ทำไมถึงกำหนดความความจุเครื่องดีเซลไว้สูงกว่าเครื่องเบนซินในมาตรฐาน eco car ครับ

final

ขออีกคำถามนะครับ คือ

ผมไม่เข้าใจว่าเครื่องดีเซลมันปล่อยมลพิษน้อยกว่าเครื่องเบนซินตรงไหน ควันก็ดำแถมเหม็นกว่า เขม่าก็เยอะ ต้องติดอุปกรณ์กรองไอเสียมากกว่า พอนานไปอุปกรณนั้นๆ เสื่อม มลพิษมันย่อมต้องมากกว่าเยอะแน่ๆ

แต่ทำไมกลุ่มประเทศยุโรปที่ว่ากันว่ารักสิ่งแวดล้อม ถึงนิยมเครื่องดีเซลครับ



mamaman


เคยตั้งเป้าหมายในการทำงานมั้ยครับ
เป้าหมาย ต้องทำได้จริง มีการพิสูจย์แล้ว ว่า ทำได้จริง
ข้อ กำหนดและ มาตราฐาน ไม่ได้ ตั้งขึ้นมามั่วๆ ครับ
มันตั้ง มาจาก ความเป็นไปได้ หรือ อ้างอิง มาตราฐานอื่นๆ
มาตราฐาน ของ eco car ก็เอามากจาก เกณกำหนดของ ที่อื่นมาอีกทีครับ ว่า ตัวเลขนี้ได้การยอมรับแล้วว่าทำได้

ก่อนกำหนด อะไร คิดว่า รัฐบาล เรียก OEM มาหารือแล้วละครับ

ดังนั้น ดีเซล มันทำได้เท่านี้ละครับ ที่สุดของมัน ใน ตอนนี้แล้ว เข้าใจว่า อิงมาตราฐาน  ประเทศไหน สักที่นี่ละ
เช่นเดียว กับ Eco car เฟสสอง

มาสด้า แค่เป็นเจ้าแรก ไม่ใช่เจ้าอื่นจะทำไม่ได้ แต่ยังไม่ถึงเวลา
เช่นเดียวกับ Eco car เฟสหนึ่ง เค้าโกยเงินกันไปถึงไหนต่อไหน แต่ มาสด้า ก็ต้อรอจังหวะ ลงทุนใหม่ เพราะยอดขายไม่เท่า เจ้า ตลาด ไม่ใช่ ว่ามาสด้า ทำ eco car เฟสหนึ่งไม่ได้ แค่รอเวลา

แอบกัด มาสด้า นิดนึง อย่าว่ากันนะครับ อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2015, 15:29:19 โดย mamaman »



delete

ก็เหมือนโครงการรถคันแรกไงครับ
กระบะดีเซล ได้ถึงราคาไม่เกินล้าน
แต่เก๋ง ได้แค่ 1500 ซึ่งราคามันแค่ 7 แสนเอง

มันเป้นเหตุผลทางนโยบาย ไม่ใช่เหตุผลแบบปกติ เหอๆ



Auto

 ทำไมยุโรปถึงนิยมเครื่องดีเซล   เคยสอบ  ๆ  ถามมานะลองพิจารณาดูเอาเอง  เพราะผมยังไม่เคยไปยุโรป 
   1. ประหยัดน้ำมันกว่า ได้ระยะทางต่อลิตรมากกว่าถึงแม้ราคาน้ำมันดีเซลจะแพงกว่าเบนซิน
   2.จุกจิกน้อยกว่าเบนซินในรถเกรดเดียวกัน
   3.พังแล้วทิ้งกันเลย  ส่วนใหญ่เขาทิ้งรถไม่ใช่ซ่อมรถใช่หรือเปล่า  ดีเซลเหมาะกับการทิ้งมากซ่อมใหญ่ก็ทิ้งเลย
   4. ส่วนใหญ่นิยมขับเกียร์ธรรมดา    มันคิดภาษีตามมลพิษเกียร์ MT ปล่อยไอเสียน้อยกว่า ภาษี  ถูกกว่าเยอะ
   5. เหมือนดีเซลจะนิยมใช้กับอากาศหนาว ๆ  จัดได้ดีกว่า   บางคนไปทำงานที่นั่นเขาบอกแบบนั้นไม่รู้จริงหรือเปล่า
   6.รายได้ของคนที่นั่นสูงมาก   ในการซื้อรถคันนึง ไม่ค่อยมีปัญหารวมถึงส่วนต่างระหว่างราคารถดีเซลกับเบนซินเขาจ่ายส่วนต่างได้ ไม่แตกต่างกันมาก

