เริ่มรู้สึกว่า ณ ตอนนี้รถ BMW สมรรถนะที่ว่าเทพสุดในตลาดมาช้านานในราคาของมัน เหมือนจะโดนเร่งตามและตีคู่ได้จากรถค่ายอื่น ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ค่าย premium ด้วยซ้ำ นั่นหมายถึงราคาถูกกว่า BMW ครึ่งนึงหรือแค่ 40-50% ของราคาเต็ม BMW แต่ได้สมรรถนะใกล้เคียง หรืออาจจะเหนือกว่าด้วยซ้ำ เอาง่ายๆก่อนเช่น
1. BMW X1 18d vs MG GS
คู่นี้ X1 มาเครื่องดีเซลเทอโบ 150 แรงม้า
MG GS มาเครื่องเบนซินเทอโบ 218 แรงม้า
ถ้าไม่เทียบลักษณะ diesel vs benzine ที่ดีเซลแรงบิดเยอะแต่รอบต่ำเลย คู่นี้ X1 ดมฝุ่น MG GS แหงๆละ ยิ่งถ้าขับอยู่ 60, 80 แล้วเหยียบมิดเร่งแซง เกรงว่า GS จะทิ้งหาย
สเป็คก็บอกแล้วว่า BMW X1 0-100 = 9.2 วิ
ขณะที่ MG GS 0-100 น่าจะไม่เกิน 8.5 วิไหม นี่พยายามมองให้ช้ามากๆ แล้วนะครับ ถ้าเป็นค่ายอื่นเช่น Volvo มาเครื่องสเป็กนี้ ใช้เวลาแค่ 6.9 วิด้วยซ้ำตามสเป็ก เช่น V40
ราคา GS, X1 คู่นี้ ก็ต่างกันสิ้นเชิง ผมไม่ทราบว่า MG GS จะราคาเท่าไร แต่ตอนแรกก็เดาว่าน่าจะมาแข่งกับ HRV, CX3 ราคาประมาณล้านนึง แต่ไปๆ มาๆ ด้วยสมรรถนะขนาดนี้ ผมคิดว่าต่อให้มาราคา1.3-1.5 ล้าน มันยังคุ้มค่าและได้สมรรถนะเกินตัวไป 2 เท่าเลย
พูดตามตรง ก็คือเครื่องขนาดนี้ ถ้าเทียบกับพรีเมียมยุโรป มันต้องไปเทียบกับรหัสตัวแรงแล้วเช่น BMW 328i, C300 ผมว่าพรีเมี่ยมยุโรปน่าจะร้อนรน ทุรนทุรายนะ ถึงมันจะแบรนด์คนละชั้นกันก็ตามครับ เพราะตัวท็อปพรีเมี่ยม นั่นราคา 3 ล้าน แต่สมรรถนะโดนรถราคา 1 ล้าน มาตีคู่
เรื่อง feeling รถ MG ผมก็เชื่อว่าน่าจะทำรถมาหนักแน่น ไม่เบาหวิวก๊องแก๊งเหมือนค่ายญี่ปุ่นบางค่าย ขับ 150 ขึ้นไปยังมั่นใจอยู่ ถึงอาจจะไม่สนุกเทียบเท่า BMW ก็ตามแต่ทำมาได้ดีเสมอ ในเรื่องช่วงล่าง
คู่ต่อมา
Honda Civic 1.5 กับ BMW 3-Series
คู่นี้บอกตามตรง ว่าไม่อยากเอามาเทียบกันเลย(หรือผมเป็นคนคิดมากและขี้กังวลเกินไป ปนกับอิจฉา Civic ที่จะราคาถูกกว่าครึ่งนึง) และในอดีต ไม่เคยคิดว่าใครจะมองว่ามันสามารถมีอะไรเทียบกันได้เลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่สมรรถนะและฟิลลิ่ง
