ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?  (อ่าน 13126 ครั้ง)

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
ไม่แน่ใจว่าเครื่อง civic hb ใช่ตัวเดียวกับ cr-z ไหม เพราะในเวปฮอนด้าไม่ยอมลงรหัสเครื่องไว้ แต่ลองเปิดเทียบสเปคกัน มอเตอร์ civic แรงแยอะกว่า cr-z แล้วกำลังอัดของเครื่องแยอะกว่า แค่ประมาณ 0.1 แต่โดยรวมน่าจะพื้นฐานเดียวกัน เพราะถ้าใช่ ตัวนี้น่าจะเป็นบล๊อค L จูนได้แยอะกว่าบล๊อค R เพราะบล๊อค R ทำเครื่องมาพิศดารเหลือเกิน ท่อรวมเฮดเดอร์ แปลกกว่าชาวบ้าน หันหน้าเอาไอดีเข้า ไอเสียออก กรองต้องมุดไปอยู่หลังเครื่อง ปีกผีเสื้อเปิดไม่สุด เวลาเร่งเต็ม ลองหาดูทั้งญี่ปุ่นกับอเมริกาโมบล๊อคนี้ไม่ขึ้น ไม่เหมือนบล๊อต k ที่เป็น dohc ที่ของเล่นแยอะกว่าหลายเท่า

แต่กับ civic hb อ้างอิงจาก cr-z และ fit (jazz)นอกจากสเตปเริ่มต้นทั่วไปที่ของแต่งแยอะแยะ สามารถเอาแคมซาฟของ ฟิต rs มาใส่ทำให้จี้ดขึ้นได้อีก ถ้ายังไม่พอใจยังมี ชุดคิตซุป ใส่เพิ่มได้อีก ทีนี้ปัญหาจะอยู่ที่เกียร์ ถ้ารับไม่ไหวอาจต้องหาเกียร์ธรรมดามาลง

สรุปคือถ้าเล่น civic hb จะโมเครื่องได้แยอะกว่าตัวธรรมดาใช่ไหมครับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 19:30:15 »
เครื่อง R ขุนแบบ NA ไม่ค่อยขึ้นเท่า K หลักๆคือเฮดเดอร์มันหล่อรวมเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อสูบ
ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดไม่สุด อันนี้คอนเฟิร์ม แต่ต้องเป็นคันเร่งเต็มช่วงรอบเกิน 5,000 มันจะเปิดแค่
70% เท่านั้น

แต่พูดถึงคำว่าโมขึ้น ขึ้นเท่าไหร่? และเหนือกว่าคำว่าเท่าไหร่คือ เท่าไหร่พอ?

แน่นอนว่าเครื่อง B และ K ยังไงก็เป็นจ้าวแห่งเครื่องทวินแค็มที่โมกันสนุก เพราะระบบไฟไม่ซับซ้อน
Layout สวย ในกรณีของ K ยังฝาสูบสวยอีกด้วย แต่ R-Series ก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย
ยิ่งถ้าบอกว่าเล่นกันที่ระบบอัดอากาศได้แล้วยิ่งสนุก R20 ใน Accord อัดอากาศ 0.9 บาร์
ได้ม้าลงพื้น 282 ตัว ไส้ในเดิม ..เท่ากับว่าใช้งบประมาณ 100,000บาทบวกลบในการทำม้า
ด้วยเทอร์โบลักษณะนี้..ทีนี้ เครื่อง 1.5 Hybrid อยากได้ 282 ตัวลงพื้น ใช้งบเท่าไหร่?
สงสัยคงต้องมีรื้อไส้ใน..เพราะถ้าไส้ในทนเท่า L15A.. มันจะทนได้ราว 230 ม้าลงพื้น

ส่วน R18 ได้ม้าน้อยกว่า แต่ก็ยังมีตั้งแต่ 160 ไปจนถึง 240 ม้าลงพื้น แล้วแต่ชนิดของ
เทอร์โบกับบูสท์ที่เจ้าของกล้าใช้