   ถ้าเป็นโซนอื่น  ๆ ที่ไม่ใช่ยุโรปก็จะไม่นิยมรถดีเซล 



deathsheep

เครื่องยนต์ดีเซลปล่อยไอเสียน้อยกว่าครับ  ที่ปริมาตรความจุเท่ากันนะ

แต่ก็ให้กำลังน้อยกว่าเบนซินที่มีจุดเดือดต่ำกว่า  ทางBOI คงทำการศึกษาดูจุดที่เป็นไปได้มาแล้วละครับ


ผมเดานะอันนี้ ;D



GOBBS

อ่านมานานพึ่งสมัครสมาชิกนะครับ
เรียนตามตรงว่า ผมกึ่งๆ ติ่งมาสด้า ตอนนี้ใช้ 2ดีเซลอยู่ (เมื่อก่อนที่บ้านก็มี โครโนสอยู่คันนึง)
ถ้าให้เดาคือ รัฐคงปรึกษา บ.รถแล้วละ ว่าเครื่องความจุเท่าไหร่ ที่ บ.รถ ทำได้ตามเกณฑ์ไอเสีย และรถวิ่งได้จริง ไม่ใช่ลด cc. จนวิ่งจะไม่ได้เอา
แล้วก็ความจุที่ บ. รถ พอจะมีเครื่องยนต์อยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาใหม่มากให้สิ้นเปลือง
ก็เลยออกมาเป็นแบบนี้
.................
ส่วนเรื่องทำไม มาสด้า ไม่ทำเฟสหนึ่ง ถ้าลองย้อนไปดูตอนนั้น มาสด้ามีรถในมือ B seg คือ 2ตัวเก่าเครื่อง 1.5 ไปแล้ว
ถ้าจะเอาเข้าอีโคเฟสแรก ถ้าไม่ลดความจุเครื่อง ก็ต้องหาโมเดลที่เล็กลงมาประกอบเพิ่ม แล้วต้องผลิตให้ได้ตามเป้าที่ขอไว้(จำได้เลาๆ ว่า 1แสนคัน)
ถามกลับว่า
1.มาสด้า จะขายไหวไหม ถ้ายี่ห้ออื่น ซูซูกิ นิสสัน ฮอนด้า ยังมีส่งออกไปที่อื่นได้เยอะ
2.โรงงานระยองประกอบไหวไหม ถ้าต้องทำอีโค่ให้ครบจำนวน แล้วในอนาคตต้องประกอบ 3 2ใหม่ cx3.....มาสด้าไม่ได้มีกำลังการผลิตเหมือน โตโยต้า ฮอนด้า นิสสันครับ
3.ตอนนั้นรถคันแรกกำลังมา ประกอบ2 อย่างเดียวก็เกือบๆจะเต็มมือแล้ว
ผมกลับมองว่า ตอนนั้นถ้ามาสด้าลงไปเล่นตลาด อีโค่เฟส 1 ป่านนี้อาจจะไม่ได้ทำเฟส 2 แล้วด้วยซ้ำไปครับ
.....2006 honda jazz idsi
.....2015 mazda2 skyD
..ใช้รถเท่าที่จำเป็นกันเถอะครับ...รถมันติด



art_duron

เรื่องสารพิษในไอเสียนั้น ถ้าเทียบว่าสารพิษของเครื่องอะไรมากกว่ากัน มันอาจจะสรุปตรงๆ เร็วๆ ไม่ได้นะครับ
เพราะเชื้อเพลิงเวลาเผาไหม้แล้วเกิดไอเสีย ไอเสียมันไม่ได้มีก๊าซชนิดเดียว แต่มีหลากหลายชนิดมากๆ
บางชนิดเครื่องดีเซลน้อยกว่าเบนซิน แต่บางชนิดเบนซินน้อยกว่าดีเซล
ถ้าเราดูแค่เขม่ากับดมกลิ่นมันก็สรุปไม่ได้ทั้งหมด เพราะก๊าซพิษที่อันตรายมากๆ หลายชนิดมันไม่มีทั้งสีและกลิ่น






