ผู้เขียน หัวข้อ: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น  (อ่าน 14039 ครั้ง)

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 10:02:56 »
เท่าที่อ่านดู ไม่เห็นมีใคร พูดถึงเรื่อง คุณภาพ ของ ชิ้นส่วนและวัสดุในการทำรถ เลย ครับ
ผมอยากถามว่า รถ ยาริส หนัก 1000กิโล กับ camry หนัก 1400 กิโล ต้นทุนเพิ่มขึ่นไหมครับ เฉพราะค่าเหล็ก มากว่ากว่าแน่นอน

คุณภาพ = ราคา
ราคาแพง = คุณภาพดี แต่ถ้าออกมาห่วย = คนซื้อโง่
ราคาถูก = คุณภาพดี ก็เท่ากับว่า ได้ของดีราคาถูก
ราคาสมเหตุสมผล = คุณภาพทั้วไป  ก็เท่ากับว่า ได้ของไม่ดีไม่เลว พอใช้งานได้

เฉพราะนั้น เวลาญี่ปุ่นเขาขายของชอบพูดถึงคุณภาพ ครับว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หมายถึง คนญี่ปุ่นขายคนญี่ปุ่นเอง)
แต่เวลาคนญี่ปุ่นขายของให้คนไทยก็ มันสวยนะครับ มันดีได้รถเร็วนะครับ แต่คุณภาพ ไม่เคยเปิดเพิยและก็พูดถึง

ส่วนใหญ่ คนเราชอบของดีราคาถูก แต่กับไม่รู้เลยว่า อะไรดี แล้วมันดียังไง เหล็กก็รู้แค่ เหล็กทั่วไป ถ้าศึกษา จะรู้เลยครับว่า ไม่มีใครหลอกคุณได้
  คนส่วนใหญ่มองว่าปัญหาน้อยลูกค้าพอใจนั่นแหละคุณภาพดี  แต่รายละเอียดย่อยว่าใช้วัสดุอะไรมาทำโครงสร้างยังไงคนทั่วไปไม่รู้เชิงล฿กขนาดนั้นครับและคงไม่สนใจเท่าไหร่ด้วย


อีกทั้งผมยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่ซื้อรถป้ายแดงไม่ได้เข้าใจว่าตนเองต้องเคลมชิ้นส่วนอะไรบ้างหรือมีปัยหาไหนต้องให้ศูนย์บริการดูแลในเวลาประกัน 3 ปี นอกจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพอหมดประกันไปอู่นอกเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
   คือรถถ้าไม่มีเสียงดังผิดปกติ  ระบบไฟฟ้ายังทำงานได้  แอร์เย็นวิ่งปกติ สตาร์ทปกติ  โช๊คไม่เห็นรอยรั่วไม่มีทางได้เคลมถึงไปเคลมก็โดนเขาตอกหน้าหงายกลับมาเพราะไม่มีความรู้จะไปพูดกับพนักงานรับรถ ว่าอะไรคือปัญหา
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

ออฟไลน์ Teera

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,380
    • อีเมล์
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 10:09:21 »
ไม่ยากครับเคล็ดไม่ลับ

ใครอยากทำได้เหมือนพี่โต  กล้าใช้เครื่องเดิม 3เจน แบบVios

หรือจะลากยาว Vigo / Fortuner 10ปี+

เห็นไหมง่ายๆพี่โตบอกมา




โดนอ่ะ ผมรู้สึกว่า Toyota ศูนย์เยอะ อะไล่เยอะ เชียงกงเพียบ
ตอนทำงานใหม่ๆ ขับ Civic EK ตาโต ขับมา เกือบ 10 ปี ไม่เคยจุกจิก น๊ะครับ เพื่อนรุ่นเดียวกัน ใช้ Corrolla ก็เหมือนกัน พอๆกัน แต่ประมาณ ปีที่ 7 ผมเอาไปแต่งวาง B16A ทำ TypeR หล่อได้อีกหลายปี คุณจะไม่ได้เห็นอารมณ์นี้จากพี่โตหรอก   

ออฟไลน์ Mr Children Namonaki Uta

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 328
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 15:48:38 »
เท่าที่อ่านดู ไม่เห็นมีใคร พูดถึงเรื่อง คุณภาพ ของ ชิ้นส่วนและวัสดุในการทำรถ เลย ครับ
ผมอยากถามว่า รถ ยาริส หนัก 1000กิโล กับ camry หนัก 1400 กิโล ต้นทุนเพิ่มขึ่นไหมครับ เฉพราะค่าเหล็ก มากว่ากว่าแน่นอน

