สวัสดีครับความจริงผมได้เช่ารถคันนี้ขับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมาแล้วหละครับ แต่กว่าจะพอได้หายใจบ้างจากการเรียนที่โหมกระหน่ำในช่วงโค้งสุดท้ายใกล้จบ กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็เดือนสิงหาเข้าไปแล้ว... ได้มีโอกาสอ่านรีวิว First impression ของพี่จิมมี่ที่ได้ไปลองขับที่ญี่ปุ่นก็พบว่า มีความคิดเห็นที่คล้ายๆกันพอสมควรในหลายๆจุด
ถ้าหากเจ้า X-Trail ใหม่เปิดขายเมื่อไหร่ ผมเชื่อเช่นกันครับว่า ก็ไม่รู้ว่าเราจะต้องไปมอง CR-V กับ Captiva ทำไม มันจะเหลือให้เลือกก็แค่ CX-5 เท่านั้นซึ่งเอาจริงแม้ผมจะชอบมันมากแค่ไหน แต่เมื่อได้สัมผัส X-Trail ใหม่ ก็ทำให้คิดเหมือนกันว่า อยากจะจับจองมาเป็นเจ้าของเสียจริง ซึ่งแฟนผมก็มีความเห็นในทำนองเดียวกันทั้งที่ปกติจะแอนตี้นิสสัน
สำหรับทริปที่เช่าขับเดินทางในครั้งนี้ เป็น One-day trip ไปยังเมือง Cambridge โดยเปลี่ยนมาใช้บริการ Budget Car Hire จากเมือง Reading แทนซึ่งผมใช้เป็นจุดเริ่มต้นการเดินทาง เคมบริดจ์เป็นเมืองเก่าแก่อีกเมือง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยเป็นอย่างดี อันเนื่องมาจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก Cambridge University อันมีความเก่าแก่มากแห่งหนึ่ง เซอร์ ไอแซค นิวตั้น ก็เคยศึกษาที่นี่และค้นพบทฤษฎีแรงโน้มถ่วงที่นี่เช่นกัน และวันนี้พาหนะที่เช่ามาใช้ในการเดินทางครั้งนี้ก็คือ
All New Nissan Qashqai 2014 Pure Drive dCi 130 M/T 1.6 Diesel
Nissah Qashqai รุ่นนี้จัดเป็นรุ่นที่ 2 ของ Crossover รุ่นทำเงินของนิสสัน ที่ช่วยพลิกฟื้นสถานภาพของบริษัทในช่วงวิกฤต และเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อรถในตลาดยุโรปไปอย่างมาก ยอดขาย D-Segment และ C-Segment ในยุโรปทุกวันนี้ถูกแย่งไปโดยรถตระกูล Crossover ส่วนหนึ่งก็มาจากความสำเร็จในการใช้ Qashqai เป็นตัวทำตลาดในกลุ่ม C-segment ในยุโรปของนิสสัน เพราะราคาที่ตั้งไว้ค่อนข้างใกล้เคียงกับรถซีดาน C-Segment ตัวอย่างเช่น Civic นั้นก็มีราคาที่ซ้อนทับกับ Qashqai ในอังกฤษอยู่ในช่วง 18,000 - 28,000 ปอนด์ (ซีวิค 17,000 - 25,000) จึงทำให้คนหันมาซื้อรถ Crossover ที่อเนกประสงค์มากกว่ารถเก๋งกัน ทุกวันนี้ถ้าเป็นรถใหม่ๆหน่อยบนถนนอังกฤษ มักจะเห็นเป็นพวก Crossover SUV มากกว่ารถเก๋งซีดานครับ