แต่เมื่อ Honda Civic ใหม่ จะมาด้วยเครื่อง 1.5 ลิตรเบนซินเทอโบ 173 แรงม้า
นั่นหมายความว่า BMW 320i เบนซินเทอโบตัวธรรมดาในไทย น่าจะรู้สึกไม่ค่อยดีนะ เพราะ 320i มาพร้อมเครื่อง 2,000cc 184 แรงม้า แต่Civicเป็นเครื่องแค่ 1,500cc แต่แรงม้าน้อยกว่า BMW แค่ 11ตัว
บอกตามตรงก็คือ Civic คงไม่ได้ทำมาให้ได้รถแรงแบบ 3 หรือขับขี่เนียนไร้รอยต่อแบบ BMW
แต่ด้วยการวางสมรรถนะระดับนี้ กับเครื่องแค่ 1.5 ลิตร นั่นคงทำให้ Civic 1.5 เป็นรถประหยัดน้ำมันกว่าเดิม ยิ่งวิ่งในเมืองยิ่งประหยัดกว่าคู่แข่งเดิมที่เป็น 2,000cc แต่ขณะเดียวกัน ด้วยการยัดเทอโบมาจนได้ 173แรงม้า ผมถือว่าเยอะเลย และน่าใช้มาก
ผมรู้สึกว่าค่ายพรีเมี่ยมทั้งหลาย เค้านิ่งไปมั้ย ไม่ตื่นตัวกันเลยเหรอ? ว่าค่ายตัวเองโดนรถบ้านวัดรอยเท้า หรือว่าผมคิดไปเองและตื่นเต้นไปเอง ที่รถยนต์แบรนด์ธรรมดาอย่าง Honda, MG จะทำรถได้่สมรรถนะสูงกันขนาดนั้น
แล้วอีกอย่างคือ ณ ช่วงปีหลังสุดนี้ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ option ของรถญี่ปุ่น C และ D segment เหมือนจะเยอะกว่า BMW, Benz ไปแล้ว
เช่น
-Blind Spot Detection ใน Camry, Teana แต่ BMW 3,5 ยังไม่มีเลย ทั้งที่ 3 เพิ่ง LCI ไป คือมองว่ามันเป็นของไร้สาระเหรอ ผมไม่คิดแบบนั้นนะ ผมคนนึงหละอยากได้มากและอิจฉาทุกครั้งที่เวลาขับไปรถคันข้างๆ แล้วไฟเตือนเค้าติด เช่น Camry, E-Class ผมผิดหวังมาก และไม่เข้าใจว่า BMW มองข้ามอันนี้ไปได้ยังไง
-กล้องรอบคัน เช่นใน Teana, Pajero Sport แต่ใน BMW 3-Series, X1, 520d ใหม่ ก็ไม่มีกล้องรอบคันให้ มีแต่ sensor และจอบอกระยะห่างเป็น graphic แค่นั้นเอง ที่จริง Izuzu ยังมีให้เลย ที่เวลาถอยหลังเป็นกล้องและมีเส้นบอกความกว้างของตัวรถ
-ระบบ infotainment ไม่ต้องพูดถึง เพราะค่ายญี่ปุ่นไม่น้อยกว่าเลย เช่น Mazda3, Honda Civic เดิมๆ ก็มี function เหมือนค่ายยุโรปทั้งนั้น
-option ความปลอดภัย ก็ไม่ต่างกันเลย VSC, EBD, Traction Control, Airbag 6-8ใบ, ABS
ช่วง 1-3 ปีหลังนี้รู้ว่าค่ายญี่ปุ่นจะยัดอะไรใส่ในรถตัวเองให้เยอะขึ้นแบบชัดเจน แล้วที่สำคัญคือเหมือนปฏิวัติสมรรถนะที่ดีมาให้ด้วย เช่น Mazda3
