ผู้เขียน หัวข้อ: สอบถามพี่ๆน้องๆที่เคยใช้รถยุโรป เช่น Benz,BMW และรถญี่ปุ่นครับ  (อ่าน 40067 ครั้ง)

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
รถญี่ปุ่นขับขี่ดีครับ แต่รถยุโรปขับขี่ดีกว่า แต่ผมแนะนำรถญี่ปุ่นครับ รถป้ายแดงสมัยนี้สมรถภาพก็เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันแล้ว เพียงแต่เลือกซีซีขนาดรถให้เหมาะกับการใช้งานของเราก็พอ รถญี่ปุ่นราคาประหยัดกว่า คุ้มค่ากว่า (แค่ภาษีนำเข้าก็แพงเวอร์) ค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า ประกันก็จ่ายน้อยกว่า ที่สำคัญที่สุดเลยคือความสบายใจครับ เวลาไปทำธุระจอดรถที่ไหนก็ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่ แต่ยังไงๆรถเมืองไทยก็แพงเกินจริงไม่ว่ายี่ห้ออะไรก็ตาม.


ครับ คิดอีกแบบก็ความสบายใจและเงินที่เสียไปกับรถ รถญี่ปุ่นก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยครับ ขอบคุณมบกๆครับ ที่มาตอบกระทู้

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
รายได้พอๆกันครับ ผมก็มองพวก GTI ใว้เหมือนกัน แต่พอมาดูรายการใช้จ่ายที่บางอย่างต้องทำใว้เผื่ออนาคต เช่นประกันต่างๆนาๆที่ต้องทำใว้เผื่อพ่อแม่ ประกันชีวิต ทุกรูปแบบ ประกันบ้าน ประกันรถที่แพงกว่า ผมเริ่มมานั่งคิดและว่าชักจะไม่คุ้ม เพราะ รถขับในไทย ผมขับรถ 5 กม.จากออฟฟิสกลับบ้าน ผ่านหน้าราม ผมโดนมอไซค์เฉี่ยว ทั้งท้ายรถ กระจก และชนตูดแบบไม่มีรอย ไปสามดอก รถติดหนึ่ง ชม. แต่ผมปั่นจักรยานช้าๆกลับบ้าน อุปกรณ์ป้องกันครบเท่าที่ทำได้พร้อมผ้ากรองอากาศนิดหน่อย ใช้เวลา 20 นาที ผมเปลี่ยนใจมามอง CX5 หรือ Focus แทนเพราะความปลอดภัยก็ไม่ต่างกันเกิน 30% แค่ไม่ได้ตัวตนที่เราอยากได้ แล้วก็ได้ลดรายจ่าย หลายๆอย่างกับเงินที่เราจะต้องเสียไปกับรถยนต์ ที่โอกาศเกิดอุบัติเหตุสูงในไทย ถนนก็แย่ ผมว่ามองรถที่ประกอบหรือผลิตในไทย แม้ศูนย์จะห่วยก็ยังมีศูนย์ดีกว่าไปหวังกับรถที่แทบไม่มีศูนย์ แต่ก็นั่นแหละครับ ถ้าเงินเหลือ ผมยอมเสีย 2.6 ล้านกับ GTI แน่นอน ;D
ความคิดก็คล้ายๆกันครับ CX-5ผมก็เคยมองๆไว้ครับ เสียดายเงินเหมือนกันครับที่หมดไปกับเบนซ์ ผมคงต้องกลับไปคิดให้มากๆแล้ว ขอบคุณนะครับที่มาตอบกระทู้

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
ปสก ส่วนตัวครับ  ซื้อ x3  2.7m รายได้ 150k

ผมว่าเงินเดือนระดับนี้ผ่อน สบายๆครับ

รถใหม่ๆ ไม่ค่อยจุกจิกหรอกครับ ฟีลลิ่งการขับก็ ต่างกันเยอะครับ

มักจะได้ ที่จอดดีๆ บ่อยๆด้วยนะครับ

 

