ผู้เขียน หัวข้อ: อะไรบ้างที่ทำให้รถยุโรป มีสมรรถนะช่วงล่างดีกว่ารถบ้านจากญี่ปุ่น บ้างครับ  (อ่าน 13583 ครั้ง)

ออฟไลน์ RERFz

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 568
    • อีเมล์
เท่าที่ลองนึกๆดู น่าจะ
- โช๊คอัพ
- ระบบกับสะเทือน
- ดีไซน์การกระจายน้ำหนักแต่ละล้อ

แล้วถ้าเกิด เรานำ โช๊คอัพ พวกรถยุโรป BMW / BENZ มาใส่รถบ้านจากญี่ปุ่น
จะช่วยเพิ่มสมรรถนะ ได้สูงขึ้น ไล่(ห่างๆ)รถยุโรป ได้บ้างไหมครับ
แบบดีขึ้นกว่าเดิม จากโช็คโรงงานเลย

ออฟไลน์ Alcatraz

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,608
    • อีเมล์
อะไรบ้างที่ทำให้รถยุโรป มีสมรรถนะช่วงล่างดีกว่ารถบ้านจากญี่ปุ่น

- ง่ายๆเลย ราคา ถ้าอยากหาความต่างระหว่างรถญี่ปุ่นและยุโรป ทำไมไม่ลองเทียบกับช่วงราคาเดียวกัน
ไม่ต้องไปญี่ปุ่นหรือยุโรปหรอกเอาแค่ทำไม มาชถึงเกาะถนนไม่เท่าแคมรี่ คำตอบเดียวกันเลย


แล้วถ้าเกิด เรานำ โช๊คอัพ พวกรถยุโรป BMW / BENZ มาใส่รถบ้านจากญี่ปุ่น
จะช่วยเพิ่มสมรรถนะ ได้สูงขึ้น ไล่(ห่างๆ)รถยุโรป ได้บ้างไหมครับ

- โช๊คอัพเป็นแค่ส่วนประกอบส่วนนึง มันมีหลายปัจจัย ตั้งแต่การออกแบบ ค่าไดนามิค การลู่ลม ความกว้างยาวของฐานล้อ ระบบขับเคลื่อน
แต่ไม่ใช่อยู่ๆไปถอดโช๊คบีเอ็มมาใส่ซีวิคแล้วจะเกาะเท่าอันนี้ไม่ใช่ละ แค่เอาซีรี่ย์ 5 มาใส่ 3 ก็ไม่ได้แล้ว มีแค่บางรุ่นที่ใช้พื้นฐานการออกแบบเดียวกันอย่าง A class กับ CLA ที่อาจใช้โช๊คอัพร่วมกันได้ แต่ลองสังเกตุดูว่าทั้ง 2 รุ่น ใช้โช๊คอัพเหมือนกันแต่การขับขี่ยังต่างกันอยู่ดี

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
มันจะใส่กันได้หรอครับอันนี้ไม่แน่ใจ แต่ถึงใส่ได้ผมว่ามันก็ยังห่างชั้นอยู่เหมือนเดิมนะ

คำว่าช่วงล่างมันมีหลายอย่างที่สัมพันธ์กัน ไม่ใช่แค่ช็อกอัพ+สปริง


jaesz

  • บุคคลทั่วไป
รถยุโรป ไม่ได้ขับดีกว่ารถญี่ปุ่นทุกคัน

การรวมตัวกันอย่างเหมาะสมของชิ้นส่วนช่วงล่างที่ดี มีองศา องค์ประกอบในตำแหน่งทีถูกต้อง อาศัยความรู้พื้นฐานที่พิสูจน์แล้ว เรียกว่า suspension geometryครับ

ไม่ใช่เอาโช็คสปริงจัดลงไปก็ทำให้รคันนึงขับดีขึ้น

ออฟไลน์ NONT4477

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9,851
  • Let the SKYFALL
รถอย่าง BMW จะค่อนข้างซีเรียสกับการกระจายน้ำหนักครับ
อย่าง e60 ชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าทำจากอลูมิเนียม รวมถึงชิ้นส่วนช่วงล่างเพื่อลด Unsprung weight (ขออ้างถึง e60 เพราะมีบอกในโบรชัวร์)
ยิ่งพวก 6Series แก้มหน้านี่เล่นใช้พลาสติกกันเลย
รวมไปถึงตำแหน่งวางเครื่องที่พยายามจะวางให้ เยื้องมาทางด้านหลังของเพลาหน้า เพื่อกระจายน้ำหนัก
Top Gear's Biggest FAN!!! (IN MY House)
I'm NAC1701  ^ ^

