ผู้เขียน หัวข้อ: เกียร์ออโต้ ถ้าก่อนถึงไฟแดงเราปลดจาก D ไป N จะมีผลเสียอะไรไหมครับ  (อ่าน 11415 ครั้ง)

ออฟไลน์ the kit

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,314
จากคำถามนะ
คือมันเป็นทางตรงยาวๆ และสามารถเห็นสัญญาณไฟได้จากระยะ 2-3 กม. เมื่อเราเห็นไฟแดงแล้ว เราปลดจาก D ไป N เพื่อปล่อยไหล เป็นระยะ 2-3 กม.
จะมีผลเสียอะไรไหมครับ ถ้าทำบ่อยๆ เกียร์จะพัง หรือน้ำมันเกียร์จะเดือดหรือไม่ อย่างไร ช่วยอธิบายด้วยครับ ขอบคุณ

ปล. เกียร์ออโต้ธรรมดา ไม่ CVT ครับ แล้วถ้าเป็น CVT จะเป็นอย่างไรครับ
"Only live once, but if you do it right, Once is enough"

ออฟไลน์ Elros

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 79
D -> N
N -> D
N -> R
R -> N

ควรจะทำตอนรถหยุดเท่านั้นไม่ใช่เหรอครับ

ออฟไลน์ ismael

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 987

perato.exa

  • บุคคลทั่วไป
ยังดี ว่า กด D-N นะคะ

บางรายกด P  นี่สิคะ  จอดตามหลัง เห็นชัดเลย เพราะ ไฟถอยขึ้นแว๊บๆ

นึกสภาพ รถมันชนท้าย สิคะ เหอะๆๆๆ

สรุป D-N ไม่มีผลค่ะ  อย่าสับ P ก็แล้วกันค่ะ


อ้อ  D-N  ควรทำตอนรถนิ่งดีกว่าค่ะ ถ้าปล่อยให้ไหล เกรงว่าจะมีปัญหาค่ะ

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,841
  • Let the SKYFALL
D>N ทำตอนรถวิ่งเหมือนรถเกียร์ธรรมดา เคยอ่านเจอมาว่าเกียร์จะกลับบ้านเก่าเร็วขึ้นครับ
ปล่อยคันเร่ง ทิ้งไว้ D มันหน่วงนิดเดียวเองครับ เลยไม่รู้ว่าจะสับทำไม
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ madboy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,362
    • อีเมล์
เกียร์ D ปล่อยไหลๆตอนก่อนถึงไฟแดง ไม่ได้เปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าใช้  N  ไหลๆไป เพราะยังไงมันก็ไม่ได้จ่ายน้ำมันอยู่แล้ว  ;D

ออฟไลน์ Chalongs

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 120
    • อีเมล์
ทำเพื่ออะไรครับ

season1008

  • บุคคลทั่วไป
D -> N ขณะที่ถอนคันเร่งแล้ว คงไม่สึกหรอเท่าไร  แต่ก็ไม่มีประโยชน์เท่าไร

การแยกตัวของชุดครัชเปียก ขณะที่เพลาขาเข้า (จากเครื่อง) และ เพลาขาออก (ไปล้อ) วิ่งไปด้วยกัน ที่แรงบิดต่ำๆ (แรงเฉื่อย)
การสึกหรอไม่น่าจะต่างมากนัก กับตอนเปลี่ยน D -> N ขณะรถหยุด

แต่ถ้าจะประหยัดน้ำมัน ก็คงไม่ช่วย  เพราะเครื่องเดียวนี้ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิค ถอนคันเร่งมันก็ตัดน้ำมันแล้ว
อีกอย่าง ระยะเบรกตอนเข้า N จะยาวกว่า เพราะไม่มีเครื่องช่วยฉุด  มีอะไรตัดหน้า ปุบปับ อาจจะเบรกๆไม่ทัน


Dek Prade

  • บุคคลทั่วไป
ผมเข้าใจว่านี่คือ คำถามจากสถานการณ์สมมุติ...
ผลเสียในทางกายภาพตัวรถและเครื่องยนต์..คงไม่มี
อยากจะทำ  ก็ทำได้..
แต่ก็ไม่เห็นจะเกิดประโยชน์อะไร เช่นกัน
จึงไม่เห็นด้วยที่จะทำ

