Model:
Camry ACV51 2.0Gเกริ่นนำก่อนจะอ่านรีวิวตัวรถผมขอท้าวความถึงที่มาว่าทำไมถึงได้เลือกรถ camry 2.0G คันนี้มาใช้ก่อนแล้วกันนะครับ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ ผมใช้รถ BMW318i E36 ต่อมาก็ลงเครื่อง SR 2,000CC ใช้มาอยู่นานตั้งแต่ยังเรียนป.ตรี จนกระทั่ง ทำงานแล้วไปเรียนต่อโทที่ไต้หวัน ต้องทิ้งรถไว้ที่บ้านก็ไม่มีใครขับและประกอบกับมันเก่ามากแล้วเริ่มซ่อมบ่อยก็เลยเป็นอันต้องขายไป ทำให้แผนการออกรถใหม่ เริ่มก่อตัวตั้งแต่ตอนปี2011 สุดท้ายก็เรียนจบกลับมาไทย ตอนกุมภา2012 ไม่มีรถใช้ทำให้ต้องเอารถ Volvo v70 2.3 ที่บ้านไปใช้ชั่วคราวก่อน แล้วผมก็ต้องเริ่มตระเวนหารถใช้งานที่อยากขับ โดยผมก็มองไว้หลายรุ่นมาก ทั้ง Fortuner 2WD , Pajero Sport 2WD (กลัวน้ำท่วม), Teana 2.0 , Camry 2012 2.0 และ Mazda 3 2.0 โจทย์คือ อยากได้รถญี่ปุ่นที่ความปลอดภัยโอเคในระดับหนึ่ง สมรรถนะต้องไม่ขี้เหล่ ทนทาน รูปทรงถูกใจ และ ไม่จุกจิก
ก็ศึกษาหาข้อมูลอยู่นาน จากเวบต่างๆ และบอร์ดผู้ใช้งานจริง ว่ารุ่นไหนน่าจะเหมาะกับตัวเอง โดยเกือบจะออก Mazda 3 แล้ว เพราะได้ลองขับแล้วก็ชอบในความคล่องตัว, สมรรถนะการขับขี่ และรูปลักษณ์สปอร์ท ของรถ แต่ก็รู้อยู่แล้วว่า camry 2012 จะเปิดตัว เดือน มีนาก็เลย รอดูท่าทีก่อน ว่าจะเป็นอย่างไร สุดท้ายก็หาข้อมูลตัวรถcamry 2012แล้วก็อ่านบทความเกี่ยวกับรุ่นก่อน(ACV40)ว่า รถเป็นอย่างไร ดีมั้ย และ ดูในบอร์ดผู้ใช้ว่ามีปัญหาเยอะหรือไม่ เมื่อลองสรุป รวมรวบความคิด ก็ได้ข้อยุติว่าน่าจะเอารถใหญ่ๆไปเลย ที่บ้านจะได้นั่งกันสบายๆ และราคาขายต่อดี ไม่จุกจิ๊ก ถึงอาจจะไม่ได้คล่องตัวและการขับขี่คงไม่สนุกเท่าMazda (ตอนแรกก็อยากได้รถขับสนุกๆ แต่คิดไปคิดมา ก็เอาแบบสบายๆแทนเพราะเริ่ม ไม่ซ่าเหมือนตอนรุ่นๆแล้ว)หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสคุยกับเซลล์โตโยต้าเรื่อง กำหนดการต่างๆ ว่ารถจะมาเมื่อไร ได้รถช่วงไหน และข้อมูลตัวรถ จึงตัดสินใจ ออกรถ Toyota Camry 2.0G สีเงินเข้มคันนี้มาอย่างที่จะได้อ่านรีวิวกันต่อไปนี้.... (ขออภัยหากว่าที่ท้าวความมายาวเกินนะครับ แต่ผมคิดว่าเรื่องของประสบการณ์การจากรถที่ผ่านๆมามันจะมีผลกับความเห็นของผมในรีวิวนี้)
ผมขอรีวิวเป็นหมวดๆนะครับ
1. รูปทรง และ วัสดุ
