TRD สร้างขึ้นบนพื้นฐานรุ่น J AT รูปร่างหน้าตาแตกต่างจาก Vios ธรรมดาอยู่พอควร ด้านหน้าก็มีกันชนกับไฟตัดหมอกที่เพิ่มเข้ามา(แต่กันชนลายนี้ของแต่งนอกศูนย์ก็มีเยอะแยะ) อ้อ TRD รุ่นแรกมี 2 สีคือขาวกับเทา
ส่วนตัวไม่ชอบไฟหน้าตัวธรรมดาเท่าไหร่ เหมือนออกแบบให้ดูไม่สวยเพื่อให้คนไปซื้อรุ่นที่เป็นไฟโปรเจกเตอร์ยังไงไม่รู้
ด้านหลังมีสปอยเลอร์แบบตูดเป็ดและกันชนหลัง(ไม่อยากจะพูดว่ากันชนเพราะอันที่จริงก็คือชุดแต่งเอามาแปะ) และปลายท่อสแตนเลส และถ้าสังเกตดีๆ ชุดแต่งทุกชิ้นทั้งกันชนหน้า ข้าง หลัง สปอยเล่อร์ ปลายท่อ จะมีโลโก้ TRD Sportivo ติดอยู่
ด้านข้างเห็นได้ชัดกับสติกเกอร์ TRD สีแดง สเกิร์ตข้าง และล้อแม็ก 15 นิ้วที่ไม่รู้ว่าใครออกแบบ ถ้าดูแล้วบางก้านมันจะเหมือนโค้งๆนิดๆ แต่บางก้านก็ตรง ดูไม่ค่อยสมดุลเท่าไหร่ แต่ที่จริงเป็นเพราะการทำสี
ตัวรถยาว 4410 mm กว้าง 1700 mm สูง 1475 mm ฐานล้อ 2550 mmเทียบกับคู่แข่งหลักอย่าง Honda City ที่ยาว 4440 mm กว้าง 1695 mm สูง 1477 mm(เพราะเสาอากาศแบบครีบฉลาม) ฐานล้อ 2600 mm แล้ว Vios สั้นกว่า กว้างกว่านิดเดียว ความสูงพอกัน ฐานล้อสั้นกว่า แต่ดูรถคันจริงแล้วอาจจะรู้สึกว่า Vios ยาวกว่าเพราะเส้นสายตัวรถของมันเป็นลิ่มเป็นแนวตรงมากกว่า City
เปิดประตูเข้ามากันบ้าง รุ่นนี้จะเห็นได้ว่าถูกตกแต่งมาอย่างดีมากกกกกกกก จน Vios S อาจจะต้องยอมเพราะมันมีเบาะหนัง(S ยังเป็นผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงิน) ส่วนตัวชอบมากกับดีไซน์และการตกแต่งของมันแต่ไม่ชอบวัสดุ
ถ้าเปิดประตูตอนกลางคืนจะเห็นไฟส่องสว่างในห้องโดยสารที่มีจุดเดียวถ้วนคือตรงด้านหน้า มันจะค่อยๆสว่างขึ้นมาอย่างมีระดับ(?) และพอล็อกประตูหรือบิดกุญแจไป on แล้วมันก็จะค่อยๆดับไปอย่างสมูท อันนี้ก็ถือว่าเอาใจใส่ดีเพราะมันมีมาตั้งแต่รุ่นที่แล้วแล้ว ลองตัดออกอีกอันคงโดนด่าแย่ 55555
แผงประตูตะเข็บในตำนาน อันที่จริงถ้ามองข้ามเรื่องวัสดุที่แข็งและความกลวงนิดๆของประตูไปมันก็ใช้ได้อยู่นะ(รุ่นที่แล้วกลวงหนักมาก) เสียงปิดประตูแน่นและปึ้กกว่ารุ่นที่แล้วชัดเจนและเริ่มเข้าใกล้ C-segment ยุคซัก 5 ปีก่อนมากขึ้น แต่ก็ยังรับรู้ถึงความบางและกลวงอยู่หน่อยนึง และรุ่น TRD ตรงแผงควบคุมกระจกไฟฟ้าจะเป็นสีเงินๆ ซึ่งรุ่น J จะไม่มี
