ผู้เขียน หัวข้อ: DIY ระบบเสียงเดิมๆ ในรถยนต์ ให้เกือบเป็น BOSE sound system “เสียงดีกว่าเดิมจริงอ่ะ"  (อ่าน 158319 ครั้ง)

ออฟไลน์ pkdiamond

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 747
  • I 'm Axera.............
    • อีเมล์
ซึ่งจริงๆจะตั้งชื่อขัวข้อว่า

DIY ระบบเสียงเดิมๆ ในรถยนต์ ให้เกือบเป็น BOSE sound system “เสียงดีกว่าเดิมจริง แต่จะถูกใจคนไทย หัวใจชาว Rock เหรอ...” แต่พื้นที่ไม่พอให้ตั้งครับ

  
   หลายๆท่านเคยสงสัยมั้ยครับว่า เครื่องเสียงติดรถยนต์เดิมที่มาจากโรงงาน ของรถยนต์ที่เราขับใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้นั้น  เสียงที่ได้ยิน ได้ฟัง มันแตกต่างกันอย่างไรบ้าง แน่นอน สำหรับคนที่ไม่ใช่เป็นคนชอบฟังเพลงหรือไม่ได้เล่นเครื่องเสียง อาจจะเฉยๆ โดยเฉพาะ สาวๆ ส่วนใหญ่ ขอให้ฟังเป็นเพลงก็พอ ไม่ว่าเพลงๆนั้นจะมีต้นเสียงมาจาก iPhone iPad วิทยุทรานซิสเตอร์ หรือแม้แต่เครื่องเสียงราคาแพง ชีก็จะบอกว่า ไม่เห็นต่างเลย มันก็ไพเราะเหมือนกันแหละ แค่เพลงๆนั้นถูกใจชีก็เป็นพอแระ ซะงั้น -_-‘  แล้วสำหรับคนที่เล่นเครื่องเสียงล่ะ เหล่าทวยเทพ หูทองทั้งหลายล่ะ เค้าคิดยังไงกัน เมื่อเค้าเหล่านี้ ได้ยิน ได้ฟังเพลง ฟังเสียง จากเครื่องเสียงที่มากับรถยนต์ในแต่ล่ะยี่ห้อ เพลง เพลงเดียวกัน ฟัง กับรถคนล่ะคัน คนล่ะยี่ห้อ ทำไมเสียงมันช่างต่างกันเหลือเกิน แล้วมันเป็นเพราะอะไรล่ะ
เดี๋ยวผมจ่ะค่อยๆ อธิบายคร่าวก็แล้วกันนะครับ โดยเครื่องเสียงรถยนต์สมัยนี้ จะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆ
    
     - เครื่องเสียงรถยนต์ที่ประกอบมาจากโรงงาน OEM (Original Equipment Manufacture)
    
     - เครื่องเสียงรถยนต์ ที่ประกอบทีหลัง หลังจากที่ออกมาจากโรงงานแล้ว หรือหลังจากที่ส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว หรือที่ทั่วโลกเค้าเรียกกันว่า After Market คนไทยเรียกอะไรหว่า..

001  
 
    เครื่องเสียงรถยนต์ที่ประกอบมาจากโรงงาน OEM (Original Equipment Manufacture) หรือเครื่องเสียงที่มาในรูปแบบ Build in นั่นแหละ
      
    ผมขออธิบายคร่าวๆนะครับ โดยปกติแล้ว โรงงานรถยนต์ไม่ได้ทำชิ้นส่วนหลายๆ อย่างด้วยตัวเองหรอกครับ แต่จะไปว่าจ้างบริษัทต่างๆ ที่เชี่ยวชาญในการผลิตอะไหล่แต่ล่ะประเภท เป็นผู้ผลิตให้อีกที โดยจะมียี่ห้อของโรงงานที่ผลิต หรือโลโก้ ของบริษัทที่รับจ้างผลิตติดมาด้วย เพื่อบอกถึงที่มาของสินค้าชิ้นนั้นๆ เช่น วิทยุหรือเครื่องเล่น DVD ของโตโยต้า จะถูกผลิตโดยพาสเนอร์ 3 เจ้าหลักๆ คือ Pioneer , Panasonic และ Fujisu Ten หรือ มาสด้าที่ผมใช้อยู่เท่าที่ทราบ ก็จะมี Sanyo และ Pioneer ซึ่งจะรู้ได้โดยการแกะตัววิทยุเดิมๆ ออกมาจะเห็นสติกเกอร์ติดอยู่บน Case วิทยุ ว่าเป็นของบริษัทอะไร ผลิตที่ไหน ซึ่งรถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ จะไม่พ้น 3 – 4 ยี่ห้อ ที่ผมได้กล่าวไปข้างต้นนี้หรอกครับ
ส่วนรถจากทางฝรั่งยุโรป อเมริกา ที่ประกอบและจำหน่ายในบ้านเรานั้น เช่น Chevrolet กับ Ford เท่าที่ทราบ วิทยุ OEM จะเป็น Clarion และ Sony ที่ไปโผล่ที่ Ford Focus ครับ คุณภาพเสียงของเครื่องเสียง OEM เหล่านี้จะอยูในโทนกลางๆ เสียงอาจจะไม่ใสกิ้งกั๊ง หรือทุ้มแบบนุ่มลึก เหมื่อนพวกเครื่องเสียงประเภท After market ทั้งหลาย

002  

     เครื่องเสียงรถยนต์ ที่ประกอบทีหลัง หลังจากที่ออกมาจากโรงงานแล้ว หรือหลังจากที่ส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว หรือที่ทั่วโลกเค้าเรียกกันว่า After Market

     สินค้าประเภท After Market หรือจะเรียกว่าสินค้า Universal ก็ได้ ซึ่งหมายถึง สามารถมารถนำไปใช้ติดตั้งได้กับรถยนต์ทุุกรุ่น สินค้าประเภทนี้มีหลากหลายยี่ห้อครับ เช่น Alpine , Kenwood , JVC, Sony , Nakamichi , Macintosh และอีกมากมาย สินค้ากลุ่มนี้ เป็น International Brand ครับ โดยมีบริษัทแม่อยู่ต่างประเทศ และขายสินค้าเหล่านี้ไปยังทั่วโลก โดยสินค้าเหล่านี้จะไม่ใช่สินค้าตรงรุ่นของรถยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง แต่สามารถใส่ได้กับรถทุกรุ่น ตั้งแต่ เบนซ์ บีเอ็ม โตโยต้า ไปจนถึง โปรตอน หรือค่ายรถจากจีน กันเลยทีเดียวครับ สินค้ากลุ่มนี้จะมียี่ห้อเป็นของตัวเอง มีใบ Certificate ชัดเจน โดยจะไม่มียี่ห้อรถค่ายใด ค่ายหนึ่ง แปะชื่อบนตัวสินค้าครับ คุณภาพ ของเครื่องเสียงเหล่านี้ จัดได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ ค่อนข้างดี ไปจนถึงดีมาก ตามราคาครับ
     สิ่งที่ผมได้กล่าวไปจาก 2 หัวข้อใหญ่ๆข้างต้น เป็นการพูดถึง เครื่องเล่น หรือที่คนไทยเรียกกันว่า ฟรอนท์ครับ รวมไปถึงลำโพงที่ตั้งมากับรถด้วย คือมี ฟรอนท์มีลำโพงจบ โดยฟรอนท์เหล่านี้จะมีลำโพงขยายอยู่แล้ว โดยลำโพงที่มากับรถก็เช่นกัน มีหลายยี่ห้อ ไปจนถึงไม่มียี่ห้อ มีทั้ง Made in Thailand ไปจนถึง Made in China ครับ คุณภาพเสียงก็ตามอัตรภาพครับ แต่หัวข้อหลักๆ ที่ผมจะนำเสนอในบทความนี้คือ การติดตั้ง Bose sound system ในรถ Mazda3 ที่ผมใช้อยู่ครับ