รายละเอียดตัวรถชื่อเต็มๆของรุ่นที่นำมาขับทริปนี้คือ All New Nissan Qashqai 2014 Pure Drive dCi 130 M/T 1.6 Diesel ซึ่งไม่ใช่ตัว Base สุดของ Diesel นะครับ ตัวนี้เป็นรุ่นการตกแต่ง Acenta Premium เกรดกลางๆ ได้ระบบนำทางกับซันรูฟเพิ่มเติมจากเพื่อนๆมาให้เล่น ราคาเริ่มต้น 24,430 ปอนด์
http://www.nissan.co.uk/GB/en/vehicle/crossovers/new-qashqai/prices-and-equipment/prices-and-specifications/model-details.106749_105034_105431.htmlกำลังเครื่องยนต์ 130 แรงม้าที่ 4000 rpm แรงบิดสูงสุด 320nm ที่รอบ 1750 รอบต่อนาที (ข้อมูลในเว็บนิสสันไม่ได้บอก แต่เสิชเพิ่มเติมมาได้แต่ตัวเลขเดียว ไม่ได้บอกเป็นช่วงครับ แต่จากที่ขับคิดว่าน่าจะเป็นแรงบิดช่วงกว้างตั้งแต่ราวๆ 1200-1800 รอบต่อนาที) ไอเสียผ่านมาตรฐาน Euro V หรือปล่อย CO
2 แค่ 115g/km เท่านั้น!! (Prius ปล่อยอยู่ที่ 90 g/km) ส่งกำลังด้วยเกียร์ Pure Drive หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ช่วงล่างหน้าพิมพ์นิยม MacPherson Strut ด้านหลังคานบิด twist beam และที่สำคัญ คันที่ผมเช่ามานี้เพิ่งมาถึงร้านเช่า Budget วันก่อนนี้เอง และผมก็ได้เป็นผู้เช่าใช้งานคนแรกเลยครับ บังเอิญมากๆที่ได้ขับรถใหม่เอี่ยมแบบนี้ ซึ่ง Toyota RAV4 ที่ผ่านมาก็ได้รถที่เพิ่งผ่านการขับมาพ้นรันอินหมาดๆเองเช่นกัน การเปรียบเทียบนิสัยรถเลยทำได้ไม่ยาก ทั้งนี้ข้อมูลสมรรถนะถ้าหากเทียบกับ RAV4 คันที่ผมขับมา เจ้านี่จะแรงด้อยกว่านะครับ ทั้งแรงม้าและแรงบิดแม้คันนั้นจะเป็นเบนซิน แต่ที่ต่างกันแน่นอนน่ะคือการกินน้ำมันครับ เดี๋ยวจะมาพูดถึงกันต่อไป
รายละเอียดทริปคร่าวๆการเดินทางในวันนี้เป็นการขับขี่ในระยะทางรวมประมาณเกิน 380กม. ไปนิดหน่อยในเส้นทาง Reading - Cambridge ไปกลับ และขับเที่ยวในตัวเมือง Cambridge ด้วยเล็กน้อย รวมทั้งนำกลับมาใช้งานในเมือง Reading อีกก่อนคืนรถวันรุ่งขึ้น เส้นทางที่ไปเที่ยวตามใน Google Map ที่แนบมานี้ครับ
คลิกเพื่อดูแผนที่เส้นทางผมขับไปหาลานจอดในเมืองแล้วเดินเที่ยวเอาเพราะมันจะลำบากถ้าหากขับรถย้ายที่จอดไปมาครับ อีกอย่างคือเมืองมันเล็กเดินเที่ยวได้ไม่ยาก แถมวันนี้อากาศก็ขมุกขมัวไม่ได้ร้อนด้วย มีแดดบ้าง มีฝนพรำๆบ้างสลับไป เรามาดูสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองกันบ้างดีกว่าครับ
