ผู้เขียน หัวข้อ: ระบบขับเคลื่อน4ล้อ4WD ของฟอร์จูนเนอร์เป็นแบบ Fulltime แล้ว ปาร์เจโร่ CRV แบบไหน?  (อ่าน 70226 ครั้ง)

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4WD จะมีอยู่ 3 แบบ อ่านรายละเอียดพอเข้าใจแล้วว่า มันแตกต่างกันอย่างไร เช่นไร

จึงพอสรุปได้ว่าของ Foruner เข้าแบบแรก   Full Time 4WD  (แบบพิเศษ) แต่ก็มีเกียร์ เล็กๆให้สามารถเลือกขับตามสภาพถนนได้อีกเช่นกัน

คือ FORTUNER จะเป็นขับสี่ล้อแบบ Full time คือขับ 4 ล้อตลอดเวลา และมีให้เลือกว่า จะ 4H หรือ 4L
 แต่ไม่สามารถเลือกขับเฉพาะ 2 ล้อหลังได้
 โดยจะมีชุดเฟืองตัวกลางที่คอยแบ่งถ่ายกำลังขับเคลื่อนให้สมดุลกันระหว่างเพลาล้อหน้า กับล้อหลัง



แล้วนอกนจากนั้น  จึงอยากมาสอบถามว่า  ระบบขับเคลื่อน 4WD ของรถยี่ห้ออื่นๆ นอกจาก Fortuner  เช่น  CR-V Pajero Captiva  Mu-7  Escape  พวงกนี้ เขาเป็นขับ 4 แบบไหนกันครับ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 17, 2012, 15:45:49 โดย thepowermancity »

ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
รถยนต์ประเภทขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือ 4WD (Four Wheel Drive) ที่มีจำหน่ายอยู่ในบ้านเรา มีระบบขับเคลื่อนให้เลือกอยู่ 3 แบบ คือ

    1.แบบพาร์ทไทม์ (Part Time)
    2.แบบฟูลไทม์ (Full Time)
    3.แบบเรียลไทม์ (Real Time)

1. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ (Part Time)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบพาร์ทไทม์ ในปัจจุบันที่นิยมใช้มีอยู่ 3 แบบ คือ แบบกลไก, แบบอัตโนมัติ และแบบไฟฟ้า

    ระบบพาร์ทไทม์แบบกลไก เป็นชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ที่ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ ซึ่งลักษณะการทำงานของชุดควบคุมแบบกลไกนี้ เมื่อผู้ขับขี่ต้องการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ ผู้ขับขี่ต้องหยุดรถและลงไปปิดชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ให้อยู่ในตำแหน่ง Free กำลังงานของเครื่องยนต์ก็จะถูกตัด ทำให้เกิดการส่งกำลังไปขับเคลื่อนที่ล้อด้านหลังและเมื่อต้องการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 4 ล้ออีกก็ต้องกระทำเช่นเดียวกันคือ ต้องหยุดรถและลงไปิดชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ให้อยู่ในตำแหน่ง Lock กำลังงานของเครื่องยนต์จึงจะถูกต่อไปยังเพลากลางที่ล้อหน้า ซึ่งต่ออยู่กับชุดเฟืองท้ายด้านหน้า เพื่อขับเคลื่อนให้ล้อด้านหน้าหมุนไปพร้อมๆ กับล้อด้านหลัง ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบกลไกมีข้อดี คือ
        แข็งแรงทนทาน
        ราคาต้นทุนไม่สูงมากนัก

    แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่บ้างก็คือ ไม่สามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อได้ทันที เพราะต้องเสียเวลาหยุดรถเพื่อลงไปปิดชุดควบคุมแบบไกลไกที่ล้อหน้าก่อน จึงจะสามารถเลือกระบบขับเคลื่อนได้