   ทำไมต้อง Bose sound system ล่ะ

    เนื่องจากว่าในต่างประเทศ รถยนต์หลายๆรุ่น จะมี ออฟชั่นให้เลือกมากมายครับ รวมไปถึงออฟชั่นที่เกี่ยวกับเครื่องเสียง ซึ่งจะมีบริษัทเครื่องเสียงในกลุ่ม Hi-end ชั้นนำ เข้ามาเสนอเป็น ออฟชั่น ให้กับรถยนต์ในค่ายต่างๆด้วย บริษัทเหล่านี้ จะมีชื่อเสียงที่โดดเด่นมาก ในเรื่องของการทำลำโพง การทำเพาเวอร์แอมป์ การจัดวางวางระบบ ตำแหน่งการติดตั้งทั้งหมดให้ออกแบบมาได้ดีที่สุด ปกติแล้ว เครื่องเสียงประเภทนี้ จะเป็นเครื่ืองเสียงเพื่อความบันเทิงตามที่พักอาศัยที่มีคุณภาพเสียงที่ดีมาก แต่บริษัทเครื่องเสียงในกลุ่ม Hi-end ได้เห็นช่องทาง ในการทำตลาด เพื่อเอาใจกลุ่มลูกค้าที่ชอบฟังเพลง จากเครื่องเสียงที่มีคุณภาพดีอยู่ตามที่พักอาศัย ให้เข้ามาสู่ภายในรถยนต์ด้วย ซึ่งผมขอยกตัวอย่าง ที่ผมหาข้อมูลมาได้ นะครับ ซึ่งได้แก่

    
003  

HARMAN/KARDON ตามภาพเลยครับ ว่าเค้าเสนอตัวเองเป็น ออฟชั่นให้กับยี่ห้อไหนบ้าง

004  

Mark Levinson สำหรับ Lexus,Toyota เท่านั้น

005  


Bose เจ้านี้จะมีหลายยี่ห้อครับ ซึ่งหนึ่งในนั้น ก็เป็นยี้ห้อของรถที่ผมใช้อยู่ด้วย ซึ่งมันก็คือที่มาของบทความ User Voice ฉบับนี้นั่นเอง  
   ซึ่งเลยกลายเป็นคำถามที่ว่าทำไมต้อง Bose ล่ะ ยี่ห้ออื่นมีเยอะแยะ แถมถูกกว่าด้วย และเสียงอาจจะได้อย่างที่ถูกใจกว่า แต่สำหรับผมแล้วนั้น มันคืออารมณ์ล้วนๆครับ เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะความอยากรู้ และอยากลองนั่นเอง เห็นฝรั่งหรือญี่ปุ่น หรือแม้แต่ประเภทเพื่อนบ้าน เค้ามีออฟชั่นนี้ให้เลือก แต่ทำไมคนไทยไม่ได้ฟะ! ก็อยากได้บ้างอ่ะ รวมไปถึงว่าผมได้เคยฟังเสียงจาก ลำโพงยี่ห้อนี้มาแล้วด้วย เมื่อสมัยที่ยังเรียนเทคนิค ซึ่งค่อนข้างนานมาแล้ว เป็นลำโพง Bose 802 series II ดังรูปด้านล่างครับ

006  

ซึ่งเสียงของมันที่ได้ยิน เป็นเสียงในโทน Mid-length เสียงที่ได้ ค่อนข้างลงตัวมาก โดยเฉพาะเสียงพูด หรือเสียงร้อง ที่ฟังแล้วสึกไพเราะ เสนาะหูมากครับ เมื่อเปรียบเทียบกับลำโพงทั่วไปนะครับ รวมไปถึงขนาดที่เล็กกว่า เบากว่า แต่เสียงดีกว่าดังกว่า และก็แพงกว่า เป็นเรื่องธรรมดา นี่คือที่มาว่า ทำไมถึงต้องเป็น BOSE เพราะว่าผมเองอยากฟังมันอีกครั้ง แต่่ครั้งนี้ อยากได้มันมาครอบครองด้วย โดยที่เงื่อนไขมีอยู่ว่า จะต้องดัดแปลงรถให้น้อยที่สุด เท่าที่เป็นไปได้ครับ

007  
008  

    จากที่เห็นดังภาพด้านบน เป็นรูปที่ผมหามาจาก Google ครับ ความหมายของภาพก็คือ BOSE Sound System เป็นออฟชั่นที่สามารถสั่งเพิ่มได้ ส่วนราคาส่วนต่างเท่าไหร่นั้น ผมก็ไม่ทราบครับผม ส่วนมาสด้า3 ที่จำหน่ายในบ้านเรา หมดสิทธิ์ครับ แล้วอย่างนี้ ผมอยากจะได้อุปกรณ์พวกนี้มาใส่ในรถของผม จะต้องทำยังไงบ้างล่ะ ในเมื่อ เราไม่สามารถเบิกออฟชั่นเสริมพวกนี้จากตัวแทนจำหน่ายในประเทศได้แน่ๆ ทางออกสุดท้าย ก็คือ ebay จ้า
 
009

ทีแรกผมไม่ได้สนใจเครื่องเสียงเลยครับ แต่ที่เข้ามาใน ebay ก็เพื่อที่จะหาอะไหล่ถูกๆ และ Free shipping เพื่อที่เอามาไว้ spare เมื่อมีอะไรเสีย เราจะได้เปลี่ยนเองได้เลย ซึ่งเมื่อผมเปิดหาไปเรื่อยๆ ก็ไปสะดุดกับสิ่งที่ปรากฏดังถาพด้านบนะครับ
010  

สังเกตุราคามั้ยครับ ว่าเท่าไหร่ 169 ปอนด์ ตีเป็นเงินไทยได้ 7 พันกว่าบาท OK ราคาผมรับได้นะ ถึงจะเป็นของใช้แล้วก็เถอะ แต่เจอค่า Shipping เข้าไปถึงกับหงายหลังเหมือนกัน 135 ปอนด์ ณ ช่วงเวลานั้นก็เป็นเงินไทยประมาณ 5 พันนิดๆ เอาวะ กัดฟัน กดสั่งซื้อผ่าน Paypal เรียบร้อย สบายใจ หมื่นสี่จัดไป

