ผู้เขียน หัวข้อ: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย  (อ่าน 93317 ครั้ง)

ออฟไลน์ Smart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 541
สวัสดีครับ เพื่อนๆ ชาว Headlightmag ทุกท่าน
เนื่องจากคุณ Jimmy ได้อธิบาย Option ต่างๆ ของรถรุ่นนี้ไปอย่างละเอียดยิบแล้ว
เพื่อไม่ให้เป็นการฉายหนังซ้ำ review ฉบับนี้จะคุยกันถึงเรื่อง performance และการใช้งานล้วนๆ
สั้นๆ ตรงประเด็น เผื่อไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนที่มองรถรุ่นนี้อยู่ในตัวเลือก...
สำหรับเส้นทางที่ผมใช้ทดสอบและเก็บตัวเลข consumption นั้นมีอยู่ 3 ทางหลักๆ ด้วยกัน

1.   ชลบุรี => เชียงราย
2.   ชลบุรี => กระบี่
3.   ชลบุรี => พัทยา (ใช้ในชีวิตประจำวัน)

1.) เส้นทางทดสอบที่ 1: ชลบุรี => เชียงราย
ใน trip นี้พาคุณพ่อคุณแม่ขึ้นไปทำบุญทางเหนือ โดยสารกันไปมีผู้ใหญ่ 4 คน บวกสัมภาระเต็มลำ
ทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าและของฝากญาติๆ โดย mode กับขับขี่ปรับเป็น Auto 4wd ตลอดทั้งเส้นทาง





-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


1.มุมมองในด้าน Consumption Rate

เริ่มตั้นด้วย topic นี้ก่อนเพราะคิดว่าน่าสนใจ...โดยค่าที่วัดได้นั้นมาจากการขับขี่แบบปกติ
ตามๆ กันไปในท้องถนน ไม่ได้อัดแบบ fast& furious หรือขับเนียนๆ แบบการแข่งขันประหยัดน้ำมัน
การคำนวณใช้วิธีเติมเต็มถังแล้วจับเข็มไมล์เหมือนที่ทีมงาน headlightmag ทดสอบรถกัน
ไม่ได้ดูจากหน้าจอ (เพราะเคยเทียบแล้วบางทีมันก็ตรง บางทีก็ไม่ค่อยตรง)
สรุปตัวเลขที่ได้ในเส้นทางต่างๆ ที่หลากหลายใน trip นี้มีดังนี้

ถังที่ 1 = 330/23.1 = 14.3 Km/litre
ชลบุรี => นครสวรรค์ ความเร็ว 100 – 120 km/hr ถนนค่อนข้างโล่ง ขับไปได้ชิวๆ
ไม่ต้องเร่งแซงมากนัก ทำให้ได้ตัวเลขค่อนข้างดี

ถังที่ 2 = 509/37.6 = 13.5 Km/litre
นครสวรรค์ => เชียงใหม่ ความเร็ว 100 – 120 km/hr ขับ 90 ช่วงทางขึ้นลงเนิน และมีไต่เขาช่วงลำปาง

ถังที่ 3 = 529/40.22 = 13.2 Km/litre
เชียงใหม่ => เชียงราย => เชียงแสน,เชียงของ => เชียงราย ส่วนมากเจอทางเขา
ใช้ความเร็วได้ 60 – 70 km/hr โดยเฉพาะดอยเส้นเชียงแสนไปเชียงของนี่ชันมากๆ...
เมื่ออยู่ทางราบจะเลี้ยงไว้ที่ 100 – 110  km/hr เพราะแถวเชียงรายนี่ถนนสี่เลนก็จริง
แต่รถค่อนข้างเยอะและขับกันไม่เร็วนัก และก็ต้องคอยระวังมอเตอร์ไซที่มักจะโผล่ออกมาจากข้างทางอยู่เสมอ

ถังที่ 4 = 547/43.2 = 12.7 Km/litre
เชียงราย => เชียงใหม่ => ตาก ความเร็ว 110 – 120 km/hr ขับ 60-90 ช่วงทางเขา มีต้องเร่งแซงบ่อยๆ
เนื่องจากปริมาณรถบนถนนค่อนข้างเยอะ การเร่งแซงบนทางเนินนี่ทำให้ consume มากขึ้นพอสมควร

ถังที่ 5 = 455.7/34.5 = 13.2 Km/litre
ตาก => ชลบุรี ความเร็ว 110 – 120 km/hr มีเร่งแซงเปลี่ยนเลนบ่อยขึ้นเพราะเมื่อเข้าภาคกกลาง
ปริมาณรถเยอะขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลหนึ่งที่ขากลับตัวเลขแย่กว่าขาไปเพราะค่อนข้างทำเวลาหน่อย อยากถึงบ้านเร็วๆ

ลืมบอกไปน้ำมันที่เติมจะเป็น Sohol 91 ตลอดนะครับ

To be continued... ;)




-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


2. มุมมองในด้านพละกำลังและการ control

ในด้านของอัตราเร่งและความเร็วนั้น จาก review ของสื่อมวลชนหลายๆ แห่ง รวมถึง feedback
จากผู้ใช้งานจริง มีความเห็นแตกเป็น 2 ประเด็น อย่างแรกก็คืออัตราเร่งที่ให้มานั้นถึงแม้ไม่ถึงกับ
พุ่งปรู๊ดปร๊าด แต่ก็เพียงพอเหลือเฟือกับการใช้งานทั่วๆ ไป (ที่ไม่ใช่เอาไปซิ่ง)...กับอย่างหลัง
ว่ามันยังค่อนข้างอืดไปซักนิด ยังไม่ค่อยทันอกทันใจกับการใช้งานซักเท่าไหร่

สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวที่ผมได้ test ใน trip เส้นทางนี้ ผมเห็นด้วยกับอย่างแรก
ตอนขับในแถบภาคกลาง คือถ้าได้ออกตัวไปแล้วมันก็แซงได้แบบสบายๆ ไม่พบว่ามีอะไรที่ยากลำบาก
แต่ความเห็นเริ่มเปลี่ยนไปเป็นอย่างหลัง เมื่อเริ่มเข้าภาคเหนือตอนบนที่เส้นทางเป็นภูเขามากขึ้น ตัวอย่างเช่น
ในช่วงที่ไต่เขาเส้นลำปาง-เชียงใหม่ ถึงแม้มันจะขึ้นได้เรื่อยๆ เรี่ยวแรงไม่ได้ drop อะไรมากมาย แต่บนทาง
ที่ไต่เนินแบบนี้มันขับอัดไม่ได้เหมือนพวกรถ PPV ที่ใช้เครื่องดีเซล ทำให้ต้องขับชิดซ้ายยาว

