ผู้เขียน หัวข้อ: // Preview ผลทดสอบ อัตราเร่ง และ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง MG 3 1.5 X Sunroof //  (อ่าน 39975 ครั้ง)

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
MG 3 1.5 X Sunroof
559,000 บาท



อัตราเร่ง 0 - 100 km/h

#1  14.89 sec
#2  14.87 sec
#3  14.86 sec
#4  14.87 sec

อัตราเร่ง 0-100 km/h ทำได้เฉลี่ย 14.87 วินาที

---------------------------------------------------------------------------------------------

อัตราเร่ง 80 - 120 km/h

#1  10.42 sec
#2  10.41 sec
#3  10.39 sec
#4  10.43 sec

อัตราเร่ง 80-120 km/h ทำได้เฉลี่ย 10.41 วินาที

---------------------------------------------------------------------------------------------

ความเร็วสูงสุด แต่ละเกียร์ (เกียร์ D)

เกียร์ 1  50 km/h @ 6,250 rpm
เกียร์ 2  90 km/h @ 6,100 rpm
เกียร์ 3  130 km/h @ 6,000 rpm
เกียร์ 4  183 km/h @ 6,250 rpm
เกียร์ 5  180 km/h @ 5,000 rpm

ความเร็วสูงสุด แต่ละเกียร์
(เกียร์ D โหมด M บวก/ลบ)

เกียร์ 1  50 km/h @ 6,400 rpm
เกียร์ 2  95 km/h @ 6,500 rpm
เกียร์ 3  135 km/h @ 6,500 rpm
เกียร์ 4  183 km/h @ 6,250 rpm
เกียร์ 5  180 km/h @ 5,000 rpm



---------------------------------------------------------------------------------------------

Top Speed 183 km/h @ 6,250 rpm ที่เกียร์ 4

---------------------------------------------------------------------------------------------

ความเร็วมาตรวัด 100 km/h ความเร็ว GPS 96.5 km/h
ความเร็วมาตรวัด 110 km/h ความเร็ว GPS 106.5 km/h

---------------------------------------------------------------------------------------------

ความเร็ว @ รอบเครื่องยนต์ (ที่เกียร์ 5)

80 km/h @ 2,250 rpm
100 km/h @ 2,750 rpm
110 km/h @ 3,050 rpm

---------------------------------------------------------------------------------------------

Fuel Consumption อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

ระยะทางบน Trip Meter A 92.5 กิโลเมตร
เติมน้ำมัน เบนซิน 95 Techron แบบเขย่ารถ 6.73 ลิตร
เฉลี่ยที่ความเร็ว 110 กิโลเมตร / ชั่วโมง เปิดแอร์ นั่ง 2 คน

อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ทำได้เฉลี่ย 13.74 km/l

---------------------------------------------------------------------------------------------

ตารางเปรียบเทียบกับ รถใน Segment เดียวกัน



MG 3 ทำราคาใกล้เคียงกับรถในกลุ่ม Ecocar เลยลองเอามาเปรียบเทียบ
ให้ดูกันทั้ง 2 Segment ครับ



---------------------------------------------------------------------------------------------

// เจาะสเป็ค : แตกรุ่นย่อย-ราคา-option MG3 Hatchback & MG3 Xross //
http://community.headlightmag.com/index.php?topic=43450.0

---------------------------------------------------------------------------------------------

J!MMY said :

MG 3 Hatchback 1.5 VTi-Tech 5AMT FWD
1.5 X Sunroof Top Model ที่ไม่ใช่ Xross

รถทดสอบของ MG Thailand สภาพโทรมมากกกกกกกกกก วิ่งมาแล้ว 6,000 กิโลเมตร
แต่ยางหน้าติดรถแทบไม่เหลือดอกยางแล้ว คงผ่านศึกมาเยอะ

ตามที่ได้ประกาศไปแล้วว่า เราจะไม่ทำรีวิวรถรุ่นนี้ แต่ในเมื่อยังมีคุณผู้อ่าน
ถามถึงตัวเลขอัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองของรถคันนี้มาเป็นระยะๆ
พี่แพนจึงยืม รถคันนี้มาจากทาง MG Thailand และผมจึงตัดสินใจ ทำตัวเลขไว้ให้
แต่จะไม่ทำรีวิวอย่างเด็ดขาด

ปล่อยให้ตัวเลข ที่รถคันนี้ทำได้ มันบอกประสิทธิภาพที่แท้จริงของมันเองแล้วกันนะครับ
เพราะถ้าถามความเห็นผม ก็ยังคิดเห็นเหมือนเดิมคือ รถหนะ ไม่เลวร้ายหรอก พอใช้ได้
แต่ช่วยยกเอาเกียร์ลูกนี้ ทิ้งไปทั้งลูก ย้ายตำแหน่งสวิตช์ล็อกประตู ให้หาง่ายกว่านี้
เอาเข็มขัดปรับสูงต่ำได้ มาใส่เสียที แล้วรถจะน่าซื้อกว่านี้

อัตราเร่งทั้งหมด ที่ช้า ส่วนนึง เพราะเกียร์เปลี่ยนเองช้ากว่ารถทั่วไปชัดเจน คือเกียร์ลูกนี้
ในความเร็วต่ำ ควรขับนุ่มๆ ไปแบบเรื่อยๆ ค่อยๆไต่ขึ้นไป ในช่วงไม่เกิน 2,000 รอบ/นาที
เกียร์เปลี่ยนเนียนใช้ได้ แต่พอเกินจากนั้น มันต้องหน่วงรถไปข้างหน้าก่อน
แล้วค่อยเปลี่ยนเกียร์ นี่แหละ ที่ทำให้ช้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 10, 2016, 10:25:51 โดย MoO Cnoe »

ออฟไลน์ แมวดราม่า

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,573
  • แมวบ้า(ขับ)รถ
อัตราเร่ง 0-100 พอเข้าใจว่าช้า เพราะเกียร์ 1 ไป 2 มันอืดจริง ผมทั้งนั่ง ทดลองขับ ขับให้ป๋านั่ง ก็ฟีลนี้ หลัง 40 มันก็ไวดี

แต่ไม่เคยคิดว่า 80-120 จะช้าแบบนี้  :(
Dare to Drama! | Original Nissan X-Trail Club Thailand: http://www.facebook.com/groups/180634121979355/

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
ขอบคุณครับ MG3 ประหยัดสุดที่ประมาณ 50 km/h พอขับที่ 120 km/h รอบอยู่ที่ประมาณ 3500 รอบ มันเลยกินมาก ทั้งๆ ที่เป็นเกียร์ 5 speed แต่ MG5 ตัว 4 สปีด ที่ 120 ยังแค่ 3000 รอบ
คือเกียร์นี้ผมว่ามีข้อดีอย่างเดียวคือถูก เรื่องสมรรถนะนี่ไม่ค่อยได้เรื่องครับ ต้องพัฒนาอีกเยอะ

ออฟไลน์ deathsheep

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,094
    • อีเมล์
ปกติไม่เคยเรียกร้อง CVT เลย  แต่ครั้งนี้อาจจะขอยกเว้น

ถ้าเอามาได้น่าจะเวิร์คนะครับ

ออนไลน์ recycleman

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,569
การแก้ปัญหาง่ายๆเลย "เอาเกียร์ธรรมดามาลงเถอะ จบ!!!"

