รถรุ่นไหนเหมาะสำหรับติดต่องาน ดูแล้วน่าเชื่อถือบ้างครับ

jaesz


"What When Where Why Who How"

มันอยู่ที่ว่างานอะไร ติดต่อที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไม กับใคร อย่างไร

ไปติดต่องาน ขายโปรเจคสร้างโรงงาน ให้บริษัทฮอนด้า กับผู้บริหารฮอนด้าระดับสูง ๆ ที่ตึกฮอนด้า จอดรถหน้าตึก ลองขับ Camry ไปสิครับ ผมว่า แค่นี้ก็คุยกันยากแล้ว



zeb80

บ่องตงนะ ผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้เลย จะขับกระบะมาหรือBenz มา
สุดท้ายมันจะอยู่ที่ "ข้อตกลงทางธุรกิจร่วมกัน"มากกว่า ผมว่าแต่งตัวให้ถูกกาละเทศะยังเกี่ยวมากกว่าอีกอ่ะ



WATBTG01

ผมในฐานะที่ทำธุรกิจ ผมกลับไม่ได้มองแบบนั้นครับ

เอาง่ายๆ มีผู้รับเหมา มาติดต่องานกับผม สามเจ้า
 
เจ้าที่ 1 ขับ S-Class มา
เจ้าที่ 2 ขับรถกระบะเก่าๆ มา
เจ้าที่ 3 ขับ BT50 ป้ายแดงมา

ผมถามคุณว่า ถ้าเป็นคุณ จะเชื่อถือเจ้าไหนมากที่สุด?

คำตอบของผมคือ ผมเชื่อถือ เจ้าที่ 3 มากที่สุด เพราะผมมองว่า เขาเป็นคนทำงานและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
เขาจึงใช้รถที่เหมาะกับหน้าที่การงาน ขนของได้ ขนคนได้ สามารถใช้ในงานที่เราจะจ้างให้เขาทำได้

ทำไมไม่เลือกเจ้าที่ 1 หรือ 3

เจ้าที่ 1 เล่นรถหรูมาขนาดนี้ แล้วมันจะมาฟันผมขนาดไหน....(ส่วนมากไม่คุมงานเองหรอก ไปจ้างคนอื่นมาทำอีกที)
เจ้าที่ 2 รถเก่ามากขนาดนี้ มันจะทำงานให้ผมได้ดีขนาดไหน...

ทุกอย่างมีสองมุมมองเสมอครับ ผมเชื่อแบบนั้น ตัวผมจึงขับ Subaru Impreza ไปดิวงานซื้อขายตึก กับลูกค้า

สิ่งที่ลูกค้าทักคือ คุณอาร์ต รถสวยจัง ยี่ห้อนี้คนเล่นน้อยนะ ต้องรักกันจริงถึงใช้ แถมกินน้ำมันดุด้วย...
คำตอบที่ผมให้ลูกค้า คือ ผมรักและชอบในสิ่งที่ผมเป็น พอๆ กับที่ผมรักและชอบในธุรกิจที่ผมทำครับ

คำตอบนี้...ทำให้เมื่อวานผมรับเช็คเงินสด 2,xxx,000 มาครับ
จริงๆ มันไม่เกี่ยวกับรถหรอก....แต่สิ่งที่เราทำมันบ่งบอกว่าเราคิดแบบไหนมากกว่า

ผมจะบอกว่า คนไทยน่ะ ยึดติดกับภาพมากเกินไป จนไม่เห็นข้อเท็จจริง หรือ ความเป็นจริงของสิ่งที่คุณกำลังเผชิญกับมันอยู่
มันก็เหมือนกับ เวลาคุณไปออกงานอะไรสักอย่างแล้วเจอสาวน้อยใส่ชุดแดง เฉิดฉายเดินเข้ามาในงาน สิ่งที่คุณคิดคือ สวยว่ะ
แต่สิ่งที่อยู่ข้างหลัง อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะคลำลงไปอาจจะเจอตอ...ก็เป็นได้

ผมเกลียดที่สุดคือ การมองแต่ภาพลักษณ์ภายนอก จนไม่ได้มองจิตใจของคนคนนั้น (ซึ่งเอาหล่ะมันมองยากกว่ามาก)
ในทางธุรกิจก็เช่นกัน ผมไม่ได้มองแค่เขาขับรถอะไรมา แต่มองให้ทะลุถึงจิตใจคนนั้นๆ ว่า ทำไมเขาถึงขับรถคันนี้ มากกว่า






เป็นผมคิดว่าแบบนี้เหมือนกันครับ เพราะผมมีญาติเป็นผู้รับเหมาถมที่ต่างๆ เวลาไปเก็บเงินเค้ามันจะใช้รถกะบะยกสูงสี่ประตูไปเก็บเงินหลักล้านเช่นกัน ทั้งที่เข้ามีรถ Benz, Cayenne, หรือMiNi ก็ตาม และสุดท้ายผมชอบคำๆนี้ครับ
"ผมรักและชอบในสิ่งที่ผมเป็น พอๆ กับที่ผมรักและชอบในธุรกิจที่ผมทำครับ"




EakkyMan

ผมว่าอะไรก็ตามครับ ตอนนี้ มุมมอง D-Segment เหมาะสุด ราคา, ภาพลักษณ์, มุมมองของคนใช้รถ, ไม่ล่างจนเกินไป  และไม่แพงมากไป พร้อมเปลี่ยน เทินได้ใน 2-4 ปี

CAMRY HB, TERNA, ACCORD ก็ OK แล้ว  เพราะถ้าเป็นพนักงานใน Channel SALE, Maketing, FIN, PLANNING ที่ออกไปพบลูกค้า, vender, customer ต้องเปลี่ยนรถบ่อยอยู่แล้ว เชื่อผมดิ




Parinceo

ไม่รู้นะ ผมมองว่าไม่ผิดที่จะดูคนจากการแต่งกาย รถยนต์
ในเมื่อเราไม่รู้จักกันมากขนาดที่ว่ารู้นิสัยกันดีแล้ว
เราก็ต้องเอาข้อมูลเท่าที่เรามี นั่นคือรูปลักษณ์ภายนอกมา assume ตัดสินก่อน
กาละเทศะก็เลยยังเป็นสิ่งสำคัญ