011  

   ใช้เวลารอสินค้าประมาณ 2 สัปดาห์ ในที่สุดของก็มาถึง พร้อมกับเซอไพร์หลายอย่าง ซึ่งอย่างแรกก็คือ ภาษีศุลกากรครับ หรือภาษีนำเข้านั่นเอง ประมาณ 3,500 บาท
 อะไรกันเนี่ยผมเข้าใจผิดมาตลอดเลยเหรอว่า ถ้านำเข้าอะไล่รถจะได้รับการยกเว้นภาษี เพราะว่าก่อนหน้านี้สั่งคอยล์จุดระเบิดมา 4 ตัว ไม่เห็นโดนภาษีเลย แต่ทำไม
เจ้านี่ถึงโดนล่ะ อ๋อ...มันคือ Bose วึ่งมันคือลำโพง เจ้าหน้าที่ศุลกากรเค้าจะจัดหมดให้มันเป็นสินค้าฟุ่มเฟย ซึ่งนั่นหมายความว่าผมโดนภาษี 45% เลยเหรอฟะ ของก็ไม่ใช่ของใหม่
สุดท้ายก็ได้คำตอบพนักงานส่งของว่า บ้านเรา (ประเทศไทย) ไม่มีระบบการจัดเก็บภาษีที่ชัดเจนเท่าที่ควร ของบางอย่างอาจจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจเจ้าหน้าที่ศุลกากรว่า
สินค้าประเภทนี้ควรอยู่ที่ราคาเท่าไหร่ ซึ่งก็จริงแหละ เพราะพี่ที่รู้จักกัน ก็โดนแบบเดียวกับผมมาหลายคนเหมือนกัน บางคนต้องยอมทิ้งของที่สั่งมาเลย เพราะว่าโดนภาษีแพงมาก
เอาล่ะ ช่างมัน ตรงนี้ยอมจ่ายอีก 3,500 จ่ายแล้วก็จบๆไป แต่จะจำไว้ หึหึ

012  

   เซอไพร์อย่างที่สอง ดูสภาพของลังใส่ของสิครับ นั่งเครื่องมานะ แต่.... สงสัยเครื่องบินหลังคาจะรั่วเนอะ มาซะยุ่ยเชียว

013  

   เซอไพร์อย่างที่สามคือ ไม่มี Cable harness (คอนเนคเตอร์) แบบตรงรุ่นมาให้ครับ กำ... แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ถ้ามองย้อนกลับไปยังรูปที่เค้าประกาศขายใน ebay เค้าก็ไม่มีให้นะ
ซึ่งก็ต้องตามหาของกันต่อไป

014
015  

     ซึ่งในที่สุดผมก็ได้มันมาครับ เป็นฝั่ง ด้าน 24 Pin ครับ ส่วนทางด้านฝั่งที่เป็น 8 Pin ใช้วิธีการแปลงโดยการใช้หางปลาครับ แปลงยังไง เดี๋ยวมีรูปให้ดูครับ
ราคาของไม่แพงเท่าไหร่ แต่ค่าส่งแพงไปป่าว อย่างว่าแหละครับ ของส่งมาจากอเมริกา ค่าส่ง 20 ดอลลาห์ ประมาณ 600 บาท ดีว่าเสียเวลาขับรถไปบ้านหม้อ
เสียทั้งค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน โน่น นั่น นี่ อีก ซึ่งตัวผมเองอยู่ที่ระยอง เปิดคอม แล้วกดสั่งซื้อซึ่งมันน่าจะดีกว่า
       ปัญหาที่ตามมาอีเรื่องก็คือ แล้วสัญญาณที่ออกจากฟรอนท์เดิมมันไม่มี Line out ที่เป็น Signal ให้นี่นา มีแต่สัญญาณที่ถูกขยายจากฟรอนท์เดิมเพื่อไปต่อกับลำโพงแล้วเท่านั้น
ซึ่งเท่ากับว่าผมจะเสียเงินเพื่อหาอุปกรณ์บางอย่างอีกแล้วเพื่อให้ได้สัญญาณเอาท์พุต ไปต่อกับภาคขยายของ BOSE โดยมีผมมีอยู่ 3 ทางเลือก คือ

1.   จั้มสัญญาณก่อนที่จะเข้า IC ภาคขยายภายในฟรอนท์ออกมา
2.   ซื้อตัวแปลงสัญญาณ Hi to Lo Converter มาต่อซึ่งมันคือ ตัวแปลงสัญญาณที่ถูกขยายแล้วเพื่อไปจ่ายให้กับลำโพง ให้กลายมาเป็นสัญญาณอ่อนๆ เพื่อใช้ต่อกับภาคขยายอีกครับ
    ซึ่งวิธีนี้นิยมใชกันกับกลุ่มที่อยาก ปรับปรุง  เสียงของเครื่องเสียงรถ ให้ดีขึ้น และดังขึ้น แต่ไม่อยากเปลี่ยนฟรอนท์
3.   เปลี่ยนฟรอนท์ที่มี line out ซะ เอาให้ดีเปลี่ยนเป็น 2 –Din และ (ซึ่งผมเอาไว้้เป็นโครงการในอนาคตครับ)

    เท่ากับว่าจะเหลืออยู่ 2 วิธี โดยผมเลือกวิธีแรกก่อนล่ะกัน โดยการอ้างอิงจาก http://www.hinsin.com/showthread.php?776-D-I-Y-Line-Out-%26%233651%3B%26%233627%3B%26%233657%3B-Front-%26%233609%3B%26%233657%3B%26%233629%3B%26%233591%3B-3
ทำไมถึงเลือกวิธีแรกล่ะ ก็เพราะว่ามันประหยัดงบไงล่ะครับ คือแค่จั๊มสายออกมา โดยอ้างอิงข้อมูลต่างๆที่พอเชื่อถือได้ก็จัดแล้ว

016  

ดูได้จากไดอะแกรมที่ผมเขียนไว้ครับ โดยสายสีน้ำเงินคือสายที่ต้องจั๊มออกมา เพื่อไปยังภาคขยาย BOSE Amplifier แล้วก็เดินสายลำโพงย้อนกลับไป โดยตัดสายลำโพงเดิมออก แล้วเอาเส้นใหม่ไปต่อแทน หลักการดูง่ายครับ
 
017

เริ่มต้นเลยก็ถอดฟรอนท์ออกมา ซึ่งถอดง่ายครับ น๊อตยึดแค่ 4 ตัวเอง

018  

เตรียมอุปรณ์และเครื่องมือดังภาพครับ

019  

ซึ่งสิ่งที่ต้องซื้อเพิ่มก็คือ สายสัญญาณ ที่มี Shield อย่างดี ถ้าเป็นไปได้ และก็หัวแจ็ค RCA อย่างดีด้วยครับ อีกอย่างนึงก็คือสายไฟอ่อน
020  