เบาะมีปั๊มตัวหนังสือ TRD Sportivo ให้ตรงส่วนรองรับหลัง เบาะ Vios ตัวนี้แน่นกำลังดีละ ให้ความรู้สึกกระชับดี(ผมสูง 168 หนักประมาณ 60 นะ) ส่วนรองรับขาดีขึ้นแต่ก็สั้นไป ถึงผมจะเตี้ยแต่ก็ขายาวเลยรู้สึกได้ เบาะติดแข็งนิดนึงแต่ดีขึ้นกว่าตัวที่แล้วที่ไม่รู้จะแข็งแข่งเบาะรถเมล์หรือเปล่า
การปรับเบาะขึ้นหน้าหลัง รุ่นนี้ปรับถอยได้เยอะมากๆ แต่ดันปรับพวงมาลัยให้ใกล้ไกลตามไม่ได้ ตำแหน่งนั่งขับในตอนแรกอาจจะแปลกๆขัดๆนิดนึงแต่ก็สามารถทำความคุ้นเคยกับมันได้ แต่ในส่วนตัวก็ไม่ชอบตำแหน่งนั่งขับแบบนี้เท่าไหร่ ส่วนเรื่องความสูงของเบาะ ปรับต่ำสุดแล้วก็ยังมีความรู้สึกว่าสูงนิดๆ เหมือน Toyota รุ่นอื่นๆจะเป็นกัน
ผิวสัมผัสหนัง ออกลื่นๆแต่ไม่ได้ลื่นนรกแตกแบบ Camry Hybrid ตัวที่แล้ว ลื่นในระดับที่พอให้นั่งสบาย หนังยืดหยุ่นในระดับหนึ่งๆ ถือว่าทำเลียนหนังจริงได้ดีแต่มันก็ยังดูรู้อยู่
คอนโซลหน้าออกแบบมาฉีกแนวไปจาก Vios เดิมๆ ตรงที่เอามาตรวัดกลับมาอยู่ในที่เดิมอย่างที่รถยนต์ทั่วไปจะกระทำ และแปลกตานิดหน่อยตรงที่เอาชุดเครื่องเสียงไปไว้บนสุด แต่นั่นก็ทำให้มันใช้งานง่าย อันนี้ชอบ ดีไซน์ภาพรวมดูออกไปทางรถหรูมากขึ้น
มาตรวัด 3 วง วงใหญ่สะใจดี อ่านง่ายและมีความรู้สึกว่ารถมันเร่งเร็วเพราะเข็มมันยาวเวลามันกวาดขึ้นทีดูเหมือนจะขึ้นไปเยอะ 5555
จอตรงกลางถึงจะมีเหมือนกันทุกคันแต่การแสดงผลแตกต่างกัน รุ่น G กับ S จะมีฟังก์ชั่นอื่นๆเพิ่มเข้ามา J กับ E อดไปตามระเบียบ
เข็มน้ำมันวงใหญ่และรู้สึกว่ามันดูแปลกๆ คือมันใหญ่เกินกว่าจะเป็นมาตรวัดน้ำมันแล้ว(แบ่งพื้นที่ใส่มาตรวัดอุณหภูมิบ้างก็ได้นะ) คล้ายๆ City กับ Jazz สมัยก่อนเลย ไม่มีมาตรวัดอุณหภูมิห้องเครื่องให้เหมือนอย่างที่ผ่านๆมา เป็นสัญลักษณ์ปรอทสีฟ้ากับสีแดงแทน เวลาสตาร์ทเช้าๆอากาศเย็นๆไอ้ปรอทฟ้าก็อาจจะติดสักแป๊บนึงถึงจะหายไป
จริงๆผมแอบเห็นเงาสัญลักษณ์ 120 km/h ตรงข้างๆจอ MID ด้วย ไม่รู้ว่าเป็นระบบอะไรแต่ที่แน่ๆไทยคงไม่ได้ใช้
ตอนกลางคืนก็ประมาณนี้ มีไฟ ECO ให้ด้วยนะ และไฟไม่ได้ติดพร่ำเพรื่อไร้สาระมากนัก
พวงมาลัยหุ้มยูรีเธนและนั่นหมายความว่ารอยตะเข็บเป็นของปลอม แต่ดันมีด้ายจริงอยู่? เพราะไอ้คันนี้ด้ายเริ่มหลุดนิดๆแล้ว เอาใหม่ ผมหาข้อมูลมา พวงมาลัยและหัวเกียร์ Vios TRD หุ้มหนังนะครับ 5555 อันนี้ยอมรับว่าผมเข้าใจว่ามันคือยูรีเธนมาตลอดจนมาหาข้อมูลอีกทีนี่แหละถึงได้รู้ว่ามันคือหนัง เพราะสัมผัสอะไรต่างๆมันออกแนวยูรีเธนมาก ก็ว่าอยู่ยูรีเธนอะไรมีด้ายจริงหลุดออกมา