คุณภาพ = ราคา
ราคาแพง = คุณภาพดี แต่ถ้าออกมาห่วย = คนซื้อโง่
ราคาถูก = คุณภาพดี ก็เท่ากับว่า ได้ของดีราคาถูก
ราคาสมเหตุสมผล = คุณภาพทั้วไป  ก็เท่ากับว่า ได้ของไม่ดีไม่เลว พอใช้งานได้

เฉพราะนั้น เวลาญี่ปุ่นเขาขายของชอบพูดถึงคุณภาพ ครับว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หมายถึง คนญี่ปุ่นขายคนญี่ปุ่นเอง)
แต่เวลาคนญี่ปุ่นขายของให้คนไทยก็ มันสวยนะครับ มันดีได้รถเร็วนะครับ แต่คุณภาพ ไม่เคยเปิดเพิยและก็พูดถึง

ส่วนใหญ่ คนเราชอบของดีราคาถูก แต่กับไม่รู้เลยว่า อะไรดี แล้วมันดียังไง เหล็กก็รู้แค่ เหล็กทั่วไป ถ้าศึกษา จะรู้เลยครับว่า ไม่มีใครหลอกคุณได้
  คนส่วนใหญ่มองว่าปัญหาน้อยลูกค้าพอใจนั่นแหละคุณภาพดี  แต่รายละเอียดย่อยว่าใช้วัสดุอะไรมาทำโครงสร้างยังไงคนทั่วไปไม่รู้เชิงล฿กขนาดนั้นครับและคงไม่สนใจเท่าไหร่ด้วย


อีกทั้งผมยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่ซื้อรถป้ายแดงไม่ได้เข้าใจว่าตนเองต้องเคลมชิ้นส่วนอะไรบ้างหรือมีปัยหาไหนต้องให้ศูนย์บริการดูแลในเวลาประกัน 3 ปี นอกจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพอหมดประกันไปอู่นอกเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
   คือรถถ้าไม่มีเสียงดังผิดปกติ  ระบบไฟฟ้ายังทำงานได้  แอร์เย็นวิ่งปกติ สตาร์ทปกติ  โช๊คไม่เห็นรอยรั่วไม่มีทางได้เคลมถึงไปเคลมก็โดนเขาตอกหน้าหงายกลับมาเพราะไม่มีความรู้จะไปพูดกับพนักงานรับรถ ว่าอะไรคือปัญหา
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

คนซื้อโตผมก็ว่าเค้าไม่ได้ไม่มีความรู้ทุกคนนะครับ เขียนเหมือนกับว่าทุกคนที่ซื้อยี่ห้อนี้ไม่รู้เรื่อง เคลมไม่เป็น คืองงอะครับ
เราไม่ได้รู้จักคนทุกคนไม่ใช่หรือครับ มันเป็นไปไม่ได้ หรืมีการทดสอบทางสถิติมาแล้วครับ หน่วยงานไหน อาจจะดูถามกวนๆ แต่ผมไม่เข้าวิธีคิดครับ



ออฟไลน์ H.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,896
    • อีเมล์
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 15:55:05 »
คิดไปเองครับ เพราะคนใช้เยอะกว่าอะไหล่เลยหาง่ายและช่างคุ้นเคยกว่า

ก็เหมือนที่เราบอกว่ามอไซค์ Honda ทนทานนั้นแหละ เอาจริงๆก็พอๆกัน
H.

ออฟไลน์ nekki

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 84
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 18:03:27 »
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

ผมและภรรยาอยู่ในวงการ automotive มาซักระยะ แต่เนื่องจากทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน(ร่วม10ปี)จึงเพิ่งจะกลับไทยมาซักพัก
เห็น attitude ของ คนไทยหลายๆคนข้างในชั้นปฏิบัติการ ดังท่านข้างบนกล่าวมากับตา (โดยเฉพาะ blue collar) ยืนยันว่าเป้นความจริง
เท่าที่สัมผัสมา คนญี่ปุ่นเองก็ปวดหัวกับ attitude เช่นนี้มาก คนดีๆก็เยอะ แต่หลายๆคนอวดเก่งและอีโก้สูงมาก
คนญี่ปุุ่นจาก HQ มาเทรนงาน และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ให้ก็ไม่สนใจเรียรู้, process safety อะไรก็มองข้าม ไม่ยอมทำตามถือว่าข้าแน่
หนักกว่านั้นคือ ไปนินทา Trainer เค้าเสียๆหายๆลับหลัง คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว (ส่วนมากคนญี่ปุ่นอายุ 4X-5X เด็กๆที่เข้าเทรน 2X - 3X)
แต่แน่นอน ไม่ใช่ทุกคน คนดีๆเก่งๆก็ยังมีอีกเยอะ เด็กเก่งๆ นอบน้อมตนผมก็ผ่านมาเยอะ

มันคงเป็นที่มาที่ว่าทำไม QC รถบ้านเรามันถึงไม่ค่อยได้คุณภาพเหมือนต่างชาติ (ที่พัฒนาแล้ว)
มีโอกาสได้ทานอาหารกับคนญี่ปุ่นบ่อยๆ เค้าเองก็บอกว่า เป็นไปได้ไม่อยากซื้อรถที่ผลิตในไทย (ผมงี้หน้าชาเลย...)