สู้ปล่อยให้ D ทำงานของมันไปจนกระทั่งเบรค
เผื่อบางทีหากมีเหตุให้ต้องขับเคลื่อนต่อไป เช่น มีสิ่งกีดขวางกระทันหัน จำเป็นต้องเร่งเครื่องเพื่อหลบหลีกสถานการณ์

คิดข้อนี้ดีกว่า  ถ้ารถไหลๆ ที่ความเร็วซัก 40 กม/ชม แล้วดันผลักเข้า D เลย จะมีผลเสียอะไรหรือไม่

ออฟไลน์ archian

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,100
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ   แต่ก็ไม่ควรทำ  ถ้าพลาดที  อาจมีคนตาย

ออฟไลน์ ADS

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 227
ผมเข้าใจว่า พอเห็นไฟแดงในระยะที่สามารถปล่อยรถไหลไปได้โดยไม่ต้องเหยียบคันเร่ง
แล้วเปลี่ยนเกียร์จาก D มา N เพื่อไม่ให้รถหน่วง จะได้ไหลไปไกลกว่าตอนอยู่ที่ D ผมก็
เคยทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่ระยะมันสั้นเกินกว่าที่จะเรียกว่าประหยัด อีกทั้งยังเป็นการเสี่ยง
ต่อเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเฉพาะหน้าอีกด้วย  จึงมีความเห็นเหมือนหลายๆ ท่านข้างบนครับว่า
ใช้เกียร์ D ไปจนหยุด ส่วนจะเปลี่ยนเป็น N หรือเหยียบเบรคก็แล้วแต่สะดวกครับ
อดีต       Austin ... VW เต่า ... VW ตู้ ... Lancer Champ ... Galant GLS ... CRV G1 ... Nissan Super Neo
ปัจจุบัน   Accord G6 ... CRV G3 ... BMW F30 316i

ออฟไลน์ Bier

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 152
    • อีเมล์
ขออนุญาตตอบคำถามนะครับ

ถ้าก่อนถึงไฟแดงเราปลดเกียร์จาก D ไป N จะมีผลเสียอะไรไหม ?
ตอบ ถ้าช่วงรถไหลนิดๆ ไม่เกิน 5 - 10 เมตร ทำได้ครับ แต่ไม่สมควรทำ
ยิ่งถ้ามาเร็วๆ แล้วไหลไกลๆ ก่อนที่จะถึงไฟแดง ยิ่งไม่ควรทำ เพราะมีผลเสียต่อเกียร์อย่างมากครับ  ;)  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 31, 2013, 15:17:35 โดย Bier »

ออฟไลน์ prokhall

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 191
มันเป็นนิสัยของการขับเกียร์ธรรมดาที่ไม่ค่อยถูกต้องก่อนจะจอดนิ่ง นิครับ

ทางที่ดีที่สุดคือ ใช้เกียร์ D ปล่อยไหลค่อยๆบรรจงเบรคเบาๆ จนหยุดนิ่งดีกว่าครับ
การเปลี่ยนเกียร์ไม่ว่าจะไป N ทางที่ดี คือ ต้องให้รถหยุดนิ่งเหยียบเบรคก่อนเปลี่ยนเกียร์ เป็นดีที่สุดครับ

การปล่อยรถโดยไม่แตะคันเร่งไม่ว่าจะเข้าเกียร์ N หรือ D ก็กินน้ำมันแทบจะเท่ากันครับ

กรณีที่เบรคแตกหรือคันเร่งค้าง ให้เข้า N ได้เลย ค่อยๆปล่อยรถไหลคุมด้วยเบรคมือค่อยๆยกทีละนิด บิดล้อนิดหน่อยเพื่อลดความเร็ว(ช้าๆ) ถ้าจังหวะต้องหยุดกระทันหัน ควรหาที่แถข้างเบียดทีละนิดครับ เลีียงชนคนกับมอเตอร์ไซ ชนท้ายรถยนต์(ไม่ยกสูง)เบาๆ