บนถนนเลนสวน “แซงทุกครั้งต้องตั้งสติ”…ไม่ใช่ slogan ของช่วง 7 วันอันตราย ในช่วงสงกรานต์  
แต่เป็นคติประจำใจของผมเองในยามที่ต้องขับ X-t คันนี้ออกจากตัวเมืองเชียงราย ที่เส้นทางเริ่มกันดาน
และถนนเหลือ 2 เลน...ในตอนนั้นเกิดอารมณ์อยากเปลี่ยนไปคบกับเจ้าตัว 2.5V ขึ้นมาจับใจ
คือในรุ่น 2.0V นี้เวลาเร่งแซงมันก็ยังพอทำได้อยู่ แต่ก่อนพุ่งทะยานออกไปต้องตั้งสติให้มั่นๆ
มองเลนที่สวนมาให้โล่ง มีลุ้นเล็กๆ ที่จะต้องถอยกลับมาตั้งหลักในเลนเดิมใหม่ ถ้ากะอะไรผิดพลาดไป
...คือ feeling มันไม่ได้แซงแบบขาดลอย เหมือนเวลาที่ขับรถแรงๆ อย่างพวก PPV หรือ V40 อีกคันที่บ้าน
...แต่เห็นเพื่อนๆ ใน club และรุ่นพี่ที่ทำงานที่ใช้ตัว 2.5 อยู่ บอกกันมาว่ามันแรงเอาการอยู่ เวลาเร่งแซงนี่หายห่วง...
ฟินต่างกับตัว 2.0V เยอะอยู่ ดังนั้นถ้าใครที่กำลังลังเลอยู่ ว่าจะเอา 2.0 หรือ 2.5 ดี คงต้องลองพิจารณาให้ถ้วนถึ่ว่า
ส่วนใหญ่จะเอาไปใช้งานในเส้นทางแบบไหน

...สำหรับตัวผมเองถ้าย้อนกลับไปได้ผมก็ยังคงเลือกตัว 2.0V อยู่ดี เพราะใช้งานบนถนน 4 เลน มากกว่า 90%
ในชีวิตประจำวัน มันเพียงพออย่างเหลือเฟือ แถมประหยัดค่าตัวไปได้กว่า 2 แสนบาท... แต่ถ้าเพื่อนๆ
ที่จะต้องขับบนถนนเลนสวนบ่อยๆ ... ผมแนะนำด้วยความหวังดีว่า...กัดฟันอีกนิดไป 2.5V เหอะ!
ขับสนุกและปลอดภัยกับชีวิตมากกว่า  ;)


To be continued...   8)





-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


สำหรับเรื่องการ control พวกมาลัยนั้นเนื่องจากผมคุ้นมือกับ Pajaro Sport คันเก่ามาก่อน
...พอมาขับ X-Trail แรกๆ รู้สึกว่าพวงมาลัยค่อนข้างเบาไปซักนิด แต่พอได้ใช้งานจริงในสภาพเส้นทาง
ที่แตกต่างกันหลายๆ แนวแล้ว พบว่าพวงมาลัยของเจ้า X-Trail นี้ design มา stable ใช้ได้เลยทีเดียว
ไม่รู้สึกว่ามีความเครียดสะสมจาการที่ค้องคอยเกร็งพวงมาลัยเมื่อขับที่ความเร็วสูงในยามเดินทางไกล
(เหมือนที่เป็นกับ Altis รุ่นเก่าอีกคันในบ้าน...หวังว่ารุ่นใหม่คงได้รับการปรับปรุงจุดนี้ไปแล้ว)  

และในส่วนของเส้นทางที่เป็นทางดอย ไต่เนินชัน โค้งหักศอก ต่างๆ นั้น การเลี้ยงพวงมาลัยก็ทำได้อย่างสบายๆ... :)





-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


3. มุมมองในในด้านช่วงล่าง
สำหรับรถ middle class ทั่วๆ ไปนั้น “ช่วงล่างที่ set มานุ่ม ก็มักจะย้วย...แต่พออยากได้แบบหนึบๆ
มันก็มักแอบกระด้างเกินไปอีก” แต่สำหรับ X-Trail ช่วงล่างมันทำมาได้ลงตัวมาก มีความนุ่มสบาย
แต่ยังคงการยึดเกาะถนนได้อย่างน่าประทับใจ (แต่ต้องเปิด Auto 4WD ไว้นะ)

มันเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ ที่ Nissan กับ Ranault หันมาจับมือพัฒณารถรุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาดร่วมกัน
(รวมถึง X-Trail ตัวนี้) ทำให้พวกเราชาวไทยได้มีโอกาสใช้รถญี่ปุ่นที่มาพร้อมช่วงล่างสไตล์ฝรั่งเศส
(ที่มัก set ในแนวทางที่เน้นความนุ่มนวลมากกว่ารถเยอรมัน)...ครั้งแรกที่ได้สัมผัสช่วงล่างของ X-Trail คันนี้
ทำให้ผมนึกถึง Ranault R9 ของเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่เคยติดสอยห้อยตาม ขับไปเที่ยวระยองด้วยกัน
เมื่อตอนเรียนมหาลัยปีสุดท้าย... มันช่างเป็นช่วงล่างที่นุ่มสบายน่าประทับใจในแนวทางเดียวกันจริงๆ

มาดูตัวอย่างการใช้งานจริงกัน...เมื่อห่างไกลจากตัวเมืองเชียงรายออกไป ในยามที่ต้องผ่านถนนสายชนบท
ที่ผิวทางมีสภาพขรุขระดั่งโลกพระจันทร์ ถ้าเป็นรถคันอื่นๆ ที่บ้านขับมาในเส้นทางแบบนี้ มักจะมีอาการกระแทกตึงตัง
จนต้องคอยลุ้นจนเกร็งหน้าท้องเล็กๆ ตามการทำงานของประสาทสัมผัสอัตโนมัติกันเป็นระยะๆ
...แต่สำหรับ X-Trail คันนี้นั้น มันสามารถขับรูดผ่านไปได้แบบสบายๆ โดยที่ผู้โดยสารรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน
ที่ผ่านมาถึงห้องโดยสารน้อยมากๆ ทั้งแถวหน้าและแถวหลัง ...

