ผู้เขียน หัวข้อ: ถ้าเราใช้รถปีละ 50,000 กิโล ใช้ 2 ปีก็หมด BSI แล้ว เรายังควรจะซื้อ BMW อยู่ไหม  (อ่าน 17217 ครั้ง)

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
มีความสนใจในรถยุโรปครับ  ทั้ง BM และ MB 
ตอนแรกกะจะรอ C class ตัวใหม่ครับ เพราะของ MB สามารถซื้อเพิ่มได้
คล้ายๆ BSI ของ BM คือ Star Choice  ได้ service and maintenance ฟรี 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง
แต่ต้องจัดไฟแนนท์กับทาง MB เท่านั้น และดอกเบี้ยจะแพงกว่าปกติด้วย (อันนี้ถามเซลมาครับ)

แต่พอเห็นราคา 316i แล้วมันโดนมากเลยครับ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน
แต่ติดอยู่ที่ว่าผมขับรถเยอะครับ ปีนึงประมาณ 50,000 กิโลครับ
คิดว่าถ้าใช้ 2 ปีก็คงถึงแสนกิโล และก็คงหมด BSI แล้วครับ
เลยกลัวว่าจะมีปัญหาจุกจิกตามมาครับ และจะได้ไม่คุ้มกับเสียครับ
คือผมคงกันเงินสำหรับซ่อมไว้ปีละไม่เกิน 70,000 ครับ (หมายถึงถ้าหมด BSI หลังจาก2ปี)
ถ้าเกินกว่านี้ผมว่าเปลี่ยนรถใหม่ง่ายกว่าครับ  หรือว่าผมควรจะขับรถญี่ปุ่นต่อไป   
ปกติผมขับรถไม่เกิน 4 ปีก็เปลี่ยนแล้วครับ

ถ้าผมขับรถครบ 100,000 กิโลภายใน 2 ปี หลังจาก 2 ปีจะมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเยอะไหมครับ

ออฟไลน์ accord

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 443
  • CLS 250d AMG :)
ขับวิ่งเยอะแบบนี้   ผมแนะนำ ยี่ห้อไหนก็ได้ แต่เอาเครื่องดีเซล แทนเบนซิน

ออฟไลน์ NarinrachMaisok

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,622
  • Das Auto
ไม่เกิน 4ปี เปลี่ยนก็ได้อยู่นะครับ แต่จะต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงแพงพอสมควร สำหรับ BMW ถ้าเลยหลักแสนไป

ออฟไลน์ HYDE--

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,643
    • อีเมล์
BMW อายุ 3-4 ปี ผมว่าถึงไม่มี BSI 70,000 บาทต่อปี ก็ น่าจะเอาอยู่นะ ถ้าใช้รถถนอมๆหน่อย คือ อะไหล่แพง แต่รายการซ่อมก็ยังไม่เยอะ
แต่ปัญหาต่อไปคือ พอหลุด BSI ราคาจะร่วงอย่างน่าใจหายมากๆ

วันนี้ลองเอา E60 ของพ่อ ที่พึ่งหมด BSI มา 1 ปีให้เค้าตีราคาเล่นๆ..... จึงรู้ว่า ซื้อมือสอง ก็ยังเจ็บหนักพอสมควรอยู่ดี ซื้อตั้งแต่ ก่อนหมด BSI
อาจจะเป็นผลมาจาก นโยบายรถคันแรกด้วย

แต่ผมว่า ถ้าใช้เยอะมากๆ แล้วกลัวรถจะช้ำ ซื้อเพิ่มอีกคัน หรือไม่ก็ เก็บคันเก่าไว้ก็ได้ครับ

ออฟไลน์ nin122

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 610
    • อีเมล์
ไม่ลองดู ยี่ห้อที่ ประกัน X ปี ไม่จำกัดระยะทางดูหล่ะครับ น่าจะคุ้มนะครับ

เท่าที่ทราบมี Lexus เนี่ยแหละครับ (แต่รถแพงไปนิด)

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
เอาแค่ค่ายาง2ปี100,000กิโลต้องมีเปลี่ยน3รอบ ค่ายางต้องมี60,000-80,000บาทแล้ว

น้ำมันเครื่องอีก 100,000กิโล เปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ น่าจะประมาณ10รอบ น้ำมันเกียร์น่าจะมีเปลี่ยนประมาณ 3รอบ

อันนี้ราคาผมไม่แน่ใจเพราะไม่รู้ว่ามันเติมกี่ลิตร หรือใช้ยี่ห้อไหน กะคร่าวๆน่าจะกันงบไปซัก30,000 บาทละกัน