แล้วก็บัดกรีตรงจุดที่เราจะจั๊ม ที่ปลายขา IC ครับ โดยขั้นตอนโดยละเอียด อ่านได้จ้าง link ที่ผมนำมาใช้อ้างอิงครับ http://www.hinsin.com/showthread.php?776-D-I-Y-Line-Out-%26%233651%3B%26%233627%3B%26%233657%3B-Front-%26%233609%3B%26%233657%3B%26%233629%3B%26%233591%3B-3 เพราะจะมีการบอกถึงขั้นตอนต่างๆ จนถึงการ จนถึงการดูโครงสร้างของเบอร์ไอซี ที่ใช้ เพื่อรู้หลักการทำงานของมัน ทุกอย่างอยู่ใน link นี้หมดครับ  

021  

เมื่อจั๊มออกมาแล้ว อย่าลืม  Mark สายสัญญาณด้วยนะครับว่า สายใหนคือ หน้า – ซ้าย (LF) หรือ หลัง – ขวา (RR)

022  
023  

เมื่อประกอบกลับเข้าไปก็จะเป็นดังรูปครับ แล้วก็มาถึงขั้นตอนสำคัญ คือการเอาไปเทส ง่ายๆเลยคือ เอาลงไปเทสที่รถครับ
แล้วเอาลำโพงคอมไปต่อ แล้วก็ดูว่า มีสัญญาณเสียงออกมามั้ย งานนี้ไม่มี Multi-Meter วัดนะครับ แบบว่าทำกันแบบลูกทุ่ง
สรุปคือ เงียบครับ .............................  มัน ไม่ Work ซึ่งวิธีนี้ ก็ต้องตัดทิ้งไปอย่าน่าเสียดาย แต่ต่อให้ Work ปุ่ม  Mute ก็จะใช้ไม่ได้ครับเพราะ ว่าฟังชั่นก์ Mute ถูกคอนโทรลที่ไอซีภาคขยาย แต่สัญญาณที่ดึงออกมาใช้ ตำแหน่งอยู่ก่อนเข้าไอซีครับ สาเหตุที่มันไม่มีเสียง เป็นเพราะอะไร ผมก็ไม่แน่ใจครับ แบบว่าขี้เกียจหาย .  ก็เลยต้องกลายมาเป็น ทางเลือกที่ 2 คือ

024
025

ตัวแปลงสัญญาณ Hi to Lo Converter แบบ 4 แชนแนลมาครับ สั่งซื้อทาง ebay เหมือนเดิม ราคา ค่าของ รวมค่าส่ง 875 บาท ซึ่งจริงๆซื้อในไทย ราคา 900 บาท ไม่รวม EMS โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยอยากไปร้านเครื่องเสียงครับ เพราะกลัวโดนฟันหัวแบะ เนื่องจากพื้นที่ที่ผมอยู่ ขายของกันค่อนข้างแพงครับ เพื่อความสบายใจ ก็ ebay เหมือนเดิม

027  

อุปกรณ์หลักๆ ที่ื ราคาค่าดำเนินการนำส่ง จาก อังกฤษ กว่าจะมาถึงมือผมที่แสนแพง
 
028  
029  

เริ่มจาก Power Amp ก่อนเลย เชื่อมั้ยว่า ณ ปัจจุบัน ผมยังไม่รู้กำลังวัตต์ของมันนะว่าเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เดา น่าจะประมาณ 65Wx4ch
โดย Amp ตัวนี้ หรืออาจจะทุกตัว ผลิตที่อเมริกาครับ  

030  
031  

โดยดีไซด์ของ BOSE เท่าที่สังเกตุ คือไม่เหมือนกับ Power Amp ติดรถยนต์ทั่วไป ที่ขายในท้องตลาดครับ การออกแบบซิงค์ระบายความร้อนที่ค่อนข้างหนา และยึดกับ Support แบบกลับด้าน เพื่อป้องกัน ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเบาะ แถวหลังเหยียบเล่น รวมไปถึง การต่อสายไฟที่ไม่ได้ใช้ น็อตนึด แต่ใช้เป็น Socket เสียบแทน  และไม่มีไฟ LED เพื่อบอกสถานะว่า On หรื Off ด้วย
032  
033  
อย่างต่อมา คือลำโพงซัพวูฟเฟอร์ วัสดูน่าจะเป็นไฟเบอร์ครับ ถูกออกแบบให้ติดตั้งไว้ใต้เบาะเช่นเดียวกับ Power Amp. โดยซัพวูฟเฟอร์ตัวนี้ ถูกประกอบที่ประเทศแม๊กซิโกครับ โดยมีวันที่ผลิต
บอกไว้ที่สติ๊กเกอร์อย่างชัดเจน

034  
035  


ต่อมาก็จะเป็นลำโพง แบบมาตรฐานครับ โดยติตตั้งบริเวณประตูรถด้านหน้า ด้านหลัง ทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ซึ่งสามารถแทนที่ลำโพงของเดิมได้พอดี และขั้วต่อลำโพงที่เหมือนกันด้วย
ลำโพงแผงประตูชุดนี้ถูกประกอบที่ประเทศแม๊กซิโกเช่นกันครับ

036  
037  

ต่อมา มาดูที่ลำโพงแบบสุดท้ายครับ ลำโพงทวิสเตอร์ หรือลำโมงเสียงแหลมนั่นเอง เป็นแบบตรงรุ่นครับ ผลิตที่ประเทศจีน แลดูรูปร่างหน้าตา ไม่ค่อยน่าเชื่อถือใช่มั้ยล่ะครับ
ผมเองก็ไม่ค่อยเชื่อเหมือนกัน

038  

ซึ่งเมื่อแกะออกมา ก็เลยได้เห็นถึงความแตกต่างครับ คราวนี้ ดูน่าเชื่อถือขึ้นแระ

039  

สามารถใส่แทนของเดิมได้เลยครับ โดยไม่ต้องดัดแปลง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 28, 2013, 17:16:34 โดย pkdiamond »

ออฟไลน์ pkdiamond

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 747
  • I 'm Axera.............
    • อีเมล์
040  

ขั้นต่อมาก็ทำการถอดแฝงประตู เชื่อมั้ยว่า รถยนต์สมัยนี้ประกอบได้เร็วเนื่องจากว่า มีน็อตแค่ตัวเดียวเองนะครับ ส่วนที่เหลือเป็นหมุดยึด ซึ่งทำให้ผมถอดได้ง่ายมาก
แต่ถอดเข้าออกบ่อยครั้งมากก็ไม่ดีนะครับ ซึ่งมันอาจจะหลวมได้

041  

มาดูความแตกต่างของลำโพงกันครับ

042  
043

เมื่อถอดลำโพงเดิมออกมาแล้วนำมาเทียบกับลำโพง BOSE จะเห็นว่า.. แตกต่างกันมากครับ ลำโพงติดรถที่ให้มานี้ ดูจากตัวอักศรที่สกรีนมา น่าจะผลิตในประเทศไทยนี่แหละ
ชื่อว่าตรงจุดนี้ น่าจะลดต้นทุนได้บานโข
 