และสำหรับในช่วงทางโค้งที่เป็น sharp curve ... เวลาที่ผมกะความเร็วเข้าโค้งแรงเกินไปจนรถมันมีแนวโน้ม
จะเริ่มเหวี่ยงออก (คือพวงมาลัยเริ่มขืนๆ) ระบบ traction control มันจะดึงกลับเข้ามาอย่างรวดเร็ว
จนทำให้การเข้าโค้งทุกโค้งที่วิ่งทางดอยนั้นเป็นไปอย่างเนียนมากๆ ท้ายนี่แทบไม่มีอาการเหวี่ยงให้เห็น
จนคุณพ่อและคุณแม่ที่นั่งข้างหลังตลอดยังออกปากชมว่ารอบนี้นั่งรถสบายมากไม่มีอาการเมารถเลย
...เวลาที่ระบบ traction control ทำงานขึ้นมาจะมีไฟสีฟ้ากระพริบโชว์ให้เห็นบนหน้าจอ

To be continued ;)






-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------


2.) เส้นทางทดสอบที่ 2: ชลบุรี => กระบี่

สำหรับ trip นี้ไปกัน 2 คนกับแฟน โดยมีเส้นทางพอสังเขปดังนี้...เริ่มต้นจากชลบุรี (เช่นเดิม)
มุ่งตรงไปยังกระบี่ ขับรถวนเวียนเที่ยวกระบี่ 2 คืน ก่อนขับไปต่อที่เกาะลันตา (เอารถข้ามเฟอรี่ไป)
ขับวนรอบเกาะไปดูจุดชมวิวต่างๆ สวยงามและเงียบสงบดี มีแต่นักท่องเที่ยวฝรั่ง คนไทยน้อย
ค้างที่เกาะลันตา 1 คืน แล้วขับย้อนกลับมาทางกระบี่มุ่งหน้าสู่เขาหลักหยุดเที่ยวละแวกนั้น 2 คืน
แล้วขึ้นไปต่อระนองเที่ยวชิวๆ รอบเมืองค้าง 1 คืน แล้วมุ่งหน้ากลับชลบุรี เป็นอันจบทริบ
สำหรับอัตราการกินน้ำมันตลอดทั้งเส้นทางวัดได้ดังนี้

ถังที่ 1 = 434.0/30.70 = 14.13 Km/litre ชลบุรี ลองปรับเป็น 2WD
=> ประจวบ ความเร็ว 100 – 120 km/hr ขับชิวๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน

ถังที่ 2 = 472.6/36.21 = 13.05 Km/litre ประจวบ ลองปรับเป็น 2WD
=> กระบี่ ความเร็ว 100 – 120 km/hr บวกกับมีใช้ขับวนในเมืองกระบี่รถติดบ้างเนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล

ถังที่ 3 = 479.2/38.10 = 12.58 Km/litre ปรับเป็น Auto 4WD เหมือนเดิม
... วนเที่ยวกระบี่ => เกาะลันตา => กลับมากระบี่ ช่วงไปเกาะลันตามีติดเครื่องจอดรถติดรอเฟอรี่ข้ามฟากอยู่ร่วมชั่วโมง
จริงๆ จำนวนรถไม่ถึงกับเยอะแต่เฟอรี่จุได้น้อยเลยรอนาน แม้ค้าบนเกาะบอกว่านี่ถือว่าปกติ ถ้าเป็นช่วงเทศกาลต้องรอกัน
ประมาณ 3 ชั่วโมง...ตอนแรกกะว่าถังนี้คงได้ไม่ถึง 11 Km/litre เพราะช่วงวนเที่ยวเกาะลันตาทางค่อนข้างชัน
(บางช่วงต้องลากเกียร์ 1 เกียร์ 2 เพื่อไต่ขึ้น) บวกกับช่วงติดเครื่องตัวเปล่าเพื่อรอเฟอรี่
...ตัวเลขจริงที่ได้นั้นเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายไปมาก

ถังที่ 4 = 535.2/39.985 = 13.39 Km/litre
กระบี่ => เขาหลัก => ระนอง => ชุมพร ความเร็ว 70 – 100 km/hr ขับ 60-80 ช่วงทางเขาต้องอัดเร่งแซงบ่อย
ในช่วงถนน 2 เลนจากกระบี่ไปเขาหลัก และระนองไปชุมพร การกดแต่ละครั้งต้องเค้นคันเร่งออกมาเต็มๆ เพื่อให้แซงพ้น
เสียงเครื่องยนต์จะดังแผดขึ้นทุกครั้ง (ออกแนวแห้งๆ เหมือนคนตะเบ็งเสียงตอนเป็นหวัด) ในตลอดช่วงของการแซง
และเช่นเคย การแซงมีลุ้นกันบ้างแต่ก็แซงผ่านได้ทุกครั้ง...ไม่งั้นคงไม่มานั่งพิมพ์อยู่ตรงนี้ 55 ...ในแง่ของความประหยัด
“ตัวเลขที่มาได้เกิน 13 km/litre แลกกับการกดไปเต็มๆ ขนาดนั้น” ถึงมันเร่งได้ไม่ทันใจไปบ้าง
แต่ความดีความชอบในด้านสุดยอดความประหยัดของมันนั้นถือว่าชดเชยกันไปได้


ถังที่ 5 = 377.1/26.22 = 14.38 Km/litre
ชุมพร => สมุทรสงคราม ขับเรื่อยๆ ความเร็ว 100 – 120 km/hr ตามที่สภาพจราจรเอื้ออำนวย
ที่ค่อนข้างประหยัดเพราะเป็นทางตรงยาวววว

สรุปในภาพรวมของการเดินทางไกลทั้ง 2 ทริปนี้นั้น ถ้าเป็นเส้นทางตรงยาวๆ และขับไปแบบเรื่อยๆ
ที่ความเร็วระหว่าง 100 – 120 km/hr ไม่ได้เร่งแซงบ่อยๆ ตัวเลขเกิน 14 km/litre ทำได้สบายๆ
แต่เมื่อไกลออกไปที่เป็นทางโค้ง เนิน หรือไต่เขา ถ้าไม่เค้นเกินไปนักตัวเลขก็จะลดมาหน่อยเหลือ 13 กว่าๆ