จอดรถแล้วกำลังเดินเข้าเมือง ก็เห็นทีมเรือพายของ Cambridge University กำลังซ้อมแข่งงานแจวเรือยาวประเพณีประจำปี ที่จะแข่งกับ Oxford University ครับ
บริเวณใจกลางเมืองแล้วครับ จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เมืองใหญ่เลย เดินเที่ยวเล่นได้สบายๆ
Trinity College เป็นหนึ่งในวิทยาลัยที่เป็นส่วนหนึ่งของ Cambridge University ครับ มหาวิทยาลัยเก่าๆของอังกฤษจะมีลักษณะการรวมตัวกันของ College หรือ School หลายๆแห่งที่สอนการศึกษาขั้นสูง และรวมตัวกันจัดตั้งเป็นมหาวิทยาลัยครับ จะคล้ายๆ Hogwart ใน Harry Potter แบบนั้นเลย แต่ละ"บ้าน" ซึ่งก็คือพวก College ต่างๆนี่แหละ จะมีความภาคภูมิใจในสังกัดของตัวเองครับ และมักจะมีคู่อริทางการศึกษา ที่จะต้องคอยแข่งกันทั้งทางด้านผลงานวิจัย การศึกษา และแม้แต่กีฬาด้วยครับ ที่นี่เป็นสถาบันที่เซอร์ไอแซคนิวตันเคยศึกษาอยู่ในอดีต ซึ่งท่านก็ได้คิดค้นทฤษฎีและผลงานต่างๆไว้มากมาย อาทิเช่น กฎแรงโน้มถ่วง กฎการเคลื่อนที่ เป็นต้นครับ
ข้างๆประตูทางเข้า Trinity College เมื่อสักครู่ จะมีต้นไม้เล็กๆต้นนึง ซึ่งมีคนกล่าวอ้างกันว่า มันคือต้นแอปเปิ้ลที่ท่านเซอร์ไอแซค นิวตัน นั่งอยู่แล้วมีแอปเปิ้ลตกใส่หัวครับ แต่ดูแล้วมันแคะแกร็นเสียเหลือเกินจนผมก็ไม่ค่อยจะเชื่อนักว่าต้นแบบนี้มันจะออกผลได้นะ
St. John College ถ้าไม่บอกจะคิดว่านี่คือวิหาร = ='
Panting หรือการค้ำถ่อเรือ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่คนที่มาเคมบริดจ์ต้องมาลองกัน จะค้ำเองก็ได้ หรือจะนั่งให้คนค้ำให้ก็ได้ น้ำมันไม่ลึกมากนัก ราวๆมิดหัวคน เป็นคลองที่ด้านล่างคิดว่าเป็นคอนกรีต เลยใช้ไม้จิ้มลงไปในน้ำแล้วดันเรือเอาได้ ผมเลือกให้คนค้ำให้เพราะไม่อยากเหนื่อยต้องขับรถอีก 555 ข้อดีคือเค้าก็เล่าเรื่องของเมืองให้ฟังเยอะแยะมากมาย ก็เพลินๆดีครับ ได้ทราบประวัติของเมือง ประวัติของมหาลัย ผมเพิ่งรู้ว่า Cambridge นั้นที่จริงก็ถูกก่อตั้งโดยคนของ Oxford เมื่อหลายร้อยปีก่อนนั่นแหละครับ
King's College อีกหนึ่ง Landmark มุมมหาชน
เชื่อหรือไม่ครับว่านี่คือหอพักนักศึกษาที่ถูกใช้งานมาหลายร้อยปีแล้วจนถึงในปัจจุบัน ห้องที่มีระเบียงเล็กๆนั่นแต่ก่อนต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุดเท่านั้น ถึงจะได้อยู่ แต่ในปัจจุบันใช้การ Vote โดยเพื่อนๆ จึงทำให้คนที่ popular ได้อยู่แทนครับ (คือไม่ต้องฉลาดสุดแล้วก็ได้ 555)