MUK

ดีเซลน่าจะทำเครื่องเล็กลำบาก ทำได้แต่คงราคาแพงสุดๆ ดูจักรยานยนต์ที่ใช้ทั่วไป ไม่มีดีเซลแม้จะเครื่องพันซีซี คิดว่านะครับ



DriveOnly

ขออีกคำถามนะครับ คือ

ผมไม่เข้าใจว่าเครื่องดีเซลมันปล่อยมลพิษน้อยกว่าเครื่องเบนซินตรงไหน ควันก็ดำแถมเหม็นกว่า เขม่าก็เยอะ ต้องติดอุปกรณ์กรองไอเสียมากกว่า พอนานไปอุปกรณนั้นๆ เสื่อม มลพิษมันย่อมต้องมากกว่าเยอะแน่ๆ

แต่ทำไมกลุ่มประเทศยุโรปที่ว่ากันว่ารักสิ่งแวดล้อม ถึงนิยมเครื่องดีเซลครับ

ประหยัดน้ำมันกว่า และปล่อยมลพิษน้อยกว่า เลยเสียภาษีถูกกว่า เลยเป็นที่นิยม ของยุโรป



mamaman

ขออีกคำถามนะครับ คือ

ผมไม่เข้าใจว่าเครื่องดีเซลมันปล่อยมลพิษน้อยกว่าเครื่องเบนซินตรงไหน ควันก็ดำแถมเหม็นกว่า เขม่าก็เยอะ ต้องติดอุปกรณ์กรองไอเสียมากกว่า พอนานไปอุปกรณนั้นๆ เสื่อม มลพิษมันย่อมต้องมากกว่าเยอะแน่ๆ

แต่ทำไมกลุ่มประเทศยุโรปที่ว่ากันว่ารักสิ่งแวดล้อม ถึงนิยมเครื่องดีเซลครับ

ประหยัดน้ำมันกว่า และปล่อยมลพิษน้อยกว่า เลยเสียภาษีถูกกว่า เลยเป็นที่นิยม ของยุโรป

เรื่อปล่อยมลพิษ น้อยกว่า นี่ ผมเถียง คอเป็นเอ้นแน่ๆครับ 5555
VW โดนแล้วนะ



DriveOnly

ขออีกคำถามนะครับ คือ

ผมไม่เข้าใจว่าเครื่องดีเซลมันปล่อยมลพิษน้อยกว่าเครื่องเบนซินตรงไหน ควันก็ดำแถมเหม็นกว่า เขม่าก็เยอะ ต้องติดอุปกรณ์กรองไอเสียมากกว่า พอนานไปอุปกรณนั้นๆ เสื่อม มลพิษมันย่อมต้องมากกว่าเยอะแน่ๆ

แต่ทำไมกลุ่มประเทศยุโรปที่ว่ากันว่ารักสิ่งแวดล้อม ถึงนิยมเครื่องดีเซลครับ

ประหยัดน้ำมันกว่า และปล่อยมลพิษน้อยกว่า เลยเสียภาษีถูกกว่า เลยเป็นที่นิยม ของยุโรป

เรื่อปล่อยมลพิษ น้อยกว่า นี่ ผมเถียง คอเป็นเอ้นแน่ๆครับ 5555
VW โดนแล้วนะ

คือผมพยายามจะตอบเจ้าของกระทู้ว่าทำไม เก๋งเครื่องดีเซล ถึงได้รัยความนิยมในยุโรป
เพราะ co2 emission มาถูกปล่อยออกมาน้อยกว่า petro engine มันเลยเสียภาษีประจำปีถูกกว่า
และน้ำมัน 1 ถังมันวิ่งได้ไกลกว่า คนเลยนิยมกัน

ไม่ต้องมาเถียงคอเป็นเอ็นหรอกครับ ก็เอาข้อมูลมาลงว่าตัวไหนปล่อยมากกว่าน้อยกว่า สารอะไรทำให้เป็นมลพิษมากกว่า ให้ทั้งผมและสมาชิคท่านอื่นเขาได้ความรู้ด้วย เพราะปัจจุบันเขาดูกันแค่ co2 emission แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ผมเชื่อว่าต้องเอาสารอื่นๆ มาพิจารณาด้วยเช่นกัน เช่น NOx



mamaman

ขออีกคำถามนะครับ คือ

ผมไม่เข้าใจว่าเครื่องดีเซลมันปล่อยมลพิษน้อยกว่าเครื่องเบนซินตรงไหน ควันก็ดำแถมเหม็นกว่า เขม่าก็เยอะ ต้องติดอุปกรณ์กรองไอเสียมากกว่า พอนานไปอุปกรณนั้นๆ เสื่อม มลพิษมันย่อมต้องมากกว่าเยอะแน่ๆ