044  

แล้วก็นำลำโพง BOSE มาใส่แทนที่ลำโพงเดิม ซึ่งสามารถใส่แทนได้พอดีเป๊บ ก็แน่ล่ะ เพราะเค้าออกแบบมาให้กับรถรุ่นนี้นี่นา

045  

ประตูบานหลังก็เช่นกันครับ ใส่ได้พอดี ถอดง่าย ใส่ง่าย

046  

ก่อนที่นำ Power Amp และ Sub – Woofer ไปติดตั้งนั้น ต้องมาหาก่อนว่า มีสัญญาณเข้าออกที่ขั้วไหนบ้าง และจะต้องต่ออย่างไร
 
047  

ซึ่งทุกวันนี้  Internet  และ Google เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตไปซะแล้วครับ ซึ่งถ้าไม่มี ผมก็คงไม่ได้รายละเอียด ของ คอนเนคเตอร์ เพาเวอร์แอมป์ชุดนี้มา
หรืออาจจะไม่มีโปรเจคนี้เกิดขึ้นแน่นอน  ซึ่งที่มาก็ตามลิงค์ครับ http://www.mazdas247.com/forum/showthread.php?123685453-Looky-Looky-what-I-got-from-BOSE
ซึ่งเมื่อมีรายละเอียดตรงนี้แล้ว ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นทันตาเห็นครับ

048  

ณ ตอนนี้ผมมีคอนเนคเตอร์ 24 PIN แล้ว แต่คอนเนคเตอร์ ตัวใหญ่ ที่เป็น 8 PIN ผมไม่มีครับ และผมก็ไม่หาซื้อแล้วด้วย เนื่องจากว่าไม่อยากให้เสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว
เลยใช้วิธี โมดิฟาย โดยการใช้หางปลา มาต่อกับสายไฟ โดยใช้คีมย้ำสายไฟ ตะกั่วบัดกรี และท่อหด

049  

 ก็ได้หน้าตาออกมาดังรูปครับ

050  

หลังจากนั้นก็เสียบเข้าไปให้สุด  นำเทปพันสายไฟมามัดรวมกัน

051  

แล้วใช้เคเบิลทาย มัดอีกครั้งดังรูปครับ เพื่อกันการหลุด

052  

และที่สำคัญ อย่าลืม Mark ด้านปลายของสายไฟด้วยนะครับ ว่าสายเส้นไหนคืออะไร

053  

ทางด้านซัพวูฟฟเฟอร์ก็ทำแบบเดียวกันครับ  เพราะไม่มีคอนเนคเตอร์เช่นกัน

054  
055  

มากันที่ คอนเนคเตอร์ 24 PIN ครับ โดยสายชุดนี้ ไม่ได้เป็นอุปกรณ์ที่จะให้กับ Bose Amp ใน Mazda3 นะครับ แต่เป็นอุปกรณ์ที่ไว้ใช้กับรถยนต์ในเครือ GM
ที่มีออฟชัน Bose น่ะครับ ที่ที่ผมเลือกตัวนี้มาเพราะว่ามันถูกครับ เพราะถ้าเป็นของที่ใช้กับ Mazda ราคาจะแพงครับ 40 เหรียญแหน่ะ เพราะว่าผมต้องหารแต่ตัวคอนเนคเตอร์แค่ด้านตัวเมียเท่านั้นครับ

056  

ส่วนอีกด้านที่เป็นตัวผู้ ไม่มีใช้งาน ก็ตัดทิ้งไป

057  

ขั้นต่อมาก็มาจำแนกสายครับ โดยคอนเนคเตอร์ชุดนี้ จะประกอบด้วย สายสัญญาณอินพุท 4 ช่อง และช่องสัญญาณเอาพุตอีก 4 ช่อง ครับ
ซึ่งก็คือ LF (หน้าซ้าย), RF (หน้าขวา), LR (หลังซ้าย) และ RR (หลังขวา) และ สัญญาณ Remote เพื่อใช้ในการเปิดปิด Power-Amp อีก 1 เส้น  
เท่ากับว่าใช้ 17 PIN เพราะว่าสายสัญญาณ ทั้งอินพุทและ เอาท์พุท จะประกอบด้วยสัญญาณละ 2 เส่น ส่วน Remote ใช้เส้นเดียว

058  

ขั้นตอนต่อมาก็คือปลอกสายไป โดยสายไหนที่ไม่ได้ใช้ก็มัดรวมเอาไว้ ทางด้นสัญญาณ อินพุท จะใช้สาย Shield ที่ชุดที่เคยจัมท์ออกจากฟรอนท์โดยตรง
แล้วไม่ work นั่นแหล่ะครับ ส่วนทางด้านเอาท์พุต ก็ใช้แค่สายลำโพงธรรมดาครับ

059  

เริ่ทจากต่อสายลำโพงก่อน โดยผมจะไม่ใช้วิธีตัดต่อสายโดยตรงโดยใช้ตะกั่วบัดกรีครับ แต่จะใช้ขั้วต่อที่เป็นหางปลาง และใช้ท่อหด หุ้มอีกที

060  

ทางด้านปลายสาย ก็  mark สายไว้ด้วยครับ ป้องกันการต่อผิด

061  

จากไดอะแกรมรูปเก่า มาโมดิฟายนิดหน่อย โดยการเพิ่มตัว Hi to Lo level converter เข้าไปครับ ขอภัยถ้าภาพเล็กไปครับ  

062  

ขั้นตอนที่ผมรู้สึกเสียเวลาพอสมควรเลยคือ ขั้นตอนการร้อยสายไฟมายังแบตเตอรี่นี่แหละครับ ผมใช้สาย 2.5 mm2 เนื่องจาก Power amp กำลังขับไม่ได้สูงมาก
ผมติดตั้งฟิวส์แล้วนะครับ แต่ลืมถ่ายรูป เพราะเนื่องจากทำคนเดียว ทำไปเพลินๆ เลยลืมถ่าย

063  

จุดที่ร้อยสายไฟเข้ามาภายใยรถครับ เล่นซะมึนหัวเลย เพราะต้องนอนทำ เนื่องจากว่าจุดที่ร้อยสายอยู่ลึกครับอยู่เหนือที่เก็บของด้านคนนั่งขึ้นไปอีก

064


ขั้นต่อมาหลังจากที่ถอดฟรอนท์ออกไปแล้ว ก็ต้องมาเช็คคอนเน็คเตอร์ของฟรอนท์เดิม ว่าเราจะต้องตัดต่อสายไหนบ้าง

065  
รูป Terminal connection code

ซึ่งก็มาดูได้จากนี่ รูปด้านบนนี้เลยครับ  โดยที่มาไม่ใช่อื่นไกล แถมเป็น  Banner ให้กลับ headlightmag ด้วยครับนั่นก็คือ
http://www.mazdaclub.net/module_view.php?mod=webboard&fn=view&cid=17188

