ขอตอบจากประสบการณ์ตรงครับ
ราคาที่ตกของ Hybrid ไม่ใช่ตกเพราะคุณภาพรถครับ รถไม่มีปัญหา ไม่ได้ซ่อม ขายแล้วราคาตกก็ไม่ขายสิครับ เว้นเสียแต่คุณต้องการใช้เงินหรืออยากเปลี่ยนรุ่น
ที่ตกเป็นเพราะความนิยมในตลาดมือสองครับ ถ้าคุณจะซื้อรถมือสองซักคัน แน่นอน สิ่งที่คุณต้องการอำดับต้นๆ คือราคา และคุณภาพพอรับได้ ซึ่งอาจจะมาจากหลายเหตุผล เช่น ประหยัด กะใช้ไม่นาน หรืออื่นๆ เพราะถ้าคุณไม่มีปัญหาเรื่องราคารับรองคุณไม่มาออกมือสองหรอกครับ ดังนั้นปัจจัยหลักๆที่คุณต้องการในระยะยาวมันเลยไม่มีไงครับ เพราะคุณอยากได้รถในงบประมาณที่จำกัด นอกจากนั้นยังมีเรื่องแบตที่เป็นจุดอ่อนที่โตโยต้ายังไม่สามารถแก้ไขด้านการให้ข้อมูลได้ ทำให้มันถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการต่อราคาเสมอๆในตลาดมือสอง
เหตุผลของบ้านผมที่ซื้อให้แฟนขับคือ (แต่เดิมแฟนขับ 2.0 G)
- ไม่ชอบติดแก็ส
- คันเก่ากืนน้ำมัน 6 - 9 โลลิตรในเมืองผสมนอกเมือง ค่าน้ำมัน เดือนละ 12,000 อย่างต่ำ ปัจจุบันเหลือ 6,000 ครับ
- อยากได้เครื่องระดับ 2.4 เพราะปลอดภัย นั่งเต็มคันยังเร่งแซงตอนฉุกเฉินได้ (2.0 นี่ มือเปียกเลยนะครับ ยิ่งถ้าเครื่องเกินแสนห้าแล้ว อืดลงอย่างชัดเจน)
- ระบบความปลอดภัยครบๆ
- บ้านผมใช้รถเฉลี่ย 10 - 12 ปี ดังนั้นค่าน้ำมันที่ประหยัดไป ปีละ 72,000 * 10 ปี= 720,000 ยังไงก็คุ้มกับส่วนต่างที่จ่ายค่า Hybrid ครับ (แพงกว่า 2.4 หรือ 2.5 ธรรมดา แค่ แสนกว่าบาท)
สุดท้ายผมเห็นด้วยเรื่องราคาขาย ถ้าคุณจะซื้อมาเก็งกำไรคงขาดทุนเยอะหน่อย แต่ถ้าซื้อมาใช้ยาวๆ น่าจะคุ้มกว่าตัวธรรมดาที่เครื่องเท่ากันครับ (อย่าไปเทียบกับ 2.0 นะครับ)