ออฟไลน์ 5thAvenue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,433
  • Hi!!!!
    • อีเมล์
รถยนต์บางรุ่น การถอนเกียร์ จาก D > N ขณะวิ่งชะลอตัว แทนที่จะประหยัดน้ำมัน กลับกลายเป็น กินน้ำมันมากขึ้นนะครับ

เพราะบางรุ่น มีระบบคำนวนการจ่ายเชื้อเพลิงขณะชะลอตัวให้น้อยลง หรือตัดการจ่ายเชื้อเพลิง เพื่อลดอัตราสิ้นเปลือง

การเข้า N แล้วปล่อยไหล ทำให้อัตราสิ้นเปลือง = รอบเดินเบา ซึ่ง อาจจะมากกว่า การที่เครืองลดการจ่ายเชื้อเพลิงขณะชะลอรถได้

คู่มือจะมีบอกนะครับ ว่ารถ เกียร์ อัตโนมัติ ห้ามลากเกินระยะทาง 20 - 25  กิโลเมตร (โดยเอาล้อที่ขับลงพื้น) ซึ่งแปลว่า การปล่อยให้

รถวิ่งไหลโดยใช้เกียร์ N ย่อมมีผลเสียต่อเครื่องยนต์หรือระบบเกียร์แน่นอนครับ แต่จะมากหรือน้อยแค่นั้นเอง

ฉะนั้นแล้ว ผมว่า ปล่อยให้รถจอดสนิทก่อนดีกว่าครับ แล้วค่อยเลื่อน D > N (ถ้าไฟแดงนานเกิน 60 วิ ผมใช้เกณฑ์นี้)

predator191

  • บุคคลทั่วไป
จะทำไปทำไมหล่ะครับ 555555

ผมว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลเท่าไหร่ครับ และ engine break ก็ไม่ได้ดึงแรงขนาดนั้นครับ

ถ้าเกิดเหตุกาณ์รฉุกเฉินต้องเร่ง ก็ต้องเสียเวลาเปลี่ยนมาเกียร์ D อีกรอบครับ (ระบบช่วยการทรงตัว อาจจะไม่ทำงานเมื่อเข้า N ครับ)

การกระทำแบบนี้ทำให้เกียร์ไปก่อนเวลาแน่นอนครับ

การกินน้ำมันก็ไม่ต่างครับ เนื่องจากรถรุ่นใหม่เป็นหัวฉีด รับคำสั่งจากกล่อง ECU ถ้าเราไม่เหยียบคันเร่ง น้ำมันก็จะฉีกเท่ารอบเดินเบาของรถครับ

รถบางค่ายเช่น BMW MB เวลาเราจะเปลี่ยนเกียร์ต้องเหยียบเบรคก่อนถึงเปลี่ยนเกียร์ได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 31, 2013, 16:19:30 โดย predator191 »

ออฟไลน์ ^Yimm@^

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,132
ทำเพื่ออะไรหรอครับ รถรุ่นใหม่ๆที่มีค่าแสดงอัตตราการกินน้ำมันแบบreal time ผมลองจอดแล้วดูว่าเกียร์ไหนกินน้ำมันยังไง
มันก็เท่ากันนะครับ ไม่ได้มีผลนะ

ออฟไลน์ toffyearn

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 626
ทำได้ครับ ถ้ากรณีพื้นเรียบ ไม่มีผลเสียแต่อย่างใด ยกเว้นถ้าเกิดไฟเขียวพอดี และมีการใส่กลับเกียร์ D อีกครั้งขณะที่รถยังไหลอยู่ จะทำให้เกียร์มีโอกาสสึกหรอได้มากกว่าปรกติ แต่ต้องระวังอันตรายอย่างมากกรณี อยู่ขณะลงเนิน เพราะหากเครื่องยนต์เกิดการดับ จะทำให้เบรค ไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ เมื่อย้ำเบรค กำลังเบรคจะหายไป และเมื่อผลักเกียร์กลับไปใส่เกียร์ D อีกครั้งจะไม่ทำให้เครื่องหน่วงและติดขึ้นมาอีกครั้งเหมือนเกียร์ Manual ครับ ต้องระวังจุดนี้ให้ดี

keamglad

  • บุคคลทั่วไป
จะทำไปทำไมหล่ะครับ 555555

ผมว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลเท่าไหร่ครับ และ engine break ก็ไม่ได้ดึงแรงขนาดนั้นครับ

