ผู้เขียน หัวข้อ: ขอถามเรื่องการใช้เกียร์สูงครับ ความประหยัดน้ำมัน  (อ่าน 7939 ครั้ง)

ออฟไลน์ -Anonymous-

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,421
  • Catch me if you can !!!
กดคันเร่งมาก เกียร์สูง รอบต่ำ เพื่อให้ได้อัตราเร่ง

กับกดคันเร่งน้อยมากๆ รอบสูงกว่า เกียร์ต่ำกว่า

แบบไหนประหยัดน้ำมันมากกว่ากันครับ ชอบเข้าเกียร์เอง

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ BestHuafoo

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,095
  • เอี๊ยดแอ๊ด

แบบที่สองใช้น้ำมันน้อยกว่า

ลองนึกภาพว่า รถวิ่ง 60 ต้องการจะแซง คาเกียร์ 5 กดเต็มเท้า
ลิ้นปีกเปิดหมด อากาศน้ำมันมาเต็มที่ แต่เฟืองทดต่ำมากอยู่ใน Overdrive ล้อหมุนไม่ออก ลิ้นเปลืองเปล่าประโยขน์

ในขณะที่ 60 แต่อยู่เกียร์ 4 กดแค่ครึ่งเดียว ไม่ก็กดแค่ไหนไปแค่นั้น
เกียร์เฟืองทดไว้สูงกว่า ยังพอมีแรงให้ล้อหมุนได้มากกว่า สูญเสียกำลังน้อยกว่า

แต่เมื่อความเร็วขึ้นไปสูง ก็ต้องเปลี่ยนเกียร์อยู่ดี

lhorsud

  • บุคคลทั่วไป
ในกรณีที่จะไปถึงความเร็วที่ต้องการให้เร็วที่สุด ไม่ได้มีตัวแปรเรื่องระยะทาง หรือไม่ได้แช่นะครับ

ก็น่าจะเกียร์ต่ำ ประหยัดกว่า เพราะเหยียบแค่แป๊บเดียวก็ได้ความเร็วที่ต้องการ
ถ้าจะแช่ เมื่อได้ความเร็วต้องการแล้วก็รีบเปลี่ยนไปเกียร์ที่สูงกว่าเลย ก็ประหยัดกว่า

แต่ เกียร์สูงต้องเหยียบคันเร่งเยอะกว่า น้ำมันฉีดเยอะกว่า  นานกว่า  ก็เลยเปลืองกว่า
ถึงจะค่อยๆไล่ความเร็วเพื่อไปให้ถึง ก็ยังเปลืองกว่า เพราะต้องเหยียบนานกว่า

popdemonic

  • บุคคลทั่วไป
รอบและความเร็วควรสัมพันธ์กัน ถ้าขับแบบแรกส่วนที่จะพังไวคือ แบร์ริ่งในเครื่องยนต์จะมีภาระสูงครับมันจะสึกหรอเร็ว บวก ลบแล้ว
ไม่คุ้มครับ  เมื่อใดที่จมคันเร่งจะเปลืองน้ำมันกว่าการที่เราขับแล้วใช่คันเร่งไม่มาก สมองมันจับสัญญาณ
จากหลายอย่าง ถ้าเราเหยียบจม tps จะส่งสัญญานไปหากล่องว่าขณะนี้ คันเร่งเหยียบหมด มันก็จ่ายน้ำมันเต็มที่
เพื่อให้กำลังออกมามากที่สุด เพราะลอจิกส์ของสมองรถยนต์มันเป็นแบบนั้น

ออฟไลน์ porasit33

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,114
ลองดู ตรงจอมิลติฟังก์ชัน ครับ
ที่บอกอัตรา การบริโภคน้ำมันแบบเรียลไทม์
ขึ้นอยู่กับความเร็ว ให้สัมพันธ์กันครับ

ออฟไลน์ kris-lack

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,707
เป็นคำถามที่อยากถามมากๆค่ะ
ในกรณีเราไม่ได้เร่งแซงแต่ขับปกติ (ช้า) ส่วนตัวก็จะเข้าใจว่าใช้เกียร์สูง รอบจะได้ต่ำ จะได้ไม่เปลืองน้ำมัน
อันนี้เราเข้าใจถูกหรือผิดคะ