โดยส่วนตัวผมคิดว่าพลัง 1.5 ใน CR-Z ได้เปรียบตรงที่สามารถหาเกียร์ 6 จังหวะมาลงได้
แต่ถ้ามองความเป็นไปได้และการคุมงบประมาณในการทำ ผมอาจจะเลือก Civic 1.8S M/T
มาทำแต่แรกแล้วจบเร็วกว่า
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 20:27:51 »
เครื่อง R ขุนแบบ NA ไม่ค่อยขึ้นเท่า K หลักๆคือเฮดเดอร์มันหล่อรวมเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อสูบ
ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดไม่สุด อันนี้คอนเฟิร์ม แต่ต้องเป็นคันเร่งเต็มช่วงรอบเกิน 5,000 มันจะเปิดแค่
70% เท่านั้น

แต่พูดถึงคำว่าโมขึ้น ขึ้นเท่าไหร่? และเหนือกว่าคำว่าเท่าไหร่คือ เท่าไหร่พอ?

แน่นอนว่าเครื่อง B และ K ยังไงก็เป็นจ้าวแห่งเครื่องทวินแค็มที่โมกันสนุก เพราะระบบไฟไม่ซับซ้อน
Layout สวย ในกรณีของ K ยังฝาสูบสวยอีกด้วย แต่ R-Series ก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย
ยิ่งถ้าบอกว่าเล่นกันที่ระบบอัดอากาศได้แล้วยิ่งสนุก R20 ใน Accord อัดอากาศ 0.9 บาร์
ได้ม้าลงพื้น 282 ตัว ไส้ในเดิม ..เท่ากับว่าใช้งบประมาณ 100,000บาทบวกลบในการทำม้า
ด้วยเทอร์โบลักษณะนี้..ทีนี้ เครื่อง 1.5 Hybrid อยากได้ 282 ตัวลงพื้น ใช้งบเท่าไหร่?
สงสัยคงต้องมีรื้อไส้ใน..เพราะถ้าไส้ในทนเท่า L15A.. มันจะทนได้ราว 230 ม้าลงพื้น

ส่วน R18 ได้ม้าน้อยกว่า แต่ก็ยังมีตั้งแต่ 160 ไปจนถึง 240 ม้าลงพื้น แล้วแต่ชนิดของ
เทอร์โบกับบูสท์ที่เจ้าของกล้าใช้

โดยส่วนตัวผมคิดว่าพลัง 1.5 ใน CR-Z ได้เปรียบตรงที่สามารถหาเกียร์ 6 จังหวะมาลงได้
แต่ถ้ามองความเป็นไปได้และการคุมงบประมาณในการทำ ผมอาจจะเลือก Civic 1.8S M/T
มาทำแต่แรกแล้วจบเร็วกว่า

ตาแพนแกตัวจริงครับ

ได้ความรู้เพิ่มเลย  :D :D :D

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 21:17:12 »
ไม่ถึงกับตัวจริงอะไรหรอกครับ ที่พิมพ์ไปความรู้จากเพื่อนผมป้อนมาให้ล้วนๆครับ
ผมไม่มีความรู้หรือเครื่องมืออะไรเจ๋งๆ เลยอาศัยดูดความรู้เพื่อนมาปล่อยในนี้เอา 55

แต่พวก R18 Turbo, R20 Turbo นี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ จูนดีๆมันวิ่งดีเลย
ขนาด R18 เกียร์ออโต้พ่วงเทอร์โบ ไปลองวิ่งควอเตอร์ไมล์กับ FD Type R เดิมๆ
วิ่งไปแล้ว ไม่ชนะ แต่คนขับ Type R มีเสียวนะ เพราะวิ่งตามมาติดๆตอนเข้าเส้น