สะพานไม้ Mathematics Bridge อีกหนึ่งสะพานไม้เก่าแก่ที่ยังบูรณะให้ใช้งานได้จนทุกวันนี้ เป็นอีกจุดที่คนชอบมาถ่ายรูปกัน
สะพาน Bridge of sigh สร้างเลียนแบบสะพานชื่อเดียวกันในเมืองเวนิซ (ใครว่าฝรั่งก๊อปปี้ไม่เป็น
) สะพานแห่งนี้ใช้เป็นทางเดินเข้าสู่ห้องสอบ จึงเป็นที่มาของชื่อว่าสะพานแห่งการถอนหายใจ คงจะแบบต้องเข้าห้องประหารแล้วสิเรา (ห้องสอบ) ชีวิตนักศึกษาอะไรมันจะห่อเหี่ยวเกี๊ยวปูปานนั้น
สุดท้ายฝนเทลงมายามบ่ายจนต้องหาร้านกินข้าวหลบฝน ก่อนจะเดินกลับมาเอารถกัน เลยได้เที่ยวแค่นั้นเองครับ แต่ฟ้าหลังฝนระหว่างเดินกลับไปเอารถนี่มันช่าง....บร๊ะเจ้า จะโหดไปไหนนน
งานออกแบบภายใน ภายนอกจบเรื่องเที่ยวกลับมาต่อเรื่องรถกันดีกว่าครับ
(คนเริ่มงง ตกลงรีวิวนี้เรามาอ่านอะไรกันเหรอ? 555)
จากที่เคยประทับใจภายในของ Toyota RAV4 มาแล้ว เมื่อมาดู Qashqai ก็พบว่า ไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เลย วัสดุให้ Perceived quality ที่จัดอยู่ในขั้นดีมาก แม้มันจะดูไม่หรูเท่า RAV4 ที่สัมผัสมา แต่ก็ไม่ได้ห่างชั้นกัน
ภายในของรุ่นนี้มีการออกแบบได้ง่ายต่อการใช้งาน แม้แดชบอร์ดจะไม่ได้ดูสวยงามมากขนาดนั้น แต่ทุกอย่างก็คลำหาได้ไม่ยากนักครับ ยกเว้นปุ่มปรับแอร์จะต่ำไปสักหน่อย ต้องใช้บนพวงมาลัยปรับเอา
Cockpit ออกแบบมาให้นั่งได้สบาย รองรับสรีระดี แต่ยังนั่งไม่สบายเท่าของ RAV4 ที่ให้ความรู้สึกเหมือนจะมีการรองรับไหล่ที่ไม่ดันเท่า แต่ภาพรวมคือนั่งสบายใช้ได้ทั้งคู่ครับ ไม่ปวดหลังสำหรับการขับทางไกล
หน้าจอเป็นแบบ Navigator เล่น DVD ได้ขณะจอด พร้อมต่อบลูธูทเล่นเพลงได้อีก ตัวระบบนำทางอัพเดทมากๆ เสิชอะไรไปก็เจอหมด ทำงานได้ค่อนข้างไวไม่หน่วง มีกราฟฟิคบอกเป็นสามมิติด้วยครับว่า ทางด่วนข้างหน้า ตรงทางแยก หน้าตาเป็นยังไง แล้วทำลูกศรชี้เลยว่า ต้องไปทางเลนไหน ซึ่งระบบบอกเส้นทางที่เป็นลูกศรนี้ จะแสดงบนเรือนไมล์เวลาขับด้วยครับ
อีกหนึ่งสิ่งที่ผมค่อนข้างชอบมากๆคือ เรือนไมล์ครับ มันสวย อ่านง่ายสบายตา และมีข้อมูลที่สำคัญๆชัดเจน หน้าจอ MID ตรงกลางเวลาตั้งนำทาง มันจะแสดงลูกศรบอก อันใหญ่โต และบอกระยะที่เหลือด้วยหลอดแนวตั้ง ที่จะค่อยๆลดลงเมื่อใกล้ถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนเส้นทาง เจ๋งมากๆครับ ไม่ต้องละสายตาไปดูจอนำทางเลย
ประตูหลังขึ้นลงได้ไม่ลำบากนัก แต่อาจจะไม่สบายเท่าของ RAV4 อันนั้นใหญ่โตขึ้นลงสะดวกเลยครับ