ออฟไลน์ porasit33

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,114
เป็นคำถามที่อยากถามมากๆค่ะ
ในกรณีเราไม่ได้เร่งแซงแต่ขับปกติ (ช้า) ส่วนตัวก็จะเข้าใจว่าใช้เกียร์สูง รอบจะได้ต่ำ จะได้ไม่เปลืองน้ำมัน
อันนี้เราเข้าใจถูกหรือผิดคะ

คิดว่าถูกน่ะครับ
แต่ที่ความเร็ว เกิน 65 ขึ้นไป  เครื่องพอจะแบกน้ำหนักไปได้โดยไม้ต้องออกแรงมาก
(สังเกต ว่าเวลาโฆษณาขับประหยัดจะใช้ความเร็วย่าน 60-80 ใช้เกีบร์สูงสุด คับแช่ยาวๆ เกิน 18 กม./ลิตร ครับ)
แต่ถ้าจะแซงควรทดเกียร์ลงมาช่วยดีกว่าครับ ไม่งั้นจะอืดแล้วก็กินน้ำมัน

ออฟไลน์ crucifixzz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 954
รอบยิ่งสูง = จุดระเบิดถี่ = เปลืองนน้ำมันมากขึ้น ทั้งนี่ทั้งนั้นต้องดูด้วยว่าหัวฉีดเปิดเท่าไหร่ด้วยครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,059
เดินก้าวสั้นถี่ๆ กับก้าวยาวๆ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ?  หลักการเดียวกันนั่นแหละครับ

คือมันขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้ และโหลดของเครื่องครับ  ไม่มีคำตอบตายตัว ต้องไปดูอีกว่ารอบเครื่องที่เหมาะสมของรถรุ่นนั้นคือช่วงไหนแล้วใช้ให้ถูกเกียร์

ถ้าไม่ได้อยากเดินเร็วมาก ก้าวยาวไปก็เหนื่อยเปล่า  ถ้าอยากเดินเร็วๆ แต่มาก้าวสั้นๆ ก็ต้องซอยถี่ยิบ เหนื่อยเปล่าเหมือนกัน
ขึ้นเนิน ก้าวยาวๆ ถามว่าได้มั๊ย มันก็ได้ แต่เหนื่อยน้อยกว่าก้าวสั้นๆรึเปล่า?
วิ่งหยุด แล้ววิ่ง แล้วหยุด  กับวิ่งเหยาะๆไปเรื่อยๆ อันไหนเหนื่อยกว่า?

มันเหมือนกันทั้งนั้นแหละครับ กฎพื้นฐานของเทอร์โมไดนามิกส์เลย

ถ้ารอบต่ำคือคำตอบ งั้นก็ออกตัวกันเกียร์ 2 เกียร์ 3 กันเลยดีกว่า พอได้ความเร็วซัก 40 เข้าเกียร์ 5 แล้วกระทืบให้จมมิดควันท่วมไปเลย ยังไงรอบเครื่องมันก็นิดเดียว
รอบสูงจุดระเบิดถี่ แล้วถ้าจุดถี่แต่รอบนึงฉีดน้ำมันออกมาน้อยกว่าจุดไม่ถี่ล่ะ?

แต่ละเกียร์แต่ละช่วงรอบกำลังมันไม่เท่ากัน ถ้าเราใช้กำลังเหมาะสม มันก็ประหยัดครับ หลักการมีแค่นั้นเลย
ขับนิ่งๆ รถไม่ได้ต้องการแรงอะไรมาก ก็ใช้เกียร์สูงได้ เพราะเกียร์สุงมันก็มีกำลังระดับนึง ถ้าเราไม่เค้นไป มันก็ประหยัด

แต่ถ้าอยากเร่งแรงๆ รถต้องการกำลังมากๆ เข้าเกียร์สูงไป กระทืบแล้วมีแต่เขม่าออกมา สุดท้ายก็เท่ากับเผาน้ำมันฟรี ลดเกียร์มาให้รอบสูงขึ้น แต่ไม่ได้เผาน้ำมันทิ้ง ใช้น้ำมันคุ้มค่าทุกหยด มันก็ประหยัดกว่า   

ไม่งั้นรถบ้านๆ เกียร์ MT รอบสูงกว่า AT ทั้งนั้น คงสูบน้ำมันเละเทะแล้วล่ะครับ รีวิวของเว็บนี้ก็ชี้ให้เห็นอยู่