แต่แน่นอนว่าใน mass production การจะเกิด defect มันเป้นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ตราบใดที่ error rate นั้น
ยังอยู่ใน threshold ที่ยอมรับได้ แต่สิ่งสำคัญคือการออกมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ และรวดเร็ว โดยที่ลูกค้าลำบากน้อยที่สุด
ซึ่งจุดนี้ส่วนตัวผมว่า Toyota, Honda และ Isuzu ทำได้ดีมาก เลยทำให้ครองความเป็นเจ้าตลาดจนทุกวันนี้

เล่าเพิ่ม วันก่อน Battery Hybrid ของ Camry ผมเสีย และ ไฟเอนจิ้นโชว์ (รถอายุ4ปี)
ผมนำรถเข้าศูนย์ และได้รับการเปลี่ยนแบตลูกใหญ่ทั้งลูก โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ปกติเกือบๆแสน)
นับตั้งแต่เอารถเข้า ใช้เวลาเพียง สองวันหนึ่งคืน ก็ได้รถกลับมาแล้ว
ถ้าเป็นค่ายอื่นนี่....ตอบตรงๆผมไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่ผมจะได้รถคืน... หรือแม้กระทั่งว่าจะเสียเงินเท่าไร

อ้อ เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นแฟนโตโยต้า  อยู่ญี่ปุ่นผมเป็นแฟนนิสสันมายาวนาน ใช้มาแต่นิสสัน ตั้งแต่ March (K12) ยัน Skyline (V35, V36)
แต่มาไทย พอเจอการบริการหลังการขายของโตโยต้า ... ผมบอกตรงๆว่า ผมลังเลที่จะซื้อยี่ห้ออื่นเล็กน้อย
(แต่ถ้ายี่ห้ออื่นคุ้มกว่าจริงๆ ผมก็ไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนนะ  ;D)
2021 BMW X3 20d M Sport

GreenG

  • บุคคลทั่วไป
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 18:10:29 »
ผมใช้อีโค่คาร์นิสสันนะ การเคลมชิ้นส่วนที่มีดีเฟค ทุกคนที่ใช้คงผ่านกันมาแล้ว
เจอกันทุกคันจนรู้สึกเฉยๆแต่ของผมดูจะโชคดีกว่าคันอื่นๆที่เสียช้ากว่าเขาเยอะเลย
อยู่ในกลุ่มที่ใช้รุ่นเดียวกันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอได้เล่าให้คนอื่นๆที่ใช้รถยี่ห้ออื่นฟัง(เจ้าตลาด)
ว่าเราไปเคลมโน่นนี่นั่นมา ถึงกับอุทานว่านี่รถใหม่ป้ายแดงจริงๆเหรอ
เราคนในกลุ่มก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่พอคนภายนอกมองเข้ามานี่เขาบอกว่าปัญหาเราเยอะจริงๆ
พอมานึกย้อนดู เออ มันก็จริงแฮะ ลูกปืนล้อ พัดลม เบรค เกียร์ ปะเก็นท่อไอเสีย ฯลฯ

+1 ;)

ออฟไลน์ Napat14

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 351
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 20:12:20 »
เท่าที่อ่านดู ไม่เห็นมีใคร พูดถึงเรื่อง คุณภาพ ของ ชิ้นส่วนและวัสดุในการทำรถ เลย ครับ
ผมอยากถามว่า รถ ยาริส หนัก 1000กิโล กับ camry หนัก 1400 กิโล ต้นทุนเพิ่มขึ่นไหมครับ เฉพราะค่าเหล็ก มากว่ากว่าแน่นอน

คุณภาพ = ราคา
ราคาแพง = คุณภาพดี แต่ถ้าออกมาห่วย = คนซื้อโง่
ราคาถูก = คุณภาพดี ก็เท่ากับว่า ได้ของดีราคาถูก
ราคาสมเหตุสมผล = คุณภาพทั้วไป  ก็เท่ากับว่า ได้ของไม่ดีไม่เลว พอใช้งานได้