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกนั้นผมได้สัมผัสคันจริงตั้งแต่สมัยอยู่ที่ไต้หวันแล้ว เพราะเขาเปิดตัวก่อนบ้านเรา อย่างที่ผมได้เอาบรรยากาศงาน Taipei Int Auto Show 2012 มาให้ชมกันที่ ->
http://www.headlightmag.com/webboard2011/index.php/topic,18288.0.html ประกอบกับผมได้โบร์ชัวของไต้หวันไปดูเล่น และ เห็นคนขับตามท้องถนนในไทเป โดยในสายตาของผม ผมคิดว่าผมค่อนข้างชอบในรูปทรงแบบนี้ซึ่งคล้ายกับ Lexus ES เวอร์ชั่นไต้หวัน อย่างกับแกะโดยเฉพาะไฟหน้า(ยิ่งเป็น โคมprojector ยิ่งชอบ เพราะD-segment เครื่อง2,000 มีแต่โตโยต้าเท่านั้นที่ให้มา) ส่วนไฟท้ายตอนแรกเห็นรูปแล้วไม่ชอบเลย แต่พอเจอคันจริงก็ใช้ได้ แต่ๆๆ ประตูหลังนี่ไม่ไหวถ้าเปลี่ยนเส้นสายจะดีมากเพราะมีมาตั้งแต่ACV30แล้ว ส่วนภายใน เท่าที่สัมผัสก็พอใจในระดับหนึ่ง ดูคลาสสิกๆ มีหนังหุ้มมากกว่ารุ่นเก่า และลายไม้ดูดีขึ้น พวงมาลัยมีนูนๆตรงจุดที่จับให้ถนันขึ้น (แต่จริงๆชอบภายใน Teana มากกว่า) ที่นั่งด้านหลังนี่ผมเห็นว่ากว้างมาก นั่งยืดขากางแข้งได้สบายๆเลยครับ แล้วก็มีไฟดาวน์ไลท์ส่องมาบริเวณเกียร์ครับ และโดยส่วนที่ผมชอบมากๆคือคอนโซลหน้าหุ้มหนัง
สรุปรูปทรงและวัสดุผมให้ 8.5/10
2. งานวิศวกรรม
โดยตัวรถ Camry 2.0G นี้ก็ยัดเครื่องเดิม 1AZ เกียร์เดิม4AT ตั้งแต่สมัยโบราณกาล แต่ๆๆๆ มีการปรับเปลี่ยน เครื่องยนต์ให้แรงขึ้นอีกถึง1แรงม้า!!!! จากรุ่นเก่า.... (ทำได้แค่1ตัวเองหรอ...)ส่วนเกียร์มีโหมด +/- อัตราทดเฟืองท้ายลดลง และน้ำหนักตัวหายไปประมาณ 90kg (ซึ่งคงจะช่วยเรื่องอัตราสิ้นเปลืองที่ขึ้นชื่อว่ามูมมาม ได้บ้างละ) ทั้งนี้ผมคิดว่า Toyota ควรจะเอา Dual VVTi มาลงได้แล้ว และ เกียร์ก็อย่างน้อยเอา 5AT ตัวเก่ามาใส่ก็ยังดี (จะกั๊กไปถึงไหน) ส่วนช่วงล่างก็ใช้ระบบเดิม(ไม่รู้เหมือนกันว่าจูนอะไรใหม่บ้างมั้ย) แต่ทั้งนี้ที่ผมทราบมาก็คือมีแผ่นปิดใต้ท้องรถให้เรียบด้วย และมี aero finตรงกระจกข้าง ซึ่งคงจะช่วยเรื่อง areo dynamic ได้นิดหน่อย อ้อ! พวงมาลัยเป็นไฟฟ้าแล้วนะครับ
สรุปงานวิศวกรรมผมให้ 6.5/10
3. สมรรถนะการขับขี่