เท่ากับคุณหมดงบต้องที่เสียแน่ๆไปแล้วประมาณ 100,000บาท เหลือแค่40,000บาท

ยังไม่รวมค่าประกัน ถ้าเจอซ่อมหนัก หรือพวกซ่อมพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ผมเกรงว่าจะไม่พอเอา

และที่วิ่งเยอะขนาดนี้ แสดงว่าต้องออกต่างจังหวัดบ่อยแน่ๆ บางทีไปบางจังหวัด เกิดเสียกลางทางอาจจะต้องรออะไหล่นานรึเปล่า ผมว่าเล่นรถญี่ปุ่นดีกว่าสะดวกกว่า

ออฟไลน์ beeday

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 520
เผื่อหลายท่านยังไม่ทราบ BSI ซื้อเพิ่มได้นะครับ

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
เผื่อหลายท่านยังไม่ทราบ BSI ซื้อเพิ่มได้นะครับ

ถ้ามันจำกัดที่กิโลเมตร ผมซื้อไงก็ไม่คุ้มครับ

เท่าที่ผมทราบคือ 20,000 หรือ 25,000  ภายใน 1 ปีใช่ไหมครับ แล้วเราซื้อสูงสุดได้เท่าไหร่ครับ
งี้ถ้าผมจะซื้อเพิ่มอีก 1 แสนกิโล จะได้ไหมครับ

ออฟไลน์ PengZZ

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 267
316i ดีกว่าครับ ค่าซ่อมคงไม่แพงมาก

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
เอาแค่ค่ายาง2ปี100,000กิโลต้องมีเปลี่ยน3รอบ ค่ายางต้องมี60,000-80,000บาทแล้ว

น้ำมันเครื่องอีก 100,000กิโล เปลี่ยนน้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ น่าจะประมาณ10รอบ น้ำมันเกียร์น่าจะมีเปลี่ยนประมาณ 3รอบ

อันนี้ราคาผมไม่แน่ใจเพราะไม่รู้ว่ามันเติมกี่ลิตร หรือใช้ยี่ห้อไหน กะคร่าวๆน่าจะกันงบไปซัก30,000 บาทละกัน

เท่ากับคุณหมดงบต้องที่เสียแน่ๆไปแล้วประมาณ 100,000บาท เหลือแค่40,000บาท

ยังไม่รวมค่าประกัน ถ้าเจอซ่อมหนัก หรือพวกซ่อมพวกอุปกรณ์เสริมต่างๆ ผมเกรงว่าจะไม่พอเอา

และที่วิ่งเยอะขนาดนี้ แสดงว่าต้องออกต่างจังหวัดบ่อยแน่ๆ บางทีไปบางจังหวัด เกิดเสียกลางทางอาจจะต้องรออะไหล่นานรึเปล่า ผมว่าเล่นรถญี่ปุ่นดีกว่าสะดวกกว่า


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะครับ

คือด้วยอารมณ์อยากขับรถยุโรปบ้างครับ >> พอเราเห็นคนอื่นขับเราก็อยากได้ครับ ต้องมองตามทุกๆครั้ง
ด้วยเหตุผลก็ควรจะเป็นรถญี่ปุ่นอะครับ เพราะผมใช้รถเยอะ >> ปัจจุบันผมก็ขับ D seg. อยู่ครับ
ผมวิ่งแต่ทางเดิมๆครับ คือไปทำงานต่างจังหวัดไปเช้าคำ่ๆกลับครับ ขึ้นมอเตอร์เวย์ครับถนนดีมากๆ

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
ไม่ลองดู ยี่ห้อที่ ประกัน X ปี ไม่จำกัดระยะทางดูหล่ะครับ น่าจะคุ้มนะครับ

เท่าที่ทราบมี Lexus เนี่ยแหละครับ (แต่รถแพงไปนิด)


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
Lexus เงินไม่ถึงและไม่ชอบครับ
ก็ดูของ MB ที่จะทำเป็น Star choice ไว้ด้วยครับ

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
ขับวิ่งเยอะแบบนี้   ผมแนะนำ ยี่ห้อไหนก็ได้ แต่เอาเครื่องดีเซล แทนเบนซิน

เครื่องดีเซลถ้าวิ่งเยอะๆจะมีปัญหาน้อยกว่าใช้ไหมครับ

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
ไม่เกิน 4ปี เปลี่ยนก็ได้อยู่นะครับ แต่จะต้องจ่ายค่าซ่อมบำรุงแพงพอสมควร สำหรับ BMW ถ้าเลยหลักแสนไป