ด้านท้ายไม่ใหญ่เท่าไหร่ เพราะรูปทรงงานดีไซน์ของรถ ทำให้พื้นที่บรรทุกน้อยลงไปด้วย จึงทำให้ปริมาณเนื้อที่บรรทุกของพอๆกันกับเก๋งซีดาน กะด้วยสายตาคิดว่าน่าจะวางกระเป๋าเดินทางใหญ่ๆได้สองใบ แต่ซ้อนสองชั้นคงปิดประตูไม่ได้เพราะติดกระจก ข้อดีของห้องสัมภาระคือขอบโหลดเสมอเป็นระนาบเดียวกับพื้นที่บรรทุกของ จึงทำให้การโหลดของขึ้นท้ายยังทำได้ง่ายเท่าๆกับ RAV4 อยู่ และสามารถพับเบาะเป็นแนวราบเสมอไปด้านหน้าได้อีกแบบ 60:40 เพิ่มเนื้อที่บรรทุกได้อีกมากอยู่ ประเด็นนี้ผมว่า CR-V น่าจะได้เปรียบเรื่องการซ้อนของในแนวสูงได้มากกว่านิดหน่อยครับ แต่หากเทียบกับ RAV4 แล้วผมให้มันเป็นที่หนึ่งเรื่องบรรทุกข้าวของไปเลยครับ
นี่คือสาเหตุที่ทำให้การซ้อนของแนวสูงทำได้จำกัดครับ เมื่อปิดฝาท้ายลงจะเห็นแนวกระจกหลัง ที่ลาดเอียงมากกว่า SUV ปกติอยู่พอสมควร มันทำให้นึกถึง Ford Focus 5 doors กับ Prius เลยที่กระจกแบบนี้ทำให้การวางของด้านหลังมีเนื้อที่จำกัด แต่มันก็ทำให้รถดูสวย และมีบุคลิกปราดเปรียวมากขึ้นเช่นกัน
มองด้านข้างทั้งสองฝั่งกันชัดๆ มันดูเพรียวกว่ารุ่นอื่นๆอย่างเห็นได้ชัดเจน
จอดเทียบกับ Celica ให้เห็นขนาด (ขออภัยที่ถ่ายด้วยเลนส์วายด์ มันอาจจะดูยาวกว่าความเป็นจริงไปสักนิดนะครับ)
ล้อแม็กลายสวย ขอบ 17 นิ้ว
รายละเอียดโคมไฟหน้าแบบชัดๆ จะได้เทียบกับ X-Trail บ้านเราได้ว่ามันแตกต่างกันอย่างไร
ให้ดูท้ายกันจะจะ อีกสักรอบ ผมว่างานดีไซน์ด้านหลังมันทำให้นึกถึงรถจาก Ford ยังไงชอบกล คันด้านข้างซ้ายคือ Qashqai รุ่นก่อนหน้าครับ ในภาพเป็นตอนที่รับรถ และมีการถ่ายรูปรอบคันเพื่อใช้เป็นหลักฐานเผื่อกรณีมีปัญหาตอนคืน (ผมทำเป็นนิสัยเพราะมีเพื่อนเช่าในอังกฤษแล้วโดน Sixt ตุกติกครับ เพื่อนมันพลาดด้วยเหมือนกัน) ถ้าเปรียบเทียบกันจะเห็นความแตกต่างในงานดีไซน์ของมันในด้านท้าย ที่เห็นได้ชัดหน่อยครับ ใจผมชอบ Qashqai มากกว่าหน่อยนะ (Credit ภาพ X-Trail:
http://static.zigwheels.com/) X-Trail มันดูเหมือน Lexus RX เกินไปหน่อยแบบแทบจะลอกเค้ามา
ด้านหน้าครับ ให้เปรียบเทียบกับ All New X-Trail ในมุมเดียวกัน (Credit ภาพ X-Trail:
www.themotorreport.com.au) ถ้าด้านหน้านี่ผมชอบ X-Trail มากกว่าแฮะ ไฟหน้ากับรูปแบบกระจังหน้า ทำให้ตัวรถดูสวยล้ำยุคไปมากโข
