ผู้เขียน หัวข้อ: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!  (อ่าน 33136 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
*Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:12:43 »
- หลังจากยุ่งกับการแต่งงานอยู่หลายเดือน พองานแต่งผ่านไปได้ด้วยดี ขอขอบคุณพี่ J!MMY พี่แพน พี่กอล์ฟ พี่เคี้ยง บอม พี่พิ น้องพิม ที่มาร่วมงานแต่งผมครั้งนี้ ยังไงก็ขอขอบคุณจากใจจริงๆครับ

- ก่อนงานแต่งก็ได้เตรียมแผนลุยแดนอาทิตย์อุทัย โดยกิเลสพุ่งเนื่องจากได้เห็นโปรสายการบินตราดาว ราคาอดใจไม่ไหวไปกลับแค่หมื่นเดียว เลยตัดสินใจว่าไป Honey Moon ที่นี่ละกันจากนั้นก็วางแผนทริป
เตรียม Pass ต่างๆ จองโรงแรม เช่ารถ ไปทำใบขับขี่สากล แลกเงินเยนถูกมาดีใจสุดๆ จอง Pocket Wi-Fi พอถึงวัน ก็บินกันเลยยยยยย สะพายกล้องลากกระเป๋า จูงมือกัน2เรา ท้าลมหนาวตะลุย Japan !!!!!


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 31, 2014, 22:04:46 โดย sirisak_ac118 »

ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:17:34 »
Day 1


- ถึงสุวรรณภูมิห้าทุ่ม รีบไป Check-in  เครื่องออกตีสองกว่า เดินเล่นจนถึงเวลา ขึ้นเครื่องเตรียมนอน แต่กว่าจะได้นอน พี่แอร์สาวสวยดันแจกข้าวคนที่เลือกอาหารไว้ กว่าจะสงบเล่นเอาเกือบตี 4 ตายแน่ผม.....
ยิ่งหลับยากๆ ภรรยาชิ่งหลับไปก่อน นอนนับแกะจนหลับไป......

- โดนเปิดไฟปลุก 8 โมงเช้าเวลาท้องถิ่นใกล้ถึงที่หมาย เปิดหน้าต่าง พระอาทิตย์ขึ้นมาทักทาย สวยงามมาก แต่เมฆมากตามคาดหมาย พยากรณ์ล่วงหน้าของญี่ปุ่นนี้แน่นอนสุดๆ



- ลงเครื่องก็รีบทำตามแผนที่วางไว้แต่แรก เนื่องจากวันแรกต้องขึ้นเหนือไป Osaka ต้องทำเวลา ได้วิ่งกันแต่เช้า พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋า ผ่านตม. วิ่งเลยครับวิ่งๆๆ ขึ้นรถบัส No.2 หน้า International Terminal
ค่าโดยสาร 260 เยน ลงป้าย Hakata Eki Chikushi-guchi อยู่หน้าสถานีรถไฟ Hakata Station แล้วก็วิ่งลากกระเป๋า ไปเปิดใช้บัตร All Jr Pass แบบ 7วัน คราวนี้ก็เบ่งได้แล้ว นั่งรถไฟของ Jr ได้ทุกอย่าง
บัตรเบ่งๆ แต่.......All JR Pass ก็มีข้อจำกัดเหมือนกัน นั่นคือนั่งรถไฟ Shinkansen ได้ไม่หมดทุกขบวน*

*NOZOMI และ MIZUHO จอดน้อยสุดจึงเร็วสุด แต่ JR Pass ใช้ไม่ได้ และรอบรถเยอะกว่าขบวนอื่นมาก
  HIKARI และ SAKURA จอดบางสถานีจึงเร็วพอสมควร และใช้ JR Pass ได้
  KODAMA และ TSUBAME จอดหลายสถานีจึงช้าสุด และใช้ JR Pass ได้

- พอดูตารางเวลารถแล้ว ก็..........วิ่งๆ กระโดดขึ้นรถไฟ Shinkansen ไปHiroshima ทันที แต่แอบได้กลิ่นหอมๆ ลอยมา เลยแวะสักหน่อย ครัวซองต์ชื่อดังร้าน il forno del mignon อาหารเช้าของเราวันนี้ ซื้อไว้ไปหม่ำบนรถไฟ
*ดูตารางเวลารถไฟได้ง่ายๆโดยเข้าWeb Hyperdia ใช้ได้ดีมากๆ บอกตารางเวลารถไฟได้ทุกอย่าง ถ้าสถานีใหญ่บอกด้วยว่ารถไปเข้า Trackไหนช่วยได้เยอะไม่ต้องวิ่งถาม



-นั่งShinkansen ครั้งแรกในชีวิตประทับใจมากๆ วิ่งด้วยความเร็วเกือบ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วิ่งได้นิ่มนวล ภรรยาแต่งหน้าติดขนตาได้อย่างสบาย เบาะนั่งก็กว้างนั่งเอนหลับยาวไปเพียงชั่วโมงก็ต้องตื่น ใกล้ถึงที่หมายแล้ว เร็วจริงๆ



- ถึงแล้วสถานีรถไฟ Hiroshima ประมาณ 11โมง เริ่มตามที่วางแผนไว้ หาที่ฝากกระเป๋าใบโตกันก่อน เดินลากกระเป๋าในสถานีอยู่ สรุป Locker ฝากของเต็ม.......เอาแล้วไงไม่ได้มีแผนสำรองไว้
จะลากกระเป๋าตลอดวันไม่ไหวแน่ๆ ตัดสินใจถามเจ้าหน้าที่เลย ภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ ภาษาญี่ปุ่นไม่ได้เลย......ภาษาใบ้กันไปจนได้ความว่าให้ออกไปดูนอกสถานี (อยู่หน้าสถานี)
พอออกไปดูสรุปเห็นเป็นห้อง Coin Locker มีเยอะมาก size ใหญ่ก็เยอะครับ รอดแล้วเรา รีบเลยฝากกระเป๋า 2 ใบใช้2 ช่อง หมดไป 1,400 เยน โล่งเลย รอดไป

- พอเก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็ขึ้นรถไฟไปสถานที่เที่ยวแรกที่ผมอยากไปมานานแล้ว รถไฟ JR สาย Sanyo Line ไปลงสถานี Miyajimaguchi ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ถึงสถานีนี้ก็เดินต่อไปที่ท่าเรือเตรียมนั่งเรือของ JR Ferry
ใช้ JR Passได้นั่งฟรี ใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงเกาะ Miyajima หรือ "เกาะศาลเจ้า" ตามเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคือ Itsukushima shrine



- ไปถึงก็เที่ยงกว่าๆ หิวมากกกก ยังไม่ได้กินอะไรจริงจังตั้งแต่เช้า ตามหาพิกัดที่เตรียมเอาไว้ มาที่นี้ต้องจัดหอยนางรมอย่างเดียวเท่านั้น มื้อแรกของทริปนี้เลยฝากท้องไว้ที่ร้าน 焼がきのはやし (พิกัด : 34.298367, 132.321750)
เป็นร้านที่เน้นวัตถุดิบเป็นหอยนางรม สั่งมากันคนละชุด อร่อยใช้ได้ แต่อยากได้น้ำพริกเผา ใครมาอย่าลืมพกมาด้วย หอยสดจริงๆ





- ข้างร้านหอยนางรม มีร้านขนม Momiji Manjuu (ขนมมันจูรูปใบเมเปิ้ล) ชุปแป้งเทมปุระทอด ขนมขึ้นชื่อของที่นี่ ทางร้านได้รับการโหวตจากเว็บ trip advisor มีที่นั่งกินจิบชาร้อน(ฟรี) หลังร้านหลบหนาวได้



- อิ่มท้องกันแล้วก็เดินต่อ พบ Otorii (The Great Torii) ปกติเรียก Torii เสานี้เป็นเหมือนประตูที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างโลกมนุษย์กับโลกสวรรค์ ส่วนสีแดงชาด (vermilion) เชื่อว่าจะขับไล่ภูติผีปีศาจ
โทริอินั่นแปลว่า ที่ของนก ตามตำนานกล่าวไว้ว่า Amaterasu เทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซ่อนตัวอยู่ในถ้ำสวรรค์ (Ama no Iwato) ทำให้โลกถูกปกคลุมด้วยความมืด เหล่าทวยเทพจึงแปลงกายเป็นไก่ตัวผู้
เพื่อร้องให้เทพ Amaterasu ออกมาจากถ้ำ เมื่อนั้นโลกทั้งโลกจึงเกิดแสงสว่างขึ้น นับแต่นั้นมาผู้คนจึงสร้างขอนไม้ไว้เพื่อให้นกมาเกาะกลางน้ำ และนี่ก็เป็นจุดชมวิวสวยอันดับต้นๆ ของญี่ปุ่นเลย



- เดินต่อไปอีกก็จะพบศาลเจ้าศาลเจ้า Itsukushima ระหว่างทางก็จะมีกวางเดินอยู่ตามทาง กวางที่นี่ไม่ดุ เข้าใกล้ได้เลย





- เดินถ่ายรูปจนเหนื่อยนั่งพักกันก่อน จิบกาแฟร้านนี้ Miyajima Itsuki Coffee กาแฟอร่อยใช้ได้ ไม่น่าคนเยอะเชียว ทำ Late art มาซะสวย ร้านก็น่านั่ง นั่งจิบกาแฟชมวิวพักกันก่อน







- เดินชมวิวถ่ายรูปกันจนพอใจก็ได้เวลากลับแล้ว เพราะที่พักในคืนนี้อยู่ที่ Osaka ต้องนั่ง Shinkansen ต่อไปอีกเกือบ 2 ชั่วโมง เลยตัดสินใจรีบไปดีกว่า ตอนแรกว่าจะไปเที่ยวในตัวเมืองก่อนแต่ด้วยรอบรถที่นั่งรถได้เฉพาะบางคัน
ดูรอบแล้วถ้าหลุดรอบเย็นไปก็ค่ำเลย เมื่อคืนนอนบนเครื่องไม่อิ่มด้วย ตัดสินใจรีบไปต่อกันดีกว่า...วิ่งงงงงง





- ถ่ายรูปอำลาเกาะ Miyijima สวยประทับใจจริงๆ นั่งเรือต่อรถไฟ ไปรับกระเป๋าแล้วไปขึ้น Shinkansen ทันที





- 2 ชั่วโมงก็มาถึงสถานีรถไฟ Shin-Osaka กันแล้ว สถานีใหญ่มาก เดินหาทางออกไปโรงแรมกันจนงง จนสุดท้ายออกมาได้ พุ่งเข้าโรงแรมทันที (ในสถานีทางออกไปโรงแรม
มีร้านซาลาเปา 551Horai ชื่อดัง ซาลาเปาและเกี๊ยวซ่าอร่อย มีManneken:Belgunum Waffle ชื่อดัง) ...โรงแรมในคืนนี้ Shin-osaka-station hotel (พิกัด : 34.731734, 135.502335)…โรงแรมไม่ค่อยใกล้เท่าไหร่

- แอบหลับตอนอยู่บนรถไฟ ตื่นมาสดชื่น 2 ทุ่มยังรู้สึกคึกอยู่ ไปต่อกันดีกว่าเอากระเป๋าเก็บล้างหน้าล้างตา ไปสถานีรถไฟใต้ดิน (จริงนั่ง JR ลง Shinsaibashi ไม่ต้องเสียตัง แต่เดินไกลกว่าหน่อย ภรรยาขอเก็บกำลังขา-_- )

- ลงสถานี Namba Station เดินขึ้นไปหน่อยก็ตื่นตาตื่นใจกับแสงสียามค่ำคืน ไปตามหา Glico Man แสงสีอลังการจริงๆ แล้วเดินไปเจอร้าน Takoyaki เลยซื้อกินนั่งรอภรรยาซื้อของ
ดูแสงสีและเสียงคนไทยแว่วมาตลอดเวลา นึกว่าอยู่แถวสยาม อยู่จนค่ำกลับดีกว่า หมดไป 1วัน หลับเป็นตาย.......



ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:23:14 »
Day 2

- ตื่นตั้งแต่ตี 5 ยังปรับเวลายังไม่ค่อยได้ เมืองไทยนี่ตี 3 เลยนะ แต่ไม่ได้โปรแกรมวันนี้เช้าสุดๆ อาบน้ำแต่งตัว เสร็จ 6 โมงเช้าเสร็จก็รีบไปขึ้นรถไป Shinkansen  พุ่งไป Kyoto!!!!