เฉพราะนั้น เวลาญี่ปุ่นเขาขายของชอบพูดถึงคุณภาพ ครับว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หมายถึง คนญี่ปุ่นขายคนญี่ปุ่นเอง)
แต่เวลาคนญี่ปุ่นขายของให้คนไทยก็ มันสวยนะครับ มันดีได้รถเร็วนะครับ แต่คุณภาพ ไม่เคยเปิดเพิยและก็พูดถึง

ส่วนใหญ่ คนเราชอบของดีราคาถูก แต่กับไม่รู้เลยว่า อะไรดี แล้วมันดียังไง เหล็กก็รู้แค่ เหล็กทั่วไป ถ้าศึกษา จะรู้เลยครับว่า ไม่มีใครหลอกคุณได้
  คนส่วนใหญ่มองว่าปัญหาน้อยลูกค้าพอใจนั่นแหละคุณภาพดี  แต่รายละเอียดย่อยว่าใช้วัสดุอะไรมาทำโครงสร้างยังไงคนทั่วไปไม่รู้เชิงล฿กขนาดนั้นครับและคงไม่สนใจเท่าไหร่ด้วย


อีกทั้งผมยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่ที่ซื้อรถป้ายแดงไม่ได้เข้าใจว่าตนเองต้องเคลมชิ้นส่วนอะไรบ้างหรือมีปัยหาไหนต้องให้ศูนย์บริการดูแลในเวลาประกัน 3 ปี นอกจากเปลี่ยนน้ำมันเครื่องพอหมดประกันไปอู่นอกเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
   คือรถถ้าไม่มีเสียงดังผิดปกติ  ระบบไฟฟ้ายังทำงานได้  แอร์เย็นวิ่งปกติ สตาร์ทปกติ  โช๊คไม่เห็นรอยรั่วไม่มีทางได้เคลมถึงไปเคลมก็โดนเขาตอกหน้าหงายกลับมาเพราะไม่มีความรู้จะไปพูดกับพนักงานรับรถ ว่าอะไรคือปัญหา
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

ผมถึงบอกไงครับว่า คนบ้านเราไม่ค่อยสนใจเรื่องคุณภาพว่าอะไรดี ดียังไง ทำจากอะไร ขึ่เกลียนเรียนรู้ไม่เหมือนคนญี่ปุ่น

ถ้าคุณเคยไป motorshow japan เขาไม่ขายรถในงาน เหมือนบ้านเรานะครับ เขาshow  ว่า รถข้าดียังไง มีเทคโนโลยีอะไร ใหม่ๆ น่าใช้ นะ

และที่เขาไม่ขายเพราะว่าอะไรรู้ไหมครับ

เขาคิดแบบนี้ ครับ บ้านคุณอยู่อยุธยาใช้ toyota เยอะ ทั้งจังหวัด ศูนย์ บริการ จะต้องมี เพียงพอต่อการบริการในจังหวัดนั้น
ไม่ใช้บ้านเรา เอา saleจากนครปฐม มาขายรถ บ้านผมอยู่ บางกะปิ ต้องไปออกรถถึงนครปฐม เวลาบำรุงรักษา หายากมากไม่มี ศูนย์บริการเพียงพอในเขต เพราะเขตนั้นขายดี เลยได้มีสิตะ์ขายก่อน เจริญละ

 
Bmw E30 coupe 1989
Volvo 940 estate 1997
Nissan Navara 2007
Toyota CHR 2019
Benz w212 2012
volvo v90 2018

ออฟไลน์ Napat14

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 351
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 20:30:39 »
ผมมีคำพูดบางประโยคอาจไม่สมควรพูดแต่ยืนยันว่าเกิดขึ้นจริง   เพราะลูกน้องผมพูดตอนผมเข้ามาทำงานใหม่  ๆ   QC ตรวจงานแล้วมาตรฐานห่วยแค่นี้ก็ปล่อยไปผมถามว่าทำไมปล่อยไป  เขาบอกว่าลูกค้าโง่จะตาย แค่นี้ลูกค้าไม่รู้หรอก เมื่อลูกค้าไม่รู้คือไม่ใช่ปัญหา      อีกประโยคนึงหัวหน้างานผมพูดว่ารถเราทำไปขายน่ะโว้ยไม่ใช่ทำไปทิ้ง ความต้องการของลูกค้าคือต้องการได้รถ  ถ้าเขาไม่สนใจคุณภาพหรือปัญหาตรงนี้ให้ปล่อยรถขายออกไปเลย
555555 คนที่บอกว่ารถตัวเองไม่มีปัญหา
 ไม่เห็นต้องเคลมอะไร   ผมแอบหัวเราะทุกคนนั่นแหละ  เพราะรถผลิตออกมาทุกคันมี Defect หมดในกระบวนการผลิตรถยนต์ เนื่องจากเขายอมให้เกิดของเสียได้บ้างแต่ต้องแก้ไขได้ หรือไม่มีผลกับความปลอดภัยหรือผลทางข้อบังคับกฎหมาย   คนที่ใช้รถตลาดแล้วบอกว่ารถตัวเองดี  อืม....ก็นั่นแหละลูกค้าพอใจคุณภาพ  คงไม่มีพนักงนคนไหนไปเบรคท่านหรือไปชี้โพรงให้กระรอกแห่กันเอารถมาเคลมที่บริษัทหรอก