การที่ใช้ Mini ในการติดต่องานเนี่ย ผมก็เห็นว่ามันไม่ถูกกาละเทศะจริง
รถที่สมควรใช้คือ รถที่ไม่แพงจนเกินไป และดูดี น่าเชื่อถือ พวก D-seg กำลังดี

อย่างที่บ้านผม สมัยก่อนคุณพ่อออกไปหาลูกค้าก็จอด F10 ไว้ที่บ้านแล้วเอาแคมรี่ไป
ตอนนี้ขายแคมรี่ไปแล้วก็เอา Fortuner ไปแทน



SignifeR

ที่ผมตอบ อาจจะขัดใจ...หลายๆคน พูดแบบนี้แล้วกัน ระดับเจ้าของกิจการ เขาไม่มามองจุดนี้หรอก

คำถามที่ควรจะตั้งนะ คือ รถรุ่นไหน เหมาะกับการติดต่องานแบบไหนมากกว่า คำว่าดูน่าเชื่อถือ
เพราะผมไม่เคยเชื่อถือใครจากการมองแค่รถที่เขาใช้ครับ...แรงแต่ตรงประเด็น

ยกตัวอย่างง่ายๆ จิมมี่ เจ้าของเวปเนี่ย ขับรถอะไร ฮอนด้าซิตี้.... ถ้าบริษัทนิสสันมองว่า เฮ๊ยจิมมี่มันระดับตำนานในเวป
จะปล่อยให้มันขับฮอนด้าซิตี้ รถคู่แข่งแบบนี้ ตูจะยอมได้ไง แล้วบีบให้จิมมี่ เปลี่ยนมาขับพัลซ่า ละกัน
ถ้าจิมมี่ไม่เปลี่ยน จะไม่ซื้อโฆษณา อย่างงั้นหรอ ? มันก็ไม่ใช่อ่ะ นี่ตรงที่สุดแล้วมั๊ง ถ้าคุณมองว่ารถเป็นองค์ประกอบของธุรกิจ


มันก็เหมือนกับคุณปู่ผม บอกว่า เอ๊ยขายซาบารุไปเหอะ แกไปออก CLA ดีกว่า จะได้เหมาะกับอาเสี่ยขายตึก
ผมก็คงไม่ยอมเหมือนกัน (ถ้าไม่ให้ผมฟรีๆ 5 5 5 )

บางทีผมก็ขับนิสสันมาร์ชไปคุยงานกับพวกโฟร์แมน มันก็ไม่เห็นมีใครสักคนจะมาพูดไรมากเรื่องรถ
เพราะผมก็จ่ายตังค์ค่างวดตรงเวลาทุกงวด

อ่อ แล้วที่หลายคนบอกว่า ต้องเบนซ์ หรือ บีเอ็ม เพราะเห็นผู้บริหารส่วนใหญ่ขับ เหตุผลง่ายๆเลยนะ เพราะมันมีผ่อนแบบบอลลูน....
เพราะมันไม่ต้องดาวน์เยอะ และมีข้อตกลงดีๆ ถ้าจะซื้อในนามบริษัท ซึ่งเอาไปหักภาษีได้ จำนวนเยอะพอสมควร

ผู้บริหารอาจจะไม่รู้หรอกว่า รถรุ่นนี้มันดียังไง เจ๋งแค่ไหน เขามองแค่ว่า มันคุ้มสำหรับการลงทุนเพื่อหักภาษีของบริษัทเขานั่นแหละ
เขาถึงซื้อมาใช้ ผมถามจริงๆ เคยคุยกับพวกเสี่ยโรงงานกันบ้างมั๊ย ว่าทำไมเล่นเบนซ์ ? ไปถามสิ 80% บอก อั๊วะ เอาเงินบริษัทซื้อ....
กับอีกข้อ เขาบอกว่า เป็นรถยุโรปราคาขายต่อดี....(ทั้งๆที่ความเป็นจริงก็อาจจะราคาตกพอๆกับยี่ห้ออื่นๆก็ได้แต่เขาไม่ได้สนใจจะหาข้อมูลเหล่านี้)


คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติ ในเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว พวกคุณเป็นคนยุคใหม่แล้ว ไม่ใช่ยุคอุตสาหกรรม แล้วครับ
นี่มันยุคข้อมูลข่าวสารแล้ว แป้นพิมพ์ที่คุณเคาะ เวปไซท์ที่คุณเล่น มันคือยุคที่ต้องปฎิเสธ กรอบความคิดเก่าๆ เชยๆได้แล้ว

ความน่าเชื่อถือไม่ได้เกิดจากแค่เรื่องรถที่คุณขับหรอกครับ มันเกิดจากการกระทำที่คุณทำกับคนอื่นมากกว่า

ยกตัวอย่างเล่นๆว่า

ผมเป็นเจ้าของกิจการงานก่อสร้างระดับ 100 ล้าน และขับซูบารุ เข้าไปประมูลงานกับ บ.ฮอนด้า
คู่แข่ง เป็นเจ้าของกิจการงานก่อสร้าง ระดับ 50 ล้าน แล้วขับ ฮอนด้าแอคคอร์ด เข้าไปประมูลงาน กับ บ.ฮอนด้า เช่นกัน

ถามว่าเขาจะเลือกใคร ถ้าทุกอย่างเป็นคอนดิชั่นเดียวกันทั้งหมด ?  


เพื่อนบางคนของผมเล่นบีเอ็ม ผ่อนเดือนละ 30,000 ทุกเดือน บ่นแล้วบ่นอีก (ผมยังมาคิดในใจ มันจะบ่นทำไมวะ ก็เลือกเอง)
คำตอบคือ เพื่อภาพลักษณ์ก็เลยต้องยอมซื้อ....