แต่ทำไมกลุ่มประเทศยุโรปที่ว่ากันว่ารักสิ่งแวดล้อม ถึงนิยมเครื่องดีเซลครับ

ประหยัดน้ำมันกว่า และปล่อยมลพิษน้อยกว่า เลยเสียภาษีถูกกว่า เลยเป็นที่นิยม ของยุโรป

เรื่อปล่อยมลพิษ น้อยกว่า นี่ ผมเถียง คอเป็นเอ้นแน่ๆครับ 5555
VW โดนแล้วนะ

คือผมพยายามจะตอบเจ้าของกระทู้ว่าทำไม เก๋งเครื่องดีเซล ถึงได้รัยความนิยมในยุโรป
เพราะ co2 emission มาถูกปล่อยออกมาน้อยกว่า petro engine มันเลยเสียภาษีประจำปีถูกกว่า
และน้ำมัน 1 ถังมันวิ่งได้ไกลกว่า คนเลยนิยมกัน

ไม่ต้องมาเถียงคอเป็นเอ็นหรอกครับ ก็เอาข้อมูลมาลงว่าตัวไหนปล่อยมากกว่าน้อยกว่า สารอะไรทำให้เป็นมลพิษมากกว่า ให้ทั้งผมและสมาชิคท่านอื่นเขาได้ความรู้ด้วย เพราะปัจจุบันเขาดูกันแค่ co2 emission แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ผมเชื่อว่าต้องเอาสารอื่นๆ มาพิจารณาด้วยเช่นกัน เช่น NOx

ผมพูดขำๆครับ แฮะ ๆ เพราะผมเห็น ควันมันชอบดำ
ดีเซล อาจจะ มลพิษต่ำ ที่ การขับขี่ปกติ
แต่ ตอนที่มันเร่ง จนควันดำท่วมนี่ ผมไม่อาจคิดได้ว่ามัน สะอาดกว่าเบนซิน โดยเฉพาะพวกเครื่องบล๊อคใหญ่ๆ

ลองดู มาตราฐาน บ้านเราครับ

http://www.pcd.go.th/info_serv/reg_std_airsnd02.html#s3

จะเห็นว่า ดีเซล มี สาร มลพิษ ที่มา ชนิกกว่า เบนซิน
แต่ผมก็ไม่รู้ ว่าเจาะลึกตัวอื่นด้วย





veturilo

ขออีกคำถามนะครับ คือ

ผมไม่เข้าใจว่าเครื่องดีเซลมันปล่อยมลพิษน้อยกว่าเครื่องเบนซินตรงไหน ควันก็ดำแถมเหม็นกว่า เขม่าก็เยอะ ต้องติดอุปกรณ์กรองไอเสียมากกว่า พอนานไปอุปกรณนั้นๆ เสื่อม มลพิษมันย่อมต้องมากกว่าเยอะแน่ๆ

แต่ทำไมกลุ่มประเทศยุโรปที่ว่ากันว่ารักสิ่งแวดล้อม ถึงนิยมเครื่องดีเซลครับ

ประหยัดน้ำมันกว่า และปล่อยมลพิษน้อยกว่า เลยเสียภาษีถูกกว่า เลยเป็นที่นิยม ของยุโรป

เรื่อปล่อยมลพิษ น้อยกว่า นี่ ผมเถียง คอเป็นเอ้นแน่ๆครับ 5555
VW โดนแล้วนะ

คือผมพยายามจะตอบเจ้าของกระทู้ว่าทำไม เก๋งเครื่องดีเซล ถึงได้รัยความนิยมในยุโรป
เพราะ co2 emission มาถูกปล่อยออกมาน้อยกว่า petro engine มันเลยเสียภาษีประจำปีถูกกว่า
และน้ำมัน 1 ถังมันวิ่งได้ไกลกว่า คนเลยนิยมกัน

ไม่ต้องมาเถียงคอเป็นเอ็นหรอกครับ ก็เอาข้อมูลมาลงว่าตัวไหนปล่อยมากกว่าน้อยกว่า สารอะไรทำให้เป็นมลพิษมากกว่า ให้ทั้งผมและสมาชิคท่านอื่นเขาได้ความรู้ด้วย เพราะปัจจุบันเขาดูกันแค่ co2 emission แต่ในอนาคตอันใกล้นี้ผมเชื่อว่าต้องเอาสารอื่นๆ มาพิจารณาด้วยเช่นกัน เช่น NOx