ผมเห็นไอ้เกียร์semiแบบนี้มาลงตัวไหน ไม่พ้นจะบรรลัยทุกตัว

อุตสาห์ทำช่วงล่างขับดีจนโดดเด่น มาเจอเครื่องกับเกียร์ที่ไม่เอาอ่าวก็จบเหมือนกันน่ะ

ออฟไลน์ Teeraroj

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 9
ทั้งอืด ทั้งกินน้ำมันเลย  :-X

แต่หน้าตาแบ้วๆดี สาวๆชอบ  :-*

ออฟไลน์ rojsak2021

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 1,196
    • อีเมล์
ตัวเล็ก กินจุ เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี 5555

ออฟไลน์ Focuszaa

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 672
เครื่องกับเกียร์นี่ไม่ไหวจริงๆ 555 กินเกิน ดีอย่างเดียวไม่ได้จริงๆ มันต้องรอบด้าน

ปล.อืดมาก...

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
ตัวเล็ก กินจุ เรี่ยวแรงไม่ค่อยมี 5555

เรี่ยวแรงจริงๆมีครับ ใช้ได้เลยล่ะ แบกน้ำหนัก 1.2 ตันแล้ว
ยังแรงกว่า 1.3 Skyactiv-G แน่ๆ แต่ที่เวลามันออกมาช้าแบบนี้
เป็นเพราะเกียร์ล้วนๆ จริงๆครับ ถ้าเปลี่ยนรูปแบบเกียร์ใหม่
เป็น A/T ปกติ Dual Clutch หรือ CVT น่าจะดีกว่านี้พอสมควร

ออฟไลน์ nl2br

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,018
    • ร้านค้าออนไลน์
สอบถามเพื่อนๆที่เคยขับ ถ้าสลับไปโหมด M มันจะเร็วขึ้นมั๊ยครับ
รอบมันสูงมากๆ พอๆกับพวก 4 สปีดเลยครับ ไม่แปลกใจที่มันจะซดขนาดนี้
บล็อกข่าวไอทีกากๆ >> https://thaimobiletricks.blogspot.com/ << ข่าวมือถือ มือถือรุ่นใหม่

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
อัตราเร่ง 0-100 เลขคงสวยได้ยากครับ รถ 1.5 ตัวหนัก 1.16-1.228 ตัน (ตามในคู่มือประจำรถ)
MG3 ก็ประสบปัญหาเดียวกับ Sonic 1.4-1.6 แต่ถ้าตัวเบามากๆ สมมติว่าเบาลงอีก 150 โล
ไปอยู่ในเพดานเท่ากับคู่แข่ง รถเร่งเร็วแน่ แต่ก็จะเสียความรู้สึกนิ่งแน่นของช่วงล่างไป มันเป็นสิ่งที่
ลูกค้าต้องเลือกเอา ถ้าเอาตัวเบาและช่วงล่างดีก็มี Mazda แต่ราคาของ Mazda ก็แพงกว่าและ
ที่สำคัญคือที่ความเร็ว 160 ขึ้นไป ผมว่า MG3 แอบนิ่งกว่าด้วยซ้ำถ้าไม่มีลมตีข้าง

ถ้า 0-100 เลขไม่สวย กด Sport Mode ครับ ลดเวลาลงได้ และลดที่ช่วงออกตัวด้วยเพราะผม
จับเทียบกันทุกโหมดทุกท่า ระหว่างโหมด Auto กับ Sport เวลาทำ 0-100 จะพบว่า 60 ไป100
แทบไม่ต่าง แต่ 0 ไป 60 เร็วขึ้น 0.4-0.5 วิโดยประมาณ และถ้าใช้ Manual Mode แต่ไม่ต้องสับเกียร์เอง
กดคันเร่งคาไว้ให้เกียร์เปลี่ยน รอบมันจะไปตัดที่จุดสูงกว่าและส่งผลให้อัตราเร่ง 0-100 ลดลง

ตอนที่รถอยู่กับผม ผมทดสอบอัตราเร่งไว้หมดแล้ว ผมจับ 0-100 ในโหมด Auto ได้ราว 15 วิ
แต่ถ้าใช้ Manual Mode ผมทำได้เร็วสุดคือ 13.95 ซึ่งนั่นก็ไม่ได้เร็วเมื่อเทียบกับรถพันห้ารุ่นอื่นถูกมั้ย

ส่วน 80-120 มันก็ได้ประมาณนั้นแหละครับ Reaction ของเกียร์น่ะไม่แย่นะ แต่ในขณะที่ต้องบวก
เวลาคิกดาวน์เอาไว้ส่วนนึง ปัญหาอีกอย่างคือที่ความเร็ว 80 กดคันเร่งจม รถไม่ยอมลงเกียร์ 2 ครับ
ไม่ว่าจะ Auto/Sport หรือ Manual แล้วตบเกียร์เองก็จะไม่ยอมลงเกียร์ให้ ทั้งๆที่ถ้ามันลง 2 ให้
รอบก็ดีดไปอยู่ที่แค่ 5,500-5,600 ยังมีที่ให้ลากได้อีกตั้งเยอะและยังไม่ถึงรอบแรงม้าสูงสุดด้วยซ้ำ

ผมทดลองลดความเร็วลงมาเหลือ 70 ณ จุดนี้ตบเกียร์ มันจะยอมลง 2 ให้ครับ จากนั้นผมค่อยๆไล่ความเร็ว
กลับไป 80 แล้วกดคันเร่งพร้อมจับเวลา ถ้าใช้วิธีนี้ 80-120 จะลดลงเหลือ 9.16 วินาที แต่ในชีวิตจริง
ผมอยากรู้เหมือนกันว่าใครมันจะมานั่งจับจุดรถมากขนาดนี้ บางคนอาจจะแค่ 80 แล้วตบเกียร์ 3 แล้วพุ่งไปเลย
ถ้าทำแบบนั้นก็ยังได้ 9.6 วิ ..คำถามคือ แล้วถ้าเป็นรถรุ่นอื่นเข้าเกียร์รอไว้ก่อนเหมือนกัน รถพวกนั้นก็เร็วขึ้น
ได้เหมือนกัน

แต่ในเรื่องอัตราเร่ง ส่วนที่ผมชอบก็ยังมีอยู่บ้าง นั่นคือช่วงเร่งจาก 110 ไป 140 เพราะจังหวะเกียร์ 3
ของ MG3 ออกแบบมารับช่วงนี้ได้พอดี ทำให้แม้ต้นออกจะหนืด แต่พอวิ่งยาว 1.5 กม. มันก็ได้ความเร็ว
168-170 ซึ่งก็เท่ากับรถ 1.5 ลิตรทั่วไป ไล่กันได้