ออฟไลน์ ichok

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 791
    • อีเมล์
ชนิดและวัสดุของช่วงล่าง=จุดยึดเยอะๆก็หนึบเยอะและซ่อมเยอะ
บาลานซ์=ยุโรปมักขับหลังและบาลานซ์ดี ...รึเปล่า เห็นgoftขับหน้าก็ขับดี
จุดศูนย์ถ่วงต่ำ=รถมันเตี้ยมากก็เกาะมากขึ้น ผมเคยใช้E36  เดิมๆยังเตี้ยมาก รถบ้านญี่ปุ่นผมว่าจุดศูนย์ถ่วงยังไม่ต่ำมาก
น้ำหนักตัวรถ(รึเปล่า)=แต่เดี๋ยวนี้ไม่รู้รถยุโรปดูเหมือนเบาขึ้น เคยใช้E39 รู้สึกตัวรถมันหนักมากและรู้สึกมันเกาะถนนเพราะน้ำหนักตัวด้วยส่วนหนึ่ง แต่ไม่ทั้งหมดเพราะไม่งั้นสิบล้อขนดินคงเกาะกว่า แฮะๆ


ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
- การเซ็ตน้ำหนักพวงมาลัย
- โช้ค..ซึ่งไม่ใช่แค่แข็งหรือ่อนยังไงแต่ดีไซน์มาเข้าชุดกับสปริงและคำนวณวิถีของการยุบและยืดมาอย่างดี
- สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งคือการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ ที่ไม่ใช่แค่ลู่ลม แต่คิดมาอย่างดีว่าตรงไหนลมไหลผ่าน ตรงไหนลมกด ตรงไหน Negative pressure ตรงไหน Positive pressure

รถที่ซิมเปิ้ลที่สุดในแง่นี้คันนึงคือ VW Golf/Vento Mk3. ซึ่งการกระจายน้ำหนักไม่ได้ดีเลิศ ใช้ระบบขับหน้า ใช้ล้อเล็กแค่ 185/60/14 น้ำหนักตัวเบาแค่ 1,130 ก.ก. และโช้คจากโรงงานมานุ่มมากลองขย่มดูได้ แล้วทำไมรถพวกนี้วิ่ง 160-170 นิ่งและมั่นมาก เดินทางไกลไม่เหนื่อยเลย?

ผมว่ารถยุโรปยุคก่อนการลดต้นทุนนั้นใส่ใจเรื่องอากาศพลศาสตร์มาก เอาทุกอย่างไปเทตรงนั้นจนต้นทุนการพัฒนามันสูง ในยุคหลังๆจึงหันมาทำแบบรถญี่ปุ่นคือ "เล่นที่โช้คกับสปริง" มากขึ้น และ "เล่นกับแอโร่ฯ" น้อยลง
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ soklong

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 197
แล้วพวก. Camry. Teana. Accord.   ขับสัก 150-160.  น่ากลัวกว่า
Bmw 3.   หรือ. Bm C  มากไหม่ครับ

ออฟไลน์ joe560-4

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 584
ถ้าญี่ปุ่นตั้งใจทำให้มันดี มันก็ดีได้เหมือนกันนะ ดูอย่าง gtr r35 แรงมากแถมเกาะสุดๆ

ออฟไลน์ raygun

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,051
.
.
.
ยุโรปถนนมันยาวครับ ขับถึงกันได้หมด คุณสามารถขับรถจากอิตาลี
ไปถึงเยอรมันได้เลย เพราะฉะนั้นเรื่องช่วงล่างเค้าเน้นกันมานานกว่าญี่ปุ่นเยอะ
เพราะคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ใช้รถแต่ในเมืองกันซะเยอะ เค้าถึงเน้นรถคันเล็กประหยัดๆ
ส่วนนึงเป็นเพราะค่าผ่านทางด่วนระหว่างเมืองมันโหดมาก
ขึ้นรถไฟไปคุ้มกว่า เลยไม่ค่อยมีใครใช้รถขับกันทางไกลๆ ไม่เหมือนยุโรป

ความเห็นส่วนตัว BM เด่นมากๆเรื่องการกระจายน้ำหนักและเค้าเน้นสุดๆ
ไปดูได้เกือบทุกรุ่น วางเครื่องจะทะลุเข้าไปในห้องโดยสารอยู่แล้ว
ส่วน MB ผมว่าเค้าเน้นเรื่องแอร์โรไดนามิคที่สุดแล้วตอนนี้ เพราะได้ทั้งเรื่อง
การทรงตัว ความเร็ว และประหยัดเชื้อเพลิง และก็ทำได้ดีมากๆ
ดูอย่าง CLA (แอร์โร่ดีที่สุดในโลก) หรือ W205 ที่ยอมให้เบาะหลังนั่งสบายน้อยลง
เพื่อมาเน้นเรื่องนี้อย่างจริงจังมากๆ

ออฟไลน์ Monn

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,806
แล้วพวก. Camry. Teana. Accord.   ขับสัก 150-160.  น่ากลัวกว่า
Bmw 3.   หรือ. Bm C  มากไหม่ครับ