ผมและภรรยาอยู่ในวงการ automotive มาซักระยะ แต่เนื่องจากทำงานอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน(ร่วม10ปี)จึงเพิ่งจะกลับไทยมาซักพัก
เห็น attitude ของ คนไทยหลายๆคนข้างในชั้นปฏิบัติการ ดังท่านข้างบนกล่าวมากับตา (โดยเฉพาะ blue collar) ยืนยันว่าเป้นความจริง
เท่าที่สัมผัสมา คนญี่ปุ่นเองก็ปวดหัวกับ attitude เช่นนี้มาก คนดีๆก็เยอะ แต่หลายๆคนอวดเก่งและอีโก้สูงมาก
คนญี่ปุุ่นจาก HQ มาเทรนงาน และการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ให้ก็ไม่สนใจเรียรู้, process safety อะไรก็มองข้าม ไม่ยอมทำตามถือว่าข้าแน่
หนักกว่านั้นคือ ไปนินทา Trainer เค้าเสียๆหายๆลับหลัง คิดว่าตัวเองเก่งแล้ว (ส่วนมากคนญี่ปุ่นอายุ 4X-5X เด็กๆที่เข้าเทรน 2X - 3X)
แต่แน่นอน ไม่ใช่ทุกคน คนดีๆเก่งๆก็ยังมีอีกเยอะ เด็กเก่งๆ นอบน้อมตนผมก็ผ่านมาเยอะ

มันคงเป็นที่มาที่ว่าทำไม QC รถบ้านเรามันถึงไม่ค่อยได้คุณภาพเหมือนต่างชาติ (ที่พัฒนาแล้ว)
มีโอกาสได้ทานอาหารกับคนญี่ปุ่นบ่อยๆ เค้าเองก็บอกว่า เป็นไปได้ไม่อยากซื้อรถที่ผลิตในไทย (ผมงี้หน้าชาเลย...)

แต่แน่นอนว่าใน mass production การจะเกิด defect มันเป้นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ตราบใดที่ error rate นั้น
ยังอยู่ใน threshold ที่ยอมรับได้ แต่สิ่งสำคัญคือการออกมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงใจ และรวดเร็ว โดยที่ลูกค้าลำบากน้อยที่สุด
ซึ่งจุดนี้ส่วนตัวผมว่า Toyota, Honda และ Isuzu ทำได้ดีมาก เลยทำให้ครองความเป็นเจ้าตลาดจนทุกวันนี้

เล่าเพิ่ม วันก่อน Battery Hybrid ของ Camry ผมเสีย และ ไฟเอนจิ้นโชว์ (รถอายุ4ปี)
ผมนำรถเข้าศูนย์ และได้รับการเปลี่ยนแบตลูกใหญ่ทั้งลูก โดยไม่มีค่าใช้จ่าย (ปกติเกือบๆแสน)
นับตั้งแต่เอารถเข้า ใช้เวลาเพียง สองวันหนึ่งคืน ก็ได้รถกลับมาแล้ว
ถ้าเป็นค่ายอื่นนี่....ตอบตรงๆผมไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่ผมจะได้รถคืน... หรือแม้กระทั่งว่าจะเสียเงินเท่าไร

อ้อ เดี๋ยวจะหาว่าผมเป็นแฟนโตโยต้า  อยู่ญี่ปุ่นผมเป็นแฟนนิสสันมายาวนาน ใช้มาแต่นิสสัน ตั้งแต่ March (K12) ยัน Skyline (V35, V36)
แต่มาไทย พอเจอการบริการหลังการขายของโตโยต้า ... ผมบอกตรงๆว่า ผมลังเลที่จะซื้อยี่ห้ออื่นเล็กน้อย
(แต่ถ้ายี่ห้ออื่นคุ้มกว่าจริงๆ ผมก็ไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนนะ  ;D)

รู้ไหมครับว่าทำไม คนญี่ปุ่นไม่อยากซื้อ รถที่ประกอบจากประเทศไทย เพราะ คนบ้านเรา มันมักง่ายครับ ทำงานแบบขอไปที ไม่ใส่ใจเหมือนคนญี่ปุ่น