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ

ออฟไลน์ Parinya Cha

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 153
กลัวเหมือนกันเลยครับ ขับประมาณ 50,000 กม.ต่อปีเหมือนกันครับ
ผมเลยจบที่รถญี่ปุ่นเจ้าตลาดแทน ที่จริงก็ตังค์ไม่ถึงแหละครับ 55

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
BMW อายุ 3-4 ปี ผมว่าถึงไม่มี BSI 70,000 บาทต่อปี ก็ น่าจะเอาอยู่นะ ถ้าใช้รถถนอมๆหน่อย คือ อะไหล่แพง แต่รายการซ่อมก็ยังไม่เยอะ
แต่ปัญหาต่อไปคือ พอหลุด BSI ราคาจะร่วงอย่างน่าใจหายมากๆ

วันนี้ลองเอา E60 ของพ่อ ที่พึ่งหมด BSI มา 1 ปีให้เค้าตีราคาเล่นๆ..... จึงรู้ว่า ซื้อมือสอง ก็ยังเจ็บหนักพอสมควรอยู่ดี ซื้อตั้งแต่ ก่อนหมด BSI
อาจจะเป็นผลมาจาก นโยบายรถคันแรกด้วย

แต่ผมว่า ถ้าใช้เยอะมากๆ แล้วกลัวรถจะช้ำ ซื้อเพิ่มอีกคัน หรือไม่ก็ เก็บคันเก่าไว้ก็ได้ครับ

ผมเคยมีความคิดว่าจะใช้รถ 2 คันครับ แต่ถ้าเอาจริงๆไปไหนผมจะใช้ 1 คันมากกว่าครับ คือคันเดียวจบเลยครับ
คือถ้าซื้อรถยุโรปละก็คงจะใช้แค่คันเดียวคงไม่อยากจะขับรถคันเก่าแล้วครับ

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
ขับวิ่งเยอะแบบนี้   ผมแนะนำ ยี่ห้อไหนก็ได้ แต่เอาเครื่องดีเซล แทนเบนซิน

เครื่องดีเซลถ้าวิ่งเยอะๆจะมีปัญหาน้อยกว่าใช้ไหมครับ

เครื่องดีเซลโอกาสเสียมันน้อยกว่าเครื่องเบนซินครับ แต่ถ้าซ่อมทีก็ซ่อมหนักเลย

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
กลัวเหมือนกันเลยครับ ขับประมาณ 50,000 กม.ต่อปีเหมือนกันครับ
ผมเลยจบที่รถญี่ปุ่นเจ้าตลาดแทน ที่จริงก็ตังค์ไม่ถึงแหละครับ 55

55 ผมก็ดูได้แค่C class กับซีรี่3 ครับ อันอื่นก็เกินงบครับ

เคยเป็นเหมือนผมไหมครับ เราขับรถ D seg แต่พอเห็นรถยุโรปแล้วเรามองตามและเราอยากได้มาก
พอรถยุโรปใหม่ๆที่เปิดตัวก็อยากได้และติดตามข่าวสารอยู่ตลอด
แต่พอมาคิดถึงเหตุผลก็รู้ว่าเราขับรถเยอะไม่เหมาะกับยุโรปกลัวค่าซ่อม

ออฟไลน์ Entropy

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 349
พอหมด bsi จับติดแก๊สเลยครับ 555 แซวเล่นนะครับ

ออฟไลน์ Emrio

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 37
กลัวเหมือนกันเลยครับ ขับประมาณ 50,000 กม.ต่อปีเหมือนกันครับ
ผมเลยจบที่รถญี่ปุ่นเจ้าตลาดแทน ที่จริงก็ตังค์ไม่ถึงแหละครับ 55

55 ผมก็ดูได้แค่C class กับซีรี่3 ครับ อันอื่นก็เกินงบครับ

เคยเป็นเหมือนผมไหมครับ เราขับรถ D seg แต่พอเห็นรถยุโรปแล้วเรามองตามและเราอยากได้มาก
พอรถยุโรปใหม่ๆที่เปิดตัวก็อยากได้และติดตามข่าวสารอยู่ตลอด
แต่พอมาคิดถึงเหตุผลก็รู้ว่าเราขับรถเยอะไม่เหมาะกับยุโรปกลัวค่าซ่อม