066

ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาอีกอย่างหนึ่งก็คือ ที่ผมวงกลมไว้ครับ ซึ่งคือจุด J ดังรูป Terminal connection code ไม่มีสายไฟ แผ่นทองแดงให้จัมท์เลยครับ  
ซึ่งถ้าเป็น Mazda3 ตัวที่ขายในต่างประเทศ น่าจะมีครบกว่านี้ครับ

067

ทั้งๆที่ตัวฟรอนท์เดิมเองก็มี PIN ที่เป็นขั้ว remote มาให้นะครับ แล้วทำอย่างไรดี ในเมื่อจัมท์จุด J ไม่ได้ ก็ไปจัมท์จุด R ล่ะกัน จุด R เป็นไฟ Acc +12 Volt ครับ
เพราะปกติก็ฟังเพลงทุกครังที่ขับรถอยู่แล้ว ซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร  

068  

ขั้นต่อมาก็คือ ตัดสายลำโพงเดิมออก แล้วย้ำหางปลา

069  

จากนั้นก็ตัว Hi to Lo level converter มาต่อครับ โดยเจ้าตัวอุปกรณ์นี้ ต้องใช้ไฟเลี้ยง +12 V ครับ ซึ่งก็จัมท์จากจุด R ที่เป็น Acc เช่นกัน
โดยสายทุงเส้นของเจ้าตัว Hi to Lo level converter นี้ จะ mark ไว้หมดแล้วครับว่าสายไหนคือสายไหน

070  

จากนั้น ก็ต่อสายทุกอย่างให้เหมือนกับไดอะแกรมที่ผมเขียนไว้ครับ ขั้นตอนค่อนข้างรวบรัด เนื่องจากไม่ค่อยได้ถ่ายรูปครับ เวลาไม่มีรูป ก็จะทำให้อธิบายได้ลำบาก

071  

เมื่อต่ออุปกรณ์จนครบ ก็ต้องลองเทสดูครับ ปรากฏว่า ใช้งานได้ครับผม ....เอ้าฉลอง ... แต่ๆ อย่าเพิ่งดีใจไปครับ เพราะเมื่อลองสตาร์ทรถแล้วมีเสียงวี้ดๆ อ่า  
เนื่องจาก Harmonic ที่เกิดจากระบบไฟจากเครื่องยนต์เข้ามารบกวนครับ พยายามหาต้นตอของเสียงอยู่ 2 อาทิตย์ โดยทีแรก มุ่งเป้าไปที่ ระบบ Ground ของ Power amp ก่อนเลย
ว่าเดินดีมั้ย โดนเพิ่มจุดยึดกราวด์จาก แอมป์ ให้สั้นลงอีกครับก็ไม่หายนะ สุดท้ายคำตอบไปอยู่ที่ สายกราวด์ของ Hi to Lo level converter เล็กไปและสั้นไปครับ
 เพราะเมื่อลองถอดแจ๊ค RCA ที่เป็นอินพุทที่จะไปเข้าเพาเวอร์แอมป์ออกดู แล้วสตาร์ทเครื่องดู เสียงวี้ดหายไปครับผม ผมเลยลองแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อนคือ
ทำให้สายกราวด์ของ Hi to Lo level converter สั้นลงไปอีก ผลลัพท์ ที่ได้คือลดลงไปได้บ้างครับ แต่ไม่ทั้งหมด ซึ่งก็ชั่งมันเถอะ มันไม่ตังจนรำคาญหูก็เป็นพอแล้วครับ
 
072  
หลังจากนั่น ก็ติดตั้งเพาเวอร์แอมป์เข้าไปครับ โดยผมเลือกติกตั้งไว้ใต้เบาะคนนั่ง ทั้งๆที่จริงแล้วต้องติดไว้ใต้เบอาะคนขับ แต่เพื่อความสะดวกในการเดืนสายไฟ
ผมติดตั้งทางเบาะซ้ายดีกว่าครับ โดยทั้งซัพวูปเฟอร์ และ เพาเวอร์แอมป์ มีจุดยึดน๊อตให้อย่างล่ะ 3 จุดครับ แต่ผมยึดน๊อตแค่อย่างละตัวครับ
เพราะที่ตัวรถเองมีรูที่ต๊าปเกลียวไว้ให้แล้ว ด้านล่ะจุด แต่อีก 2 จุดผมหาไม่เจอครับ และไม่อยากรื้อพรม หรือถอดเบาะ เพราะว่าขี้เกียจแล้ว  

073  

ส่วนซับวูปเฟอร์ ไว้ทางขวา  เพราะอยากรู้ว่ามันจะ “สะเทือนไข่” แค่ไหน 555

074  

ในที่สุดก็เสร็จเสียที ครับ ฟังชันก์ทุกอย่างใช้งานได้ครบเหมือนเดิม ส่วนเรื่องเสียงนั้น เดี๋ยวเราไปลองฟังกันครับ








     จากที่ลองฟังกันแล้ว ก็แล้วแต่วิจารณญาณนะครับ เพราะความชอบในเรื่องของเสียงของแต่ละบุคคลไม่เหมือนกัน แต่ถ้าจะให้พูด
หรือวิจารย์จากคลิปเสียงที่ได้รับฟังกันไปแล้วในแต่ละคลิปนั้น  เมื่อเปลี่ยนไปใช้แค่ลำโพง BOSE ในคลิบที่ 2 เสียงกลางจะออกมาเยอะกว่าพอประมาณครับ
แต่ไม่ถึงกับรำคาญหูนะ แต่เสียงเบสค่อนมาทางแข็งขึ้นเล็กน้อย แต่พอไปคลิปที่ 3 คราวนี้เสียงที่ได้ยิน จะแตกต่างขึ้นอย่างชัดเจนครับ
แต่โดยส่วนตัวผมรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะตัวผมเองคาดหวังเสียงที่ได้ได้ยินจากเครื่องเสียง BOSE ไว้มากกว่านี้ครับ อย่างน้อย เสียงเบส
ควรจะทุ้มลึกกว่านี้ครับ เลยไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมี่ อเมริกาเค้าถึง เอาไปตีตู้เพิ่มแอมป์ เพิ่มซัพวูปเฟอร์กัน เพราะเค้าต้องการเบสแน่นๆ กระแทกอกนั่นเอง
เหมือนเพลงที่เปิดตามผับน่ะครับ
  
     สรุปนะครับ ที่ตั้งชื่อบทความว่า เกือบจะเป็น BOSE sound system ก็เพราะว่าถ้าเป็น BOSE sound system แท้ๆ ที่ตัวฟรอนท์เองจะต้องมีสติกเกอร์ BOSE กำกับไว้ด้วย
และตัวฟรอนท์ จะมีแค่สัญญาณเพื่อนำไปขยายต่อเท่านั้น จะไม่ได้เป็นสัญญาณที่ถูกขยายออกมาแล้วแบบฟรอนท์เดิมๆ ครับ และโปรเจคนี้อย่างที่บอก ทำเพราะอารมณ์ล้วนๆ
ด้วยเงินเกือบ 2 หมื่นบาทเพื่อแลกกับการได้ครอบครอง BOSE sound system ซึ่งถ้าไม่ใช่ BOSE น่าจะได้อะไรที่สุดกว่านี้ แต่สิ่งที่ผมได้มามากกว่าสิ่งของคือ  
การได้ทำอะไรกับรถของตัวเอง ด้วยตัวเอง และสามารถใช้ความรู้ที่ได้ศึกษามา ค.ว.ย. (คิด วิเคราะห์ แยกแยะ) เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังที่ตัวเองตั้งใจไว้ครับ.