ออฟไลน์ Koong

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 980
ต้องจับความรู้สึกเอาเองครับ   เพราะถ้าเป็นรถที่เราขับประจำเราจะรู้กำลังรถของเราอยู่แล้ว     แต่พอสรุปได้ว่า   ....เกียร์ไหนก็ได้  ที่ทำให้การเหยียบคันเร่งน้อยสุดและรถเร่งความเร็วขึ้นไปได้ตรงตามที่ใจเราต้องการ       

เพราะการเหยียบคันเร่งน้อยสุดก็คือการจ่ายน้ำมันน้อยสุดและประหยัดสุดนั่นเอง  ไม่ว่าจะรอบเครื่องเท่าไหร่ไม่ต้องสนใจ

ออฟไลน์ -Anonymous-

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,421
  • Catch me if you can !!!
ขอบคุณพี่ๆทุกคนครับ

ออฟไลน์ YenChar

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,162
สั้นๆง่ายๆคือ ใช้เกียรให้เหมาะสมกับความเร็วครับ

วิ่ง 60 ที่เกียร 5 สมมุติว่ารอบอยู่ที่เกือบๆ 2 พัน
ถ้าต้องการเร่งแซง การสับลงเกียร 4 รอบอาจจะดีดขึ้นมาเป็น 2 พันนิดๆ
เรียกว่า แซงได้อย่างเหมาะสมกับรอบความเร็วและสัมพันธ์กับเกียร์

แต่ถ้าต้องการเร่งแซงแบบฉับพลัน การสับลงเกียร 3 รอบอาจจะดีดขึ้นเป็น 3 พันกว่าๆ
เร่งแซงได้อย่างฉับไวขึ้น โดยที่เรากดคันเร่งแค่ 60% เท่านั้น รถก็วิ่งฉิวแล้ว

ถ้าคุณอยู่ที่เกียรสูงสุด กดคันเร่งแล้ว แทบไม่รู้สึกว่ารถวิ่งขึ้นหรือไปได้เร็วขึ้น
นั่นหมายความว่าคุณใช้เกียรสูงเกินไป

tee333

  • บุคคลทั่วไป
เดินก้าวสั้นถี่ๆ กับก้าวยาวๆ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ?  หลักการเดียวกันนั่นแหละครับ

คือมันขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้ และโหลดของเครื่องครับ  ไม่มีคำตอบตายตัว ต้องไปดูอีกว่ารอบเครื่องที่เหมาะสมของรถรุ่นนั้นคือช่วงไหนแล้วใช้ให้ถูกเกียร์

ถ้าไม่ได้อยากเดินเร็วมาก ก้าวยาวไปก็เหนื่อยเปล่า  ถ้าอยากเดินเร็วๆ แต่มาก้าวสั้นๆ ก็ต้องซอยถี่ยิบ เหนื่อยเปล่าเหมือนกัน
ขึ้นเนิน ก้าวยาวๆ ถามว่าได้มั๊ย มันก็ได้ แต่เหนื่อยน้อยกว่าก้าวสั้นๆรึเปล่า?
วิ่งหยุด แล้ววิ่ง แล้วหยุด  กับวิ่งเหยาะๆไปเรื่อยๆ อันไหนเหนื่อยกว่า?

มันเหมือนกันทั้งนั้นแหละครับ กฎพื้นฐานของเทอร์โมไดนามิกส์เลย

ถ้ารอบต่ำคือคำตอบ งั้นก็ออกตัวกันเกียร์ 2 เกียร์ 3 กันเลยดีกว่า พอได้ความเร็วซัก 40 เข้าเกียร์ 5 แล้วกระทืบให้จมมิดควันท่วมไปเลย ยังไงรอบเครื่องมันก็นิดเดียว
รอบสูงจุดระเบิดถี่ แล้วถ้าจุดถี่แต่รอบนึงฉีดน้ำมันออกมาน้อยกว่าจุดไม่ถี่ล่ะ?