หรือพวก L15 ล็อตหลังที่ท่อร่วมหล่อรวมเสื้อ ตอนแรกก็บอกกันว่าทำแล้วไม่วิ่ง
หรือวิ่งสู้ L15 รุ่นแรกไม่ได้ ไหงออกมาบนไดโน่ได้ม้ามากกว่าอยู่ดี ไปสนามครั้งล่าสุด
เห็น L15 + E85+ท่อ+กล่อง วิ่งกัน 15.5-15.7 วินาที...มันไม่วิ่งตรงไหนวะเนี่ย
สมัยผมวัยรุ่น D15B VTEC 130 แรงม้าที่แรงๆ ทำฝาแล้วทำกล่องแล้วของพี่หนู
Zero Start วิ่ง 15.3 วิ ...ส่วนคันอื่นที่เห็นวิ่งมีตั้งแต่ 15.7-16.2 วิ...แต่โอเค
ตรงนี้เราอาจจะมองว่า D15B ม้าเริ่มต้นมาเยอะกว่า L15 ใหม่ๆ แต่อัตราทด D15B
มันก็ยาวโฮก..อาจจะแพ้เพราะเรื่องนี้
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ crucifixzz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 960
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 21:22:44 »
เครื่อง R ขุนแบบ NA ไม่ค่อยขึ้นเท่า K หลักๆคือเฮดเดอร์มันหล่อรวมเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อสูบ
ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดไม่สุด อันนี้คอนเฟิร์ม แต่ต้องเป็นคันเร่งเต็มช่วงรอบเกิน 5,000 มันจะเปิดแค่
70% เท่านั้น

แต่พูดถึงคำว่าโมขึ้น ขึ้นเท่าไหร่? และเหนือกว่าคำว่าเท่าไหร่คือ เท่าไหร่พอ?

แน่นอนว่าเครื่อง B และ K ยังไงก็เป็นจ้าวแห่งเครื่องทวินแค็มที่โมกันสนุก เพราะระบบไฟไม่ซับซ้อน
Layout สวย ในกรณีของ K ยังฝาสูบสวยอีกด้วย แต่ R-Series ก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย
ยิ่งถ้าบอกว่าเล่นกันที่ระบบอัดอากาศได้แล้วยิ่งสนุก R20 ใน Accord อัดอากาศ 0.9 บาร์
ได้ม้าลงพื้น 282 ตัว ไส้ในเดิม ..เท่ากับว่าใช้งบประมาณ 100,000บาทบวกลบในการทำม้า
ด้วยเทอร์โบลักษณะนี้..ทีนี้ เครื่อง 1.5 Hybrid อยากได้ 282 ตัวลงพื้น ใช้งบเท่าไหร่?
สงสัยคงต้องมีรื้อไส้ใน..เพราะถ้าไส้ในทนเท่า L15A.. มันจะทนได้ราว 230 ม้าลงพื้น

ส่วน R18 ได้ม้าน้อยกว่า แต่ก็ยังมีตั้งแต่ 160 ไปจนถึง 240 ม้าลงพื้น แล้วแต่ชนิดของ
เทอร์โบกับบูสท์ที่เจ้าของกล้าใช้

โดยส่วนตัวผมคิดว่าพลัง 1.5 ใน CR-Z ได้เปรียบตรงที่สามารถหาเกียร์ 6 จังหวะมาลงได้
แต่ถ้ามองความเป็นไปได้และการคุมงบประมาณในการทำ ผมอาจจะเลือก Civic 1.8S M/T
มาทำแต่แรกแล้วจบเร็วกว่า
เกียร์ฮอนด้าทนได้ขนาดไหนเหรอครับพี่แพน ม้า 280 ตัว ต้องทำอะไรกับเกียร์เพิ่มรึเปล่าครับ

ออฟไลน์ Lertvarit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,212
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 23:03:50 »
ให้ตายสิ อ่านแล้วอยากเอา FD ไปทำบ้าง

ปกติแล้วเอาเครื่องไปโม ในเทอร์โบ เครื่องจะทนน้อยลงไหม ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษไหมครับ
FD 1.8 + ACV40 Hybrid + E90 LCI 320d sport 
And My new stuff  E60 LCI 520D sport

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2013, 00:10:16 »
ให้ตายสิ อ่านแล้วอยากเอา FD ไปทำบ้าง

ปกติแล้วเอาเครื่องไปโม ในเทอร์โบ เครื่องจะทนน้อยลงไหม ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษไหมครับ

ลูกสูบ และ เสื้อสูบ ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับกับแรงอัดที่มากขึ้น ถ้าบูสอ่อนๆคงไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ดูแลเรื่องระบายความร้อนที่เพิ่มขึ้นมาอย่างเดียวก็พอ
อย่างมากอายุเครื่องก็สั้นลง ได้จากวิ่งได้  500k อาจวิ่งได้ซัก 300k ยังไงเราไม่ได้ใช้หนักขนาดนั้นไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่ ไม่ได้เหยียบมิดทุกวัน

อย่างน้อยเครื่องก็ทนกว่าที่อ่านกระทู้เจอนานมาละ ในนี้แหละ เล่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที 30000 กิโล จะเป็นลม สงสารคนซื้อมือ2ไปใช้ต่อ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,179
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2013, 08:12:33 »
ถ้าบล๊อค R ตัว 1.8 สเตป N/A ใน FB
อยากขยับให้แรงเท่าตัว 2.0 ทำได้มั้ยครับ??
(ออโต้)

เอาแค่ขับสนุกๆ ใน FB 1.8 (ขอม้าเพิ่มซัก 5-6%) จะเป็นไปได้มั้ย
ในเกียรออโต้ ไส้ในเดิมๆ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2013, 12:52:32 »
1. เรื่องเกียร์ Honda ทนแค่ไหน
อันนี้เท่าที่ถามรุ่นน้องผม คุณ Ake Engine บอกว่าถ้า Step พื้นๆบวกกับการขับที่ไม่ทารุณเกียร์
มันมักจะไม่เป็นไร ซึ่งอันนี้ผมค่อนข้างเชื่อนะ เพราะอย่าง Jazz GE กระปุก ถ้าแรงบิดอยู่ภายใต้
250Nm ลงพื้นนี่ยังไม่เคยเห็นเป็นอะไร แต่ Jazz GD ที่โมหนักไปกว่านั้น เกียร์สามจู่ๆเข้าไม่ได้
..อันนี้คือรถของช่างเอกเอง ไปสนามที่ไรชอบเกียร์สามพังรอบซ้อมทุกทีไป เรื่องเกียร์ Honda นี่
ขนาดช่างเอกที่เป็นแฟนHonda ก็ยังบอกว่าดีไซน์ภายในเกียร์มันไม่ค่อยดี การเอาน้ำมันไป
ระบายความร้อนชุดเฟืองในเกียร์ท้ายๆไม่ดี และเกียร์ 3 ซิงโครเมชก็ชอบเดี้ยง

ถ้าไม่ต้องการโมดิฟายเกียร์ก็มีวิธีคืออย่า Rush-shift เข้าเกียร์แรงๆปล่อยคลัตช์กระชากปัง
ฟังดูปัญญาอ่อนนะ ทำรถแรงมาแล้วมาเข้าเกียร์ช้าๆทำไมกัน..แต่ผมพบว่าคนที่ขับเก่งๆ
เขาแนะนำวิธีเข้าเกียร์ เขาก็จะบอกว่าเข้าไวมากรถอาจวิ่งเร็ว แต่ถ้าพังก็ไร้ประโยชน์ รถที่วิ่งช้า
ยังมีประโยชน์มากกว่ารถที่พังครับ ผมเองก็เข้าเกียร์โดยคิดว่าเร็วที่สุดคือดีที่สุด แต่ตอนหลัง
ก็พยายามจับจังหวะว่าทำยังไงที่ให้ระบบส่งกำลังมันทรมานน้อย แต่ไม่เสียเวลาวิ่งมากเกินไปนัก


2. เครื่องเทอร์โบจะทนแค่ไหน ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษบ้าง