กระทู้นี้ดีมากๆ นะครับ แต่แนวความคิดแบบนี้ ร้ายกาจมากในสังคมแบบทุนนิยมในปัจจุบัน ผมเห็นด้วยกับการตอบกระทู้ของบางท่านว่า
เพราะบริษัทรถ และบริษัทโฆษณา เป็นตัวเอก ที่ทำให้แนวคิดนี้ เป็นที่นิยม และทำให้สังคมเชื่อว่า ต้องขับรถแพงๆ หรูๆ ถึงจะน่าเชื่อถือ
และผมก็ไม่ได้ปฎิเสธความคิดของท่าน ที่แนะนำ รถยี่ห้อต่างๆ เพราะมันคือแนวคิดของแต่ละท่านที่น่าสนใจเช่นกัน

ปล.ขอโทษที่ตอบยาวและอาจจะไม่เป็นที่พอใจของคนในสังคม แต่ในฐานะของ คนที่เป็นเจ้าของกิจการ และก็ทำธุรกิจของตัวเอง
ผมเชื่อว่า การให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดย่อมทำให้ผลลัพธ์ออกมาถูกต้องเช่นกัน


In Garage Subaru Impreza GDG WRX  y2008 // Nissan March 1.2E y2011



WATBTG01

ผมในฐานะที่ทำธุรกิจ ผมกลับไม่ได้มองแบบนั้นครับ

เอาง่ายๆ มีผู้รับเหมา มาติดต่องานกับผม สามเจ้า
 
เจ้าที่ 1 ขับ S-Class มา
เจ้าที่ 2 ขับรถกระบะเก่าๆ มา
เจ้าที่ 3 ขับ BT50 ป้ายแดงมา

ผมถามคุณว่า ถ้าเป็นคุณ จะเชื่อถือเจ้าไหนมากที่สุด?

คำตอบของผมคือ ผมเชื่อถือ เจ้าที่ 3 มากที่สุด เพราะผมมองว่า เขาเป็นคนทำงานและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
เขาจึงใช้รถที่เหมาะกับหน้าที่การงาน ขนของได้ ขนคนได้ สามารถใช้ในงานที่เราจะจ้างให้เขาทำได้

ทำไมไม่เลือกเจ้าที่ 1 หรือ 3

เจ้าที่ 1 เล่นรถหรูมาขนาดนี้ แล้วมันจะมาฟันผมขนาดไหน....(ส่วนมากไม่คุมงานเองหรอก ไปจ้างคนอื่นมาทำอีกที)
เจ้าที่ 2 รถเก่ามากขนาดนี้ มันจะทำงานให้ผมได้ดีขนาดไหน...

ทุกอย่างมีสองมุมมองเสมอครับ ผมเชื่อแบบนั้น ตัวผมจึงขับ Subaru Impreza ไปดิวงานซื้อขายตึก กับลูกค้า

สิ่งที่ลูกค้าทักคือ คุณอาร์ต รถสวยจัง ยี่ห้อนี้คนเล่นน้อยนะ ต้องรักกันจริงถึงใช้ แถมกินน้ำมันดุด้วย...
คำตอบที่ผมให้ลูกค้า คือ ผมรักและชอบในสิ่งที่ผมเป็น พอๆ กับที่ผมรักและชอบในธุรกิจที่ผมทำครับ

คำตอบนี้...ทำให้เมื่อวานผมรับเช็คเงินสด 2,xxx,000 มาครับ
จริงๆ มันไม่เกี่ยวกับรถหรอก....แต่สิ่งที่เราทำมันบ่งบอกว่าเราคิดแบบไหนมากกว่า

ผมจะบอกว่า คนไทยน่ะ ยึดติดกับภาพมากเกินไป จนไม่เห็นข้อเท็จจริง หรือ ความเป็นจริงของสิ่งที่คุณกำลังเผชิญกับมันอยู่
มันก็เหมือนกับ เวลาคุณไปออกงานอะไรสักอย่างแล้วเจอสาวน้อยใส่ชุดแดง เฉิดฉายเดินเข้ามาในงาน สิ่งที่คุณคิดคือ สวยว่ะ
แต่สิ่งที่อยู่ข้างหลัง อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะคลำลงไปอาจจะเจอตอ...ก็เป็นได้

ผมเกลียดที่สุดคือ การมองแต่ภาพลักษณ์ภายนอก จนไม่ได้มองจิตใจของคนคนนั้น (ซึ่งเอาหล่ะมันมองยากกว่ามาก)
ในทางธุรกิจก็เช่นกัน ผมไม่ได้มองแค่เขาขับรถอะไรมา แต่มองให้ทะลุถึงจิตใจคนนั้นๆ ว่า ทำไมเขาถึงขับรถคันนี้ มากกว่า






เป็นผมคิดว่าแบบนี้เหมือนกันครับ เพราะผมมีญาติเป็นผู้รับเหมาถมที่ต่างๆ เวลาไปเก็บเงินเค้ามันจะใช้รถกะบะยกสูงสี่ประตูไปเก็บเงินหลักล้านเช่นกัน ทั้งที่เข้ามีรถ Benz, Cayenne, หรือMiNi ก็ตาม และสุดท้ายผมชอบคำๆนี้ครับ
"ผมรักและชอบในสิ่งที่ผมเป็น พอๆ กับที่ผมรักและชอบในธุรกิจที่ผมทำครับ"




localgame

เมืองนอกเค้าไม่สนใจว่าใครขับรถอะไร มันขึ้นอยู่ที่ผลงานและประวัติการทำงาน

มีแต่คนไทยที่ชอบตัดสินคนที่ภาพลักษณ์ภายนอก



beercs

ไม่รู้สินะ  ผมอยู่ในเมือง   มีแต่คนนั่งรถไฟฟ้ามาติดต่องาน   
หรือถ้าขับ รถมาก็ไม่เคยเห็นรถของใครหรอก   จอดอยู่ที่จอดรถ
 จริง ๆ การจะจ้างบริษัทไหนมาทำงาน  ดูที่ประสบการณ์  ผลงานที่ผ่านมามากกว่า   รถที่ขับมาให้มันเป็นรถใหม่หน่อยแค่นั้นก็พอ



boneshiro

ที่ผมตอบ อาจจะขัดใจ...หลายๆคน พูดแบบนี้แล้วกัน ระดับเจ้าของกิจการ เขาไม่มามองจุดนี้หรอก

คำถามที่ควรจะตั้งนะ คือ รถรุ่นไหน เหมาะกับการติดต่องานแบบไหนมากกว่า คำว่าดูน่าเชื่อถือ
เพราะผมไม่เคยเชื่อถือใครจากการมองแค่รถที่เขาใช้ครับ...แรงแต่ตรงประเด็น