ไม่อัดอั้นยามขับขี่แน่นอน จากที่ขับมา สามรถเดินทางไกลได้สบาย ในความคิดของผม สมรรถนะโอเคดีใช้ได้ สำหรับการขับแบบ ครูสไปเรื่อยๆ ไม่ได้ซิ่งไปไหน คือเร่งก็ไม่ได้อืดอาด จะแซงก็ไม่ต้องลุ้น แต่พวงมาลัยเบาและคมน้อยกว่าเมื่อเทียบกับรถที่ผมขับๆมา (BMW3 E36, Volvo v70) ทำให้ความมั่นใจไม่เหมือนเดิมเวลาขับเร็ว แต่สิ่งที่ได้มาคือช่วงล่างที่นิ่มดีทีเดียว แต่ขับ100+ ก็ยังให้ความมั่นใจได้ดี เจอระนาด หรือ คอสะพานก็ไม่ได้เด้งๆขึ้นๆลงๆ ถึงแม้รถจะไม่ได้รู้สึกหนักแน่นแบบพี่น้องจากฝั่งยุโรป แต่ผมก็พอใจแล้ว บอกเป็นข้อมูลนะครับว่าวิ่งที่ความเร็ว 100 รอบอยู่ที่ 2,250
ทั้งนี้ผมเจอปัญหาเกียร์กระตุกเป็นบางครั้งเหมือนที่อ่านเจอในรุ่นก่อน อาการคือ เมื่อเราขับมาแล้วเบรคชะลอความเร็วถึงประมาณ 40 (ถ้าผมจำไม่ผิดนะ) แล้วจะเร่งเครื่องต่อ เกียร์มันจะกระตุก แต่ผมก็มองในแง่ดีว่ารถกับเราอาจจะยังเรียนรู้กันอยู่ ต้องปรับตัวเข้าหากันอีกสักพัก คงจะดีขึ้น
สรุปสมรรถนะผมให้ 7.5/10
ป.ล. หลังจากขับมา9เดือน อาการเกียร์ที่กล่าวมาก็ยังไม่หายไปไหนครับ
[Updated]4. อัตราสิ้นเปลือง
โดยอัตราสิ้นเปลืองดูจากหน้าจอMID นะครับ โดยที่หน้าจอMIDก่อนเครื่องจะดับ ถ้าทำอัตราสินเปลืองดีมากมันจะขึ้น excellent ชมเราด้วย อันนี้ผมว่ามันก็สนุกดีนะครับเหมือนเราพยายามทำคะแนน ทำลายสถิติตัวเอง 55+ ซึ่งไว้มีโอกาสจะลองเติมแบบเต็มถังแล้ววัดเองดูว่าได้เท่าไร ทั้งนี้ขอแบ่งเป็น3กรณีนะครับ จากเท่าที่ลองมา (เงื่อนไขคือเติมโชฮอ95 พยายามวิ่งไม่เกิน 100 และเร่งแซงให้น้อย)
-> 4.1 ถ้าขับไปต่างจังหวัด จะได้ประมาณ 13-15 กิโล/ลิตร ครับ แต่ดีที่สุดที่ทำได้ก็ลองดูจากรูปข้างล่างนะครับ
[Updated]-> 4.2 ถ้าขับในเมือง แต่ไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งด่วน มีขึ้นทางด่วน รถติดตามแยกเฉยๆ จะได้ประมาณ 10 กิโล/ลิตร ครับ
-> 4.3 ถ้าขับในเมือง รถติดๆๆ แล้วก็ขับไปต่อได้ จะได้ประมาณ 7 กิโล/ลิตร ครับ
[Updated]-> 4.4 จับอัตราสิ้นเปลือง โดยเติมเต็มถังแล้ววิ่งใช้งานจริง 3วัน และเติมใหม่ ได้อัตราสิ้นเปลืองที่
11.5 กิโล/ลิตร (หน้าจอ MID แสดงค่าที่11.7 ซึ่งก็ถือว่าค่อนข้างใกล้เคียง) ทั้งนี้เส้นทางในช่วง3วันประกอบด้วย 1. นอกเมืองรถไม่ติด (ราชพฤกษณ์-รัตนาธิเบศ) 2. ในเมืองรถไม่ติด (กัลปพฤกษณ์-สาธร) 3. ในเมืองขึ้นทางด่วนแต่ขาไปรถติดเกิน ช.ม. (พระราม2-พระราม4)
[Updated]ป.ล. อัตราสิ้นเปลืองมันดูได้2แบบหลักๆอะนะครับ