    ระบบพาร์ทไทม์แบบอัตโนมัติ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ขับขี่เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub จะทำงานทันทีเมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ที่ใช้สำหรับเลือกระบบขับเคลื่อน โดยกำลังงานของเครื่องยนต์จะถูกส่งต่อไปยังชุด Free Wheel Hub ให้ทำงานทันที แต่เมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันล้อมาเป็น 2 ล้อตามเดิม ต้องหยุดรถและเข้าตำแหน่งเกียร์ปกติไปที่ตำแหน่งถอยหลัง (Reverse) และถอยหลังเป็นระยะทาง 1.5 – 2 เมตรโดยประมาณ เพื่อให้ชุดควบคุมเกิดการตัดกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub พร้อมทั้งเลื่อนคันเกียร์ที่เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนไปที่ตำแหน่ง 2H หากเลื่อนคันเกียร์โดยไม่ถอยหลังก่อน ล้อจะไม่ถูกตัดการส่งกำลังงาน ซึ่งจะทำให้เกิดการสึกหรอและการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบอัตโนมัติมีข้อดี คือ
        แข็งแรงทนทาน
        เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อได้ทันที

    ชุดควบคุมแบบอัตโนมัติมีข้อจำกัดอยู่บ้างก็คือ เมื่อเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 2 ล้อเป็น 4 ล้อ ต้องจำกัดความเร็วไม่ควรเกิน 30-40 กม./ชม. และในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 4 ล้อ เป็น 2 ล้อ ต้องหยุดรถเพื่อถอยหลังเป็นระยะ 1.5-2 เมตรโดยประมาณ ซึ่งรถที่ใช้ชุดควบคุมแบบอัตโนมัติ ได้แก่ NISSAN FRONTIER 4WD, TOYOTA TIGER 4WD, LAND ROVER, JEEP GRAND CHEROKEE  


    -  ระบบพาร์ทไทม์แบบไฟฟ้า ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบไฟฟ้าจะใช้ วงจรไฟฟ้าช่วยในการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ หรือจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็น 2 ล้อ ชุดควบคุมการตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub แบบนี้จะทำงานทันทีเมื่อผู้ขับขี่เลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ที่ใช้สำหรับเลือกระบบขับเคลื่อน วงจรไฟฟ้าก็จะทำหน้าที่ตัดและต่อกำลังงานของเครื่องยนต์ไปยังชุด Free Wheel Hub ที่ล้อหน้าทันที ชุดควบคุมแบบไฟฟ้ามีข้อดี คือ
        เลือกใช้ระบบขับเคลื่อนเป็นแบบ 2 ล้อ หรือ 4 ล้อได้ทันที
        ให้ความนุ่มนวลในขณะเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ขับเคลื่อน

   -  ชุดควบคุมแบบไฟฟ้ามีข้อจำกัดอยู่บ้างคือ เมื่อเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ ต้องจำกัดความเร็วไม่เกิน 80-100 กม./ชม. และนอกจากนั้นชุดควบคุมแบบไฟฟ้ายังอาจเกิดความเสียหายได้ง่าย ถ้าหากเพลาขับที่ล้อหน้ามีรอยรั่ว น้ำอาจจะเข้าไปและทำให้ขัดข้องได้ รถที่ใช้ชุดควบคุมแบบนี้ได้แก่ MITSUBISHI MEGA CAB 4WD, ISUZU RODEO 4WD


2. แบบฟลูไทม์ (Full Time)
เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบตลอดเวลา มีข้อดีคือ เกาะถนนดีมาก โดยเฉพาะเวลาเข้าโค้งแรงๆ หรือเวลาฝนตกถนนลื่น การออกตัวเวลาแข่งก็ไม่ต้องกลัวว่าล้อจะฟรีทิ้งมาก ทำให้ออกตัวได้ดีกว่ารถระบบขับเคลื่อน 2 ล้อที่นํ้าหนักและความแรงของเครื่องเท่ากัน แต่ก็มีข้อเสียคือ ยางสึกหรอเร็ว กินนํ้ามันมากกว่ารถระบบขับเคลื่อน 2 ล้อที่นํ้าหนักและความแรงของเครื่องเท่ากัน เพราะต้องถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ทั้ง 4 ล้อ โดยแบ่งเป็นล้อละ 25 เปอร์เซนต์ ซึ่งไม่เหมือนกับระะบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ที่ต้องถ่ายทอดกำลังเครื่องยนต์แค่ 2 ล้อ โดยแบ่งเป็นล้อละ 50 เปอร์เซนต์