- พอไปถึงสถานี Kyoto แล้วก็ต่อรถไฟ JR สาย Sagano Line ไปลงที่สถานี Saka-Arashiyama มาถึงตั้งแต่ 7 โมงครึ่ง ลงสถานีมาก็เจอสถานี Saga Torokko Station คิดว่ามาเช้าแล้วแต่เจอคนญี่ปุ่นมาเช้ากว่า
เตรียมจะมาซื้อตั๋วขึ้น Romantic Train แต่คิวยาวแล้ว.......สถานีเปิด 9 โมง (แต่ 8.30 เริ่มเปิดขายตั๋ว)



- จะมาเช้ากันไปไหน ตอนแรกกะจะเดินไปดูสะพานก่อน แต่พอเจอคิวแล้วก็ต้องเปลี่ยนแผนต่อคิวซื้อตั๋วรถไฟดีกว่า... แนะนำถ้าไม่อยากไปต่อคิวสามารถจองตั๋วล่วงหน้าที่ Lawson
(อันนี้ผมเห็นรีวิวของบางท่านแนะนำไว้ แต่ไม่ทราบขั้นตอนการจองเหมือนกัน) …   แต่ไม่สามารถจองตู้หมายเลข 5 ที่เป็นopen air ได้ (ซึ่งจริงๆ แล้วผมว่า จองคิวไว้.. พอไปตอนเช้าถ่ายรูปสะพาน
ป่าไผ่คนไม่ค่อยเยอะ....แล้วกลับมานั่ง Romantic Train จะดีกว่า... รถวิ่งค่อนข้างเร็วถึงนั่ง open air ก็ถ่ายรูปมาสั่น ไม่ค่อยสวย)....สำหรับที่นั่งของ Romantic train ผมแนะนำให้จองที่นั่งเลขคู่ ทั้งขาไปและขากลับจะได้ดูวิวฝั่งแม่น้ำสวยครับ



- ระหว่างรอ กิ๊บบอกว่าไปดูสะพานข้ามจันทร์ซิว่าคนเยอะหรือป่าว จากแผนที่ดูไม่ไกล สามีจัดให้เดินไปเลยไม่คิดมาก ฟิตร่างกายมาแล้ว เดินไปสัก 10 นาที.....ไกลเหมือนกัน เหงื่อออกกันเลยทีเดียว
ถึงสะพานแล้ว ........ สวยจริงๆ แสงยามเช้าสาดมากระทบใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี งดงาม หายเหนื่อยไปเลย เห็นคนมาเดินเล่นถ่ายรูปประปราย ถ่ายรูปเล่นเสร็จได้เวลาไปต่อ





- หาข้อมูลไว้ว่ามีร้านBento อยู่ไม่ไกล ด้วยความหิวข้าว จัดไป เดินไปประมาณเกือบ 20 นาที ไปถึงร้านเปิด 10 โมง......น้ำตาไหล เดินคอตกกลับไปหาภรรยาที่กำลังรอซื้อตั๋ว
ระหว่างทางก็เลยซื้อข้าวปั้นกับกาแฟตุนไว้ก่อน เพราะคิดว่าคงไม่น่ามีเวลากินแน่ๆคงขึ้นรถไฟเลย พอไปถึงสถานี ก็ซื้อตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอบ 9.30โมง ยังมีเวลา 40 นาที หาร้านกาแฟอุ่นๆก่อนแล้วกัน



- เดินไปนิดหน่อยใกล้ๆสถานี ชื่อร้านว่า Coffee Shop Hirose (พิกัด : 35.017136, 135.681042 ) ร้านกาแฟเล็กๆน่ารักเปิดอยู่ตัดสินใจเข้าไปนั่งที่ร้านทันที บรรยากาศภายในร้านดูอบอุ่น
กลิ่นกาแฟโชยออกมาอดใจไม่ไหว สั่งชุดอาหารเช้า ลุงกับป้าพูดอังกฤษไม่ได้ ลุงเอาเมนูภาษาอังกฤษมาให้ เราก็ชี้ในเมนูเซ็ทกาแฟกับขนมปัง คุณลุงโอเคจัดให้ทันที รถชาติกาแฟไม่เข้มเน้นกลิ่นหอม
วิธีชงก็ไม่เคยเห็น ของแปลกไปเลยสำหรับผม เหมือนเอาผงกาแฟมาผ่านไอน้ำแล้วไหลออกมาลงแก้วจากเครื่องชงกาแฟหน้าตาแปลกๆ ถือว่าอิ่มท้องพร้อมลุยต่อ จ่ายตังค์ ออกจากร้านวิ่งไปสถานีทันที









- ไปถึงสถานีรถไฟจอดรอพร้อมออก นักท่องเที่ยวรุมถ่ายรูปกับรถไฟ เป็นรถไฟไม้ทรงโบราณมีแค่ 5 คัน คันที่ 1-4 จะเป็นรถไฟธรรมดา แต่คันที่ 5 จะเป็นแบบหลังคาใสเห็นวิวมากกว่า
ขึ้นรถดูชุลมุนเล็กน้อยคนเยอะจนไม่มีที่ให้เดิน ถึงเวลารถออกทันที



- รถไฟจะวิ่งเรียบเขาผ่านคลองน้ำไหลใสสวยงาม ชมใบไม้เปลี่ยนสี มีคนบรรยายตลอดเส้นทาง แต่.......ภาษาญี่ปุ่นล้วนอยากฟังออก เพราะหัวเราะกันทั้งขบวน
รถไฟวิ่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานีปลายทางของรถไฟขบวนนี้ Torokko Kameoka จองตั๋วไปกลับก็เลยไม่ต้องไปไหนนั่งเปลี่ยนคันตามที่จองไว้แล้วนั่งรถกลับเลย







- ชมวิวเดิมแต่เปลี่ยนที่นั่ง ก็ได้เห็นวิวคนละแบบ แต่....ขอติหน่อยว่ารถไฟวิ่งเร็วไปหน่อย ถ่ายรูปไม่ค่อยได้ เซ็งนิดๆ เลยมีรูปมาฝากไม่เยอะ เท่าที่ถ่ายได้
 






- กลับมาสถานีเดิม ความรู้สึกประทับใจวิวนี้สวยสุดๆ แต่ก็หนาวสุดๆ เหมือนกัน รถไฟขึ้นเขาแล้วเป็นแบบเปิดโล่งไม่มีหน้าต่าง ลมเป่าเย็นกันจนปวดหัวเลย แต่สวยจริงๆ ใครได้ไปห้ามพลาด



- ต่อมาก็เตรียมตัวเที่ยววัด ไปชมใบไม้เปลี่ยนสีดูวัฒนธรรม ทำบุญเป็นสิริมงคลให้กับเราทั้งคู่บ้าง วัดแรกที่ไปเดินจากสถานี Saga Torokko Stationไม่ไกลมาก วัดแรกคือ Jojakuko-ji Temple
จ่ายค่าเข้าแล้วก็เดินชิวเข้าไปชมวัดกันเลย เป็นวัดที่ชมใบใม้แดงได้สวยมากๆ ประเดิมวัดแรกสวยประทับใจ





- ชมเสร็จไปวัดที่สอง Tenryu-ji Temple เป็นวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน UNESCO World Heritage Site เดินไปไกลพอสมควร ไกลเลยดีกว่า
แต่ระหว่างทางก็จะผ่านป่าไผ่สองข้างทางสวยจริงๆ ไปถึงวัดเป็นวัดลัทธิเซ็น จัดสวนได้สวยมาก กลมกลืนกับวิวทิวทัศภูเขาด้านหลังได้อย่างลงตัว





- เดินชมจนทั่ววัดแล้วก็เริ่มหิวๆหาอะไรกินกันหน่อยดีกว่าแวะเลย EX-Café  (พิกัด : 35.014621, 135.677956) อยู่ทางกลับสถานีรถไฟ ร้านตกแต่งได้สวย อบอุ่นและโมเดิร์นคลาสสิคมากๆ
 


- มีทั้งขนมและอาหาร จัดเมนูดังของร้านเลย เมนูดังของรานเค้กโรลสีดำหอมอร่อย กินกับชาเขียว ขมนิดๆ ตัดกันได้ดีมาก





- อิ่มแล้วไม่รอช้า วันนี้ต้องเก็บให้หมด วิ่งกลับไปขึ้นรถไฟJR สาย Sagano Line ที่สถานี Saga-Arashiyama Station ไปลงสถานี Enmachi Station
แล้วเดินหาป้ายรถบัส Nishinokyo Enmachi แล้วรอรถสาย 8 อุ๊ย ไม่ใช่ สาย 205 ไปลงป้ายKinkakuji-michi จะอยู่หน้าวัด Kinkaku-ji  พอดี



-วัด Kinkaku-ji จะเที่ยงพอดี คนเยอะมากกกกกก เดินจนฝุ่นคลุ้ง คนเยอะจนแย่งกันหายใจ กว่าจะเบียดหมู่ผู้คนเข้าไปถ่ายรูปได้เล่นเอาหมดแรง ศาลาทองคำกลางน้ำสวยมาก ถ่ายรูปเสร็จออกมาจากวัดปวดหัวกันไป
รู้สึกไม่ค่อยไหวกลับไปตั้งตัวก่อนดีกว่า เดินไปขึ้นรถบัสสาย 101 ที่ป้าย Kinkakuji-michi ไปลงที่สถานีรถไฟ Kyoto (แต่ถ้าต้องการทำเวลาแนะนำให้นั่งรถบัส แล้วไปต่อรถไฟที่ Enmachi Station กลับดีกว่า
รถบัสที่เกียวโตจอดถี่มากกก ช้ามาก) แล้วนั่งรถไฟ Shinkansen กลับไปสถานี Shin-Osaka ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กลับโรงแรมกินพารา ของีบสักตื่นก่อน.......



- ตื่นมาตอนเย็น หลับไปนานเหมือนกัน ท้องก็ร้องนำมาก่อนเลย ไปหาอะไรกระแทกปากดีกว่า รีบวิ่งออกจากโรงแรมไปที่สถานีรถไฟ Shin-Osaka นั่งรถไฟJR สาย Local ไปลงสถานี Osaka หลงๆ เล็กน้อย
ถามทางไปๆ เดินลอดอุโมงค์ข้ามมาอีกทางก็มาถึง UMEDA SKY BUILDING (พิกัด : 34.705255, 135.490559)



- ตึกสูงมากยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆดูตัวเรายิ่งเล็กลงเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ไม่ใช้เวลาชื่นชม กำลังจะ 6 โมงเย็นแล้ว เดี๋ยวร้านอาหารคนเยอะ ถ้าต่อคิวนี้คงจะเซ็งแน่ๆ เดินไปถึงที่ตึกก็ลงไปชั้น B1ของตึก UMEDA SKY BUILDING ทันที
หาร้านที่หมายปอง เย็นนี้ฝากท้องไว้กับโอโคโนมิยากิจากร้าน Kiji Okonomiyaki



- เขาไปในร้าน เจอคนไทย 2 โต๊ะ กับคนไต้หวัน สงสัยเป็นร้านนิยมของนักท่องเที่ยว เตรียมเมนูและคำแปลไปพร้อม เตรียมสั่ง กุ๊กถามว่ามาจากไหน
พอบอกThailand ก็สวัสดีภาษาไทยมาเลย บอกว่าจะเลือกเมนูให้ รับรองอร่อยแน่นอน.......ถ้าร้านแนะนำมาไม่ต้องลุ้นอร่อยแน่ๆ



- คุณลุงและผู้ช่วยค่อยๆ บรรจงทำ โอโคโนมิยากิ แบบใจเย็น ทำด้วยใจจริงๆ คนเต็มทุกโต๊ะเลยใช้เวลาสักหน่อย สุดท้ายได้ได้มา 2 อย่าง จัดแบ่งครึ่งแยกให้ พร้อมกับแฟน
ไม่รู้รสอะไร แต่ก็อร่อยใช้ได้ เป็นเมนูมาตรฐาน เลยไม่ได้ใส่วัตถุดิบแบบพิเศษ สรุป อร่อยแฮปปี้ อิ่มท้อง





- เดินออกมาจากร้านเที่ยวเล่นรอบๆ ก่อนอื่นขึ้นไปชั้นบนสุดของตึก Umeda Sky ไปชมวิวของตัวเมืองOsaka แบบ 360 องศา ด้านบนก็มีเทศกาลวันคริสต์มาส เขียนคำอวยพร
มุมถ่ายรูป ที่นั่งดูวิว เหมาะกับไว้จู๋จี๋กับคู่รัก เดินจนรอบ ก็ได้เวลาลง แล้วรู้สึกว่ายังกินได้อีก