X3 สวยดีครับ คันนี้ผมก็ชอบ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล

ออฟไลน์ PM_SW

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 289
  • Audi A4 B5
 ผมว่าเบนซ์ก็โอเคนะครับ มีเงินทั้งทีใช้รถยุโรปดีกว่าคับ ขับไปไหนก็ดูดีผมคิดว่าเบนซ์ก็ไม่ได้จุกจิกอะไร รถยุโรปเลือกแล้วไม่ผิดหวังคับ ผมเองแต่ก่อนก็ใช้รถญี่ปุ่นแต่พอซื้อมาใช้AUDIแล้วผมรักในคุณภาพของรถยุโรปเลยคับ  ;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 10, 2012, 21:31:04 โดย Poom A4 »

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
ต่างคนต่างความคิดนะครับ

ผมเอาไปลงทุนให้ได้กำไร แล้วเอากำไรส่วนนั้นมาซื้อรถ
รถราคา 2 ล้านกว่า ดอกเบี้ย 5 ปี เยอะนะครับ 6 หลัก แน่นอน นอกจาก ฟรีดอกเบี้ย

แต่ต้องศึกษาให้ดีก่อนลงทุน เพราะถ้าเสีย ก็ เสียเยอะเหมือนกัน

แต่ถ้าใจรักจริง ๆ จะซื้อ ระดับคุณ ผมว่าไม่เป็นปัญหาหรอกครับ
ครับผม ผมคงต้องศึกษาให้ดีจริงๆครับ ขอบคุณนะครับที่ตอบกระทู้

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
ผมว่าเบนซ์ก็โอเคนะครับ มีเงินทั้งทีใช้รถยุโรปดีกว่าคับ ขับไปไหนก็ดูดีผมคิดว่าเบนซ์ก็ไม่ได้จุกจิกอะไร รถยุโรปเลือกแล้วไม่ผิดหวังคับ ผมเองแต่ก่อนก็ใช้รถญี่ปุ่นแต่พอซื้อมาใช้AUDIแล้วผมรักในคุณภาพของรถยุโรปเลยคับ  ;D
ต่างกันมากไหมครับ คือผมไม่เคยมีรถยุโรปมาก่อน พอเค้าไปอ่านปัญหาในคลับMercedesmania คิดไม่ตกเลยครับ
แต่รถAudiในรูปสวยมากเลยครับ :o

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
รายได้ระดับนี้ทำไมกลัวจะไม่ไหวค่าซ่อมบำรุงล่ะครับ
 มันไม่ได้ต้องจ่ายกันทุกเดือน
แต่ถ้า จขกท. ไม่ได้ผ่อนอย่างอื่นด้วย ผมว่าเล่นตัว ELE,AV ดีกว่าไหม?
คงเอาแค่C200 std พอละครับ ได้เป็นเจ้าของถือว่าบุญแล้วครับ แต่เห็นพี่ที่รู้จักกัน ขับตัวAVมันสวยและดีจริงๆครับ ขอบคุณนะครับที่มาตอบกระทู้

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
1. เบนซ์ ไม่จุกจิกครับ ถือว่าน้อยมากแล้วในรถยุโรปครับ

2. ขับสบาย แรงและขับดีกว่า accord เยอะครับ เพียงแต่คันมันเล็กกว่าครับ

ผมใช้ c200 std navi ครับ ออกมาตั้งแต่ มกรา 55 นี้เองครับ  เข้าเช็ก 10000 กม.แรกไป 5000+ บาทครับ

ไม่มีอะไรน่ากังวลครับ ;D ;D ;D
ยินดีด้วยนะครับ ผมก็หวังจะได้ขับเหมือนกัน แต่คงต้องศึกษามากๆหน่อย ขอบคุณนะครับสำหรับข้อมูล

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
รถยุโรปขับดีกว่าญี่ปุ่นแน่นอนครับ ภาพลักษณ์เหนือกว่า และขายต่อมือสอง เบนซ์ก็ราคาดีสุดในกลุ่มระดับเดียวกันนะครับ

เบนซ์ก็วางใจได้ อาจจะต้องดูศูนย์ที่ชื่อเสียงดีหน่อย ประกัน3ปี แต่ส่วนมากจะเริ่มต้องซ่อมบางอย่างกันช่วงปีที่4-5ครับ