ดีไซน์น่าจะลอกเลียนแบบ Yaris เวอร์ชั่นสากล แต่คงขี้เกียจออกแบบไปหน่อยมันเลยดูแบนๆแปลกๆ จริงๆมันสวยนะถ้าเพิ่มมิตินูนหรือเว้าอะไรซักหน่อย อันนี้พื้นผิวมันดู Flat เรียบไปด้วยกันหมดมันเลยดูลดต้นทุนไปหน่อย ให้อารมณ์เดียวกับ MG6 นั่นแหละ
ก้านไฟเลี้ยว อันนี้ผมชอบ ความแน่นและสัมผัสต่างๆดีขึ้นมาก ตัวที่แล้วก้านไฟเลี้ยวคือ look cheap แต่ตัวนี้คล้ายๆ altis รุ่นก่อน เสียงไฟเลี้ยวดัง ปิ๊ก-ป่อก แบบที่ฟังดูแล้วเหมือนรถหรูมากกว่าจะดังแต๊กๆๆ แบบรุ่นก่อน
ตรงกลางนี่ไล่ทีละชิ้นเลย เครื่องเสียง รุ่นปกติตั้งแต่ J E G S เป็นปุ่มเหมือนกันหมด แต่พวกรุ่นตกแต่งพิเศษของ Toyota ไม่รู้เป็นธรรมเนียมอะไรต้องให้หน้าจอสัมผัสมาตลอด แต่ก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องไปเปลี่ยนเอง
แต่การประกอบตรงกลางผมว่าคันนี้มีปัญหานิดนึง เวลาขับจะได้ยินเสียงแปลกๆตรงไอ้ฟรอนต์เครื่องเสียงนี่แหละ เหมือนมีชิ้นส่วนไหนซักส่วนที่ประกอบมาไม่ดี แต่ถ้าไม่นับตรงนี้ ในส่วนอื่นๆก็ทำได้ดีพอสมควร
เครื่องเล่นหน้าจอ Touch Screen ที่ไม่ชอบการทำอะไรเหยาะแหยะ เวลากดต้องเน้นนิดนึง จะแตะเบาๆแบบสมาร์ตโฟนนี่มันไม่ทำงานให้ ฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆคล้ายจอ Camry 2.5G ที่ผมเคยขับ รองรับ Smart G-Book(ตอนนี้เปลี่ยนเป็น T-Connect รึเปล่า)การเชื่อมต่อมีมันหมดแทบทุกอย่างทั้ง AUX USB SD Mic มีบลูทูธแต่ดันไม่มีปุ่มบนพวงมาลัยมาให้ ก็ไม่รู้ว่าระหว่างเชื่อมบลูทูธกับใช้โทรศัพท์ไปเลยอะไรจะสะดวกกว่ากัน
การใช้งานเข้าใจง่าย แต่ลองสังเกตหน้าตรงนี้ดีๆ มันไม่มีแถบเพิ่มลดระดับเสียงให้ ถ้าจะปรับระดับเสียงต้องกดปุ่มตรงขวามือก่อนแล้วแถบปรับระดับเสียงเล็กๆจะขึ้นมาให้ทางซ้าย อันนี้ไม่สะดวกและแก้เหอะ ตอนมันอยู่ใน Camry ไม่ว่าอะไรเพราะมันมีปุ่มบนพวงมาลัยไง
คุณภาพเสียงพอตัว จัดว่าดี การแยกรายละเอียดเสียงใสเสียงเบสดี คือถ้าตั้งใจฟังจะรู้เลยว่ามันมีการแยกเสียงเกิดขึ้น เสียงแหลมถ้าปรับสุดก็พอไปได้ เสียงเบสถ้าปรับสุดก็หนักอยู่เหมือนกัน มีระบบ Auto sound leveling ให้เหมือนเดิม การทำงานชัดเจนมากๆ ถ้าสมมติขับ 100 แล้วเบรกกะทันหันคุณจะรู้เลยว่าเครื่องเสียงมันเบาลงชัดเจน (อันนี้ไม่แน่ใจว่ามันมีปรับว่าจะเพิ่มเสียงมากหรือน้อยได้เหมือน Altis รุ่นที่แล้วรึเปล่า)