ยกตัวอย่างง่ายๆ จิมมี่ เจ้าของเวปเนี่ย ขับรถอะไร ฮอนด้าซิตี้.... ถ้าบริษัทนิสสันมองว่า เฮ๊ยจิมมี่มันระดับตำนานในเวป
จะปล่อยให้มันขับฮอนด้าซิตี้ รถคู่แข่งแบบนี้ ตูจะยอมได้ไง แล้วบีบให้จิมมี่ เปลี่ยนมาขับพัลซ่า ละกัน
ถ้าจิมมี่ไม่เปลี่ยน จะไม่ซื้อโฆษณา อย่างงั้นหรอ ? มันก็ไม่ใช่อ่ะ นี่ตรงที่สุดแล้วมั๊ง ถ้าคุณมองว่ารถเป็นองค์ประกอบของธุรกิจ


มันก็เหมือนกับคุณปู่ผม บอกว่า เอ๊ยขายซาบารุไปเหอะ แกไปออก CLA ดีกว่า จะได้เหมาะกับอาเสี่ยขายตึก
ผมก็คงไม่ยอมเหมือนกัน (ถ้าไม่ให้ผมฟรีๆ 5 5 5 )

บางทีผมก็ขับนิสสันมาร์ชไปคุยงานกับพวกโฟร์แมน มันก็ไม่เห็นมีใครสักคนจะมาพูดไรมากเรื่องรถ
เพราะผมก็จ่ายตังค์ค่างวดตรงเวลาทุกงวด

อ่อ แล้วที่หลายคนบอกว่า ต้องเบนซ์ หรือ บีเอ็ม เพราะเห็นผู้บริหารส่วนใหญ่ขับ เหตุผลง่ายๆเลยนะ เพราะมันมีผ่อนแบบบอลลูน....
เพราะมันไม่ต้องดาวน์เยอะ และมีข้อตกลงดีๆ ถ้าจะซื้อในนามบริษัท ซึ่งเอาไปหักภาษีได้ จำนวนเยอะพอสมควร

ผู้บริหารอาจจะไม่รู้หรอกว่า รถรุ่นนี้มันดียังไง เจ๋งแค่ไหน เขามองแค่ว่า มันคุ้มสำหรับการลงทุนเพื่อหักภาษีของบริษัทเขานั่นแหละ
เขาถึงซื้อมาใช้ ผมถามจริงๆ เคยคุยกับพวกเสี่ยโรงงานกันบ้างมั๊ย ว่าทำไมเล่นเบนซ์ ? ไปถามสิ 80% บอก อั๊วะ เอาเงินบริษัทซื้อ....
กับอีกข้อ เขาบอกว่า เป็นรถยุโรปราคาขายต่อดี....(ทั้งๆที่ความเป็นจริงก็อาจจะราคาตกพอๆกับยี่ห้ออื่นๆก็ได้แต่เขาไม่ได้สนใจจะหาข้อมูลเหล่านี้)


คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติ ในเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว พวกคุณเป็นคนยุคใหม่แล้ว ไม่ใช่ยุคอุตสาหกรรม แล้วครับ
นี่มันยุคข้อมูลข่าวสารแล้ว แป้นพิมพ์ที่คุณเคาะ เวปไซท์ที่คุณเล่น มันคือยุคที่ต้องปฎิเสธ กรอบความคิดเก่าๆ เชยๆได้แล้ว

ความน่าเชื่อถือไม่ได้เกิดจากแค่เรื่องรถที่คุณขับหรอกครับ มันเกิดจากการกระทำที่คุณทำกับคนอื่นมากกว่า

ยกตัวอย่างเล่นๆว่า

ผมเป็นเจ้าของกิจการงานก่อสร้างระดับ 100 ล้าน และขับซูบารุ เข้าไปประมูลงานกับ บ.ฮอนด้า
คู่แข่ง เป็นเจ้าของกิจการงานก่อสร้าง ระดับ 50 ล้าน แล้วขับ ฮอนด้าแอคคอร์ด เข้าไปประมูลงาน กับ บ.ฮอนด้า เช่นกัน

ถามว่าเขาจะเลือกใคร ถ้าทุกอย่างเป็นคอนดิชั่นเดียวกันทั้งหมด ?  


เพื่อนบางคนของผมเล่นบีเอ็ม ผ่อนเดือนละ 30,000 ทุกเดือน บ่นแล้วบ่นอีก (ผมยังมาคิดในใจ มันจะบ่นทำไมวะ ก็เลือกเอง)
คำตอบคือ เพื่อภาพลักษณ์ก็เลยต้องยอมซื้อ....

กระทู้นี้ดีมากๆ นะครับ แต่แนวความคิดแบบนี้ ร้ายกาจมากในสังคมแบบทุนนิยมในปัจจุบัน ผมเห็นด้วยกับการตอบกระทู้ของบางท่านว่า
เพราะบริษัทรถ และบริษัทโฆษณา เป็นตัวเอก ที่ทำให้แนวคิดนี้ เป็นที่นิยม และทำให้สังคมเชื่อว่า ต้องขับรถแพงๆ หรูๆ ถึงจะน่าเชื่อถือ
และผมก็ไม่ได้ปฎิเสธความคิดของท่าน ที่แนะนำ รถยี่ห้อต่างๆ เพราะมันคือแนวคิดของแต่ละท่านที่น่าสนใจเช่นกัน

ปล.ขอโทษที่ตอบยาวและอาจจะไม่เป็นที่พอใจของคนในสังคม แต่ในฐานะของ คนที่เป็นเจ้าของกิจการ และก็ทำธุรกิจของตัวเอง
ผมเชื่อว่า การให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดย่อมทำให้ผลลัพธ์ออกมาถูกต้องเช่นกัน





ผมก้อบริหารโครงการอสังหาเหมือนกันครับ เวลาเข้าไปที่ไซร้งาน หรือไปเจอลูกค้าผมขับ ford ranger ไป ฮ่าๆๆ
ขับรถไปทำงานกระบะยกสูงมันขับสบายสุดๆ ผู้บริหารมักยึดติดกับภาพลักษณ์
แต่เจ้าของกิจการไม่ครับ ปสก ส่วนตัวของผมมันสอนว่า ยิ่งใช้ชีวิตโดยแคร์สายตาคนอื่นน้อยเท่าไหร่
จะยิ่งรวยเร็วเท่านั้น
M power Thailand
M5 e60 V10