- ลานด้านล่างของตึกมีงานเทศกาลวันคริสต์มาสเช่นกัน น่าจะเป็นของชาติเยอรมัน มีไส้กรอกเยอรมัน เบียร์ ขนมมากมายจัดเป็นซุ้มๆ เหมือนงานวัด
เดินเล่นเดินชิมกันจนอิ่ม ดูนาฬิกาสี่ทุ่มแล้ว ได้เวลากลับกันแล้ว พรุ่งนี้ต้องออกแต่เช้าเช่นเดิม กลับออกมานั่งรถไฟกลับที่พักทันที


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 31, 2014, 21:57:05 โดย sirisak_ac118 »

ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:28:32 »
Day 3

- วันนี้ตื่นไม่เช้ามาก หลังจากเริ่มปรับตัวได้ นอนเต็มอิ่มขึ้น ลุกมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม อิ่มท้องแล้วก็เดินทางไป Kyoto โดยรถไฟ Shinkansen เช่นเดิม ไปถึงสถานี Kyoto เตรียมใจไว้ว่าวันนี้น่าจะได้นั่งรถบัสหลายรอบแน่ๆ
จัดไปตั๋ว 1 Day Bus Kyoto ราคาคนละ 500 เยน วันนี้วันเสาร์ ผู้คนเลยเยอะเป็นพิเศษ คิวขึ้นรถยาวเลย กระโดดขึ้นรถ ที่หมายต่อไปคือ ป้าย Gion



- ลงจากรถเดินมุ่งหน้าไปเช่าชุดกิโมโนที่จองเอาไว้ ร้านมีชื่อว่า YUME KIMONO (พิกัด 35.004126, 135.777538) ถ้าช่วงใบไม้แดงอยากแต่งชุดกิโมโน ต้องเมล์มาจองก่อน ไม่งั้นเต็ม
(จริงๆ ภรรยาอยากเช่าอีกร้านนึงตรงวัด Kiyomizu  เลย แต่คิวเต็ม) ขอเป็นคนญี่ปุ่นสักวัน เปลี่ยนชุดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (ผู้ชายแต่งเสร็จตั้งแต่ 15 นาทีแรก) รอภรรยาแต่งตัวนั่งมองหน้ากับผู้ชายชาวญี่ปุ่น
อารมณ์เดียวกันรอแฟนแต่งตัวมองหน้ากันตาปริบๆ นั่งเล่นมือถือรอ ภรรยาแต่งตัวเสร็จเกือบจำไม่ได้ นึกว่าได้ควงสาวญี่ปุ่น ฟินไปทั้งวัน ลงมาจากร้าน เตรียมขึ้นรถบัสแต่ดูจากชุดกับการขึ้นลงรถบัสแล้วน่าจะไม่ไหว
ก้าวได้ทีละน้อยๆ ลำบากทีเดียว อย่าถามว่าเข้าห้องน้ำอย่างไร ท่าไม่สวยบอกได้เลย เปิดมือถือดูแผนที่ วัดที่จะไปอยู่ไม่ไกล โบก Taxi รถจอดประตูเปิดเองเกือบตีหน้า ตะโกนไป “ลุงๆไป   KIYOMIZU-DERA”  ลุงพยักหน้ากระโดดขึ้นรถกันเลย

- ลุงซิ่งเหมือน Taxi บ้านเรา แล้วก็ขับขึ้นเนินไปทางเข้าวัด นั่งคุยกันในรถว่าโชคดีมากที่ไม่นั่งรถบัส ไม่งั้นเดินกันขาลากแถมขึ้นเนินอีก ไปถึงสุดทางรถไปได้แค่นี้ลงจากรถหมดค่า Taxi ไป 1000 กว่าเยน





- วัดคนเยอะพอควร ได้ยินเสียงคนต่างชาติมากมาย คนไทยก็เยอะ เดินไปดูที่ตัววิหารใหญ่มาก คนก็เยอะแย่งกันถ่ายรูป ถ่ายเสร็จเรียบร้อยก็เดินตามทางเดินชมสวนใบไม้แดง มีทั้งคนญี่ปุ่น คนจีน
คนไทยขอถ่ายรูปด้วยระหว่างเดิน เขินๆ กันไป เพิ่งได้รู้ว่าเป็นดารา มีคนที่ไม่รู้จักมาขอถ่ายรูปรู้สึกยังไง ก็วันนี้แหละ



- เดินไปถึงเห็นคิวยาวๆ ผู้คนเข้าคิวกันไปดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมา 3 สาย เห็นคิวแล้ว.....ผ่านดีกว่า เดินจนครบทั้งวัดเรียบร้อยก็ไปต่อกันเลย.....Taxi!!!



- Taxi สุดซิ่ง.....ทำไม Kyoto Taxi  วิ่งดุกันจัง มาถึงหน้าศาลเจ้า FUSHIMI INARI (ไม่เกิน 1000 เยน) สร้างขึ้นเพื่อบูชาInariเทพเจ้าแห่งสุนัขจิ้งจอก
ซึ่งถือว่าสุนัขจิ้งจอกนั้นเป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้า  ..อยากถ่ายรูปกับเสาโทริอิที่เรียงรายยาวเป็นแถว สวยมาก เดินขึ้นไปวัดถ่ายรูปกันสนุกจนถึงทางขึ้นเขา ...... เดิน 5 กิโล!!! ถอยกลับด้วยความรวดเร็ว





- ลงมาเดินเล่นแถวหน้าวัด หิวมากเพราะเที่ยงกว่าแล้ว เลยจัด ทาโกยากิ ซุ้มอาหารที่อยู่หน้าวัด จัดไป 500 เยน 1 ชุด ไม่อร่อยเลย สู้ที่ Osaka ไม่ได้ อร่อยกว่าเยอะ แต่กินประทังหิว
หันไปเจอไก่ย่างร้านข้างๆ หวังว่าจะช่วยชีวิต.....แต่ไม่อร่อยเหมือนกัน เห็นพี่คนไทยคุยกันอะไรย่างๆ แอบกระซิบเบาๆ ว่า.....พี่ ไม่อร่อยเค็มมาก แต่ทำหน้ายิ้มปานอร่อยที่สุดในชีวิตให้คนย่าง
พี่คนไทยไหวตัวทันหันมาขอบคุณแล้วเดินออกไป......สรุป ร้านที่เป็นซุ้มๆ ไม่อร่อยจริงๆ เดินไปหาเป็นร้านนั่งจะอร่อยกว่า รับประกันได้





- เดินออกมาหน้าวัด เตรียมไปกลับไป Gion ต่อดูแผนที่แล้วนั่งรถไฟไปน่าจะง่ายที่สุด เดินต่อไปที่สถานีรถไฟ  FUSHIMI INARI เป็นสถานีรถไฟสายLocal เลยใช้All Jr Pass ไม่ได้
ระหว่างทางเจอร้านซูชิที่ห้ามพลาด INARI Sushi ต้นตำรับเป็นสามเหลี่ยมหูจิ้งจอกห่อด้วยฟองเต้าหู้ รสชาติสดชื่น อร่อย ออกเปรี้ยวนิดๆ บวกกลิ่นหอมของงา แนะนำ
อ่านชื่อร้านไม่ออกแต่ให้พิกัดไปหากันดู (พิกัด 34.967836, 135.770717) อิ่มแล้วก็เดินไปรอรถไฟที่สถานี



- สถานีดูน่ารักมาก แต่งเสาให้เป็นสีส้มเหมือนเสาโทริอิ แล้วมีรูปสุนัขจิ้งจอกประดับ นั่งชมซักพักมวลมหาประชาชนก็ไม่รู้มาจากไหนเต็มสถานี พอรถไฟมาก็เลยได้เบียดกันแบบรถไฟ BTS เวลา 8 โมงเช้า
นั่งไป 5 สถานี ลงกันหมดทั้งขบวนแบบไม่ได้นัดหมาย ออกไปนอกสถานี คนเยอะมาก เยอะจนไม่เห็นถนนเจอแต่ผู้คน ตัดสินใจเข้าศาลเจ้ากันก่อน ข้ามถนนไปกันเลย



-โปรแกรมสุดท้ายของวันนี้  Yasaka Shrine เป็นศาลที่เหล่าเกอิชาและไมโกะเคารพบูชา มีมุมถ่ายรูปสวยๆ หลายมุมและโชคดีมากที่เป็นวันเสาร์ มีงานแต่งงานพอดี
พิธีการดูศักดิ์สิทธิ์จริงๆ เดินเล่นเต็มอิ่มแล้วสำหรับวันนี้ดูวัดกันจนพอ ขอไปเดินเล่นช็อปปิ้งบ้าง







- เดินข้ามถนนออกมาจากวัดเดินไปอีกสักพักก็จะถึงถนน Hanamikoji Dori ถนนเส้นนี้จะตกแต่งให้เป็นสมัยโบราณ มีร้านค้าเรียงราย โรงละคร ร้านน้ำชา เข้าไปแล้วเหมือนหลุดเข้าไปในละครโอชิน
คนเยอะเช่นเดิม ทั้งคนทั้งรถหลบกันให้วุ่น เดินจนสุด ถ่ายรูปเดินหลั่นล้า เดินกลับมาก็ช็อปปิ้งกันเล็กน้อย



- ผ่านร้านซูชิดัง Izuju sushi (พิกัด : 35.004085, 135.777099)  เข้าไปในร้านแต่ยังไม่ค่อยหิว ต้องรอไปทานร้านที่จองไว้เย็นนี้เลยซื้อกลับ
จัดไป Saba Sushi ออกจากร้านเย็นมากแล้วได้เวลาคืนชุด ไปถึงร้านเช่าชุดแค่ข้ามถนน



- คืนชุดเรียบร้อยดูเวลาใกล้เวลาที่จองร้านอาหารไว้ จากแผ่นที่ดูไม่ไกลเดินไปละกัน ถือว่าชมเมือง เดินเรียบคลองไปเรื่อยๆ บรรยากาศดีมาก
มีวัยรุ่นนั่งจีบกันตลอดริมน้ำ เวลายังเหลืออีกหน่อยไปดูร้านขนมที่หาไว้อยู่ใกล้ๆ กัน



- ร้านที่ดูไว้คือQuil Fait Bon (พิกัด : 35.009428, 135.770212) ถึงหน้าร้านสาวเต็มร้านเลย คิวนั่งทานที่ร้านเห็นป้ายปาไป 45 นาที ไม่ทันแน่ๆ ตัดสินใจซื้อกลับดีกว่า
ต่อคิวเลือกเมนูที่ร้านแนะนำ ให้เลขคิวรับสินค้ามา เลข....7 แล้วเวลาเรียกคิวเป็นภาษาญี่ปุ่นเอาแล้วไง เปิดหาเลยเลขเจ็ดอ่านว่าอะไร”นานะ” ท่องไว้ มีคำว่านานะเมื่อไหร่พุ่งไปทันที
รอไป 5 นาที มีนานะแว่วมา ผลักสุดที่รักออกไปทันใด สรุปไม่ใช่เค้าเรียก 27 หน้าแตกกันไป เค้าบอกรอ คิวต่อไป จนสุดท้ายก็ได้มาจนได้ จากนั้นไปร้านอาหารที่รอคอยมานาน ไปต่อกันเลย



- เดินต่อจากร้านขนมไปไม่ไกลมากเข้าซอยเล็กๆ ความกว้างซอยไม่น่าเกิน 2 เมตร จนถึงหน้าร้าน KICHI-KICHI (พิกัด : 35.007332, 135.770862) เข้าไปในร้าน มีที่นั่งในร้านแค่ 8 ที่ เล็กจริงๆ
เข้าไปถึงเจ้าของร้านถามได้จองมาไหม เราก็หยิบเมล์ที่ปริ้นท์มา จองไว้ผ่านเว็ป (http://kichi2.net) ใช้ Google Translate เอาพอช่วยได้ ดูรอบๆ มีรูปออกรายการทีวีเพิ่มดีกรีของร้านไปอีกระดับ
ถอดเสื้อนั่งมองหน้าพ่อครัว ยิ้มให้ ถามก่อนเลยมาจากไหน บอกไป Thailand  ดูหน้าแปลกใจเล็กน้อยสงสัยไม่ค่อยมีคนไทยมา แล้วพี่สาวก็นำเมนูภาษาอังกฤษมาให้
จัดไปข้าวห่อไข่ จาดเล็ก 1 จานใหญ่ 1 ขนมปัง 2 ชุด สลัด 1 จาน ซุป 1 จาน น้ำโค้ก น้ำส้ม ดูเหมือนจะเยอะ แต่แต่ละจานจุ๋มจิ๋มน่ารัก เน้นตกแต่ง สวยงาม