3. แบบเรียลไทม์ (Real Time)
เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบอัตโนมัติ หรือ มีการถ่ายทอดแรงบิดของล้อหน้ากับล้อหลังให้สัมพันธ์กัน โดยจะมีเซนเซอร์คอยตรวจจับความเร็วของล้อคู่หน้ากับคู่หลังเมื่อมีล้อใดล้อหนึ่งมีการลื่นไถลหรือฟรีทิ้งเวลาออกตัวแรงๆ มีข้อดีคือ ประหยัดนํ้ามันกว่าแบบฟลูไทม์ เกาะถนนได้ดีเหมือนกับฟลูไทม์ โดยเฉพาะเวลารถวิ่ง ระบบถ่ายทอดแรงบิดทั้ง 4 ล้อ จะแบ่งแรงบิดของกำลังเครื่องยนต์ให้กับล้อคู่หน้ากับคู่หลังดังนี้ ระบบขับเคลื่อนจะแบ่งกำลังส่วนใหญ่ไปที่ล้อหลังเสมอ แต่ถ้าเวลาออกตัวแรงๆ ล้อหลังจะมีการฟรี ระบบก็จะถ่ายทอดแรงบิดที่ล้อหน้าด้วย เริ่มตั้งแต่ 50 เปอร์เซนต์หรือตํ่ากว่านั้นขึ้นอยู่กับความเร็วและกำลังของเครื่องยนต์ แต่เมื่อรถวิ่งได้ความเร็วซักระยะหนึ่งระบบก็จะลดกำลังขับเคลื่อนของล้อหน้าลงมาจนเกือบ 0 เปอร์เซนต์ หรือล้อหน้าไม่ฟรีแล้ว สาเหตุที่ต้องถ่ายทอดกำลังส่วนใหญ่ไปที่ล้อหลังก็เพราะว่านํ้าหนักของรถเวลาวิ่งจะตกลงที่ล้อหลังเป็นส่วนใหญ่ การควมคุมการทำงานของระบบขับเคลื่อนแบบนี้ ก็จะมีการใช้กล่องสมองกลควบคุมและแบบใช้ระบบเกียร์ที่ควบคุมแรงบิดได้ด้วยตัวเอง



ข้อแตกต่างของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่ละแบบ

    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบพาร์ทไทม์ นั้นเราสามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เมื่อขับรถบนสภาพทางที่รถขับเคลื่อน 2 ล้อไม่สามารผ่านไปได้ เช่น ทางโคลนลื่น ๆ หล่มโคลน ผิวทางเป็นทราย การปีนไต่ทางสูงชัน เป็นต้น และสามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ บนเส้นทางปกติได้
    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบฟูลไทม์ เป็นระบบขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ แบบตลอดสภาพทางไม่สามารถเลือกได้เหมือนแบบพาร์ทไทม์
    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเรียลไทม์ หรือระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ คือ ในสภาพถนนปกติรถจะขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อ และจะเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยอัตโนมัติเมื่อล้อขับเคลื่อนมีการลื่นไถล

