ที่มา
http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9500000143977เป็นเวลายาวนานถึง 5 ทศวรรษแล้วที่ อีซูซุ ได้เข้าไปมีบทบาทในวิถีชีวิตของชาวไทย ทั้งในฐานะเพื่อนคู่คิดในธุรกิจการงาน และเพื่อนคู่ใจในการเดินทาง การได้เห็น รถอีซูซุ วิ่งอยู่บนถนนทุกสายในประเทศไทยนั้น นับเป็นความคุ้นเคยอย่างยิ่งสำหรับคนไทย หากนับจากรถบรรทุกอีซูซุคันแรกที่เข้ามาจำหน่ายเมื่อปี พ.ศ.2500 จนถึงวันนี้อีซูซุมียอดการผลิตและจำหน่ายรถในประเทศไทยมากกว่า 2,000,000 คัน นับเป็นความสำเร็จอันสูงยิ่งในวงการรถยนต์เมืองไทย
คำว่า อีซูซุ แปลว่า กระดิ่ง 50 ใบ ซึ่งเป็นชื่อของแม่น้ำอีซูซุอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลผ่านวิหารอิเสะซึ่งมีอายุเก่าแก่มากกว่า 2,000 ปี วิหารแห่งนี้ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นที่สถิตของ องค์สุริยเทพ อามะ เทราสุ โอมิคามิ ซึ่งถือเป็นบรรพบุรุษของราชวงศ์ญี่ปุ่น
ดังนั้นทุกๆ ปีจะมีชาวญี่ปุ่นหลายล้านคนมาสักการะองค์เทพเจ้า พร้อมทั้งนำน้ำอันบริสุทธิ์จากแม่น้ำ อีซูซุมาปะพรมร่างกายเพื่อความเป็นสิริมงคลกับตนเอง และเพราะแม่น้ำคือเส้นทางหลักที่ใช้ในการขนส่งสินค้า เพื่อความอยู่ดีกินดีของผู้คน และความเจริญทางเศรษฐกิจ
อีซูซุจึงมุ่งมั่นในการพัฒนายานพาหนะที่ไม่เพียงแต่ขนถ่ายสินค้าให้ถึงยังจุดหมาย แต่ต้องขนส่งความสุข ความพอใจ ความเจริญรุ่งเรืองไปยังทุกจุดของประเทศ และนี่คือ The Isuzu Spirit หรือ วิถีอีซูซุ
ขับเคลื่อนอนาคตโลกสู่ความพอใจไร้ขีดจำกัด
อีซูซุ...5 ทศวรรษแห่งความสำเร็จในตลาดรถยนต์เมืองไทย
จากสายนทีอีซูซุอันศักดิ์สิทธิ์ในแดนอาทิตย์อุทัยมาสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา สายน้ำแห่งชีวิตของชาวไทย โดยบริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด ได้นำรถบรรทุกอีซูซุคันแรกเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2500 หลังจากนั้นอีกสองปีจึงได้ก่อตั้งสำนักงานขายรถยนต์อีซูซุขึ้นในปี พ.ศ. 2502 ที่เชิงสะพานหัวช้าง กรุงเทพมหานคร นับเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญซึ่งนำพาอีซูซุก้าวสู่ความสำเร็จในอุตสาหกรรมยานยนต์อันยิ่งใหญ่ในประเทศไทยในเวลาต่อมา
พ.ศ. 2506 เริ่มต้นการประกอบรถอีซูซุในประเทศไทย โดยการลงทุนร่วมกันระหว่างบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) และบริษัท มิตซูบิชิ (ประเทศไทย) จำกัด
พ.ศ. 2509 ขยายโรงงานประกอบรถยนต์และจัดตั้ง บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อบริหารงานประกอบรถยนต์อีซูซุ โดยการร่วมลงทุนระหว่างบริษัท มิตซูบิชิคอร์ปอเรชั่น และบริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น)
พ.ศ. 2517 ก่อตั้ง บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เพื่อบริหารธุรกิจการจำหน่ายและศูนย์บริการอีซูซุโดยอิสระ เนื่องจากรถอีซูซุได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้ใช้รถชาวไทย