WTF

ถ้าเขาเป็นลูกค้าของคุณกะเจ้านายคุณ เจ้านายคุณจะไปยุ่งกะเค้าทำไมว่าขับรถอะไรมา งง



Slipknot`

ผมก็เห็นด้วยครับ

D segment กำลังดีนะ หรูหรากำลังดี ภาพลักษณ์ในระดับหนึ่ง

ส่วนพวก Mini สปอร์ต คูเป้ต่างๆ ไม่เหมาะเลยครับ เพราะมันดูเด็กๆยังไงไม่รู้



AMG GT

ที่ผมตอบ อาจจะขัดใจ...หลายๆคน พูดแบบนี้แล้วกัน ระดับเจ้าของกิจการ เขาไม่มามองจุดนี้หรอก

คำถามที่ควรจะตั้งนะ คือ รถรุ่นไหน เหมาะกับการติดต่องานแบบไหนมากกว่า คำว่าดูน่าเชื่อถือ
เพราะผมไม่เคยเชื่อถือใครจากการมองแค่รถที่เขาใช้ครับ...แรงแต่ตรงประเด็น

ยกตัวอย่างง่ายๆ จิมมี่ เจ้าของเวปเนี่ย ขับรถอะไร ฮอนด้าซิตี้.... ถ้าบริษัทนิสสันมองว่า เฮ๊ยจิมมี่มันระดับตำนานในเวป
จะปล่อยให้มันขับฮอนด้าซิตี้ รถคู่แข่งแบบนี้ ตูจะยอมได้ไง แล้วบีบให้จิมมี่ เปลี่ยนมาขับพัลซ่า ละกัน
ถ้าจิมมี่ไม่เปลี่ยน จะไม่ซื้อโฆษณา อย่างงั้นหรอ ? มันก็ไม่ใช่อ่ะ นี่ตรงที่สุดแล้วมั๊ง ถ้าคุณมองว่ารถเป็นองค์ประกอบของธุรกิจ


มันก็เหมือนกับคุณปู่ผม บอกว่า เอ๊ยขายซาบารุไปเหอะ แกไปออก CLA ดีกว่า จะได้เหมาะกับอาเสี่ยขายตึก
ผมก็คงไม่ยอมเหมือนกัน (ถ้าไม่ให้ผมฟรีๆ 5 5 5 )

บางทีผมก็ขับนิสสันมาร์ชไปคุยงานกับพวกโฟร์แมน มันก็ไม่เห็นมีใครสักคนจะมาพูดไรมากเรื่องรถ
เพราะผมก็จ่ายตังค์ค่างวดตรงเวลาทุกงวด

อ่อ แล้วที่หลายคนบอกว่า ต้องเบนซ์ หรือ บีเอ็ม เพราะเห็นผู้บริหารส่วนใหญ่ขับ เหตุผลง่ายๆเลยนะ เพราะมันมีผ่อนแบบบอลลูน....
เพราะมันไม่ต้องดาวน์เยอะ และมีข้อตกลงดีๆ ถ้าจะซื้อในนามบริษัท ซึ่งเอาไปหักภาษีได้ จำนวนเยอะพอสมควร

ผู้บริหารอาจจะไม่รู้หรอกว่า รถรุ่นนี้มันดียังไง เจ๋งแค่ไหน เขามองแค่ว่า มันคุ้มสำหรับการลงทุนเพื่อหักภาษีของบริษัทเขานั่นแหละ
เขาถึงซื้อมาใช้ ผมถามจริงๆ เคยคุยกับพวกเสี่ยโรงงานกันบ้างมั๊ย ว่าทำไมเล่นเบนซ์ ? ไปถามสิ 80% บอก อั๊วะ เอาเงินบริษัทซื้อ....
กับอีกข้อ เขาบอกว่า เป็นรถยุโรปราคาขายต่อดี....(ทั้งๆที่ความเป็นจริงก็อาจจะราคาตกพอๆกับยี่ห้ออื่นๆก็ได้แต่เขาไม่ได้สนใจจะหาข้อมูลเหล่านี้)


คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติ ในเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว พวกคุณเป็นคนยุคใหม่แล้ว ไม่ใช่ยุคอุตสาหกรรม แล้วครับ
นี่มันยุคข้อมูลข่าวสารแล้ว แป้นพิมพ์ที่คุณเคาะ เวปไซท์ที่คุณเล่น มันคือยุคที่ต้องปฎิเสธ กรอบความคิดเก่าๆ เชยๆได้แล้ว

ความน่าเชื่อถือไม่ได้เกิดจากแค่เรื่องรถที่คุณขับหรอกครับ มันเกิดจากการกระทำที่คุณทำกับคนอื่นมากกว่า

ยกตัวอย่างเล่นๆว่า

ผมเป็นเจ้าของกิจการงานก่อสร้างระดับ 100 ล้าน และขับซูบารุ เข้าไปประมูลงานกับ บ.ฮอนด้า
คู่แข่ง เป็นเจ้าของกิจการงานก่อสร้าง ระดับ 50 ล้าน แล้วขับ ฮอนด้าแอคคอร์ด เข้าไปประมูลงาน กับ บ.ฮอนด้า เช่นกัน

ถามว่าเขาจะเลือกใคร ถ้าทุกอย่างเป็นคอนดิชั่นเดียวกันทั้งหมด ?  


เพื่อนบางคนของผมเล่นบีเอ็ม ผ่อนเดือนละ 30,000 ทุกเดือน บ่นแล้วบ่นอีก (ผมยังมาคิดในใจ มันจะบ่นทำไมวะ ก็เลือกเอง)
คำตอบคือ เพื่อภาพลักษณ์ก็เลยต้องยอมซื้อ....

