ถามแบบ โง่ๆ เลยนะครับ
ถ้ากำไรส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากน้ำมัน แล้วทำไมไม่ลดราคาน้ำมัน ให้คนยกย่องสรรเสริญบ้างครับ
ไม่ได้ชวนทะเลาะนะครับ เพราะผมคิดๆดู ถ้ากำไรมาจากหลายทางมากๆ ก็น่าจะลดราคาน้ำมันให้คนที่ต้องใช้น้ำมันได้เย็นใจบ้าง แล้วเอากำไรจากส่วนอื่น ไปขยายทุน ขยายสินทรัพย์ต่อ
ถ้าบอกว่า กำไรส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวกับน้ำมัน แสดงว่า ลดราคาน้ำมันอีกนิด ก็น่าจะได้นี่นะ
ลดได้ แต่เขาจะมองว่ามันเป็นการทำให้เสียโอกาศทางธุรกิจครับ
คคหสต นะครับ
ถ้าใช้ Logic นี้ คุยทั้งชาติก็ไม่รู้เรื่องกันหรอกครับ ในเมื่อขายได้กำไร จะให้ลดราคา
คำถามต่อมาคือ "ลดเท่าไหร่คุณถึงจะพอใจล่ะครับ??" น้ำมันกำไรแค่ประมาณ บาเรลละ 5-6 เหรียญ เท่ากับ ลิตรละไม่กี่สตางค์ สิงคโปร์ ก็ได้กำไรเท่านี้ เป็น Net Margin
เพราะงั้นโรงกลั่นเชลถึงไปไม่รอดไงครับ กำไรแค่นี้ ถ้าไม่กลั่นหลายๆ แสนบาเรลต่อวันขึ้นไป ก็ล้มละลาย Thaioil ถึงต้องกลั่นเต็มกำลังการผลิตตลอดไงครับ ส่วนที่เกินจากความต้องการในประเทศก็ส่งออก ทั้งที่ไม่ได้อยากส่งออก เพราะการส่งออกด้วยเหตุผลของสินค้าส่วนเกินนั้น มันกำไรน้อย
และก็ทำให้ปตท.ไม่ขายปั๊ม NGV เพราะทำแล้วขาดทุน และต้องแบกรับภาระส่วนนี้ เพราะเป็นนโยบายรัฐ และปตท.ต้องร่วมรับผิดชอบครับ
ซึ่งการแก้ปัญหาตามสากลโลกจริงๆคือ อธิบายให้ประชาชนเข้าใจ และปรับราคาแก๊สตามจริง ทำให้คนใช้แก๊สไม่เยอะไป น้ำมันจะได้ไม่แพง แต่ประเทศไทย รัฐบาลรู้ดีว่า ทำแบบนี้ ไม่มีใครเข้าใจ และจะโดนด่าเปล่าๆ เพราะงั้นก็ไปเนียนเก็บกับคนใช้น้ำมันมาอุดค่าแก๊สแทน จนคนหันมาใช้แก๊สเยอะ ก็ยิ่งต้องเก็บคนใช้น้ำมันเยอะ น้ำมันก็ยิ่งแพง เป็นวงจรอุบาทว์แบบนี้แหละครับ
หรืออีกนัยหนึ่ง ลดลงอีกแค่ไม่กี่สตางค์ก็ขายเป็นขาดทุนแล้วครับ ถึงต้องมุ่งไปทางปิโตรเคมีที่กำไรมากกว่า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมใหม่ๆขึ้นมา ปตท.ถึงกำไรเพิ่มขึ้นทุกปีไงครับ ไม่ใช่เพราะปิโตรเลียม แต่เพราะปิโตรเคมีครับ และ สผ. ก็จัดเป็นส่วนหนึ่งที่กำไร แต่ความเสี่ยงสูง ถ้าเจอน้ำมันก็ยิ้ม ถ้าไม่เจอก็เหงื่อแตกเหมือนกัน
ถ้ากำไรลดลง อย่าลืมว่ามีผลต่อหุ้นของปตท. ด้วย และปัจจุบันคนเล่นหุ้นปตท.เยอะนะครับ ลองศึกษาดู จะรู้ว่ามันไม่ใช่อะไรที่จะเปลี่ยนแปลงง่ายๆขนาดนั้นครับ ต้องมองให้กว้างๆ มันมีผลต่อคนอื่น มากกว่าที่คิดเยอะมากครับ