แต่ละเกียร์แต่ละช่วงรอบกำลังมันไม่เท่ากัน ถ้าเราใช้กำลังเหมาะสม มันก็ประหยัดครับ หลักการมีแค่นั้นเลย
ขับนิ่งๆ รถไม่ได้ต้องการแรงอะไรมาก ก็ใช้เกียร์สูงได้ เพราะเกียร์สุงมันก็มีกำลังระดับนึง ถ้าเราไม่เค้นไป มันก็ประหยัด

แต่ถ้าอยากเร่งแรงๆ รถต้องการกำลังมากๆ เข้าเกียร์สูงไป กระทืบแล้วมีแต่เขม่าออกมา สุดท้ายก็เท่ากับเผาน้ำมันฟรี ลดเกียร์มาให้รอบสูงขึ้น แต่ไม่ได้เผาน้ำมันทิ้ง ใช้น้ำมันคุ้มค่าทุกหยด มันก็ประหยัดกว่า   

ไม่งั้นรถบ้านๆ เกียร์ MT รอบสูงกว่า AT ทั้งนั้น คงสูบน้ำมันเละเทะแล้วล่ะครับ รีวิวของเว็บนี้ก็ชี้ให้เห็นอยู่






เห็นภาพเลย  ทางเรียบ ไปเรื่อยๆ ไม่แซง เกียร์สูงประหยัดกว่า  ถ้าขึ้นเนิน ขึ้นเขา ต้องการกำลัง เกียร์ต่ำจะประหยัดกว่า

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 20,771
  • *** HLM.COM ***
เดินก้าวสั้นถี่ๆ กับก้าวยาวๆ อันไหนเหนื่อยกว่ากันครับ?  หลักการเดียวกันนั่นแหละครับ

คือมันขึ้นอยู่กับความเร็วที่ใช้ และโหลดของเครื่องครับ  ไม่มีคำตอบตายตัว ต้องไปดูอีกว่ารอบเครื่องที่เหมาะสมของรถรุ่นนั้นคือช่วงไหนแล้วใช้ให้ถูกเกียร์

ถ้าไม่ได้อยากเดินเร็วมาก ก้าวยาวไปก็เหนื่อยเปล่า  ถ้าอยากเดินเร็วๆ แต่มาก้าวสั้นๆ ก็ต้องซอยถี่ยิบ เหนื่อยเปล่าเหมือนกัน
ขึ้นเนิน ก้าวยาวๆ ถามว่าได้มั๊ย มันก็ได้ แต่เหนื่อยน้อยกว่าก้าวสั้นๆรึเปล่า?
วิ่งหยุด แล้ววิ่ง แล้วหยุด  กับวิ่งเหยาะๆไปเรื่อยๆ อันไหนเหนื่อยกว่า?

มันเหมือนกันทั้งนั้นแหละครับ กฎพื้นฐานของเทอร์โมไดนามิกส์เลย

ถ้ารอบต่ำคือคำตอบ งั้นก็ออกตัวกันเกียร์ 2 เกียร์ 3 กันเลยดีกว่า พอได้ความเร็วซัก 40 เข้าเกียร์ 5 แล้วกระทืบให้จมมิดควันท่วมไปเลย ยังไงรอบเครื่องมันก็นิดเดียว
รอบสูงจุดระเบิดถี่ แล้วถ้าจุดถี่แต่รอบนึงฉีดน้ำมันออกมาน้อยกว่าจุดไม่ถี่ล่ะ?

แต่ละเกียร์แต่ละช่วงรอบกำลังมันไม่เท่ากัน ถ้าเราใช้กำลังเหมาะสม มันก็ประหยัดครับ หลักการมีแค่นั้นเลย
ขับนิ่งๆ รถไม่ได้ต้องการแรงอะไรมาก ก็ใช้เกียร์สูงได้ เพราะเกียร์สุงมันก็มีกำลังระดับนึง ถ้าเราไม่เค้นไป มันก็ประหยัด

แต่ถ้าอยากเร่งแรงๆ รถต้องการกำลังมากๆ เข้าเกียร์สูงไป กระทืบแล้วมีแต่เขม่าออกมา สุดท้ายก็เท่ากับเผาน้ำมันฟรี ลดเกียร์มาให้รอบสูงขึ้น แต่ไม่ได้เผาน้ำมันทิ้ง ใช้น้ำมันคุ้มค่าทุกหยด มันก็ประหยัดกว่า   

ไม่งั้นรถบ้านๆ เกียร์ MT รอบสูงกว่า AT ทั้งนั้น คงสูบน้ำมันเละเทะแล้วล่ะครับ รีวิวของเว็บนี้ก็ชี้ให้เห็นอยู่







