ในช่วงนั้นก็มีศูนย์บริการเปิดใหม่พอดี อยู่ที่ อ.แม่ริม เยื้องโรงพยาบาลนครพิงค์ ใกล้ที่ทำงานของคุณน้าเจ้าของคันสีเทา
ที่บ้านจึงหันไปใช้บริการศูนย์นี้แทน แรกๆ รู้สึกว่าศูนย์นี้เวิร์คนะ ห้องพักลูกค้า โชว์รูม ทำได้ดีเลย แต่ในการไปใช้บริการครั้งแรก
ก็แอบมีเหตุกวนใจเล็กน้อย คือตอนนั้นนำรถไปเช็ค หลอดไฟเลี้ยวข้างตัวถังด้านขวาขาดพอดี ก็เลยบอกเขาตอนรับรถว่าให้เปลี่ยนหลอดไฟเลี้ยวด้วย
ปรากฏว่า พอเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเสร็จ เอารถมาส่งให้เราแล้ว พบว่า ยังไม่ได้เปลี่ยนหลอดไฟเลี้ยว
ก็เลยได้เอาเข้าไปเปลี่ยนอีก รอนานพอสมควร เพราะเขาอ้างว่า ต้องรื้อบังโคลนออกมา (จริงๆ ในคู่มือบอกว่าวิธีถอดโคมไฟเลี้ยวนี้คือให้ดันไปข้างหน้า)
แต่ในเคสนี้ก็ยังรู้สึกให้อภัยได้ เพราะเห็นว่าศูนย์เพิ่งเปิดใหม่ อาจจะยังตื่นเต้น หลงๆ ลืมๆ กันบ้าง
จากนั้นรถที่บ้านก็ใช้บริการศูนย์นี้เรื่อยมา
จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2008 ก็เกิดเรื่องอีกครับ คือว่าตอนนั้นเอารถไปเช็คระยะอีกนั่นแหละ แล้วเขามีบริการตรวจเช็คฟรี 20 รายการให้ด้วย
เสร็จแล้วก็รับรถออกมาตามปกติ แต่เขาไม่ได้ล้างรถให้ ซึ่งผมก็โอเค ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับไปล้างเอง
เย็นวันนั้นผมก็เลยล้างรถที่บ้าน ล้างไปล้างมาก็พบว่า มีรอยบริเวณกันชนหน้า ตรงบริเวณไฟหน้าด้านขวา
ทีแรกนึกว่าเป็นขี้นก ก็งงว่าทำไมล้างไม่ออก แต่เมื่อสำรวจอย่างละเอียด ก็พบว่าสีพอง!! และมีรอยพองเล็กๆ ลามไปถึงแถวๆ กระจังหน้า
โดยที่โคมไฟหน้าก็มีรอยพองด้วย จึงเปิดฝากระโปรงหน้าขึ้นมา เห็นว่าแบตเตอรี่ตรงพลาสติกของช่อง indicator ก็มีรอยแบบเดียวกัน
ซึ่งไม่มีทางเกิดจากเราแน่นอน เพราะแบตเตอรี่เป็นแบบ low maintenance ตั้งแต่เปลี่ยนมาก็เปิดดูน้ำกลั่นแค่ครั้งสองครั้งเอง
จึงสันนิษฐานว่า ตอนที่เขาตรวจเช็คหรือเติมน้ำกลั่น อาจไม่ได้ดับเครื่อง แล้วน้ำกรดในแบตเตอรี่ก็เลยกระฉอกออกมา
วันต่อมาจึงได้ขับรถไปที่ศูนย์ให้เขาดู...
ตอนแรกก็ทำท่าไม่ยอมรับครับ เพราะเขามาบอกว่า เท่าที่ทราบไม่มีการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับบริเวณนั้นเลย
ผมก็เลยถามว่า แล้วรายการที่บอกว่าตรวจเช็คระดับน้ำกลั่น ไม่ได้ยุ่งกับแบตเตอรี่เหรอ?? อยู่ดีๆ สีมันจะพองขึ้นมาได้ไง
แล้วรอยพองเล็กๆ ที่ลามไปใกล้ๆ กระจังหน้าอีกล่ะ
ซึ่งพี่เขาบอกว่า อาจเกิดจากหินกระเด็นใส่ก็ได้นะครับ
ผมก็คิดในใจ โห...หินกระเด็นใส่แล้วสีพองมันมีที่ไหนหว่า??
น้าผมก็บอกเลยเขาว่า ป้ารู้นะ ว่าป้าก็มีส่วนผิดที่ไม่ได้ดูรถให้ดีก่อนเอาออกจากศูนย์ไป แต่ป้าว่า คงไม่มีใครที่เขาจะมาเดินสำรวจรอบรถอย่างละเอียดก่อนเอาออกไปหรอก เพราะเราเชื่อใจศูนย์บริการ
เขาก็อึ้งๆไปนิดหน่อยครับ แล้วก็ลองนำรถเข้าไปขัดสี แล้วเรียกเราเข้าไปดู ซึ่งก็ทำให้รอยดูจางลงพอควร แต่ก็ยังเห็นอยู่ดี
ในระหว่างนั้นเขาก็นำเอาน้ำกลั่นเติมแบตเตอรี่มาอธิบาย นำมาเทให้ดูว่า เนี่ย น้ำกลั่นมันเป็นน้ำธรรมดา ไม่เป็นกรดนะครับ...
ผมก็แอบปรี๊ดนึดนึง คุณนึกว่าเราไม่รู้ว่าน้ำกลั่นคือน้ำที่ไม่เป็นกรดเลยเหรอ??
ณ ตอนนั้นแทบอยากเขียนปฏิกิริยาการจ่ายไฟอัดไฟในแบตเตอรี่ให้เขาดูเลยว่า กรดมันเกิดจากปฏิกิริยาการอัดไฟในแบตเตอรี่ว้อยยยย...
แต่ในที่สุด เขาก็บอกว่า เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย ทางเขาจะขัดชั้นแล็กเกอร์ออกแล้วพ่นแล็กเกอร์ให้ใหม่
ซึ่งในความรู้สึกของผมถือว่าเหนือความคาดหมายเล็กน้อยนะครับ เพราะจริงๆ แล้ว ที่กลับมาไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะให้ซ่อมให้หรอก
แค่ต้องการให้เขายอมรับว่า รอยนี้เกิดจากเขา
ก็เลยตกลงให้ซ่อมครับ ทิ้งไว้ตอนสายๆ แล้วไปเอาตอนเย็น ไม่เนี้ยบเท่าไหร่ มีรอยแล็กเกอร์เป็นหยดนิดๆ แต่ก็โอเคขึ้น