กระทู้นี้ดีมากๆ นะครับ แต่แนวความคิดแบบนี้ ร้ายกาจมากในสังคมแบบทุนนิยมในปัจจุบัน ผมเห็นด้วยกับการตอบกระทู้ของบางท่านว่า
เพราะบริษัทรถ และบริษัทโฆษณา เป็นตัวเอก ที่ทำให้แนวคิดนี้ เป็นที่นิยม และทำให้สังคมเชื่อว่า ต้องขับรถแพงๆ หรูๆ ถึงจะน่าเชื่อถือ
และผมก็ไม่ได้ปฎิเสธความคิดของท่าน ที่แนะนำ รถยี่ห้อต่างๆ เพราะมันคือแนวคิดของแต่ละท่านที่น่าสนใจเช่นกัน

ปล.ขอโทษที่ตอบยาวและอาจจะไม่เป็นที่พอใจของคนในสังคม แต่ในฐานะของ คนที่เป็นเจ้าของกิจการ และก็ทำธุรกิจของตัวเอง
ผมเชื่อว่า การให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดย่อมทำให้ผลลัพธ์ออกมาถูกต้องเช่นกัน



+1    ครับ      คือบ้านผมก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับ  รับเหมา(เกี่ยวกับประปา)  สำหรับงานแบบนี้ผมว่ารถไม่ต้องแพงมากรถบ้านผมก็  Vigo champ smartcab 2.5 G   ไปติดต่องานประมูลอะไรนำนองนี้ก็ไม่มีใครว่าอะไรนะ   แต่พ่อแม่ผมก็จะแบบแต่งตัวให้ดูดี  ก็พอ  และการพูดการจา   ถามว่ารถก็อาจจะสำคัญแค่ช่วงที่เจอตอนแรกแต่เมือ่คุยกันแล้ว  นั้นแหละครับที่จะตัดสินเองว่า  น่าเชื่อถือหรือไม่
ปล.ผมว่าทุกวันนี้  สังคมประเทศเรายืดติดกับเรื่อง ของนอกกาย  มากไปนะ



YIM

ที่ผมตอบ อาจจะขัดใจ...หลายๆคน พูดแบบนี้แล้วกัน ระดับเจ้าของกิจการ เขาไม่มามองจุดนี้หรอก

คำถามที่ควรจะตั้งนะ คือ รถรุ่นไหน เหมาะกับการติดต่องานแบบไหนมากกว่า คำว่าดูน่าเชื่อถือ
เพราะผมไม่เคยเชื่อถือใครจากการมองแค่รถที่เขาใช้ครับ...แรงแต่ตรงประเด็น

ยกตัวอย่างง่ายๆ จิมมี่ เจ้าของเวปเนี่ย ขับรถอะไร ฮอนด้าซิตี้.... ถ้าบริษัทนิสสันมองว่า เฮ๊ยจิมมี่มันระดับตำนานในเวป
จะปล่อยให้มันขับฮอนด้าซิตี้ รถคู่แข่งแบบนี้ ตูจะยอมได้ไง แล้วบีบให้จิมมี่ เปลี่ยนมาขับพัลซ่า ละกัน
ถ้าจิมมี่ไม่เปลี่ยน จะไม่ซื้อโฆษณา อย่างงั้นหรอ ? มันก็ไม่ใช่อ่ะ นี่ตรงที่สุดแล้วมั๊ง ถ้าคุณมองว่ารถเป็นองค์ประกอบของธุรกิจ


มันก็เหมือนกับคุณปู่ผม บอกว่า เอ๊ยขายซาบารุไปเหอะ แกไปออก CLA ดีกว่า จะได้เหมาะกับอาเสี่ยขายตึก
ผมก็คงไม่ยอมเหมือนกัน (ถ้าไม่ให้ผมฟรีๆ 5 5 5 )

บางทีผมก็ขับนิสสันมาร์ชไปคุยงานกับพวกโฟร์แมน มันก็ไม่เห็นมีใครสักคนจะมาพูดไรมากเรื่องรถ
เพราะผมก็จ่ายตังค์ค่างวดตรงเวลาทุกงวด

อ่อ แล้วที่หลายคนบอกว่า ต้องเบนซ์ หรือ บีเอ็ม เพราะเห็นผู้บริหารส่วนใหญ่ขับ เหตุผลง่ายๆเลยนะ เพราะมันมีผ่อนแบบบอลลูน....
เพราะมันไม่ต้องดาวน์เยอะ และมีข้อตกลงดีๆ ถ้าจะซื้อในนามบริษัท ซึ่งเอาไปหักภาษีได้ จำนวนเยอะพอสมควร

ผู้บริหารอาจจะไม่รู้หรอกว่า รถรุ่นนี้มันดียังไง เจ๋งแค่ไหน เขามองแค่ว่า มันคุ้มสำหรับการลงทุนเพื่อหักภาษีของบริษัทเขานั่นแหละ
เขาถึงซื้อมาใช้ ผมถามจริงๆ เคยคุยกับพวกเสี่ยโรงงานกันบ้างมั๊ย ว่าทำไมเล่นเบนซ์ ? ไปถามสิ 80% บอก อั๊วะ เอาเงินบริษัทซื้อ....
กับอีกข้อ เขาบอกว่า เป็นรถยุโรปราคาขายต่อดี....(ทั้งๆที่ความเป็นจริงก็อาจจะราคาตกพอๆกับยี่ห้ออื่นๆก็ได้แต่เขาไม่ได้สนใจจะหาข้อมูลเหล่านี้)


คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติ ในเรื่องเหล่านี้ได้แล้ว พวกคุณเป็นคนยุคใหม่แล้ว ไม่ใช่ยุคอุตสาหกรรม แล้วครับ
นี่มันยุคข้อมูลข่าวสารแล้ว แป้นพิมพ์ที่คุณเคาะ เวปไซท์ที่คุณเล่น มันคือยุคที่ต้องปฎิเสธ กรอบความคิดเก่าๆ เชยๆได้แล้ว

ความน่าเชื่อถือไม่ได้เกิดจากแค่เรื่องรถที่คุณขับหรอกครับ มันเกิดจากการกระทำที่คุณทำกับคนอื่นมากกว่า

ยกตัวอย่างเล่นๆว่า

ผมเป็นเจ้าของกิจการงานก่อสร้างระดับ 100 ล้าน และขับซูบารุ เข้าไปประมูลงานกับ บ.ฮอนด้า
คู่แข่ง เป็นเจ้าของกิจการงานก่อสร้าง ระดับ 50 ล้าน แล้วขับ ฮอนด้าแอคคอร์ด เข้าไปประมูลงาน กับ บ.ฮอนด้า เช่นกัน

ถามว่าเขาจะเลือกใคร ถ้าทุกอย่างเป็นคอนดิชั่นเดียวกันทั้งหมด ?  


เพื่อนบางคนของผมเล่นบีเอ็ม ผ่อนเดือนละ 30,000 ทุกเดือน บ่นแล้วบ่นอีก (ผมยังมาคิดในใจ มันจะบ่นทำไมวะ ก็เลือกเอง)
คำตอบคือ เพื่อภาพลักษณ์ก็เลยต้องยอมซื้อ....