ข้อแตกดีข้อเสียของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแต่ละแบบ

    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบพาร์ทไทม์ มีข้อดีตรงที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้ระบบขับเคลื่อน 2 หรือ 4 ล้อได้เองตามสภาพถนน แต่ข้อเสียคือ ผู้ขับขี่ต้องมีทักษะในการขับรถประเภทนี้
    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบฟูลไทม์มีข้อดีคือ รถมีการทรงตัวที่ดี เกาะถนน ลดการลื่นไถล แต่จะสิ้นเปลืองน้ำมันและยางรถมากขึ้น รวมทั้งผู้ขับขี่ต้องใช้แรงงานในการควบคุมรถมากขึ้นด้วย
    ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบเรียลไทม์ มีข้อดีตรงที่ระบบนี้ทำให้รถมีการทรงตัวดีเหมือนกับแบบฟลูไทม์ ในขณะที่ประหยัดน้ำมันและยางรถกว่า

ออฟไลน์ archian

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
 CR-V  Captiva  Escape  = Real Time   เขาเรียกกระเทย

Pajero  Mu-7  =  Part Time  ลุยหนักได้

คิดว่าถูก....

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,628
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Pajero Sport เป็น Part Time ครับ

CR-V เป็น Real Time ครับ

คำว่า กระเทย ที่ถูก ต้องไม่มี ร เรือครับ  "กะเทย"


ออฟไลน์ reyeshenry

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,114
Pajero Sport เป็น Part Time ครับ

CR-V เป็น Real Time ครับ

คำว่า กระเทย ที่ถูก ต้องไม่มี ร เรือครับ  "กะเทย"



แล้ว 4H หรือ 4L ในฟอร์จูนเนอร์ มีให้มาเพื่อนอะไรครับ  ใช้เพื่ออะไร เพราะเท่าที่ทราบ ฟอร์จูนขับ 4 ตลอดเวลาอยู่แล้ว

ออฟไลน์ AVANTGARDe'

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,206
  • AWDiesel
Pajero Sport เป็น Part Time ครับ

CR-V เป็น Real Time ครับ

คำว่า กระเทย ที่ถูก ต้องไม่มี ร เรือครับ  "กะเทย"



แล้ว 4H หรือ 4L ในฟอร์จูนเนอร์ มีให้มาเพื่อนอะไรครับ  ใช้เพื่ออะไร เพราะเท่าที่ทราบ ฟอร์จูนขับ 4 ตลอดเวลาอยู่แล้ว
4H ก็วิ่งปกติบนถนนทั่วๆไปครับ
4Lก็เวลาต้องลุย ป่า เขาประมาณนั้นครับ
ลองอ่านในคู่มือก็ได้ครับ มีอธิบายไว้อยู่

ออฟไลน์ HME

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 719
CUBE e-4WD

โชว์ความแนวและตัดปัญหาเรื่องเพลากลางด้วยการใช้มอเตอร์ขับล้อหลัง

ออฟไลน์ archian

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
4H  =  แบ่งกำลังให้เป็น 50-50

4L =  ใช้ตอน4Hไปต่อไม่ได้  ....

คิดว่าถูก  .......

"กะเทย"  ไม่มี ร เรือ    รับทราบครับ  ......


ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,089
Part time : ในรถกระบะ ล็อกกำลังที่จ่ายไปแต่ละล้อเท่ากันหมดครับ ทำให้ถ้ามาวิ่งบนถนนดำ เวลาหักเลี้ยวมากๆ มันจะฝืนมากๆ จนชุดเกียร์อาจเสียหายได้ ระบบแบบนี้ ควรใช้บนถนน ที่ยอมให้ล้อออกอาการฟรีทิ้งได้ครับ 
ระบบนี้เน้นที่การปีนป่าย ในสภาพที่ล้อไม่ค่อยจะอยู่ติดกับผิวถนนครบ 4 ล้อ หรือบริเวณที่ลื่นมากๆ