ผมพูดขำๆครับ แฮะ ๆ เพราะผมเห็น ควันมันชอบดำ
ดีเซล อาจจะ มลพิษต่ำ ที่ การขับขี่ปกติ
แต่ ตอนที่มันเร่ง จนควันดำท่วมนี่ ผมไม่อาจคิดได้ว่ามัน สะอาดกว่าเบนซิน โดยเฉพาะพวกเครื่องบล๊อคใหญ่ๆ

ลองดู มาตราฐาน บ้านเราครับ

http://www.pcd.go.th/info_serv/reg_std_airsnd02.html#s3

จะเห็นว่า ดีเซล มี สาร มลพิษ ที่มา ชนิกกว่า เบนซิน
แต่ผมก็ไม่รู้ ว่าเจาะลึกตัวอื่นด้วย

เสริมอีกนิดละกันครับ ค่า CO2 มันเป็นค่าที่แปรผันตรงกับอัตราการบริโภคน้ำมัน
ดังนั้น ถ้า CO2 น้อยๆมันแสดงว่ารถคันนั้นๆมันประหยัดน้ำมันมาก
ตามการทดสอบตาม mode ที่แต่ละประเทศกำหนดบน Test Dynamo
แต่อัตราสิ้นเปลืองในชีวิตจริงอันนี้อีกเรื่องนึง ส่วนใหญ่ในชีวิตจริงจะแย่กว่าตัวเลขที่โม้ๆในกระดาษเยอะ

โดยธรรมชาติของเครื่องยนต์ diesel มีประสิทธิภาพในการเผาไหม้สูงกว่า gasoline
ผลคือวิ่งที่ระยะทางเท่าๆกัน diesel เผาน้ำมันน้อยกว่า ได้ output เยอะกว่า

สำหรับค่าอื่นๆเช่น CO, HC, NOx, PM พวกนี้ถูกคุมโดยมาตรฐาน EURO ระดับต่างๆอยู่แล้ว
และกฎหมายด้านไอเสียนี้จะบังคับในแนวว่าถ้าไม่ได้ตาม EURO บลาๆๆๆแล้วก็ไม่ต้องมาขาย
เช่น ประเทศไทยตอนนี้ต้อง EURO4, EU ต้อง EURO5 ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาขาย เป็นต้น
แต่บางประเทศคุณภาพน้ำมันห่วยจัดไม่คุมไอเสียก็มี เพราะเอาเครื่องยนต์ดีๆมาใช้ก็พังพินาศหมด
หรือเครื่องยนต์บางประเภทที่พัฒนาให้ค่าไอเสียต่ำได้ยากก็เป็นหมันอยู่ เช่น Wankel engine
(หรือที่เราชอบเรียกกันว่า Rotary engine น่ะครับ)

ปกติรถเครื่อง diesel มันจะปล่อยเขม่าหรือ PM มาก (ควันดำ) เลยต้องมีชุด DPF มาช่วยดักเขม่าแล้วเผาทิ้ง
และจะมีการเผาไหม้สมบูรณ์มากกว่า gasoline ปล่อย NOx เยอะ เลยต้องมีระบบ EGR เข้ามาให้เผาไหม้แย่ลงหน่อย
ถ้าหนักหน่อยก็ต้องเพิ่่ม AdBlue เพื่อลดปริมาณ NOx จากการเผาไหม้ที่สมบูรณ์เกินไปให้ต่ำลงอีก

ส่วนรถบรรทุกที่วิ่งในบ้านเรา ถ้าเก่ามากๆ EURO อะไรไม่ต้องพูดถึงครับ ไม่มีแน่นอน พ่นซะดำขนาดนั้น
ถ้ารถบรรทุกใหม่ๆที่เราเห็นๆกัน ส่วนใหญ่จะผ่านมาตรฐาน EURO3-4 ครับ ไม่ค่อยมีเขม่าให้เห็น
แต่ด้วยวิธีการเก็บภาษีบ้านเรา รถยิ่งเก่าภาษีรายปียิ่งถูก รถที่ปล่อยมลภาวะสูงๆก็ยังอยู่บนท้องถนนต่อไปล่ะครับ