เจ้า A4 คันนี้ เป็นเบาะหนังทั้งคัน และ มีลายไม้ Walnut รอบคันครับ
พวงมาลัย เป็นแบบ 4 ก้านครับ
มัลติฟังชั่นก์ อยู่เพียงแค่ปลายนิ้วมือครับ ใช้มือเอื้อมกดเอง ไม่ได้อยู่ที่ พวงมาลัยแต่ย่างใด ^^
ส่วน ก้านไฟเลี้ยว จะอยู่ด้านซ้าย และ ก้านสวิชต์ปัดน้ำฝน จะอยู่ด้านขวา แบบรถยุโรปทั่วๆไปครับ
ด้านซ้ายของพวงมาลัย จะมี 2 ก้านครับ คือ
1. ก้านไฟเลี้ยว -> เปิดไฟซ้าย-ขวา , พลักไปคือเปิดไฟสูง , ดึงเข้าหาตัว คือ Dip ไฟสูงเฉยๆ
2. ก้านสวิชต์ไฟหน้า -> ดันขึ้น 1 ตำแหน่ง คือ ไฟหรี่ , ดันขึ้นอีกตำแหน่ง คือ ไฟหน้าปกติ (ในรูป ก้านอยู่ที่ตำแหน่งไฟหรี่ครับ)
เมื่อเปิดไฟแล้วก็จะเป็นแบบนี้ครับ
ผมเปลี่ยนไฟหรี่เป็น LED ขั้ว T10 สีขาวนะครับ
ไฟใหญ่เป็น Xenon 6000K ครับ ส่วน ไฟสูง เป็น Halogen ปกติ
ด้านขวาของพวงมาลัย เป็น ก้านสวิชต์ปัดน้ำฝนครับ
การใช้งาน ก็ปกติครับ
ดึงเข้าหาตัว -> ฉีดน้ำและปัดกระจก
ดันลง -> ปัดกระจกเฉยๆ ไม่มีน้ำออกครับ
ดันขึ้นตำแหน่ง I -> ปัดแบบหน่วงเวลาครับ 4 วินาที ปัดครั้ง
ดันขึ้นตำแหน่ง II -> ปัดความเร็วปานกลาง
ดันขึ้นตำแหน่ง III -> ปัดเร็วสุด (ตีดัง ปับ ! ปับ ! ปับ ! เลยครับ) มันตีกะขอบกระจกอะครับ อิอิ
มาดูกุญแจกันครับ...กุญแจธรรมดาๆ เป็นแบบ Smart ไข Access ครับ
เพียงแค่คุณเดินเข้าใกล้ตัวรถ แล้วเอากุญแจ ไข ก็จะเปิดประตูเข้ารถได้ อิอิ
กุญแจ มาพร้อม ระบบ Immobilizer ครับ รถอายุ 20 ปี...มีงี้ด้วย !
แรกๆผมไม่รู้เรื่อง ไปปั๊มดอกปลอมมาครับ สตาร์ทติดปุ๊บ...ดับเลย -_-
สัญลักษณ์อิมโม ถ้าไม่ดับ ก็สตาร์ทไม่ติดครับ
มาดูหน้าปัดมาตรวัดกันครับ ธรรมดาๆ ไม่มีจอ หรือ เรืองแสงแต่อย่างใด
บิดกุญแจมา ไฟสัญลักษณ์ ก็ขึ้นกันยังกะดอกเห็ดผุดจากดิน แล้วก็ค่อยๆหายไป จึงจะสตาร์ทครับ
มาตราวัด จากซ้าย นะคับ
- วัดรอบเครื่องยนต์ Redline เริ่มที่ 6,300 รอบครับ ในวง จะมี นาฬิกา Analog ซ้อนอยู่
- วงเล็ก 2 วงข้างบน วงซ้ายเป็น อุณหภูมิหม้อน้ำครับ วงขวาเป็น ปริมาณน้ำมัน (เดี๋ยวมาว่ากันเรื่องซดๆท้ายๆรีวิวนะครับ อิอิ)
- ตรงกลาง รุ่น 2.4 จะเป็น จอ LCD แบบรถสมัยใหม่เลย แต่ของผมรุ่น 1.8 ก็ตามนั้นครับ มันจะดังเตือนเมื่อ
น้ำมันแตะขีดแดง , น้ำมันเบรกพร่อง , น้ำหม้อน้ำหายหรือร้อนเกิน , นมค.พร่อง และ บอกตำแหน่งเกียร์ครับ
- มาตรวัดความเร็ว บอกความเร็วถึง 260 ดุเดือดดีจริง แต่เอาเข้าจริง อัดเต็มๆ น่าจะได้ซัก 220 Km/h ครับ (ยังไม่เคยลอง)
ด้านล่าง เป็นดิจิตอลบอก Trip ครับ
เมื่อยามอาทิตย์ลับขอบฟ้า
หน้าปัด มีไฟสีออกแดงๆส้มๆครับ โดยรวม ไม่ค่อยมีแสงล่อแมลงครับ
ต่อมา คอนโซลกลาง
ทั้งคันมีช่องแอร์ 5 ช่องครับ กลาง 3 ช่อง ข้างๆ ข้างละ 1 ช่องครับ
ถัดลงมา มีสวิชต์ ไฟตัดหมอกหลัง , ไล่ฝ้า , ไฟผ่าฉุกเฉิน และก็มี ช่องเก็บของครับ