ผมว่าเค้าคงไม่ได้หวังผลจาก engine break เพราะเข้า N จะไม่เกิด Engine breake ครับ
ค่าเท่ากับเข้าเกียว่างของเกียร์ธรรมดา ถ้าอยากได้ engine break ต้องเข้าเกียร์ต่ำ

ออฟไลน์ NINENOI

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,723
  • Nine & Knight
น้ำมันเกียร์จะเดือดครับ (จริงๆแค่ร้อนขึ้น) ส่งผลให้เกียร์อายุสั้นลงครับ เค้าถึงห้ามลากรถโดยไม่ยกล้อหน้าขึ้นหน่ะครับ แม้จะเข้าเกียร์ว่างหรือไม่ได้สตาร์ทรถเมื่อล้อหมุนฟันเฟืองต่างๆก็หมุนไปด้วยแต่ระบบหล่อเย็นน้ำมันเกียร์หยุดทำงานน้ำมันเกียร์เลยร้อนขึ้น

อันนี้ตามความเข้าใจมนะครับผิดอย่างไรช่วยแก้ให้หน่อยแต่ถ้าถูกก็ช่วยยืนยันหน่อยนถครับ หาพวก  ;D ;D ;D
ถ้าเราซื้อของที่ไม่จำเป็น สุดท้ายเราต้องขายของที่จำเป็น

predator191

  • บุคคลทั่วไป
จะทำไปทำไมหล่ะครับ 555555

ผมว่ามันเป็นการกระทำที่ไม่มีเหตุผลเท่าไหร่ครับ และ engine break ก็ไม่ได้ดึงแรงขนาดนั้นครับ

ผมว่าเค้าคงไม่ได้หวังผลจาก engine break เพราะเข้า N จะไม่เกิด Engine breake ครับ
ค่าเท่ากับเข้าเกียว่างของเกียร์ธรรมดา ถ้าอยากได้ engine break ต้องเข้าเกียร์ต่ำ

อ่อ ผมหมายถึงว่า engine break ไม่ได้ดึงแรงขนาดที่ว่า รถหยุดเร็วเกิน จนต้องเข้าเกียร์ว่างครับ

ขอบโทษครับ ผมรีบเขียนไปนิดเลยไม่เคลียครับ 55555   :D :D :D

ออฟไลน์ Freekick042

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 859
ไม่ควรทำครับ ไม่ใช่ว่าเกียร์พังหรืออะไรมันไม่พังหรอก จะพังก็4-5ปีขึ้นแน่
แต่ถ้าฉุกเฉินมีสิบล้อเบรกแตกพุ่งไล่หลังมากเราต้องพุ่งหนีอาจหนีไม่ทันนะครับ
เข้าDแล้วถอนคันเร่งไหลก็ประหยัดน้ำมันเท่ากันครับ

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,333
บอกตามตรง ผมไม่รู้ว่าอะไรในเกียร์จะพังมั๊ย

แต่ให้ลองคิดดูว่า ทำไมเค้าไม่ให้ลากรถเกียร์ออโต้ที่ความเร็วเกิน 25กิโลเมตรต่อชม  ผมว่านั่นแหละคือทำไมเราไม่ควรปลดเกียร์ไป n

ออฟไลน์ LimitedEdition

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,410
รถเกียร์อัตโนมัติทุกคัน ห้ามลากที่ความเร็วสูง และห้ามลากติดต่อกันนานโดยไม่มีการหยุดพัก คู่มือระบุไว้
ดังนั้นการใส่ N ในขณะรถวิ่งและปล่อยไหลเป็นทางยาว ผมคิดว่าจะมีผลทำให้กลไกในเกียร์มีปัญหาในระยะยาวครับ