ตัวเครื่องห่วยเหรอ? ผมว่าไม่ใช่นะ เครื่องห่วย คือ อยู่ในบอดี้ที่เบาเท่าชาวบ้าน เกียร์ทดเท่าชาวบ้านแล้วเร่งไม่ดี นั่นคือเครื่องห่วย
แต่ถ้ามาอยู่ในบอดี้หนักๆ สังเกตได้ว่าต้นหนืด แต่หลัง 100 ไปแล้วไม่แพ้ใคร แบบนั้นคือ "รถมันหนัก" ครับ ไม่ใช่เครื่องห่วย
แถมเอาเข้าจริง เสียงเครื่องของ MG3 นั้นผู้ใหญ่หลายคนน่าจะชอบ มันแน่น ทุ้ม นุ่ม และให้สังเกตเวลารอบเดินเบานะ
นิ่งมาก ผมสตาร์ทลองจับฟีลเดินเบาเทียบกับรถทุกคันในบ้าน MG3 นิ่งมากครับ ยิ่งเทียบกับ Swift พี่สาวผมเวลาใส่เกียร์ D
แล้วกดเบรก Swift สะท้านบ้าบอทั้งคัน แต่ MG นิ่งเหมือนไม่ได้ใส่เกียร์ D เลย ตรงนี้เซอร์ไพรสมาก ถ้าอยากนิ่งกว่านี้
ไปซื้อรถ 6 สูบเรียงขับเถอะครับ
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
สอบถามเพื่อนๆที่เคยขับ ถ้าสลับไปโหมด M มันจะเร็วขึ้นมั๊ยครับ
รอบมันสูงมากๆ พอๆกับพวก 4 สปีดเลยครับ ไม่แปลกใจที่มันจะซดขนาดนี้
ถ้าจะวัดแค่ 0-100 โหมด M เร็วกว่าเกือบวิครับ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
สอบถามเพื่อนๆที่เคยขับ ถ้าสลับไปโหมด M มันจะเร็วขึ้นมั๊ยครับ
รอบมันสูงมากๆ พอๆกับพวก 4 สปีดเลยครับ ไม่แปลกใจที่มันจะซดขนาดนี้
ถ้าจะวัดแค่ 0-100 โหมด M เร็วกว่าเกือบวิครับ

ถ้างั้นก็ได้ผลใกล้เคียงกับผมครับ เร็วขึ้นประมาณ 1 วิ โดยได้จากการออกตัวที่จับส่งพลังไวขึ้นและรอบเครื่องที่ลากยาวขึ้น
อันที่จริงรอบ 3,500-6,000 เครื่องตัวนี้หวานใช้ได้นะ คาแร็คเตอร์อยู่ตรงกลางระหว่างแรงบิดตรึมรอบกลางของ 1NZ กับ
แรงลื่นหลัง 5,000 ของ L15
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ Lancer

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 372
ช่วงความเร็วซัก 100-140 มาสด้า 2 MT ก็ได้แค่เท่าๆกับ MG3 เองครับ เคยลองตามอยู่  :'(

ออฟไลน์ ps000000

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,772
รุ่นนี้ ทำให้ MG น่าจะอยู่รอดได้ ในตลาดประเทศไทย

ออฟไลน์ golferjk

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 255
เลขไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่โปรดี ยังไงก็ขายได้

ออฟไลน์ Impulse

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
ผมชักอยากเห็น EcoSticker ของรถรุ่นนี้ละสิ เดี๋ยววันไหนเอารถมาโชวในห้างจะไปดูสักหน่อย

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
เรื่องเกียร์ Selematic ผมว่านอกเหนือจากในเว็บนี้มันมีคนพูดกันไปเยอะละ แต่ผมก็จะพูดอีกจากมุมมองของตัวเองนะ
ว่าความคิดมันผิดตั้งแต่เลือกเกียร์คลัตช์แห้งมาใช้ในรถซิตี้คาร์แล้วเพราะเกียร์ระบบนี้ทำให้นุ่มลื่นได้ยาก มันเป็นข้อจำกัด
ทางวิศวกรรม รถเกียร์ AMT คลัตช์แห้งมันย่อมต้องมีอาการแบบเกียร์ธรรมดากะยึกกะยัก เพราะกลไกไม่ได้ทำงานด้วย
น้ำมันเกียร์แบบเกียร์ออโต้

ถ้าอยู่ในรถสปอร์ตกับซูเปอร์คาร์ เรารับได้เพราะมันต้องเน้นความสนุก กระชาก มันส์ แต่กับรถที่จะทำขาย
คนหมู่มาก หญิง/ชาย บ้ารถ/ไม่รู้เรื่องรถ เอาของอินดี้มาขายแล้วพยายามสอนลูกค้า (ซึ่งลูกค้าบางคนแม้แต่กระจกมองข้าง
ยังไม่เคยปรับ? หน้าปัดคืออะไรบ้างยังไม่รู้?) นอกจากสอนลูกค้าแล้วยังต้องสอนวิธีขับให้เซลส์ด้วยเพื่อที่จะได้ขับให้ลูกค้านั่ง
แล้วรู้สึกนุ่ม ถามจริงว่าในรถราคา 4-5-6 แสนบาทเราควรจะได้รถที่ขับได้โดยไม่ต้องเรียนรู้อะไรมากหรือเปล่า?
แล้วถ้าใครดันทะลึ่งบอกว่ามันเป็นส่วนที่ "คน" ต้องเข้าใจ "รถ" ผมก็จะถามว่าแล้วถ้า Swift เดินเบาสั่นบ้าบอ ผมต้อง "เข้าใจ"
มันมั้ยว่า "เป็นเพราะรถเน้นประหยัดเลยต้องตั้งรอบเดินเบาต่ำ"????



แน่นอนครับ ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่อะไร ที่บ้านผมก็มีไอ้ Swift ..ซื้อมาตั้งแต่ปี 2012 วิ่งมา 46,000 โล พอดีช่วงนี้พี่สาวผมไม่อยู่
ผมก็ขับมันทุกวันจนวันที่ MG3 มา เมื่อเทียบกันแบบนี้มันทำให้ผมได้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละคันมากขึ้น ระหว่างอีโคคาร์
ราคา 559,000 (ตอนซื้อ) กับ B-Segment ราคาอีโคคาร์

ถ้าขับใช้งานในเมือง ผมให้ Swift ชนะครับ ผมไม่ต้องมานั่งทำความเข้าใจอะไรกับเกียร์ ผมอยากให้มันไป ก็เหยียบ ไปเร็วก็เหยียบลึก
ไปช้าก็เหยียบค่อยๆ อยากกระฉับกระเฉงหน่อยก็กด D (S) เวลารถเยอะๆ แล้วต้องเปลี่ยนเลนไป เร่งไป Swift ใส่ D(S) คุมการเร่งได้ง่ายกว่ามากครับ พวงมาลัยความเร็วต่ำเบามาก กลับรถและถอยจอดคล่อง อัตราทดไวจะมีด่า Swift ก็แค่รอบเดินเบาเวลาใส่เกียร์ D เหยียบเบรกที่มันต่ำมากจนรถสะท้านน่ารำคาญมาก

แต่..

ถ้าขึ้นทางด่วนหรือออกแรดทางไกลเมื่อไหร่ ผมจอด Swift คลุมผ้าแล้วเอา MG ออกเลยครับ เพราะนั่นคือที่ที่ผมสามารถ
เล่นกับเกียร์ได้ ใช้โหมด Manual โยกบวกลบเล่นได้สนุก ไม่ต้องทนอาการกระเย่อที่ความเร็วต่ำ พวงมาลัยของ MG3 ที่ว่าหนัก
ผมว่าถ้าใครขับรถพวงมาลัยไฮดรอลิกยุค 90s ยาง 185 มม.ได้ คุณก็ขับ MG3 ได้ น้ำหนักหน่วงที่ความเร็วสูงดีกว่า Swift
ความตึงมือกำลังสวยจบ การตอบสนองสื่ออาการจากถนนสวยจบ ช่วงล่างคนละเรื่องกับ Swift ครับ ผมว่า MG3 ข้ามคลาส
ไปแข่งกับ C-Segment บางคันยังได้ แต่ถ้าเทียบกับ B-Seg ผมว่าคงมีแต่ Sonic ที่นุ่มกว่าและหนึบเท่ากัน เกาะพอๆกัน
ส่วน Mazda ถ้าเป็นตัวเบนซินหน้าจะเบากว่า MG ที่ความเร็วสูง แต่การเปลี่ยนทิศทางแรงๆที่ความเร็วต่ำ Mazda เซ็ตมาดีกว่า