ผมก็คิดหนักเรื่องนี้เหมือนกันครับ

แต่ตัดใจซื้อรถยุโรปครับ

แพงจิงเอาเรื่องความปลอดภัยมาเป็นข้ออ้างครับ

ออฟไลน์ Insideout

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 566
เข้าใจดีครับ เพราะผมก็เป็นมาก่อน
ซีรีย์ 3 เป็นรถในฝัน มองตามตลอด

ผมว่าถ้าใช้รถเยอะ ต้องคิดแบบนี้ครับ

1. ถ้าอยากใช้รถยุโรปและมีงบพอไม่เดือดร้อน ซื้อเถอะครับไม่ต้องลังเล
เมื่อหมด BSI มีทางเลือกตามนี้
- ขายทิ้ง เอามาดาวน์ BM หรือ MB คันใหม่
- ซื้อ BSI เพิ่ม แต่เท่าที่ทราบ เพิ่มได้ปีเดียวหรือ 30000 กิโลถ้าจำไม่ผิด
- หาอู่นอกที่ไว้ใจได้ จบได้ครับ

2. ถ้าไม่ได้อยากขับยุโรปมาก แนะนำใช้โตโยต้าครับ อะไหล่หาง่าย ถูก ประหยัด
เหมาะกับการใช้รถแบบหนักหน่วง


ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
กลัวเหมือนกันเลยครับ ขับประมาณ 50,000 กม.ต่อปีเหมือนกันครับ
ผมเลยจบที่รถญี่ปุ่นเจ้าตลาดแทน ที่จริงก็ตังค์ไม่ถึงแหละครับ 55

55 ผมก็ดูได้แค่C class กับซีรี่3 ครับ อันอื่นก็เกินงบครับ

เคยเป็นเหมือนผมไหมครับ เราขับรถ D seg แต่พอเห็นรถยุโรปแล้วเรามองตามและเราอยากได้มาก
พอรถยุโรปใหม่ๆที่เปิดตัวก็อยากได้และติดตามข่าวสารอยู่ตลอด
แต่พอมาคิดถึงเหตุผลก็รู้ว่าเราขับรถเยอะไม่เหมาะกับยุโรปกลัวค่าซ่อม


ผมก็คิดหนักเรื่องนี้เหมือนกันครับ

แต่ตัดใจซื้อรถยุโรปครับ

แพงจิงเอาเรื่องความปลอดภัยมาเป็นข้ออ้างครับ

55 ใช่เลยผมก็จะอ้างเรื่องความปลอดภัยเหมือนกันครับ
เออ ผมรบกวนถามหน่อยครับว่าพอหมดพวกbsiแล้วเป็นไงบ้างครับ

ออฟไลน์ WTN

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
มีความสนใจในรถยุโรปครับ  ทั้ง BM และ MB  
ตอนแรกกะจะรอ C class ตัวใหม่ครับ เพราะของ MB สามารถซื้อเพิ่มได้
คล้ายๆ BSI ของ BM คือ Star Choice  ได้ service and maintenance ฟรี 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง
แต่ต้องจัดไฟแนนท์กับทาง MB เท่านั้น และดอกเบี้ยจะแพงกว่าปกติด้วย (อันนี้ถามเซลมาครับ)

แต่พอเห็นราคา 316i แล้วมันโดนมากเลยครับ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน
แต่ติดอยู่ที่ว่าผมขับรถเยอะครับ ปีนึงประมาณ 50,000 กิโลครับ
คิดว่าถ้าใช้ 2 ปีก็คงถึงแสนกิโล และก็คงหมด BSI แล้วครับ
เลยกลัวว่าจะมีปัญหาจุกจิกตามมาครับ และจะได้ไม่คุ้มกับเสียครับ
คือผมคงกันเงินสำหรับซ่อมไว้ปีละไม่เกิน 70,000 ครับ (หมายถึงถ้าหมด BSI หลังจาก2ปี)
ถ้าเกินกว่านี้ผมว่าเปลี่ยนรถใหม่ง่ายกว่าครับ  หรือว่าผมควรจะขับรถญี่ปุ่นต่อไป  
ปกติผมขับรถไม่เกิน 4 ปีก็เปลี่ยนแล้วครับ

ถ้าผมขับรถครบ 100,000 กิโลภายใน 2 ปี หลังจาก 2 ปีจะมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเยอะไหมครับ

ไม่แน่ใจว่าจขกทชอบเจ้า 316i เพราะว่าการขับขี่ของมันหรือว่าเพราะมันเป็น BMW เป็นหลักครับ แต่ถ้าชอบเรื่องการขับขี่ผมแนะนำให้ลองไปชำเลืองมองดู Subaru XV หน่อยก็ดีครับ ผมเพิ่งไปลองขับมาเมื่อวาน โดยรวมช่วงล่าง เบรค และพวงมาลัยผมชอบมากกว่าตัว F30 ครับ อัตราเร่งระหว่าง 316i กับ XV ไม่แน่ใจว่าใครแรงกว่ากัน ลองสลาลมและก็โยนเข้าโค้งยูเทิรน์แบบไม่หนักมากก็ใช้ได้เลยครับ เข้าใจว่าจขกทน่าจะวิ่งทางไกลเป็นหลัก ใช้รถสูงหน่อยแถมเป็นขับสี่ก็น่าจะโอเคน่ะครับ

อุปกรณ์ที่ให้มาก็ไม่ขี้เหร่น่ะครับไม่มีระบบไฟฟ้าอะไรที่ไม่จำเป็นต้องใช้มากมาย มีติแค่เรื่องเดียวสำหรับผมคือ ฟิลลิ่งในการเปิดปิดประตูรู้สึกว่ากระป๋องไปนิดหน่อย

ตอนนี้เท่าที่ทราบเรื่องการเซอร์วิส มีฟรีค่าแรง 3 ปีให้ด้วยครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่นโซว์รูมแค่ละคันเดียวสำหรับสีน้ำเงิน คันล่ะ 1.29 ล้าน แถม แรคหลังคาของ Thule ให้ด้วยครับ

ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับ Subaru น่ะครับ ส่วนตัวใช้ F30 320D อยู่ เผอิญเมื่อวานขับผ่านโชว์รูม Subaru และถนนโล่งๆก็เลยขอลองรถดู รู้สึกว่าถ้าเป็นคนชอบรถฟิลลิ่งออกแนวสปอรต์หน่อย คันนี้เทียบกับราคาเป็นตัวเลือกท่ี่น่าสนใจใช้ได้เลยครับ

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
เข้าใจดีครับ เพราะผมก็เป็นมาก่อน
ซีรีย์ 3 เป็นรถในฝัน มองตามตลอด

ผมว่าถ้าใช้รถเยอะ ต้องคิดแบบนี้ครับ

1. ถ้าอยากใช้รถยุโรปและมีงบพอไม่เดือดร้อน ซื้อเถอะครับไม่ต้องลังเล
เมื่อหมด BSI มีทางเลือกตามนี้
- ขายทิ้ง เอามาดาวน์ BM หรือ MB คันใหม่
- ซื้อ BSI เพิ่ม แต่เท่าที่ทราบ เพิ่มได้ปีเดียวหรือ 30000 กิโลถ้าจำไม่ผิด
- หาอู่นอกที่ไว้ใจได้ จบได้ครับ

2. ถ้าไม่ได้อยากขับยุโรปมาก แนะนำใช้โตโยต้าครับ อะไหล่หาง่าย ถูก ประหยัด
เหมาะกับการใช้รถแบบหนักหน่วง



ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
ถ้าข้อ 1 ผมต้องขาย เปลี่ยนรถตอน 2 ปีครึ่งเองครับ
ข้อ 2 ตอนนี้ผมขับเทียน่า j32 อยู่ครับ ไม่คิดจะไปหาแคมรี่ครับ ถ้ายังกักออฟชั่นอยู่
แต่ต้องยอมรับครับ ว่าโตโยต้าทนจริงๆ ผมเคยขับวีออส วิ่งไปจะ 3 แสนกิโลเครื่องยังดีอยู่เลยครับ

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
มีความสนใจในรถยุโรปครับ  ทั้ง BM และ MB  
ตอนแรกกะจะรอ C class ตัวใหม่ครับ เพราะของ MB สามารถซื้อเพิ่มได้
คล้ายๆ BSI ของ BM คือ Star Choice  ได้ service and maintenance ฟรี 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง
แต่ต้องจัดไฟแนนท์กับทาง MB เท่านั้น และดอกเบี้ยจะแพงกว่าปกติด้วย (อันนี้ถามเซลมาครับ)