...สำหรับเกียร์ CVT นั้น ผมเคยได้ยิน tip อยู่อย่างนึงว่า ตอนที่ทำความเร็วได้แล้ว
จะต้องยกเท้าจากคันเร่งนิดนึงรอบเครื่องมันถึงจะลดไปที่ระดับปกติของมัน ตอนขับในทั้ง 2 trip นี้มีหลายครั้งที่ผมลืม
ถอนเท้าออก... รอบมันเลยค้างอยู่อย่างนั้นไปพักนึง (ยังใหม่อยู่) เลยเปลืองมากกว่าปกติไปบ้าง... แต่พอปรับตัวชินๆ
กับเกียร์แล้วมันก็จะดูประหยัดขึ้นเรื่อยๆ


To be continued  ;)






-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เส้นทางทดสอบที่ 3: ชลบุรี => พัทยา (ใช้ในชีวิตประจำวัน)

ในเส้นทางนี้เป็นการใช้งานแบบในเมืองสลับวิ่งยาวบนเส้นทางชลบุรี => ศรีราชา => พัทยา บนเส้นสุขุมวิท
ชึ่งผมขับไปทำงานทุกวันในช่วง rush-hour... ลักษณะสภาพจราจรจะทำความเร็วได้ในระยะสั้นๆ
และก็จะต้องหยุด slow down เป็นระยะ เมื่อผ่านตัวเมืองศรีราชา แหลมฉบัง และพัทยา
รวมถึงตามแยกไฟแดงยิบย่อยระหว่างทาง

การใช้งานในเมืองแบบนี้ปรับเป็น 2WD ช่วยให้ออกตัวลื่นไหลกว่า ส่วนในเวลาที่รถติดมากๆ
ก็กดเปิด mode Eco ช่วย ทำให้ประหยัดได้อีกพอควร
แต่เมื่อไหร่ที่เริ่มต้องใช้ความเร็วสูงเช่น
ช่วงรอยต่อระหว่างเมืองที่ต้องเร่งความเร็วขึ้นไปการเปิด Eco mode ไว้เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร
แถมยังทำให้ต้องลากรอบยาวขึ้น กดคันเร่งหนักขึ้น เผลอๆ อาจทำให้เปลืองกว่าตอนปิด Eco mode ไว้เสียอีก




จากการเก็บข้อมูลอัตราสิ้นเปลืองหลายๆ ถังมาดูประกอบกัน
ตัวเลขที่ได้ในเส้นทางนี้อยู่ระหว่าง 10.5 ไปถึง 11.8 Km/litre

ขึ้นกับว่าเจอรถติดมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้พอเห็นภาพผมหาตัวเปรียบเทียบคือ
Pajerosport ปี 2009 เครื่องดีเซล 2500 CC 140 hp อัตราเร่งมันพอๆ กับ X-trail 2.0V
(เมื่ออยู่บนทางราบนะ) บนเส้นทางเดียวกันไปจะได้อยู่ที่ประมาณ 10.2 – 11.3 km/litre
...ตอนแรกคิดว่า Pajero เป็นเครื่องดีเซล ถ้าใช้ในเมืองแบบนี้น่าจะประหยัดกว่าเบนซิน
กลายเป็นว่าผิดคาด เครื่องเบนซิน Di ใหม่ของ Nissan ตัวนี้มันกลับประหยัดกว่าเสียอีก



รูปประกอบ อ้างอิงจาก http://www.aa1car.com/library/what_is_gasoline_direct_injection.htm

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข้อเด่นอื่นๆ ที่ได้ใช้บ่อยๆ

1.ระบบ Real Time 4WD  

จากการทดสอบใช้งานจริง trip ต่าง ๆที่เล่าไป พบว่าระบบนี้มีประโยชน์มากมายในยามที่ใช้ความเร็วสูง
ทางโค้ง ทางดอย ฝนตก ถนนลื่น ฯลฯ โดยมันจะช่วยให้ตัวรถมีเสถียรภาพในการทรงตัวที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
เวลาที่ต้องหักหลบหรือเบรคกะทันหันจะช่วยให้ control รถได้มั่นคงกว่าตอนที่ปรับเป็น 2WD มาก
และผลพลอยได้อีกอย่างนึงก็คือ มันยังให้ความสบายกับคนที่นั่งเบาะหลังมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับการไต่เส้นทางชัน มีตัวอย่าง case นึงที่ขับบนเส้นทางเที่ยวบนเกาะลันตา บางช่วงที่ทางชันมาก
(ขับเลาะหน้าผา) ต่อเนื่องร่วม 2-3 กิโลเมตร  จนต้องทดเกียร์ลงไปถึงเกียร์หนึ่งถึงจะปีนขึ้นไปได้
ในช่วงนั้นผมสังเกตที่หน้าจอ ระบบ Auto 4WD มันจะส่งกำลังไปที่ล้อหลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มัน
ปีนขึ้นไปได้แบบเนิบๆ (อารมณ์ประมาณคล้ายรถตีนตะขาบ) ไม่ต้องอัดรอบสูงจนเครื่องคำรามน่ากลัว
เหมือนยามที่ขับรถที่เป็นระบบขับสองทั่วไปบนเส้นทางแบบนี้


2. การรองรับของเบาะ

สรีระของเบาะนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะมีปัญหาปวดหลังเวลาขับทางไกล
ยิ่งต้องขับต่อเนื่องกันหลายๆ วัน อาการปวดจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันสุดท้ายนี่แทบจะอยากเอารถขนขึ้น Trailer
แล้วนั่งเครื่องกลับให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย…

มันเป็นเรื่องที่อึ้งและก็ทึ่งเมื่อได้อ่านเจอใน web ของ Nissan (Global) ครั้งแรก ว่าเค้าให้
Nasa เป็นคน design เบาะให้ โดยใช้ theme ว่า “Zero Gravity”  ประมาณว่านั่งแล้วสบาย
เหมือนล่องลอยอยู่ในอวกาศ ...ขนาดน้านเลยเหรอ?