สมมติว่าให้งบประมาณ 600,000 บาท และไม่นับ Sonic ที่เลิกผลิตไปแล้ว ผมว่ามีรถขนาดเล็กน้อยคันมากที่สามารถ
Eat hundreds of mile at high speed in comfort ได้แบบ MG3 อย่าว่าแต่ 120-130 เลยครับ 170 ถ้าไม่มีลมตียังนิ่งนิ้งๆ
เกียร์ที่ขะลึกขะลักในเมือง เวลาได้ยืดเส้นยืดสายสับเอง มันส์กว่า CVT มีโมชั่นกระชากเหมือนเกียร์ธรรมดา และขับลงเขาได้
โดยมี Engine Brake หน่วงเหมือนเกียร์ธรรมดาจริงๆ

ผมว่า MG3 เป็นรถที่เหมาะกับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องอัตราเร่งกับอัตราสิ้นเปลือง กำเงินอยู่ไม่เกิน 600,000 บาท แต่อยากได้
รถเล็กที่สามารถขับทางไกลได้อย่างผ่อนคลายโดยไม่ต้องไปโมดิฟายช่วงล่างเพิ่ม และชอบขับรถที่หักเลี้ยวมั่นๆวิ่ง 140 นิ่งๆ
ซึ่งในราคาระดับนี้ผมว่ามันก็มีแต่ MG3 ที่ตอบได้ และสำหรับคนอื่นชอบตัวเลข ชอบอัตราเร่งดี ประหยัดเมื่อไม่กด โมดิฟาย
แต่งต่อง่าย ของแต่งเยอะๆ ผมว่าไปหารถญี่ปุ่นดีกว่าครับ



สำหรับคนที่กำลังจะซื้อ MG3 แต่กำลังคิดว่าจะปรับตัวเข้ากับ Selematic ได้มั้ย ผมแนะนำว่าไปลองขับเอง
แต่ก่อนไปขับ คุณเข้าใจบางเรื่องเอาไว้ก่อน มันก็จะประหยัดเวลาเซลส์ ประหยัดเวลาคุณ และมีเวลาให้กับการลองรถ
จริงจังมากขึ้น

1. ถ้ารถคันก่อนของคุณเป็นเกียร์ธรรมดา หรือคุณชินกับการโดยสารรถเกียร์ธรรมดาแล้วจำอาการ
หน้าทิ่มหลังดึงเวลาเปลี่ยนเกียร์ได้ Selematic ก็ไม่ได้ต่างจากอาการเหล่านั้นมากนักแต่จะเกิดขึ้นไวเสร็จไวกว่า

2. เปลี่ยนเกียร์จาก N ไป D (ตำแหน่งกลาง) หรือ N ไป R เหยียบเบรกด้วยทุกครั้ง รถญี่ปุ่นบางรุ่นจะลั่นจาก
N ไป D ได้โดยไม่ต้องเหยียบเบรก ซึ่งที่จริงไม่ปลอดภัยครับ ผมโดนปัญหาเคสนี้มาแล้ว ใน MG3 ถ้า
คุณเข้า N ไป D หรือ R โดยไม่เหยียบเบรก รถจะไม่เข้าเกียร์ให้ครับ เป็นระบบ Safety ไม่ใช่เกียร์ไม่ดี

3. ดูจอแดงบนหน้าปัด ถ้าจะเข้าออโต้โหมด ผลักคันเกียร์ไปซ้ายสุด 1 วิแล้วปล่อยกลับ ให้ตัว A ขึ้น
นั่นคือออโต้โหมด ถ้าจะเล่นเกียร์เองให้ผลักซ้ายสุด 1 วิแล้วปล่อย ตัว A หายไป นั่นคือเราพร้อมใช้ +/-
เล่นเกียร์เอง ไม่ว่ารถคุณจะเลือก Auto หรือ Manual ไว้ ถ้าดับเครื่องแล้วมาสตาร์ทใหม่ มันจะจำได้
ว่าคุณเคยเลือกโหมดอะไรไว้ ส่วนปุ่ม MODE ข้างขวาบนของฐานเกียร์ เอาไว้ปรับการตอบสนองครับ
ลองกดแล้วปล่อยมันจะเปลี่ยนจาก A ไป S กดอีกครั้งเป็น S กลับไป A ถ้าโหมด S รถจะคิกดาวน์
sensitive ขึ้น เช่นเดิมโหมด A กดคันเร่ง 70% รถไม่คิกดาวน์ แต่ในโหมด S จะคิกดาวน์ให้
และเวลากดคันเร่งเต็มๆออกตัวเกียร์จะจับเร็วส่งเร็วขึ้นทำให้ออกตัวได้เร็วขึ้น

ถ้าเป็นคุณผู้หญิง..ผมแนะว่าจำง่ายๆ มองหน้าปัด ให้มันมีตัว A ขึ้นไว้ ถ้าไม่ขึ้นก็ผลักซ้าย 1 วิแล้วปล่อย
แค่นั้น ที่เหลือก็ขับไปตามเรื่องตามราว พอใช้จนคุ้นแล้วค่อยมาเล่นกับ Manual กับ Mode ภายหลังได้
ผมว่าคนที่เคยชินกับเกียร์ธรรมดาจะเฉยมากครับกับ Selematic แต่คนที่ชินกับออโต้ PRND321 อาจต้อง
เรียนรู้สักพักแต่ไม่ได้ยากถ้าใจมันสั่งแล้วว่าชอบ

4. ถ้าคุณขับรถไม่เร็วมากนัก กดคันเร่งไม่ลึก เกียร์เปลี่ยนที่ 2,100-2,300 รอบต่อนาที แบบนี้ขับ
เหมือนเกียร์ออโต้ปกติได้เลยครับ การเปลี่ยนเกียร์ไม่ได้กระตุกอะไรมาก ไม่ต้องถอนคันเร่งคืนช่วยใดๆ
ผมลองมาแล้ว ทำซ้ำกี่สิบครั้ง ก็ได้การตอบสนองเหมือนเดิม

5. ถ้าคุณเท้าหนักปานกลาง เกียร์เปลี่ยน 2,500 รอบหรือมากกว่านั้น คราวนี้อาการหน้าทิ่มวูบก่อนกระตุก
จะมาให้เห็นครับ ซึ่งอันนี้ช่วยไม่ได้เพราะผมจะไปบังคับให้คนที่ชอบเท้าหนักปานกลางใกล้กลายเป็นคน
เท้าเบาผมว่าไม่เข้าท่า แต่วิธีบรรเทาอาการคือพอใกล้ถึงจุดที่คุณต้องการให้เกียร์ชิฟท์ขึ้น ก็ถอนคันเร่งกลับ
1-3 ซม. มันแล้วแต่จังหวะ คุณต้องลองถอนคันเร่งช้า/เร็ว มาก/น้อยดูหลายๆ combination ถ้าฝึกเท้าจนชิน
มันเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนเกียร์ที่ 2,500-3,000 รอบโดยแทบไม่มีอาการกระตุก..ผมกล้าพูดเพราะทำมาแล้ว
ลองมาแล้วเช่นกัน ต่อให้คุณถอนเท้าไม่แม่น อาการวูบกระตุกก็จะน้อยลงมากแล้ว ใกล้เคียงกับเกียร์
อัตโนมัติจริงๆมากกว่าเกียร์ธรรมดา

