ขอตอบในฐานะที่เคยใช้รถยนต์ทั้ง 3 แบบ และมากกว่านั้นละกันนะครับ
1.Diesel (Porsche Cayenne 958 Diesel, W221 S320CDI ,W211 E220CDI AV minor, VW Caravelle T5 2.0BiTDI)
+เรื่องประหยัดนั้นถือว่าขับยังไงๆก็ประหยัดครับ ค่อนข้างชัดเจนกว่าเบนซินเลยครับ ถ้ายิ่งเดินทางไกล คำนวณต่อ km ก็จะถูกลงไปอีกครับ
รู้สึกไม่ต้องกังวลเวลาไปต่างจังหวัดที่ต้องหาปั๊มตลอดเวลา
-เครื่องยนต์สั่นค่อนข้างมาก สะเทือนมาถึงพวงมาลัยให้ได้รู้สึกชัดเจน เดินไม่เรียบ โดยเฉพาะ 4สูบเรียง ถ้าเป็นพวก V6 จะเนียนกว่าชัดเจน
แล้วก็มีโอกาสควันดำบ้าง รวมถึงเสียงภายนอกที่ไม่สุนทรีย์เท่าไหร่ (V6ของCayenneกับW221จะเบากว่านิดนึง ลองลงมาก็VW ส่วนOM651ของE220ละก็ดังถึงดังมากครับ)
การขับขี่รอบจะตัดเร็วทำให้เสียอารมณ์และจังหวะบ้างเล็กน้อย
2.Benzine Downsizing (W212 E250CGI AV 2คัน)
+ความประหยัดถือว่าดีขึ้นมากกว่าสมัยก่อนมากครับ ได้Turboมาช่วยการขับขี่จะรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาก รอบเดินเบานิ่งมาก พวงมาลัยไม่สั่นมาก ขับในเมืองก็ไม่กินน้ำมันมากมาย
ถ้าขับรถน้อยแทบไม่ต่างกับรถดีเซลมากมายนัก การขับขี่มีแรงดึงค่อนข้างต่อเนื่อง ไม่อืดที่ความเร็วสูงเหมือนกลุ่มของ Diesel
-ต้องรอรอบบ้าง การแซงมีติดๆบ้างในบางอารมณ์ รวมถึงถ้าขับเร็วมากๆอัตราสิ้นเปลืองยิ่งต่างกับDieselพอสมควรครับ ราคาน้ำมันที่แพงมีผลรู้สึกว่าจ่ายเงินมากกว่าดีเซลทุกๆครั้ง
3.Benzine eco car (Nissan March)
+ไม่มีอาการรอรอบเหมือน Downsizing ขับประหยัดก็ไม่ได้ยากมากนัก ขับในเมืองเครื่องตอบสนองได้ดีเต็มที่ ความComplicateของรถน้อยค่าบำรุงรักษาไม่สูงมากนัก
-อืดไปบ้าง ขับออกถนนใหญ่มีอาการกังวลบ้าง ขับเร็วมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกินน้ำมันมากแบบชัดเจน อาการเครื่องยนต์สั่น เกียร์กระตุก ค่อนข้างบ่อย
4.PHEV-PlugIn Hybrid Electric Vehicle (Porsche Panamera S E-hybrid)
+เรื่องความแรงอันนี้ชัดเจนเลยครับโดยเฉพาะเมื่อใช้2พลังงานร่วมกัน(416แรงม้า) ขับขี่แบบประหยัดก็ทำได้ง่าย ไม่ต้องกังวลว่าBatteryหมดแล้วจะต้องเรียกรถยกเหมือนพวก Tesla Model S
(รวมถึงถ้า Battery น้อยก็ทำการ Charge ผ่าน On Board Charging ทำงานลักษณะคล้ายไดนาโมเก็บไฟไว้ใช้ต่อได้เช่นกัน)
แต่จะยิ่งประหยัดกว่านั้นถ้าใช้EVmodeบ่อยหน่อย เสียบปลั๊กบ่อยหน่อย เหมาะสำหรับเดินทางระยะ30-40km ที่ความเร็วปกติตามกฎหมายก็จะสามารถใช้Motorไฟฟ้าได้ตลอด
กล่าวคือ ถ้าเดินทางไปกลับบ้านบริษัทเที่ยวละ30kmมีที่ชาร์จทั้ง2ที่ ขับเช่นนี้ตั้งแต่จันทร์-ศุกร์ มีขับไปที่อื่นบ้างเล็กน้อย <เติมน้ำมัน 1 ถัง สามารถใช้นานได้ถึง 1เดือนได้อยู่ครับ>
-ถ้าBatteryอ่อนเมื่อใดใช้เครื่องยนต์ Benzine Supercharge เมื่อใด ก็จะเริ่มกินน้ำมันพอสมควรครับ อาจจะตกไปอยู่ที่ 9km/l ได้ปกติเลยครับ การขับขี่ต้องปรับตัวเล็กน้อยเพราะอารมณ์แป้นเบรคจะรู้สึกแปลกๆเป็น Regenerative Brake ที่หน่วงรถยนต์จากการกลับขั้วแม่เหล็กในMotor และปัจจุบันประเทศไทยยังหาจุดชาร์จไฟรถได้ยาก รวมถึงห้างดังๆก็ยังไม่มีบริการเช่นนี้
ทำให้ชาร์จได้แค่ที่บ้าน ที่บริษัท หรือบ้านที่ปลั๊กอยู่ที่โรงจอดรถเท่านั้น รวมถึงขับขี่ต่างจังหวัดแม้จะขับสนุกและแรงมากๆแต่ก็ไม่ค่อยประหยัดมากนัก
5.Benzine Big Engine (2014 Bentley Flying Spur W12 6ลิตร)
+แรงไม่มีสิ้นสุด ไม่มีอาการเหนื่อยเหมือนเครื่องยนต์ชนิดอื่น เดินได้เรียบและนิ่งมากๆ
-กินน้ำมันมากๆ แม้จะขับที่ความเร็ว 80-100km/h ก็ตาม บำรุงรักษาและRunning Cost สูงมากครับ