- นั่งรอสักพัก เหมือนรอพ่อครัวสร้างอารมณ์ก่อนปรุงอาหาร สลัดกับซุปมาก่อนค่อยๆ ทำทีละจานดูตั้งใจ สลัดรสออกเปรี้ยว กินแล้วสดชื่นดี ต่อมาซุปข้น หอมมันแต่จืดไปหน่อย
พอจัดการ 2 จานชุดออเดิร์ฟแล้วก็ถึงจานหลัก ข้าวหน้าไข่ เริ่มจากผัดข้าว กลิ่นหอมกรุ่นทั่วร้าน จากนั้นเอาข้าวที่ผัดแล้วอัดใส่แบบแล้วเอาจานมาวางที่หน้าเรา





- ต่อมาก็ไข่ที่จะใช้ราดข้าว ทำเหมือนออมเล็ตไม่สุก จากนั้นก็เอาไข่มาวางบนข้าว แล้วใช้มีดกรีดตรงกลาง ไข่ก็จะทะลักแยกเป็น 2 ทางคลุมข้าวอย่าสวยงาม ดูตื่นตาตื่นใจกันทั้งร้าน
มีน้ำซอสคล้ายๆน้ำเกรวี่มาราดจนฉ่ำ จากนั้นก็เอาสาหร่ายมาโรยเพิ่มสีสัน ส่วนรสชาตินั้น ฝรั่งมาเลย หอมมันกลิ่นเนยตัดกับเครื่องในข้าวเข้ากันดี น้ำซอสติดขมนิดๆช่วยลดเลี่ยนได้ระดับหนึ่ง
ตามด้วยขนมปังทำเอง นุ่มแน่นมาก อร่อยดี ปาดเอาน้ำซอสที่เหลือได้เกลี้ยง หมดด้วยความรวดเร็ว ถ่ายรูปในร้านแล้วขอถ่ายกับพ่อครัว คุณลุงโอเค เช็ดไม้เช็ดมือวิ่งออกมาพร้อมโอบไล่ แชะ 1 รูป ประทับใจ
อาริงาโตะ เก็บข้าวเก็บของออกจากร้าน กลับกันดีกว่า  
ปล.ร้านนี้ใครไม่ชอบอาหารฝรั่งหรืออาหารเลี่ยนๆ ขอให้ผ่านเลย อาจจะไม่เหมาะกับท่าน







- เดินเล่นชมแสงสี ระหว่างเดินจะไปขึ้นรถบัส เจอร้านปีกไก่ทอด เคยเห็นคนพูดถึงเลยจัดสักหน่อยไว้มื้อดึกเดินขึ้นชั้น 2  ชื่อร้าน YAMACHAN สาขา Kyoto (พิกัด : 35.008288, 135.770831)
สั่งไป 2 รส แล้วก็เดินต่อหาป้ายรถบัส ไปถึงป้ายเจอแต่ป้ายสายที่ไม่อยากนั่ง วิ่งผ่ากลางเมืองรับรองติดยาวแน่ๆ เลยเปลี่ยนใจ นั่งรถไฟใต้ดินดีกว่า ตรงป้ายรถบัสมีรถไฟใต้ดินสถานี Sanjokeihan Station
นั่งรถไฟใต้ดินสาย Tozai Line แล้วไปเปลี่ยนสาย Karasuma Line ที่สถานี Karasumaoike Station แล้วก็จะถึงสถานีรถไฟ Kyoto  เซ็งเล็กน้อยซื้อตัวรถบัสOne Day Pass ตั้ง 1000 เยน แต่นั่งแค่รอบเดียว
นั่งShinkansen กลับ Osaka พักผ่อนดีกว่าไม่คิดมาก มาเที่ยวคิดแล้วเซ็ง จากนั้นก็กลับที่พักแล้วจัดการเมนูรอบดึกที่ซื้อมาอิ่มหลับสบาย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 31, 2014, 23:26:30 โดย sirisak_ac118 »

ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:38:49 »
Day 4

- ตื่นเช้ากันอีกแล้ว วันนี้ก็ไป Kyoto อีกเช่นเดิม เริ่มเอียนวิวเดิมๆ แต่วางแผนไว้แล้วต้องไปต่อ ถึงสถานี Kyoto ต่อรถไฟ Jr สาย Jr Nara Line ไปลงสถานี Tofukuji Station  เดินอีกไกลพอควรก็จะถึง Tofukuji Temple



- เดินไปในวัดเป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากเรื่องใบไม้แดง เอกลักษณ์ของวัดอยู่ที่ประตู San-mon วิหาร Zen-do และสวนเมเปิ้ล ที่ในยามพีคจะแดงออกเป็นสีทองดังทะเลเมเปิ้ล
แต่..คนล้านแปดแสน มองไปไหนเห็นแต่คน ไหลตามฝูงชนเดินจนหลุดออกมาได้ เดินชมสวนดูใบไม้แดง สวยดีเดินตามทางจนออกมาจากวัด ได้เวลาไปต่อ





- เดินไปขึ้นรถไฟสาย Local ที่สถานี Tofukuji Station นั่งไปลงสถานี Sanjo Station แล้วต่อรถไฟใต้ดิน Sanjokeihan Station นั่งต่อลงสถานี Keage Station แล้วก็เดินกันอีก
ระหว่างทางเดินจะผ่านวัด Nanzenji  แล้วไปต่อวัด Eikan-dō:Eikando  มีความหมายว่า "Temple of Maple Leaves" ดังนั้นทริปชมใบไม้แดงของเราจึงพลาดไม่ได้



- วัด Eikando เป็นวัดที่สวยมากทั้งตัววิหารในวัด แล้วการจัดสวนโดยรอบ ประทับใจมาก แวะนั่งจิบชากินขนมอร่อย ไม่รู้เรียกว่าอะไรชี้นิ้วแบบเอาแบบโต๊ะข้างๆ นุ่มลิ้นไม่หวานมาก
ตัดกับชาเขียวรสขมอ่อนๆ เข้ากันเป็นอย่างดีถือว่าเป็นการปิดท้ายการเที่ยวชมวัดชมใบไม้แดงที่ Kyoto ที่ประทับใจ





- เปลี่ยนเมืองกันบ้าง เดินจนขาลากแล้ว นั่ง Taxi ดีกว่า โบกเลยไปรถไฟใต้ดินสถานี Keage Station เจอลุงTaxi บ่นตลอดทางเพราะเพิ่งรู้ว่าเป็นทางวันเวย์ จับจากการพูดคงบอกว่าทำไมไม่เดินไปแป๊บเดียว
แต่ ณ จุดนี้ขอสบายบ้าง พอลงก็เดินลงไปสถานีนั่งรถไฟใต้ดินไปเปลี่ยนสายที่สถานี Karasumaoike Station แล้วก็นั่งต่อไปลงสถานี Kyoto แล้วก็วิ่งๆ กระโดดขึ้นShinkasenไป Nagoya กันเลย

- ไปถึง Nagoya Station บ่ายแก่ๆ แต่สถานที่เราจะไปเป็นการแสดงไฟเลยต้องรอตอนค่ำ ฝนก็ตกเลยเดินเล่นแถวนั้นแล้วกัน ตามใจภรรยาให้ได้ช็อปปิ้งบ้าง สถานีมีห้างใหญ่ล้อมรอบ ตื่นตาตื่นใจสำหรับสาวๆ
ช็อปตั้งแต่เที่ยง-เย็น ได้ของมาเต็มมือ สะกิดภรรยา หิวแล้วกินข้าวกันดีกว่า

- ร้านอาหารที่ดูไว้ตอนแรกเป็นร้านข้าวหน้าปลาไหลร้านเก่าแก่ ต้องนั่งรถไฟออกไปไกลพอสมควร แต่ฝนตกไม่ค่อยสะดวกแน่ๆ เปลี่ยนใจกินเอาแถวสถานีแล้วกัน ..... ดูแผน Giude Map JR Central Towers หาร้านอาหาร....เย้
มีข้าวหน้าปลาไหลด้วยเอาร้านนี้เลยแล้วกัน

- ขึ้นไป F12 เดินวนๆ จนเจอหน้าร้านกระโดดเข้าไปทันที เจอพนักงานจูงให้ไปนั่งรอ เพราะร้านยังไม่เปิด ขนาดยังไม่เปิดคิวยังยาวพอสมควรเลย แปลว่าร้านนี่น่าจะอร่อยแน่ๆ รอจน 5 โมงเย็นร้านเปิด ด้วยความหิวพุ่งเข้าไปในร้านทันใด



- ไม่คิดมากสั่งเมนูดังของร้าน ข้าวหน้าปลาไหล 2 ชุด แต่มี 2 แบบคือแบบ Tokyo Style กับ Nagoya Style รออาหารอย่างใจจดใจจ่อ เพราะมีคนบอกว่ามา Nagoya  ต้องกินข้าวหน้าปลาไหล
เลยคาดหวังพอสมควร อาหารวางมาชุดดูอลังการ กำลังจะหม่ำ พี่สาวเอาวิธีการกินเป็นภาษาอังกฤษมาให้ โอ้......จะกินยังต้องมีวิธี

- วิธีแรก กินข้าวกับปลาไหลปกติ
  วิธีที่สอง ใส่เครื่องสาหร่าย ผัก วาซาบิ ลงไปคลุกกับข้าวและปลาไหล มีรสชาติขึ้นไปอีก
  วิธีสุดท้าย ตักข้าวตักปลาไหลใส่เครื่องทุกอย่าง แล้วเอาน้ำซุปที่มีมาให้ในชุดเทลงไปในข้าว กลายเป็นข้าวต้มปลาไหล รสอ่อนๆ ซดกันเบาๆชื่นใจ



- ส่วนความแตกต่างของ Tokyo style กับ Nagoyo style  คือแบบ Nagoya จะมีซอสรสออกหวานราดมาบนตัวปลา จะมีรสออกหวานนำ ส่วนแบบ Tokyo Style จะย่างปกติ รสจะออกเค็มนำ กินกันจนหมด
เช็คบิล ราคาแรงเหมือนกัน แต่อร่อยให้อภัย ร้านชื่อ Chikuyotei  อยู่ชั้น 12 JR Central Towers  (พิกัด : 35.170494, 136.881945)



- มีแรงแล้วเดินทางต่อ ขึ้น Jr สาย KANSAI MAIN LINE จากสถานี Nagoya ไปลงสถานี JR NAGASHIMA STATION แต่ฝนตกหนักมาก ต้องเดินต่อไปขึ้นรถ แต่เป็นสถานีที่เล็กและมืดมาก
เลยถามทางกับครอบครัวที่ลงมาพร้อมกัน เค้าก็ถามให้ว่ารถออกรอบไหน แต่ด้วยฝนหนักมาก ครอบครัวญี่ปุ่นใจดีสุดๆ บอกว่าตามเค้ามาเดี๋ยวเค้าขับรถไปส่ง ณ จุดนั้นฝนแรงและหนาว ยืนรอรถรอบต่อไปอีกครึ่งชั่วโมง
เลยตัดสินใจขอไปด้วยละกัน เดินไปถึง Mansion คุณแม่พาลูกเข้าบ้าน คุณพ่อพาขึ้นรถขับรถไปส่งเราที่ Nabano sato ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาทีก็ถึง ขอบคุณ Mr.Mototsugu มากๆ ที่ใจดีขับรถมาส่งเรา ขอขอบคุณ ณ โอกาสนี้ด้วย

- ไปถึงฝนก็ยังไม่ปราณีพวกเรา ตกแรงขึ้น แอบเซ็งเบาๆ แต่เอาร่มมาคงพอช่วยได้ พอไปถึงซื้อตั๋วค่าเข้า ราคา 2000 เยนต่อคน แต่จะได้ คูปองค่าอาหารมาราคา 1000 เยน เข้าไปเป็นสวนที่จัดแสงสีได้สวยงาม
มีแบ่งเป็นโซนๆ มีชมใบไม้แดง อุโมงค์ไฟสวยมาก จนมานั่งจานบินชมวิวมุมสูง (เสียเงินเพิ่ม) ตอนแรกกลัวแต่พอขึ้นไปไม่น่ากลัวอย่างที่คิด



- เดินต่อไปถึงจุดชมแสงและเสียง เหมือน TV จอใหญ่แสดงการเปลี่ยนแปลงแต่ละฤดูแล้วปิดท้ายด้วยน้ำตกขนาดใหญ่สุดอลังกาล ดูจบไป 2 รอบ เริ่มหิว เดินต่อไปโซนอาหารด้านหน้า
ใช้คูปองหน่อย เดินกินไป 2-3 อย่างมีซุปเกี้ยว ยากิโซบะ ซาลาเปา สรุปไม่อร่อยเลย แต่ก็ใช้คูปองหมด ปิดท้ายด้วยของหวาน เครปญี่ปุ่นอีก 1 อัน อิ่มท้องแล้วเดินทั่วแล้ว กลับดีกว่าเปียกทั้งตัว

- เดินไปขึ้นรถบัสจาก Nabano sato กลับไปสถานี JR NAGASHIMA STATION แล้วไปต่อรถไฟ Jr กลับไปสถานี Nagoya Station แล้วต่อรถ Shinkansen กลับ Shin-Osaka กลับไปเก็บของที่ห้องแล้วยังไม่ดึกมากไปต่อกันอีกหน่อย
นั่งรถไฟใต้ดินจาก Shin-Osaka Station ไปลงสถานี Shinsaibashi Station ภรรยาก็หายไปทันที หายไปในถนนเส้นนี้ ช็อปกันลืมสามี สามีนั่งเล่นมือถือหน้าร้าน ข้างๆ มีคุณลุงคนไทยบ่นๆ
คงสถานการณ์เดียวกัน หมดไป 2 ชั่วโมง 5 ทุ่มพอดีกลับดีกว่าพรุ่งนี้ตื่นเช้าแต่กว่าจะได้นอนต้องเก็บของก่อนคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่Osaka.......



ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:43:57 »
Day 5

-วันนี้เป็นวันที่รอคอยเปลี่ยนบรรยากาศจากดูวัดดูธรรมชาติมาเที่ยวสวนสนุกกันบ้าง เช็คเอา ลากกระเป๋าไปถึงสถานีShin-Osaka เอากระเป๋าไปฝากไว้ที่สถานี
เอาของพอที่จำเป็นแล้วก็กระโดดขึ้นรถไฟ Jr สาย KYOTO LINE  ไปลงสถานี Osaka แล้วต่อรถไฟ JR สาย OSAKA LOOP ไปลงสถานี NADA Station แล้วเดินต่อไปสักหน่อยไปหาร้านซุชิดังในตลาดปลาที่นี่

-ร้านชื่อ ENDO Shushi (พิกัด : 34.684188, 135.479586) เข้าไปในร้านไม่ต้องรอคิว คนไทยครึ่งร้าน คนไทยที่อยู่ทุกทีจริงๆ นั่งแล้วก็สั่งเลย หิวมาก เมนูเป็นเซ็ท 1 เซ็ทมา 5 คำ ราคาเท่ากันหมด



- แต่ถ้าชอบอะไรเป็นพิเศษสั่งเป็นคำๆ แยกได้ เลือกกัน กินกันจนจานเรียงกันสูงแข่งกับพี่คนไทยนั่งข้างๆ กินเสร็จพุงกางเลยได้นั่งคุยกัน จะไปที่เดียวกันต่อพอดี เลยไปพร้อมกันเลย



-ออกจากร้านเดินไปสถานรถไป NADA Station  เดิมนั่งรถไปสาย OSAKA LOOP ไปลงสถานี NISHIKOJO แล้วต่อรถสาย YUMESAKI LINE ลงสถานี UNIVERSAL CITY ก็จะถึง Universal Studio Japan !!!

-ซื้อตัวเข้ากับตัว EXPRESS 7 มาจากเมืองไทยเรียบร้อย ไม่เสียเวลาเข้าคิวซื้อตั๋วเลย ไปเตรียมตัวจิบกาแฟเข้าห้องน้ำที่Starbuck ตรงทางเข้า เรียบร้อยก็หยิบแผนที่ ดูคิวเวลาที่จองไว้แล้วก็ไปสนุกกันเลย

- เครื่องเล่นแรกที่จองไว้คือ Hollywood Dream  - The Ride - Backdrop
เครื่องเล่นเดียวแต่มี 2 เครื่องเล่น คือ
Hollywood Dream  -The Ride- Backdrop
Hollywood Dream  -The Ride-
ตอนซื้อ Express7 มีให้เลือกแต่ไม่รู้ นึกว่าเลือกเล่นได้ ไปถึงพนักงานจับลากไป Backdrop ทันที ไม่ค่อยถูกกับความสูง ไม่ชอบหวาดเสียวเท่าไหร่ เลยขึ้นไป Express มันเร็วแบบไม่ต้องต่อคิวเลย
ไปถึงแล้วถึงทางขึ้นเครื่องเล่น กำลังติดสินใจอยู่จะเล่นดีไหม แค่เดินหน้าปกติผมยังจะตาย เจอถอยหลังแล้วหวิวสุดใจ พอกำลังตัดสินใจไม่เล่นหันไปดู คิวแถว Express ยาวเหยียดเลย
เพราะฝนตกเค้าเลยรอให้ฝนหยุดถึงจะให้ขึ้นเครื่องเล่น คิวเลยสะสม ชิบหายแล้ว ณ จุดนี้ ต้องเล่นอย่างเดียวแล้ว ท้องก็อิ่มถึงจุก มีอ้วกแน่ๆ เสียงสรรค์ลอยมา ภาวนาขอให้ยกเลย เสียงสาวญี่ปุ่นเสียงใสๆ พูดจนจบ ฟังไม่ออก
แต่ดูเสียงปรบมือแล้ว.... คงจะบอกว่าพร้อมให้บริการแล้ว อากาศก็เย็นแต่เหงื่อแตกซิบเลยผม ประตูเปิด กระเป๋าเดินไปไว้ที่ตู้เก็บ แล้วก็นั่ง คิดในใจขอให้ฝนตกอีก....แต่ตัวล็อกก็เด้งขึ้นมาล็อก ทำใจ ..... แค่ 3 นาทีหมดแล้ว
พอกำลังคิดเครื่องเล่นก็พุ่งออกไปทันที แต่กลับรู้สึกดีว่าถอยหลังเลยไม่ค่อยเห็นอะไร มีแต่เสียวและหวิวล้วนๆ กรีดจนเสียงหาย กำลังจะเสียวสุดๆ ก็หมดสุดทางพอดี.....
สรุป สนุกมาก ไม่ได้หวาดเสียวมากๆ อย่างที่คิด แต่ถ้านั่ง The Ride ปกติที่วิ่งเดินหน้าคงจะเหวอกว่านี้

- เสร็จแล้วกำลังปรับตัวกับแรง G  ดูเวลาเล่นเครื่องเล่นต่อไปบ่ายโมง เลยเก็บเครื่องเล่นที่ใช้ Express7 แบบไม่ต้องลงเวลา ต่อไปเลยจัดเลย Terminator คนเหล็กในด้วยใจ เข้าไปถึงก็ต่อคิว
คนเยอะพอสมควร แต่เห็นเค้าบอกว่าห้องใหญ่เข้าทีเป็น100 คน ก่อนเข้าไปก็มีการแสดงจากเจ๊สาวฮามาก ฟังไม่ออกแต่คนหัวเราะกันลั่น พอเสร็จก็เข้าไปในโรงหนัง หยิบแว่น 3D นั่งก็เป็นการแสดง + หนังสลับไปมา
ไม่สปอยล์ไปดูกันเอง จบแล้วใช้เวลา 30 นาที สนุกมากไม่หวาดเสียวตื่นเต้น เหมือนดูหนังสั้น 1 เรื่อง

- จบแล้วรีบไปต่อ มีตั้ง 7 อย่าง ใกล้ๆ กันเข้าแถวเลย Spider Man 4K 3D สายแล้วคิวเริ่มยาว แต่ใช้ Express จะเดินผ่านคนที่รอคิวอยู่แบบไม่ต้องเกรงใจใคร ระหว่างทางก็จะเป็นห้องต่างๆ เหมือนในการ์ตูน Spiderman
พอถึงทางขึ้นเครื่องเล่นให้ใส่แว่น 3D แล้วก็เข้าไปนั่งรถ จากนั้นรถออกไปแล้วก็เหมือนเข้าไปในการ์ตูนจริงๆ ตื่นเต้น สนุกมาก ไม่หวาดเสียวเพราะจำลองความสูง เลยไม่หวิวเท่าไหร่
ผู้ใหญ่เล่นได้ เด็กเล่นดี สนุกจริงๆ อันนี้ 5 นาทีหมดไปด้วยความรวดเร็ว รับประกันความสนุก


- ออกมาดูแผนที่ จัดไปเครื่องเล่นดัง Jurassic Park ภาคใหม่กำลังจะเข้าเลยขอไปทบทวนความจำกันหน่อย เดินเข้าไปให้ฝากของ และที่ตู้หยอดซื้อเสื้อกันฝน.....แปลว่ามีเปียกแน่ๆ
แต่เตรียมมาแล้วทำการบ้านมาดี ฝากกระเป๋าเสร็จก็วิ่งไปขึ้นเหมือนเรือ ขับชมสวนสัตว์แต่เป็นไดโนเสาร์ ตื่นตาตื่นใจดี แล้วก็มีไดโนเสาร์หลุดมาตื่นเต้นมาก เหมือนอยู่ในหนัง เด็กนั่งข้างหน้าถึงกับกรี๊ด แล้วจุดไคลแม็กซ์
รถจะโดนลากขึ้นที่สูงแล้วก็ล่อยลงมากระแทกน้ำ อันนี้หวิวจริงๆ เพราะตัวล็อกไม่แน่น เสียวจนขาสั่น ดันมีถ่ายรูป ตอนท้ายออกไปเจอรูปตัวเองขึ้นหน้าจอหน้าตาประหาดใช้ได้ ไม่เอาดีกว่า



- เดินออกมาขาสั่น ปรับตัวกับแรง G กันอีกรอบ ดูเวลา ถึงเวลาที่จะต้องไปเป็นพ่อมดแม่มดแล้ว ดิ่งไปด้วยความรวดเร็ว World of Harry Potter เข้าไปดูเวลาเครื่องเล่น ต้องเก็บเครื่องเล่นแรกด้านหน้าปราสาท เลยไม่ถ่ายรูปไม่กินอะไร ไปเล่นก่อน



- ดูจากรูปเหมือนนั่งรถลาง แต่พอของจริงเป็นรถไฟเหาะเหมือนเป็นรางไม้เก่าๆ ไม่สูงมาก พอถึงคิวก็เล่นเลย รถไฟเหาะเล็กๆ เหมือนได้นั่งบนตัว Hippogriff  พอปล่อยลงมาน่ากลัวทีเดียว
ตัวล็อกไม่แน่นความหวาดเสียว X2 ไม่มีตีลังกา แต่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาจากที่สูง ครบรอบเดินลงมาเริ่มเมาแรง G รู้สึกลงจากที่สูงบ่อยเกินวันนี้



- เดินออกมาก็ไปที่ปราสาทกันเลย ไปถึงหน้าทางเข้าเจอผู้คนต่อคิวเข้าปราสาทยาวมากกกกก แต่มีบัตร Express เลยเดินชิวเข้าไปแบบไม่ต้องยืนต่อคิว แอบเห็นป้ายเวลาคิวธรรมดา 180 นาที!!!!
รอกันจนสวนสนุกปิดเลยทีเดียว เข้าไปก็ฝากของกันก่อน ในปราสาทก็ตกแต่งเหมือนอยู่ในหนังเลย

-  มีรูปภาพขยับได้ พูดได้ แต่ภาษาญี่ปุ่นเช่นเดิม มี Harry และเพื่อนๆ ตัวเป็นๆ ออกมาพูดเล่าอะไรสักอย่าง ชมปราสาทแบบเร็วๆ ไม่ได้เก็บรายละเอียดเท่าไหร่
อยากเล่นเครื่องเล่นจัด ไปถึงเครื่องเล่น รอสักพักไม่ยอมให้เข้า แล้วไฟก็ปิดพร้อมเสียงประกาศอะไรสักอย่าง เสียงพึมพัมดังขึ้นมาทันที ..... สงสัยจะเสียให้เรารอ นั่งรอจนหลับไป 1 วูบ
ไฟเครื่องเล่นติดแล้วทุกคนก็เฮดังจนเราตื่น เย้ เล่นได้แล้ว!!!!