ค่าซ่อมค่อนข้างหนัก ก็แล้วแต่เคส แต่ส่วนมากซ่อมแล้วจบ ไม่ค่อยจุกจิก

ยิ่งC Classตัวนี้มันท้ายๆของอายุแล้ว ปัญหาน่าจะน้อยสุดแล้วครับ. รายได้ระดับ จขกท ไม่น่ามีปัญหาครับ

น่าจะลองดูC Classรุ่นที่อ๊อปชั่นมากกว่าSTD แล้วลองดูราคาผ่อนดูครับอาจจะมากกว่ากันนิดเดียว. 8)
ก็คิดว่ารุ่นท้ายๆน่าจะแก้ไขdefectมามากพอสมควร และจะลองไปดูOptionเทียบกับราคารถครับ ขอบคีณครับที่ตอบกระทู้

ออฟไลน์ tomtiam

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 59
เรื่องอะไหร่ก็ไม่ได้จุกจิกมากกว่ารถญี่ปุ่นมากเท่าไรหรอกครับ อีกอย่างมันก้ไม่ได้ซ่อมบ่อยหรือต้องเข้าศูนย์หรืออู่ทุกเดือนนิครับ

ถ้าจะออกรถออกตัวใหม่ดีกว่ามั้ยครับ เพราะตัวนี้ใกล็ตกรุ่นแล้วนะครับ อีกอย่างถ้าออกมีงบประมาณนี้น่าจะขยับไปเอาตัว ELE,AV ดีกว่า

ตัว C200 STD แทบไม่มีอะไรเลยนะครับ
อ๋อ คิดว่ารุ่นท้ายๆน่าจะไม่ค่อยมีปัญหา จึงคิดอยากได้รุ่นนี้นะครับ แต่ก็จริงๆครับรุ่นstdแทบไม่มีอะไรเลย
ขอบคุณครับที่ตอบกระทู้

ออฟไลน์ oonup

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 39
    • อีเมล์
เป็นแบบเดียวกันกับผมเลยครับ ตอนแรกออก Mazda 3 ตัว 2.0 ขับมา 4-5 ปี เพิ่งขายทิ้งไป (ขาดทุนเกือบ 50% ได้) แล้วเปลี่ยนมาใช้ตัว C200 STD + Command เมื่อ 5-6 เดือนที่แล้วครับ ที่ตัดสินใจซื้อ Benz (ตอนแรกเกือบจะเอาพวก Camry Hybrid/ Teana V6) เพราะ
1. อยากได้รถที่มีสมรรถนะ ระบบความปลอดภัยสูง
2. เครื่องยนต์ดีมีคุณภาพและประหยัดน้ำมัน (กว่า Mazda 3 2.0)
3. ราคาไม่แรงจนเกินไปนัก

