City S 550,000 เป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา ถ้า CVT จะ 589,000
นี่คือราคาจากหน้าเว็บ ถ้าราคาโปรโมชั่นอะไรต่างๆผมคงไม่ไปดูยกเว้นว่าจะซื้อใช้จริง
และถ้าสมมติว่ามีงบจำกัดที่ 550,000 บาทแบบห้ามเกิน ผมก็คงจะเอา Mazda 2
เพราะแม้จะเกลียดเบาะของมันมาก เกลียดพื้นที่ของมันมาก แต่อย่างน้อยเวลาขับทางไกล
มันก็สบายดี ช่วงล่างอยู่อันดับต้นๆของคลาส ประหยัดน้ำมัน
แต่ถ้าสมมติว่าให้งบเกิน 550,000 ได้ ผมก็จะไป City S CVT
เหตุผลคือแม้ในเรื่องช่วงล่างกับพวงมาลัยจะตอบสนองไม่ดีเท่ามาสด้า แต่อัตราเร่ง
ถูกใจผมกว่ามาก ผมชอบรถเร่งไวระดับหนึ่ง 0-100 ถ้าเกิน 12 วินี่เลิกพูด 80-120
ถ้าเกิน 10 วิก็เลิกพูด เรื่องกินน้ำมันผมไม่สนเพราะถือว่าเอาค่าน้ำมันไปแลกกับแรง
ผมชอบรถที่เข้าไปนั่งแล้วถนัด มีเนื้อที่ให้ขยับตัวได้มากพอ เบาะหลังนี่ให้เมียเพื่อน
หรือให้เพื่อนนั่ง มันต้องสบายระดับนึง
ช่วงล่างเดิมๆของ City มันไม่เท่าไหร่ นุ่มกว่ารุ่นเดิม แต่มั่นใจน้อยลงกว่ารุ่นเดิม
ซัดแล้วไม่สนุก แต่โช้คกับช่วงล่างมันเปลี่ยนกันได้ เวลาซื้อรถใช้จริงผมจะมองว่ารถคันนั้นๆ
มีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน และจุดอ่อนของรถคันนั้นสามารถปรับแก้ได้ง่ายแค่ไหน ถ้ารถแคบมากนี่
ผมเลิกสนไปแล้ว 70% เพราะเราไม่สามารถไปแก้ไขขนาดตัวรถได้ ถ้ารถอัตราเร่งไม่ทันใจ
ผมเลิกสนไปแล้ว 50% เพราะถ้าจะมานั่งเค้น 0-100 ให้เร็วขึ้นอีก 1-2 วิ วิแรกไม่กี่หมื่น
แต่วิหลังๆจะเริ่มหลายหมื่น ถ้ารถพวงมาลัยยานๆตอบสนองไม่เป็นธรรมชาติ ขับแล้วไม่ถูกใจ
ผมเลิกสนไปเลย 50% เพราะเป็นจุดที่ผมไม่อยากไปยุ่งมากที่สุดเรื่องการปรับแก้
รถเครื่องแรง พวงมาลัยปานกลาง ภายในปานกลาง โช้คอัพเซ็ตมาย้วยๆ ผมมองว่าลงเงิน
ไปไม่กี่หมื่นเรื่องก็จบ แถมทำกลับก็ง่าย ผมจึงเลือก City S CVT แต่ก็คงทำใจรับมาตรฐาน
การพ่นสีรถ กับมาตรฐานการประกอบ และมาตรฐานไหวพริบในการแก้ไขปัญหาของศูนย์ Honda
ซึ่งหลังจากที่บ้านผมใช้ CRV Gen1, Gen 2, Gen 3, Civic ES 2002, ES2005
ผมบอกได้เลยว่าใช้คันไหน เจอคันนั้น มาตรฐานการประกอบกับ QC น่ากุมขมัยไม่เคยเปลี่ยน
แต่เวลานึกจะซ่อมข้างนอก วิ่งเบิกอะไหล่ซ่อมเอง หรือคิดจะโมดิฟายนู่นนี่ มันง่ายดี