สวิตช์แอร์ฝากระบอกยาที่หนากว่าเดิม การปรับอะไรต่างๆคล้ายรุ่นเดิมยกเว้นการปรับรับอากาศภายนอกเข้ารถที่ย้อนกลับไปเป็นสมัยยี่สิบปีที่แล้วที่ยังใช้รางเลื่อนอยู่ (รุ่นที่แล้วเป็นแหวนบิด) แต่ถึงอย่างนั้น BR-V ใหม่แอร์ดิจิตอลอย่างดีอย่างสวยแต่ปรับรับอากาศเข้าแบบรางเลื่อนเหมือนกัน มีสวิตช์ไล่ฝ้ากระจกหลังแอบซ่อนตัวอยู่ตรงขวามือ
แอร์เย็นเร็วเย็นแรงตามสไตล์ Toyota ตลอดการขับผมปรับน้ำยาแอร์แค่เท่านั้นจริงๆมากกว่านั้นคือหนาว
และพื้นผิวสีดำๆตรงเครื่องเสียง ช่องแอร์กับแผงควบคุมแอร์ ในรูปอาจจะเห็นว่าก็แค่สีดำเงาแต่ของจริงมันจะเป็นพื้นผิวแบบแปลกๆไม่ได้เรียบๆ อย่างที่เห็น ทำให้ดูมีอะไรมากยิ่งขึ้น มองไกลๆจะคล้ายคาร์บอนไฟเบอร์แต่ไม่ใช่ มันเป็นจุดๆต่อกันเป็นแนวเส้น
กล่องคอนโซลกลางอันเป็นมิติพิศวงเพราะของที่วางไว้อาจจะลงไปกองกับพื้นได้อย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่อยากให้ของหล่นต้องขับแบบเรียบร้อยอย่าเหวี่ยงอย่าเล่นโค้งใดๆให้รถเอียง หรือมันคือความจงใจของคนออกแบบเพื่อให้คนขับรถเรียบร้อยกันแน่?
เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดขั้นบันไดหน้าตาคล้ายๆ Camry พร้อมเบรกมือที่น้ำหนักการดึงและประสิทธิภาพการเหนี่ยวรั้งล้อห่วยเหมือนเดิม น้ำหนักการดึงเหมือน Almera คือดึงแล้วมันวืดมาตามมือเลย ไม่มีการหน่วงน้ำหนักเหมือนพวกรถใหญ่ ดึงแล้วมีความรู้สึกว่ามันไม่น่ารั้งล้อไว้อยู่เลย
อ้อ วัสดุสีเงินตรงฐานเกียร์รวมไปถึงบนคอนโซลกับประตูข้าง เวลาโดนแดดในมุมที่เหมาะมันจะออกเป็นสีเข้มๆคล้ายๆไททาเนียม อันนี้ชอบ มันดูดีและดูไม่ไก่กาเหมือนสีเงินใน Altis รุ่นที่แล้ว ด่ารถเก่าตัวเองเลยเอ้า(อันนั้นคือสีเงินธรรมดาไม่มีเงาใดๆ)
ด้านหลังพื้นที่เยอะใช้ได้ เทียบกับ Altis เก่าผมแล้วผมว่าไล่ๆกัน แต่ความกว้างอาจจะน้อยกว่านิดหน่อย นิดเดียวจริงๆไม่จับผิดก็ไม่รู้ เผลอๆผมว่ากว้างเท่ากันด้วยซ้ำ Leg room ถ้าสมมติคนขับปรับเบาะมาสุดเลยจริงๆ ก็จะแคบหน่อย แต่พอโดยสารไปได้ แต่คงไม่มีใครขับ Vios รุ่นนี้แล้วปรับเบาะสุดหรอกมั้งเพราะเบาะมันลึกมาก
สังเกตว่าเบาะคู่หน้ามีซองใส่เอกสารครบสองฝั่ง อันนี้ก็หนึ่งในออปชั่นที่ Toyota หวงได้ก็หวง อย่าง Altis เก่าผมรุ่น E มีช่องเก็บเอกสารแค่ฝั่งคนนั่ง แต่รุ่น G มีครบ คือก็ขยันแยกเนาะ ให้มาจบๆสองฝั่งง่ายกว่ามั้ย