โอ้ววๆๆๆๆ ชัดเจน เห็นภาพดีครับ

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,496
มีองค์ประกอบหลายตัวในการขับให้ประหยัดน้ำมัน
  เลี้ยงรอบเครื่องให้อยู่ในบริเวณแรงบิดสูงสุดของรถ ซึ่งรถรุ่นใหม่อาจจะมีความกว้างของแรงบิดมาก แต่จะมีจุดหนึ่งที่แรงบิดมากที่สุด เลือกใช้ความเร็วที่บริเวณนั้นเป็นหลัก
 สิ่งที่ต้องทราบ
  ปริมาณการฉีดน้ำมันแต่ละตำแหน่ง ของรอบเครื่องไม่เท่ากัน(กรณีที่เลี้ยงคันเร่ง) ตามทฤษฎีที่เรียนมา บอกว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือให้พลังงานมากที่สุดต่อการฉีดไปครั้งหนึ่ง นั่นคือแรงบิดสูงสุด  ยกตัวอย่างเช่น รถผม วิ่งที่ 100 เปลืองกว่าวิ่ง 120  เนื่องจากรถผมมีแรงบิดสูงสุดที่  2200 รอบ  ซึ่งวัดความเร็วได้ที่ 120 แต่เมื่อลดความเร็วลงมาที่ 100 รอบเครื่องอยู่ที่ 1900 และมักจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 3 ในจังหวะที่เท้ากดเพิ่มไปนิดหน่อย(ออโต้) ซึ่งทำให้เปลืองยิ่งขึ้น..
  จึงสรุปได้ดังนี้
   1. เลือกใช้รอบเครื่องในย่านที่แรงบิดสูงสุด
   2. เลือกการเหยียบคันเร่งแบบทะนุถนอม เลี้ยงคันเร่ง ไม่กระโชกโฮกฮาก
   3. หากเป็นเกียร์ธรรมดาก็เลือกเกียร์ให้สัมพันธ์กับรอบเครื่อง ไม่ลากเกียร์ หรือลากรอบ
   4. การแตะเบรคควรทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น (หลังจากการถอนคันเร่ง...
   ประมาณนี้ครับ

ออฟไลน์ 6162002

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,059
มีองค์ประกอบหลายตัวในการขับให้ประหยัดน้ำมัน
  เลี้ยงรอบเครื่องให้อยู่ในบริเวณแรงบิดสูงสุดของรถ ซึ่งรถรุ่นใหม่อาจจะมีความกว้างของแรงบิดมาก แต่จะมีจุดหนึ่งที่แรงบิดมากที่สุด เลือกใช้ความเร็วที่บริเวณนั้นเป็นหลัก
 สิ่งที่ต้องทราบ
  ปริมาณการฉีดน้ำมันแต่ละตำแหน่ง ของรอบเครื่องไม่เท่ากัน(กรณีที่เลี้ยงคันเร่ง) ตามทฤษฎีที่เรียนมา บอกว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือให้พลังงานมากที่สุดต่อการฉีดไปครั้งหนึ่ง นั่นคือแรงบิดสูงสุด  ยกตัวอย่างเช่น รถผม วิ่งที่ 100 เปลืองกว่าวิ่ง 120  เนื่องจากรถผมมีแรงบิดสูงสุดที่  2200 รอบ  ซึ่งวัดความเร็วได้ที่ 120 แต่เมื่อลดความเร็วลงมาที่ 100 รอบเครื่องอยู่ที่ 1900 และมักจะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 3 ในจังหวะที่เท้ากดเพิ่มไปนิดหน่อย(ออโต้) ซึ่งทำให้เปลืองยิ่งขึ้น..
  จึงสรุปได้ดังนี้
   1. เลือกใช้รอบเครื่องในย่านที่แรงบิดสูงสุด
   2. เลือกการเหยียบคันเร่งแบบทะนุถนอม เลี้ยงคันเร่ง ไม่กระโชกโฮกฮาก
   3. หากเป็นเกียร์ธรรมดาก็เลือกเกียร์ให้สัมพันธ์กับรอบเครื่อง ไม่ลากเกียร์ หรือลากรอบ
   4. การแตะเบรคควรทำเมื่อจำเป็นเท่านั้น (หลังจากการถอนคันเร่ง...
   ประมาณนี้ครับ
เรียนอะไรมาอะครับถึงสอนแบบนั้น -.-
แบบนี้รถเบนซินที่แรงบิดมาที่รอบ 4พัน คงต้องวิ่งกัน 140แหละครับ