ตอนแรกที่ลองนั่งที่ show room ผมว่ามันก็ดูบ้านๆ ธรรมดา...เบาะจาก Nasa อะไรนี่มันแค่ราคาคุยหรือปล่าว?
แต่ขอโทษ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!  เมื่อได้มาลองใช้งานจริงจากที่ขับทางไกล 2 trip ทั้งเชียงรายและกระบี่รวมนับสิบๆ
วันนั้น ผมไม่มีอาการปวดหลังอย่างที่เคยเป็นเลยแม้แต่น้อย... มันเป็นเพราะช่วง curve ของเบาะที่ design
มาได้รองรับอย่างพอดี อีกทั้งวัสดุ support ตลอดแนวแผ่นหลังไปถึงสะโพกมันจะหยุ่นๆ คล้ายๆ เป็น spring ฝังอยู่
...มันเป็นอะไรที่ amazing และทำให้ผม happy มากๆ ... “Nasa is real!”

แต่ที่แอบสงสัยจนถึงทุกวันนี้ก็คือ Nissan กับ Nasa เค้ามาเกี่ยวดองกันได้ยังงัย? …ไม่แน่ว่าต่อไป
เราอาจจะได้เห็น Toyota, Honda หรือ Mitsu เค้าไปจับมือกับ Pentagon เพื่อ design โน้นนี่ให้บ้างก็ได้…55


อ้างอิง : http://www.nissan-global.com/EN/TECHNOLOGY/OVERVIEW/zero_gravity_inspired_car_seat.html

3. Around View monitor

Around View monitor เป็นสิ่งที่ unique อีกอย่างหนึ่งของรถรุ่นนี้ ตอนแรกที่ไป test drive ผมก็ไม่ได้สนใจ
อะไรมันมากนัก แต่พอมาใช้งานจริงแล้วผมกลับได้ใช้มันบ่อยมากในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะตอนขับเข้าซอง
ตามห้าง หรือจอดเทียบฟุตบาทใน space แคบๆ มันช่วยอำนวยความสะดวกสะบายได้อย่างมาก



4. GPS

สำหรับ GPS นั้นตัวของมันเองจัดว่ากลางๆ ไม่ถึงกับโดดเด่น สถานที่ (ใหญ่ๆ) บางจุดก็ไม่มีในแผนที่
แต่เวลาขับทางไกลก็ใช้งานดูเส้นทางได้สะดวกดี สำหรับข้อเด่นก็คือ

สัญญาณมันแรงไม่เคยหลุด แม้เข้าตัวอาคาร และสัญญานไม่ block เมื่อติดฟิล์ม V-Kool VK30 รอบทั้งคัน
ผมเข้าใจว่าตำแหน่งตัวรับสัญญาณมันคงอยู่นอกตัวรถ

บทสรุป

X-Trail 2.0V ตัวนี้เป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่น่าใช้มากๆ ความดีงามของมันนั้น มีทั้งความประหยัด
และจัดเต็มไปด้วย option ต่างๆ อย่างเพรียกพร้อม...ถ้าจะถามถึงข้อติก็เห็นจะมีอยู่เพียงเรื่องเดียวก็คือ
จำนวนม้า 144 ตัวที่ให้มานั้น มันดูน้อยไปซักนิด... โดยเฉพาะในยามที่วิ่งอยู่บนถนนเลนสวน...
ผมไม่ได้เรียกร้องความแรงถึงขนาดตัว 2.5V ที่เพิ่มม้าเป็น 170 ตัวพร้อมกับค่าตัวที่เพิ่มขึ้นอีก 2 แสน...
เพียงถ้าหาก Nissan ปรับจูนม้าให้เพิ่มอีกสัก 10 ตัว มันคงจะเป็นอะไรที่ฟินมากเกินพอแล้วสำหรับรถรุ่นนี้



-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

บทส่งท้าย

ไอส์ไตน์ กล่าวไว้ว่า “จินนาการสำคัญกว่าความคิด” แต่ความคิดเห็นที่พวกเรามา share
กันที่ headlightmag แห่งนี้อาจนำไปสู่จินตนาการอันกว้างไกลของลูกหลานเยาวชนไทยที่จะพัฒนาเทคโนโลยี
ทางด้านยานยนต์ของไทยให้ทัดเทียมกับชาวโลกในอนาคต ...มีรถดีๆ อย่าเก็บไว้คนเดียว เขียนมา share กันครับ...

ขอขอบคุณทีมงาน Headlightmag ทุกท่านที่สร้างสรรค์ website ดีๆ อย่างนี้ขึ้นมา
ผมถือว่าที่นี่เป็น web รถยนต์แห่งชาติเลยทีเดียว และขอมอบกรรมสิทธิ์ของบทความนี้ให้แก่ web headlightmag
ผู้ใดต้องการนำข้อมูลส่วนหนึ่งส่วนใดไปใช้ ติดต่อที่ทีมงาน websiteได้โดยตรง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 14, 2015, 11:47:55 โดย MoO Cnoe »

ออฟไลน์ sith(สิทธิ์)

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,358
  • นับ1ใหม่
    • อีเมล์
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 18, 2015, 15:57:24 »
อ่านตั้งหลายรอบ แอบ งง
ในรีวิวก็ถือว่าใช้ได้ ทำไมได้ 0 หว่า
นึกไปนึกมา อ๋ออออออออ ภาพรวม โอ มาก
ไอ้เราก็นึกว่า ภาพรวมได้ 0 คะแนน  :D

ออฟไลน์ Smart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 541
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: เมษายน 18, 2015, 16:11:03 »
อ๋อ...เวลา chat กับเพื่อนฝูงใช้ตัว O จนชิน ดีเหมือนกันที่ comment เข้ามา เดี๋ยววงเล็บไว้หน่อยดีกว่าครับ
ขอบคุณครับ
 ;)

teaykung31

  • บุคคลทั่วไป
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: เมษายน 18, 2015, 16:20:36 »
x-trail ถ้ามาเครื่อง Diesel มันจะโอมาก เผลอแซง CRV ได้สบายๆ เลยละ