Accord ผม 140 ต้องเหลือบมอง พร้อมถอน เปลี่ยนโช๊คแล้วนะ

Bmw ผมเหยียบแบบลืมดู ไม่รู้สึก มองอีกที 170 รีบถอนเพราะตกใจ แต่มันนิ่งมาก

ยิ่งหากวิ่งแนวมุด การทรงตัวมันคนละเรื่องเลยอะ
S3 - F30
X1 - E84

ออฟไลน์ prokhall

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 191
รถญี่ปุ่น มี ดับเบิ้ลวิชโบน กับ มัลติลิ้ง แล้วจบครับ แต่ละยี่ห้อไปปรับตั้งให้นุ่มสบายให้แข็งรถไม่โยนเวลาเข้าโค้ง แต่พื้นๆแล้วก็เหมือนกันครับ
รถยุโรป มีเหมือนกันแต่ไม่จบครับ มีอะไรที่ซับซ้อนเพิ่มกว่ามากครับ มันได้ทั้งนุ่มและไม่โยนเวลาเข้าโค้ง

keanetona

  • บุคคลทั่วไป
แล้วพวก. Camry. Teana. Accord.   ขับสัก 150-160.  น่ากลัวกว่า
Bmw 3.   หรือ. Bm C  มากไหม่ครับ

เมื่อเทียบ E28 ตอนที่ผมขับนั่นก็อายุ10กว่าปีละ กด160ยังนิ่งๆ เทียบกับ ACV30 กดไป130ก็เสียวๆ และลองสาดโค้งเดียวกัน E28 นิ่งๆ แต่ ACV30 เสียวมาก

ออฟไลน์ TorTy

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,992
ถ้าเทียบชนตาม segment จริงๆผมว่าไม่ได้ต่างอะไรมากนะครับเดี๋ยวนี้
คนส่วนใหญ่พอเทียบกับรถยุโรปไปเอา audi bmw benz มาเทียบมันก็เลยดูต่างพอสมควร
รถญี่ปุ่นเอารถตลาดมาเทียบถ้าเทียบ premium ด้วยกันไม่ได้ทิ้งอะไรกันมากเลย

ออฟไลน์ Carrera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,340
ผมเริ่มสงสัยว่า ถ้าเอาพวกรถญี่ปุ่นบ้านๆ หรือเก่าๆ (Impreza GC) ที่พื้นฐานดีระดับนึง ไปทำแบบสุดๆ  ...จะได้เท่าหรือดีกว่าไหมนะ (ไม่พูดถึงงบ  เอาความเป็นไปได้)

เช่นใส่โช๊คดีๆ Ohlins (เคยได้ยินว่า Ohlins หนึบแต่ไม่เด้ง) สปริงดีๆ  ปีกนกอลู ติด Rigid Collar Spot + ค้ำตัวถังเสริมความแข็งแรง  คำนวณดีๆ  เพิ่มหน้ายาง  ฐานล้อ  ลดน้ำหนักตัวถัง(คาร์บอนไฟเบอร์) +ล้อ Forge ยางหน้ากว้าง    ใส่สปอยเลอร์ ปิดแผ่นใต้ท้องเสริมแอโร่ไดนามิกแล้ว  เซตพวงมาลัยดีๆ  เป็นขับสี่แบบ Subaru อะไรแบบนี้ (ไม่นับเรื่องเสียงรบกวน)

เผื่อจะมีใครแบบรักรถรุ่นนั้นจริงๆลงทุนทำทั้งหมด  ผมเลยสงสัยว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่า 

ตอนแรกนึกภาพ Juke R แต่คิดไปคิดมาไม่นับดีกว่าเพราะรายนั้นคือ GTR เอาฝาครอบ Juke มาวางทับเฉยๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 07, 2014, 17:07:09 โดย Butterzai »

ออฟไลน์ h22a

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 705
    • อีเมล์
เทียบที่ผมใช้อยู่สองคันละกันนะครับ
320i กับ Camry Hybrid 2012

ช่วงลงคอสะพานมอร์เตอร์เวย์ ใกล้เคียงกันมากครับ โดยที่ Camry จะรู้สึกกระแทกน้อยกว่า น่าจะเพราะช่วงยุบอาจจะมากกว่า 320i

โค้งยาวๆบนมอร์เตอร์เวย์ 320i นิ่งกว่า10-20%(เทียบจากความรู้สึก)

ขับเร็วมุดๆ(120+) Camry จะโคลงกว่า 320i ประมาณ 15% โดยที่ผมตั้งสมมุติฐานว่า Camry ใต้ท้องมันสูงกว่า 320i และการกระจายน้ำหนักหน้า:หลัง ยังสู้ 320i ไม่ได้

ทั้งสองคัน ช่วงล่างเดิมๆหมดครับยกเว้นยาง Camry เปลี่ยนจาก 215-55R17 เป็น 215-50R17 เพราะยาง Pilot Sport3 มันไม่มีขนาดตามมาตรฐานรถ(ผมได้ชดเชยความเร็วแล้วในการเทียบกัน)