Full time  : (พวกรถพื้นฐานกระบะ มักใช้แบบนี้ เช่น Fortuner) ยอมให้กำลังของล้อหน้า-หลังไม่เท่ากันได้ จึงไม่เกิดปัญหาดื้อโค้งแบบข้อแรก และใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ต้องกลัวพังไว  ข้อเสียคือ มันจะควบคุมแรงบิดแต่ละล้อ ตามสภาพการเกาะถนนครับ เพราะงั้น มันลุยป่าเขา โคลนเลน ไม่ได้  ต่อให้เอาระบบนี้ไปใส่ในรถกระบะก็ตาม
ระบบนี้เน้นที่สมรรถนะการขับขี่เป็นหลัก เพราะกระจายแรงบิดไปที่ทุกล้อ ทำให้เข้าโค้งได้ไวขึ้น

Real time : หรือรถกะเทย ปกติจะขับเคลื่อนล้อหน้า แต่ถ้าล้อหน้าเริ่มเสียการยึดเกาะ จะส่งแรงไปที่ล้อหลังแทนครับ ระบบนี้จะไม่ส่งกำลังไปที่ล้อหลัง ถ้าล้อหลังเสียการยึดเกาะ ต้องเป็นล้อหน้าเท่านั้นครับ (ข้อมูลจาก Cr-V ตัวเก่า ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างไร แต่คิดว่าไม่เปลี่ยนหรอกครับ)
ระบบนี้ ลุยไม่ได้ แต่เน้นเรื่องการขับขี่เหมือนกัน แต่วัดจริงๆแล้วยังสู้ระบบ Full time ไม่ได้ครับ

ออฟไลน์ udis

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,674
อ่านๆดูคืือ

Part time เน้นลุยๆในป่า ทางลำบากๆ
Full/Real time เน้นในเมือง ช่วยยึดเกาะถนนดี ไม่ได้เน้นลุยๆ

คนใช้งานในเมืองบ่อย จึงน่าจะเลือก CRV และ Fortuner
แต่ถ้าเน้นไปลุยทางลำบากๆ เลือก Pajero sport ประมาณนี้ไหมครับ

ออฟไลน์ archian

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
แม่นละครับ  ....   ^^

ออฟไลน์ Air_graphic

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 416
    • อีเมล์
สำหรับฟอร์จุนเนอร์ มันเป็นขับสี่ฟูลไทม์ ที่แบ่งกำลังแต่ละล้อได้ ที่บอกว่าไปทางโหดมากๆไม่ได้ จริงครับ แต่!!

มันเลยมี 4H-4L จูนจะใช้ตัวย่อ HL-LL มาให้ไง พอเข้า 4H(High Lock) หรือ 4L(Low Lock) คราวนี้ก็ล็อค
การส่งกำลังเป็น 50-50 เหมือน พาร์ทไทม์แล้วไง ลุยสบาย

ออฟไลน์ MoLee

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,191
สรุปลุยหนัก Toyota hilux Ln เยี่ยมสุดและสบายสุดครับ :P


ออฟไลน์ Air_graphic

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 416
    • อีเมล์
สรุปลุยหนัก Toyota hilux Ln เยี่ยมสุดและสบายสุดครับ :P



ถูก ไม่ต้องกลัวพัง

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
4H  =  แบ่งกำลังให้เป็น 50-50

4L =  ใช้ตอน4Hไปต่อไม่ได้  ....

คิดว่าถูก  .......

"กะเทย"  ไม่มี ร เรือ    รับทราบครับ  ......



4H ไม่ใช่ 50-50 อ่ะครับ ไม่งั้นแล้วมันจะขับยากมากเลย เป็นโหมดทั่วไป
ส่งกำลังไปล้อหลังมากกว่าล้อหน้า หรือหน้ามากกว่าหลังก็แล้วแต่รถ
ใช้บนทางเรียบทั่วไป และใช้ความเร็วสูงได้ตามปกติ

เพราะตัว Differential มันจะไม่ได้ล็อค 100% ทำให้แต่ละล้อสามารถหมุนด้วยความเร็วต่างกันได้
ดังนั้น มันก็จะไม่สึกหรอมาก ถ้าวิ่งเร็ว หรือมีการเลี้ยว เข้าโค้ง ฯลฯ