แต่ถ้าอยากได้แรงกว่านี้ 2.5 ตอบสนองได้ดีแน่นอน

ออฟไลน์ PREM

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,126
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: เมษายน 18, 2015, 22:33:02 »
อัตราสิ้นเปลืองดูดีจังเลยครับ ขนาดขึ้นลงเขายัง 12.7 กิโล/ลิตร
แสดงว่าเครื่อง DI ใหม่น่าจะประหยัดขึ้นจากเดิมพอตัว
2014 Mazda CX-5 2.5 S
2016 Volvo XC60 D4 
2019 Honda Jazz RS+
2020 Volvo V60 T8 Inscription
2022 Mazda CX-30 SP

ออฟไลน์ Smart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 541
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: เมษายน 18, 2015, 22:50:18 »
ใช่ครับ...อัตราสิ้นเปลืองนี่เป็นอะไรที่ดีกว่าความคาดหมายค่อนข้างมาก...ใน trip นี้แบก load ผู้ใหญ่ 4 คนแถมวิ่งทางเขา ตอนแรกผมกะว่าคงกินต่ำกว่า 11 km/litre แน่ๆ สำหรับเครื่องเบนซินที่มีม้าแค่ 144 ตัวบวกกับทอร์ค 200 Nm...ถึงได้วัดดูทุกถังที่เติม เพื่อ confirm ค่า error ต่างๆ...เครื่องตัวนี้มันประหยัดใช้ได้เลย
 ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2015, 22:52:46 โดย Smart »

ออฟไลน์ Tan Int

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,665
    • อีเมล์
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: เมษายน 20, 2015, 20:08:49 »

อัตราสิ้นเปลืองโอเคดี น้ำมันถังเดียวยาวตาก-ชลบุรีก็น่าสนใจ แต่เรื่องเครื่องก็คงต้องทำใจกันหน่อย ยังดีว่าได้เกียร์ CVT นะ

ปล เส้นลำปางเชียงใหม่ ผมขับ Altis CNG อึดอัดมาก  ;D โดนกระบะแซงแล้วแซงอีก
1994 Civic EH9 (4dr) VTi (Made in Japan)
1998 Civic EK 1.6VTi-E Special Edition
2011 Corolla Altis E CNG (Come back)

ออฟไลน์ ck_win

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 338
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: เมษายน 21, 2015, 10:26:40 »
ขอบคุณมากครับสำหรับรีวิวนี้

อาทิตย์หน้ารับรถละเหมือนกันครับ

กำลังรออ่านต่อเลยครับ

ออฟไลน์ _BUGBOAT

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 150
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: เมษายน 22, 2015, 02:23:41 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ ตอนแรกคิดว่ากิน10-11โลลิตร แต่ก็ประหยัดกว่าที่คิดไว้ครับ

จริงๆเล็ง X-Trail 2.0 2wd ไว้ครับแต่ไม่มีเบาะดำแถมแร๊คหลังคาหายอีก เลยพับไว้ก่อน :-[

ออฟไลน์ i-dine

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 54
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: เมษายน 22, 2015, 10:33:31 »
มาลงชื่อรอตอนจบครับ.โดยส่วนตัวปมอล้วชอบช่วงล่างแบบนี้นะกับกล้องรอบคัน. ผมไปทดลองขับมาแล้วด้วย. 2.0Vเป็นตัวที่ผมานใจครับ

ออฟไลน์ Smart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 541
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: เมษายน 22, 2015, 12:54:42 »
ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกท่านที่ทักทายกันเข้ามานะครับ...กล้องรอบคันนี่ตอนไปดูรถตัวโชว์ผมเฉยๆ กับฟังชันน์นี้ เพราะคิดว่าฝีมือถอยจอดของตัวเองใช้การได้อยู่...แต่พอรับรถมาใช้จริงๆ แล้ว กลับได้ใช้มันบ่อยมากๆ เลยครับ เป็นอะไรที่เพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตมากๆ โดยเฉพาะตอนขับไปห้าง กับตอนจอดเทียบฟุตบาต อยากให้มันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถทุกรุ่นในอนาคต
เดี๋ยวช่วงเสาร์-อาทิตย์ผมมาเขียนต่อให้นะครับ ช่วง working day งานรัดตัวมาก ไม่มีเวลาเรียบเรียงเลย
 :)

ออฟไลน์ kris-lack

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,707
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: เมษายน 22, 2015, 13:55:47 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆค่ะ
ในด้านการเป็นผู้โดยสารเมื่อเทียบกับ CRV ไม่ว่าจะเบาะหน้าหรือเบาะหลัง
เราว่า กิน CRV ทุกประตู
ส่วนการขับขี่ ยังไม่มีโอกาสได้ลองเลย เพราะอาศัยเขาไปไม่ใช่รถตัวเอง ^___^

ออฟไลน์ sukhontha

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 4,495
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: เมษายน 24, 2015, 07:14:40 »
ขอบคุณสำหรับรีวิว.....

คุณสมบัติหลายอย่างดีขึ้นกว่าตัวT31...

แต่  ดึงกิเลสผมไม่ได้  ตรงพื้นพับเบาะแล้วไม่เรียบเท่าที่ควร...  ผมชอบ เบาะสองแถว  แถวสามไม่เอา  พับเสร็จต้องนอนได้สบาย....ดังนั้นผมก็ต้องใช้   T31   ต่อไป

ออฟไลน์ MEK:PS

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 842
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: เมษายน 25, 2015, 23:30:32 »
ขอบคุณสำหรับรัวิวนะคับ อ่านเพลินดีชวนให้ติดตามต่อ

ออฟไลน์ Pat.Lee

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 957
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: เมษายน 28, 2015, 22:45:37 »
ขอบคุณครับสำหรับรีวิว X trail เป็นรถคันแรกที่ผมแนะนำไปแล้วเปลี่ยนใจพี่สาวผมที่เป็นสาวกโตโยต้าได้ครับ บอกค่ำวันรุ่งขึ้นไปดูรถของเลยรุ่น 2.5 สีเขียว :'( อุตส่าห์แนะนำสีแดงแสนสวย

arttie

  • บุคคลทั่วไป
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: เมษายน 29, 2015, 16:03:24 »
นิสสันคันแรกเหมือนกันครับ
เป็นสาวก Honda แต่เบื่อเลยมาลองนิสสัน X-trail ตัวนี้รับรองไม่ผิดหวังครับ
ของผม 2.5V ช่วงล่างนิ่ม หนึบ ไม่ย้วย แถมเก็บเสียงดีอีกตางหาก