คุณลองให้คนญี่ปุ่นทิ่งขยะลงบนถนน เขาทำไม่ได้นะครับ เพราะ เขามีจิตสำนึกที่ดี ว่า การทิ่งขยะจะทำให้ คนส่วนร่วมเดือนร้อน อาจจะส่งผลทำให้ เชื้อโรค กระจายทำให้ เด็กอาจจะติดโรค คนเดินติดโรค คนเดินเกิดอบัติเหตุ เหตุผลต่างๆมี ผลกระทบเยอะ แยะ ต้องทิ่งไวในที่ทิ่งเท่านั้น เพราะ ปลอดภัย

แต่ คนบ้านเราละครับ ทิ้งขยะบน ถนน หรือที่ สาธารณะ เหมือน เป็นเรื่องปกติ จะมีอะไรหรอ ก็แค่ ทิ่งขยะ ไม่เห้นจะเป้นอะไร เลยทิ่งแล้ว ่พอ ใครตายเปล่า
ความรับผิดชอบต่อสังคมหรือผู้อื่นๆ ไม่มีครับ เห้นแก่ตัวไม่รู้จักให้มีแต่อยากได้ของคนอื่น
แล้วประสาอะไรกับการประกอบรถ ครับ ถ้า ระบบไม่รอบคอบ ไม่ใส่น๊อต ตัวหนึ่ง รถคันนั้นคงไม่พัง ใช้ไหมครับ

ต้องขอโทษนะครับ ที่ พูดเหมือนมองโลก ในแง่ร้าย แต่ความจริง มันเป้นอย่างที่ผมบอกจริงๆ คนดีก็มีแต่น้อยลงทุกวัน ลองมองคนบ้านเราโดยสายตาคนประเทศอื่นก็น่าจะเข้าใจได้ครับ ว่า ดูถูก คนบ้านเราแค่ไหน เหมือน taix สุวรรณภูมิ ที่ ไม่เล่นตามกฎกติกา ไม่เคารพกฎ แล้วก็บอกว่ากฎไม่ยุติธรรม คิดเอาเองแล้วกันครับว่า เป็นอย่างไร
Bmw E30 coupe 1989
Volvo 940 estate 1997
Nissan Navara 2007
Toyota CHR 2019
Benz w212 2012
volvo v90 2018

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 27,407
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2015, 21:23:11 »
Toyota เป็นองค์กรใหญ่มากๆครับ ถ้าเทียบกับรายอื่น วิธีกำหนดและควบคุมคุณภาพต่างๆ น่าจะเป็นระบบที่แน่นอนชัดเจน โอกาสหลุดไป คงไม่มาก ถ้าคิดเป็น %

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2015, 09:19:33 »
Toyota เป็นองค์กรใหญ่มากๆครับ ถ้าเทียบกับรายอื่น วิธีกำหนดและควบคุมคุณภาพต่างๆ น่าจะเป็นระบบที่แน่นอนชัดเจน โอกาสหลุดไป คงไม่มาก ถ้าคิดเป็น %
  บริษัทอื่น  HONA ISUZU NISSAN   หรือค่าย AAT  ก็ไม่ต่างจาก TOYOTA  หรอกครับมาตรฐานการทำงานชัดเจนมาก  ที่หลุดไปบางทีมันไม่ใช่การหลุด QC  แต่เป็นการหลุดจริง   ๆ  หรือตั้งใจหลุดก็มีหรือตรวจไม่พบเองก็มี