ขณะที่พรีเมียมยุโรปช่วงนี้เป็นยักษ์อืดอาด พยายามแต่จะเอารถ Plug-in Hybrid มาเข้าไทย ทั้งๆที่ลูกค้าไม่ได้เรียกร้อง แน่นอนเพื่อผลกระกอบการจากภาษีรถไฮบริด แต่เอามาเยอะแยะแบบลูกค้าไม่ได้ต้องการ แล้วเอาตัวท็อปธรรมดาทิ้ง มัดมือชกให้ต้องใช้ไฮบริด แแต่พอตัวล่างก็ออพชั่นไม่เต็ม สมรรถนะก็โดนค่ายตลาดๆ ไล่ตาม
การมองข้ามการใส่ออพชั่นลูกเล่นในตัวล่างเช่น 320i, 320d, C200 เทียบกับที่ค่ายญี่ปุ่นเค้าหันมาใส่กันเยอะแยะเนี่ยนะ เหมือนมองข้ามลูกค้า แต่ประมาทรถตัวเองไปมั้ย สมรรถนะก็ไม่ค่อยอัพเกรดขึ้นไปกว่าเดิม ออพชั่นก็เหมือนเดิม เช่น 3,5 LCI ก็ออพชั่นแทบจะเหมือนกับตัวก่อน LCI ทั้งๆที่ก็เห็นแล้วว่าค่ายญี่ปุ่น เค้าใส่ออพชั่นตามมาแล้ว Mazda3 ยังมี HUD เลย แต่BMW ซีรี่3 LCI ก็ยังเฉยๆ ไม่สนใจจำเพิ่้มของเล่นอะไรให้มากนัก
ผมคิดไปเองไหมครับ แต่ผมคิดว่าถ้า BMW มองข้ามออพชั่นเล็กๆ ไป ผมว่าความแตกต่างระหว่าง premium brand กับ non-premium brand มันจะใกล้เคียงกันมาก ยกเว้นสิ่งที่ต่างกันคือ
ราคาแพงกว่าค่ายปกติ 2 เท่า หรือมากกว่านั้น
ภาพลักษณ์ logo ใบพัด/ตราดาว
ผิวสัมผัส
แค่นั้นเอง
แต่รถสมรรถนะดี ต่อไปอาจจะไม่ต้อง BMW แล้ว
ต่อไปซื้อ MG, Honda ก็ขับตีคู่ เร่งแซงฉีก Benz, BMW ได้
อารมณ์ประมาณ BMW 320i, 320d เจอรถ MG GS วิ่งขับงุกงิกๆ เลนขวาไม่หลีกทางให้ BMWจะแซงซ้ายไป พอเบี่ยงหน้าออกแล้วเร่งคันเร่ง เหยียบมิดแทนที่จะแซงง่ายๆ ให้คันอื่นดมฝุ่นแบบที่ผ่านมาตลอดในอดีต แต่ที่ไหนได้เจอ MG GS เหยียบคันเร่งตาม ก็หมดสิทธิ์ที่ BMW จะแซง ต้องรีบเบรคเข้าตามท้าย MG GS อีก
อารมณ์ประมาณขับรถ C-segment ญี่ปุ่นทางไกล แล้วเวลาเจอรถตู้วิ่งช้าแช่ขวา แล้วพอเราจะยอมแซงซ้ายเอง(จำใจ) ปรากฎว่ารถตู้มันเร่ง บางทีแซงไม่พ้นเกือบชนกว่าจะขึ้นหน้ามันได้ บางทีต้องเบรคหัวทิ่มเกือบสอยตูดรถช้าเลนซ้าย การต้องมาลุ้นว่าจะแซงได้ไหม ใช้เวลานานปาไป 10-20 วินาทีงี้ เล่นเอาเสียวกันทั้งบาง
ความรู้สึกของคนบ้าสมรรถนะ แต่ไม่บ้าความหรูหราแบบจขกท. ทำให้รู้สึกว่า BMW อาจจะไม่คุ้มค่ากับราคาแล้ว เพราะสมรรถนะโดนค่ายอื่นเร่งตามมาติดๆ ทุกคนคิดยังไงบ้างครับ
กระทู้ยาวมากเลยขออภัยผู้เกี่ยวข้องครับ