ผมไม่ได้บอกว่าการที่ต้องมานั่งถอนคันเร่งเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องปกตินะ แต่สำหรับคนที่ชอบตัวรถจริงๆ
และกังขาแค่เรื่องนี้ ผมก็นำเสนอว่าที่เขาบอกว่าให้ถอนคันเร่งนิดๆแล้วมันจะกระตุกน้อยลง อันนี้เป็นเรื่องจริง
ส่วนคุณจะทำได้หรือทำไม่ได้ คุณจะมองว่ายากหรือไม่ยาก มันแล้วแต่ความสามารถกับดีกรีการยอมปรับตัว
ของแต่ละคนที่ผมคงไม่ถือวิสาสะไปบอกว่าใครเก่งไม่เก่ง ขับรถเป็นหรือไม่เป็น


นั่นคือขั้นทั่วไป สำหรับคนทั่วไปใช้ Selematic 
ส่วนคนที่ใช้ Selematic ได้ทุกท่าแล้ว ผมจะบอกแค่ว่ามันมีช่วงความเร็วบางช่วงที่ควรจำไว้ว่าเกียร์มันจะลงให้ไม่สุด
อย่างเช่นเรารู้กันว่าเกียร์ 1 สุดได้ 50 เกียร์ 2 สุดได้ 95-97 เกียร์ 3 ลากได้ 135-137 เราก็จะนึกว่าพอเล่น Manual
แล้วมันจะลงได้สุดๆ แต่เปล่า อย่างเกียร์ 1 ถ้าวิ่งเร็วเกิน 30 บางครั้งไม่ลงให้ บางครั้งลง

หรืออย่างเช่นวิ่งอยู่ 80 คุณตั้งใจจะตบลง 2 มันจะไม่ลงให้ หรือวิ่ง 120 คุณคิดว่าใช้เกียร์ 3 ได้ มันจะไม่ลงให้เหมือนกัน
แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียส การลงเกียร์/ไม่ลงเกียร์ ผลต่างอัตราเร่งออกมาก็ราว 0.5 วิ ผมคิดว่าเยอะ แต่ถ้าคุณคิดว่าน้อย
ก็ไม่ว่ากันเพราะแต่ละคนให้ความสำคัญกับบางเรื่องไม่เท่ากันเสมอไป







- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ MoO Cnoe

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 7,487
    • อีเมล์
ผมชักอยากเห็น EcoSticker ของรถรุ่นนี้ละสิ เดี๋ยววันไหนเอารถมาโชวในห้างจะไปดูสักหน่อย

Eco Sticker (Combined Mode)

MG 3 AMT  15.62 km/l
Jazz CVT  16.66 km/l
City CVT  17.85 km/l
Fiesta Ecoboost DCT  18.86 km/l

ก็ยังกินน้ำมันที่สุดในกลุ่มอยู่ดีครับ ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน

ออฟไลน์ Activehybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,554
เห็นตัวเลขแล้ว อืม แย่จริงๆ

ออฟไลน์ e:smart Hybrid

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,703
ผมชอบช่วงล่างของ MG3 ครับ

หนักแน่นดีมากๆ

ไม่แปลกใจทำไมยางถึงไปไว

ส่วนนึงผมสังเกตว่ามันคือ Maxxis ครับ

ผมเคยไปลองที่ seacon รถ MG3 แทบทุกคัน ยางแทบหมดดอก ทั้งที่วิ่งไปไม่กี่กิโล

แนะนำ ลองเปลี่ยนยาง น่าจะดีขึ้นครับ เพราะช่วงล่าง จิกเกาะกับถนนแบบ โกคาร์ท จริงๆ

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ใส่ล้อ 15x7 ยาง 195/55 เอายางสปอร์ตหน่อยจะขับดีมากเพราะขนาดยาง 185/65 Maxxis สภาพแบบนั้น
การเกาะโค้งก็ใช่ว่าแย่ แต่ก่อนช่วงล่างจะได้แสดงเดช ยางไถลก่อน ถ้าใครขับซิ่งแนะนำเปลี่ยนยาง
ส่วนถ้าขับไม่ซิ่งไม่เล่นพิลึก แค่วิ่งเร็วเฉยๆ ยางไซส์เดิมแต่อัพเกรดเนื้อยางหน่อยเหลือพอ
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ ซิ่งเข้าส้วม

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 3,150
เรื่องเกียร์ Selematic ผมว่านอกเหนือจากในเว็บนี้มันมีคนพูดกันไปเยอะละ แต่ผมก็จะพูดอีกจากมุมมองของตัวเองนะ
ว่าความคิดมันผิดตั้งแต่เลือกเกียร์คลัตช์แห้งมาใช้ในรถซิตี้คาร์แล้วเพราะเกียร์ระบบนี้ทำให้นุ่มลื่นได้ยาก มันเป็นข้อจำกัด
ทางวิศวกรรม รถเกียร์ AMT คลัตช์แห้งมันย่อมต้องมีอาการแบบเกียร์ธรรมดากะยึกกะยัก เพราะกลไกไม่ได้ทำงานด้วย
น้ำมันเกียร์แบบเกียร์ออโต้

ถ้าอยู่ในรถสปอร์ตกับซูเปอร์คาร์ เรารับได้เพราะมันต้องเน้นความสนุก กระชาก มันส์ แต่กับรถที่จะทำขาย
คนหมู่มาก หญิง/ชาย บ้ารถ/ไม่รู้เรื่องรถ เอาของอินดี้มาขายแล้วพยายามสอนลูกค้า (ซึ่งลูกค้าบางคนแม้แต่กระจกมองข้าง
ยังไม่เคยปรับ? หน้าปัดคืออะไรบ้างยังไม่รู้?) นอกจากสอนลูกค้าแล้วยังต้องสอนวิธีขับให้เซลส์ด้วยเพื่อที่จะได้ขับให้ลูกค้านั่ง
แล้วรู้สึกนุ่ม ถามจริงว่าในรถราคา 4-5-6 แสนบาทเราควรจะได้รถที่ขับได้โดยไม่ต้องเรียนรู้อะไรมากหรือเปล่า?
แล้วถ้าใครดันทะลึ่งบอกว่ามันเป็นส่วนที่ "คน" ต้องเข้าใจ "รถ" ผมก็จะถามว่าแล้วถ้า Swift เดินเบาสั่นบ้าบอ ผมต้อง "เข้าใจ"
มันมั้ยว่า "เป็นเพราะรถเน้นประหยัดเลยต้องตั้งรอบเดินเบาต่ำ"????



แน่นอนครับ ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่อะไร ที่บ้านผมก็มีไอ้ Swift ..ซื้อมาตั้งแต่ปี 2012 วิ่งมา 46,000 โล พอดีช่วงนี้พี่สาวผมไม่อยู่
ผมก็ขับมันทุกวันจนวันที่ MG3 มา เมื่อเทียบกันแบบนี้มันทำให้ผมได้เห็นจุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละคันมากขึ้น ระหว่างอีโคคาร์
ราคา 559,000 (ตอนซื้อ) กับ B-Segment ราคาอีโคคาร์

ถ้าขับใช้งานในเมือง ผมให้ Swift ชนะครับ ผมไม่ต้องมานั่งทำความเข้าใจอะไรกับเกียร์ ผมอยากให้มันไป ก็เหยียบ ไปเร็วก็เหยียบลึก
ไปช้าก็เหยียบค่อยๆ อยากกระฉับกระเฉงหน่อยก็กด D (S) เวลารถเยอะๆ แล้วต้องเปลี่ยนเลนไป เร่งไป Swift ใส่ D(S) คุมการเร่งได้ง่ายกว่ามากครับ พวงมาลัยความเร็วต่ำเบามาก กลับรถและถอยจอดคล่อง อัตราทดไวจะมีด่า Swift ก็แค่รอบเดินเบาเวลาใส่เกียร์ D เหยียบเบรกที่มันต่ำมากจนรถสะท้านน่ารำคาญมาก

แต่..

