ผู้เขียน หัวข้อ: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า  (อ่าน 3527 ครั้ง)

ออฟไลน์ somrans

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 103
สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 17:21:56 »
4-5ปีข้างหน้ารถกระบะบ้านเราจะมีเครื่อง
เล็ฺกกว่า2.2ไหมครับ
ใจจริงผมอยากเห็นกระบะสักรุ่นเล็กเหมื่อนนิสสันNV
แต่เครื่องดีเซลแล้วก็ราคาไม่เกิน4แสน
คงมีคนสนใจไม่น้อย

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11,654
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 17:42:45 »
ดีเซลกระบะคงไม่ไปที่จุดๆนั้นง่ายๆครับมีแค่ VW ที่เอา 2.0 มาลงแต่ใช้งานจริงสู้พวกเครื่องใหญ่ไม่ต้องรีดแรงไม่ได้  พวกดีเซลรถบรรทุกมันต่างกับดีเซลรถนั่งโขเรื่องการใช้งานคนละขั้ว
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ Headman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,148
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 18:09:21 »
ตอนนี้มี TATA อะไรซักอย่าง เครื่อง 1.4 Turbo อ่ะครับ ออกมาจายแล้ว เห็นวิ่งเยอะแล้วเหมือนกัน
ช่างแอร์ที่รู้จักก็ใช้ เค้าบอกว่า คันเก่า BT50 ค่าน้ำมันเดือนล่ะ 6000 กว่า เปลี่ยนเป็น 1.4 Turbo เหลือแค่ 3000 ปลายๆ เองครับ
ทุกได้เยอะกว่า....
แต่ก็บอกมาเหมือนกันว่า Feel ความมันส์ในการขับ มันหายไปหมดเลย  ;D
เรารักจ่าโท :))))

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,059
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 27, 2013, 21:51:36 »
4-5ปีข้างหน้า BT50Pro, Ranger, Colorado, D-Max ยังอยู่เลยครับ เพราะงั้นก็เครื่องทุกวันนีแหละ ไม่ปรับแน่นอน
ถ้าจะมองต้องมองไปหลังกระบะ Gen นี้เลยครับ ซัก9ปี

ออฟไลน์ bojung

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 372
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 28, 2013, 11:36:54 »
ผมว่าน่าจะยังไม่มีนะครับสำหรับตลาดรถกระบะ น่าจะมีแต่เพิ่มความแรงเครื่องและพัฒนาให้เครื่องยนต์ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นแทน

ออฟไลน์ KIM NNC

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 273
    • อีเมล์
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มกราคม 28, 2013, 12:11:37 »
ผมว่าพวกรถกระบะเล็กๆอย่าง Nissan NV หรือ Mazda Familia มันคงไม่หวนกลับคืนมาแล้วครับ

ทุกวันนี้แข่งกันว่าใครจะใหญ่กว่าแรงกว่าได้มากกว่ากัน ส่วนเรื่องประหยัดก็อยู่ที่เท้าขวาคนขับทั้งนั้น

ออฟไลน์ Joe NG

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 308
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มกราคม 28, 2013, 12:26:58 »
น่าจะลงมายืนที่ 2.5 เป็นหลัก แล้วค่อยไปเล่นกับอากาศและน้ำมันครับ

ส่วนคันเล็กเครื่องเล็ก  สงสัยจะยาก  ถ้าจะรอดูจากค่ายญี่ปุ่น 

kukonba

  • บุคคลทั่วไป
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: มกราคม 28, 2013, 13:46:42 »
ปัจจุบันบริษัทแข่งกันออกตัวรถที่ใหญ่ขึ้น เช่น BT50  - Ranger - ISUZU ALL NEW  รูปร่าง เครื่องยนต์ก็ต้องใหญ่แรงม้าสูง อีกหน่อยเผลอๆ จะมีแต่ 3.0 และ 3.2 เรื่องที่จะเล็กลงทั้งเครื่องยนต์และตัวถังคงไม่มีแล้ว

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 20,771
  • *** HLM.COM ***
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: มกราคม 28, 2013, 18:41:04 »
ทำไมกระบะไม่ทำเครื่องเล็กๆบ้างครับ


ออฟไลน์ ghia

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 346
  • the power of bear
    • อีเมล์
Re: สงใสจังครับต่อไป4-5ปีข้างหน้า
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: มกราคม 29, 2013, 11:20:20 »
ผมว่าต่อไปตลาดรถกระบะบ้านเราจะเกิดการแบ่งแยกอย่างชัดเจน