ออฟไลน์ choomodify

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,634
N เกียร์ออโต้ กับ เกียร์ว่างใน เกียร์ธรรมดา ฟังดูอาจเหมือนกัน แต่หลักการทำงาน ของมันต่างกันครับ  จอดรถหยุดสนิทแล้วค่อยย้าย D ไป N จะดีกว่าครับ

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,708
    • อีเมล์

ผมนี่ประจำ D>>N ก่อนรถจะหยุด เป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง ทำมันทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติเลย
ถ้ารู้ว่าหลักการทำงานต่างกัน งี้ผมไม่ทำละครับ  :)
1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

freeshoot

  • บุคคลทั่วไป
Brio ผมเข้า D ไป N เป็นประจำ ไม่ว่าจะลงเนิน ไฟแดง  ในกรณีถนนโล่งไม่มีใครตาม

และ จาก N ไป D ประจำ ช่วงความเร็ว 10-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

Brio ขับมา 51000 กิโลเมตร 2 ปี กว่า  ยังไม่เป็นอะไร ปกติดี

แต่การขับขี่ปกติ แทบจะไม่ Kick Down  ไม่ออกตัวกระชาก

( เนื่องจาก งง D รอบเครื่อง 1000-1200 ส่วน N  ไม่ถึง 800-1000 )

ปล. เกียร์ CVT แสนกว่าบาท ฮ่าๆๆๆ ไม่รู้ขับแบบไหนจะพังก่อนกัน ไว้อีก 3-5 ปี ค่อยมาดูคำตอบอีกทีครับ 555+

ออฟไลน์ nakung

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 203
ผลเสียไม่รู้ แต่ผมเห็นพ่อผมขับอย่างนี้ทุกคัน ไม่มีเกียร์พังซักคัน
คันที่ใช้นานสุด cronos 626 ก็เป็น 10 ปี

season1008

  • บุคคลทั่วไป
รถเกียร์อัตโนมัติทุกคัน ห้ามลากที่ความเร็วสูง และห้ามลากติดต่อกันนานโดยไม่มีการหยุดพัก คู่มือระบุไว้
ดังนั้นการใส่ N ในขณะรถวิ่งและปล่อยไหลเป็นทางยาว ผมคิดว่าจะมีผลทำให้กลไกในเกียร์มีปัญหาในระยะยาวครับ
คนละกรณีครับ
การลากจูง เครื่องไม่หมุน ปั๊มน้ำมันไฮโดรลิกไม่ทำงาน น้ำมันไม่มีการไหลเวียนผ่านแผงระบายความร้อน
ในขณะที่ล้อหมุน ทำให้เพลาขาออกหมุน  ชิ้นส่วนในเกียร์บางชิ้นก็หมุน เกิดความร้อนสะสมภายในเกียร์  มากๆ เข้าก็พัง

ออฟไลน์ localgame

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,592
เปลี่ยนเกียร์เป็น N ก่อนไฟแดง ถ้าทำบ่อยๆมันก็มีผลต่ออายุการใช้งานหละครับ

บางทีถ้าคุณใช้รถอย่างทะนุถนอม เกียร์บางลูกอาจจะใช้ได้ถึง300,000โล หรือมากกว่านั้น

ส่วนเกียร์ธรรมดาไม่มีปัญหาครับ เพราะมันไม่มี N  :D

ออฟไลน์ peterpat

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 359
ผมก็ทำนะครับ ที่ทำเพราะเวลาจอดกำลังจะหยุดจะนุ่มนวลกว่า แต่บ้านผมทำกันทั้งบ้าน 555 ก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรนะ
รถคันที่อายุนานที่สุด 17-18 ปี แล้ว เกียร์วิ่งไป 350,000+ กม ถึงต้องเปลี่ยน (นี่ขนาดไม่ค่อยได้ถ่ายน้ำมันเกียร์นะครับ)
ฉะนั้นจากประสบการณ์ คิดว่าแทบไม่มีผม ผมว่าถ้าวิ่งที่ความเร็วสูงๆ ลากรอบสูงๆ อย่างนี้มีผลต่อเกียร์มากกว่าเยอะครับ