แต่พอเห็นราคา 316i แล้วมันโดนมากเลยครับ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน
แต่ติดอยู่ที่ว่าผมขับรถเยอะครับ ปีนึงประมาณ 50,000 กิโลครับ
คิดว่าถ้าใช้ 2 ปีก็คงถึงแสนกิโล และก็คงหมด BSI แล้วครับ
เลยกลัวว่าจะมีปัญหาจุกจิกตามมาครับ และจะได้ไม่คุ้มกับเสียครับ
คือผมคงกันเงินสำหรับซ่อมไว้ปีละไม่เกิน 70,000 ครับ (หมายถึงถ้าหมด BSI หลังจาก2ปี)
ถ้าเกินกว่านี้ผมว่าเปลี่ยนรถใหม่ง่ายกว่าครับ  หรือว่าผมควรจะขับรถญี่ปุ่นต่อไป  
ปกติผมขับรถไม่เกิน 4 ปีก็เปลี่ยนแล้วครับ

ถ้าผมขับรถครบ 100,000 กิโลภายใน 2 ปี หลังจาก 2 ปีจะมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเยอะไหมครับ

ไม่แน่ใจว่าจขกทชอบเจ้า 316i เพราะว่าการขับขี่ของมันหรือว่าเพราะมันเป็น BMW เป็นหลักครับ แต่ถ้าชอบเรื่องการขับขี่ผมแนะนำให้ลองไปชำเลืองมองดู Subaru XV หน่อยก็ดีครับ ผมเพิ่งไปลองขับมาเมื่อวาน โดยรวมช่วงล่าง เบรค และพวงมาลัยผมชอบมากกว่าตัว F30 ครับ อัตราเร่งระหว่าง 316i กับ XV ไม่แน่ใจว่าใครแรงกว่ากัน ลองสลาลมและก็โยนเข้าโค้งยูเทิรน์แบบไม่หนักมากก็ใช้ได้เลยครับ เข้าใจว่าจขกทน่าจะวิ่งทางไกลเป็นหลัก ใช้รถสูงหน่อยแถมเป็นขับสี่ก็น่าจะโอเคน่ะครับ

อุปกรณ์ที่ให้มาก็ไม่ขี้เหร่น่ะครับไม่มีระบบไฟฟ้าอะไรที่ไม่จำเป็นต้องใช้มากมาย มีติแค่เรื่องเดียวสำหรับผมคือ ฟิลลิ่งในการเปิดปิดประตูรู้สึกว่ากระป๋องไปนิดหน่อย

ตอนนี้เท่าที่ทราบเรื่องการเซอร์วิส มีฟรีค่าแรง 3 ปีให้ด้วยครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่นโซว์รูมแค่ละคันเดียวสำหรับสีน้ำเงิน คันล่ะ 1.29 ล้าน แถม แรคหลังคาของ Thule ให้ด้วยครับ

ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับ Subaru น่ะครับ ส่วนตัวใช้ F30 320D อยู่ เผอิญเมื่อวานขับผ่านโชว์รูม Subaru และถนนโล่งๆก็เลยขอลองรถดู รู้สึกว่าถ้าเป็นคนชอบรถฟิลลิ่งออกแนวสปอรต์หน่อย คันนี้เทียบกับราคาเป็นตัวเลือกท่ี่น่าสนใจใช้ได้เลยครับ


ขอบคุณมากๆครับ
ซูบารุ XV เป็นรถที่คุณภาพดีเกินราคาเลยครับ
โดยส่วนตัวไม่ชอบรถยกสูงและ 5 ประตูครับ ถ้าผมจะเปลี่ยนจาก D seg. ก็คงไปทางฝั่งยุโรปเลยครับ
ผมชอบแบรน ยุโรปและมีกำลังตรงพอแค่  C class กับ ซีรี่ 3 ครับ

ออฟไลน์ WTN

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 143
มีความสนใจในรถยุโรปครับ  ทั้ง BM และ MB  
ตอนแรกกะจะรอ C class ตัวใหม่ครับ เพราะของ MB สามารถซื้อเพิ่มได้
คล้ายๆ BSI ของ BM คือ Star Choice  ได้ service and maintenance ฟรี 3 ปีไม่จำกัดระยะทาง
แต่ต้องจัดไฟแนนท์กับทาง MB เท่านั้น และดอกเบี้ยจะแพงกว่าปกติด้วย (อันนี้ถามเซลมาครับ)

แต่พอเห็นราคา 316i แล้วมันโดนมากเลยครับ ราคาไม่เกิน 2 ล้าน
แต่ติดอยู่ที่ว่าผมขับรถเยอะครับ ปีนึงประมาณ 50,000 กิโลครับ
คิดว่าถ้าใช้ 2 ปีก็คงถึงแสนกิโล และก็คงหมด BSI แล้วครับ
เลยกลัวว่าจะมีปัญหาจุกจิกตามมาครับ และจะได้ไม่คุ้มกับเสียครับ
คือผมคงกันเงินสำหรับซ่อมไว้ปีละไม่เกิน 70,000 ครับ (หมายถึงถ้าหมด BSI หลังจาก2ปี)
ถ้าเกินกว่านี้ผมว่าเปลี่ยนรถใหม่ง่ายกว่าครับ  หรือว่าผมควรจะขับรถญี่ปุ่นต่อไป  
ปกติผมขับรถไม่เกิน 4 ปีก็เปลี่ยนแล้วครับ