1.) แบบแรกมันจะเป็นค่าเฉลี่ย ตั้งแต่เรารีเชตค่าครั้งสุดท้าย (แบบ AVERAGE)
2.) แบบเฉลี่ยตั้งแต่สตาร์ทเครื่อง (แบบ Eco Drive Level) -> อันนี้พยายามละเมียดสุดๆให้ได้ 18.2
สรุปความพอใจในอัตราสิ้นเปลืองผมให้ 8 ครับ แต่ต้องดูกันไปยาวๆ
5. ความคุ้มค่า
ด้วยราคาที่ จ่าย1.3ล้าน ทอน 1พัน และโดนตัด options ไปมากอยู่ ทำให้หลายๆคนคิดว่า ถ้าต้องการความคุ้มค่าสู้ ไปออกรุ่นเก่าดีกว่ามั้ยส่วนลดก็เยอะ (ทั้งนี้ผมไม่ใช่คนที่ดู options เป็นเกณฑ์หลักในการเลือกรถเท่าไรนะครับ อย่างเครื่องเล่น CD หรือ DVD นี่ผมก็ไม่แคร์ เพราะเสียบ iPhone ฟังเพลงดูหนังตลอด แต่กุญแจสหกรณ์นี่ขอเถอะ รถคันเป็นล้านให้ push startได้แล้วคุณ!!!) แต่ยังไงสำหรับผมแล้ว ผมคิดว่าด้วยรูปทรงที่สดใหม่อยู่ได้อีกนาน วัสดุที่ดีขึ้น มีการปรับปรุงเรื่องห้องโดยสาร และ สรรถนะ ทำให้มันคุ้มที่ผมจะเลือกออกรถรุ่นใหม่ สุดท้ายเมื่อคิดถึงบริการหลังการขายที่ไว้ใจได้ ราคาขายต่อที่ดี สมรรถนะที่ใช้ได้ และ ความทนทาน(ไม่รู้จะจริงมั้ยต้องดูยาวๆ แต่เท่าที่ได้ยินและศึกษามามันก็เป็นอย่างนั้น)
ก่อนหน้านี้ผมเคยคำนวณแล้วว่าถ้าอยากประหยัดค่าน้ำมันโดยเปลี่ยนไปเล่นรุ่น Hybrid จะต้องใช้เวลาประมาณ 7 ปี ถึงจะคืนทุนสำหรับส่วนต่างราคา ดูจากตารางข้างล่างได้ครับ
สรุปด้านความคุ้มค่าผมให้ 9ครับ
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
-
บทสรุป: โดยรวมแล้วผมให้คะแนนความพึงพอใจรถคันนี้
8/10 ครับ เขาเป็นรถที่ไว้ใจได้ ขับขี่สบายไม่อึดอัด เหมือนกับเป็นแฟนที่อาจจะไม่ได้เป็นคนที่ดีที่สุด แต่เหมาะกับเราที่สุดครับ...
รีวิวครั้งแรกของผมนี้ ผิดพลาดตรงไหนก็ยินดีรับคำติชม และขอขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
ป.ล.1 อ่านรีวิวของคนอื่น แล้วก็ของคุณ Jimmy มาเยอะ เลยอยากแชร์ความคิดเห็นของตัวเองบ้างครับ เผื่อว่ามีใครสนใจ รถรุ่นนี้อยู่ครับ
ป.ล.2 ตอนนี้วิ่งมา 10,000 ก.ม. แล้วยังไม่เจอปัญหาใดๆ ครับ, เข้าศูนย์เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง 5w-30 และ สลับยางเรียบร้อยดี[Updated]ป.ล.3 มีพบอาการพวงมาลัยหอน อึ๊ดๆๆ เวลาหักเลี้ยว เลยไปลองหาข้อมูลใน Camry Club จึงพบว่าต้องเปลี่ยนขดลวด Air Bag ซึ่งพอผมเอาเข้าไปเคลมที่ศูนย์ เปลี่ยนแล้วก็หายจริงๆ[Updated]