สมรรถนะรถอย่างที่บอกคือรถรุ่นนี้เป็นการถูกเช่าครั้งแรกโดยผมเลย เลขไมล์เพิ่งจะขึ้นว่าขับไป 3ไมล์ เท่านั้น ถามร้านเช่าเค้าบอกว่า เพิ่งลงจาก trailer เมื่อวานเลยเพราะสั่งมาหลายคัน เลยเอามาส่งถึงหน้าร้านครับ ตอนผมขึ้นไปนั่งนี่คือเจ้าหน้าที่เพิ่งจะมาดึงพลาสติกต่างๆออกให้ ทุกอย่างยังใหม่ และเนี้ยบมากๆ
ในด้านพละกำลังเครื่องยนต์นั้น เมื่อจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะแล้ว ทำให้การขับขี่เป็นไปด้วยความสนุกสนานพอใช้ได้ครับ ไม่ได้ถึงกับมันส์ทะลุโลกแต่อย่างใด อัตราเร่งมีมาให้ใช้งานได้เรื่อยๆไม่น่ามีปัญหาอะไร แม้อาจจะไม่เหมาะกับคนเท้าหนักๆเท่าไหร่นักการขับขี่ไม่ค่อยรู้สึกว่าขับ SUV มันเหมือนรถเก๋งคันใหญ่ๆ พวก D-segment 2.0 มากกว่า ทั้งความรู้สึกและกำลังเครื่องยนต์ แต่แค่มันเป็นดีเซล เลยมีแรงดึงของดีเซลมาให้สัมผัสกันมากกว่าเฉยๆ ตำแหน่งเบาะนั่งคนขับเมื่อปรับให้สบายแล้ว ไม่รู้สึกว่าอยู่สูงเหมือนเวลาไปขับพวกฟอจูนเนอร์ หรือแม้กระทั่ง RAV4 ที่ให้ความรู้สึก SUV มากกว่า การเรียกใช้อัตราเร่งเมื่อต้องแซงนั้น หากเปรียบเทียบกับ RAV4 ที่ผมเคยรีวิวไป ผมรู้สึกว่าจะยังด้อยกว่า RAV4 คันนั้นที่บรรทุกเต็มพิกัด ทั้งคน 5 คนและของเต็มท้ายรถ ในขณะที่วันนี้ Qashqai บรรทุกคน 4 คน ไม่มีสัมภาระใดๆ ยังรู้สึกว่า พละกำลังเครื่องยังไม่แรงสะใจเท่าของ RAV4 คันนั้นครับ แต่ถามว่าเพียงพอไหม? หายห่วงครับ สบายๆ
การขับขี่บังคับควบคุม การทรงตัวของช่วงล่างทำได้ดีกว่า RAV4 คือเวลาที่ใช้ความเร็ว รถจะนิ่ง พวงมาลัยมีความรู้สึกมั่นคง on-center feeling ดี หนักที่ความเร็วสูง และเบามากที่ความเร็วต่ำ จนขับในเมืองคล่องตัวกว่า RAV4 ช่วงล่างเกาะถนนดีกว่า CR-V ที่เคยสัมผัสมาเช่นกันครับ แต่จะรู้สึกว่าเซ็ทมาแข็งกว่า RAV4 ที่อันนั้นจะนิ่มหนุบมากกว่า ผมจะชอบแบบของ RAV4 มากกว่า คือไม่ย้วย และซับแรงสะเทือนดี ในกรณีของ RAV4 ที่รีวิวไป รถจะรู้สึกได้ว่ามันมีความสูง อาจจะโคลงๆหน่อย แต่ใน Qashqai ไม่เป็นครับ ถึงบอกว่าให้ความรู้สึกคล้ายๆขับซีดานคันใหญ่ๆมากกว่า แค่สูงกว่ากันนิดนึง ในภาพรวมผมว่า สมรรถนะรถเป็นที่น่าพึงพอใจครับ พวงมาลัยเซ็ทมาดีกว่าของ RAV4 นอกนั้นอาจจะสูสีกัน บางด้านก็ชนะไปฉิวเฉียด อย่างการโดยสาร ช่วงล่างของ Qashqai ที่นิ่งกว่า ทำให้นั่งสบายกว่าเมื่อเป็นทางไกลครับ ไม่มึนหัว
อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงระยะทางที่วิ่งไปทั้งหมดคือ 237 miles นะครับ (หน้าปัดโชว์ว่า 240 ตอนรับมามีแล้ว 3 ไมล์ครับ) คิดเป็นกิโลเมตรก็จะได้ 381.3 กิโลเมตร เมื่อหารจำนวนลิตรที่ใช้ไป 18.53 ลิตรเติมแค่หัวจ่ายตัดแล้วกรอกให้ได้เลขจำนวนเต็มสวยๆ และไม่เติมปั๊มเดิมหัวจ่ายเดิมๆตามมาตรฐานการเช่าขับรีวิวของผม (แหงหละ ถ้าให้ผมมานั่งขย่มรถ หรือวนกลับมาเติมปั๊มเดิมหัวเดิมระหว่างเช่าขับเที่ยวนี่มีหวังเพื่อนคงด่าตาย 5555 อันนี้แซวพี่จิมมี่เป็น parody เฉยๆนะครับ ล้อเล่นน้า
) ก็จะได้ว่า อัตราสิ้นเปลืองของ Qashqai ในรุ่น 1.6 dCi ดีเซลเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะนั้นจะอยู่ที่
20.58 km/l เท่านั้นนนนนย์ คือทุกคนอึ้งกันหมดครับ กับค่าน้ำมันที่บอกว่าแค่ 25 ปอนด์ เพราะทุกคนคิดว่ามันคงจะ 30 กว่าตามไซส์รถ
งานนี้ประหยัดกว่า RAV4 แบบทิ้งกันเป็นทุ่งกุลาร้องไห้เลยครับ 12km/l เบนซินออโต้ 5 สปีดกับ 20kml ดีเซลเกียร์ธรรมดาผลที่ได้ก็ออกมาเป็นเช่นนี้แล ยังนึกหวังอย่างลมๆแล้งๆอยู่เลยว่า นิสสันจะหยิบเครื่องดีเซลมาใส่บ้าง คือไม่ต้องแรงมากหรอกครับ เน้นประหยัดแบบนี้ก็คุยข่ม Eco car ได้ละ อย่างน้อยน้องมีนา คงมีงอนหนักหละครับ 555
ควรเช่ารุ่นนี้ขับเมื่อไหร่?ที่น่าแปลกมากคือ ทาง Budget จัดรถรุ่นนี้อยู่ในกลุ่ม mini mpv ครับ ซึ่งแต่เดิมผมจอง Peugeot 5008 ไป ซึ่งจัดเป็น Compact mpv ครับ แต่พอมารับรถเห็น Qashqai ใหม่จอดเด่นเป็นสง่า เลยขอเปลี่ยน เพราะดันเป็นคลาสเดียวกันเลยไม่ต้องจ่ายเพิ่มครับ ค่าเช่าเพียงแค่ 42 ปอนด์ต่อวันเท่านั้น อาจจะคิดว่าแพงจัง แต่จะบอกให้ว่า ถ้าเช่า Ford Focus ขับถูกสุดรุ่นใหม่อยู่ที่ราวๆ 38 ปอนด์แล้วนะคับ ถ้ายิ่งเป็น Juke นี่ปาเข้าไปวันละ 97 ปอนด์เลยครับ (แปลกที่เค้าจัดไปไว้ในชั้นเดียวกันหมดกับพวก RAV4) ดังนั้นถ้าหากอยากเช่ารถใหญ่หน่อย นั่งสบาย ขนของบ้างเล็กน้อย และที่สำคัญประหยัดไม่เกรงใจ Eco car ก็เจ้านี่เลยครับผม เหมาะมากๆ ผมยังไม่เห็นความจำเป็นต้องไปเช่าพวกซีดานเลยถ้าหาก Qashqai ราคาแพงกว่าแค่ไม่กี่ปอนด์แบบนี้
ในครั้งหน้าจะเป็นรุ่นไหนนั้น ขออุบไว้ก่อนนะครับ
========================
สงวนลิขสิทธิ์ภาพถ่ายที่เป็นของผมทุกใบ ลิขสิทธิ์ของภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ทเป็นของเจ้าของภาพนั้นๆ บทความที่เขียนรวมถึงรูปประกอบหากจะนำไปเผยแพร่ต่อ รบกวนบอกกันสักนิด และให้เครดิตกันก็พอครับผม