- เข้าไปในเครื่องเล่นเหมือนนั่งในกล่องอะไรสักอย่าง แล้วก็ร่วมผจญภัยไปกับ Harry จำลองการแข่งควิดดิช เหมือนเราเป็น1ในทีมแข่ง พร้อมต้องเจอกับปีศาจต่างๆ เป็นจำลองผสมกับของจริงบางช่วง
ไม่ขอเล่าต่อ อยากให้เล่นเอง สนุกตื่นเต้นจริงๆ ไม่น่ากลัว แนะนำเลย ออกมามีให้รับรูป หน้าตาตลกไม่เอาดีกว่าไม่เสียตังค์  แล้วก็จะเจอร้านของฝาก คนแน่น เดินซื้อของฝากกันเสร็จ พนักงานให้ถุงกระดาษไม่มีหูหิ้ว
แล้วก็พูดเหมือนประมาณว่าถ้าจะเอาถุงมีหูหิ้วต้องจ่ายเงินเพิ่ม !!! ไม่ได้แอ้มเงินผมหรอก ทำการบ้านมาดีออกไปด้านนอกจัดระเบียบสิ่งของดึงเอาถุงใบใหญ่เตรียมมากันเองใส่ของฝากสบายไม่ต้องอุ้มให้เมื่อย



- พอจัดระเบียบตัวเองเรียบร้อย แฟนอยากชมปราสาทอีกรอบ ตอนเข้าไปเดินตามคิวเร็วมากเลยยังไม่ได้ชม เดินไปด้านข้างปราสาทจะมีอีกทางเข้า เป็นทางเข้าสำหรับชมปราสาท เดินเข้าไปไม่มีคิว
ได้ชมปราสาทอย่างเต็มที่ ชมห้องต่างๆ เหมือนในหนังเลย ดูจนเต็มอิ่ม แต่ห้องเริ่มหิว ไปหาอะไรกินดีกว่า เดินไปเจอแถวเครื่องดื่มที่มาที่นี่ต้องกินให้ได้ Butter Beer ไม่ใช้เบียร์แต่มีฟองลอยออกมาเหมือนเบียร์
รสชาติอร่อยเลย เหมือนรูทเบียร์ใส่ฟองนมกลิ่นวนิลา ต่อคิวไม่ค่อยนาน มี 2 แบบแบบที่ได้แก้วที่ระทึกกลับบ้าน กับแก้วพลาสติก มีแบบเย็นและแบบอุ่น แนะนำแบบเย็นอร่อยชื่นใจ ระหว่างทางก็มีร้านขายของฝากต่างๆ 
ที่ดูคิวยาวสุดน่าจะร้านขายไม้กายสิทธิ์ คิวยาวทีเดียว เลยไม่ต่อ หิวข้าวไม่รอแล้ว



- ไปถึงร้าน The Three Broomsticks™ ไม่มีคิวเลยจัดสักหน่อย เข้าไปมีเมนูอาหารเป็นชุดๆ สั่งแล้วก็เดินไปรับคล้ายๆโรงอาหารเด็กมัธยม และที่สำคัญมี Butter beer แบบไม่ต้องยืนหนาวต่อคิว ร้านตกแต่งแบบในหนัง ชอบมาก
กินเสร็จออกไปถ่ายรูปนอกร้าน มีวิวปราสาทแบบไม่ต้องต่อคิวถ่ายรูปด้านนอก สงสัยวันนี้วันธรรมดาเลยไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ อย่าลืมไปเข้าห้องน้ำ มีเสียงผู้หญิงร้องให้มาเป็นระยะ เล่นเอาตกใจตอนเข้าไปครั้งแรก สนุกดี
เสร็จแล้วไปต่อกันดีกว่าอยู่จนพระอาทิตย์ตกแล้ว หน้าหนาวค่ำเร็วจริงๆ เดินออกมาเตรียมดูการแสดงแสงสีตอนค่ำ ดูเวลายังพอมีเวลาเลยเล่นเครื่องเล่นปิดท้ายสักหน่อย





- ใกล้ๆ กันก็จะเจอเครื่องเล่น Jaws เดินไปถึงก็จะรู้ได้ทันทีว่าเป็นเครื่องเล่น JawS มีฉลามตัวใหญ่อยู่ด้านหน้าทางเข้า คนต่อคิวถ่ายรูปกันเพียบ คิวไม่ยาวเข้าไปก็นั่งเรือเลย
มีคนขับเป็นผู้หญิงขับพาชมเมืองแล้วก็มีฉลามโผล่มาเจ๊ก็ถือปืนมายิงฉลาม แต่ดูยิงไม่ตรงสงสัยมือใหม่ เด็กนั่งด้านหน้าอินมาก กรี๊ดลั่นกอดพ่อตัวกลม ดูน่ารักดีถ้ามีลูกก็อยากพามาที่นี่อีก
จนครบรอบ สนุกตื่นเต้นใช้ได้ แนะนำ เครื่องเล่นนี้มาตอนกลางคืนจะสวยกว่า

- ออกมาก็เตรียมไปดูโชว์วันคริสต์มาส ชื่อโชว์ The Gift of Angels II –The Song of an angel- ไปถึงที่จัดแสดงเหมือนคนทั้ง Universal มารวมตัวกันที่นี่ เลยได้แต่มองไกลๆ พอถึงเวลาไฟปิด
ฉายภาพลงไปบนตัวอาคาร พร้อมกับออกคนมาแสดงเป็นระยะ จบด้วยเปิดไฟต้นคริสต์มาสต้นใหญ่ยักษ์ พร้อมจุดพลุตระการตา สวยจนลืมหนาวเลยทีเดียว พอการแสดงจบลงดูเวลา ต้องไปต่อแล้วเรา
เดี๋ยว shinkansen ที่นั่งได้รอบสุดท้ายจะออกก่อน รีบเลย โบกมือลา Universal Studio Japan สนุกมากๆ



- เดินจ้ำอ้าวด้วยความรวดเร็วขึ้นรถไฟกลับไปที่สถานี Shin-Osaka ทันที ไปรับกระเป๋าแล้วก็วิ่งไปขึ้น Shinkasen ไปFukuoka  เกือบไม่ทัน ..... 
เอาขนมที่ซื้อมาชิมกันหน่อย .... Harry Potter™ Bertie Botts Every Flavour Beans แพงมากและดูความอร่อยจากหน้า.......-__-“



- หลับไปสักพักใหญ่ๆ ชั่วโมงกว่าได้ ก็มาถึงสถานี Hakata Station ระหว่างงงๆกับทางออกไปโรงแรม ก็แวะหม่ำครัวซองต์ร้านดัง คนยาวทีเดียว กำลังลดราคา ไม่พลาด ต่อคิว รสช็อคโกแล็ตนี่เด็ดจริงๆ แนะนำ

- หาทางออกเจอแล้วก็ลากกระเป๋าเข้าโรงแรม โรงแรมในคืนนี้ชื่อ Toyoko-inn  Toyoko Inn Hakata-guchi Ekimae No.2 (พิกัด : 33.592291, 130.419139 ) จัดการเช็คอินเรียบร้อย ลากของเข้าห้อง
เริ่มหิวแต่ไม่มีเครื่องดื่ม เลยออกไปร้านสะดวกซื้อข้างๆ โรงแรม จัดขนมมาลองสองสามอย่าง คืนนี้หลับสบายแล้ว.....



ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:48:28 »
Day 6

- ตื่นมาสบายๆ เก็บของใส่กระเป๋าเล็กเตรียมไปอีกเมือง เก็บกระเป๋าใหญ่เรียบร้อยหนักเอาเรื่อง ลากลงมาฝากกระเป๋า หม่ำอาหารเช้า แล้วเดินไปสถานีรถไฟHakata Station
กระโดดขึ้น Shinkansen เดินทางไปเมือง Kumamoto ขึ้นไปนั่งภรรยายังไม่ทันแต่งหน้าเสร็จก็มาถึงแล้ว Kumamoto Station

- เดินออกมาตามหาเมนูข้าวกล่องในตำนานก่อนเลย แล้วก็เจอจริงๆ ข้าวกล่องที่ได้รับรางวัลหลายปีติดกัน และยังได้ลงในหนังสือการ์ตูนด้วย  เลยจัดสักหน่อย ซื้อพร้อมกาแฟ ภรรยาไปเข้าห้องน้ำ
ผมก็นั่งหม่ำข้าวกล่อง อร่อยดีเหมือนปลาทูต้มเค็ม กินได้ทั้งตัว อร่อยแนะนำเช่นกัน



- อิ่มท้องเรียบร้อยทำธุระส่วนตัวแล้ว พร้อมไปต่อ เดินไปหน้าสถานี ไปขึ้นรถราง ไปปราสาท Kumamoto ขึ้นรถรางสาย Aลงป้าย KUMAMOTO CASTLE  เดินไปเห็นปราสาทแล้วอลังการใช้ได้เลย

- กำแพงขนาดใหญ่ล้อมรอบ เดินเข้าไปจ่ายค่าเข้า ไปแต่เช้าเลยไม่ค่อยมีคน เข้าไปในปราสาทสวยงามมาก เป็นปราสาทที่มีการบูรณะใหม่ทั้งหมด



- เดินถ่ายรูปกับมัสคอตประจำปราสาท มีซามูไรอยู่เป็นจุดให้ถ่ายรูปคู่ได้ ต่อมาเข้าไปปราสาท เดินดูประวัติความเป็นมาของปราสาทตามชั้นต่างๆ จนถึงชั้นบนสุด ชมวิวเมืองจากมุมสูง สวยมากลมแรงหนาวทีเดียว







เสร็จแล้วเดินกลับลงมา มาดูอีกอาคารโชว์การสร้างปราสาทใหม่ ขั้นตอนการทำต่างๆใช้วิธีโบราณ พิถีพิถันจริงๆ ดูครบออกมาก็ใกล้เที่ยงพอดี หาอะไรหม่ำดีกว่า
ขึ้นรถรางสาย A กลับมาลงป้าย KARASHIMACHO STATION แล้วเดินเข้าไปที่ร้านเลย ไม่ไกล





- ร้านหมูทอดชื่อดังของที่นี่ (พิกัด : 32.798319, 130.705654) ไปตั้งแต่ยังไม่เที่ยงเลยยังไม่ค่อยมีคน เข้าไปในร้านก็มีป้ายรางวัลดูแล้วยิ่งหิวเข้าไปใหญ่ สั่งไปคนละชุด หมูดำและหมูธรรมดา
จู่ๆ พนักงานเอาถ้วยบดมาให้ นั่งงงกันว่าให้มาทำไม แอบมองคนญี่ปุ่นโตะข้างๆ เอางามาบด แล้วใส่น้ำจิ้มลงไปในถ้วย อาหารมาเสิร์ฟ ควันฉุยหอมกรุ่นไม่รีรอจัดกันไม่ถึง 15นาทีหมดเกลี้ยง อร่อยจริงๆ
เสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย ไปขับรถกันดีกว่า !!!







- นั่งรถรางกลับไปที่สถานี Kumamoto เดินไปที่ร้าน Nippon Car Rental (32.790791, 130.691369) จองรถไว้ผ่านเว็บ www2.tocoo.jp/en ไปถึงก็ไม่มีอะไรมาก ใช้ใบขับขี่สากล ใบขับขี่ประเทศไทย
พร้อม Passport และเลขยืนยันการจอง รถที่จองไว้ครั้งนี้คือ Toyota Aqua หรือ Prius C ที่ขายในบ้านเรานั้นเอง จ่ายเงินประมาณ 3000 บาทไทย (เช่า 24 ชั่วโมง) พร้อม พาไปดูรถว่ารถเรียบร้อยไหม
ไม่มีรอยขีดข่วน เพราะวันนำรถมาคืนก็ต้องเช็คดูว่าเหมือนเดิม จากนั้นพนักงานส่งรถก็จะแนะนำการใช้ GPS ในรถ เป็นภาษาอังกฤษ แล้วก็ให้พิกัดปั๊มน้ำมันที่ใกล้ๆ เพื่อจะได้เติมน้ำมันกลับมาตอนส่งรถคืน พอเข้าใจแล้วก็ Start รถ ไปกันเลย

- ที่เลือก Toyota Aqua  เพราะว่าทริปนี้ต้องขับขึ้นเขา เลยขอรถที่แรงหน่อย มีรถที่ถูกกว่านี้ Kie Car 600cc  แต่ไม่ชินอัตราเร่ง กลัวขึ้นเขามีปัญหา ขับไปเรื่อยเหมือนบ้านเรา โชคดีที่หาข้อมูลเกี่ยวกับการขับรถในญี่ปุ่นเยอะมาก ยังไงขอขอบคุณ คุณTonaka สมาชิก Headlightmag ของเรานี่เอง ที่แนะนำมารยาทต่างๆ ในการขับรถในญี่ปุ่น

- ขับในตัวเมืองเกร็งๆ เล็กน้อยในตอนแรก พอสักพักเริ่มชิน จนขับออกมานอกตัวเมือง ขับสบาย ที่หมายคือ Kurokawa Onsen คนญี่ปุ่นขับรถเคารพกฎกันมาก ให้ทางกันและกัน รถในตัวเมืองก็ดูมากพอสมควรแต่รถไม่ติดเลย ขับสบายๆ เข้าเมืองความเร็วป้ายห้ามเกิน 40 ก็ไม่เกิน นอกเมืองความเร็วไม่เกิน 50 ก็ไม่เกินกัน ขับง่ายกว่าที่คิด เพียงแต่มารยาทตามทางแยกแตกต่างจากบ้านเรา เช่น เลี้ยวซ้ายผ่านตลอดไม่มีที่ญี่ปุ่น ทุกคันต้องรอไฟเขียว แต่ถ้าไฟเขียวแล้วจะเลี้ยวซ้ายต้องดูคนด้วยว่ามีคนข้ามทางม้าลายหรือไม่ ถ้ามีต้องหยุด คนเดินเท้าสำคัญที่สุดสำหรับที่นี่