ช่วง 100-140 ขึ้นเร็วมากครับ เคยแซงรวด 4 คันมาแล้ว

ติอย่างเดียว เครื่อง 2.5 มันกินไปนิด 13-13.5 ความเร็ว 100-120  ::)

ออฟไลน์ 5thAvenue

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,363
  • Hi!!!!
    • อีเมล์
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: เมษายน 29, 2015, 17:00:25 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆน่าอ่านนะครับ เพลินเชียว

ดูท่าทางแล้วระบบ Chassis Control จะทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว

ออฟไลน์ gamaga

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 175
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: เมษายน 29, 2015, 20:32:26 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆครับ

ตัวผมใช้ 2.5 ได้รถมาเดือนกว่าแล้ว ยังไม่ค่อยได้วิ่งไปไหนไกลๆเลย ช่วงนี้งานเพียบ >:(

teaykung31

  • บุคคลทั่วไป
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: เมษายน 29, 2015, 20:50:01 »
พอใส่ชุดแต่งแล้วผมว่ามันสวยมากเลยอะ ทั้งภายนอกภายใน  ;D

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,452
    • อีเมล์
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2015, 15:35:37 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ แบบนี้นะครับ
ได้เห็นภาพตามไปด้วย ในการขับขี่เส้นทางต่างๆ
เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกท่านอื่นๆมากครับ

ขออนุญาตปรับรูปแบบเล็กน้อยนะครับ เอาเนื้อหาทั้งหมด
ไปรวมกันที่ด้านบนอันแรก คนมาอ่านจะได้ต่อเนื่องไม่ขาดเนื้อหา
ที่อยู่ความคิดเห็นด้านล่างไป พร้อมฝากรูป เพราะเวลาแชร์
บนแฟนเพจคนจะเข้ามาอ่านเยอะ ถ้า post รูปบน Server เว็บ
จะทำให้ช้าครับ ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว

ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ สำหรับรีวิวดีๆแบบนี้
ถ้ามีเพิ่มเติมก็โพสต์ได้ตามปกตินะครับ เดี๋ยวผมจะทำหน้าที่
รวบรวมไว้ให้ด้านบนอีกครั้งครับ

ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 01, 2015, 15:56:38 โดย MoO Cnoe »

ออฟไลน์ TaR

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 920
  • "เป้าหมาย..."
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2015, 15:40:50 »
ขอบคุณครับสำหรับรีวิว

อ่านเพลินเลยครับ ;D
"ชีวิตคือการเดินทาง..."
.
.
.

ออฟไลน์ tierak

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 883
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2015, 16:38:12 »
เห็น จขกท. มีปาเจโร่สปอร์ต
  ถ้าเทียบกันกับปา แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหนครับ เช่น ช่วงล่าง และการตอบสนองของเครื่องยนต์ หรืออื่นๆที่พอจะนึกออกอะครับ
  ผมว่าคงมีสมาชิกหลายๆท่านอยากรู้ เพราะคนที่มองรถกลุ่มนี้มันหนีไม่พ้นที่จะเอามาเปรียบเที่ยบ
  ขอบคุณครับ :) ;)

ออฟไลน์ leenawat_sri

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 181
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2015, 19:08:54 »
ชอบรถ Nissan รุ่นใหญช่วงล่างดีอยู่แล้วคับ ผมชอบมากกว่าฮอนด้า โตโยต้า :)

ออฟไลน์ deathsheep

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,065
    • อีเมล์
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2015, 07:27:44 »
รีวิวได้เจ๋งดีครับ  กำลังดูเจ้าตัวนี้แทนกระบะคันเก่าให้พ่อใช้เลย


น่าสนใจประเด็นที่ว่ามาเลย  2แสน  กับอัตราเร่งที่เพิ่มขึ้นมาและ  พาโนรามิคซันรูฟ  มันอาจไม่คุ้มสำหรับหลายๆท่าน

ออฟไลน์ SM.

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 23,012
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2015, 07:41:27 »
รีวิวดีมากๆครับ ขอบคุณครับ

signe

  • บุคคลทั่วไป
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2015, 14:16:21 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ

เป็นรีวิวที่ดีมากๆ เห็นภาพ trip หลากหลายเส้นทางดีจริงๆครับ
 :) :)

ออฟไลน์ Smart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 541
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2015, 20:38:21 »
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ แบบนี้นะครับ
ได้เห็นภาพตามไปด้วย ในการขับขี่เส้นทางต่างๆ
เป็นประโยชน์ต่อสมาชิกท่านอื่นๆมากครับ

ขออนุญาตปรับรูปแบบเล็กน้อยนะครับ เอาเนื้อหาทั้งหมด
ไปรวมกันที่ด้านบนอันแรก คนมาอ่านจะได้ต่อเนื่องไม่ขาดเนื้อหา
ที่อยู่ความคิดเห็นด้านล่างไป พร้อมฝากรูป เพราะเวลาแชร์
บนแฟนเพจคนจะเข้ามาอ่านเยอะ ถ้า post รูปบน Server เว็บ
จะทำให้ช้าครับ ผมจัดการให้เรียบร้อยแล้ว

ยังไงก็ขอบคุณอีกครั้งนะครับ สำหรับรีวิวดีๆแบบนี้
ถ้ามีเพิ่มเติมก็โพสต์ได้ตามปกตินะครับ เดี๋ยวผมจะทำหน้าที่
รวบรวมไว้ให้ด้านบนอีกครั้งครับ

ขอบคุณครับ

ขอบคุณคุณ Admin มากๆ ที่ช่วยเข้ามาจัด format ให้นะครับ จริงๆ แล้วอยากเขียนใน block เดียวต่อเนื่องกันเหมือนที่คุณ Admin แนะนำตั้งแต่แรก...แต่ติดตรงที่ผมใช้ web share รูปไม่เป็นน่ะครับ ตอนนี้กำลังเร่งเขึยนปิดตอนจบให้สมบูรณ์อยู่น่ะครับ พอดีไปต่างจังหวัดช่วงหยุดยาวเลยนานหน่อย คาดว่าภายใน weekend นี้น่าจะเขียนเสร็จหมด เดี๋ยวต้องรบกวนช่วยจัด format ส่วนที่เพิ่มเติมมาอีกทีครับ
 ;)