075  

และนี่คือโปรเจคต่อไปครับ ยากสุดเลยคือเก็บตังค์ครับ 555+ แต่ราคาไม่แพงนะครับ แค่รอเวลาแค่นั้น..

ขอขอบคุณ Headlightmag.com ที่เอื้อเฟื้อสถานที่ให้แบ่งปันข้อมูลครับ .../
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 28, 2013, 16:52:23 โดย pkdiamond »

ออฟไลน์ Devil13

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,983
แอบอิจฉาครับ  ทำไมซิตี้ไม่มี BOSE มั้ง >:(

ไม่ทราบว่าโดนไปเท่าไหร่ครับ  เท่าที่ฟังในคลิปคิดว่าดีขึ้นกว่าเดิมเยอะ ถ้าฟังด้วยหูตัวเองจริงๆคงขนลุก

ออฟไลน์ lovelymemo

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 53
    • อีเมล์
เป็นแนวทางของคนที่ชอบเครื่องเสียงได้เลยคับ สุดยอดมากๆคับ
I'm so Jazz !!!

ออฟไลน์ diow_1991

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 930
    • อีเมล์
เยี่มมมากครับ นับถือความพยายาม จขกท. เลย

ออฟไลน์ shanon

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 126
    • อีเมล์
Re: DIY ระบบเสียงเดิมๆ ในรถยนต์ ให้เกือบเป็น BOSE sound system
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มิถุนายน 28, 2013, 21:31:10 »
สุดยอดครับ ผมเชื่อว่าส่วนนึงที่เสียงดรอปไปเนื่องจากชุด Hi to Low นี่ละ  ถ้าเอาLine แท้ๆมาขับคุณภาพเสียงคงดีกว่านี้  นึกถึงสมัยเรียนเทคนิคจริงๆ ตัดแผ่นไม้ประกอบตู้สูตร  ;D ;D ;D

ออฟไลน์ checkmate

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 572
    • อีเมล์
ชอบครับ ความตั้งใจแบบนี้  :D

รวมๆแล้วจัดชุดใหญ่ได้เลยชุดนึง โดนภาษีแพงจริงๆ

ktanapat

  • บุคคลทั่วไป
ความพยายามสูงมากเลย ครับ
อุตส่าหาของต่างๆ มาได้ครบ และทำเองจนสำเร็จด้วย นับถือจริงๆ ครับ

แต่เรื่องสัญญาณจาก font เนี่ย ผมขอเสนอนิดนึงซิครับ
ทำไมไม่ลองเอาสัญญาณลำโพง มาเป็น line in เลยละครับ
ผมเข้าใจว่า สัญญาณนี้มันจะเป็น hi ก็ต่อเมื่อไปต่อกับลำโพงที่อิมพิแดนซ์ 4 หรือ 8 โอห์มเท่านั้นนิครับ
แต่ถ้าเราเอามาต่อกับ input ของ power amp ที่มีอิมพิแดนซ์สูงๆ เป็น กิโลโอห์มแล้ว สัญญาณมันก็ไม่ได้มีกำลังสูงนี่นา
หรือไม่ก็ใช้ตัวต้านทาน ซัก 1k ต่อเป็นอนุกรม หรือขนาน แล้วลองฟังเสียงดูก็ได้

เพราะข้อดีคือสัญญาณ ไ่ม่ต้องไปผ่านวงจร ที่ผมเดาว่าน่าจะเป็น pre amp อิมพีแดนซ์อินพุทต่ำ
ทำให้สัญญาณเสีย หรือมี noise ปนมาแบบที่ จขกท บอก
แต่ว่าอันนี้ผมคิดเอาเองนะครับ

แต่ยังไงก็ชื่นชม จขกท นะครับ








bleem

  • บุคคลทั่วไป
ขอชื่นชมผลงานด้วยใจจริง ครับ กดไลท์ เยี่ยมครับ

ออฟไลน์ mcat231032

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 670
ชื่นชมความพยายามและการแบ่งปันจากใจ เลยครับ

ออฟไลน์ recycleman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,202
ขอคาราวะ1จอกสำหรับความตั้งใจครับ ผมเองก็ชอบเล่นเครื่องเสียงแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเข้าไปให้ร้านเครื่องเสียงทำให้ซะเกือบทุกอย่าง โดนฟันหัวเบะทุกที  :P

ออฟไลน์ ToRToNGPaT

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,938
    • Wongnai : ติดตามต้อง
WoW Bose อยากรู้จังมันจะ Fin แค่ไหน ขนาดรถผม เปลี่ยน Front เป็น Pioneer เสียงดีขึ้นเยอะ ถ้าเป็นลำโพงมันนี้ มันคง สุดยอดดดดดดดด
My Car = My Friend

2023 Honda HR-V 1.5 e:HEV RS E-CVT Ignite Red Metallic / Black Roof (น้องหมูแดง)
2023 Honda WR-V 1.5 RS CVT Ignite Red Metallic / Black Roof (น้องถุงแดง)


Review ของกินอร่อยๆ เรียนเชิญที่ Wongnai : ติดตามต้อง

ออฟไลน์ tunnnnnn

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 61
อ่านแล้ว "ซึ้ง" .... ในความตั้งใจ และ ความสามารถ ของท่าน pkdaimon ครับ

ขอเป็นกำลังใจ ให้ท่าน เก็บเงิน ซื้อ front ใหม่ที่มี output ตรงเข้า amp ของ bose ได้ในเร็ววัน !!!
(และก็อย่าลืม มาให้ความรู้กันอีกนะครับ)

ได้ความรู้เยอะเลย กระทู้นี้

: )


ออฟไลน์ tokyo

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 632
ขออนุญาตินอกเรื่องหน่อยครับ แผงพลาสติกไฟฉุกเฉิน รูปที่ 017 ถอดยังไงอะครับ
คือผมถอดเพลาสติกสีเท้าเส้นยาวได้ละ เจอน็อต2ตัวที่ยึดนั่นและ แต่ใจไม่ถึงพอไม่กล้าดึงออก กลัวขาหัก
มันมีล็อคยังไงเหรอครับ ต้องดึงขึ้นบนหาหลังคารถ หรือดึงมาฝั่งท้ายรถอะครับ