รถตอนเดียว

รถตอนครึ่ง

รถดับเบิลแค็บ


รถตอนเดียวจะเบียงเบนไปสู่ตัวถังหัวตัด พวก ซูซูกิ แครี่, ทาทา ซูเปอร์เอซ

เน้นใช้ในเมืองเพื่อส่งของ เครื่องยนต์ไม่ต้องใหญ่มาก เน้นกำลังช่วงต้น ตัวถังไม่ใหญ่ แต่พื้นที่บรรทุกมากขึ้นกว่ารถตอนเดียวในปัจจุบัน

ถ้าใช้วิ่งส่งของทางไกลที่เกินกว่า 200 km./วัน ก็ต้องไปหาซ์้อพวก 4ล้อเล็กน่าจะคุ้มกว่า


รถกระบะตอนครึ่ง คาดว่าต่อไปตลาดนี้จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ เนื่องจากถนนเมืองไทยดีขึ้น และในตลาดมีรถที่มีราคาไกล้เคียงกับกระบะแนวนี้มากขึ้น

ไม่ว่าจะเป็น B-segment แจ็ส ซิตี้ วีออส มาสด้า2 เฟียสต้า หรือพวกที่ราคาถูกกว่าอย่าง อีโค่คาร์ สวิฟท์ มิราจ บริโอ้ มาร์ช

ขนาดในห้องโดยสารแถวหน้าหนีกันไม่เท่าไหร่ แถมมีที่นั่งหลังได้สบายกว่าแค็บ ทำให้คนมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น

เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขาย รถในกลุ่มนี้ต้องพยายามหาจุดขายใหม่ให้กับตัวเอง ไม่ว่าความประหยัด อรรถประโยชน์ ขนาดตัวถัง


กระบะดับเบิลแค็บ คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มมากขึ้น

เนื่องจากคนยังมีอาการกลัวภาวะน้ำท่วมอยู่ และส่วนหนึ่งราคากับออพชั่นในรถกลุ่มนี้เริ่มทัดเทียมกับรถกลุ่ม C-segment

ในช่วงหลังคนเริ่มมีกิจกรมกลางแจ้งมากขึ้น แทนที่เมื่อก่อน ส.-อา. จะเข้าห้าง เดินเล่น ก็เริ่มเปลี่ยนไปอกกำลังกาย ขี่จักรยาน ไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ

หลังจากนี้ถ้า AEC เปิดอย่างเต็มที่และการเข้าออกระหว่างประเทศในกลุ่มง่ายขึ้น

เราจะเริ่มเห็นคาราวานไปเที่ยว หลวงพระบาง ย่างกุ้ง เสียมเรียบ ฮอยอัน กันอย่างคึกคักมากขึ้น ทำให้รถในกลุ่ม "4ประตูยกสูง" ขายดีขึ้น

ดีไม่ดีอาจจะมีไปถึง แคชเมียร์ หรือ ฮาบิน กันเลยทีเดียว


ส่วนเรื่องขนาดของเครื่องยนต์ก็ต้องเตรียมรับกับภาษีสรรพสารมิตใหม่ ซึ่ีงถ้าสามารถมีกระบอกสูบที่ใหญ่แต่ประหยัดและปล่อยมลพิษได้น้อยลง ก็ไม่ต้องกลัวอะไร

ตัวอย่างง่ายๆ BT-50 pro ตัวปัจจุบัน รถ 4ประตูยกสูงเหมือนกัน เกียร์ออโต้เหมือนกัน ขับเหมือนกัน คันหนึ่ง เครื่อง 2.2ขับเคลือนสองล้อ กับอีกคันหนึ่ง 3.2มีระบบขับสี่หน่วงด้วย

คนใช้งานยังบอกว่ากินพอๆกัน ถ้าขับในเมือง 2.2 จะประหยัดกว่าหน่อย แต่ถ้าวิ่งทางไกล 130 - 140 กม./ชม. 3.2 ประหยัดกว่าหน่อย


แต่อย่างไรเครื่องรถกระบะบ้านเราก็ไม่ใหญาไปกว่า 3250 ซีซี แน่นอนไม่อย่างนั้นจ่ายภาษีกันอานเลย


เมื่อก่อนตอน วีโก้ ออกมาใหม่ 3.0 ลิตร VN - turbo 163 แรงม้า

เร็วๆนี้แถวๆเซ็นทรัลลาดพร้าวกำลังจะมี 2.5 ลิตร 163 แรงม้าเหมือนกัน

เวลาผ่านไป 8 ปี ยังมีเรื่องแบบนี้เลยครับ


โลกมันหมุนทุกวัน ก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงทุกวันแหละครับ
???????????? ??????????? ????????????????? ????????????????????? ??????????????????? ???????????????? ?????????????????????? ???????????????????? ???????????????? ???????????????? ????????????????? ??????????????????