  ส่วนท่านข้างบนที่บอก ญี่ปุ่นคนนั้นพูดว่ารถที่คนไทยผลิตผมว่ามันพูดเกินไปหน่อย  เพราะในประเทศไทยการประกอบรถรวมถึงมาตรฐานชิ้นส่วนรถยนต์เราสูงมาก  ถ้าเทียบในเอเชียด้วยกันเราเป็นรองแค่ญี่ปุ่นประเทศเดียว  ที่อื่นเรามีมาตรฐานและคุณภาพรถที่เหนือกว่าเค้า        แต่การรักษาคุณภาพมาตรฐานเราทำไม่ได้เพราะคนไทยเราไม่ได้ทำงานเอาจริงเอาจังแบบคนญี่ปุ่นน่ะใช่ไปบางทีทำให้มีหลุดไปบ้าง       แต่รถยนต์ที่ขายบ้านเราต้องเข้าใจว่าหลายคันไม่ได้หลุดQC  อย่างที่เข้าใจ  แต่เป็นเพราะคุณภาพรถบ้านเราด้อยกว่าญี่ปุ่นนะใช่เพราะลูกค้าคนไทยไม่ได้ใส่ใจเรื่องคุณภาพมาตรฐานมากขนาดนั้น     คนที่ไม่ร้เรื่องรถเลยซื้อมาขับป้ายแดงก็ไม่เคยคิดว่ารถมีปัยหาถ้าอาการปัญหาไม่ออกมาแบบเด่นชัดที่มีผลทางด้าน function  ลูกค้าคนไทยจะไม่เคลมหรือตัดสินใจแจ้งอาการซ่อม ในเมื่อมาตรฐานของลูกค้าอยู่ที่เท่านี้ไม่มีเหตุผลที่ค่ายรถยนต์จะยกระดับสินค้าให้เกินมาตรฐานเพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็น      ผมดู Drawing  ตอนแรกเข้ามาทำงนผมไม่เข้าใจการเขียนค่ามาตรฐานเพราะ Drawing เดียวกันถูกใช้ไปหลายประเทศมาก  แต่คุณภาพจะไม่เหมือนกัน
ซักประเทศเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ   เพราะคุณภาพของลูกค้าในประเทศต่าง ๆ ไม่เท่ากัน  อีกทั้งกฎหมายของแต่ละประเทศก็ไม่เท่ากัน   นั่นเป็นตัวตัดสินใจในการกำหหนดมาตรฐานของสินค้านั้น ๆ  ในแต่ละประเทศไงครับ

ออฟไลน์ Auto

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,629
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2015, 09:28:11 »
  ถ้าเสริมเรื่องคนอีกเรื่องนึงก็คือ    บ้านเราตอนนี้โรงงานประกอบรถหลายโรงงานจ้างเป็นพนักงานชั่วคราวโอกาสบรรจุน้อยมาก  หลายช่วงที่มีการลดพนักงานบ่อยครั้ง  คือให้ออกก่อนหมดสัญญาจ้างเพราะงานผลิตไม่มี  ทำให้คุณภาพมีปัญหาพอสมควร     มันก็เหมือนครูปัจจุบันเดี๋ยวนี้ที่ไม่ค่อยมีบรรจุครูเป็นข้าราชการเหมือนสมัยก่อน   กลายเป็นครูอัตราจ้างกันทำให้มาตรฐานลดลงไปมากแบบเห็นได้ชัด   แถมมีเรื่องตรวจประเมินเข้ามาอีก ทำให้ครูส่วนมากเปลี่ยนเส้นทางอาชีพหรือสอนไม่มีคุณภาพ

ออฟไลน์ Napat14

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 351
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2015, 15:24:46 »
Toyota เป็นองค์กรใหญ่มากๆครับ ถ้าเทียบกับรายอื่น วิธีกำหนดและควบคุมคุณภาพต่างๆ น่าจะเป็นระบบที่แน่นอนชัดเจน โอกาสหลุดไป คงไม่มาก ถ้าคิดเป็น %
  บริษัทอื่น  HONA ISUZU NISSAN   หรือค่าย AAT  ก็ไม่ต่างจาก TOYOTA  หรอกครับมาตรฐานการทำงานชัดเจนมาก  ที่หลุดไปบางทีมันไม่ใช่การหลุด QC  แต่เป็นการหลุดจริง   ๆ  หรือตั้งใจหลุดก็มีหรือตรวจไม่พบเองก็มี



  ส่วนท่านข้างบนที่บอก ญี่ปุ่นคนนั้นพูดว่ารถที่คนไทยผลิตผมว่ามันพูดเกินไปหน่อย  เพราะในประเทศไทยการประกอบรถรวมถึงมาตรฐานชิ้นส่วนรถยนต์เราสูงมาก  ถ้าเทียบในเอเชียด้วยกันเราเป็นรองแค่ญี่ปุ่นประเทศเดียว  ที่อื่นเรามีมาตรฐานและคุณภาพรถที่เหนือกว่าเค้า        แต่การรักษาคุณภาพมาตรฐานเราทำไม่ได้เพราะคนไทยเราไม่ได้ทำงานเอาจริงเอาจังแบบคนญี่ปุ่นน่ะใช่ไปบางทีทำให้มีหลุดไปบ้าง       แต่รถยนต์ที่ขายบ้านเราต้องเข้าใจว่าหลายคันไม่ได้หลุดQC  อย่างที่เข้าใจ  แต่เป็นเพราะคุณภาพรถบ้านเราด้อยกว่าญี่ปุ่นนะใช่เพราะลูกค้าคนไทยไม่ได้ใส่ใจเรื่องคุณภาพมาตรฐานมากขนาดนั้น     คนที่ไม่ร้เรื่องรถเลยซื้อมาขับป้ายแดงก็ไม่เคยคิดว่ารถมีปัยหาถ้าอาการปัญหาไม่ออกมาแบบเด่นชัดที่มีผลทางด้าน function  ลูกค้าคนไทยจะไม่เคลมหรือตัดสินใจแจ้งอาการซ่อม ในเมื่อมาตรฐานของลูกค้าอยู่ที่เท่านี้ไม่มีเหตุผลที่ค่ายรถยนต์จะยกระดับสินค้าให้เกินมาตรฐานเพราะนั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่มากเกินจำเป็น      ผมดู Drawing  ตอนแรกเข้ามาทำงนผมไม่เข้าใจการเขียนค่ามาตรฐานเพราะ Drawing เดียวกันถูกใช้ไปหลายประเทศมาก  แต่คุณภาพจะไม่เหมือนกัน
ซักประเทศเดียว เพราะอะไรน่ะหรือ   เพราะคุณภาพของลูกค้าในประเทศต่าง ๆ ไม่เท่ากัน  อีกทั้งกฎหมายของแต่ละประเทศก็ไม่เท่ากัน   นั่นเป็นตัวตัดสินใจในการกำหหนดมาตรฐานของสินค้านั้น ๆ  ในแต่ละประเทศไงครับ