ถ้าขึ้นทางด่วนหรือออกแรดทางไกลเมื่อไหร่ ผมจอด Swift คลุมผ้าแล้วเอา MG ออกเลยครับ เพราะนั่นคือที่ที่ผมสามารถ
เล่นกับเกียร์ได้ ใช้โหมด Manual โยกบวกลบเล่นได้สนุก ไม่ต้องทนอาการกระเย่อที่ความเร็วต่ำ พวงมาลัยของ MG3 ที่ว่าหนัก
ผมว่าถ้าใครขับรถพวงมาลัยไฮดรอลิกยุค 90s ยาง 185 มม.ได้ คุณก็ขับ MG3 ได้ น้ำหนักหน่วงที่ความเร็วสูงดีกว่า Swift
ความตึงมือกำลังสวยจบ การตอบสนองสื่ออาการจากถนนสวยจบ ช่วงล่างคนละเรื่องกับ Swift ครับ ผมว่า MG3 ข้ามคลาส
ไปแข่งกับ C-Segment บางคันยังได้ แต่ถ้าเทียบกับ B-Seg ผมว่าคงมีแต่ Sonic ที่นุ่มกว่าและหนึบเท่ากัน เกาะพอๆกัน
ส่วน Mazda ถ้าเป็นตัวเบนซินหน้าจะเบากว่า MG ที่ความเร็วสูง แต่การเปลี่ยนทิศทางแรงๆที่ความเร็วต่ำ Mazda เซ็ตมาดีกว่า

สมมติว่าให้งบประมาณ 600,000 บาท และไม่นับ Sonic ที่เลิกผลิตไปแล้ว ผมว่ามีรถขนาดเล็กน้อยคันมากที่สามารถ
Eat hundreds of mile at high speed in comfort ได้แบบ MG3 อย่าว่าแต่ 120-130 เลยครับ 170 ถ้าไม่มีลมตียังนิ่งนิ้งๆ
เกียร์ที่ขะลึกขะลักในเมือง เวลาได้ยืดเส้นยืดสายสับเอง มันส์กว่า CVT มีโมชั่นกระชากเหมือนเกียร์ธรรมดา และขับลงเขาได้
โดยมี Engine Brake หน่วงเหมือนเกียร์ธรรมดาจริงๆ

ผมว่า MG3 เป็นรถที่เหมาะกับคนที่ไม่ซีเรียสเรื่องอัตราเร่งกับอัตราสิ้นเปลือง กำเงินอยู่ไม่เกิน 600,000 บาท แต่อยากได้
รถเล็กที่สามารถขับทางไกลได้อย่างผ่อนคลายโดยไม่ต้องไปโมดิฟายช่วงล่างเพิ่ม และชอบขับรถที่หักเลี้ยวมั่นๆวิ่ง 140 นิ่งๆ
ซึ่งในราคาระดับนี้ผมว่ามันก็มีแต่ MG3 ที่ตอบได้ และสำหรับคนอื่นชอบตัวเลข ชอบอัตราเร่งดี ประหยัดเมื่อไม่กด โมดิฟาย
แต่งต่อง่าย ของแต่งเยอะๆ ผมว่าไปหารถญี่ปุ่นดีกว่าครับ



สำหรับคนที่กำลังจะซื้อ MG3 แต่กำลังคิดว่าจะปรับตัวเข้ากับ Selematic ได้มั้ย ผมแนะนำว่าไปลองขับเอง
แต่ก่อนไปขับ คุณเข้าใจบางเรื่องเอาไว้ก่อน มันก็จะประหยัดเวลาเซลส์ ประหยัดเวลาคุณ และมีเวลาให้กับการลองรถ
จริงจังมากขึ้น

1. ถ้ารถคันก่อนของคุณเป็นเกียร์ธรรมดา หรือคุณชินกับการโดยสารรถเกียร์ธรรมดาแล้วจำอาการ
หน้าทิ่มหลังดึงเวลาเปลี่ยนเกียร์ได้ Selematic ก็ไม่ได้ต่างจากอาการเหล่านั้นมากนักแต่จะเกิดขึ้นไวเสร็จไวกว่า

2. เปลี่ยนเกียร์จาก N ไป D (ตำแหน่งกลาง) หรือ N ไป R เหยียบเบรกด้วยทุกครั้ง รถญี่ปุ่นบางรุ่นจะลั่นจาก
N ไป D ได้โดยไม่ต้องเหยียบเบรก ซึ่งที่จริงไม่ปลอดภัยครับ ผมโดนปัญหาเคสนี้มาแล้ว ใน MG3 ถ้า
คุณเข้า N ไป D หรือ R โดยไม่เหยียบเบรก รถจะไม่เข้าเกียร์ให้ครับ เป็นระบบ Safety ไม่ใช่เกียร์ไม่ดี

3. ดูจอแดงบนหน้าปัด ถ้าจะเข้าออโต้โหมด ผลักคันเกียร์ไปซ้ายสุด 1 วิแล้วปล่อยกลับ ให้ตัว A ขึ้น
นั่นคือออโต้โหมด ถ้าจะเล่นเกียร์เองให้ผลักซ้ายสุด 1 วิแล้วปล่อย ตัว A หายไป นั่นคือเราพร้อมใช้ +/-
เล่นเกียร์เอง ไม่ว่ารถคุณจะเลือก Auto หรือ Manual ไว้ ถ้าดับเครื่องแล้วมาสตาร์ทใหม่ มันจะจำได้
ว่าคุณเคยเลือกโหมดอะไรไว้ ส่วนปุ่ม MODE ข้างขวาบนของฐานเกียร์ เอาไว้ปรับการตอบสนองครับ
ลองกดแล้วปล่อยมันจะเปลี่ยนจาก A ไป S กดอีกครั้งเป็น S กลับไป A ถ้าโหมด S รถจะคิกดาวน์
sensitive ขึ้น เช่นเดิมโหมด A กดคันเร่ง 70% รถไม่คิกดาวน์ แต่ในโหมด S จะคิกดาวน์ให้
และเวลากดคันเร่งเต็มๆออกตัวเกียร์จะจับเร็วส่งเร็วขึ้นทำให้ออกตัวได้เร็วขึ้น

ถ้าเป็นคุณผู้หญิง..ผมแนะว่าจำง่ายๆ มองหน้าปัด ให้มันมีตัว A ขึ้นไว้ ถ้าไม่ขึ้นก็ผลักซ้าย 1 วิแล้วปล่อย
แค่นั้น ที่เหลือก็ขับไปตามเรื่องตามราว พอใช้จนคุ้นแล้วค่อยมาเล่นกับ Manual กับ Mode ภายหลังได้
ผมว่าคนที่เคยชินกับเกียร์ธรรมดาจะเฉยมากครับกับ Selematic แต่คนที่ชินกับออโต้ PRND321 อาจต้อง
เรียนรู้สักพักแต่ไม่ได้ยากถ้าใจมันสั่งแล้วว่าชอบ