อายุผมก้อไล่เลี่ยกับคุณเลยครับ รายได้ก็พอๆกัน ประมาณ 6 หลักต้นๆครับ สรุปหลังจากเปลี่ยนมา 6 เดือน
1. ความรู้สึกในการขับมัน ต่างกันมากถึงมากจริงๆครับ ผมไม่ได้หมายถึงตัวยี่ห้อนะ ผมหมายถึง การขับขี่ การควบคุม ความมั่นใจ และความสุขในการขับรถ
2. เหล็กของรถมันต่างกันจริงๆครับ แค่ประตู ลองไป เปิด/ปิด ประตู C200 STD แล้ว เปรียบเทียบความรู้สึกตอนเปิด/ปิด ประตู Mazda 3 หรือ รถญี่ปุ่นอื่นๆ ดูครับ
3. ค่าประกันชั้นหนึ่งซ่อมศูนย์ Benz อยู่ที่ราวๆ 39,XXX (รวม พรบ ครับ) ถือว่าไม่แพงนะครับ เทียบกับตอนออก Mazda 3 ใหม่ ผมก็จ่ายราวๆ 25,000 ได้ แถมถ้าขับดีปีต่อไปลดค่าประกันไป 15 - 20% ครับ
4. ค่าน้ำมันถูกกว่าตอนใช้ Mazda 3 เพราะ เติม E20 ได้ ขับทางไกลประหยัดมากๆ 13-14km/ltr สบายๆครับ แต่ถ้าในเมืองอาจจะต้องทำใจ ประมาณ 8-10km/ltr แต่มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนขับ Mazda 3 เท่าไหร่นัก
5. ค่าดูแลรักษา ตอนนี้ยังไม่ได้เสียค่าอะไรเพิ่มเติมนอกจากน้ำมัน แต่ตัวรถก็มีรับประกัน 3 ปี หลังจากนั้นก็ อู่นอกดีๆ ซ่อมเต็มไปหมดครับ ญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะไม่จุกจิก น้อง 3 ของผมก็เข้าอู่ทีหมดไปหลายหมื่นเหมือนกันครับ (ขนาดอู่นอกราคากันเอง)
6. ตัว EL/AV ตอนแรกก็ดูๆไว้ครับ แต่คิดว่าอุปกรณ์ที่เพิ่มเติมเข้ามา มันไม่ได้จำเป็น มันแค่อำนวยความสะดวกสะบาย ซึ่งผมยอมลำบาก เลื่อนที่นั่งเองเล็กน้อย, กระจบพับมือ จริงๆ ตัวนี้ พับกับไม่พับ มันไม่ได้ต่างกันเลยครับ ไฟหน้า Halogen ผมว่ามันอาจจะไม่สวย แต่ว่าทนและถูกกว่า Xenon ระยะยาวครับ (ที่สำคัญเห็นชัดกว่าด้วยตอนกลางคืน/ฝนตก) Sensor หลังไม่มี Mazda 3 ก็ไม่มียังขับมา 4 ปีไม่ชนได้ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ที่ทำให้เลือก C200 ยังอยู่ครบครับ ไม่ว่าจะเป็น 184 HP, Gear 7 Speed, ระบบ ESP, Turbo, อัตราเร่ง, Cruise Control แค่นี้แหละครับ ที่ผมต้องการจริงๆ
7. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ของ Mazda 3 อยู่ที่ราวๆ 3-4,000 ต่อครั้งครับ ส่วน C200 STD อยู่ที่ราวๆ 5,XXX ครับ ราคาต่างกัน 1,000 แต่ความมั่นใจ มันต่างกันเกิน 1,000 ครับ
8. ขอดีที่พบพิเศษคือ มี % หาที่จอดรถได้เร็วขึ้น เพราะ รปภ จะให้สิทธิ์พิเศษแก่รถตราดาวหรือยุโรปค่ายอื่นๆ

สรุปง่ายๆ ตอนนี้ ผม Happy ที่เปลี่ยนรถครับ แล้วถ้ากลับไปเลือกอีกครั้งได้ตอนนี้ ผมก็ยังยืนยันที่จะเลือกแบบเดิมครับ 2.1 ล้านไม่แพงเลยสำหรับคุณภาพที่รถคันนี้สามารถเสนอให้คุณ (ผมอาจจะมีอคติอยู่บ้าง + เห่อรถใหม่อยู่ โปรดอภัยครับ ^^") ถ้าอยากทราบอะไรเพิ่มเติมก็ถามได้นะครับ ขอบคุณมากครับ : )

ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,632
ถ้าไม่นับเรื่องซ่อมบำรุง รถยุโรป เหนือกว่า ญี่ปุ่น ทุกด้านจริงๆครับ
ใครได้ลองแล้ว เหมือนคนติดยาต้องเสพไปเรื่อยๆๆ  5 5 5

ออฟไลน์ PuM

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 144
    • iPum
    • อีเมล์
ถ้าอยากได้เบนซ์ เงินถึง ก็จัดไปเลยครับ อีกหน่อย แต่งงานมีครอบครัวแล้ว ภาระจะเยอะขึ้น อาจจะไม่ได้ซื้อ
เป็นผมจะเพิ่มค่างวด ผ่อน 3 ปีจบไปเลย เหลือๆครับ

ออฟไลน์ Action

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,667
สำหรับผม ไม่จำเป็นต้องออกรถหรูแบบเร่งด่วนครับ เอาแค่ D-Segment ก็พอแล้ว เอาไปอายุเยอะกว่านี้ก่อนค่อยหารถคันที่ 2 ไว้ขับเล่น