พ.ศ. 2530 ก่อตั้ง บริษัท อีซูซุ เอ็นยิ่น แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับรถปิกอัพ โดยได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
พ.ศ. 2545 ก่อตั้ง บริษัท อีซูซุ โอเปอร์เรชั่น ไทยแลนด์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจส่งออกรถปิกอัพอีซูซุจากประเทศไทยไปจำหน่ายมากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
50 ปีแห่งความเชื่อมั่นที่ทำให้ รถบรรทุกต้อง อีซูซุ"
ธุรกิจขนส่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และรถบรรทุกคือปัจจัยสำคัญที่นำความเจริญไปทุกหนแห่งของประเทศ อีซูซุได้นำรถบรรทุกขนาดกลางและขนาดใหญ่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งในเวลาต่อมาได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะอีซูซุเป็นรถที่มีความแข็งแกร่ง ทนทานสูง จนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า รถบรรทุกต้อง อีซูซุ
พ.ศ. 2500 นำรถบรรทุกอีซูซุเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2526 นำเครื่องยนต์ดีเซลระบบโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ มาใช้กับรถบรรทุกขนาดใหญ่เป็นรายแรก
พ.ศ. 2542 ผลิตรถบรรทุกขนาดใหญ่เพื่อสิ่งแวดล้อม ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านมลพิษหรือ EURO I เป็นรายแรก
พ.ศ. 2548 นำเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรลมาใช้กับรถบรรทุกขนาดกลาง อีซูซุเอลฟ์ เป็นรายแรก
รถอีซูซุ รุ่นฟาสเตอร์ (Fazter)
50 ปีของอีซูซุ...ผู้นำตลาดรถปิกอัพเมืองไทย
ตลาดรถยนต์เมืองไทยมีลักษณะเอกลักษณ์ไม่เหมือนประเทศใดในโลก นั่นคือ รถปิกอัพได้รับความนิยมสูงสุดมาโดยตลอด โดยครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 60 % ของตลาดรวม ทั้งนี้เพราะคุณสมบัติพิเศษในด้านความอเนกประสงค์ สามารถใช้ได้ทั้งในเชิงพาณิชย์ และชีวิตส่วนตัวจึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับลักษณะภูมิประเทศและวิถีชีวิตของคนไทย อีซูซุภูมิใจที่เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมรถปิกอัพของไทยมาตลอด จนเป็นที่กล่าวกันว่า รถปิกอัพต้องอีซูซุ
พ.ศ. 2516 อีซูซุเป็นผู้นำเครื่องยนต์ดีเซลมาใช้ในรถปิกอัพเป็นรายแรกในประเทศไทย
พ.ศ. 2528 อีซูซุเป็นผู้นำในการพัฒนารถปิกอัพห้องโดยสารกว้าง สเปซแค็บ รายแรก
พ.ศ. 2529 อีซูซุเป็นผู้นำเครื่องยนต์ดีเซล ระบบไดเร็คอินเจคชั่น เทคโนโลยีระดับทองมาใช้กับรถปิกอัพเป็นรายแรก
พ.ศ. 2535 อีซูซุเป็นผู้นำในการผลิตรถปิกอัพขับเคลื่อน 4 ล้อ เป็นรายแรกของเมืองไทย ในชื่อ อีซูซุ โรดีโอ โฟร์วีลไดร์ฟ
พ.ศ. 2538 อีซูซุเป็นผู้นำเกียร์อัตโนมัติมาใช้กับรถปิกอัพเป็นรายแรก
พ.ศ. 2540 อีซูซุเป็นผู้นำเครื่องยนต์ไดเร็คอินเจคชั่น เทอร์โบ มาใช้กับรถปิกอัพ เป็นรายแรก
พ.ศ. 2542 อีซูซุเป็นผู้นำไฟหน้าแบบซีนอน มาใช้กับรถปิกอัพเป็นครั้งแรก
พ.ศ. 2544 อีซูซุเป็นผู้แนะนำเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรลกับรถยนต์นั่งอเนกประสงค์เป็นรายแรกใน อีซูซุทรูปเปอร์