(ขอเรียกเป็นช่องเก็บ สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจดีกว่าครับ มีแต่เหรียญพระ ! 5555)
ถัดลงมา เป็นเครื่องเล่น CD DVD USB บลาๆๆ
ถัดมาก็ จอแอร์ ครับ
ระบบแอร์เป็น แอร์ Auto มีฮีตเตอร์ให้ครับ หน้าหนาวปรับอุณหภูมิสูงๆหน่อย ก็อุ่นดีครับ แต่ตอนนี้ผม By pass มันไปแล้ว
เกียร์ ก็ระบบ ลากขึ้น-ลงทั่วๆไปครับ มี P R N D 3 2 1
- ไม่สามารถเอากุญแจออกได้ หาก ไม่อยู่ในตำแหน่ง P ครับ
(ผมยังไม่ได้ไปทำ รู้สึกดู VIP ต้องจอดในช่อง จอดข้างทางขวางไม่ได้ 555 แต่เวลาไม่มีที่จอด มีหงุดงิดนิดๆนะฮะ ^^)
- จะไม่สามารถสตาร์ทรถได้ ถ้าเกียร์ไม่อยู่ที่ ตำแหน่ง P หรือ N
จอแอร์
จอด้านซ้าย เป็นการปรับ อุณหภูมิ และ ปุ่ม A/C (รูปเกล็ดหิมะ) ครับ
จอด้านขวา เป็นการปรับ แรงลม , ทิศทางของแอร์ และ การหมุนเวียนอากาศครับ
ปุ่ม ลูกศรขึ้น คือ ให้แอร์พุ่งขึ้นกระจกครับ
ปุ่ม สี่เหลี่ยมแล้วมีก้อนๆตรงกลาง คือ ให้แอร์ออกตรงคอนโซลกลางครับ
ปุ่ม ลูกศรลง คือ ให้แอร์เป่าลงเท้าครับ
หรือจะ กดให้มันออกส่วนนั้น 2 ส่วนก็ได้ แต่ผมชอบ Auto ครับ
การใช้งานก็ กด (+) , (-) ตามปกติครับ
ปิดแอร์ก็ กด (-) จนขีดพัดลมหายไปครับ เปิดก็ กด (+) บวก หรือ AUTO ก็ได้ครับ
ทั้งนี้ สามารถปรับให้มันรายงานเป็น องศา C หรือ องศา F ก็ได้ครับ -> เพียงกด ปุ่มหมุนเวียนอากาศ แล้ว กดปุ่ม (+) อุณหภูมิ
แต่ทว่า....จอแอร์ ไม่ได้ทำงานแค่เปิด/แอร์เท่านั้น มันยังสามารถ รายงานค่าต่างๆได้ด้วยครับ
เช่น รายงานค่าความเร็วเป็นดิจิตอล , รอบเครื่องยนต์เป็นดิจิตอล , ค่าอุณหภูมิภายนอก ฯลฯ
ทำได้โดยการ กดปุ่มหมุนเวียนอากาศ แล้ว กดปุ่มลูกศรขึ้น มันจะมี Code มาครับ เยอะมาก
โดยการกดปุ่ม หมุนเวียนอากาศ แล้วกด ปุ่มลูกศรขึ้น แล้วไล่ Code ที่ต้องการครับ
ตัวอย่าง ผมจะกด ดูรอบเครื่องยนต์ ที่ Code 28 ครับ กดปุ่ม หมุนเวียอากาศเพื่อ OK
(ลองสังเกตุที่มาตรวัดรอบเครื่องด้วยนะคับ) รอบเครื่องตอนนี้อยู่ที่ 780 rpm ครับ
มาดูประตูหลัง เอ้ย ฝาท้ายกันบ้างครับ
ฝากระโปรงท้าย A4 คันนี้ ไม่สามารถเปิดไดจากในรถครับ
ต้องมากดปุ่มที่ท้ายรถ บริเวณใต้โลโก้ห่วงๆครับ แล้วยกขึ้นเอง เพราะ ผมยังไม่ได้เปลี่ยนโช๊คฝาท้าย หนักจิงคับ
พื้นที่เก็บสัมภาระ
ก็พอได้อยู่ครับ ความจุ 440 ลิตร
เคยเอาไปขนกระถางต้นไม้ ขนถุงดิน 6 ถุง ต้นไม้ ฯลฯ ท้ายห้อยเลย แต่คุณปู่ก็ยังไหวครับ
อ้อ ลืมบอกไปครับ เบาะหลังคันนี้ พับไม่ได้นะครับ ถ้ารุ่นสูงบางคันพับได้ครับ
ผมไม่ได้ติด Gas นะครับ เลยไม่มีถังแก๊ส ขนของได้สบายๆ ^^
ซึ่งท้ายรถมีอุปกรณ์ติดรถยามฉุกเฉินไว้ให้ครับ เป็นแม่แรงกับอุปกรณ์พวกประแจ
ตัวขันน็อตล้อ ไขควง ทุกอย่าง Made in Germany ครับ