- ผมบอกง่ายๆครับ ทนน้อยลงแน่ จุดดูแลเพิ่มขึ้นแน่
ทนน้อยลง..เพราะอะไร ความร้อนในการทำงานสูงขึ้นมากครับ ผมลองกับรถตัวเอง
ก่อนลงและหลังลงเทอร์โบ โดยใช้อุปกรณ์หม้อน้ำกับพัดลมเดิมๆ ผลที่สังเกตได้คือ
เครื่องจะมีความร้อนเพิ่มขึ้นสูงได้ง่าย ก่อนลงโบนั้น Tiida ผมจะไม่ค่อยพึ่งพาพัดลม Step
แรง แต่หลังลงโบปุ๊บ พัดลม Step แรงทำงานบ่อยและนานขึ้นแบบไม่ต้องใช้ Water Temp meter
บอกก็รู้ได้ ตรงนี้แก้ได้คือปรับเปลี่ยนการทำงานของพัดลม หรือขยายหม้อน้ำให้โตขึ้น
ผมไม่อยากดัดแปลงรถมาก จึงไปยุ่งแค่วงจรของพัดลม ให้คุณเอก นิรันดร์ชัย (คนละเอกกับเอก Engine)
เพื่อนผมที่เก่งเรื่องไฟฟ้าแกทำให้ เปลี่ยนให้พัดลมสปีดเบาทำงานตลอดเวลา (ถ้ามีรอบเครื่อง
ก็จะทำงาน แต่บิด on เฉยๆไม่ทำ) และพัดลมสปีดแรงทำงานตามหน้าที่ของมันตามปกติ
ผลก็คือความร้อนที่แตะ 100 เป็นประจำ ลดลงมาเหลือ 92 และไม่เคยเกิน 95 เลยตั้งแต่ทำมา

โอเค พัดลมเดี้ยงไวแน่นอน แต่ผมคิดง่ายๆ มอเตอร์พัดลมตัวละเท่าไหร่? ถ้ากลัวมันเดี้ยงกลางทาง
คุณก็จับมันเปลี่ยนมอเตอร์ใหม่เลย แล้วเอามอเตอร์เก่าเก็บสำรองไว้ในรถ ทีนี้ถ้าเสียก็จับถอดใส่
ผมว่าใน 100,000 กิโลคุณคงมีการซื้อมอเตอร์ใหม่แค่ครั้งเดียว แต่เครื่องอยู่ในอุณหภูมิทำงาน
ที่ดีไปตลอดอายุ คุ้มกว่าไหม

ในเคสหนักๆเช่น Civic ES 1.7 เทอร์โบของคุณจอร์จเพื่อนผมอีกคน ขานั้นยัดบูสท์ 0.89บาร์
ม้าจากเดิมลงพื้น 120 เปลี่ยนไปเป็น 248 ตัว เขาใช้วิธีสั่งพัดลมทำงานตลอด และเปลี่ยนหม้อน้ำ
ใบโต ผลคือ Water Temp แทบจะ 85 ตลอดแม้ตอนซัด

นอกจากเรื่องการระบายความร้อนแล้ว สิ่งที่สำคัญคือพวกประเก็นฝาสูบที่ต้องรับแรงอัดอยู่ตลอด
แหวนกำลังอัดที่รับเช่นกัน พวกนี้ไปไวกว่าปกติแน่นอนครับ ทำใจ อยากแรงก็ต้องยอมควักมากกว่า
แต่เพื่อนผมมันมองว่า มันลงงบไปแสนนึงกับเครื่อง D17 รวมเป็นแสนสาม ราคานี้ยังถูกกว่า
การวางเครื่อง K20ฝาแดงมาก ถึงอัดจนพัง ยกเครื่อง D17 ออก หามาใส่ใหม่อีกสองรอบ
ก็ยังถูกกว่าการแปลง ES D17 ให้วาง K20 ฝาแดงได้ อันนี้แล้วแต่คนมองนะ แต่มันก็บอก..ว่า
ถ้าต้องทำรถลงสนามแข่งที่วิ่งเป็นเวลานานๆ มันก็คงถือหางเครื่อง NA อยู่ดี เพราะความทน
ภาระความร้อน และความง่ายในการคุมคันเร่ง

แล้วต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษบ้าง...
น้ำมันเครื่อง..ห้ามอู้ครับ ใช้น้ำมันดีๆ อย่าเหนียว ทำเครื่องเป็นแสน ใช้น้ำมันเจ็ดร้อยบาท
อันนี้เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายครับ ครบระยะปุ๊บจับเปลี่ยน