ตอนนั้นเงินทองท่าน จขกท. คงเหลือเฟือให้พอแก่การถลุงน้ำมันเล่นแล้วเป็นแน่แท้... แต่สำหรับตอนนี้ผมว่า camry hybrid ก็พอแก่เหตุแล้ว ;D
ถึงรถผมจะไม่แรง แต่ก็ยังแซงทุกคันไม่เว้น...
Honda Civic 3dr. '96
Chrysler Neo '98
BMW 320i '01
Honda Civic FD 2.0 '06 > Sold
Mazda BT-50 Pro '12

ออฟไลน์ MystogaN

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,476
ซื้อได้ครับ ตัวคนเดียว เดือนละ 15000 นี่ ไม่ถึง 20% ของเงินเดือนเลยคับ .... ใจถึง ก็ไปถึงครับ ;)

ออฟไลน์ justfineday

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 1
อยากให้รอ model change ค่ะ เพราะ c เริ่มจะปลาย model แล้ว ตัว standard ตัดออฟชั่นไปเยอะนะคะ 2014 ก็น่าจะเห็นตัวใหม่แล้ว หรืรอดู a class อาจจะเหมาะกับวัยรุ่นนะคะ ตอนนี้ก็เก็บเงินรอไปก่อน เผื่ิอรุ่นใหม่ออกจะได้ขยับขึ้นไปตัว el หรือ av แถมตอนนั้นรายได้คงเยอะขึ้นอีกด้วย อ่อ แล้วอาจจะต้องคิดเรื่องภาษีนิดนึงนะคะ ถ้าเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษี จะเข้าฐาน30% แล้ว สิ่งที่ตามมาคือจะเสียดายแล้วโหมลงทุนพวกลดหย่อน ทั้งประกัน ltf rmf ไปๆ มาๆ เงินจะหายไปลงตรงนั้นเยอะพอสมควรเลย

ยังไงขอให้มีความสุขกับรถใหม่ค่ะ




ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
เป็นแบบเดียวกันกับผมเลยครับ ตอนแรกออก Mazda 3 ตัว 2.0 ขับมา 4-5 ปี เพิ่งขายทิ้งไป (ขาดทุนเกือบ 50% ได้) แล้วเปลี่ยนมาใช้ตัว C200 STD + Command เมื่อ 5-6 เดือนที่แล้วครับ ที่ตัดสินใจซื้อ Benz (ตอนแรกเกือบจะเอาพวก Camry Hybrid/ Teana V6) เพราะ
1. อยากได้รถที่มีสมรรถนะ ระบบความปลอดภัยสูง
2. เครื่องยนต์ดีมีคุณภาพและประหยัดน้ำมัน (กว่า Mazda 3 2.0)
3. ราคาไม่แรงจนเกินไปนัก