ถ้าผมขับรถครบ 100,000 กิโลภายใน 2 ปี หลังจาก 2 ปีจะมีค่าใช้จ่ายอะไรอีกเยอะไหมครับ

ไม่แน่ใจว่าจขกทชอบเจ้า 316i เพราะว่าการขับขี่ของมันหรือว่าเพราะมันเป็น BMW เป็นหลักครับ แต่ถ้าชอบเรื่องการขับขี่ผมแนะนำให้ลองไปชำเลืองมองดู Subaru XV หน่อยก็ดีครับ ผมเพิ่งไปลองขับมาเมื่อวาน โดยรวมช่วงล่าง เบรค และพวงมาลัยผมชอบมากกว่าตัว F30 ครับ อัตราเร่งระหว่าง 316i กับ XV ไม่แน่ใจว่าใครแรงกว่ากัน ลองสลาลมและก็โยนเข้าโค้งยูเทิรน์แบบไม่หนักมากก็ใช้ได้เลยครับ เข้าใจว่าจขกทน่าจะวิ่งทางไกลเป็นหลัก ใช้รถสูงหน่อยแถมเป็นขับสี่ก็น่าจะโอเคน่ะครับ

อุปกรณ์ที่ให้มาก็ไม่ขี้เหร่น่ะครับไม่มีระบบไฟฟ้าอะไรที่ไม่จำเป็นต้องใช้มากมาย มีติแค่เรื่องเดียวสำหรับผมคือ ฟิลลิ่งในการเปิดปิดประตูรู้สึกว่ากระป๋องไปนิดหน่อย

ตอนนี้เท่าที่ทราบเรื่องการเซอร์วิส มีฟรีค่าแรง 3 ปีให้ด้วยครับ ตอนนี้มีโปรโมชั่นโซว์รูมแค่ละคันเดียวสำหรับสีน้ำเงิน คันล่ะ 1.29 ล้าน แถม แรคหลังคาของ Thule ให้ด้วยครับ

ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับ Subaru น่ะครับ ส่วนตัวใช้ F30 320D อยู่ เผอิญเมื่อวานขับผ่านโชว์รูม Subaru และถนนโล่งๆก็เลยขอลองรถดู รู้สึกว่าถ้าเป็นคนชอบรถฟิลลิ่งออกแนวสปอรต์หน่อย คันนี้เทียบกับราคาเป็นตัวเลือกท่ี่น่าสนใจใช้ได้เลยครับ


ขอบคุณมากๆครับ
ซูบารุ XV เป็นรถที่คุณภาพดีเกินราคาเลยครับ
โดยส่วนตัวไม่ชอบรถยกสูงและ 5 ประตูครับ ถ้าผมจะเปลี่ยนจาก D seg. ก็คงไปทางฝั่งยุโรปเลยครับ
ผมชอบแบรน ยุโรปและมีกำลังตรงพอแค่  C class กับ ซีรี่ 3 ครับ

ถ้ายังงั้นผมคิดว่า 316i น่าจะเหมาะครับ จริงๆแล้ว รถ BMW เป็นรถที่ไม่ค่อยจุกจิกน่ะครับ เท่าที่ผมใช้มาคันนี้เป็นคันที่สี่แล้ว ทุกคันเป็นมือหนึ่ง โอกาสที่จะใช้ BSI นอกจากการเปลี่ยนผ้าเบรคและน้ำมันเครื่องแล้วก้อไม่ค่อยจะมีโอกาสหรอกครับ ส่วนใหญ่อะไหล่ที่ไม่ได้คุณภาพที่จะต้องเปลี่ยนจริงๆก็จะมีจดหมายจากทาง BWM เรียกให้เข้าไปเปลี่ยนเองครับ

ผมไม่แน่ใจว่า C Class ใหม่จะทำราคาหรือออกตัวที่จะลงมาสู้กับ 316i ตั้งแต่ต้นเลยหรือเปล่า ซึ่งผมคิดว่าไม่