- ขับไปจนเริ่มขึ้นเขา ผ่านเส้นทางที่เรียกกันว่า Milk Road (พิกัด : 32.962364, 130.996915)  ถนนขึ้นเขาเบาๆ ขับไม่ยาก ความเร็วยังไงก็ไม่มีคนขับเกิน 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เผลอๆ หน่อยก็ไหลเป็น 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็ยังไงก็ไม่เกินแค่นี้ เริ่มรู้ตัวแล้วว่าแค่ Kie Car ก็น่าจะพอไม่ต้องเครื่องแรงก็ขับสบาย ถนนดีจนไม่รู้เลยว่ารถช่วงล่างซับแรงกระเทือนดีไหม ขับมาก็ไม่มีหลุมให้ตึงตัง



- ขับจนมาถึง Milk Road สวยจริงๆ เหมือนขึ้นเขาค้อ แต่ถนนขับง่ายเหมือนเขาใหญ่ และมีจุดให้จอดรถถ่ายรูปเป็นระยะๆ เป็นภูเขาลูกเล็กและมีทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ จุดชมวิวก็เป็นเหวให้ดูวิวเมืองและภูเขาสุดลูกหูลูกตา
เป็นความประทับใจที่บรรยายไม่ถูก ดูจากรูปพอจะเข้าใจ ขับไปสักพักเหมือนฝนจะตก ลมแรง แอบเหลือบไปดูอุณหภูมินอกตัวรถ....0 องศา โชคดีในรถมีฮีทเตอร์

- ไปถึงจุดถ่ายรูป ลงไปได้ไม่เกิน 5 นาทีขอยอมแพ้ และแล้วเหมือนจะฝนตก.....แต่ไม่ใช่ฝน เป็นหิมะโปรยปรายลงมาจากฟ้า แรงพอควร ดูเป็นผงแป้งสีขาว โปรยบางๆ บนพื้นถนน ไม่รอช้า รีบไปดีกว่ากลัวหิมะตกหนักแล้วจะขับลำบากเอา

- ใช้เวลาขับประมาณ 2 ชั่วโมงรวมแวะถ่ายรูปตามรายทางก็มาถึง Kurokawa onsen หลงทางเล็กน้อยจาก GPS ในรถ สุดท้ายก็กลับมาใช้ Google map ในมือถือไว้ใจได้มากกว่า
จอดรถที่ Tourist information (พิกัด : 33.078048, 131.141719) เข้าไปขอแผนที่ตัวเมืองแล้วก็ไปเดินเล่นกันดีกว่า แต่ด้วยอุณหภูมิ 0 องศา เลยเป็นปัญหาสมควร



- เมือง Kurokawa osen เป็นเมือง Onsen เล็กๆ อยู่ใจกลางเกาะ มีกลิ่นกำมะถันพวยพุ่งมาเป็นระยะๆ ทั้งหมู่บ้านเหมือนจะเป็นโรงแรมสำหรับออนเซ็น เพราะน้ำแร่ที่นี่ดีเป็นอันดำต้นๆ
ของญี่ปุ่นเลย เดินไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หมดทั้งเมือง ฟ้าเริ่มมืดลง แวะซื้อกินขนมร้านแนะนำเป็นขนมโดรายากิ แป้งทอดสอดไส้ด้วยโมจิไส้ถั่วแดง น่ากินมาก ซื้อเร็ว ถ่ายรูปเป็นที่ระทึกหน่อย ไปโรงแรมเลยดีกว่า....



- ขับรถออกจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตรก็จะถึงโรงแรมสำหรับคืนนี้ มีชื่อว่า TAKEFUE (พิกัด : 33.064491, 131.150811) ขับหลงกันหน่อยทางเข้าโรงแรมเล็กมาก งมกันจนเจอ ขับไปถึงหน้าโรงแรม
มีคนแต่งชุดญี่ปุ่นสีดำเหมือนนินจาในหนังยืนพิงไฟอยู่หน้าโรงแรม พอเห็นรถก็โบกกันใหญ่เลย ลงจากรถเหมือนโดนรุมทั้งพนักงานต้อนรับ พนักงานโบกรถ และพนักงานยกกระเป๋า เข้าไปถึง Lobby เหมือนอยู่ในการ์ตูนอิคคิวซัง
เป็นเหมือนบ้านเก่าโบราณ จากนั้นก็ให้เราสองคนเลือกชุดยูกาตะที่จะใส่ที่นี่ แล้วก็มีแม่บ้านประจำห้องพาไปที่ห้อง บรรยากาศรอบๆ เหมือนอยู่ในป่าไผ่ ทางขึ้นลงในโรงแรมเหมือนเดินขึ้นลงเนินตลอดเวลา
บรรยากาศโดยรวมดูเป็นส่วนตัวดีมาก เพราะทั้งโรงแรมมีแค่ 12 หลังเท่านั้น 



- ห้องพักหลังนี้ชื่อว่าห้อง Amato เป็นหลังระดับกลาง โดยจะมีห้องน้ำ 2 ห้อง ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ห้องนอนแยกกัน แล้วจะมี Osen ในห้องพักและแบบ Open Air ในห้องเลย วิวรอบๆ ล้อมด้วยป่าไผ่
หลังจากแม่บ้านประจำห้องแนะนำการใช้งานสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในห้อง ทั้งกาแฟเนสเปรสโซ แบบมีครบทุกรส เครื่องดื่มและนมไม่จำกัด กาแฟบดเอง เครื่องทำโซดา เครื่องเสียงและเครื่องเล่นต่างๆ
ในห้อง เยอะจนใช้ไม่หมด แล้วยังให้เลือกกลิ่นอโรมาในห้อง ว่าชอบกลิ่นไหนเดี๋ยวจะเตรียมมาให้ก่อนเข้านอน จากนั้นนัดแนะอาหารค่ำ ตอน 19.00 น. แล้วน้องแม่บ้านก็ออกไป เริ่มสำรวจในห้อง
แชมพูต่างใช้ของ L'OCCITANE และยังมีชุดของขวัญเป็นเครื่องบำรุงผิวต่างๆ ของ Hermes !!!

- จากนั้นไปสำรวจออนเซ็น ในห้องเป็นอ่างไม่ใหญ่ มีส้ม Yusu ไว้ใกล้ๆ คาดว่าให้เอามือกดที่ก้นให้เป็นรูแล้วโยนลงไปในอ่าง จะได้กลิ่นส้มลอยออกมา มาดูบ่อ Onsen Open air ด้านนอกขนาดใหญ่ใช้ได้ มีน้ำแร่ผุดออกมาเติมในบ่อตลอด
น้ำด้านนอกเลยร้อนกว่าบ่อในห้อง ถอดเสื้ออาบน้ำกระโดดลงบ่อเลย เริ่มจากบ่อในห้องปรับสภาพร่างกายกันก่อน พอร่างกายอุ่นได้ที่ก็เปิดประตูสู้หิมะปรอยๆ ออกไปบ่อข้างนอกทันที ผ่อนคลายสุดๆ รู้สึกได้เลยว่าแช่ตอนอากาศหนาวๆ
นี้มันสบายสุดยอดจริงๆ แช่ได้ 15 นาที เริ่มไม่ไหว เวลาก็ใกล้ 1 ทุ่มที่น้องแม่บ้านจะมาจัดอาหารค่ำให้ในห้อง เลยรีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดเข้ามานั่งเล่นดู TV ถึงเวลาก็มาทันที

- ชุดอาหารสุดอลังการมาจัดเรียงจนครบ น้องแม่บ้านบอกว่าต้องกินอะไรก่อน อธิบายแต่ละเมนู เหลือบไปเห็นหอยใหญ่ยักษ์.....นั้นมันเป้าฮือสดนี่นา สุดยอดจริงๆ





- จากนั้นน้องแม่บ้านก็ออกไป บอกจะมาเก็บอีก 1 ชั่วโมง หม่ำเลยไม่รอช้า จนถึงหอยใหญ่เตรียมจะปิ้ง เอาไม้ไปคีบ .... มันดิ้น ชิบหายแล้ว ยังเป็นๆ เลยนี่นา สงสารก็สงสาร ใจกำลังคิดแต่มือก็คือลงเตาย่าง หอยดิ้นพล่านเลยคร้าบบบบบ



- ดูมันดิ้นสักพักมันก็หยุด คงได้ที่แล้วก็หม่ำกันเลย อร่อยสุดยอดดดด นุ่น นิ่ม หวาน หอม สมแล้วที่เป็นของแพง เป็นความอร่อยที่โหดจริงๆ จากนั้นแล้วก็ตามด้วยซาซิมิเนื้อม้ารสชาติอร่อยเลย
แล้วน้องแม่บ้านก็เข้ามาอีกรอบพร้อมกระบอกไม้ไผ่ขนาดใหญ่ จากนั้นก็เปิดออกมามีแสงเรืองออกมาดูอลังการ ภายในเป็นข้าวผัดหอย น้องอธิบายประมาณว่ากระบอกไม้ไผ่คนญี่ปุ่นหมายถึงเด็ก ..... สงสัยอยากให้เรามีลูกคืนนี้
จากนั้นก็จัดแจงเก็บจานที่ฟาดกันเรียบแล้ว พร้อมบอกว่าจะมาอีกรอบพร้อมของหวาน ของหวานมาเป็นเค้กกับผลไม้ อร่อยชื่นใจ









- หม่ำกันเสร็จแล้ว น้องก็เอาน้ำองุ่นอยู่ในอ่างไม้ลอยน้ำได้มาให้ บอกว่าไว้ดื่มระหว่างแช่ออนเซ็นจากนั้นน้องก็ขอถ่ายรูปคู่พร้อมมีของที่ระลึกจากทางโรงแรมให้เป็นถ้วยดื่มสาเก แล้วมีกระต่ายตัวเล็กๆ
อยู่ตรงกลาง ตอนแรกสงสัยว่าทำไมต้องกระต่าย น้องบอกว่าโรงแรมนี้เปิดปีกระต่าย เลยให้กระต่ายเป็นมัสคอตประจำโรงแรม อิ่มแล้วก็แช่กันอีกรอบ โรงแรมแพงต้องแช่ให้คุ้ม แช่เสร็จก็เลยโทรไปจอง Onsen รวมใหญ่สำหรับพรุ่งนี้ 
ก่อนนอนออกไปเดินเล่นสู้หนาวสักนิด ในตู้มีเสื้อหนาวให้อุ่นดี



- ระหว่างทางเดินจะมีน้ำเลมอนโซดาให้ดื่มได้ตลอด แล้วยังมีไอติมถ้วยหลายหลายรสให้หยิบได้ไม่อั้น จัดไปทุกรส พนักงานเห็นตอนแรกตกใจ กลัวโดนว่า แต่เปล่า
น้องเอาถุงมาใส่ให้ เปรมเลยแบบนี้ กลับมาก็นั่งกินไอติมท้าหนาวจนรู้สึกว่าไข้จะขึ้น ว่าแล้วหม่ำพาราแล้วนอนกันดีกว่า 





ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:51:39 »
Day 7

- ตื่นเช้ามาอากาศยัง -2 องศา แต่ไม่มีหิมะ ล้างหน้าแปรงฟัน น้องแม่บ้านคนเดิมกลับมาพร้อมอาหารเช้าชุดใหญ่ มีเมนูเด่นคือเห็ดย่าง แต่งไม่รู้เห็ดอะไรใหญ่มาก หอมด้วย อร่อย แต่ย่างไม่รู้ว่าจะสุกตอนไหน เลยมีสุกๆ ดิบๆ ไหม้ๆ บ้างแต่อร่อยดี