กระทู้นี้ดีมากๆ นะครับ แต่แนวความคิดแบบนี้ ร้ายกาจมากในสังคมแบบทุนนิยมในปัจจุบัน ผมเห็นด้วยกับการตอบกระทู้ของบางท่านว่า
เพราะบริษัทรถ และบริษัทโฆษณา เป็นตัวเอก ที่ทำให้แนวคิดนี้ เป็นที่นิยม และทำให้สังคมเชื่อว่า ต้องขับรถแพงๆ หรูๆ ถึงจะน่าเชื่อถือ
และผมก็ไม่ได้ปฎิเสธความคิดของท่าน ที่แนะนำ รถยี่ห้อต่างๆ เพราะมันคือแนวคิดของแต่ละท่านที่น่าสนใจเช่นกัน

ปล.ขอโทษที่ตอบยาวและอาจจะไม่เป็นที่พอใจของคนในสังคม แต่ในฐานะของ คนที่เป็นเจ้าของกิจการ และก็ทำธุรกิจของตัวเอง
ผมเชื่อว่า การให้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดย่อมทำให้ผลลัพธ์ออกมาถูกต้องเช่นกัน





ผมก้อบริหารโครงการอสังหาเหมือนกันครับ เวลาเข้าไปที่ไซร้งาน หรือไปเจอลูกค้าผมขับ ford ranger ไป ฮ่าๆๆ
ขับรถไปทำงานกระบะยกสูงมันขับสบายสุดๆ ผู้บริหารมักยึดติดกับภาพลักษณ์
แต่เจ้าของกิจการไม่ครับ ปสก ส่วนตัวของผมมันสอนว่า ยิ่งใช้ชีวิตโดยแคร์สายตาคนอื่นน้อยเท่าไหร่
จะยิ่งรวยเร็วเท่านั้น

เรื่องจริงครับ คนที่รวยเร็ว คือคนที่คิดไม่เหมือนชาวบ้านชาวโลกทั้งนั้น (แต่ไม่ใช่เรื่องชั่วๆ นะ)

ผมว่ามันเป็นตรรกะง่ายๆ นะ

ในเมื่อคนส่วนใหญ่ของโลกเป็นคนจน ถ้าคุณคิดเหมือนคนส่วนใหญ่ของโลก แล้วคุณจะรวยไหม?
JDM เท่านั้น จะครองโลก!



theunz

การถูกมองรถที่ขับเป็นเรื่องปรกติครับ แต่มันมีทั้งสองด้านหมดละครับ หาสูตรตายตัวคงยาก
ที่เราทำได้ก็คืออย่าไปมองคนอื่นเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักครับ อย่าไปคิดมาก (อย่างมากก็เรื่องรองก็ยังดี)

จากที่เคยเจอมา มันมีทั้งที่ตรงกับมี่หลุดไปเยอะเลยครับ

ผมว่าถ้าจะดูเรื่องนี้มันต้องดูที่คนที่ติดต่องานด้วยครับ  เช่น

จะไปขายของแต่ดันขับรถหรูกว่าลูกค้า อันนี้ผมว่ามันก็ไม่ดี
จะไปซื้อของเอารถที่"คิด"ว่าคนที่มองจะดูดีมีฐานะหน่อยก็จะดีกว่า ก็เหมือนแต่งตัวขาสั้นถึงมีเงิน(แต่คนขายที่ไหนจะรู้) ถ้าเจอเซลเค้าคงดูแลลูกค้าคนอื่นที่ใส่สูทก่อน

จะไปกู้แบงค์แต่เอาเฟอร์ไปก็ตลก ผู้ใหญ่ที่รู้จักยังต้องเอากลางๆเช่น camry ไปเลย

ทั้งนี้สุดท้ายก็ขึ้นกับฝีมือ กับตัวคุณอย่างเดียว
ผมถูกคนมีเบนซ์มีBMW จะเบี้ยวเงินก็ตั้งหลายที
 ;D




AMG GT

การถูกมองรถที่ขับเป็นเรื่องปรกติครับ แต่มันมีทั้งสองด้านหมดละครับ หาสูตรตายตัวคงยาก
ที่เราทำได้ก็คืออย่าไปมองคนอื่นเรื่องนี้เป็นเรื่องหลักครับ อย่าไปคิดมาก (อย่างมากก็เรื่องรองก็ยังดี)

จากที่เคยเจอมา มันมีทั้งที่ตรงกับมี่หลุดไปเยอะเลยครับ

ผมว่าถ้าจะดูเรื่องนี้มันต้องดูที่คนที่ติดต่องานด้วยครับ  เช่น

จะไปขายของแต่ดันขับรถหรูกว่าลูกค้า อันนี้ผมว่ามันก็ไม่ดี
จะไปซื้อของเอารถที่"คิด"ว่าคนที่มองจะดูดีมีฐานะหน่อยก็จะดีกว่า ก็เหมือนแต่งตัวขาสั้นถึงมีเงิน(แต่คนขายที่ไหนจะรู้) ถ้าเจอเซลเค้าคงดูแลลูกค้าคนอื่นที่ใส่สูทก่อน

จะไปกู้แบงค์แต่เอาเฟอร์ไปก็ตลก ผู้ใหญ่ที่รู้จักยังต้องเอากลางๆเช่น camry ไปเลย

ทั้งนี้สุดท้ายก็ขึ้นกับฝีมือ กับตัวคุณอย่างเดียว
ผมถูกคนมีเบนซ์มีBMW จะเบี้ยวเงินก็ตั้งหลายที
 ;D


เรื่องเซลล์  เจอมากับตัวครับพ่อกับแม่  ไปดูรถที่ F  เดินเข้าไปฌซลล์ไม่ดูห่าอะไรเลย  ก็ใส่ชุดธรรมดาขาสั้นนี้แหละครับ(แต่ก็ไม่ได้น่าเกีลยดอะไรนะ)พ่อกับแม่ก็ยืนอยู่ตั้งนาน  พอเรียกเดินมาทำหน้าแบบมองตัวถึงเท้าอ่ะแบบดูถูกอะนะ    สุดท้ายก็เลยเดินออกจาก0เลย  แม่พูดด้วยว่า ทำแบบนี้น่าหวังว่าจะขายได้เลย   แจ่พอไป 0  T  เซลล์รีบวิ่งมาถามเลยว่าสนใจรุ่นไหนค่ะแล้วแบบบริการลูกค้า  ทุกคนเท่าเทียมกัน   สุด้ทายก็เลยจบที่ T   



No.94

ผมในฐานะที่ทำธุรกิจ ผมกลับไม่ได้มองแบบนั้นครับ

เอาง่ายๆ มีผู้รับเหมา มาติดต่องานกับผม สามเจ้า
 
เจ้าที่ 1 ขับ S-Class มา
เจ้าที่ 2 ขับรถกระบะเก่าๆ มา
เจ้าที่ 3 ขับ BT50 ป้ายแดงมา

ผมถามคุณว่า ถ้าเป็นคุณ จะเชื่อถือเจ้าไหนมากที่สุด?