 Drawing = ทฤษฎี
อย่าว่าทำเกินมาตราฐานเลยครับ ทำให้ได้มาตราฐานยังยาก แล้ว จะประสาอะไรกับ หารรับผิดชอบ การที่ คุณบอกว่า ปรับ ตามประเทศ นั้นมันทฤษฎี ครับ
อย่าอย่างกฎหมายเลยครับ บ้านเรา ไม่มีกฎหมาย เครื่องค่ามาตราฐานในการ ประกอบรถยนต์ครับ ขนาดภาษี เรื่องค่าCO2 ยังจะมาปี 2016 เลย

ที่ผมพูดไม่ใช้ไม่รักบ้านนี้เมือง นี้นะครับ แต่ จะบอกว่า คนเรามักง่าย ไม่มีระเบียบ ไม่ค่าเคารพกฎ คนที่เคารพก็เคารพไปสิครับ แต่คนไม่เคารพมากว่ามหาสาร
อะไรที่ ญี่ปุ่นเข้าได้ประโยชน์เขาก็เงียบ อะไรที่เข้าเสียเขาก็บ่น เหมือนเรื่องที่รถเรา optionน้อยไม่เห้นมี ค่ายรถออกมาบ่นเลย แล้วใครเป็นคนกำหนดคุณภาพชีวิตเราละครับ ค่ายรถ หรือ กฎหมาย
Bmw E30 coupe 1989
Volvo 940 estate 1997
Nissan Navara 2007
Toyota CHR 2019
Benz w212 2012
volvo v90 2018

ออฟไลน์ Napat14

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 351
Re: รถญี่ปุ่น VS รถญี่ปุ่น
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2015, 15:31:00 »
  ถ้าเสริมเรื่องคนอีกเรื่องนึงก็คือ    บ้านเราตอนนี้โรงงานประกอบรถหลายโรงงานจ้างเป็นพนักงานชั่วคราวโอกาสบรรจุน้อยมาก  หลายช่วงที่มีการลดพนักงานบ่อยครั้ง  คือให้ออกก่อนหมดสัญญาจ้างเพราะงานผลิตไม่มี  ทำให้คุณภาพมีปัญหาพอสมควร     มันก็เหมือนครูปัจจุบันเดี๋ยวนี้ที่ไม่ค่อยมีบรรจุครูเป็นข้าราชการเหมือนสมัยก่อน   กลายเป็นครูอัตราจ้างกันทำให้มาตรฐานลดลงไปมากแบบเห็นได้ชัด   แถมมีเรื่องตรวจประเมินเข้ามาอีก ทำให้ครูส่วนมากเปลี่ยนเส้นทางอาชีพหรือสอนไม่มีคุณภาพ

พนักงานชั่วคราว = ค่ายรถต้องการผลประโยชน์สุงสุดยังไงครับ ไม่บรรจุ เพราะไม่ต้องรับผิดชอบในสวัสดีการไง

เรื่องการศึกษา มันเป้นมาตั้ง 30 ปีแล้วครับ ผมโตมาในระบบการศึกษา แบบนี้ แล้วคุณคิดว่าผมมีคุณภาพ ไหมละครับ ในเมื่อคุณคิดว่าระบบการศึกษายังไม่ดีเลย
Bmw E30 coupe 1989
Volvo 940 estate 1997
Nissan Navara 2007
Toyota CHR 2019
Benz w212 2012
volvo v90 2018