อายุผมก้อไล่เลี่ยกับคุณเลยครับ รายได้ก็พอๆกัน ประมาณ 6 หลักต้นๆครับ สรุปหลังจากเปลี่ยนมา 6 เดือน
1. ความรู้สึกในการขับมัน ต่างกันมากถึงมากจริงๆครับ ผมไม่ได้หมายถึงตัวยี่ห้อนะ ผมหมายถึง การขับขี่ การควบคุม ความมั่นใจ และความสุขในการขับรถ
2. เหล็กของรถมันต่างกันจริงๆครับ แค่ประตู ลองไป เปิด/ปิด ประตู C200 STD แล้ว เปรียบเทียบความรู้สึกตอนเปิด/ปิด ประตู Mazda 3 หรือ รถญี่ปุ่นอื่นๆ ดูครับ
3. ค่าประกันชั้นหนึ่งซ่อมศูนย์ Benz อยู่ที่ราวๆ 39,XXX (รวม พรบ ครับ) ถือว่าไม่แพงนะครับ เทียบกับตอนออก Mazda 3 ใหม่ ผมก็จ่ายราวๆ 25,000 ได้ แถมถ้าขับดีปีต่อไปลดค่าประกันไป 15 - 20% ครับ
4. ค่าน้ำมันถูกกว่าตอนใช้ Mazda 3 เพราะ เติม E20 ได้ ขับทางไกลประหยัดมากๆ 13-14km/ltr สบายๆครับ แต่ถ้าในเมืองอาจจะต้องทำใจ ประมาณ 8-10km/ltr แต่มันก็ไม่ได้ต่างจากตอนขับ Mazda 3 เท่าไหร่นัก
5. ค่าดูแลรักษา ตอนนี้ยังไม่ได้เสียค่าอะไรเพิ่มเติมนอกจากน้ำมัน แต่ตัวรถก็มีรับประกัน 3 ปี หลังจากนั้นก็ อู่นอกดีๆ ซ่อมเต็มไปหมดครับ ญี่ปุ่นก็ใช่ว่าจะไม่จุกจิก น้อง 3 ของผมก็เข้าอู่ทีหมดไปหลายหมื่นเหมือนกันครับ (ขนาดอู่นอกราคากันเอง)
6. ตัว EL/AV ตอนแรกก็ดูๆไว้ครับ แต่คิดว่าอุปกรณ์ที่เพิ่มเติมเข้ามา มันไม่ได้จำเป็น มันแค่อำนวยความสะดวกสะบาย ซึ่งผมยอมลำบาก เลื่อนที่นั่งเองเล็กน้อย, กระจบพับมือ จริงๆ ตัวนี้ พับกับไม่พับ มันไม่ได้ต่างกันเลยครับ ไฟหน้า Halogen ผมว่ามันอาจจะไม่สวย แต่ว่าทนและถูกกว่า Xenon ระยะยาวครับ (ที่สำคัญเห็นชัดกว่าด้วยตอนกลางคืน/ฝนตก) Sensor หลังไม่มี Mazda 3 ก็ไม่มียังขับมา 4 ปีไม่ชนได้ แต่สิ่งที่สำคัญจริงๆ ที่ทำให้เลือก C200 ยังอยู่ครบครับ ไม่ว่าจะเป็น 184 HP, Gear 7 Speed, ระบบ ESP, Turbo, อัตราเร่ง, Cruise Control แค่นี้แหละครับ ที่ผมต้องการจริงๆ
7. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ของ Mazda 3 อยู่ที่ราวๆ 3-4,000 ต่อครั้งครับ ส่วน C200 STD อยู่ที่ราวๆ 5,XXX ครับ ราคาต่างกัน 1,000 แต่ความมั่นใจ มันต่างกันเกิน 1,000 ครับ
8. ขอดีที่พบพิเศษคือ มี % หาที่จอดรถได้เร็วขึ้น เพราะ รปภ จะให้สิทธิ์พิเศษแก่รถตราดาวหรือยุโรปค่ายอื่นๆ

สรุปง่ายๆ ตอนนี้ ผม Happy ที่เปลี่ยนรถครับ แล้วถ้ากลับไปเลือกอีกครั้งได้ตอนนี้ ผมก็ยังยืนยันที่จะเลือกแบบเดิมครับ 2.1 ล้านไม่แพงเลยสำหรับคุณภาพที่รถคันนี้สามารถเสนอให้คุณ (ผมอาจจะมีอคติอยู่บ้าง + เห่อรถใหม่อยู่ โปรดอภัยครับ ^^") ถ้าอยากทราบอะไรเพิ่มเติมก็ถามได้นะครับ ขอบคุณมากครับ : )


เห็นด้วยทั้งหมดครับ ผมเองก็ศีกษารุ่นนี้อยู่ ไม่ได้ดูเรื่องยี่ห้อมากนัก ผมชอบ bm มากกว่าอีก แต่รถยุโรป ราคานี้ หายากแล้วนะ โดยเฉพาะ benz ที่สำคัญ ผมกางดู spec แล้ว พวกความปลอดภัยอยู่ครบ แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว พวก option จุกจิก มาติดเพิ่มเองได้ ใช้ๆ ไปอาจจะไม่จำเป็นก็ได้  คำนวนแล้ว คุ้มมาก ที่สำคัญ อย่างที่ จขกท บอกครับ รุ่นสุดท้าย หากเล่นรถยุโรปจะรู้ มันแก้ไขมาหมดแล้วครับ ความจุกจิกจะน้อยลงไปตาม  เคยมีประสบการณ์ครับ
S3 - F30
X1 - E84