ท่อน้ำเข้าออกเทอร์โบ บางทีมันชอบรั่ว ต้องคอยเช็ค ไม่งั้นกินข้าวลิงครับ

ท่ออินเตอร์ ของผมมีหลุดไปสามรอบ บางทีท่ออินเตอร์มันหลุดในจุดที่เราเอื้อมมือไป
ไม่ถึงด้วยเนี่ยสิครับ ต้องดูแลคอยขันให้แน่นเสมอ

แล้วอีกอย่างคือพวกรถมีแอร์โฟลว์มิเตอร์..รถเทอร์โบบางคันไอน้ำมันเครื่องมันเยอะมาก
บางทีมันย้อนมาจับคราบอยู่ตรงแอร์โฟลว์ อันนี้ไม่ดีแล้ว เพราะแอร์โฟลว์ส่งค่าเพี้ยน
ECU จ่ายน้ำมันน้อยกว่าที่ควรจะได้ น้ำมันบางเกินในเครื่องเทอร์โบ เป็นอัปมงคลครับ

ผมทำ Tiida ผมใน concept Home Use ใช้งานง่าย ไม่จุกจิกก็จริง แต่ขอบอกเลยครับ
ว่าการดูแลรักษา ความง่าย ความสบายใจในการใช้แบบทิ้งๆขว้างๆแบบรถเดิมโรงงาน
มันหายไปพอสมควรเลย



3. เรื่องบล็อค R ตัว R18 N/A ถ้าอยากแรงเท่า 2.0 เอาแบบสูสีดูดี๋
มันก็พอได้ครับ จากที่เพื่อนผมจูนมา พวก R18 จะเรียกแรงเพิ่มได้ประมาณ 5-8%
โดยใช้น้ำมัน E10 ถ้าอยากได้แรงมากกว่านั้น ก็เอา R18 เติม E85 แล้วจูนกล่อง
ให้เหมาะที่สุดกับ E85 ไปเลย คราวนี้แรงม้าลงพื้นอาจจะเท่ากันกับ 2.0 เติม E10เดิมๆไปเลยก็ได้

แต่ความสะดวกในการใช้งานจะน้อยลง เพราะ E85 ไม่ได้หาง่ายนัก วิธีที่ช่วยได้คือ
สร้าง Map จูนไว้สองชุด เมื่อหา E85 ไม่ได้ก็สับสวิตช์ไป Map E10 รู้สึกว่าวิธีนี้
F-Con S/SZ/IS จะทำได้ แต่ต้องโยกสวิทช์ที่กล่องให้ถูก ตามที่จูนเนอร์บอกไว้
ส่วน Unichip ไม่มีสวิทช์ที่กล่อง ต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อลูกบิดปรับ Map
แต่ข้อดีคือขับๆอยู่คุณนึกอยากเปลี่ยนไป Map ไหนก็หมุนเอาได้เลย

แต่ทำใจอย่างว่าเครื่อง R ถ้าไม่มีเทอร์โบ การเรียกม้าแต่ละตัวมันลุ้นมาก
R18 นี่เรียกได้ 10 ตัวก็เฮลั่นไดโน่แล้ว ในขณะที่ K20 ฝาแดง แค่ถอดกล่องกรอง
ใส่กรองเปลือยตำแหน่งดีๆ มาแล้ว 12 ตัว จูนกล่องปุ๊บ มาอีก 15 ตัว




- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ YF-19

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 974
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2013, 22:25:45 »
เคยคิด โปรเจคต์  CRZ + supercharger เหมือนกันครับ

แต่มันต้องทำเยอะ หมดประกัน ผมเลยไม่กล้าเสี่ยง ตอนแรกกะทำของ HKS เพราะเป็นชุดสำเร็จจากญี่ปุ่น

แต่พอไปดูคลิป ที่ maxtv เทสไว้ พี่วัวmad cow เอาไปวิ่งรอบสนาม ขนาด CR-Z super charger + limited slip ทำเต็มทั้งคัน+เกียร์ manual

ยังวิ่งช้ากว่า Scirocco เดิมๆ ตั้ง 4 วินาที แล้ว Scirocco ช่วงล่างเดิมเอาอยู่ยัน APR stage 3 ว่ากันที่ 300+ ม้าลงพื้น 4.5+ วินาที 0-100