50 ปีทองอีซูซุ...สืบสานความเชื่อมั่นชาวไทย สู่ความมั่นใจชาวโลก
อีซูซุประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทย และได้รับความเชื่อมั่นเป็นอันดับ 1 ในการเป็นรถที่คุ้มค่าเงินสูงสุด ทั้งในด้านคุณภาพ ความแข็งแกร่งทนทาน ขายต่อได้ราคาดีสุด และมีเครือข่ายการจำหน่ายอะไหล่และบริการที่ครอบคลุมมากกว่า 250 แห่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความประหยัดน้ำมันนั้น ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของผลิตภัณฑ์อีซูซุที่ลูกค้าเชื่อมั่น และทำให้อีซูซุสามารถครองใจผู้ใช้รถชาวไทยในฐานะรถปิกอัพยอดประหยัดไว้ได้อย่างเหนียวแน่น รวมทั้งยังครองอันดับ 1 ในตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ไว้ได้ต่อเนื่องยาวนานถึงกว่า 20 ปี
จากความสำเร็จอย่างท่วมท้นของกลุ่มอีซูซุในประเทศไทย บวกกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดรถยนต์ในเมืองไทยทำให้ไทยเป็นตลาดสำคัญเทียบเท่ากับตลาดในประเทศญี่ปุ่นของกลุ่มอีซูซุ และนี่เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัท อีซูซุมอเตอร์ (ประเทศญี่ปุ่น) ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตรถปิกอัพจากประเทศญี่ปุ่นมาสู่ประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2545 พร้อมทำการเปิดตัว อีซูซุดีแมคซ์ ครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย ซึ่งได้สร้างปรากฏการณ์ อีซูซุดีแมคซ์ฟีเวอร์ ให้เกิดขึ้น นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการรถยนต์เมืองไทย จนถึงวันนี้ อีซูซุดีแมคซ์ ยังมียอดจำหน่ายมากกว่า 600,000 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 4 ปี
อีซูซุดีแมคซ์ รถปิกอัพสัญชาติไทย จากฐานการผลิตในประเทศไทย ได้ก้าวสู่วงการรถยนต์ระดับโลก ด้วยการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ มากกว่า 100 ประเทศในทวีปต่างๆ ทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์การส่งออกที่ไม่เหมือนใคร นั่นคือเป็นการส่งออกตัวรถพร้อมกลยุทธ์การตลาดที่พัฒนาขึ้นในประเทศไทยไปพร้อมกัน หรืออีกนัยหนึ่งคือ ประเทศไทยเป็น แม่แบบ ด้านกลยุทธ์การตลาดของอีซูซุทั่วโลก ขณะนี้ อีซูซุดีแมคซ์ กำลังสร้างชื่อเสียงในตลาดโลกเพื่อประกาศศักดิ์ศรีของแผ่นดินแม่คือเมืองไทยอย่างเต็มภาคภูมิ
ยิ่งไปกว่านั้น อีซูซุดีแมคซ์ ที่ผลิตในเมืองไทยยังยืนยันถึงมาตรฐานการผลิตระดับโลก ด้วยการเข้าร่วมการแข่งขันแรลลี่หฤโหดนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นบาเซโลน่า- ดักการ์, ฟาโรห์ แรลลี่ ล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อีซูซุดีแมคซ์ได้เข้าร่วมการแข่งขันแรลลี่ลิสบอน-ดักการ์ 2007 ระยะทาง 7,915 กม. ในระยะเวลา 16 วัน นับเป็นบทพิสูจน์คุณภาพให้ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก
พร้อมส่งท้ายปีหนู ฉลอง 50 ปีทองด้วย "อีซูซุ ดีแม็กซ์ โกลด์ ซีรี่ส์"