ในขณะที่ 4L มันเป็นล็อคตายแบบ 100% กระจายกำลัง 50-50 เพื่อแรงตะกุยเต็มที่
วิ่งเร็วไม่ได้ เข้าโค้งเร็วไม่ได้ เลี้ยวเยอะเยอะไม่ได้ เพราะระบบมันจะขืนกันเองแล้วเกิดความเครียดมาก
ถ้าใช้งานหนักหนักบนความเร็วสูง มันจะทำให้ทุกอย่างพังได้ เพราะรับแรงที่กดเข้ามาไม่ไหวครับ

อยากให้อ่านคู่มือเพิ่มเติมนะครับ ของแบบนี้ต้องศึกษาให้ดีก่อนใช้ครับ
นี่ถ้าเป็นรถ 4WD แบบเมื่อก่อนยุ่งยากกว่านี้อีกเยอะ ต้องลงไปกดปุ่มล็อค Diff ที่ล้อหน้าเอง
แล้วค่อยเข้าเกียร์ 4WD ในรถ แล้วเวลาจะปลด ก็ต้องเดินลงไปปลดล็อคที่ดุม Diff ล้อหน้า
กลับมาขึ้นรถ ใส่เกียร์ 2H แล้วถอยหลังไป 50 เมตร เพื่อจะปลดออกจาก 4WD สนุกพิลึกเลย

ออฟไลน์ Air_graphic

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 416
    • อีเมล์
ผมว่าผมเข้าใจถูกนะ เกียร์ขับ4ของจูน มันมี

           H       ------->         HL      ------->      N      -------> LL
      4ฟูลไทม์                  4 50-50                                  4 50-50
แปรผันการส่งกำลัง      ล็อคอัตราส่งกำลัง        ล็อคอัตราส่งกำลัง เพิ่มอัตราทดสูงกว่า HL
หน้าหลังไม่เท่ากัน       หน้า50  หลัง 50                        หน้า50  หลัง 50

ในการขับบนถนนทั่วไป จะอยู่ที่ตำแหน่ง H ขับเคลื่อน4ล้อ
ที่อัตราส่งกำลังหน้าหลังไม่เท่ากัน จึงไม่เกิดความเสียหายที่
เกียร์ทรานซ์เฟอร์  ส่วน HL กับ LL ทั้ง2เกียร์นี้ เป็น 50-50

ส่วนรถขับ4 แบบที่ต้องลงมาหมุน Free HUB ผมก็ขับอยู่ครับ
ลงมาปลดมาใส่เองที่ดุมล้อหน้า แต่ตอนปลดออกจากขับ4
ก็แค่ถอยหลัง 2-4 เมตรเอง

ออฟไลน์ ChiLun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,382
  • F10 525d M sport
ใช้ crv gen3 4wd อยู่แต่ผมไม่เคยศึกษาระบบลึกๆ รู้แต่มันจะทำงานออโต้เมื่ออยู่ในสภาวะที่ต้องการใช้งาน

ที่เจอบ่อยสุดคือขับ ฝนตกหนักมาก มองแทบไม่เห็น รู้สึกว่ามันทำงาน พวงมาลัยหนักขึ้น เกาะถนนขึ้น เหมือนมีengine breakด้วย ไว้ใจได้
รถเก๋งต้องขับอยู่ประมาณ80 แต่เราขับ100รู้สึกว่ายังมั่นใจมากๆ

รองลงมาคือไป ตจว ถนนดินแดงเป็นโคลนลื่นมักๆ พอระบบเริ่มทำงานอาการลื่นปัด จะลดลงไปเยอะมากๆ ขับไปเรื่อยๆ ไม่ติดหล่มแน่นอน ;D

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
ผมว่าผมเข้าใจถูกนะ เกียร์ขับ4ของจูน มันมี