แรงบิดใช้ตอนแซง ถ้าขับนิ่งๆมันใช้แรงนิดเดียว รอบต่ำๆเกียร์สูงๆยังมีแรงเหลือเฟือสำหรับเลี้ยงความเร็วไว้

รถที่ขับ 140 กับ 60 ที่ต่างกันแน่ๆคือแรงต้านอากาศครับ  โดยทั่วไป น้ำมันที่รถเผาไป 70%ใช้เพื่อฝ่าแรงต้านอากาศนะครับ ถ้าเป็นรถบ้านๆ ยังไงขับ100 ก็ประหยัดกว่า 120 แน่นอนครับ ยกเว้นเครื่องที่เซทมาให้มีแรงที่รอบสูงๆเลย รอบต่ำๆไม่มีแรง ประสิทธิภาพต่ำมาก อันนั้นอีกเรื่อง

ออฟไลน์ Amaranthe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 705
รบกวนถามนิดนึงครับ
ผมใช้รถเก๋งเกียออโต้ ถ้าไม่รีบร้อน จะขับแบบเลี้ยงรอบ ออกตัวช้าๆ
โดย รอบ มักจะอยู่ที่ 1800-2200 ความเร็ว 80-100
พอรู้สึกว่าเร็วเกินไป ก็ปล่อยเท้า ให้ความเร็วลดลง
ปล่อยรถไหล แล้วก็กดคันเร่งใหม่

แบบนี้ประหยัดดีแล้วหรือไม่ครับ

ออฟไลน์ -Anonymous-

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,421
  • Catch me if you can !!!
รบกวนถามนิดนึงครับ
ผมใช้รถเก๋งเกียออโต้ ถ้าไม่รีบร้อน จะขับแบบเลี้ยงรอบ ออกตัวช้าๆ
โดย รอบ มักจะอยู่ที่ 1800-2200 ความเร็ว 80-100
พอรู้สึกว่าเร็วเกินไป ก็ปล่อยเท้า ให้ความเร็วลดลง
ปล่อยรถไหล แล้วก็กดคันเร่งใหม่

แบบนี้ประหยัดดีแล้วหรือไม่ครับ

ถ้าลดความเร็วลงแล้วกดน้อยๆเพื่อรักษาความเร็วไว้ประหยัดครับ แต่ถ้าปล่อยไหลลดความเร็วแล้วเหยียบกลับไปใหม่ไม่ประหยัดครับ อีกวิธีที่ช่วยประหยัดเห็นๆคือการปล่อยรถไหลแทนเบรคครับ เวลาขับต้องห่างคันหน้ามากๆหน่อย เวลาคันหน้าเบรคเราปล่อยไหล เวลาหน้าข้างหน้าไฟแดงด้วยครับ สำหรับผมช่วยได้เยอะเลย

ออฟไลน์ Amaranthe

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 705
รบกวนถามนิดนึงครับ
ผมใช้รถเก๋งเกียออโต้ ถ้าไม่รีบร้อน จะขับแบบเลี้ยงรอบ ออกตัวช้าๆ
โดย รอบ มักจะอยู่ที่ 1800-2200 ความเร็ว 80-100
พอรู้สึกว่าเร็วเกินไป ก็ปล่อยเท้า ให้ความเร็วลดลง
ปล่อยรถไหล แล้วก็กดคันเร่งใหม่

แบบนี้ประหยัดดีแล้วหรือไม่ครับ

ถ้าลดความเร็วลงแล้วกดน้อยๆเพื่อรักษาความเร็วไว้ประหยัดครับ แต่ถ้าปล่อยไหลลดความเร็วแล้วเหยียบกลับไปใหม่ไม่ประหยัดครับ อีกวิธีที่ช่วยประหยัดเห็นๆคือการปล่อยรถไหลแทนเบรคครับ เวลาขับต้องห่างคันหน้ามากๆหน่อย เวลาคันหน้าเบรคเราปล่อยไหล เวลาหน้าข้างหน้าไฟแดงด้วยครับ สำหรับผมช่วยได้เยอะเลย

ขอบคุณมากครับ นำไปลองใช้แล้ว ยังไม่ค่อยคุ้น แต่จะปรับดูครับ