- อิ่มกันแล้วก็ได้เวลาไปแช่ออนเซ็นที่จองไว้ ที่บ่อชื่อมีว่า Chikurin no yu  อยู่กลางป่าไผ่ เป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุด แช่กันให้สะใจใหญ่จนว่ายเล่นได้เลย 30 นาทีผ่านไป
ไม่ไหวละหน้ามืด ร้อนเกิน จากนั้นก็กลับไปเก็บของเตรียมกลับแล้ว ไปเช็คเอาท์ มีปัญหาเล็กน้อย เพราะเหมือนราคาที่บุคแล้วเมล์กลับมาไม่ตรงกับที่ทางโรมแรมคิดตอนออก จนต้องโทรไปคุยกันที่สำนักงาน
ตอนแรกที่สำนักงานเหมือนจะให้จ่ายราคาเต็ม แต่ทางโรงแรมไม่ยอม บอกให้จ่ายราคาที่เค้าแจ้งไว้ ก็เลยงงๆ กันสักพัก สรุปได้ราคาที่เมล์จองกันไว้ตอนแรกซึ่งถูกกว่าที่สำนักงานคิดพอสมควร
คงเป็นความผิดเค้าเลยรับผิดชอบ เลยได้พักโรงแรมห้องขนาดกลางในราคาห้องเล็ก ฟินกันไปแบบนี้ แต่ก็เสียเวลาไปพอสมควร ได้เวลากลับแล้วเพราะต้องรีบไปคืนรถเดี๋ยวส่งช้าจะโดนปรับ












- ขับออกมาชมวิวเดิมอีกรอบ ก็ยังสวยเช่นเดิม ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งก็มาถึงเมือง Kumamoto แวะเติมน้ำมัน ปั๊มที่ร้านเช่ารถแนะนำ แวะไปเติมหมดไปพันกว่าเยน
คำนวณน้ำมันได้ 20 กิโลเมตรต่อลิตร ประหยัดใช้ได้เลย ขับไปอีกไม่ไกลก็คืนรถ นั่ง Shinkasen กลับ ว่าแล้วมารีวิวรถกันแบบสั้นๆดีกว่า



- Toyota Aqua เป็น Hybrid เครื่อง 1.3L พ่วงด้วยมอร์เตอร์ไฟฟ้าแรงม้ารวมอยู่ที่ 99 แรงม้า เกียร์ที่ใช้เป็น E-CVT ไหลลื่นแต่หน่วงๆ ตอนออกตัว อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ไม่ได้วัดเพราะวิ่งไม่เกิน 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เลยไม่ได้จับความรู้สึกมาก แต่ไม่อืด ขับสบายๆ คล้าย ECO Car เวลาลงเขาเข้าเกียร์ B ช่วยหน่วงได้ดีไม่ต้องใช้เบรกมาก เวลาขึ้นเขากด Mode Power ช่วยเพิ่มแรงดึงได้ดี
แล้วยังมี EV Mode ไว้วิ่งเงียบๆ ด้วย พวงมาลัยเบาๆ ขับในเมืองสบาย แต่ขับออกทางไกลรู้สึกเลยว่าเบาและไวไปนิด วงเลี้ยวแคบ คล่องตัวดี ช่วงล่างจับไม่ค่อยได้ เพราะขับไม่เร็วและถนนไม่มีหลุม
แต่โดยรวมกระด้างแข็งนิดๆ เวลาเจอรอยต่อถนน แต่ยังมีความนุ่มนวลดี ประมาณรถเล็กทั่วไป เบรกดูลึกไปหน่อย เวลาติดไฟแดงจอดสนิทแล้วเหมืนเบรกจะจมไปอีกนิด ขับแล้วแปลกๆ ต้องปรับความรู้สึกกันหน่อย

-ภายในไม่กว้างขวางมากแต่โปร่งตาดี มีช่องเก็บของอเนกประสงค์มากมาย เบาะหลังแคบไปนิด แต่สูง 180 เซนติเมตรนั่งได้ไม่มีปัญหา ที่เก็บสัมภาระเพียงพอ และพับเบาะได้  วัสดุทีใช้เหมือนรถ B –segment พลาสติกแข็ง เบาะผ้า
หน้าปัดเป็นดิจิตอลเหมือนใน Pius บ้านเรา ออกแบบภายในดูธรรมดาไม่หวือหวา แต่ทุกอย่างคล่องมืออยู่ในระยะที่ใช้งานง่าย
สรุป เป็นรถที่น่าใช้สำหรับในเมือง วิ่งทางไกลก็เอาตัวรอดได้ ไม่ได้อืดจนใจหาย ไหลลื่นดีระหว่างเปลี่ยนกำลังระหว่างมอเตอร์กับเครื่องยนต์ มีAuto Start-Stop
คล่องตัววงเลี้ยวแคบ ช่วงล่างธรรมดาไม่โดดเด่น ขับในเมืองได้ ขับทางไกลสบายๆ ถ้าไม่ได้ขับเร็วประหยัดน้ำมันใช้ได้ ถ้าได้มาขายบ้านเราในราคาที่เข้าถึงง่ายกว่านี้คงจะขายดีไม่ใช่น้อย
ถ้าราวๆ 650,000-800,000 รับรองขายได้แน่นอน ไม่ใช่ 1.39 ล้านบาทเหมือนที่ขายในบ้านเราในตอนนี้



- มาถึงHakata Station อย่างรวดเร็ว เข้าโรงแรมไปเช็คอินเอาของขึ้นไปเก็บแล้วก็ไปเที่ยวเล่นต่อในวันสุดท้าย
ท้องร้องกันแล้วไปหาอะไรกระแทกปากกันก่อน เดินไปที่สถานี Hakata  แล้วขึ้นไป เดินไปที่ตึก JR-Hakata city ขึ้นลิฟท์ไปชั้น 10 เดินไปหน่อยเจอร้าน โคคา.....อ้าว มาจากเมืองไทยกันเลย
เห็นหน้าร้านมีป้ายเมนูกระเพราหมูไข่ดาว!!!! เล่นเอาเกือบเปลี่ยนใจ ไม่ต้องมาหาร้านราเมนที่โด่งดัง จนเดินมาถึง Ippudo Ramen 5 โมงเย็นคนยังไม่เยอะ เข้านั่งจัดเมนูของร้านเลย

- สั่งแบบเผ็ดกับแบบไม่เผ็ด อร่อยใช้ได้แต่มันมากกก โดยรวมใช้ได้ แต่ยังไม่เท่าร้านราเมนในดวงใจ Ishiran Ramen ยังแอบเสียใจมาญี่ปุ่นรอบนี้ไม่ได้กินเลย อิ่มแล้วก็เดินเล่น เดินตามภรรยาเลยให้เวลาเต็มที่ Shopping ได้แต่เดินตามถือของ
เดินจนหมดย่าน Hakata แล้วไปต่อย่าน Tenjin นั่งรถไฟใต้ดินไปต่อ เดินจนร้านค้าเริ่มปิดเลยคิดว่าได้เวลากลับแล้ว เลยตรงไปขึ้นรถไฟใต้ดินแล้วกลับ Hakata Station หอบของกลับโรงแรม เก็บของแล้วนอนพักคืนสุดท้ายแล้ว



ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 21:54:10 »
Day 8

- ตื่นเช้าหอบของเตรียมกลับออกแต่เช้า เดินไปท่ารถบัสที่สถานี Hakata ยังไม่มีคน รถเที่ยวแรกเลย รถมาถึงก็หอบกระเป๋าหนัก 20 กว่าโลขึ้นรถบัสมุ่งตรงไปที่สนามบิน Fukuoka Internatanl Airport
เกือบ 8 โมงรถติดเล็กน้อย พอไปถึงสนามบิน แถว Check in ยาวพอสมควร พอเคาน์เตอร์เปิดใช้เวลาไม่นาน มัวแต่ลุ้นน้ำหนักกระเป๋าว่าจะเกินหรือป่าว
แต่รอดมาได้ชั่งน้ำหนักรวม 2 ใบ จากนั้นผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แวะตม.เอาเอกสารคืนภาษีให้เจ้าหน้าที่ จากนั้นก็ Dutyfree แต่ร้านไม่ใหญ่และก็ของไม่เยอะ
แนะนำให้ซื้อของฝากจากที่อื่นมาเลย มาซื้อแค่ช็อคโกแลต Royce ที่นี่พอ ถึงเวลาขึ้นเครื่อง บินกลับบ้านเรา.....ดีกว่า

-  6ชั่วโมงนั่งกันหลังแข็ง โชคดีที่นั่งข้างๆ ไม่มีคนเลยนอนยาวสบายไป มาถึงแล้วก็เดินทางกลับบ้านที่สุรินทร์ต่อเลย
ก็ขอจบ Trip ดื่มน้ำผึ้งชมจันทร์ไว้ในครั้งนี้ใช้เวลา 7 วัน 6 คืน สรุปค่าใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ประมาณ 68,500- รวมทุกอย่างแล้ว โชคดีที่เงินเยนถูกเลยทำให้ทริปถูกลงไปอีก ไว้คราวหน้าได้ไปไหนจะมาเล่าสู่กันฟังอีกรอบ
ต้องขออภัยรูปสถานที่ต่างๆ ไม่ค่อยละเอียดเพราะฝนตกบ่อยเลยไม่ค่อยได้เอากล้องใหญ่มาถ่าย จะเป็นกล้องมือถือซะส่วนใหญ่ 

ขอบคุณทุกท่านที่รับชม   ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วย ขอบคุณครับ











ออฟไลน์ sirisak_ac118

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,579
    • อีเมล์

promt

  • บุคคลทั่วไป
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: ธันวาคม 31, 2014, 22:24:15 »
ขอคุณครับ รีวิวต้อนรับปีใหม่เลย

ออฟไลน์ J!MMY

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15,624
    • www.headlightmag.com
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: มกราคม 01, 2015, 02:57:14 »
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
แต่ละที่กิน แต่ละที่ไป โอย อยากไปจังเลย ตอนไป Fukuoka คราวที่แล้ว ก็ไม่ได้มีเวลาไปถึงขนาดนี้เลย

ขอบคุณมากๆเน่อ วัวน้อย และน้องกิ๊บ ^__^

ออฟไลน์ eaksuchart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 820
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: มกราคม 01, 2015, 11:57:05 »
ขอบคุณมากๆครับ เป็นทริปที่ สวยสนุก ดูพร้อม ละเอียด ไม่โหล ช่วงเวลาเหมาะสม วางแผนได้ดีจริงๆ เก่งมากครับ

เห็นแล้วอยากไปแกะรอยตามเลย
ไว้จะขอคำปรึกษานะครับ

ออฟไลน์ aood!e

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 301
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: มกราคม 01, 2015, 13:52:08 »
สุดยอดมาก ภาพสวย ไปในที่เหมือนแดนในฝันเลย ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ chanvitjeab

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 172
    • อีเมล์
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: มกราคม 01, 2015, 14:37:47 »
ชอบครับ ละเอียดดี อ่านไว้เป็นแนวทางเวลาไปได้เรยย
สถานที่เที่ยวกะที่พักก็ดี แต่ที่ดืสุดคืออาหารครับ โห.....อ่านไปน้ำยายหยัยไป
ป.ล.มดไต่คอมฯผมเรยทีเดียวว 555 สวีตวี้ดวิ่ว  ;D

ออฟไลน์ นายพรานจ๋าหมีมาแล้ว

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,873
  • เส้นขอบฟ้า
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มกราคม 01, 2015, 17:43:41 »
กระทู้ฆ่าคนโสดโหดกับคนไม่มีคู่ชัด อ่านไปต้องหยุดอ่านพักสายตาเดี๋ยวไว้จะมาอ่านต่อนะ อ่านนานๆรวดเดี๋ยวไม่ได้เดี๋ยวจะขาดใจเอา

ออฟไลน์ JAZZ2416

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 73
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มกราคม 01, 2015, 23:17:05 »
สุดยอดมาก ภาพสวยครับ

ออฟไลน์ pee1818

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 849
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มกราคม 02, 2015, 23:26:29 »
เห็นรีวิวแล้วอยากพาแฟนไปเที่ยวมั้งครับ แต่ไปกันเองคงหลงแน่ๆ  คิดแล้วเศร้า

ออฟไลน์ tate_27

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 186
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มกราคม 15, 2015, 15:36:27 »
ดูของกินแล้วน้ำลายไหลเลยครับ ตามรอยด่วนๆๆๆ  :-*

ออฟไลน์ Chanissara

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 488
  • ใครจะรักเราเท่าพ่อแม่ไม่มี... ^_^
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2015, 17:06:35 »
รีวิวสวยมากมายค่ะ วิวก็สวย ภาพก็สวย คล้ายๆแบบที่คุณจิมรีวิวรถเวลาไปตปทเลย

ยินดีกับชีวิตคู่ด้วยนะค่ะ ^^

ออฟไลน์ Slipknot`

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 21,866
  • *** HLM.COM ***
Re: *Review Honey Moon Trip : Autumn Adventure Colorful Leaves In Japan!!!
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มีนาคม 22, 2015, 00:06:23 »
ยินดีด้วยครับ

 :D :D :D