           H       ------->         HL      ------->      N      -------> LL
      4ฟูลไทม์                  4 50-50                                  4 50-50
แปรผันการส่งกำลัง      ล็อคอัตราส่งกำลัง        ล็อคอัตราส่งกำลัง เพิ่มอัตราทดสูงกว่า HL
หน้าหลังไม่เท่ากัน       หน้า50  หลัง 50                        หน้า50  หลัง 50

ในการขับบนถนนทั่วไป จะอยู่ที่ตำแหน่ง H ขับเคลื่อน4ล้อ
ที่อัตราส่งกำลังหน้าหลังไม่เท่ากัน จึงไม่เกิดความเสียหายที่
เกียร์ทรานซ์เฟอร์  ส่วน HL กับ LL ทั้ง2เกียร์นี้ เป็น 50-50

ส่วนรถขับ4 แบบที่ต้องลงมาหมุน Free HUB ผมก็ขับอยู่ครับ
ลงมาปลดมาใส่เองที่ดุมล้อหน้า แต่ตอนปลดออกจากขับ4
ก็แค่ถอยหลัง 2-4 เมตรเอง

ผมอาจจะผิดเองครับถ้าอย่างนั้น เพราะไม่ได้ใช้ Fortuner อยู่ และเข้าใจว่ามันมีแค่ 4H กับ 4L อย่างที่ท่านบนกล่าวมา
ถึงได้บอกว่าถ้ามีแค่ 2 ตำแหน่ง ตรง 4H ไม่น่าจะเป็น 50-50 เพราะไม่งั้นมันจะขืนมาก ทำให้ขับลำบาก

ออฟไลน์ power2002

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 689
  • ประหยัดได้ด้วยเท้าตัวเอง!
ผมว่าผมเข้าใจถูกนะ เกียร์ขับ4ของจูน มันมี

           H       ------->         HL      ------->      N      -------> LL
      4ฟูลไทม์                  4 50-50                                  4 50-50
แปรผันการส่งกำลัง      ล็อคอัตราส่งกำลัง        ล็อคอัตราส่งกำลัง เพิ่มอัตราทดสูงกว่า HL
หน้าหลังไม่เท่ากัน       หน้า50  หลัง 50                        หน้า50  หลัง 50

ในการขับบนถนนทั่วไป จะอยู่ที่ตำแหน่ง H ขับเคลื่อน4ล้อ
ที่อัตราส่งกำลังหน้าหลังไม่เท่ากัน จึงไม่เกิดความเสียหายที่
เกียร์ทรานซ์เฟอร์  ส่วน HL กับ LL ทั้ง2เกียร์นี้ เป็น 50-50

ส่วนรถขับ4 แบบที่ต้องลงมาหมุน Free HUB ผมก็ขับอยู่ครับ
ลงมาปลดมาใส่เองที่ดุมล้อหน้า แต่ตอนปลดออกจากขับ4
ก็แค่ถอยหลัง 2-4 เมตรเอง

 อันนี้ถูกต้องเลยครับ   
HL = Hi(way,speed etc)  L= Lock (Diff)     

มีในปราโด้ นานแล้วครับ   

การถอยหลังเพื่อให้เกียร์ทรานฯ หลุด เป็นเกือบทุกยี่ห้อ เกือบทุกรุ่นครับ คู่มือแต่ละคันมีอยู่  ฟอร์ฯ ก็เป็น  ซูฯ ก็เป็น

ออฟไลน์ i-ice

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 263
    • อีเมล์

ออฟไลน์ Sappe!

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,976
มาเก็บความรู้ใหม่ครับ  :D
'02 Ford Ranger 2.5 Turbo XLT
'06 Ford Ranger 3.0 TDCi XLT
'10 Ford Focus 2.0 TDCi Ghia
'11 Ford Fiesta 1.6 Sport
'14 Ford EcoSport 1.5 Titanium