ออฟไลน์ Smart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 541
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2015, 20:43:10 »
และสำหรับเพื่อนๆ ที่ส่งคำถามต่างๆ เข้ามา...เดี๋ยวผมจะรวบรวมไว้ตอบทีเดียวตอนปิด review (คาดว่าภายใน weekend นี้) นะครับ ช่วงนี้หากใครมีคำถามเพิ่มเติมที่อยากรู้เกี่ยวกับรถรุ่นนี้ในด้านของการใช้งานจริง ก็ทิ้งคำถามไว้ได้เลยนะครับ จะพยายามตอบเท่าที่ทำได้ครับ
 :)

ออฟไลน์ Yangyang

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 462
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2015, 12:40:50 »
ข้อเด่นอื่นๆ ที่ได้ใช้บ่อยๆ

1.ระบบ Real Time 4WD  

จากการทดสอบใช้งานจริง trip ต่าง ๆที่เล่าไปพบว่าระบบนี้มันมีประโยชน์มากในยามใช้ความเร็วสูง ทางโค้ง ทางดอย ฝนตก ถนนลื่น โดยมันจะช่วยให้ตัวรถมีเสถียรภาพในการทรงตัวที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เวลาที่ต้องหักหลบหรือเบรคกะทันหันจะช่วยให้ control รถได้มั่นคงกว่าที่เวลาที่ปิดระบบนี้มาก และผลพลอยได้อีกอย่างนึงก็คือมันให้ความสบายกับคนที่นั่งเบาะหลังมากขึ้นอีกด้วย

สำหรับการไต่เส้นทางชัน มีตัวอย่าง case นึงที่ขับบนเส้นทางเที่ยวบนเกาะลันตานั้นบางช่วงมันชันมากๆ เป็นระยะทางรวม 2-3 กิโลเมตร ต้องทดเกียร์ลงไปถึงเกียร์หนึ่งถึงจะปีนขึ้นไปได้ ในช่วงนั้นผมสังเกตที่หน้าจอ ระบบ Auto 4WD มันจะส่งกำลังไปที่ล้อหลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มันปีนขึ้นไปได้แบบเนิบๆ (อารมณ์ประมาณคล้ายรถตีนตะขาบ) ไม่ต้องอัดรอบสูงจนเครื่องคำรามน่ากลัวเหมือนยามที่ขับรถที่เป็นระบบขับสองทั่วไปบนเส้นทางแบบนี้

2. การรองรับของเบาะ

สรีระของเบาะนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะมีปัญหาปวดหลังเวลาขับทางไกล ยิ่งต้องขับต่อเนื่องกันหลายๆ วัน อาการปวดจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนวันสุดท้ายนี่แทบจะอยากเอารถขนขึ้น Trailer แล้วนั่งเครื่องกลับเลยทีเดียว…

มันเป็นเรื่องที่อึ้งและก็ทึ่งเมื่อได้อ่านเจอใน web ของ Nissan (Global) ครั้งแรก ว่าเค้าให้ Nasa เป็นคน design เบาะให้ โดยใช้ theme ว่า “Zero Gravity”  ประมาณว่านั่งแล้วสบายเหมือนล่องลอยอยู่ในอวกาศ ...ขนาดน้านเลยเหรอ?

ตอนแรกที่ลองนั่งที่ show room ผมว่ามันก็ดูบ้านๆ ธรรมดา...เบาะจาก Nasa อะไรนี่มันแค่ราคาคุยหรือปล่าว? แต่ขอโทษ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!  เมื่อได้มาลองใช้งานจริงจากที่ขับทางไกล 2 trip ทั้งเชียงรายและกระบี่รวมนับสิบๆ วันนั้น ผมไม่มีอาการปวดหลังอย่างที่เคยเป็นเลยไม่แต่น้อย... มันเป็นเพราะช่วง curve ของเบาะที่ design มาได้รองรับอย่างพอดี อีกทั้งวัสดุ support ตลอดแนวแผ่นหลังไปถึงสะโพกมันจะหยุ่นๆ คล้ายๆ เป็น spring ฝังอยู่...มันเป็นอะไรที่ amazing และผม happy มากๆ ... “Nasa is real!”

แต่ที่แอบสงสัยจนถึงทุกวันนี้ก็คือ Nissan กับ Nasa เค้ามาเกี่ยวดองกันได้ยังงัย? …ไม่แน่ว่าต่อไปเราอาจจะได้เห็น Toyota, Honda หรือ Mitsu เค้าไปจับมือกับ Pentagon เพื่อ design โน้นนี่ให้บ้างก็ได้…55

อ้างอิง : http://www.nissan-global.com/EN/TECHNOLOGY/OVERVIEW/zero_gravity_inspired_car_seat.html

พอจะแนะนำวิธีปรับเบาะได้มั้ยครับ
ผมได้รถมาเดือนกว่าแล้ว แต่ยังปรับเบาะไม่เข้าที่ซักที ขับนานๆแล้วปวดหลังมาก ผมสูง 180ซม. หนัก 73

ออฟไลน์ Smart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 541
Re: Nissan X-Trail 2.0V... ภาพรวม O(k) มาก แต่อยากได้แรงอีกหน่อย
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2015, 13:00:31 »
พอจะแนะนำวิธีปรับเบาะได้มั้ยครับ
ผมได้รถมาเดือนกว่าแล้ว แต่ยังปรับเบาะไม่เข้าที่ซักที ขับนานๆแล้วปวดหลังมาก ผมสูง 180ซม. หนัก 73

อืม...ไม่รู้จะช่วยได้หรือเปล่านะครับ เพราะเห็นเพื่อนใน X-trail club บางท่านมีก็ปัญหาปวดขาเหมือนกัน สำหรับผมจุดหลักๆ เกี่ยวกับเบาะที่ผมปรับแล้วมันลงตัวก็คือ 1. ปรับยกขึ้นมาสูงเกือบสุด 2. คอยเพิ่มลดตัวที่ดุนหลัง และ 3. ปรับระยะพวกมาลัยช่วยให้ระยะแขนมันพอดี ...

มีอีกวิธีนึงถ้าปรับยังงัยก็ไม่ได้ สุดท้ายอาจต้องลองไปเสริมเบาะดูครับ (ทำตามร้านเบาะ) ผมเคยทำใน Pajerosport คันเก่า ช่วยได้ประมาณ 70%

ปล. ผมสูง 171 cm ครับ