4. ถ้าคุณขับรถไม่เร็วมากนัก กดคันเร่งไม่ลึก เกียร์เปลี่ยนที่ 2,100-2,300 รอบต่อนาที แบบนี้ขับ
เหมือนเกียร์ออโต้ปกติได้เลยครับ การเปลี่ยนเกียร์ไม่ได้กระตุกอะไรมาก ไม่ต้องถอนคันเร่งคืนช่วยใดๆ
ผมลองมาแล้ว ทำซ้ำกี่สิบครั้ง ก็ได้การตอบสนองเหมือนเดิม

5. ถ้าคุณเท้าหนักปานกลาง เกียร์เปลี่ยน 2,500 รอบหรือมากกว่านั้น คราวนี้อาการหน้าทิ่มวูบก่อนกระตุก
จะมาให้เห็นครับ ซึ่งอันนี้ช่วยไม่ได้เพราะผมจะไปบังคับให้คนที่ชอบเท้าหนักปานกลางใกล้กลายเป็นคน
เท้าเบาผมว่าไม่เข้าท่า แต่วิธีบรรเทาอาการคือพอใกล้ถึงจุดที่คุณต้องการให้เกียร์ชิฟท์ขึ้น ก็ถอนคันเร่งกลับ
1-3 ซม. มันแล้วแต่จังหวะ คุณต้องลองถอนคันเร่งช้า/เร็ว มาก/น้อยดูหลายๆ combination ถ้าฝึกเท้าจนชิน
มันเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนเกียร์ที่ 2,500-3,000 รอบโดยแทบไม่มีอาการกระตุก..ผมกล้าพูดเพราะทำมาแล้ว
ลองมาแล้วเช่นกัน ต่อให้คุณถอนเท้าไม่แม่น อาการวูบกระตุกก็จะน้อยลงมากแล้ว ใกล้เคียงกับเกียร์
อัตโนมัติจริงๆมากกว่าเกียร์ธรรมดา

ผมไม่ได้บอกว่าการที่ต้องมานั่งถอนคันเร่งเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องปกตินะ แต่สำหรับคนที่ชอบตัวรถจริงๆ
และกังขาแค่เรื่องนี้ ผมก็นำเสนอว่าที่เขาบอกว่าให้ถอนคันเร่งนิดๆแล้วมันจะกระตุกน้อยลง อันนี้เป็นเรื่องจริง
ส่วนคุณจะทำได้หรือทำไม่ได้ คุณจะมองว่ายากหรือไม่ยาก มันแล้วแต่ความสามารถกับดีกรีการยอมปรับตัว
ของแต่ละคนที่ผมคงไม่ถือวิสาสะไปบอกว่าใครเก่งไม่เก่ง ขับรถเป็นหรือไม่เป็น


นั่นคือขั้นทั่วไป สำหรับคนทั่วไปใช้ Selematic 
ส่วนคนที่ใช้ Selematic ได้ทุกท่าแล้ว ผมจะบอกแค่ว่ามันมีช่วงความเร็วบางช่วงที่ควรจำไว้ว่าเกียร์มันจะลงให้ไม่สุด
อย่างเช่นเรารู้กันว่าเกียร์ 1 สุดได้ 50 เกียร์ 2 สุดได้ 95-97 เกียร์ 3 ลากได้ 135-137 เราก็จะนึกว่าพอเล่น Manual
แล้วมันจะลงได้สุดๆ แต่เปล่า อย่างเกียร์ 1 ถ้าวิ่งเร็วเกิน 30 บางครั้งไม่ลงให้ บางครั้งลง

หรืออย่างเช่นวิ่งอยู่ 80 คุณตั้งใจจะตบลง 2 มันจะไม่ลงให้ หรือวิ่ง 120 คุณคิดว่าใช้เกียร์ 3 ได้ มันจะไม่ลงให้เหมือนกัน
แต่ถ้าคุณไม่ซีเรียส การลงเกียร์/ไม่ลงเกียร์ ผลต่างอัตราเร่งออกมาก็ราว 0.5 วิ ผมคิดว่าเยอะ แต่ถ้าคุณคิดว่าน้อย
ก็ไม่ว่ากันเพราะแต่ละคนให้ความสำคัญกับบางเรื่องไม่เท่ากันเสมอไป

ขอบคุณพี่แพนที่ทำรีวิวให้อ่านครับ ผมก็เห็นด้วยตามนี้ครับ ขับในเมือง 0-60 นี่มันทรมาณจิตใจมากๆ เบรคกับคันเร่งก็อยู่สูงอีก เหยียบเบรคนานๆ แล้วเมื่อย แต่ขึ้นบูรพาวิถีนี่นิ่งจริงๆ ครับ พูดตรงๆ ว่า Sylphy ที่เป็น C-segment เทียบไม่ติด ส่วนเรื่องกินน้ำมัน ตอนนี้น้ำมันถูก ถ้าไม่ได้ตะบี้ตะบันขับมากเป็นแสนโลมันก็อยู่ในเกณฑ์รับได้อยู่ครับ แต่ถ้าน้ำมันลิตรละ 30 เมื่อไรล่ะก็ น่าจะเริ่มขายยากละ

ออฟไลน์ Staples

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2,668
Review เทียบกับ Swift ได้ดีมากครับ รอบต่ำๆ เหยียบเบรคแล้วสะท้านกระตุกจริง แต่สำหรับผม ลำดับความสำคัญแล้ว ยังชอบประหยัดมากกว่าช่วงล่าง แม้ขับทางไกลจะเหนื่อยกว่าก็เถอะ อย่างที่บอก ถ้าอยากได้ช่วงล่างดีกว่า ประหยัดกว่า ก็ต้องมอง Mazda 2 diesel ที่ค่าตัวโดดไปไกล ถ้ารับได้ ก็จัดไป

ออฟไลน์ eaksuchart

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 820
เป็นรถที่สวยครับ มองแล้วน่ารักดี

ใครที่หาข้อมูลอยู่ ได้รู้แจ้งเลยครับ

รบกวนขอทราบโปร ของค่ายนี้หน่อยครับ ส่วนลดมีบ้างมั้ยประมาณไหนครับ

ออฟไลน์ Impulse

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 938
ผมชักอยากเห็น EcoSticker ของรถรุ่นนี้ละสิ เดี๋ยววันไหนเอารถมาโชวในห้างจะไปดูสักหน่อย

Eco Sticker (Combined Mode)

MG 3 AMT  15.62 km/l
Jazz CVT  16.66 km/l
City CVT  17.85 km/l
Fiesta Ecoboost DCT  18.86 km/l

ก็ยังกินน้ำมันที่สุดในกลุ่มอยู่ดีครับ ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน

ขอบคุณมากครับคุณหมู

แปลว่าสติ๊กเกอร์กลับชี้ว่าความห่างไม่มาก เท่าการใช้งานของ HLM
อ้างอิง MG3 vs Jazz
(EcoSticker ต่างประมาณ 7% ส่วน HLM ประมาณ 13%)
ส่วนตัวผมเชื่อของที่นี่กว่า
ผลที่ออกมามันต่างกันระดับมีนัยยะเลย แปลว่า EcoSticker ก็ไม่ค่อยแม่นเท่าไร  :-\