คำตอบของผมคือ ผมเชื่อถือ เจ้าที่ 3 มากที่สุด เพราะผมมองว่า เขาเป็นคนทำงานและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
เขาจึงใช้รถที่เหมาะกับหน้าที่การงาน ขนของได้ ขนคนได้ สามารถใช้ในงานที่เราจะจ้างให้เขาทำได้

ทำไมไม่เลือกเจ้าที่ 1 หรือ 3

เจ้าที่ 1 เล่นรถหรูมาขนาดนี้ แล้วมันจะมาฟันผมขนาดไหน....(ส่วนมากไม่คุมงานเองหรอก ไปจ้างคนอื่นมาทำอีกที)
เจ้าที่ 2 รถเก่ามากขนาดนี้ มันจะทำงานให้ผมได้ดีขนาดไหน...

ทุกอย่างมีสองมุมมองเสมอครับ ผมเชื่อแบบนั้น ตัวผมจึงขับ Subaru Impreza ไปดิวงานซื้อขายตึก กับลูกค้า

สิ่งที่ลูกค้าทักคือ คุณอาร์ต รถสวยจัง ยี่ห้อนี้คนเล่นน้อยนะ ต้องรักกันจริงถึงใช้ แถมกินน้ำมันดุด้วย...
คำตอบที่ผมให้ลูกค้า คือ ผมรักและชอบในสิ่งที่ผมเป็น พอๆ กับที่ผมรักและชอบในธุรกิจที่ผมทำครับ

คำตอบนี้...ทำให้เมื่อวานผมรับเช็คเงินสด 2,xxx,000 มาครับ
จริงๆ มันไม่เกี่ยวกับรถหรอก....แต่สิ่งที่เราทำมันบ่งบอกว่าเราคิดแบบไหนมากกว่า

ผมจะบอกว่า คนไทยน่ะ ยึดติดกับภาพมากเกินไป จนไม่เห็นข้อเท็จจริง หรือ ความเป็นจริงของสิ่งที่คุณกำลังเผชิญกับมันอยู่
มันก็เหมือนกับ เวลาคุณไปออกงานอะไรสักอย่างแล้วเจอสาวน้อยใส่ชุดแดง เฉิดฉายเดินเข้ามาในงาน สิ่งที่คุณคิดคือ สวยว่ะ
แต่สิ่งที่อยู่ข้างหลัง อาจจะไม่ใช่ก็ได้ เพราะคลำลงไปอาจจะเจอตอ...ก็เป็นได้

ผมเกลียดที่สุดคือ การมองแต่ภาพลักษณ์ภายนอก จนไม่ได้มองจิตใจของคนคนนั้น (ซึ่งเอาหล่ะมันมองยากกว่ามาก)
ในทางธุรกิจก็เช่นกัน ผมไม่ได้มองแค่เขาขับรถอะไรมา แต่มองให้ทะลุถึงจิตใจคนนั้นๆ ว่า ทำไมเขาถึงขับรถคันนี้ มากกว่า





นอกจากมีรถสวยแล้ว ยังมีมุมมองที่หล่อมากด้วยครับ



madboy

เรื่องแบบนี้ ต่างคน ต่างมุมมองกันจริงๆครับ จะฟันธงว่าแบบไหนดีก็ไม่ใช่ เพราะแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน  :)

ในฐานะที่ผมก็เป็นคนขายของ ผมก็เลือกขับรถที่รัก และเหมาะสมในน้ำหนักที่เท่าๆกันครับ หลายครั้งผมเลือกที่จะไม่ขายของให้กับคนที่มองว่า "ทำไมขับรถแบบนี้มาคุยงาน ไม่ขับ a b c นู่นนี้มา"  เพราะผมเองก็ไม่สบายใจที่ลูกค้าจะซื้อของที่ผมขายจากการตัดสินใจภายนอกว่า ผมใช้รถอะไร ใช้โทรศัพท์อะไร แต่งตัวอย่างไร

แค่จะสื่อว่า ก็มีคนที่มองทั้งเรื่องภายนอก และมองถึงเนื้อแท้คนๆนั้น มันก้แล้วแต่ว่าเราจะเลือกคบค้าสมาคมกับใครแค่นั้นคร้าบ  ;D



WRD79

เข้าใจว่าคนสมัยนี้ส่วนใหญ่มองกันที่ภายนอกมากขึ้น ผมว่าถ้าให้ดูภูมิฐานจริงๆก็คงต้อง d-seg หรืออาจจะ c-seg ถ้าวัยยังไม่เยอะมากนัก



นครอัญมณี

ติดต่องาน ต้อง

รถขนาดกลาง- ขนาดใหญ่ ของทุกยี่ห้อ ครับ

แต่ห้ามแต่งซิ่ง

เพราะรถ จะบ่งบอกถึงบุคคลิก เจ้าของ

เหมือนการแต่งกาย..

รักรถมาก
รักครอบครัวมากกว่า
รักชาติ-ศาสน์-กษัตริย์มากที่สุด



大丈夫

ชอบความเห็น คุณ SignifeR ทั้งสองความเห็นครับ เป็นแนวคิดที่ผมใช้เหมือนกัน

นอกเรื่องนิด ถึงแม้คุณ SignifeR จะตอบแต่ละ reply ยาว แต่ก็เนื้อทั้งนั้น

พิมพ์แบ่งวรรคตอน-เว้นบรรทัด อ่านง่าย ใช้ภาษาไทยถูกต้อง และไม่มีการ edit (ตรวจทานก่อนส่ง)

มันแสดงถึงความละเอียดสุขุม ของคนที่มีความคิดสุขุมเช่นเดียวกันครับ