ทำให้ผมคิดนะ ทำเต็มก็สู้ไม่ได้ ทำไม่เต็ม ก็โดน Scirocco เดิมๆสวน แถมยังต้องทำช่วงล่างใหม่ เพราะ CR-Z มันนิ่มเกิน

สรุปแล้วถ้าอยากแรงให้สุด คงไม่ตอบโจทย์ครับ รถไม่เหนียวเท่ารถโรงงานแน่นอน แต่ถ้าชอบในฟีลลิ่ง HONDA ก็เล่นเลยครับ ยังไงก็สนุก

แต่ถ้ารักสนุก ไม่ต้องลงแรงมาก ลงทุนหนเดียว จัด Scirocco ไปเลยก็ดีครับ ไม่เสียใจภายหลังแน่นอน ;D ;D ;D

อีกนิดๆ เกียร์ manual CRZ ผมไม่เคยจับแฮะ แต่คุณแพนเคยบอกไว้ว่ามันเหมือน CIVIC dimension ซึ่งที่บ้านผมมีคันนึง สัมผัสมันไม่ work แฮะ

แต่ของ Subaru BRZ นี่ สุดว่ะครับ short shift ระยะคันเกียร์สั้นมาก ไปโยกเล่นในงาน มอเตอร์โชว์แล้ว ประทับใจ แบบนี้ขับในกรุงเทพก็ไม่กลัวครับ

ต่ออีกนิดๆ  เครื่อง CIVIC HB เครื่องเดียวกับ CRZ จริงครับ แต่มอเตอร์ไฟฟ้าคนละตัว ระบบการทำงานก็ค่อนข้างคล้าย Prius มาก ไม่ได้ใช้ motor เสริมแรงอย่างเดียวเหมือน CRZ

ผมกังวลว่ามันจะ ทำต่อได้ยากนะครับ หาข้อมูลของระบบ hybrid รุ่นนี้ดีๆก่อนครับ 

เพราะจริงๆแล้ว ถ้า CT200 จูน ต่อได้ง่าย ผมจัดมาขับเล่นไปแล้วครับ ขับแล้วชอบกว่า Scirocco อีก แต่เครื่องมันตัน ทำต่อไม่ได้(ยกเว้นในญี่ปุ่น) สุดท้ายก็ยอมครับ Scirocco จบทุกอย่าง จ่ายน้อยสุดครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 20, 2013, 22:36:07 โดย YF-19 »
รีวิว "VW scirocco" กำลังจะมาครับ ขอเวลาอีกนิด

รีวิว "Hyundai coupe" ของผมเอง ติชมได้ตลอดครับ
http://www.headlightmag.com/webboard/index.php?topic=3731.0

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
Re: เครื่อง Civic HB ทำได้แยอะกว่า เครื่องรุ่นธรรมดา ?
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2013, 00:43:54 »
โฮ่ย คันเกียร์ CR-Z ไม่ดีเท่า BRZแน่นอน แต่ถ้าใครชอบน้ำหนักต้านมือน้อยๆ อาจจะโอเคนะ
เพราะไม่ได้ห่างและยาวแบบ Almera M/T แต่อย่างว่า..ใกล้เคียง Dimension ซึ่งผมโอเค
ขับได้ แต่ไม่ใช่คันเกียร์สไตล์สปอร์ต

ช่วงล่างก็ต้องทำ ของเดิมบางคนบอกขับสนุก หรือว่ารถคันที่ผมขับ Defect?
ผมขับแล้วบอกตามตรงว่าเล่นโค้ง เจอปูดถนนนี่เสียว ขับ Mazda 2 ยังมั่นใจกว่า

แต่ CR-Z ทำเต็ม ผมไม่เคยขับนะ ผมเชื่อว่ามันทำให้ดีได้ แต่ถ้าต้องจ่ายล้านเก้ามา
แล้วมาทำต่ออีกหลายแสน..ผมก็เอาอย่างหมอ YF..คือ Scirocco ดีกว่า หรือในตอนนี้
A250 AMG ก็น่าสน ผมล่ะอยากขับ แต่ไม่ได้ขับสักทีเลยพูดไม่ได้ว่ามันดีหรือไม่ดี

- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8