถังแล้วมาเชียงรากกันอีกที แค่นี้เราก็ได้ความมั่นใจมาเป็นกองแล้วว่าเราไม่ได้หลอกตัวเองไงครับ

ต่างกันกี่กิโลลิตร ค่าน้ำมันต่างกันเท่าไหร่ เอามากดเครื่องคิดเลขดู แค่นี้ก็บอกได้แล้วว่าควรจะเติมน้ำมันอะไร
สำหรับผม คำตอบคือโซฮอล์ 95 เสมอ แต่อย่างว่าล่ะ ถ้ามันต่างจากเบนซิน 95 แค่ 3 บาท ผมก็คงไม่สนครับ


- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ S77

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: สิงหาคม 18, 2009, 23:05:39 »
โอ้ ขอบคุณมากค่ะ ที่ตรวจทานความถูกต้องให้ละเอียดเลย
สรุปว่า โซฮอล์95 โลดเลยค่ะ

เอ่อ ไม่ทราบว่า ตัวอย่างของคุณ Commander Cheng (Civic ES D17A) นี่
คุณแม่เติม 91 นี่หมายถึงเบนซินใช่มั๊ยคะ
และค่ากิโลลิตรที่ดีกว่าของโซฮอล์ 95 นี่ ไม่ได้มีการปรับองศาไฟใช่มั๊ยคะ

ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็คิดว่าคงจะไม่ไปปรับองศาไฟอ่ะค่ะ
เผื่ออนาคต มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเติม 91 ด้วย

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2009, 09:31:49 »
91 เป็นเบนซินครับ
ตอนใช้โซฮอล์ไม่ได้ปรับองศาไฟครับ เพราะรู้สึกว่ารุ่นนี้แค่เปลี่ยนน้ำมันก็มีความต่างให้เห็นแล้ว

- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ S77

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 80
Re: น้ำมันที่เหมาะกับ avanza 1.5E และ new sonata 2.0EL
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: สิงหาคม 19, 2009, 12:34:36 »
ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ได้ความรู้มากมายเลย ^/\^

ถ้ามีความเห็นหรือความรู้อื่นๆ เพิ่มเติมอีก
เชิญโพสต์ไว้นะคะ จะเข้ามาอ่านเรื่อยๆ ค่ะ