ออฟไลน์ J@K

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 572
  • ไม่ซิ่ง.....ก็ซี้
ตัวเลขแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ทำใจยาก ยกเว้นราคาพอได้
@ngel gunman

ออฟไลน์ Newhang

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 5,338
ให้ง่ายกับชีวิตก็คือต้องไม่ซื้อแหละ พอได้เป็นเจ้าของปัญหามันมาอีกเพียบแน่

ออฟไลน์ Pan Paitoonpong

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 6,457
  • Long live M/T
ขอบคุณพี่แพนที่ทำรีวิวให้อ่านครับ ผมก็เห็นด้วยตามนี้ครับ ขับในเมือง 0-60 นี่มันทรมาณจิตใจมากๆ เบรคกับคันเร่งก็อยู่สูงอีก เหยียบเบรคนานๆ แล้วเมื่อย แต่ขึ้นบูรพาวิถีนี่นิ่งจริงๆ ครับ พูดตรงๆ ว่า Sylphy ที่เป็น C-segment เทียบไม่ติด ส่วนเรื่องกินน้ำมัน ตอนนี้น้ำมันถูก ถ้าไม่ได้ตะบี้ตะบันขับมากเป็นแสนโลมันก็อยู่ในเกณฑ์รับได้อยู่ครับ แต่ถ้าน้ำมันลิตรละ 30 เมื่อไรล่ะก็ น่าจะเริ่มขายยากละ

จริงๆไม่ถึงกับทำรีวิวครับผม แต่ไหนๆก็เอามาขับหลายวัน หลายร้อยโลก็ให้มันได้งาน ได้เรื่องออกมาหน่อย
เพราะนี่ MG เขาใจดีมากนะให้ยืมตั้งหลายวันทั้งๆที่ผมบอกแล้วว่าไม่ได้เอามาทำรีวิวนะ แต่อยากรู้จักรถมันมากขึ้น
เพราะเราต้องหา ว่าไอ้ที่คนแอนตี้ ทำไมต้องแอนตี้ และทำไมคนที่รักมันถึงได้รักมัน เข้าใจเหรียญให้ครบสองด้าน
ที่เหลือก็ว่ากันไปตามสิ่งที่ผมรู้สึกจริง หรือวัดได้จริง

ถ้าให้ผมเขียนแบบตั้งใจจับผิด 100% ผมขุดได้อีกเยอะครับ ผมยังไม่ได้พูดเรื่องตำแหน่งสวิตช์ไฟฉุกเฉินว่าทำไมต้อง
ลงไปอยู่คอนโซลล่างใกล้เบรกมือ เวลามีอะไรต้องรีบกด ผมต้องหันลงไปมอง คลำไปคลำมาติด TCS Off ไปอีก
หรือว่าทำไมต้องเอาปุ่มปลดล็อค/ล็อคประตูไปรวมไว้กับชุดควบคุมระบบปรับอากาศ..หรือกระจกมองข้างด้านขวา
ที่มุมค่อนข้างแคบ จุดบอดด้านขวาเยอะมาก หรือช่องแอร์กลางที่จะปรับส่องลงหรือส่งขึ้นก็ต้องปรับมันทั้งซ้าย/ขวา
ไปพร้อมกัน ซึ่งอันหลังนี่ผมว่าแย่นะรถจ่ายกับข่าวจาก 25 ปีก่อนยังไม่บังคับใจกันขนาดนี้

ผมว่าบางอย่าง จะทำเหมือนชาวบ้านเขาบ้างก็ได้ ไม่ใช่เรื่องแย่ บางอย่างให้มูนรูฟมามันไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา
แต่เป็นการถ่วงดุลย์ความน่าสนใจให้กับรถ ได้อย่าง เสียอย่าง ซึ่งถ้าสมมติว่าเรายอมปรับตัวเข้ากับข้อเสียทั้งหมด
โดยไม่บ่นอะไรเลย ในรถรุ่นต่อไปมันก็จะยังเป็นอย่างนี้อยู่ ผมเลยบอกว่าถ้า MG แก้ปัญหาความอินดี้บางด้านได้
แต่รักษาข้อดีที่เหลือให้ดีต่อไป ผมว่ามันจะดีมาก ผู้บริโภคจะมีทางเลือกมากขึ้น อย่างน้อย MG ก็พิสูจน์แล้วว่า
ในงบ 559,000 บาท คุณสามารถมีรถที่ช่วงล่างดี เบาะใหญ่นั่งสบาย เบาะหลังเอนกำลังดี ออพชั่นความปลอดภัยครบ
ถ้าสมมติอีกหน่อยปรับให้ดีขึ้นในเรื่อง User Friendliness มันจะยิ่งดีกว่านี้  แต่เราไม่สามารถสั่งให้บริษัทรถทำทุกอย่าง
ให้ดีไปทุกเรื่องได้ มันก็ต้องมีข้อเสียบ้าง ผมว่า MG ไม่ต้องคิดมากเรื่องประหยัดน้ำมันก็ได้ หรือจะไม่แรง ก็ไม่เป็นไร
เพราะคนซื้อ B-Segment ส่วนใหญ่ไม่ได้มองหาความเป็นเลิศทางด้านนี้เสมอไป แต่ในด้านอื่น ขอให้ทำได้ดี
ทำรถที่คนมาขับแล้วรู้สึกว่ามันสบายใจ มันหนักแน่น มัน Friendly กับผู้ใช้ จากนั้นก็ให้ผู้ใช้เลือกรถที่เขาคิดว่ามัน
พอดีกับชีวิตเขา

เอาล่ะผมว่าผมเขียนแค่นี้ ส่วนเรื่องอื่นๆเกี่ยวกับตัวรถ ใครมีอะไรก็ถามมาแล้วกันครับ ถ้าตอบได้จะตอบให้
ผมอยู่กับรถ ขับมันทุกวันทุกคืนจนไปๆมาๆแอบอยากยึดไว้ลง K24A2 วิ่งเล่น (แต่ก็ต้องคืนล่ะวะ 55)
- Nissan Tiida บ้านๆ/NX Coupe/AE111/190E1.8

ออฟไลน์ ktonja

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 321
เห็นด้วยแทบทุกประการกับคุณแพนครับ ผมขับ MG3 อยู่ทุกกวัน
-รถนะถือว่าดีเลยแหละ ตัวถังประตูแข็งหนากว่ารถญี่ปุ่น รถมันถึงได้หนักกว่าชาวบ้าน
-สวิตซ์ไฟฉุกเฉินอยู่ตรงนั้นมันไม่ค่อยดี แถมมีปุ่มปิดแทรกชั่นคอนโทรลใกล้ๆอีก ถึงจะคุ้นแล้วก็ต้องยอมรับบางทีก็กดพลาด
-ช่วงล่างผมว่าประเสริฐเลย จากเดิมเป็นคนที่เคยขับรถญี่ปุ่นยี่ห้อตลาด B-Segment มาก่อน
-เกียร์ก็ตามที่พี่แพนกล่าวเลย ถ้าเข้าใจเกียร์แล้วก็ขับแบบ Auto ทั่วไปได้

ที่ไม่เห็นด้วยก็ตำแหน่งปุ่มเปิด/ปิดประตู
-หลังจากที่ใช้มาหลายเดือนผมว่าอยู่ตำแหน่งตรงแผงสวิตซ์แอร์นั้นก็ดีนะบางทีผมก็ให้คนนั่งข้างคนขับช่วยกดเปิด/ปิด ได้สะดวกดี