พอดีกะว่าจะเอาสายฃาร์จกล้องหน้ารถปล่อยลงช่องแอร์ที่เป่ากระจกหน้าอะครับ ;D
07 mazda 3

ออฟไลน์ Chalat

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 22
    • อีเมล์
ขอขอบคุณ ที่เจ้าของกะทู้มาแบ่งปันความรู้ และนับถือความรักความชอบในเครื่องเสียงและความพยายาม น่าภูมิใจมากครับ

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,577
  • Let the SKYFALL
เยี่ยมเลยครับ
Bose OEM อิจฉามากๆๆ
ละก็ลำโพงเดิม Mazda ยังดูดีกว่าของ Toyota เยอะเลยครับ
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ vichaitre

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 226
    • อีเมล์
ความพยายามเป็นเลิศ ขอชื่นชม

ออฟไลน์ Prachsaphol_yjd

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 587
    • อีเมล์
เจ๋งว่ะเอก...แผงข้างประตูรถผมยังไม่กล้าแงะเลยว่ะ 555  ;D
ภรรเมียไม่ให้ทำอะไรเลย

ออฟไลน์ jojow

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 932
นับถือจริงๆคับ
สุดยอดมาก

 ;D ;D ;D
2002 BENZ W220 S280 ,2002 PEUGEOT 406 D9
2004 BMW E60 525ISE ,2011 NISSAN 370Z
2011 BMW F10 525d ,2012 BMW F10 520i
2012 MAZDA BT-50PRO DBL 2.2 ,2015 TOYOTA ALPHARD SC PACKAGE
2015 PORSCHE CAYENNE S E-HYBRID ,2017 PORSCHE 718 CAYMAN S
2017 VOLVO S90D4 POLESTAR
2020 TOYOTA CROSS
2021 TESLA MODEL3

wittymazdaFC

  • บุคคลทั่วไป
ฮ๋าฮ่า  นับถือครับ ทำเอง
 
ผม ขี้เกียจมากกก 555++ โดน ส่วนตัวพอใจ กับ ลำโพงของ mazda 3 ทั้ง กลาง และ สูง  แต่ ซัฟ  นี่ ไม่ได้เลย เบส  ช่างน่าเกลียด มากกก 55  ก็ว่าจะไป เปลี่ยน sub

อยู่ครับ

ออฟไลน์ Ishida

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 730
สุดยอดมากจริง ๆ ครับ ขยันมาก แถมยังปราณีตด้วย มีการเก็บสายไฟอย่างดี ใส่ tag ให้กับเส้นเพื่อป้องกันความผิดพลาดอีก

ขอบคุณสำหรับบทความ DIY ดี ๆ นะครับ ขอให้มีความสุขกับเสียงเพลงครับ ^_^
พระเจ้าก็เป็นมนุษย์เหมือนกับเรา เพียงแต่ทำได้ในสิ่งที่คนธรรมดาอย่างเราทำไม่ได้

ออฟไลน์ RATTAPON

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
ขอบคุณมากครับสำหรับการรีวิว ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันสิ่งที่ดีๆมาเล่าสู่กันฟังครับ นับถือในความพยายามและความสามารถครับ :D ;)

ออฟไลน์ chanvitjeab

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 170
    • อีเมล์
ชอบมากครับ เหมือนตอนเปนเด็กเรยย ชอบรื้อโน่นแงะนั่น พอโตมาหลายอย่างในชีวิตประจำวันก็DIY  :D :D

ออฟไลน์ chaowalit

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 202
สุดยอดมาก นับถือเลยครับ  เก่งมาก

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,495
ยินดีด้วยในความสำเร็จครับ  ....ส่วนผม  ไม่สำเร็จ  ถอดออกหมดแล้วแต่ถอใจใจก่อน
  สิ่งที่ผมเตรียมก็ ไฮทูโลว์ พร้อมแอมป์..และลำโพง ชุดหนึ่ง  แต่พอถอดออกมา ดูรอบคอบแล้วใส่กลับเข้ไปคืน ขอฟังแตน ๆ ไป ทั้ง ๆ ที่ผมชอบเบสหนัก ๆ เพราะ
  9 3  ของผม  ฟร้อนท์ร์ส่งสัญญาณ ระบบดิจิตอล ไม่ใช่อนาล็อก...หากจะทำต้องไปหา dac มาให้ได้ก่อน....หรือหากจะเลือกเสียงสัญญาณจากลำโพง แปลงไฮทูโลว์   ลำโพง ส่วนที่ขับจากฟร้อนท์ ก็กรองสัญญาณออกมาแล้ว.... แถม ยังมีใยแก้วนำแสง ในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับระบบ ป้องกันขโมย เข้าไปยุ่งในระบบเครื่องเสียงทั้ง(เสียบเข้าชุดด้วยกัน) ฟร้อนท์และแอมป์ที่ติดมากับรถอีก หากผิดพลาด ผมร้องแน่ ......เลยยกเลิก..

ออฟไลน์ art_duron

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 949
นับถือๆ ในความพยายาม หาของจนได้ พร้อมติดตั้งจนเสร็จจริงๆ เลยครับ  :D

ออฟไลน์ JIRATH

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,758
    • อีเมล์
จขกทเซียนจริงๆ

ผมเห็นสายแบบนั้นแล้วปวดหัวเลย

2008 Mazda CX-9 (SOLD)
2008 BMW X5 3.0si E70 (SOLD)
2010 Volkswagen CC R-Line (SOLD)
2014 Subaru BRZ Limited (SOLD)
2016 Subaru STi (SOLD)
2016 Honda Accord Sport
2016 BMW 328d F31 Xdrive
2015 Lexus CT200h F-Sport
2006 BMW 330i E90 6M/T

ออฟไลน์ Fly to dream

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11,654
เจ๋งมากครับ อยากทำแบบนี้บ้าง แต่ไม่เป็นเลยสายช่าง  ;) ;) ;)
ขยะของโลกออนไลน์​ในปัจจุบั​นคือเชื่อคนโง่ที่มีคำพูดสวยหรู​ หาข้อมูล​ไม่จริงมาโกหกคำโตๆ​ อีกอย่างคือพูดความจริงไม่หมด กับพวก​ Avatar ที่ทำเป็น​เก่ง​แต่เก่งน้อยในโลกความจริง​ซึ่งจะหาได้ง่าย

ออฟไลน์ jumpon77

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,364
    • อีเมล์
ขอบคุณครับบบบ
http://facebook.com/jumpon.hiranyanon
https://twitter.com/jumpon77     คุยได้นะครับ.
 Corolla Altis 1.8 E MT MY2008 Corolla Altis 1.6 J AT my2011 Isuzu D-MAX Spark my2003

ออฟไลน์ pkdiamond

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 747
  • I 'm Axera.............
    • อีเมล์
เท่าที่ผมมองสำหรับเครื่องสียงตัวนี้คือ โมดิฟายโดยการ เพิ่ม Bass Box กับเปลี่ยนลำโพง Tweeter ก็เพียงพอแล้วครับ งบไม่กิน 5000