เพราะฉะนั้น ราคาส่วนต่างของ C Class ใหม่กับ 316i ก็น่าจะมากอยู่พอสมควร จริงๆเอาส่วนต่างตรงนี้ไว้เป็นค่า Maintenance ของ 316i ไปได้สักสองปีหลังจากหมด BSI แบบสบายๆเลยครับ


ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
หากไม้ได้ติดว่าจะต้องยุโรป ใช้เยอะขนาดนี้ ผมก็คงแนะนำไปญี่ปุ่นท่าจะดีกว่านะครับ เซฟกว่า

แต่หากไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก (ซึ่งคุณก็เตรียมไว้ 70000 บาทต่อปี) ก็ไม่น้อยนะ
หาอู่ไว้ใจซ่อม BM สักอู่ ดูเอาตาม web คอมเมนท์ต่างๆ แล้วก็ลองเข้าไปดู ซ่อมจบ ก็สบาย วิ่งกี่แสนก็ไม่มีปัญหา รถแม่ผมวิ่งจะ 3 แสนโลแล้ว ก็ยังใช้ได้ BM ขอให้ซ่อมให้ถึง และซ่อมให้จบ ใช้ได้ยาวๆ อย่างคุณ ก็ 5 ปี 250000 โล สบายๆ ครับ

แต่ก็นะ อย่าไปมองเรื่องขายต่อ เพราะวิ่งขนาดนี้ ขายต่อ คงต้องทำใจจริงๆ นะครับ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ beerrl

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,672
    • อีเมล์
คือถ้ากังวลเรื่องซ่อม ค่าดูแล ผมว่าเพื่อความสบายใจ ออกรถญี่ปุ่น น่าจะสบายใจ และ สบายกระเป๋ากว่าครับ
แต่ถ้าเน้นความมั่นคง ความมั่นใจ ในการขับขี่ และ รับกับค่าดูแลที่แพงกว่าได้ ไปที่ BMW ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
Volvo 850GLT
Honda odyssey
Toyota Camry hybrid
Suzuki swift eco
Hyundai tucson crdi
Nissan Xtrail 2.0V 4wd
Honda Civic FC 1.8EL

ออฟไลน์ mick

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,547
สงสัยอย่างนึง

ใช้รถเยอะๆ ทำไมไม่คิดว่าซื้อแล้วคุ้ม ได้ใช้เยอะๆ คุ้ม
ใช้รถยุโรปต้องใช้น้อยๆถึงจะซื้อหรอครับ แทนที่จะคิดว่ารถแพงๆ ใช้เยอะๆ ยิ่งคุ้มกับสมรรถนะและความปลอดภัยที่มีให้

ใช้น้อยๆสิ ซื้ออะไรก็ได้ เพราะอยู่กับมันน้อย

ออฟไลน์ north

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 431
สงสัยอย่างนึง

ใช้รถเยอะๆ ทำไมไม่คิดว่าซื้อแล้วคุ้ม ได้ใช้เยอะๆ คุ้ม
ใช้รถยุโรปต้องใช้น้อยๆถึงจะซื้อหรอครับ แทนที่จะคิดว่ารถแพงๆ ใช้เยอะๆ ยิ่งคุ้มกับสมรรถนะและความปลอดภัยที่มีให้

ใช้น้อยๆสิ ซื้ออะไรก็ได้ เพราะอยู่กับมันน้อย


ของผมที่กลัวคือกลัวว่าหลังจากหมดBSI แล้วมันจะเสียค่าซ่อมเยอะมาก
คำว่าคุ้มของคุณกับของผมมันเหมือนกันหรือเปล่าครับ

ไม่ทราบว่าคุณใช้รถปีละกี่กิโลครับ

ออฟไลน์ !note!

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 137
จากที่เคยใช้ E46 หลังหมด BSI มา คิดว่าปีละ 70000 น่าจะพอแค่บางปี
ประมาณว่าเวลาเสียมันจะเสียติดๆกันชุดใหญ่ ปีนั้นจะโดนเป็นแสน
แต่พอซ่อมหมดมันจะหายไปซักปีสองปี แต่ก็หนักอยู่
ถ้าใช้รถเยอะและอย่างได้ BM/MB แนะนำเกรย์ดีกว่า
หาที่ถูกกว่าศุนย์เยอะๆหน่อยไม่เน้น BSI น่าจะคุ้มกว่า
ไม่งั้นคงต้องเล่นรถยุ่นต่อไป เก็บเงินต่อซักพักให้มากพอที่จะไม่คิดเรื่องซ่อมค่อยซื้อ